Journey 2: The Mysterious Island (เจอร์นีย์ 2 – พิชิตเกาะพิศวงอัศจรรย์สุดโลก)
ใจกลางของดินแดนที่ห่างไกลในวันที่สดใส … ป่าร้อนชื้นอันเขียวชอุ่มที่ซ่อนอยู่ในชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย ที่นี่เป็น Waimea Falls National Park ของเกาะ ซึ่งมีสายฝนสลับกับแสงแดดจ้าที่ส่องสายรุ้งออกมาภายใต้ต้นไม้ที่เปรียบเสมือนหลังคาจากธรรมชาติ ต้องเดินลุยโคลนผ่านต้นเฟิร์นและดอกไม้ในป่าที่ให้ความรู้สึกถึงการแยกตัวออกจากโลกในส่วนที่เหลือ เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพยนตร์ที่มีการถ่ายทำในสถานที่บางแห่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของฉากในยุคดึกดำบรรพ์ของภาพยนตร์ เรื่อง Journey 2: The Mysterious Island ภาคต่อจากภาพยนตร์เรื่องดังแห่งปี 2009 เรื่อง Journey to the Center of the Earth
ในไม่ช้าธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ก็ทำให้เกิดป่าในจินตนาการขึ้นมาใหม่ เป็นป่าไม้ที่มีดอกไม้ขนาดใหญ่เท่าต้นไม้ สีเหลืองและส้มที่สว่างสดใสของดอกแทบจะโดดเด่นออกมานอกกรีนสกรีนขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังฉาก แบรด เพย์ตัน เดินอยู่ในฉากที่มีความแปลกและน่าอัศจรรย์นี้ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดพร้อมรองเท้าบูทที่ดูล้ำสมัยสำหรับเกาะในส่วนนี้
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการเคลื่อนย้าย และรักษาอุปกรณ์เครื่องมือวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ที่ล้ำสมัยสำหรับการถ่ายทอดการผจญภัยสำหรับที่นั่น ซึ่งรวมถึงความเพียรพยายามในการรักษาสิ่งแวดล้อมอันเป็นธรรมชาติในขั้นตอนของการถ่ายทำ แต่เพย์ตันก็ไม่มีทางเลือกอื่น “ผมอยากไปสถานที่อย่างฮาวายและเอาตัวละครลงไปเหยียบย่ำโคลน” เขากล่าวในฐานะของทีมงานคนหนึ่งที่ยุ่งกับการจัดฉากต่อไป ท่ามกลางดงดอกไม้ที่อยู่เบื้องหลังเขา “ผมอยากให้พวกเขาได้เห็นป่าไม้และชโลมไปด้วยแสงแดดในบรรยากาศจริงเลยใช้ของจริงทั้งหมด”
ในภาพยนตร์เรื่อง Journey 2: The Mysterious Island จะได้เห็นการกลับมาของจอช ฮัตเชอร์สัน ที่รับบทบาทของ ฌอน แอนเดอร์สัน ซึ่งเป็นตัวละครที่ขึ้นเครื่องบินไปผจญภัยสุดมหัศจรรย์ทำนองเดียวกันในภาคแรก การผจญภัยครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อฌอนได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เรียกมาจากพิกัดที่ไม่น่ามีเกาะใดอยู่ สัญญาณนั้นบอกมาแค่เพียง “เกาะมีอยู่จริง” เมื่อฌอนมุ่งมั่นที่ค้นหาที่มาของสัญญาณที่ส่งมา แฮงค์ พ่อเลี้ยงคนใหม่ของเขาซึ่งรับบทโดย ดเวย์น จอห์นสันก็ยืนยันว่าจะไปกับเขาด้วย นักแสดงชายผู้มากประสบการณ์อย่างลูอิซ กุซแมน รับบทเป็น นักขับเฮลิคอปเตอร์ที่จะรับภารกิจพาพวกเขาบินไปที่นั่น ส่วนวาเนสซ่า ฮัดเจนส์ รับบทเป็น ไคลานิ ลูกสาวผู้ฉลาดและเต็มไปด้วยความคิดริเริ่ม นักแสดงในตำนานอย่างไมเคิล เคน ก็มาแสดงร่วมกับเหล่านักแสดงโดยรับบทเป็น อเล็กซานเดอร์ ปู่ของฌอนผู้พบเกาะในตำนานและเป็นผู้ที่ทำให้ฌอนต้องร่วมการผจญภัยสุดตื่นเต้นเพื่อช่วยชีวิตปู่
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพย์ตันเล่าว่าเขาหวังจะ “นำเรื่องราวของฌอนเข้ามาพัฒนา โดยให้มีทิวทัศน์แปลกใหม่ที่น่าอัศจรรย์ รวมถึงฉากของความท้าทายต่างๆ ที่จะพาเขาผจญภัยไปไกลกว่าที่เขาเคยมาก่อน เพราะเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาอยากสร้างรอยเท้าของเขาขึ้นมาบนโลก ตอนผมอายุ 17 ปี ผมก็อยากทำอะไรด้วยตัวเองและนั่นคือสิ่งที่ฌอนกำลังรู้สึก เขาอยากมีการผจญภัยของตัวเอง เขาต้องการความเป็นอิสระส่วนตัว ในหลายด้านแล้วมันเป็นเรื่องของการที่เขาค้นหาตัวเอง ได้พบความบุคลิกแห่งความเป็นชายและนักผจญภัยทั่วไป”
ตัวผู้กำกับเป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างยาวนานของนานของนิยายในจินตนาการแนวแฟนตาซีของจูลส์ เวิร์น เจ้าของผลงานนิยายในศตวรรษที่ 19 เรื่อง The Mysterious Island และ Twenty Thousand Leagues Under the Sea ที่ถ่ายทอดเรื่องราวและมอบหัวใจสำคัญของการผจญภัยในเรื่องราว “ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรื่อง Mysterious Island เมื่อปี 1960” เขาเล่าว่า “นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสประสบการณ์ของจูลส์ เวิร์น แต่ผมเริ่มทำหนังแอนิเมชั่นแบบสต็อปโมชั่น ตอนเป็นเด็กผมเป็นพวกคลั่งหนังสือแนวไซไฟและแฟนตาซี ผมอ่านเยอะมาก แม่ของผมมีห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือแนวไซไฟและแฟนตาซีที่บ้าน ตอนผมอายุ 7 ขวบผมเลยเข้าไปอ่านหนังสือของจูลส์ เวิร์น และ เอช.จี. เวลส์ อ่านทุกอย่างที่มือผมจะเอื้อมไปหยิบได้ถึง”
เพย์ตันได้รับเนื้อหาสาระที่มีอิทธิพลเป็นแรงบันดาลใจของเขา เขาอยากสร้างภาพยนตร์ในจินตนาการทั้งหมดเป็นแนวไซไฟ “ตามหลักของเอช. จี. เวลส์ ทั้งหมดจะเป็นเรื่องแฟนตาซีที่เกิดขึ้นในโลกอื่น แต่จูลส์ เวิร์น กล่าวว่าแฟนตาซีเกิดขึ้นในโลกของเราเองได้” เพย์ตันอธิบายว่า “ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ห่างไกลจากโลกแฟนตาซีเลย นี่เป็นการค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของจริงที่อยู่ในโลกตามหลักวิทยาศาสตร์ของเรา และเป็นการแผ่ขยายเรื่องราวและถ่ายทอดให้มีความกลมกลืนแบบใหม่”
ตอนนี้ฉากพร้อมสำหรับเหล่านักแสดงแล้ว ระบบกล้อง Fusion 3D ขนาดมหึมามีการพัฒนาขึ้นมาครั้งแรกเพื่อให้จับภาพที่มีความลึกและความถูกต้องในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาพยนตร์เรื่อง Avatar กล้องถูกวางอยู่บนเครนขนาดยักษ์ที่หมุนไปมาบนฉาก
ผู้อำนวยการสร้าง โบว์ ฟลินน์ กลับมาร่วมงานจากเรื่อง Journey ในภาคแรก พร้อมกับทริปป์ วินสัน และ ชาร์ล็อตต์ ฮักกินส์ เล่าว่าพวกเขามีข้อได้เปรียบจากบทเรียนต่างๆ ที่เรียนรู้มาจากหนังภาคแรก ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำโดยใช้เทคโนโลยี 3 มิติแบบใหม่นี้ “หนังภาคนี้ง่ายกว่าหนังภาคแรก เพราะพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้เทคโนโลยีนั้น แต่ตอนนี้พวกเราเป็นผู้ชำนาญไปแล้ว” ฟลินน์เล่าว่า “ตอนนี้เทคโนโลยีมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น และกล้องก็มีขนาดเล็กและเบาลง แต่มีการเริ่มใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้นเพราะเราสามารถออกแบบภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติได้จริงเลย ตัวอย่างเช่น ฉากนี้ทั้งหมดถูกออกแบบมาด้วยจินตนาการว่ากำลังถ่ายทำด้วยกล้อง เราไม่สามารถทำแบบที่เคยทำกับหนัง 2 มิติได้อีกต่อไป เราต้องยอมรับและปรับตัวเข้ากับมัน”
“สำหรับหนังแอ็คชั่นแบบนี้ จำเป็นที่เราต้องออกแบบฉากต่างๆ ให้มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุด ซึ่งแบรดสร้างทางเลือกที่ฉลาดมากขึ้นมา” วินสันเสริมว่า “ฉากเหล่านี้มีความอลังการและสร้างขึ้นมาเพื่อการแสดงในรูปแบบ 3 มิติ แต่แบรดก็ใช้กับช่วงจังหวะที่ดูแล้วไม่มีความโดดเด่นต่อการแสดง 3 มิติด้วย”
ใบไม้พัดไหวอย่างมีชีวิตชีวา เกสรปลิวลอยไปมา (จริงๆ แล้วใช้แทนขี้เถ้าจากธรรมชาติด้วยสิ่งที่เรียกว่า Palmer’s Powder) ไปทั่ว เพย์ตันย้ายมาสู่กองถ่ายแห่งหนึ่ง ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ 3 มิติ ที่ถูกป้องกันจากละอองฝนโดยให้มาอยู่ภายใต้ที่พักชั่วคราว เพื่อดูภาพตามจินตนาการแบบ 3 มิติถูกถ่ายทอดออกมาแบบสดๆ
“แอ็คชั่น” เขาพูดเบาๆ แต่เสียงดังก้องไปทั่วฉาก แล้วผู้มีใบหน้าที่คุ้นตาก็เดินผ่านทุ่งหญ้าเข้ามาคนเดียว ไมเคิล เคน ในรูปลักษณ์ที่มีหนวดสีขาวปกคลุม ใส่กำไลและสร้อยคอรูปกระดูก ท่าทางสับสนเหมาะกับตัวละคร อเล็กซานเดอร์ แอนเดอร์สัน ของเขา เขาเดินทางผ่านป่าที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ คนต่อมาคือดเวย์น จอห์นสัน ผู้รับบทเป็น แฮงค์ พ่อเลี้ยงของฌอน ผู้ไม่เห็นด้วยกับการหนีออกจากเกาะของพวกเขา ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกาะจมไปอยู่ใต้พื้นมหาสมุทร โดยมีกุซแมนที่รับบทเป็น กาบาโต้ นักขับเฮลิคอปเตอร์เป็นผู้ติดตาม ทำหน้าที่แบกมะม่วงยักษ์ของเกาะชิ้นหนึ่ง ฮัตเชอร์สันและฮัดเจนส์รับบทเป็นฌอนและไคลานิที่ดึงรอกเมื่อเครนขนาดใหญ่เลื่อนลงมาจับภาพการแสดง ฮัตเชอร์สันก็หยุดมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นี่คือหุบเขาแห่งดอกไม้” ฟลินน์บอกเราหลังจากการถ่ายทำ “ในเกาะแห่งนี้เกิดวิวัฒนาการขึ้นมาเป็นพิเศษ ฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่ปกติมีขนาดเล็กก็จะมีขนาดใหญ่ และมันวิเศษมากที่ได้เล่นกับความยิ่งใหญ่แบบนั้นโดยเฉพาะในรูปแบบ 3 มิติ เรายิ่งสนุกสนานมากขึ้นเมื่อได้พาผู้ชมเข้าสู่ฉากแอ็คชั่นและทิวทัศน์ที่มีความแปลกและน่าพิศวงเหล่านี้”
เมื่อผ่านไป 2-3 เทค เราก็ได้รู้ถึงผลที่ตามมาจากการที่ดอกไม้มีขนาดใหญ่ นั่นคือผึ้งมีขนาดยักษ์ “ที่นี่มีผึ้งขนาดใหญ่ยักษ์อยู่” เพย์ต้นเล่าให้เราฟังว่า “ที่นี่มีผีเสื้อยักษ์ กิ้งก่ายักษ์ และช้างจิ๋ว ฉากต่างๆ ถูกออกแบบมาให้สัตว์เหล่านี้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมแล้วเกิดความตลกขึ้นมา”
เมื่อเราทำการสำรวจโลกของจูลส์ เวิร์น เราต้องเตรียมรับสิ่งที่ไม่คาดคิดเอาไว้ สำหรับองค์ประกอบในการสร้างสรรค์ “ชาวเวอร์เนียน” เพย์ตันและผู้เขียนบทภาพยนตร์ไบรอันและมาร์ค กันน์ ได้เรียงร้อยเอาไว้ตลอดเรื่องราว ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ดเวย์น จอห์นสัน รู้สึกมีความสุข “บอกตามตรงว่าหลายอย่างที่เกิดขึ้นมันน่าตื่นเต้นจริงๆ และผมตื่นเต้นที่ผู้ชมจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นด้วย” เขากล่าว
ความกระตือรือร้นและความสนใจของจอห์นสันเป็นสิ่งที่ช่วยผู้กำกับได้มาก “ดเวย์นอยากเพิ่มระดับทุกอย่าง” เพย์ตันกล่าว “ทุกอย่างที่ดเวย์นได้สัมผัส เขาอยากมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะทำได้ และช่วยให้ทีมงานได้ทำงานได้ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ด้วย เวลาที่วนเวียนกับคนแบบนั้น เราก็อยากตักตวงผลประโยชน์จากความสามารถของเขาให้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ และนั่นก็ทำให้หนังสนุกมากขึ้นด้วย”