Movie: TITANIC 3D
เมื่อปี 1997 ภาพยนตร์เรื่อง TITANIC ผลงานของเจมส์ คาเมรอนได้โลดแล่นสู่โรงภาพยนตร์ เรื่องราวแห่งความรักที่น่าใจหายและเป็นอมตะที่สุดของโลกได้เกิดขึ้น เส้นทางของภาพยนตร์ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่อลังการยิ่งใหญ่ระดับโลกสมกับชื่อภาพยนตร์ ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award® หลายสาขา, รางวัล Academy Awards® 11 รางวัลและกวาดรายได้ไปทั่วโลกมากกว่า 1.8 พันล้านเหรียญ วันที่ 6 เมษายน 2012 ตรงกับช่วงเวลา 100 ปีหลังจากที่เรือแห่งประวัติศาสตร์อับปางลง และเป็นช่วง 15 หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง TITANIC ฉบับแรกที่เคยมีการฉายจะถูกกู้กลับมาสู่โรงภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติขั้นสูง
จากการฉายในครั้งแรกภาพยนตร์เรื่อง TITANIC จึงเฉลิมฉลองด้วยการพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปใต้ท้องเรือของ R.M.S Titanic ภายใต้ความอลังการของเรือ รวมถึงการเข้าสู่หัวใจแห่งพันธนาการรักต้องห้าม พร้อมกับการพุ่งชนครั้งยิ่งใหญ่ของเรือ ความหยิ่งจองหอง นิสัยที่แท้จริง และชะตากรรมของมนุษย์ สำหรับตอนนี้เทคโนโลยีการแปลงภาพเป็น 3 มิติที่ล้ำสมัยทำให้ผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน เจ้าของรางวัล Oscar® สามารถนำความรู้สึกจากภายในและประสบการณ์บนจอภาพยนตร์ของเรื่อง TITANIC ที่จินตนาการไว้มาสู่ผู้ชมได้แล้ว
ขั้นตอนด้านศิลปะของการสร้างภาพของภาพยนตร์เรื่อง TITANIC รูปแบบ 3 มิติถูกควบคุมโดยคาเมรอนทั้งหมด พร้อมกับจอน แลนดาวคู่หูในการผลิตมาอย่างยาวนานของเขา ทั้งคู่ผลักดันบริษัทการแปลงภาพ Stereo D ได้อย่างไร้ที่ติจนคาดไม่ถึง คาเมรอนชี้นำให้พวกเขาใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุด ไม่ใช่เพื่อขยายกระแสภาพยนตร์ให้กว้างขึ้นเท่านั้น แต่แสดงให้เห็นถึงพลังของภาพ 3 มิติที่สร้างความตื่นเต้นโดยส่วนตัวกับภาพยนตร์ที่มากขึ้นได้อีกด้วย
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวความรักแห่ง Titanic ปรากฏขึ้นบนเรือ R.M.S. Titanic ที่ออกเดินเรืออันเป็นโศกนาฏกรรมครั้งแรก โดยน่าจะเป็นเรือที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี 1912 เรือไททานิคคือเรือที่มีการเดินเรือครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างเรือมาบนความภูมิใจและความยินดีของผู้โดยสารเรือไอน้ำ White Star Line ไททานิคได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือที่มีความหรูหราและล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น จนในที่สุด “เรือแห่งความฝัน” ได้มีการออกทะเลก่อนยุคแห่งการบิน แต่สุดท้ายเรือได้พาผู้โดยสารมากกว่า 1,500 คนไปพบกับจุดจบในน้ำที่หนาวเย็นทางแอตแลนติกเหนือเมื่อวันที่ 15 เมษายนของ 100 ปีที่แล้ว
การเดินทางของเรือไททานิคของภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นที่จุดซึ่งเป็นที่ฝังเรือใต้ทะเลที่ความลึก 2 ไมล์ครึ่งใต้มหาสมุทรแอตแลนติก โดยในจุดนี้นักล่าสมบัติ (บิล แพกซ์ตัน) เดินทางมาเพื่อขุดสมบัติอดีตเรือที่หรูหรา เพียงเพื่อนำเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเล่าขานขึ้นมาบนบก ซากปรักหักพังอย่างน่าสลดสะท้อนถึงการรวมความประทับใจของเรือสำหรับช่วงการเตรียมมื้อกลางวันบนเรือที่ออกเดินทางเป็นครั้งแรกจากประเทศอังกฤษ
ท่ามกลางผู้มาส่งนับพันที่มาอำลาให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ชะตาลิขิตได้เรียกขานวิญญาณทั้ง 2 ดวงให้มีการปลูกฝังความปรารถนาที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล โรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ (เคท วินสเล็ต เจ้าของรางวัล Academy Award®) สาวอเมริกันชนชั้นสูงวัย 17 ปีผู้มีความอึดอัดภายใต้สังคมที่มีแต่ความคาดหวังอย่างเข้มงวดในสังคมยุคเอ็ดเวิร์ด เธอตกหลุมรักกับผู้โดยสารหนุ่มชนชั้นต่ำสุดของเรือที่มีความร่าเริงอย่าไงร้ขีดจำกัด แจ็ค ดอว์สัน (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เจ้าของรางวัล Golden Globe และผู้เข้าชิงรางวัล Academy Award®) เมื่อเขาได้เปิดโลกทัศน์ที่อยู่ภายนอกกรงทองให้เธอได้เห็น ความรักที่ถูกกีดกั้นระหว่างโรสและแจ็คเป็นจุดกำเนิดแห่งปริศนาที่จะดังกึกก้องไปอีกหลายช่วงยุคสมัย ไม่มีสิ่งใดในโลกมาแทรกผ่านระหว่างพวกเขาไปได้ แม้แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดอย่างการจมของเรือไททานิคก็ตาม
เสน่ห์แห่งนิรันดร์
ภาพยนตร์เรื่อง TITANIC 3 มิติเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ที่เรือสร้างมนตร์เสน่ห์ให้โลก ครั้งแรกคือเมื่อปี 1912 หลังจากที่เรือถูกสร้างขึ้นที่ Belfast จากนั้นมีการปล่อยเรือลงน้ำด้วยกระแสการเผยแพร่ไปทั่วโลก เรือไททานิคออกจากท่าเรือเซาแธมป์ตันตอนเที่ยงวันพุธที่ 10 เมษายน 1912 สิ้นสุดที่เชอร์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นจุดที่ “ไม่มีวันจม” มอลลี่ บราวน์ และ จอห์น จาค็อบ แอสเตอร์และผู้โดยสารระดับเศรษฐีของเรือขึ้นเรือและจอดเรือครั้งสุดท้ายที่ควีนส์ทาวน์ บนชายฝั่งทางตอนใต้ของไอร์แลนด์ ที่ควีนส์ทาวน์มีคน 2,223 คนอยู่บนเรือ มีการเดินเรืออย่างเต็มกำลังจากเมืองนิวยอร์ค แม้จะมีการเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งอยู่หลายครั้งตลอดเส้นทาง แต่เรือก็ปะทะกับภูเขาน้ำแข็งเมื่อเวลา 23.40 น.ของวันที่ 14 เมษายนจนถึงเวลา 2:30 น. ของวันที่ 15 เมษายน เรือฉีกออกเป็นสองท่อนและจมลงที่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก
สำหรับโศกนาฎกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เรารู้ได้ในวันนี้ว่าไม่มีสาเหตุที่มาหลัก แต่เป็นความผิดพลาดของมนุษย์หลายอย่างที่ทับถมกัน เช่น ความสะเพร่าจากการเดินเรือ ช่องว่างของการติดต่อสื่อสาร การไม่มีการเตรียมภาวะฉุกเฉินและเรือช่วยชีวิต สิทธิพิเศษของชนชั้นสูงกว่า ความหนาวเย็นอย่างโหดร้าย ความมืดที่ไร้แสงจันทร์ ทฤษฎีด้านฟิสิกส์ที่ชัดเจน ความไม่ไว้วางใจและการปฏิเสธ ทุกอย่างล้วนมีส่วนต่อความตายของคนผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กจำนวน 1,500 คน
1 ศตวรรษต่อมาความน่าหลงใหลไม่ได้จางหายไปเลย – แต่มันกลับกลายเป็นตำนานที่มีการเล่าขานกันอย่างระมัดระวัง เป็นการถ่ายทอดเกี่ยวกับยุคของเราเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยิ่งใหญ่และภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่า คาเมรอนพูดถึงเสน่ห์ที่เป็นอมตะ ณ ที่นี้ไว้ว่า “ภาพยนตร์เรื่อง Titanic เป็นการจุดประกายครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ 20” ผู้กำกับกล่าวสรุป “เทคโนโลยีได้ส่งมอบสิ่งอัศจรรย์ที่ต่อเนื่องมาให้กับช่วงเวลาดีๆ แห่ง 2 ศตวรรษที่ผ่านมา เช่น รถยนต์ การบันทึกเสียง การสื่อสารทางวิทยุ เครื่องบิน ภาพยนตร์ ทุกอย่างเกิดขึ้นบนความเป็นไปได้ ทุกอย่างมีความยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ในการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จากนั้นคนจำนวน 1500 ต้องเสียชีวิตลงด้วยเรือที่ป่าวประกาศว่าดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด หรูหราที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา ความเก่งกาจที่ว่าเหนือธรรมชาติของเราถูกปฏิเสธลงอย่างสิ้นเชิงและหายไปตลอดกาล”