MSN on October 04, 2011, 06:51:06 PM
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลง KTAMสบช่องขายทริกเกอร์ฟันด์4

             นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า    ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  มีการปรับตัวลดลง จาก  1,144.11 จุด ในวันที่ 1  สิงหาคม 2554  มาอยู่ที่  916.81 จุด  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.54 )     หรือลดลงประมาณ  19.86%  ซึ่งนับว่าเป็นจังหวะที่ดี  สำหรับการลงทุนในตราสารทุน เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน    บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย8%ทริกเกอร์ ฟันด์ 4 ( KT-TRIGGER4 )   ระหว่างวันที่ 4 -11 ตุลาคม 2554    มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท   เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน  ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน  ตราสารหนี้  เงินฝาก  หรือทรัพย์สินอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด   หรือให้ความเห็นชอบให้ลงทุนได้  โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ ในสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ0ถึงร้อยละ100  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละช่วงเวลา

              กองทุนนี้ ไม่กำหนดอายุโครงการ  แต่หากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.8000 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา  3 วันทำการติดต่อกัน  หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 108 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท)  และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสด  หรือเทียบเท่าเงินสด ทั้งหมดในสกุลเงินบาท   ณ  วันทำการใด   บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์  หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นใดที่บริษัทจัดการเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนภายใน5 วันทำการ

             ทั้งนี้  หากภายใน8 เดือน  นับจากวันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน มูลค่าหน่วยลงทุนปรับตัวขึ้นไปไม่ถึง 10.80 บาทตามที่ได้กำหนดไว้  บริษัทจะเปิดให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันจันทร์ของสัปดาห์  ตั้งแต่เวลาเปิดทำการถึง 15.30  น.  โดยจะเริ่มจากสัปดาห์แรกถัดจากวันครบระยะเวลา 8 เดือน  เป็นต้นไป   
     
                 ฝ่ายวิจัย  บลจ. กรุงไทย   รายงานว่า   ภาวะการลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์   ดัชนีฯมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือน ต.ค. หลังจากมีความชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ  ขณะเดียวกันน่าจะได้เห็นมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากหลายๆประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกในประเทศ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยให้อุปสงค์ในประเทศในปี 2554-55 เพิ่มขึ้นรองรับความเสี่ยงการชะลอตัวของการส่งออก

   อีกทั้งในปัจจุบันดัชนีฯอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยซื้อขายที่ค่า PER ของผลการดำเนินงานปี 2554-55 ที่ประมาณ  10 และ 9 เท่า ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับปี 2554-55 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.6-5.0% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่งโดยสิ้นปี 2553 บริษัทจดทะเบียนของไทยที่ไม่รวมสถาบันการเงินมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งเพราะมี D/E Ratio ไม่เกิน 1 เท่า  และผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยฝ่ายวิจัย  คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรสุทธิเติบโต 12% ในปี 2555 ทั้งนี้ยังไม่รวมผลจากนโยบายการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐบาลที่คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

            นอกจากนี้  บริษัทยังเพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 1 ( KTFIX6M1 )  ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7  ตุลาคม 2554   โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศทั้ง 100%   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี