FB on August 24, 2011, 04:20:12 PM
“นนทรีย์ นิมิบุตร” เปิดหนังไซโค-ทริลเลอร์ พร้อมปั้นทีมนักแสดงหน้าใหม่ ใน “คน-โลก-จิต”


 
          “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “ซีเนมาเซีย” ได้ฤกษ์ดีทำบุญเลี้ยงพระเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องใหม่แนวไซโค-ทริลเลอร์เรื่อง “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับเรื่องใหม่ล่าสุดของผู้กำกับฝีมือดี “อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร” เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ณ บริษัท ซีเนมาเซีย จำกัด

          พร้อมเปิดตัวทีมนักแสดงหลักหน้าใหม่ “แบงค์-อาทิตย์ วิบูลย์พาณิชย์” (1 ใน 10 The Idol Project 1 ช่อง 3), “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย” (ดัชชี่เกิร์ล 2006), “แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” (ลูกสาวคนเก่งของ “อรุณ ภาวิไล”) และ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” (นักแสดง, พิธีกร, ดีเจ 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์) ร่วมด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “สุเชาว์ พงษ์วิไล” และ “ชนานา นุตาคม”

          “คน-โลก-จิต” สร้างจากบทภาพยนตร์ชนะเลิศโครงการ Thailand Script Project 2010 สู่ภาพยนตร์เชิงจิตวิทยาที่จะทำให้คุณมองตัวเองและโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเล่าเรื่องราวผ่านการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสะเทือนขวัญที่ได้นำพานักจิตวิทยา, นักนิติวิทยาศาสตร์, นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ และนักศึกษาสาว เข้ามาพัวพันกันถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจอย่างคาดไม่ถึง

          ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 วาระครบรอบ 15 ปี ในการนั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคุณภาพระดับนานาชาติของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” พร้อมเปิดกล้องถ่ายทำเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์คุณภาพของค่ายสหมงคลฟิล์มในปี 2555 นี้
« Last Edit: April 11, 2012, 02:57:19 PM by FB »

FB on August 30, 2011, 03:21:49 PM
           หนังใหม่ “นนทรีย์ นิมิบุตร” “คน-โลก-จิต” (Distortion) โปรเจ็คต์หนังไทยเรื่องเดียว ได้รับเลือกเข้าร่วม Asian Project Market ใน “เทศกาลหนังนานาชาติปูซาน 2011”



          เพียงแค่ผู้กำกับฝีมือดี “อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร” เผยถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่แนวไซโค-ทริลเลอร์เรื่อง “คน-โลก-จิต” ไปไม่นาน นอกจากจะได้รับความสนใจจากแฟนภาพยนตร์ในประเทศแล้ว ล่าสุด ในตลาดต่างประเทศอย่าง “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ครั้งที่ 16” (6-14 ต.ค. 54) ก็ได้คัดเลือกโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวให้เป็น 1 ใน 30 โปรเจ็คต์ที่ได้เข้าร่วม Asian Project Market (10-13 ต.ค. 54) ซึ่งถือเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่และสำคัญส่วนหนึ่งของเทศกาลภาพยนตร์นี้ ผู้กำกับ “อุ๋ย นนทรีย์” พูดถึงเรื่องนี้ว่า

          “โปรเจ็คต์ใหม่ของผมเรื่องนี้ก็ได้รับเลือกให้ไปร่วมงานที่เทศกาลหนังปูซานปีล่าสุดนี้ ก็คือโครงการที่เมื่อก่อนเรียกว่า PPP (Pusan Promotion Plan) แต่เดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนชื่อเป็น Asian Project Market หรือ APM แล้ว ก็คือการที่เราส่งบทภาพยนตร์เข้าไปร่วมคัดเลือก แล้วเราก็เป็น 1 ใน 30 โปรเจ็คต์ที่ถูกคัดเลือกนั้น แล้วในเดือนตุลาคมปีนี้ เราก็จะมีโอกาสไปที่ปูซาน เพื่อที่จะเอาโปรเจ็คต์นี้ไปพรีเซ้นต์ให้กับโปรดิวเซอร์ทั่วโลกได้เห็นกัน และขณะเดียวกันทางเทศกาลฯ ก็จะมีคณะกรรมการคัดเลือกบทภาพยนตร์ที่ดีเด่นแล้วก็มอบรางวัลให้ ก็มีทั้งสนับสนุนเรื่องโพสต์โปรดักชั่น สนับสนุนเรื่องฟิล์ม หรือว่าสนับสนุนโดยการให้เงินมาพัฒนาโปรเจ็คต์ต่อไป ปีนี้ก็มีหนังไทยเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ได้รับเลือกเข้าไปครับ”

          “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 วาระครบรอบ 15 ปี ในการนั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคุณภาพระดับนานาชาติของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” สร้างจากบทภาพยนตร์ชนะเลิศโครงการ Thailand Script Project 2010 สู่ภาพยนตร์เชิงจิตวิทยาที่จะทำให้คุณมองตัวเองและโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเล่าเรื่องราวผ่านการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสะเทือนขวัญที่ได้นำพานักจิตวิทยา, นักนิติวิทยาศาสตร์, นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ และนักศึกษาสาว เข้ามาพัวพันและถลำลึกถึงความบิดเพี้ยนทางจิตใจกันอย่างคาดไม่ถึง

FB on April 11, 2012, 03:02:44 PM
“ป๊อปปี้ บุญยิสา” รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 พร้อมโชว์ฝีมือการแสดงครั้งแรก ใน “คน-โลก-จิต”
  




      เรียกว่าทั้งสวยทั้งเก่งมากความสามารถสำหรับ “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย” ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 ไปหมาดๆ ล่าสุด เธอก็พร้อมโชว์ฝีมือการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกกับบทบาทที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์เรื่อง “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับภาพยนตร์ของผู้กำกับฝีมือดี “นนทรีย์ นิมิบุตร”

          “เรื่องนี้ป๊อปปี้รับบทเป็น ‘เทียน’ ค่ะ เป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเอง มีความมุ่งมั่นพยายามมาก แต่ก็มีอคติกับผู้ชายเพราะมีปมในอดีตเกี่ยวกับพ่อของตัวเอง ในเรื่องเทียนจะเป็นนักนิติวิทยาศาสตร์ที่จะต้องเข้ามาช่วยไขคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญร่วมกับพระเอกที่เป็นนักจิตวิทยาที่เก่งมาก ก็ทำให้เราเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในใจ แถมคดีนี้ยังทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าไปพัวพันกับเบื้องหลังที่น่าตกตะลึงและคาดไม่ถึงเลยค่ะ

          นี่เป็นหนังเรื่องแรกของป๊อปปี้แล้วก็ได้รับบทที่ค่อนข้างยากและโตเกินตัวเลยค่ะ ก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันค่ะ แต่ด้วยการเตรียมพร้อมและทำงานอย่างเต็มที่ของทีมงานมืออาชีพ ก็ทำให้เราผ่อนคลายไม่เครียด ทำให้การแสดงยากๆ ผ่านไปด้วยดี หนังแนวนี้มีไม่บ่อยนักสำหรับหนังไทยเรา มันจะแปลกแหวกแนวกว่าทุกๆ เรื่องค่ะ รับรองว่าได้ทั้งความสนุกและสาระไปด้วยแน่นอนค่ะ และนี่ก็เป็นหนังในรอบเกือบ 5 ปีของพี่อุ๋ย แถมยังสร้างจากบทที่ได้รางวัลด้วย ทีมนักแสดงทั้งป๊อปปี้, แบงค์, แม็กกี้ และพี่บีมก็ตั้งใจทุ่มเทเล่นกันอย่างเต็มที่ ส่วนตัวป๊อปปี้เองก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากการแสดงหนังเรื่องนี้ มันยากแต่ก็สนุกค่ะ ก็อยากให้ติดตามชมกันนะคะ แล้วคุณก็จะได้มองย้อนมาถึงตัวเองด้วยว่าแท้จริงแล้วตัวเราเองนั้นเป็นอย่างไรค่ะ”

          “คน-โลก-จิต” เล่าเรื่องราวผ่านการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดซาดิสต์สะเทือนขวัญที่ได้นำพานักจิตวิทยา, สาวนิติวิทยาศาสตร์, หนุ่มไฮโซ และนักศึกษาสาว เข้ามาพัวพันถึงสภาพทางจิตอันบิดเบี้ยวอย่างคาดไม่ถึง

          ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 วาระครบรอบ 15 ปี ในการนั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคุณภาพระดับนานาชาติของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” พร้อมเปิดตัวทีมนักแสดงหน้าใหม่ “แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์”, “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย” (รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012), “แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” และ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” ร่วมด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “สุเชาว์ พงษ์วิไล” และ “ชนานา นุตาคม” พร้อมเข้าฉาย 17 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: April 12, 2012, 08:55:00 AM by FB »

YaYoungMan on April 14, 2012, 11:47:46 AM
 ???ื อันนี้ก็น่าดู แต่ไม่รู้ว่าเวลานี้จะเหมาะมั้ย

FB on April 21, 2012, 02:09:18 PM
GUIDE: ตัวอย่าง “คน-โลก-จิต”

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=nL7qvv3zHAM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=nL7qvv3zHAM</a>

FB on April 21, 2012, 02:10:13 PM
Movie: “คน-โลก-จิต”

 

          จากบทภาพยนตร์ชนะเลิศโครงการ Thailand Script Project 2010
          สู่ภาพยนตร์เขย่าจิตสุดระทึก
          ที่จะทำให้คุณไม่กล้าไว้ใจใคร...แม้แต่ใจตัวเอง

          "คน-โลก-จิต"

          เล่าเรื่องราวผ่านการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสะเทือนขวัญ
          ที่ได้นำพานักจิตวิทยา, สาวนิติวิทยาศาสตร์, หนุ่มไฮโซ และนักศึกษาสาว
          เข้ามาพัวพันและถลำลึกถึงความบิดเพี้ยนทางจิตใจ...อย่างคาดไม่ถึง

          ผลงานกำกับเรื่องที่ 7 ของผู้กำกับฝีมือดี
          “นนทรีย์ นิมิบุตร”
          ครบรอบ 15 ปี ในการนั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคุณภาพระดับนานาชาติ

          พร้อมแจ้งเกิดทีมนักแสดงหน้าใหม่กับบทบาทสุดเข้มข้น
          “แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์” (พระเอก MV และโฆษณา)
          “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย” (รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012)
          “แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” (นักแสดงสาวดาวรุ่ง)
          และ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” (นักแสดง, พิธีกร, ดีเจ)
          พร้อมด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “สุเชาว์ พงษ์วิไล” และ “ชนานา นุตาคม”
          17 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์

          กำหนดฉาย 17 พฤษภาคม 2555
          แนวภาพยนตร์ เขย่าจิต (ไซโค-ทริลเลอร์)
          บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
          บริษัทดำเนินงานสร้าง ซีเนมาเซีย
          อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
          ควบคุมงานสร้าง นนทรีย์ นิมิบุตร
          ดำเนินงานสร้าง ณมญชุ์ พงษ์วิไล
          กำกับภาพยนตร์ นนทรีย์ นิมิบุตร
          เรื่อง ภัทรา พิทักษานนท์กุล
          บทภาพยนตร์ นนทรีย์ นิมิบุตร, ภัทรา พิทักษานนท์กุล
          กำกับภาพ ธีระวัฒน์ รุจินธรรม
          ลำดับภาพ เดอะ บุชเชอร์ (The Butcher)
          ออกแบบงานสร้าง รัชชานนท์ ขยันงาน
          ออกแบบเครื่องแต่งกาย ฐิติกรณ์ ศรีชื่น
          ดนตรีประกอบ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์
          ทีมนักแสดง อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์, ศรัณยู ประชากริช, อาภา ภาวิไล, บุญยิสา จันทราราชัย, สุเชาว์ พงษ์วิไล, ชนานา นุตาคม

          เปิดปม...

          จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อความผิดพลาดของใครบางคนในอดีต
          คือชนวนเหตุที่ดึงอีกหลายชีวิตเข้ามาพัวพันกันถึง...ตาย!!!

          คนที่คุณคิดว่าเป็นเหยื่อ อาจจะเป็นผู้ล่า
          คนที่คุณคิดว่าเป็นผู้ล่า อาจตกเป็นเหยื่อ...ไม่รู้ตัว
          คนที่คุณคิดว่าเป็นผู้ช่วยเหลือ อาจกลับกลายเป็นผู้ฆ่า...เสียเอง

          เรื่องราวของ “คน” เดินดิน บน “โลก” บิดเบือน กับ “จิต” ที่บิดเพี้ยนที่จะทำให้คุณค้นพบตัวตนที่แท้จริง
« Last Edit: April 27, 2012, 06:36:47 AM by FB »

FB on April 21, 2012, 02:10:48 PM
เรื่องย่อ
          ท่ามกลางความวุ่นวายแห่งมหานครกรุงเทพ เหตุฆาตกรรมซาดิสต์สุดสะเทือนขวัญได้เกิดขึ้นในวันอันร้อนระอุใจกลางเมือง ศพชายนิรนามถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ทราบสาเหตุ...กะโหลกศีรษะถูกทุบจนแหลกละเอียด
          “เขื่อน” (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญการอ่านจิตอาชญากร ได้เข้ามาช่วยไขปริศนาคดีฆาตกรรมนี้ร่วมกับ “เทียน” (บุญยิสา จันทราราชัย) นักนิติวิทยาศาสตร์สาวผู้มีปมบางอย่างฝังลึกในใจ ทั้งคู่สืบค้นทุกเบาะแสเพื่อให้ได้เงื่อนงำของคดีจนต้องก้าวล่วงเข้าไปในปมชีวิตเบื้องลึกของกันและกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
          ขณะที่การสืบสวนกำลังดำเนินไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็มีคนตายเพิ่มขึ้นในสภาพศพที่ถูกทารุณอย่างโหดเหี้ยมไม่แพ้กัน และครั้งนี้มีเงื่อนงำบางอย่างที่ชี้ให้ “คีย์” (ศรัณยู ประชากริช) หนุ่มไฮโซเพื่อนเก่าของเขื่อนตกเป็นผู้ต้องสงสัย
          นั่นทำให้เขื่อนต้องกลับมาเผชิญหน้ากับคีย์อีกครั้งด้วยความจำใจ หลังจากที่เขาพยายามหลบหน้ามาโดยตลอด หรือจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่เบื้องหลังความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ที่อาจเชื่อมโยงกับคดีนี้
          ก่อนที่จิกซอว์ภาพฆาตกรในหัวของเขื่อนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ กลับมีเหตุไม่คาดฝันทำให้เขื่อนได้พบกับ “กวาง” (อาภา ภาวิไล) นักศึกษาสาวที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือจากเหตุฆาตกรรมในครอบครัวเมื่อ 10 ปีก่อน การพบกันของทั้งคู่ได้ปลุกอดีตอันเลวร้ายให้ย้อนกลับมาตามหลอกหลอนทั้งเขาและเธออีกครั้ง
          และยิ่งคดีถูกสืบลงลึกไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เงื่อนงำที่ดูเหมือนจะดึงทั้งสี่คนให้ถลำลึกกับความบิดเพี้ยนทางจิตใจมากขึ้นเท่านั้น หรือคำตอบของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดซาดิสต์นี้จะนำพาทั้งสี่คนให้เข้าใกล้ความตาย...อย่างคาดไม่ถึง
          ใครกันแน่คือคนที่กุมจิกซอว์ตัวสุดท้ายในเกมกลมรณะที่ฆาตกรผูกไว้อย่างสุดพิสดารนี้
          เมื่อความตายมาประชิดตัว จงอย่าไว้ใจใคร...แม้แต่ใจตัวเอง!

เบื้องหลัง “คน-โลก-จิต”
          จากความสำเร็จอย่างพลิกวงการภาพยนตร์ไทย ด้วยผลงานกำกับเรื่องแรกแนวแอ็คชั่น-ดราม่าเรื่อง “2499 อันธพาลครองเมือง” (2540) ที่กวาดรายได้ไปถึง 75 ล้านบาท และสั่นสะเทือนแผ่นฟิล์มอีกครั้งด้วยภาพยนตร์ดราม่าสยองขวัญเรื่อง “นางนาก” (2542) ที่ถล่มรายได้ไปถึง 150 ล้านบาทในยุคซบเซาของภาพยนตร์ไทย ทำให้สายตาทุกคู่ทั้งในและนอกวงการต่างต้องหันมาจับจ้องที่ผู้กำกับหนุ่มหน้าใหม่นาม “นนทรีย์ นิมิบุตร” คนนี้ ที่กล่าวได้ว่า เขาเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูวงการภาพยนตร์ไทย หลังจากตกต่ำมานานเป็น 10 ปี (2530-2540) และเป็นผู้ที่นำพาภาพยนตร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอย่างแท้จริง
หลังจากนั้น ในทุกๆ ผลงานกำกับของเขา ไม่ว่าจะเป็น “จัน ดารา” (2544), “อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ตอน The Wheel” (2545), “โอเคเบตง” (2546) และ “ปืนใหญ่จอมสลัด” (2551) ต่างก็สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความแปลกใหม่ของเนื้อหนัง ความพิถีพิถันในงานสร้าง และการแสดงในระดับมืออาชีพ
          ล่าสุด ในวาระครบรอบ 15 ปีกับการนั่งแท่นผู้กำกับฝีมือดีที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ นนทรีย์กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายจากการกำกับภาพยนตร์ไทยไปเกือบ 5 ปี ด้วยผลงานการกำกับเรื่องที่ 7 ที่สร้างจากบทภาพยนตร์ชนะเลิศโครงการ Thailand Script Project 2010 (โดย ภัทรา พิทักษานนท์กุล) สู่ภาพยนตร์เขย่าจิตสุดระทึกเรื่อง “คน-โลก-จิต” (2555) ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณไม่กล้าไว้ใจใคร...แม้แต่ใจตัวเอง โดยเล่าเรื่องราวผ่านการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดซาดิสต์สะเทือนขวัญที่ได้นำพานักจิตวิทยา, สาวนิติวิทยาศาสตร์, หนุ่มไฮโซ และนักศึกษาสาว เข้ามาพัวพันถึงสภาพทางจิตอันบิดเบี้ยวอย่างคาดไม่ถึง

          ***จุดเริ่มต้น...เข้มข้นด้วยเนื้องานคุณภาพแหวกแนว***
          “เรื่องนี้สร้างมาจากบทภาพยนตร์ที่ชนะเลิศโครงการ Thailand Script Project ครั้งที่ 2 ที่ผมทำร่วมกับคุณเป็นเอก (รัตนเรือง) ครับ ซึ่งผมเองได้อ่านแล้วก็เห็นว่ามันมีความน่าสนใจมาก บวกกับข่าวสารที่ออกมาในปัจจุบันนี้มันทำให้เห็นว่าสังคมเรามีสภาพจิตใจที่บิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการแสดงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดคาดไม่ถึงออกมามากมาย ทำให้ผมรู้สึกว่าควรจะบอกเล่าให้ฟังว่าคนเรามีความผิดเพี้ยนไปมากแค่ไหนแล้ว ไอเดียมันเริ่มมาจากครอบครัว จนถึงสังคมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกชนชั้น โดยเล่าเรื่องราวผ่านเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ที่นำพาตัวละครมาเจอกัน แล้วทำให้ทุกคนได้ค้นพบตัวเองว่าจริงๆ แล้ว ชีวิตที่เราดำเนินอยู่นี้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า
          เล่าง่ายๆ เลยคือ มันเกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นในกรุงเทพฯ นี่นะฮะ ก็เป็นเหมือนข่าวที่เราเคยดู เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันนำพาตัวละคร 4 ตัว เข้ามาเจอกัน แล้วต่างคนก็มีปมที่บิดเบี้ยวทางใจ เนื่องจากทางครอบครัวบ้าง สภาวะทางสังคมบ้าง ทางการงานบ้าง ที่มันเกิดความเครียด ความเพี้ยน อาจจะเห็นภาพหลอน ซึ่งต่างๆ เหล่านี้เราได้มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ทั้งนั้น 4 คนนี้ก็มารวมตัวกันแล้วพยายามช่วยกันหาทางแก้ไขสภาวะการของแต่ละคนๆ ให้มันคลี่คลายออกไปทั้งทางดีและร้าย บางคนมันไม่แน่นอน จากสถิติจากข้อมูลจากบันทึกคดีที่เคยมี มันอาจจะแก้ไขไปในทางที่ดีได้ หรือบางรายยิ่งแก้ไขก็ยิ่งอาจถลำลึกลงไปอีกได้ เรื่องนี้ก็จะบอกทั้งสองทางครับ”

          ***ทีมนักแสดงสดใหม่ถ่ายทอดบทบาทน่าเชื่อถือ นักแสดงมืออาชีพเพิ่มสีสันจัดจ้าน***
          ด้วยความแหวกแนวของเนื้อหาเรื่องราวซึ่งต้องอาศัยการแสดงที่ไม่ทำให้ติดภาพเก่าของนักแสดงนั้นๆ จึงทำให้ผู้กำกับตัดสินใจปั้นนักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งหมดเพื่อความน่าเชื่อถือของบทบาทและความสมจริงของเรื่องราวนี้ ไม่ว่าจะเป็น “แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์”, “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย”, “แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” โดยทั้งหมดได้ผ่านการเรียนการแสดงขั้นพื้นฐานแบบเคี่ยวข้นจากผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นการเฉพาะ
          และเพิ่มความเข้มข้นของเรื่องราวจากการแสดงระดับมืออาชีพของ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” พร้อมด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “สุเชาว์ พงษ์วิไล” และ “ชนานา นุตาคม” ซึ่งทั้งหมดได้พลิกบทบาทอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
          “ตอนแรกก็คิดอยู่ในใจว่า โอ้โห บทเรื่องนี้มันต้องอาศัยการแสดงชั้นสูงนะครับ เพราะมันต้องเข้าใจในบทบาทตัวละครจริงๆ แต่ทีนี้พอมาคิดไปคิดมาแล้วเนี่ย การที่จะทำให้คนดูเชื่อว่านักแสดงที่คุ้นหน้าคนนั้นๆ มีสภาวะทางจิตแบบนั้นแบบนี้เนี่ย มันอาจจะยากกว่าเราปั้นนักแสดงหน้าใหม่ขึ้นมาให้เป็นตัวละครนั้นๆ ให้คนดูเชื่อถือได้มันอาจจะง่ายกว่า เพราะเขาไม่รู้จักตัวละครตัวนี้ แล้วถ้านักแสดงหน้าใหม่สามารถจะถ่ายทอดเรื่องราว บุคลิกภาพ คาแร็คเตอร์ของแต่ละตัว ปมปัญหา สภาวะทางจิตของแต่ละคนออกมาได้ ผมว่าคนดูจะเชื่อได้มากกว่า
          และที่สำคัญนักแสดงหน้าใหม่ก็จะมีเวลามากมายที่จะเวิร์คช็อป ที่จะซ้อมทำความเข้าใจกับตัวละครต่างๆ ได้มากพอ สำคัญอย่างยิ่งเราต้องเวิร์คช็อปในแง่ของวิชาชีพ ทุกคนต้องไปดูคนที่เขาทำอาชีพนี้จริงๆ ในแต่ละบทบาท ต้องไปดูว่าแต่ละคนคาแร็คเตอร์เป็นยังไง เขาจะต้องเป็นคนๆ นั้น เพราะฉะนั้นเขาจะต้องถ่ายทอดความเป็นคนๆ นั้นได้

          ‘น้องแบงค์’ (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) รับบทเป็น ‘เขื่อน’ จะเป็นนักจิตวิทยาที่ฉลาด แต่ในความฉลาดนั้นเขาแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในจิตใจ เขาพยายามจะหลีกหนีตัวเองโดยสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อจะลบปมด้อยของตัวเอง อันนี้คือตัวเขื่อนที่เป็นอยู่ และน้องแบงค์เนี่ยเขาเป็นเด็กที่ใหม่มากหน้าตาหล่อ ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดหนึ่งที่เราคิดว่าคนที่มีสภาพจิตใจที่ดี คิดบวกทำบวก เขาน่าจะมีบุคลิกภาพแบบนี้ หล่อ คมสัน ดูแลตัวเอง มีความเนี้ยบอยู่ในตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือเขาสามารถจะถ่ายทอดอารมณ์หลายๆ ด้านได้ ทั้งด้านการพูดการจาที่มั่นใจกับคนอื่น รอยยิ้มที่งดงามของเขา แต่ผมรู้สึกเสมอเวลาที่ผมคุยกับเขา เขาจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อต้านอยู่ในตัวเขาตลอดเวลา ด้วยการพูดที่แปลกๆ พูดแล้วเหมือนไม่ใช่คนปกติ ผมรู้สึกว่ามันเป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมที่แปลกออกไป ซึ่งมันเป็นผลดีในแง่การแสดง มันทำให้หนังสมบูรณ์โดยตัวเอง
          ‘น้องป๊อปปี้’ (บุญยิสา จันทราราชัย) รับบทเป็น ‘เทียน’ นิติวิทยาศาสตร์สาว เราสังเกตได้ว่านิติวิทยาศาสตร์เกือบทุกคนจะมีคาแร็คเตอร์ของตัวเองชัดเจน ซึ่งตัวน้องป๊อปปี้เองเขาก็มีความเป็นผู้ชายสูง ซึ่งเราต้องการมาต่อกรกับนักจิตวิทยาได้ แล้วก็มีความมั่นใจมาก ไม่ค่อยอ่อนหวาน แต่กลับมาดมั่นแข็งแรง อันนี้คือบุคลิกภาพที่เราวางไว้ แล้วพอเราแคสติ้งได้น้องป๊อปปี้มาก็ใช่เลย ตรงกับสิ่งที่เราอยากได้เลย มันมีฉากที่ต้องถกเถียงด้วยวาจากับผู้ชาย เขาก็เอาอยู่และทำให้เราเชื่อได้ เขาก็จะมีภาวะบางอย่างอยู่ลึกๆ ในจิตใจของเขา ก็เลยมีความเป็นผู้ชายสูง ผมว่าเขาเหมาะมากในสิ่งเขาเป็นคนชอบค้นหาความจริง เพราะฉะนั้นมันก็เข้ากับคาแร็คเตอร์ของตัวเทียนมากๆ เลย
          ‘น้องแม็กกี้’ (อาภา ภาวิไล) รับบทเป็น ‘กวาง’ ตอนแรกผมนึกว่าน้องแม็กกี้จะอ่อนแอจนเอาบทนี้ไม่อยู่ แต่พอมาแคสติ้งจริงๆ แล้วเนี่ย ผมกลับต้องไปเปลี่ยนบทผม เพราะว่าเขาเข้าใจตัวละครตัวนี้มากจริงๆ เขาเข้าใจมัน เขาตีความ แล้วมันก็มีอีกมุมหนึ่งที่ผมไม่เห็น ผมคิดไม่ถึง เพราะเราเป็นผู้ชาย บางทีเราก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดแบบผู้หญิงซักเท่าไหร่ เขามีความละเอียดอ่อนมากกว่าเรา พอเขาเล่นเนี่ย แล้วเราต้องกลับไปแก้บท แล้วเราก็เอาคนนี้แหละ กลับไปแก้บทให้ตรงกับคนๆ นี้มากกว่า ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าเป็นลูกคุณอรุณ ภาวิไล แล้วก็มาทราบตอนหลัง อ้าว จริงเหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วผมเคยถ่ายโฆษณาตั้งแต่เขายังเด็กๆ แล้วก็ไปทั้งครอบครัว เออก็ดี ได้กลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นความบังเอิญโดยแท้ แม็กกี้ต้องเล่นเป็นเด็ก Broken Home ครอบครัวแตกร้าว ทำให้เขามีสภาพทางจิตค่อนข้างแย่ แล้วเขาก็รับบทนั้นได้ดี ทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เป็นผู้หญิงที่บอบบางอ่อนไหวง่ายกับทุกสิ่งที่มากระทบหมด ขณะเดียวกันก็พยายามจะทำให้ตัวเองเข้มแข็งโดยรูปลักษณ์ภายนอก ฉันกล้าฉันแกร่งฉันเที่ยวฉัน flirt กับทุกคนไปเรื่อย แต่จริงๆ แล้วสภาพทางจิตจะไหลไปกับสภาพเหตุการณ์แวดล้อมตลอดเวลา ซึ่งต้องยอมรับว่าน้องแม็กกี้ทำตรงนี้ได้ดีมาก
          ‘บีม ศรัณยู’ รับบทเป็น ‘คีย์’ คนนี้ต้องยอมรับว่าผมเลือกจริงๆ เพราะว่าเขาตรงกับคาแร็คเตอร์มากๆ แล้วก็เคยทำงานละครด้วยกันมา ก็เลยรู้สึกว่าใช่ แล้วบีมเวลาทำงานจะจริงจัง เขาอินกับคาแร็คเตอร์มาก เล่นหนังเล่นละครถ้าไม่สั่งคัทเขาจะไม่หยุดเล่นเลย เป็นคนที่ตั้งใจเล่นและอินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราก็รู้สึกว่าทำงานด้วยแล้วมีความสุข ชอบคนที่มีความตั้งใจสูงมากๆ เขาเป็นคนที่มีสองด้านจริงๆ เหมือนตัวละคร คือด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนจะโหดๆ เหี้ยมๆ แต่ภายในบีมเป็นคนที่ร้องไห้ได้ตลอดเวลา คือเมื่อมีอะไรใหญ่ๆ มากระทบใจเขา เขาจะร้องไห้ได้ทันที เหมือนหลอดแก้วที่เปราะบางพร้อมจะแตก บีมเป็นคนแบบนั้น แล้วในตัวละครที่ชื่อคีย์ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
          การเรียนการแสดงเป็นเรื่องสำคัญ คือผมมีความคิดอย่างนี้เสมอ นอกจากจะเข้าใจพื้นฐานการแสดงและการวอร์มอัพตัวเองแล้ว ก็ต้องรู้จักหยิบตัวละครที่อยู่ในหนังมาใส่ตัวเอง แล้วเมื่อทำงานเสร็จก็ต้องถอดตัวละครตัวนี้ออกไปด้วย แล้วก็เข้าใจระดับพื้นฐานการแสดงว่าสามารถที่จะเพิ่มได้เมื่อผมอยากให้เพิ่ม ลดได้ถ้าผมอยากให้ลด ลดยังไงเพิ่มยังไงการเรียนการแสดงจะทำให้เขาเข้าใจตรงนี้ โชคดีที่ได้ “หม่อมน้อย” มาช่วยเราตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจ็คต์นี้ ทุกคนได้ไปเรียนตั้งแต่เบสิคพื้นฐานจนถึงขั้นสูงแต่เป็นคอร์สแบบรวดเร็วนิดนึงก็เรียนกันอยู่ประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งพวกเขาก็ไปเรียนอยู่ตลอดอาทิตย์ละ 2-3 วัน นอกจากพื้นฐาน ความเข้าใจ ทัศนคติทางการแสดงแล้ว เขาก็ยังเคี่ยวข้นเรื่องบทบาทคาแร็คเตอร์ในเรื่องนี้โดยเฉพาะด้วย ก็รู้สึกว่าได้ผลและมีประโยชน์กับน้องๆ และหนังเรื่องนี้มากๆ ทำให้ทุกคนแข็งแรงขึ้นอย่างทันตาเห็น

FB on April 21, 2012, 02:11:20 PM
          ส่วน ‘พี่เชาว์’ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) กับ ‘พี่ดี้’ (ชนานา นุตาคม) ก็เป็นอีกสองนักแสดงและสองตัวละครที่เข้ามาเติมเต็มเรื่องอย่างสมบูรณ์ด้วยคาแรคเตอร์และฝีมือการแสดงที่เราไม่ต้องสาธยายกันมากนะครับ เรียกได้ว่าเพิ่มความเข้มข้นทางอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดีเลยครับ”

          ***เตรียมพร้อมข้อมูล ทวีคูณความเข้าใจ ใส่ใจงานทุกขั้นตอน***
          เนื่องจากเป็นแนวภาพยนตร์ที่แปลกใหม่สำหรับตัวผู้กำกับเอง งานนี้จึงต้องเตรียมงานกันอย่างสมบูรณ์พร้อมก่อนการถ่ายทำจริง ทั้งการรีเสิร์ชข้อมูลมากมาย กรณีศึกษาต่างๆ (Case Study) เพื่อนำมาใส่เป็นรายละเอียดของคาแร็คเตอร์ตัวละครแต่ละตัว ฉะนั้น “ความเข้าใจ” จึงเป็นสิ่งที่ผู้กำกับย้ำให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการดีไซน์ช็อตภาพต่างๆ ของหนัง ดีไซน์เฟรม ดีไซน์สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในหนังเพื่อเสริมสีสันความเข้มข้นนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องเกิดจากกระบวนการเข้าใจก่อนทั้งสิ้น
          “ใช่ครับ แนวนี้ไม่เคยกำกับเลยครับ คือขณะที่รู้สึกกับเรื่องราวความผิดเพี้ยนของมนุษย์ประจวบกับได้สคริปต์ที่ชนะมา ก็รู้สึกดีใจมากเลยว่าเราได้พบทางอีกทางของเราแล้ว มันเป็นเรื่องที่เราไม่เคยเล่าแล้วก็ไม่เคยทำหนังประเภทนี้นะครับ เมื่อมีโอกาสได้ทำก็รู้สึกดีใจมากว่าเราได้ทำอะไรใหม่ๆ อีกแล้ว เราได้คิดภาษาภาพใหม่ๆ อีกแล้ว เราได้ค้นหาวิธีการเล่าหนังใหม่ๆ อีกแล้ว ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสนุกเวลาทำหนัง เวลาที่ได้เจออะไรใหม่ๆ แบบนี้
          เริ่มแรกก็ต้องหาข้อมูลมากมาย และสำคัญที่สุดเลยเราต้องเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะทำ ถ้าเราไม่เข้าใจซะแล้ว เราก็ไม่อาจอธิบายสิ่งที่ต้องการถ่ายทอดให้กับตัวละครได้เมื่อมีคำถามเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการเขียนคาแร็คเตอร์ตัวละครแต่ละตัวออกมา มันต้องเกิดจากการเอาเคสต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับคนๆ นี้ หรือบางทีก็เอา 4-5 เคสมารวมให้คาแร็คเตอร์คนนี้ไป การเตรียมตัวก็เลยจะต้องทำทุกอย่างให้พร้อมที่จะตอบตำถามตัวเองเวลาที่เราต้องการดีไซน์ช็อตต่างๆ ของหนัง ดีไซน์ภาพ ดีไซน์เฟรม เฟรมนี้มันจะบอกอะไร มันจะพูดถึงอะไร หรือกระทั่งสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เอามาใช้ในหนัง มันก็ต้องเกิดจากกระบวนการเข้าใจก่อน รู้ว่าภาพในหัวของคนๆ นี้จะออกมาเป็นยังไง เขาจะเห็นเป็นแบบที่เขาคิด เพราะฉะนั้นเราต้องคิดแทนตัวละครทุกตัว และดีไซน์สัญลักษณ์ทุกตัวออกมาให้เข้ากับสิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวอย่างแท้จริง เพราะส่วนใหญ่แล้วคนเหล่านี้จะไม่พูดออกมา ถ้าคนเหล่านี้เป็นคนที่พูดออกมา เขาจะไม่เป็น เขาจะไม่มีสภาวะอย่างนี้ เพราะเขาได้พูดคุย ได้ระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วจากที่ผมรีเสิร์ชมามักจะไม่พูด จะเก็บไว้ข้างใน บางคนเก็บจนกระทั่งซ่อนมันไว้เลย ไม่พยายามคิดถึงมัน แล้วก็กดความรู้สึกอันนั้นเอาไว้ กดเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ แล้วก็ไม่พูดมันออกมา ไม่อธิบายให้ใครฟัง นั่นทำให้คนเหล่านั้นมีสภาวะหรือสภาพการณ์ทางจิตหรือทางประสาทที่มันบิดเพี้ยนไปได้

          โดยทางภาพเราดีไซน์ให้ภาพทุกภาพที่เกิดขึ้นในหนังเนี่ยมันไม่นิ่ง มันเหมือนกับสภาพจิตใจของคนเมืองนี้แล้วไม่นิ่ง กล้องจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลามากบ้างน้อยบ้าง แต่จะไม่มีกล้องนิ่งๆ เลยในหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นจะเกิดการดีไซน์การเคลื่อนไหวของกล้อง และขณะเดียวกันกล้องจะเคลื่อนไหวผ่านสิ่งที่ทำให้ภาพของคนนั้นมันบิดเบี้ยวไปตามวัตถุต่างๆ อาทิเช่น ภาพที่มันมีกระจกวางทับเหลื่อมซ้อนกันอยู่ เมื่อกล้องผ่านกระจกเหล่านั้นแล้วข้างหลังเป็นคนเนี่ย คนนั้นจะมีอาการเพี้ยนๆ จากรูปทรงที่เป็นปกติ จะมีวิธีการเล่าแบบนี้เสมอๆ”

          ***มหานครกรุงเทพ โลกจำลองแห่งความบิดเบี้ยว***
          สถานที่ถ่ายทำหลักของภาพยนตร์ที่สะท้อนจิตใจอันบิดเพี้ยนของมนุษย์เรื่องนี้ ผู้กำกับฯตั้งใจใช้เมืองศิวิไลซ์อย่าง “กรุงเทพมหานคร” ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของฝูงชน ตึกระฟ้า ยวดยานพาหนะ และความทันสมัยของเทคโลยีที่มีมากเกินความจำเป็น เป็นตัวแทนฉายภาพความไม่ปกติของสภาวะทางจิตได้เป็นอย่างดี
          “ผมอยากให้กรุงเทพฯ เป็นตัวแทนของอาการและเรื่องราวเหล่านี้ เพราะว่าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เนี่ยมันพร้อมที่จะทำให้คนเราหรือใครก็ได้ โดยเฉพาะผมจะรู้สึกเสมอว่าอยู่ในกรุงเทพฯ ผมจะรู้สึกว่ามันไม่ไหว รู้สึกว่ามันกดดัน เครียด แล้วมันก็มีสภาวะทางความคิด สภาวะจิตใจที่มันบิดเบี้ยวสูง มันพร้อมที่จะทำให้ผมบิดเบี้ยวได้ตลอดเวลา ผมเคยอยากจะตะโกนลั่นในห้างดังๆ มันรู้สึกว่าหนวกหูมาก มันวุ่นวายมาก เมื่อเราจะไปซื้ออาหารในร้านสักร้านหนึ่งมันก็จะมีคนวิ่งฮือมาแซงหน้าเรา คือผมรู้สึกว่ามันต้องแย่งกันกินแย่งกันอยู่แย่งอะไรกันขนาดนี้เลยเหรอ มันมีเสียงตะโกนโฆษณา มันมีเสียงเพลงบ้าๆ บอๆ ดังๆ แล้วใครจะฟัง ผมมีความรู้สึกว่าไม่ได้ยินสักอย่าง มันมีแต่ความรกหู มันทำให้คลื่นสมองผมมันสูงมาก การอยู่ในเมืองมันไม่เวิร์คเลย เพราะฉะนั้นผมคิดว่านี่แหละมันเป็นโมเดลของซิตี้ที่ควรจะเป็นสภาวะความบิดเบี้ยวและขาดวิ่นทางจิตใจได้สูงมากคือที่นี่แหละ มันหมายถึงเมืองสมมติ เมืองตัวอย่างที่มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ครับ”

          ***ความย้อนแย้งหนักแน่นระหว่างความแรงของเนื้อหากับงานภาพสวีทหวาน***
          ภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์จิตๆ ที่มีเนื้อหาการฆาตกรรมแรงๆ ที่ผ่านๆ มามักจงใจนำเสนอภาพอย่างดิบเถื่อนดำมืด โหดเหี้ยมไม่น่าไว้วางใจเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อผู้กำกับฯ นนทรีย์มาจับแนวหนังเขย่าจิตนี้เป็นครั้งแรก จึงตั้งใจออกแบบงานสร้างและงานภาพให้ออกมาแตกต่าง ย้อนแย้งเนื้อหาที่มีความรุนแรงด้วยสไตล์ภาพที่นุ่มนวลสวีทหวาน เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ในภาพยนตร์แนวนี้และสะท้อนภาพสภาวะทางจิตอีกแง่มุมหนึ่งด้วย
          “ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ถ้าจะพูดทั่วไปแล้วมันก็เป็นหนังไซโค-ทริลเลอร์ คือมีการฆาตกรรม มีการซ่อนเงื่อนอะไรต่างๆ เอาไว้ ผมชอบดูหนังแบบนี้ แล้วดูมาเยอะมาก จนผมรู้สึกว่าส่วนใหญ่แล้วจะออกมาในโทนที่ใกล้ๆ กันหมดเลย คือมีความทึบทึม มืดดำ โหดร้าย แล้วองค์ประกอบทุกอย่างมันพยายามที่ทำให้มันเกิดสภาวะแบบนั้น แต่หนังของผม ผมอยากจะบอกว่ามัน sweet มาก คืออยากทำให้มันแตกต่าง อยากให้มันคอนทราสต์ ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นมั้งเวลาที่เราจะเห็นใครฆ่ากันแล้วมันจะต้องหนักหน่วง ภาพมันจะต้องดิบเถื่อนอยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกว่าถ้ามันงามล่ะ เพราะว่าคนที่มีจิตใจที่บิดเพี้ยนขาดวิ่น ผมเชื่อการที่เขาจะฆ่าใครสักคนมันไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องไม่ดี ซึ่งต่างจากสายตาคนอื่น ผมเชื่อว่าการแสดงออกของคนเหล่านี้ขัดแย้งกับสิ่งที่โลกนี้เป็น ผมว่าเขาทำเพราะรู้สึกว่ามันดี มันงาม มันมีความสุข ผมก็เลยใช้วิธีการแสดงออกของเขาด้วยเพลงเพราะๆ แล้วภาพสวยๆ มีการดีไซน์เสื้อผ้า ดีไซน์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฉากอย่างสวยงาม สีก็ขาวไม่ต้องทึบทึม ไม่ต้องไปฆ่ากันในท่อมืดๆ ดำๆ ความงามมันเกิดได้ทุกที่
          แล้วอีกอย่างหนึ่งผมไม่อยากให้คนดูรู้สึกอึดอัดกับการฆ่าในหนังแบบนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนปฏิเสธหนังทำนองแบบนี้ เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันโหด พอเขาไปดูแล้วรู้สึกมันฝังใจเขาอยู่ แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่าไม่ใช่เลย หนังผมจะสวีท ผมจะทำให้หนังเรื่องนี้ให้มันมีความหวานอยู่ในนั้น คือใครก็ดูได้ แต่ว่าดูด้วยความเข้าใจ มันมีเรื่องราวอื่นๆ ที่มันสามารถจะแสดงสภาวะแบบนั้นได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ความโหดเหี้ยม ผมพยายามเลี่ยงฉากแบบนี้ เลี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดหรือที่จำเป็นที่สุด แต่บางอันต้องการความชัดเจนก็เอาให้มันชัดเจนไปเลย สภาพศพก็เอาให้มันชัดไปเลย แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็จะเลี่ยงเป็นการเล่าไปแทน หรือเป็นการใช้สัญลักษณ์บางอย่างแทน เพื่อจะไม่ให้หนังเรื่องนี้ดูแล้วมันรู้สึกหดหู่เกินไป ผมอยากให้ดูด้วยความเข้าใจสนุกกับมัน เพลงเพราะ ภาพสวย แล้วก็เข้าใจในสิ่งที่เราต้องการป้อนเข้าไปให้คุณเข้าใจกับโลกใบนี้”

          ***คน-โลก-จิต ปิดยังไงก็ไม่มิด คือจิตวิปริตของคน***
          สภาวะความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ เป็นตัวจุดประกายและแตกยอดให้เกิดเป็นประเด็นที่น่าสนใจของเรื่อง “คน-โลก-จิต” ขึ้น ซึ่งจะได้สะท้อนแง่มุมต่างๆ ทั้งดีและร้ายของจิตใจมนุษย์ให้เห็นภาพอย่างสมจริงที่สุด รวมถึงอาจเป็นการพลิกมุมมองอีกด้านของคำว่า “คิดบวก-Positive Thinking” ที่อาจจะไม่ได้มีแต่ด้านดีเพียงอย่างเดียว ถ้าหากเราจงใจละเลยหรือมองข้ามความเป็นจริงของชีวิตไป

          “จริงๆ แล้วหนังเรื่อง ‘คน-โลก-จิต’ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก มีแต่การแสดงออกบิดเบี้ยวของสมองและจิตใจ แล้วความบิดเบี้ยวมันก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น ทั้งปัญหาครอบครัวจนกระทั่งถึงปัญหาเรื่องส่วนตัวแล้วก็ขยายไปใหญ่ขึ้น โดยมีคดีฆาตกรรมเป็นจุดที่ทำให้ทุกตัวละครมาเจอกัน ความสัมพันธ์ที่มันซับซ้อน ทำให้ทุกคนได้ค้นพบตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ชีวิตที่ดำเนินไปอยู่ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า หรือการใช้ชีวิตของแต่ละคนมันไปกระทบใครบ้าง หนังเรื่องนี้เป็นการนั่งเฝ้ามองตัวละครทั้งสี่ตัว ซึ่งผมจะให้ตัวละครทั้งสี่ตัวเป็นตัวแทนของคนในเมืองหลวง มันก็เหมือนคนในสังคม ผมรู้สึกว่าในประเทศเราเองทุกๆ อย่างมันเหมือน connect กันหมด ใครจะทำอะไรอย่างหนึ่งมันส่งผลให้คนอื่นเสมอๆ นะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์จะพูดถึงก็คือว่า ก่อนที่เราจะลงมือทำอะไร ลงมือพูดอะไรขอให้เราตั้งสติดีๆ เพราะว่าหลายๆ ครั้งที่เราทำหรือพูดอะไรลงไปโดยไม่ตั้งใจ มันส่งผลกระทบถึงคนไม่ใช่แค่คนเดียว มันส่งผลเป็นโดมิโน่กระทบไปถึงสังคมและประเทศได้
          เรื่องราวความสลับซับซ้อนของจิตใจของมนุษย์มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของคน เรื่องของโลกใบนี้ เรื่องของจิตใจ สามสิ่งนี้มันสัมพันธ์กันอย่างไร ผมว่าทุกคนในโลกใบนี้สามารถที่จะเข้าสู่สภาวะผิดเพี้ยน ขาดวิ่นทางจิตใจได้ทั้งนั้น ด้วยสภาวะแวดล้อมต่างๆ ทำให้จิตใจของเรามันบิดเบี้ยวได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกให้ทุกคนได้รับทราบถึงสภาพความผิดเพี้ยน เพื่อจะให้เราได้สำรวจตัวเองบ้างว่าเรามีอาการแบบนั้นหรือเปล่า หนังเรื่องนี้อยากจะพูดเรื่องนี้กับคุณในแนวไซโค-ทริลเลอร์แบบหวานๆ อยากจะให้คุณเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับใครก็ได้ อย่าประมาท แล้วก็อย่าเพิกเฉยกับเรื่องแบบนี้ครับ”

          ห่วงโซ่แห่งความบิดเพี้ยน
          เขื่อน – นักจิตวิทยาชื่อดังผู้เชื่อมั่นว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ด้วยตัวของเขาเอง และชื่อเสียงอันโด่งดังจากความสามารถที่เชี่ยวชาญการอ่านจิตของอาชญากรอย่างหาตัวจับยากของเขา ทำให้เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสยองขวัญนี้ และนำพาไปสู่เงื่อนงำบางอย่างที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
“ถ้ามองดูผ่านๆ จะเป็นเหมือนหนังสืบสวนคดีฆาตกรรม แต่เอาจริงๆ หนังจะสอนคนเรื่องของปม จิตใจ เรื่องของทุกอย่าง จะพูดถึงเรื่องของมนุษย์ เวลาเราเจอเรื่องอะไรที่แย่ๆ มาแล้วชอบเก็บกด ก็ทำให้เครียด จะเป็นตัวฉุดให้เราไม่พัฒนา เราควรที่จะยอมรับมันแล้วก็ปล่อยวาง ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์หรอกครับ ทุกคนเกิดมาพร้อมกับข้อผิดพลาด แต่สามารถแก้ไขได้ เรื่องของคน โลก และจิต สามอย่างนี้มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง มันก็สะท้อนมาจากตัวคุณเอง เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ”
          ประวัติย่อ แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ (20 ปี / 180 เซนติเมตร / 74 กิโลกรัม)
          ผลงาน: MV เธอไม่ยอมปล่อยหรือฉันไม่ยอมไป (ลิเดีย) / โฆษณานมโฟรโมสต์กลิ่นกล้วย, เบียร์ลีโอ / The Idol Project 1
          ความสามารถพิเศษ: เล่นบาส, ตีกลอง

          เทียน – นักนิติวิทยาศาสตร์สาวผู้เก็บตัวเองไว้กับความทุกข์จากปมอดีต การได้ช่วยเหลือผู้อื่นกลายเป็นการคลี่คลายปมในใจของเธอ นั่นทำให้เธอรับช่วยไขคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญนี้อย่างสุดความสามารถ แต่ยิ่งใกล้คลายปมคดีได้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเท่านั้น
          “ก่อนแสดงเรื่องนี้ก็ต้องเวิร์คช้อปการแสดงกันก่อนค่ะทั้งสี่คนก็จะมีป๊อปปี้, พี่บีม, แบงค์ แล้วก็น้องแม็กกี้ค่ะ และก็มีไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อยค่ะ หม่อมน้อยก็สอนหลายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ในการแสดงไม่ใช่แค่การท่องบท ต้องคิดเหมือนตัวละคร หายใจเหมือนตัวละคร ซึ่งจะทำออกมาได้มันอยู่ที่ความคิดและความเชื่อ ถ้าเรามีความเชื่อเราก็จะถ่ายทอดตัวละครออกมาให้สมจริงมากขึ้นค่ะ และป๊อปปี้ได้มีโอกาสไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของไทยด้วยค่ะ ก็ไปดูขั้นตอนการดำเนินงานและรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับหน้าที่นี้ค่ะ ก็ได้ความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ”

FB on April 21, 2012, 02:11:53 PM
          ประวัติย่อ ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย (19 ปี / 174 เซนติเมตร / 54 กิโลกรัม)
          ผลงาน: รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 / ดัชชี่เกิร์ล 2006 / MV กลัวที่ไหน (บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว), ดูแลเขาให้ดีดี (ดา เอ็นโดรฟิน) / โฆษณา วอลล์, โฆษณาดัชชี่ไบโอ (ภาพนิ่ง)
          ความสามารถพิเศษ: เต้นแจ๊ส, ฮิปฮ็อป, บัลเลต์

          กวาง – นักศึกษาสาวที่ตกเป็นเหยื่อในวัยเด็กจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญของครอบครัวเธอเอง ซึ่งได้สร้างปมลับดำมืดให้เธอต้องเก็บกดไว้ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับการนับถอยหลังรอปมชีวิตระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
          “ยากมากเลยค่ะ เพราะว่าหนูไม่เคยเรียนรู้การแสดงมาก่อนเลย เราก็ต้องทำการบ้าน เตรียมตัวก่อนการแสดงเยอะมากเพื่อให้เข้าถึงบทบาทนี้ ได้เรียนการแสดงกับหม่อมน้อย อ่านหนังสือเกี่ยวกับคนที่เขามีพฤติกรรมแปลกๆ ซึ่งจริงๆ เขาเป็นคนปกติเหมือนเราแหละค่ะ แต่ว่าสภาพจิตใจจะต่างจากเรา ก็ต้องเรียนรู้พยายามทำความเข้าใจว่าเขาคิดอะไรยังไง เรื่องนี้ท้าทายมากสำหรับแม็กกี้ มีการรับส่งอารมณ์กันแบบสุดๆ ก็พยายามแสดงให้ดีที่สุด หวังว่าทุกคนจะชอบกับการแสดงและภาพรวมของหนังเรื่องนี้ค่ะ”
          ประวัติย่อ แม็กกี้-อาภา ภาวิไล (18 ปี / 165 เซนติเมตร / 43 กิโลกรัม)
          ผลงาน: ละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ (รับบท ตังเม), ละครเพลง หนึ่งในดวงใจ The Musical (บริษัท JSL), ละครสัมผัสพิศวง ตอน อะไหล่มนุษย์ (ช่อง 3), ละครซิทคอม สารภีหรรษา (ช่อง TPBS) / CJ chic channel 68 (cj macky) / ภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก (2555)
          ความสามารถพิเศษ: รำไทย, พิธีกร

          คีย์ – หนุ่มไฮโซผู้มีพร้อมทั้งรูปทรัพย์, ฐานะ และสังคม เขาเป็นเพื่อนในวัยเด็กของเขื่อน และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนี้จากการที่เขาเข้ามาช่วยเขื่อนไขคดี แต่ก็ถูกเขื่อนปฏิเสธ ไม่ยอมรับในความช่วยเหลือนั้น หรือจะเป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็กุมความลับของกันและกันไว้เพียงแค่รอวันปะทุมันออกมา
          “เรื่องนี้จะสะท้อนเรื่องราวตรงกับชื่อหนัง คน-โลก-จิต ครับ คือคนธรรมดาบนโลกใบนี้ อาจจะมีสภาพทางจิตหรือภาวะกดดันหลายอย่าง เรื่องนี้เป็นคาแร็คเตอร์ที่มีในสังคม คนเรามีอะไรผิดแปลกไม่เหมือนกันทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือความรู้สึก เรื่องนี้จะตอบโจทย์ให้รู้สึกว่า ตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นมั้ย จะได้รู้เรื่องจิตของคน ความผิดแปลกของอารมณ์ ความบิดเพี้ยนของจิต เรื่องนี้จะให้ทุกคนต้องติดตามไปตลอดเรื่อง ผมเชื่อว่าไม่มีคำว่างง มีแต่ตื่นเต้น และก็น่าค้นหานะครับ”
          ประวัติย่อ บีม-ศรัณยู ประชากริช (28 ปี / 182 เซนติเมตร / 73 กิโลกรัม)
          ผลงาน: ดีเจคลื่น 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์ / พิธีกรรายการ สีสันบันเทิงสด (ช่อง 3) / ละคร เสน่หาเงินตรา (ช่อง 3), ละคร เพลงดินกลิ่นดาว (ช่อง 7), ละคร เลื่อมพรายลายรัก (ช่อง 3) / หนังผี (2554)
          ความสามารถพิเศษ: พิธีกร, ดีเจ, นายแบบ, แข่งรถ :'(

FB on April 25, 2012, 01:38:41 PM
เปิดโลกลับที่ซ่อนอยู่ในจิตคุณ แถลงข่าว “คน-โลก-จิต” ภาพยนตร์เขย่าจิตโดย “นนทรีย์ นิมิบุตร”





          แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วกับภาพยนตร์เขย่าจิตเรื่อง “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของผู้กำกับฝีมือดี “นนทรีย์ นิมิบุตร” เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ณ ลาน Sky Dining Hall ชั้น 6 สยามดิสคัฟเวอรี่ ท่ามกลางบรรยากาศกระตุกจิตและเรียกร้องความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนทุกแขนงได้ตลอดงาน

          เปิดงานครั้งนี้ด้วย VDO Presentation “Welcome to Your Secret World” เปิดโลกลับๆ ที่ซ่อนอยู่ในจิตคุณ ก่อนที่จะเชิญผู้กำกับนนทรีย์ขึ้นมาพูดคุยถึงรายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องของโปรเจ็คต์นี้กันอย่างเข้มข้น จากนั้นจึงเชิญเหล่านักแสดงรุ่นใหม่อย่าง “แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์”, “บีม-ศรัณยู ประชากริช”, “แม็กกี้ อาภา” และ “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย” (รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012) ขึ้นมาร่วมพูดคุยถึงการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกและครั้งสำคัญอย่างสนุกสนาน พร้อมการฉายตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกด้วย

          ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพหมู่ร่วมกันของทีมงานภาพยนตร์และทีมผู้บริหารเป็นที่ระลึก

          “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” ที่จะทำให้คุณไม่คิดไว้ใจใครแม้แต่ตัวคุณเอง พร้อมกระตุกจิต 17 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: April 27, 2012, 06:37:19 AM by FB »

FB on April 27, 2012, 06:37:59 AM
“อุ๋ย นนทรีย์” มั่นใจ ทีมนักแสดงหน้าใหม่ “คน-โลก-จิต”เล่นทุ่มสุดตัว เอาอยู่ทั้งเรื่อง



                     กลับมากำกับภาพยนตร์ไทยอีกครั้งในรอบเกือบ 5 ปีในภาพยนตร์เขย่าจิตเรื่อง “คน-โลก-จิต” ผู้กำกับ “นนทรีย์ นิมิบุตร” ก็มาพร้อมเนื้อหาเรื่องราวที่แปลกใหม่ซึ่งต้องอาศัยการแสดงที่ไม่ทำให้ติดภาพเก่าของนักแสดงนั้นๆ จึงทำให้เขาตัดสินใจปั้นนักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งหมดเพื่อความน่าเชื่อถือของบทบาทและความสมจริงของเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็น “แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์”, “ป๊อปปี้-บุญยิสา จันทราราชัย”, “แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” รวมถึงนักแสดงมืออาชีพ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” โดยทั้งหมดได้ผ่านการเรียนการแสดงขั้นพื้นฐานแบบเคี่ยวข้นจากผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นการเฉพาะด้วย โดยผู้กำกับนนทรีย์เผยถึงการแสดงของทีมหน้าใหม่นี้ว่า

          “ตอนแรกผมก็คิดว่า โอ้โห บทเรื่องนี้มันต้องอาศัยการแสดงชั้นสูงนะครับ เพราะมันต้องเข้าใจในบทบาทตัวละครจริงๆ การที่จะทำให้คนดูเชื่อว่านักแสดงที่คุ้นหน้ามีสภาวะทางจิตแบบนี้เนี่ย มันอาจจะยากกว่าเราปั้นนักแสดงหน้าใหม่ขึ้นมาให้เป็นตัวละครนั้นๆ ถ่ายทอดเรื่องราว บุคลิกภาพ คาแร็คเตอร์ของแต่ละตัว ปมปัญหา สภาวะทางจิตออกมา มันน่าจะง่ายกว่า ผมว่าคนดูจะเชื่อได้มากกว่า ก็ลงมือแคสติ้งจนได้ 4 คนนี้มา

          ‘แบงค์ อาทิตย์’ รับบทเป็นนักจิตวิทยาที่ฉลาดแต่แอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในจิตใจ แบงค์สามารถจะถ่ายทอดอารมณ์หลายๆ ด้านที่เข้ากับบทนี้ได้ รวมถึงเขาจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อต้านอยู่ในตัวเขาตลอดเวลา มันเป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมที่แปลกออกไป ซึ่งมันเป็นผลดีในแง่การแสดง มันทำให้หนังสมบูรณ์โดยตัวเอง

          ‘ป๊อปปี้ บุญยิสา’ รับบทเป็นนิติวิทยาศาสตร์สาว ตัวน้องป๊อปปี้เองเขาจะมีความเป็นผู้ชายสูง ซึ่งเราต้องการมาต่อกรกับนักจิตวิทยาได้ มีความมั่นใจมาก ชอบค้นหาความจริง เราแคสติ้งน้องป๊อปปี้มาก็ใช่เลย มันจะมีฉากที่ต้องเถียงกับผู้ชาย เขาก็เอาอยู่และทำให้เราเชื่อได้

‘แม็กกี้ อาภา’ รับบทเป็นนักศึกษาครอบครัวแตกร้าว ตอนแรกผมนึกว่าแม็กกี้จะอ่อนแอจนเอาบทนี้ไม่อยู่ แต่พอมาแคสติ้งจริงๆ แล้วเนี่ย ผมกลับต้องไปปรับบทให้ตรงกับเขามากขึ้น แล้วเขาก็รับบทนั้นได้ดี ทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายกับทุกสิ่งที่มากระทบภายใต้เปลือกที่เข้มแข็ง ซึ่งต้องยอมรับว่าแม็กกี้ทำตรงนี้ได้ดีมาก

          ‘บีม ศรัณยู’ ต้องยอมรับว่าผมเลือกเพราะตรงกับคาแร็คเตอร์ของเขาจริงๆ บีมเวลาทำงานจะจริงจัง เป็นคนที่มีความตั้งใจสูงมาก เขาเป็นคนที่มีสองด้านจริงๆ เหมือนตัวละคร คือด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนจะโหดเหี้ยม แต่ภายในบีมเมื่อมีอะไรใหญ่ๆ มากระทบใจเขา เขาจะร้องไห้ได้ทันที ซึ่งบีมแสดงได้ดีและอินคาแร็คเตอร์มากๆ ครับ

          โดยรวมแล้วการแสดงของตัวหลักทั้ง 4 คนนี้น่าพอใจมากๆ ครับ โชคดีที่ได้ ‘หม่อมน้อย’ มาช่วยสอนพื้นฐานทางการแสดง ก็รู้สึกว่าได้ประโยชน์กับน้องๆ และหนังเรื่องนี้มาก และที่สำคัญ ผมว่าเรื่องนี้ขนาดมืออาชีพก็เรียกว่าเล่นยากมาก มันเป็นการแสดงที่ซับซ้อน ทุกคนเป็นนักแสดงใหม่ถึงจะไม่มีประสบการณ์การแสดงมากมายนัก แต่เขามีเวลา มีความตั้งใจ แล้วเขาก็ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากๆ ทำให้คนดูเชื่อในการแสดงของพวกเขาได้เลย ทุกคนใส่พลังกันเต็มที่ ทำให้หนังมันสมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ”

          “คน-โลก-จิต” ภาพยนตร์เขย่าจิตที่จะทำให้คุณไม่กล้าไว้ใจตัวเอง ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” พร้อมเข้าฉาย 17 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on May 04, 2012, 07:29:55 AM
แบบทดสอบ “คน-โลก-จิต” โลกแห่งความจิตที่คุณจะพบมิตรลับๆ นับล้านๆ



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=nL7qvv3zHAM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=nL7qvv3zHAM</a>        

           ใครจะรู้? ว่าสิ่งที่เล็กที่สุดอย่าง “จิต” ที่ซุกซ่อนอยู่ใน “คน” กำลังเขย่าโสตสยอง ให้เราเห็น “โลก” ใบเดียวกัน...บิดเบี้ยวเกินจะพรรณนา ขอต้อนรับเข้าสู่ “คน-โลก-จิต” โลกแห่งความจิตที่คุณจะพบมิตรลับๆ นับล้านๆ

          ทดสอบกันสักนิด ว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะเข้าโลกลับๆ นี้ได้หรือไม่? กับการสำรวจพฤติกรรมชีวิตที่คุณทำเป็นประจำทุกวัน เลือกข้อที่คิดว่าใช่... แล้วรอพบคำตอบชวนจิตได้เลย!

          1. เข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวใน Social Network เฉลี่ยเกินวันละ 1 ชั่วโมงต่อวัน
          2. เครื่องสำอาง ครีมบำรุงมักได้เงินจากคุณเสมอ
          3. หลายครั้งที่คุณนั่งนึกว่า วันนี้ล็อคบ้านแล้วหรือเปล่า ปิดไฟแล้วหรือยัง?
          4. คุณเคยพูดให้กำลังใจตัวเองในกระจกหรือพูดคนเดียวอยู่บ่อยๆ
          5. คุณเป็นคนรักความสะอาดขั้นเทพ ล้างมือทุกครั้งที่นึกได้
          6. คุณคิดว่าคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดคือตัวคุณเอง
          7. เวลาเห็นกระจกไม่รู้ทำไมต้องแอบเช็คหน้าตาตัวเองทุกที
          8. คุณเป็นนักช้อปปิ้งต้วเป้ง ทุกครั้งที่เห็นป้ายเซลล์เป็นต้องซื้อ
          9. คุณมีความลับเรื่องพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้กระทั่งเลือกตอบว่า “ใช่” ในข้อนี้
          10. คุณเคยคิดว่ามีตัวคุณอีกเวอร์ชั่น... ซ่อนอยู่ในตัวคุณเอง

ตอบว่าใช่ < 5 ข้อ
          แต่อย่าเพิ่งดีใจ ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” ไม่ถึง 5 ข้อ เพราะถึง “คุณ” จะไม่ใช่ แต่ “คนใกล้ตัว” คุณน่ะ...ไม่แน่! ทางที่ดีอย่าไว้ใจใคร... แม้แต่ใจตัวเอง
ตอบว่าใช่ > 5 ข้อ
          ขอแสดงความยินดี! บอกได้คำเดียวว่า “คุณมีโลกลับๆ ที่ไม่มีใครรู้” แล้วอยากรู้มั้ยว่ามีใครอยู่ในโลกใบนี้กับคุณบ้าง?

          อยากรู้...คลิก http://www.youtube.com/watch?v=nL7qvv3zHAM

          ร่วมหาคำตอบของโลกแห่งความจิตพร้อมกัน
          17 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั่วประเทศ

FB on May 04, 2012, 07:41:37 AM
“หน้าอย่างผมเหรอจะเล่นเป็นคนดี” “บีม ศรัณยู” ออกตัวขำขำ รับบทเข้มเต็มอารมณ์ดิบใน “คน-โลก-จิต”


 
          นักแสดงหนุ่มมาดกวนมากความสามารถอีกคนของวงการบันเทิง “บีม-ศรัณยู ประชากริช” ที่นานๆ ทีจะมีงานแสดงภาพยนตร์ให้ชมกัน ล่าสุดผู้กำกับ “นนทรีย์ นิมิบุตร” ตั้งใจเลือกเขาให้มาแสดงในภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์เรื่อง “คน-โลก-จิต” เพราะภาพลักษณ์แรงๆ ของเขากับบทหนุ่มไฮโซมาดร้ายที่ต้องเข้าไปพัวพันกับปมทางจิตทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง งานนี้หนุ่มบีมออกตัวแบบขำๆ ไว้ก่อนว่า “หน้าอย่างผมเหรอจะเล่นเป็นคนดีกับเขาได้”

          “ผมรับบทเป็น ‘คีย์’ หนุ่มไฮโซที่เป็นเพื่อนเก่าของพระเอกนักจิตวิทยา ทั้งคู่เหมือนมีปมเบื้องหลังที่ปิดบังอยู่ จนเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่โยงพวกเขาเข้าไปพัวพันกับฆาตกรรมต่อเนื่องสุดซาดิสต์ที่คาดไม่ถึง ก็จะเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนทีเดียวครับ การแสดงหนังเรื่องนี้ก็คงต้องบอกว่าการที่เล่นเป็นคนดีมันยากมากสำหรับผมนะครับ เพราว่าไม่มีใครเชื่อหน้าผมนะครับ มันเกิดมาแย่เองนะครับ (หัวเราะ) ความยากจริงๆ คงเป็นเรื่องของอารมณ์ มันไม่ใช่ว่าจะเป็นอารมณ์โมโหปรี๊ด เครียดปรี๊ด ไม่ได้ขึ้นสุดลงสุด มันก็ต้องมีเหตุและผลของอารมณ์ ไล่ระดับอารมณ์ขึ้นไป นั่นก็คงเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ได้ทั้งเรียนการแสดงและการเวิร์คช็อปที่ช่วยให้การแสดงไหลลื่นมากขึ้น ผมก็พยายามแสดงคาแร็คเตอร์นี้ให้ถูกใจมากที่สุดครับ

          เรื่องนี้ก็จะสะท้อนเรื่องราวตรงตัวกับชื่อเรื่อง ‘คน-โลก-จิต’ เลยครับ คือคนธรรมดาๆ คนหนึ่งบนโลกใบนี้ อาจจะมีสภาพทางจิตหรือภาวะกดดันหลายๆ อย่าง มันก็เหมือนเป็นตัวแทนที่ทำให้ทุกคนได้รู้เรื่องความผิดแปลกบิดเพี้ยนของจิตใจ เรื่องนี้ทุกคนต้องติดตามไปตลอดเรื่อง ผมเชื่อว่าไม่มีคำว่างง มีแต่ตื่นเต้น และก็น่าค้นหาครับ อีกอย่างคือเรื่องนี้จะมีเซอร์ไพรส์จนตัวผมยังไม่รู้เลยนะครับว่ามันจะออกมาเป็นยังไง เพราะว่าพี่อุ๋ย นนทรีย์สับขาหลอกทั้งนักแสดงและคนดูตลอดเลยครับ”

          เตรียมชมอีกหนึ่งบทบาทสุดเข้มข้นของ “บีม-ศรัณยู ประชากริช” ในภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์ที่คุณไม่อาจไว้ใจตัวเองได้เลยกับ “คน-โลก-จิต” ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ของ “นนทรีย์ นิมิบุตร” พร้อมเข้าฉาย 17 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on May 10, 2012, 03:31:22 PM
Movie Guide: คน-โลก-จิต

          ฆาตกรรมสยองในวันอากาศร้อนผ่าวนำพา 4 คนนี้มาพบกัน

          เขื่อน (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) -- นักล้วงความลับทางจิต เก่ง มั่นใจ เชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ด้วยตัวของเขาเอง ตัวเลือกเดียวของการไขปริศนาการตายสุดสยดสยอง

          เทียน (บุญยิสา จันทราราชัย) -- นักนิติวิทยาศาสตร์สาว สุขุม แน่วแน่ ที่มุ่งมุ่นตามหาความจริงของความตายที่ไร้ร่องรอยฆาตกรโดยไม่รู้ว่ามีบาง สิ่งรอคอยอย­ู่

          กวาง (แม็กกี้-อาภา)-- นักศึกษาสาวที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง สวย เซ็กซี่ ใช้ทุกนาทีของชีวิตกับความเสี่ยง

          คีย์ -- (ศรัณยู ประชากริช) นักธุรกิจหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ล้อมรอบไปด้วยความสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยเติมเต็มชีวิตได้สักที
แต่ ยิ่ง "เขื่อน" เข้าใกล้คำตอบของคดีสุดซาดิสต์นี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนทั้งหมดจะถูกดึงเข้าไปอยู่เกมที่บิดเบี้ยวมากขึ้นเท่านั้น ...

          เมื่อความตายมาประชิดตัว จงอย่าไว้ใจใคร! ที่สุดของภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์ที่จะทำให้รู้จักตัวตนและความเป็น
          "คน-โลก-จิต" ที่ "คุณเอง" ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น
          17 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=9yf2pR2B9zU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=9yf2pR2B9zU</a>

FB on May 10, 2012, 03:34:03 PM
บทสัมภาษณ์ “นนทรีย์ นิมิบุตร” กับภาพยนตร์ไซโค-ทริลเลอร์สุดระทึก ที่จะทำให้คุณมองตัวเองและโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “คน-โลก-จิต”









       จุดกำเนิด “คน-โลก-จิต”

          มันเริ่มจากที่เราได้จัดโครงการ Thailand Script Project ครั้งที่ 2 ที่ผมทำร่วมกับคุณเป็นเอก (รัตนเรือง) แล้วน้องภัทรา (พิทักษานนท์กุล) ที่เขียนบท “คน-โลก-จิต” เขาก็ส่งบทเข้ามา แล้วก็ได้รางวัลชนะเลิศ กรรมการหลาย 10 ท่านคัดเลือกมาแล้วก็ได้รางวัลสูงสุด แล้วผมเองก็ได้อ่านแล้วคิดว่ามันพัฒนาได้ เพราะมันมีความน่าสนใจมากอยู่ในตัวเรื่องราวของมัน

          ในขณะเดียวกันผมเองก็ได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อที่มีอยู่ในเมืองไทย ผมรู้สึกว่าปัจจุบันเกิดคดีที่แปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย มีคดีที่ตั้งแต่เด็กที่ผมไม่เคยเห็นไม่เคยพบ ผมรู้สึกว่าคนมีความโหดขึ้นเรื่อยๆ ในสภาพทางจิตใจหรืออาจจะเกิดจากสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ ทางการเมืองทุกอย่าง ผมว่าบ้านเราอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพราะฉะนั้นผู้คนก็จะเครียดแล้วก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเท่าที่ประเมินดูจากตามข่าวตามสื่อต่างๆ ผมรู้สึกว่าคนปัจจุบันนี้ค่อนข้างที่จะมีการแสดงออกแปลกกับสิ่งที่เราเคยเจอนะครับ เป็นเรื่องระหว่างครอบครัวบ้าง เป็นเรื่องระหว่างชุมชนบ้าง เป็นเรื่องระหว่างสังคมเล็กๆ บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อก่อนเวลาคนทะเลาะกันลุกขึ้นมาตีกันแค่นั้นก็จบ แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนโหดเหี้ยมขึ้น เอะอะมีการฆ่า เอะอะมีการทำร้ายกันอย่างรุนแรง ผมรู้สึกว่าหลังๆ เนี่ยคนเราเริ่มจะรู้สึกว่าเหมือน คือหนึ่งห่างไกลพระพุทธศาสนา สองขาดการยับยั้งชั่งใจ ก็เคยคิดเสมอว่ามันเกิดอะไรขึ้น

          ก็ได้ไปคุยกับคุณหมอทางจิตวิทยาแล้วก็อ่านหนังสือก็ได้พบว่า เหมือนกับว่าปัจจุบันนี้มันเกิดความวิปริตเกิดขึ้นในทั้งทางปฏิกิริยาเคมีในสมอง ในร่างกายของเราเอง บางคนไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร เกิดความเครียดเลยทำให้สมองของมนุษย์มันผิดและบิดเบี้ยว มันเพี้ยนไปจากปกติ ซึ่งปัจจุบันนี้มันเพี้ยนไปไกลมาก มันบิดไปไกลมาก คือคนมีการแสดงพฤติกรรมออกที่แปลกประหลาดมากแบบที่เราคิดไม่ถึงว่าคนจะทำได้ มีหลายๆ เรื่องเป็นแบบนั้น ก็เลยผนวกกันจากความสงสัยต่างๆ จากสื่อต่างๆ ที่ผมเคยได้รับบวกกับสคริปต์ที่ชนะเลิศเรื่องนี้บังเอิญมาเจอกันพอดี ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ราควรจะบอกควรจะแจ้ง เราควรจะเตือนให้คนไทยทั่วไปได้ทราบว่าเราเริ่มมีความผิดเพี้ยนทางจิต เพียงแต่ว่าใครจะสามารถควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน คือหมายถึงความผิดเพี้ยน ความบิดเบี้ยวมันเพิ่มปริมาณมากขึ้นในตัวเรา แต่ว่าเราก็ต้องพยายามที่จะควบคุมมันให้ได้มากขึ้น มีสติมากขึ้น มีความคิดพิจารณากับทุกๆ เรื่องมากขึ้น นับหนึ่งถึงร้อยมากขึ้น เรื่องนี้ไอเดียก็จะเป็นการเตือน เป็นการเล่าให้ฟังว่าคนเรามีความผิดเพี้ยนไปมากแค่ไหน ไอเดียมันเริ่มมาจากบ้าน สังคมที่เรียกว่าครอบครัวนะครับ จนถึงสังคมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ชั้นตั้งแต่ขนาดเล็กจนใหญ่ ก็ได้นำมาพัฒนาบทกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ สุดท้ายผมก็เขียนมาเป็นร่างสุดท้ายนี้

          ใช้เวลาพัฒนาบทนานมากน้อยแค่ไหน
          ต้องบอกตามตรงว่าผมชอบสคริปต์ที่ชนะเลิศนี้มาก เพียงแต่ว่าความซับซ้อนของเรื่องมันยังไม่มากพอนะครับ ผมก็เอาบทนั้นมาเป็นบรรทัดฐานหรือแม่แบบแล้วผมก็พัฒนาไป ศึกษา research ข้อมูลต่างๆ ทั้งหนังสือ จากผู้รู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับจิตวิทยานะครับ นำเอาความรู้เหล่านั้นหรือสิ่งที่ได้จากการ research เหล่านั้นมาใส่ไว้ในภาพยนตร์ค่อยๆ ใส่ไป ยิ่งใส่เข้าไปมันก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น เข้มข้นขึ้น แล้วมันก็มีไอเดียเกิดขึ้นมากมายในระหว่างที่เราทำบท พอได้ไอเดียตรงนั้นมาปุ๊บ เออ...ปมนี้มันน่าสนใจ แก้กันสักยี่สิบครั้งได้มั้งกว่าจะลงตัวว่าเป็นบทนี้

เรื่องราวความสลับซับซ้อนของจิตใจของมนุษย์มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อเรื่องว่า “คน-โลก-จิต” มันเป็นเรื่องของคน เรื่องของโลกใบนี้ เรื่องของจิตใจ สามอันนี้มันสัมพันธ์กันอย่างไร ในภาพยนตร์พยายามจะพูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของสามสิ่งนี้ซึ่งมันมาประกอบกันอยู่ในสังคมนี้นะครับ ยิ่งทำไปก็ยิ่งสนุกสนานมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่าระหว่างการถ่ายทำเราก็แก้บทไปด้วย เพราะว่าเราก็ไม่เคยเข้าไปคลุกคลีตีโมงกับคนที่สภาวะทางจิตใจที่มันผิดเพี้ยน เราก็ไม่ได้ไปอยู่กับเขาเป็นประจำหรือพบเห็นเขาประจำ เพียงแต่ว่ามันเริ่มมีความละเอียดอ่อน พอนักแสดงมาอ่านบทเสร็จแล้วก็สวมบทบาทนั้นๆ บางคนมันมีบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง พอเราเห็นอย่างนั้นเราก็ปรับแต่ไม่ใช่เปลี่ยนบทนะครับ คือปรับบทให้เข้ากับตัวของนักแสดง หรือเราเห็นแง่มุมบางอันที่มันสนุกกว่าถ้าสามารถจะบิดไอ้เรื่องราวเหล่านั้นให้มันผิดเพี้ยนลงไปอีกหน่อย เราก็เติมเข้าไปตลอดระหว่างถ่ายทำด้วยครับ สนุกมากครับ

          จากวันที่ตัดสินประกวดมาจนถึงการพัฒนาบทใช้เวลาถึง 1 ปีเลยครับ เพราะมันต้องการข้อมูลน่ะครับ เพราะเรื่องเกี่ยวกับสภาวะทางจิตของมนุษย์มันมีความซับซ้อนอยู่มาก มันพริ้วไหวได้ตลอดเวลา มันไม่นิ่ง ทุกอย่างมีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกเสมอ มันเลยต้องไปค้นคว้าข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่องยา เรื่องการรักษา ประเภทต่างๆของคนที่มีปัญหาทางด้านสมองหรือสภาวะทางจิตอะไรแบบนี้นะครับ เลยต้องใช้เวลารีเสิร์ชนาน ต้องอ้างอิงถึงความเป็นจริงได้ คนต้องเชื่อถือเราได้ เราอยากทำหนังเรื่องนี้ให้มันเป็นเรียลิสติกจริงๆ เพื่อที่จะได้ให้ประโยชน์กับคนดูว่าสภาวะทางจิตมันเกิดจากอะไรได้บ้าง วิธีการแก้ไขมันควรจะเป็นยังไง

          เรื่องราวของ “คน-โลก-จิต”
          เล่าง่ายๆ เลยคือ มันเกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นในกรุงเทพฯ นี่นะฮะ ก็เป็นเหมือนข่าวที่เราเคยดู เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันนำพาตัวละคร 4 ตัว เข้ามาเจอกัน มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วต่างคนก็มีปมที่บิดเบี้ยวทางใจ เนื่องจากทางครอบครัวบ้าง สภาวะทางสังคมบ้าง ทางการงานบ้าง ที่มันเกิดความเครียด ความเพี้ยน อาจจะเห็นภาพหลอน ซึ่งต่างๆ เหล่านี้เราได้มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ทั้งนั้น 4 คนนี้ก็มารวมตัวกันแล้วพยายามช่วยกันหาทางแก้ไขสภาวะการของแต่ละคนๆ ให้มันคลี่คลายออกไปทั้งทางดีและร้าย บางคนมันไม่แน่นอน จากสถิติจากข้อมูลจากบันทึกคดีที่เคยมี มันอาจจะแก้ไขไปในทางที่ดีได้ หรือบางรายยิ่งแก้ไขก็ยิ่งอาจถลำลึกลงไปอีกได้ เรื่องนี้ก็จะบอกทั้งสองทางครับ
« Last Edit: May 11, 2012, 08:00:02 AM by FB »