MSN on August 16, 2011, 06:20:18 PM
KTAM ขายตราสารหนี้ในประเทศ6เดือนชู3.40%ต่อปี
 
 
             นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนกรุงไทยสมาร์ท อินเวสท์ 6 เดือน 5 (KTSIV6M5)  ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19  สิงหาคม 2554   ซึ่งเป็นกองทุนประเภท roll over ที่เปิดให้นักลงทุนซื้อ-ขายคืนหน่วยลงทุนได้ ทุก 6 เดือน โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.40% ต่อปี    โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนในประเทศทั้งหมด ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป เช่น ตั๋วแลกเงินของธนาคารนครหลวงไทย  ธนาคารไอซีบีซี (ไทย), ธนาคารเกียรตินาคิน, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ,  บมจ.ภัทรลีสซิ่ง, บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์,  บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ เวลลอปเม้นท์ เป็นต้น

 กองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น  และมีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ (ระดับ 4)   ซึ่งตราสารที่กองทุนลงทุน จะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน   

 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐในประเทศปรับลดลงอย่างมากซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยพันธบัตรระยะ 6-12 เดือน ปรับลดลง 13-21 bp  เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สาธารณะในยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอย่างล่าช้า  และปัจจัยดังกล่าวยังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปอีกประมาณ 2 ปี  จึงทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้เกือบทุกรุ่นอายุปรับตัวลดลงอย่างมาก

  ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศ  ยังอยู่ในช่วงที่รอผลการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางสัปดาห์หน้า   โดย กนง. แสดงความเห็นในทิศทางที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจากระดับปัจจุบันที่ 3.25%  อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวแปรทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งจะแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีส่วนสำคัญต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย  ทั้งนี้  การคาดการณ์ของตลาดการเงินเริ่มมีมุมมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีปัจจัยเศรษฐกิจ กระแสการไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศ การแข็งค่าของเงินบาทเป็นตัวกดดันที่มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตัวแปรอัตราเงินเฟ้อ