KTAMเพิ่มทางเลือกการลงทุน ขายตราสารหนี้-พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 12 ( KTSUPB12 ) เสนอขาย 12-19 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย ตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลัง / พันธบัตรรัฐบาล ในสัดส่วน 75%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และส่วนต่างของผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน เงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในช่วงระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 ( KTSIV3M1 ) เสนอขายถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารดอยซ์แบงก์ เงินฝากธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี สัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ผลพวงจากการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่ผ่านไปด้วยความสงบเรียบร้อยค่อนข้างมีอิทธิพลต่อภาวะตลาดการเงินของไทยอย่างมาก โดยได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าทั้งในตลาดตราสารหนี้และตราสารทุน โดยเฉพาะในตราสารระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี จึงทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในระยะสั้นแกว่งตัว แม้ว่าในสัปดาห์นี้ตลาดการเงินส่วนใหญ่จะคาดการณ์ว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีก 0.25% จากระดับปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 3.00% รวมถึงภาวะการแข่งขันระดมเงินของสถาบันการเงินในประเทศในรูปของตั๋วแลกเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างจูงใจ
ในส่วนของภาวะการลงทุนในต่างประเทศตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีความผันผวนพอสมควรตามการแกว่งตัวของอัตราแลกเปลี่ยน แต่สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ขยายตัวกว้างขึ้น ทำให้ได้รับดอลล่าร์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อการลงทุนในต่างประเทศที่มีการทำสัญญาสวอปอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อปิดความเสี่ยงดังกล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เปิดอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ลงทุนในที่ต้องการลงทุนระยะยาว และได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ซึ่งขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( KTILB ) ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 อายุ 10 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( ILB ) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ตราสารการเงินอื่น ตามที่สำนักงานก.ล.ต.กำหนด
โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน จากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( ILB ) ประมาณ 1.20% ต่อปี บวกกับอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ได้จาก ILB และอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี จะสะสมอยู่ในกองทุน ซึ่งกองทุนมีนโยบายจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับผู้ลงทุนในทุก 6 เดือน โดยจะจ่ายคืนในส่วนของอัตราดอกเบี้ยของ ILB เท่านั้น หลังหักค่าใช้จ่ายจากกองทุน ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
จุดเด่นของกองทุนนี้ เป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ กองทุนนี้จะรักษาเงินต้นและผลตอบแทนของผู้ลงทุนตามที่ได้กำหนดไว้ และคาดว่ากองทุนจะสร้างผลตอบแทนสุทธิได้สูงกว่าผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนเองโดยตรง นอกจากนี้ จะเปิดให้ผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่อง สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ หลังจากครบ 2 ปีแรก ซึ่งบริษัทจะแจ้งวันและเวลาในการขายคืนหน่วยลงทุน ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทราบไม่น้อยกว่า 7 วัน