ผู้ว่าฯ ชูนโยบาย “ทั้งชีวิต...เราดูแล” พร้อมยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานคร
6 เดือนกับการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่มุ่งมั่นอยากให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับโลก พร้อมชูนโยบาย “ทั้งชีวิต..เราดูแล” ผ่านบูธนิทรรศการแสดงผลงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ตามนโยบาย 6 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ, ด้านความปลอดภัย, ด้านสิ่งแวดล้อม, ด้านการศึกษา, ด้านสุขภาพและการสาธารณสุข และด้านการจราจร รวมถึงแผนงานในอนาคต พร้อมบริการตรวจสุขภาพ การแจกหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การให้คำปรึกษาด้านการเงิน มุมอ่านหนังสือเพื่อการเรียนรู้ การทำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด หรือการคัดสำเนาทะเบียนบ้าน และชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง รุจ เดอะสตาร์4 และวง ETC โดยมีผู้ร่วมงานอย่างล้นหลาม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่าน ณ เซ็นทรัล เวิลด์
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “6 เดือนที่ผ่านมาของการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมมีความมุ่งมั่นที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับโลก ซึ่งไม่เน้นเฉพาะทางกายภาพ แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งชรา ภายใต้แนวคิด “ทั้งชีวิต…เราดูแล” ซึ่งมีถึง 6 หลักสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ด้านเศรษฐกิจ ที่จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นมหานครแห่งการค้าและการท่องเที่ยวของภูมิภาค ที่ได้มีการจัดทำโครงการมากมาย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ทั้งในเรื่องการกู้ยืมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ กับโครงการยิ้มสู้..กู้สร้างอาชีพ ที่ได้ร่วมกับ ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โครงการบ้านยิ้มสวย ที่ให้ข้าราชการและลูกจ้างกทม. ได้มีที่พักอาศัยมั่นคงในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โครงการยิ้มรับ ปรับหนี้บัตรเครดิต ที่ให้เปิดสินเชื่อสำหรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต รวมถึงการจัดมหกรรมสินค้าราคาถูก ผูกรอยยิ้ม โครงการจตุจักรไนท์มาร์เก็ต การส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นรายได้กรุงเทพฯ ที่จะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นรายได้ให้แก่คนกรุงเทพฯ รวมทั้งการหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้านความปลอดภัย ที่จะปฏิรูปให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ที่ กทม.มีนโยบายติดตั้งกล้อง CCTV 20,000 ตัวภายใน 4 ปี ซึ่งได้ติดตั้งไปแล้ว 2,199 ตัว เพื่อเฝ้าระวังดูแล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง อีก 50,000 จุด ซึ่งติดไปแล้ว 11,000 จุด ตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร สร้างเครือข่ายความปลอดภัยด้วยจักรยานยนต์รับจ้าง พัฒนา
ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างให้มีจิตอาสา เพื่อร่วมกันเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ปรับบทบาทเทศกิจ กทม. ช่วยเหลือเหตุจลาจลเมือง
ด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะจัดระเบียบกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครที่สะอาด ปราศจากขยะ และมลพิษ และสร้าง สิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่คนกรุงเทพฯ กทม. กำลังเร่งดำเนินการเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึงสวนหย่อมสำหรับสัตว์เลี้ยงและเจ้าของที่จะได้มีกิจกรรมร่วมกัน และการฟื้นฟูสภาพแม่น้ำลำคลอง การสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม ทั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ด้านตะวันออกนอกคันกั้นน้ำ และจัดหาพื้นที่รองรับและเก็บกักน้ำ และยังมีการจัดตั้งทีม BEST ซึ่งจะปฏิบัติการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ด้านการศึกษา เสริมสร้างให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัดกทม. มี 435 แห่ง ซึ่งกทม. เล็งเห็นว่า เด็กจะเรียนดี เรียนเก่ง ต้องพัฒนากันตั้งแต่ปฐมวัย ซึ่งรวมถึงการพัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก ทางกทม. มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์ 20,500 เครื่อง ให้เด็กได้ใช้กันทุกคน รวมทั้งยังได้มีการลงนามในโครงการ Microsoft Acessibility ที่จะนำโปรแกรม Microsoft Multipoint มาช่วยในการเรียนการสอน โดยคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องสามารถใช้เมาส์พร้อมกันได้หลายตัว และยังเป็นครั้งแรกที่ได้มีการจัดการศึกษาเพื่อเด็กพิเศษ ที่ปัจจุบันได้เปิดห้องเรียนให้เด็กพิเศษได้เรียนร่วมด้วยไปแล้ว 74 แห่ง และจะเปิดเพิ่มอีก 26 แห่ง รวมทั้งการฝึกอบรมครูพี่เลี้ยง 4,440 คน เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กก่อนวัยเรียนได้รับการดูแลที่ถูกต้อง และในวันที่ 6 กันยายนศกนี้ ที่กทม. จะมีการจัดมหกรรมทีน ทาวน์ รับฟังข้อเสนอของกลุ่มเยาวชนจากสภาเยาชนของเขต และ กทม. 100 คน เกี่ยวกับความต้องการของวัยทีน
ด้านสุขภาพ ส่งเสริมให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่เข้มแข็ง กทม. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่หลายคนเป็นกังวล ได้จัดทีมดูแลลงพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตามอาการของผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ พร้อมเปิดบริการตอบคำถามโดยทีมพยาบาลและนักวิชาการแพทย์ ที่สายด่วน 1555 และเปิดช่องทางบริการเฉพาะไข้หวัดแบบ One Stop Service ในโรงพยาบาลสังกัดกทม. 9 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 68 แห่ง และรณรงค์ประชาสัมพันธ์การใส่หน้ากากอนามัย และแนวทางปฏิบัติในการดูแลตัวเอง รวมทั้งยังดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งในเวลานี้ กทม. กำลังเร่งดำเนินสร้างบ้านพักผู้สูงอายุแห่งใหม่ ติดริมแม่น้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม สามารถรองรับผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงได้ประมาณ 1,000 คน รวมถึงโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลบางขุนเทียน ที่จะให้บริการทางการแพทย์ทั่วไป และเวชศาสตร์สำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร โดยโครงการทั้ง 2 กำลังดำเนินการสร้างและจะแล้วเสร็จในปี 2555 สำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ทาง กทม. ได้มีคณะทำงานที่จะดูแลด้านอนามัยแม่และเด็ก ที่จะดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอด โดยจะมีการให้อาหารเสริมและคำแนะนำปฏิบัติตัว ในระหว่างที่ตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดเช่นกัน และยังป้องกันควบคุมโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน เช่น วัณโรค ไข้เลือกออก ชิคุนกุนยา พิษสุนัขบ้า เป็นต้น
ด้านการจราจร เพื่ออนาคตการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย ที่กำลังขยายส่วนต่อของ รถไฟฟ้า BTS ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน – เพชรเกษม สายสุขุมวิทจากอ่อนนุช-แบริ่ง หมอชิต – สะพานใหม่ และ แบริ่ง – สมุทรปราการ และรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ BRT เส้นทางช่องนนทรี – ราชพฤกษ์ และ เส้นทางหมอชิต – ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ รวมทั้งการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว โมโนเรล ในเขตเมืองชั้นใน และย่านธุรกิจ
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า “แม้ระยะเวลา 6 เดือนจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่อยากให้ชาวกรุงเทพฯ ได้ลองพิจารณากันว่า ตลอดเวลา 6 เดือนได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วบ้าง เสียงติชม หรือคำวิจารณ์ต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ ที่จะทำให้ผมนำมาปรับปรุง แก้ไข และตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถ ”
ผลงานต่างๆ ที่ได้มีการจัดนิทรรศการแสดงในครั้งนี้ จะมีการจัดโรดโชว์ไปยังที่ต่างๆ อีก 4 มุมเมือง เพื่อเผยแพร่การทำงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อาทิ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ระหว่าง วันที่ 7-9 สิงหาคม, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 ระหว่างวันที่ 14-16 สิงหาคม และ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 3 ระหว่าง 27-30 สิงหาคม และ ศูนย์การค้า เจเจ มอลล์ ระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนศกนี้
แล้วจะรู้ว่าชาวกรุงเทพฯ โชคดีแค่ไหน ที่ผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญและดูแลเราทั้งชีวิตอย่างแท้จริง