pooklook on July 08, 2009, 01:46:43 PM
ในหนังในละครสมัยก่อน นางเอกมักแกล้งพระเอกด้วยการเอา
> หมามุ่ยหรือสุไปโรยใส่เสื้อผ้า เครื่องใช้ให้พระเอกคันเล่น เพราะหมา
> มุ่ยซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ฝักของมันจะมีขนเล็ก ๆใครไปถูกโดน
> เข้าก็จะคันคะเยย ซึ่งก็เหมือนกับบุ้งที่มีขนที่ตัวทำให้คันเช่นกัน
> สำหรับวิธีแก้ซึ่งก็คือวิธีถอนขนของมันออกจากผิวหนังนั่นเอง
> ทำได้โดยหาเทียนไขหรือเทียนขี้ผึ้งมาครึงตรงบริเวณที่คัน ขน
> บุ้งจะหลุดติดเทียนมาได้ อีกวิธีหนึ่งก็คือนำข้าวเหนียวมาสักกำ
> มือหนึ่งคลึงที่รอยผื่นแดง ขนของบุ้งหรือหมามุ่ยก็จะหลุดติดข้าว
> เหนียวออกมาจนหายคันได้
>
> อาการหูอื้อ หูตึง ส่วนหนึ่งเกิดจากขี้หูอุดตันอยู่ภายในโพรงหู
> และเมื่ออุดตันนานวันเข้าขี้หูก็จะจับตัวเป็นก้อนแข็งจนทำให้
> เกิดปัญหาในการรับฟังเสียงพูดที่จะได้ยินไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
> ถ้าหากไปพบแพทย์ หู ตา คอ จมูก ทางแพทย์ก็จะใช้เครื่องมือ
> ดูดขี้หูออกมา แต่สำหรับสูตรของไทยโบราณซึ่งได้รับการถ่าย
> ทอดและพิสูจน์กันมาแล้วเห็นว่าได้ผลดีมากก็คือให้นำกระ
> เทียมที่ปลอกเปลือกแล้วมาโขลกและคั้นเอาแต่น้ำมาหยอด
> หูจะทำให้ได้ยินเสียงการสนทนาได้ชัดเจนขึ้น
>
> บางครั้งไปนั่งกินน้ำแข็งก้อนในร้านอาหารบางร้านก้อนน้ำ
> แข็งใสแจ๋วดูสะอาดสะอ้านน่าดื่มกิน แต่บางร้านก็ขุ่นพลอย
> ทำให้น้ำเปล่าในแก้วไม่ใสไปด้วย ความแตกต่างของก้อนน้ำ
> แข็งต่างกันเพราะขบวนการทำ ถ้าใช้น้ำร้อนทำน้ำแข็ง น้ำแข็ง
> จะใสกว่าใช้น้ำเย็น แต่การใช้น้ำเย็นก็จะทำให้น้ำแข็งเป็นก้อน
> เร็วกว่าน้ำร้อน
>
> วิธีทำให้เทียนไหม้ช้าลงเพื่อให้ใช้เทียนได้นานขึ้นควรแช่เทียน
> ไว้ในตู้เย็นสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนใช้หรือ ไม่เช่นนั้นก็ให้โรยเกลือ
> ลงไป
>
> ใช้ปลาสดทำอาหารจึงจะไม่มีกลิ่นคาวปลา แต่ในความเป็นจริง
> ลองถ้าไม่ใช่ลูกทะเล บ้านใกล้น้ำจริง ๆแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะ
> ได้กินปลาสด ๆได้ง่าย ๆ เคล็ดลับวิธีแก้กลิ่นคาวปลาไม่สดซึ่ง
> เป็นสูตรที่ร้านอาหารต่าง ๆใช้กัน นำปลาที่สับแล้วไปล้างให้สะ
> อาดและแช่ในน้ำแกว่งสารส้มสัก 15 นาที นำขึ้นล้างอีกครั้ง
> ลงทำต้มยำ ทำแกง สุดแล้วแต่ชอบเพียงเท่านี้ก็จะได้กินปลา
> ไม่เหม็นคาว ราวกับกินปลาสดอยู่ริมทะเลเลยทีเดียว
>
> โรคร้อนในหรือโรคปากเปื่อยซึ่งมักจะเกิดในคนที่นอนหลับ
> พักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดภูมิคุ้มกันเชื้อโรค
> ในช่องปากโรคนี้เป็นโรคที่อาจจะดูไม่ร้ายแรง แต่ทำให้เกิด
> ความทุกข์ ทรมารแก่ผู้เป็นได้ไม่น้อย เพราะกินดื่มอะไรก็ไม่
> สะดวก ปวดแสบปวดร้อนตรงแผลบริเวณแผลที่พองอยู่ตลอด
> เวลา วิธีแก้ลองเอาเกลือป่นอมไว้ในปากสัก 10 นาที ทำอย่างนี้
> ทั้งเช้าและเย็น เกลือจะสมานแผลและฆ่าเชื้อโรคได้ดี อาการ
> ปากเปื่อยแผลพุพองจะทุเลาเร็วขึ้น
>
> ผมแตกปลายไม่ต้องตัดทิ้ง มีสูตรยาโบราณที่ทำให้ผม
> เงางามและไม่แตกปลายซึ่งทำจากน้ำตะไคร้ โดยตัด
> ตะไคร้มาสัก 3-4 ต้น ถ้าเป็นตะไคร้สดจากต้นเลยจะดี
> มาก นำมาล้างให้สะอาดตัดเป็นท่อนเล็ก ๆก่อนจะนำไป
> ตำให้ละเอียด หรือถ้าเอาไปบดกับเครื่องบดอาหารด้วยก็
> จะดีมาก ใส้น้ำสะ อ าดลงไปและกลองเอาน้ำตะไคร้ออกมา
> ไม่ต้องใส่น้ำมากนัก เอาแค่แทนเป็นครีมนวด นวดทั่วศรีษะ
> ได้ เพื่อให้ได้สูตรน้ำตะไคร้เข้มข้นหลังจากสระผมตาม
> ปกติแล้วให้เอาน้ำตะไคร้ที่ได้มานวดทิ้งไว้สัก 10 นาทีแล้ว
> จึงล้างออก นวดผมด้วยครีมนวดน้ำตะไคร้นี้สัก 2 เดือนก็
> จะเห็นผล

pooklook on July 08, 2009, 01:47:22 PM
> การซื้อผักชีสมัยนี้บางครั้งจะถูกบังคับให้ซื้อคราวละ
> หลาย ๆต้น เช่นการซื้อในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้าง
> สรรพสินค้า หากผู้ปรุงอาหารใช้จำนวนผักชีจริง ๆแค่
> นิดเดียว ถึงแม้จะใส่ถุงแช่ตู้เย็นเก็บไว้ไม่กี่วันก็เหี่ยว
> ทั้งที่น่าจะเก็บไว้ใช้ได้อีก ทางที่ดีคือให้เก็บผักชีไว้ใน
> กล่องพลาสติกที่มีฝาปิดและพรมน้ำทุกวัน วิธธีนี้จะช่วย
> ให้เก็บผักชีได้อีกหลายวัน ผักชีไม่เหี่ยวเฉาแถมยังมีสีสด
> ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นก็จะเก็บได้เป็นอาทิตย์ แต่ถ้าไม่ได้เก็บ
> ไว้ในตู้เย็น วิธีนี้จ ะ ทำให้เก็บผักชีได้ถึง 3 วัน
>
> อาหารที่เป็นของทอด คนโบราณสอนเคล็ดลับการทอด
> กุ้ง ปู ปลา ชุบแป้งไม่ให้อมน้ำมันไว้หลากหลายวิธี เพราะ
> การทอดอาหารอมน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะใช้น้ำมัน ไม่
> ร้อนพอหรือเหตุใดก็ตามจะทำให้อาหารทอดดูไม่น่ากิน ทั้ง
> ยังทำให้มีไขมันมาก มีผลสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน
> ด้วย สูตรการทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมันอีกสูตรหนึ่งนี้เป็น
> สูตรแปลก ยังไม่เคยได้ยินที่ไหน แต่ทดลองใช้แล้วได้ผลดี
> โดยให้ใส่น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะลงไปผสมกับน้ำมันที่ใช้
> ทอดอาหารของทอดจะไม่อมน้ำมันเมื่อทอดเสร็จแล้ว
>
> ในช่วงที่อากาศเริ่มจะเปลี่ยน คนที่ทำงานมาก พักผ่อนไม่
> เพียงพอจะเป็นโรคไข้หัวลม หรือเป็นไข้ที่เกิดจากอากาศ
> เปลี่ยนฤดูได้ง่าย ๆการกินยาพาราเซ ต ามอล ลดไข้ก็รักษาได้
> แต่กินมาก ๆก็จะไม่ดีเท่าไหร่นัก ลองลดความร้อนด้วยการ
> กินดอกแคต้มจิ้มน้ำพริกดู ดอกแคมีวิตามินซีสูง กินแล้วแก้
> ไข้ได้ชะงัดนัก แต่ถ้าไม่ชอบความขมของดอกแคให้เด็ด
> เอาเกสรของดอกแคออกให้หมด เพราะดอกแคที่ขมจะขม
> ตรงเกสรเท่านั้น
>
> กรดวิตามินเอหรือบางครั้งเราจะคุ้นเคยกับคำว่า AHA ซึ่ง
> สกัดจากกรดผลไม้ มีส่วนช่วยลดรอยเหี่ยวย่นและจุดด่างดำ
> จากการถูกแสงแดดได้จริงโดยทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ผิวให้
> แบ่งตัวเร็วขึ้นทำให้เลือดมาล่อเลี้ยงผิวหนังมากขึ้นและทำให้
> มีการสร้างคอลลาเจนไหม่ไต้ชั้นผิวหนังทำให้ผิวหน้าเต่งตึง
> และทำให้รอยด่างดำเจือจางลงได้
>
>
> ต้มแกงจืดใส่ฟักหรือฟักเขียวน้ำแกงจะหวาน ทั้งเนื้อฟักยังกิน
> ง่าย จะรับประทานทั้งเป็นชิ้นพอคำหรือบดให้เด็กกิน ก ็กินง่าย
> อร่อยแต่เวลาซื้อฟักมาต้มกินบางครั้งซื้อลูกหนึ่งแล้วใช้ไม่
> หมดในครั้งเดียว เพราะลูกฟักลูกโตเกินไป ส่วนที่เหลือถ้า
> อยากจะให้เก็บไว้ได้นานขึ้นให้ลองเอาปูนแดงที่กินกับหมาก
> คนแก่มาทาตรงรอยที่ตัดฟักชิ้นนั้นก็จะเก็บไว้กินได้อีกนาน
> หลายวันไม่ต้องทิ้งทั้งลูกให้เสียของ
>
> ทำอาหารไฟแรง ๆกระทะร้อน ๆอาหารอร่อย ๆ แต่กระทะยิ่ง
> ร้อนน้ำมันยิ่งกระเด็น บางทีกระเด็นลวกมือไม้เป็นจุดแดงทำ
> เอาเด็ก ๆหรือพวกสาว ๆไม่กล้าเข้าใกล้เตา เพราะกลัวน้ำมัน
> กระเด็นโดนเป็นรอยแผล วิธีทำอาหารไม่ให้น้ำมันกระเด็น
> ต้องใส่เกลือป่นลงไปสักหยิบมือ พอเห็นไฟแรงน้ำมันกระเด็น
> ก็หยิบใส่เลย ทอดปลาก็เช่นกันแทนที่จะนำปลาคลุกน้ำปลา
> หรือซอสให้เค็มก็หมักเกลือแทน นอกจากจะทำให้เวลาทอด
> น้ำมันไม่กระเด็นแล้วยังไม่ทำให้เนื้อปลาติดกระทะจนหนังปลา
> ถลอกปอกเปิกเวลากลับปลาด้วย
>
> สำหรับคุณแม่ที่มีลูกรู้ดีว่าพวกเขาต้องระม ั ดระวังในการล้าง
> ขวดน้ำขวดนมให้สะอาดขนาดไหนเพื่อไม่ให้มีเชื้อโรค เชื้อรา
> ซึ่งอาจจะเกิดจากการล้างน้ำนมค้างบูดในขวดไม่หมดจนอาจ
> ไหลเข้าสู่ทางเดินอาหารของลูก เกิดอาการท้องร่วง ท้องเดินหรือ
> โชคร้ายก็อาจจะมีผลถึงชีวิต ดังนั้นการล้างขวดนมให้สะอาด
> จึงสำคัญมากซึ่งโดยปกติแล้วคุณแม่จะเอาขวดนมไปต้มควบคู่
> ไปกับการล้างน้ำด้วย แต่ขั้นตอนนั้นก็ยุ่งยากไม่สามารถทำได้
> ทุกวัน มีเคล็ดลับง่าย ๆอีกวิธีหนึ่งคือให้ใส่ใบชาที่ชงแล้วลงใน
> ขวดนม ในขนะที่ทำการล้าง ขวดนมจะใสสะอาดหมดจด เนื่อง
> จากใบชามีฤทธิ์เป็นด่าง จะสามารถเจือจางกรดที่เกิดภายใน
> ขวดนมได้
>
> าการของเด็กที่กินข้าวคำ น้ำคำ ส่วนใหญ่เกิดจากเด็กไม่ชอบ
> กินอาหารหรืออาหารไม่ถูกปากจึงใช้วิธีกินข้าวคำหนึ่งแล้วดื่มน้ำ
> ให้ข้าวไหลลงคอโดยไม่ต้องเคี้ยวมาก พ่อแม่ก็จะว่าไม่ให้ทำเช่น
> นั้นเพราะกลัวลูกจะอิ่มน้ำ ไม่ได้กินข้าวสักเท่าไหร่ แท้ทีจริงนอก
> เหนือจากสาเหตุดังกล่าว การดื่มน้ำมาก ๆหลังจากกินข้าวก็มีผล
> เสียต่อร่างกายเพราะน้ำจะ ไ ปเจือจางน้ำย่อยภายในทีมีลักษณะเป็น
> กรดสำหรับย่อยอาหาร ดังนั้นเมื่ออาหารไม่ย่อยก็จะเกิดอาการ
> ท้องอืดเฟ้อ เรอเปรี้ยว ทางที่ดีหลังอาหารควรดื่มน้ำแต่พอควร
> รอให้น้ำย่อยทำหน้าที่ของมันสักระยะหนึ่งแล้วจึงดื่มน้ำให้มาก ๆ
> ตามที่ร่างกายต้องการจะได้ผลดีมากในภายหลัง
>
> อาการเคล็ดขัดยอก เช่น นิ้วซ้น ขาเคล็ด ส่วนใหญ่จะเกิดกับ
> นักกีฬา กระนั้นนักกีฬาเขาก็จะรู้วิธีปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี แต่คน
> ที่ไม่ใช่นักกีฬา บางครั้งเกิดอุบัติเหตุ เช่นใส่รองเท้าส้นสูง ส้นตึก
> แล้วขาพลิก ปวดจนหาที่เปรียบไม่ได้ บางคนบอกเอาน้ำร้อน
> ประคบ บางคนบอกเอายาเย็น ๆทา ไม่รู้ว่าวิธีไหนถูกต้องกันแน่
> แท้ที่จริงหากเกิดอาการปวดเคล็ด ช้ำบวม ควรบำบัดโดยการ
> หยุดเคลื่อนไหวส่วนที่ได้รับบาดเจ็บทันที รีบนำน้ำแข็งห่อใส่
> ผ้าประคบเบา ๆจนกว่าอาการจะทุเลา แต่ถ้าเกิดตรงบริเวณเท้า
> ข้อเท้า หัวเข่า มือ ข้อมือ หรือข้อศอก ควรพันด้วยผ้ายืดที่สะอาด
> สักประมาณ 1 วัน หลังจากนั้นค่อยใช้น้ำอุ่น ยาหม่องหรือยาน้ำ
> มันระกำทาเพื่อให้ความร้อนกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
>
> ผื่นคัน แมลงกัดต่อย ลมพิษ เป็นอาการที่ไม่ร้ายแรง แต่สร้าง
> ความรำคาญกับผู้มีอาการเป็นอย่างมาก เนื่องจากพอคันขึ้นมา
> ก็นึกอยากเกา แต่ยิ่งเกาก็จะยิ่งคัน ทั้งเมื่อเกามาก ๆยังอาจจะ
> เป็นแผลเป็น เกิดริ้วรอยกระดำกระด่าง สำหรับผู้หญิงแล้วเป็น
> เรื่องใหญ่ในการรักษารอยแผลเหล่านั้นในเวลาต่อมาอย่างแน่
> นอน ถ้าเกิดอาการคันลองใช้สูตรยาแบบชาวบ้านโดยหาเปลือก
> กล้วยน้ำว้ามาทาลงบนรอยแผลหรือเม็ดตุ่มที่คัน ทาไปแล้วจะ
> หายคันทันที ทั้งยังทำให้แผลเย็นอาการดีขึ้น มีคนเคยลองเอา
> เปลือกกล้วยหอม กล้วยไข่มาทาก็ว่าไม่หายเร็วเท่ากล้วยน้ำว้า
> หลังกินลูกได้วิตามินแล้วเปลือกนำมาทาแก้คันหายชะงัดนัก
>
> ถ้าคุณสามีเมาเหล้าพูดจาไม่รู้เรื่อง ถามว่าไปที่ไหนมาก็ตอบ
> ไม่ได้ ไปกับใครยิ่งทำไม่รู้เรื่องใ ห ญ่ เมาหัวจะทิ่มบ่ออย่าง
> เดียว วิธีแก้ฤทธิ์เหล้าให้สร่างเมาสักทีก็โดยการให้อมน้ำตาล
> ทรายหรือจะชงน้ำตาลทรายใส่น้ำร้อนก็ได้ แอลกอฮอล์ทำให้
> ร่างกายขาดน้ำตาลทรายในเลือดเพราะฉะนั้นควรเพิ่มน้ำตาล
> ในเลือดด้วยการกินของหวาน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
> ก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าหากยื่นเล็บมือนางให้ คุณสามีคงผวาหน่อย ๆ
> ด้วยระวัง !!
>
> คนฝรั่งมองคนไทยว่ามีวิธีแกะกระเทียมที่แปลก นั่นคือเราจะไม่
> ปอกเปลือกกระเทียม พ่อครัว แม่ครัวที่ทำกับข้าวระดับมืออาชีพ
> จะทุบกระเทียมให้ติดเปลือกแล้วก็เอาลงไปผัดลงในกระทะเลย
> ฝรั่งบางคนนึกว่าพ่อครัวแม่ครัวเหล่านั้นขี้เกียจจึงทุบกระเทียม
> ใส่ไปทั้งเปลือก แต่การผัดกระเทียมลงไปทั้งเปลือกเวลาผัดจะมี
> กลิ่นหอม หากถ้าจะเจียวกระเทียมจะตรงข้ามกัน เวลาเจียว
> กระเทียมต้องปลอกเปลือกออกให้หมด
>
>
> เราทราบกันดีว่าถ้าร่างกายขาดแคลเซี่ยมจะทำให้เป็นโรคกระดูก
> กร่อน ในยามแก่ตัวลงใครเป็นโรคนี้แล้วไม่ตายทันที แต่กลับ
> ทรมาน ปวดหลัง ไหล่ ไขกระดูก นักโภชนาการแนะนำว่าให้ดื่ม
> นมเยอะ ๆตั้งแต่ยังเป็นสาว เพราะนมมีแคลเซี่ยมสูง แต่นมก็ทำให้
> อ้วนอีก มีอีกวิธีหนึ่งโดยแพทย์แนะนำว่าควรออกกำลังกายอย่าง
> สม่ำเสมอ คนที่ทำงานนั่งเก้าอี้ วัน ๆไม่ได้เดินไปไหนจะสูญเสีย
> แคลเซี่ยมมากกว่าคนที่ลุกเดินไปเดินมาบ้าง ดังนั้นหลังจากเลิก
> งานแล้วลองออกกำลังกายด้วยการเดินรอบบริเวณบ้านหรือที่
> ทำงานสักวันละ 30 นาทีจะช่วยให้ระดับแคลเซี่ยมในร่างกาย
> เพิ่มสูงขึ้นได้มาก
>
> ถาบันมะเร็งแห่งชาติ เคยเปิดเผยว่าคนไทยเราตายด้วยโรคมะเร็ง
> เป็นอันดับรองลงมาจากอุบัติเหตุและโรคหัวใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่
> เป็นชาวอีสานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิด
> จากสาเหตุของการกินอาหารไม่ถู ก สุขลักษณะ ก่อนหน้านี้เราคิดว่า
> มะเร็งเป็นโรคที่มีโอกาศเป็นได้ยาก คราวนี้ควรต้องกลับมาคิดใหม่
> มะเร็งเป็นโรคที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด มีอันตรายร้ายแรงเพราะรักษา
> ไม่ค่อยหาย หรือถ้ารักษาหายก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ไม่เช่นนั้น
> ก็รอวันตายสถานเดียว อีกทั้งคนไทยเราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมาก
> กว่าชนชาติอื่น ๆเพราะเรามีอุปนิสัยการกินที่ไม่ดี ชอบกินของ
> สุก ๆดิบ ๆและไหม้ ๆใช้น้ำมันเก่าทอดอาหาร อีกทั้งมลภาวะที่
> เป็นพิษก็จะเป็นการกระตุ้นเชื้อมะเร็งในร่างกายให้ก่อตัวได้
> ง่ายอีกด้วย
>
> โบราณบอกว่าถ้าไม่อยากให้รองเท้าที่ซื้อมาใหม่กัดก็ให้กัดมันก่อน
> แต่การแก้เคล็ดด้วยวิธีนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลและคงไม่ดีเท่าไหร่แน่
> เพราะรองเท้าก่อนที่จะถูกเราซื้อมามีลูกค้าลองสวมกันมาไม่รู้กี่เท้า
> มีทั้งเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมากมาย ลองใช้สูตรที่ช่างทำรองเท้า
> ทำกันดีกว่า นั่นคือนำน้ำมันสนหรือน้ำมันวาสลินหรือน้ำมันใส่ผม
> ของผู้ชายแบบมัน ๆทาตรงหนัง ท ี่คิดว่าจะกัด ใช้ค้อนทุบให้หนังนิ่ม
> และทาเทียนไขซ้ำ หนังรองเท้าก็จะนิ่มขึ้นไม่กัดเท้า
>
> อาหารประเภทถั่วถือว่ามีประโยชน์มาก แต่การเก็บถั่ว
> ไว้นานจนขึ้นราก็มีโทษมหันต์จนถึงกับทำให้เสียชีวิต
> อย่างเฉียบพลันได้ในประเทศอังกฤษไก่
> งวงถึงแสนตัวเคยติดเชื้อจากราในถั่วที่ชื่อ แอฟพล่า
> ทำให้ตับถูกทำลายจนตาย และในประเทศออสเตรเลีย
> เคยสั่งเก็บผลิตภัณฑ์อาหารประเภทถั่วของบริษัทผลิต
> อาหารชื่อดังออกจากชั้นวางสินค้าของห้างสรรพสินค้า
> ทั่วประเทศเพราะตรวจพบผู้ป่วยได้รับพิษจากการกิน
> ถั่วเนยของบริษัทดังกล่าวซึ่งถั่วที่นำมาปรุงผลิตภัณฑ์
> มีเชื้อรา