happy on April 29, 2011, 03:43:50 PM

ชื่อภาพยนตร์:      KUNG FU PANDA 2

ชื่อไทย:             กังฟูแพนด้า 2

เว็บไซต์:             www.kungfupanda.com      

ทีมพากย์
แจ็ค แบล็ค (Jack Black)                       พากย์เสียง    โป กังฟูแพนด้า                                 พากย์ไทยโดย   ดีเจ เชา เชา    ชวลิต ศรีมั่นคงธรรม
แองเจลินา โจลี่ (Angelina Jolie)          พากย์เสียง    ไทเกรส พยัคฆ์เสือ
                  พากย์ไทยโดย   แคทรียา อิงลิข
ลูซี หลิว (Lucy Liu)             พากย์เสียง    ไวเปอร์ อสรพิษไฟ
               พากย์ไทยโดย   ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิตร
ดัสติน ฮอฟแมน (Dustin Hoffman)          พากย์เสียง    ชิฟู ปรมาจารย์กังฟู
               พากย์ไทยโดย   ดีเจ เชา เชา เชาว์ลิต
มิเชลล์ โหยว (Michelle Yeoh)          พากย์เสียง    ผู้ทำนาย
               พากย์ไทยโดย   ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ
แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman)          พากย์เสียง    ลอร์ดเชน
               พากย์ไทยโดย   ดีเจ บ็อบบี้ นิมิตร ลักษมีพงศ์
เฉินหลง (Jackie Chan)          พากย์เสียง    มังกี้ เจ้าวานร
เซธ โรแกน (Seth Rogen)          พากย์เสียง    แมนทิส ตั๊กแตนจอมต่อย
เดวิด ครอส (David Cross)          พากย์เสียง    เครน กระเรียนทอง
เจมส์ ฮอง (James Hong)          พากย์เสียง    มิสเตอร์พิง พ่อของโป
ฌอง-คล็อดด์ แวน เดมม์ (Jean-Claude Van Damme)        พากย์เสียง    มาสเตอร์คร็อก
วิคเตอร์ การ์เบอร์ (Victor Garber)          พากย์เสียง    มาสเตอร์ธันเดอริง ไรโน
เดนนิส เฮย์สเบิร์ท (Dennis Haysbert)       พากย์เสียง   มาสเตอร์สตอร์มมิง อ็อกซ์
แดนนี่ แม็คไบรด์ (Danny McBride)                       พากย์เสียง    วูล์ฟ บอส

ทีมผู้สร้าง
เจนนิเฟอร์ หยู เนลสัน (Jennifer Yuh Nelson) –ผู้กำกับ
เมลิสซา ค็อบบ์ (Melissa Cobb)—ผู้อำนวยการสร้าง
โจนาธาน เอเบล และ เกลนน์ เบอร์เกอร์ (Jonathan Aibel & Glenn Berger)—บทภาพยนตร์โดย/ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง


กังฟูแพนด้า 2  ภาคต่อสุดสนุกของแอนิเมชั่นสุดฮิต ขวัญใจแฟนๆทั่วโลก

พร้อมกลับมาทวงบัลลังก์เจ้ายุทธจักรแห่งความบันเทิงแล้ว

                บัดนี้ โพได้ใช้ชีวิตในฝันในฐานะนักรบมังกร ที่คอยคุ้มครองหุบเขาสันติภาพ ร่วมกับเพื่อนพ้องและอาจารย์กังฟูทั้งห้า ซึ่งได้แก่พยัคฆ์สาว, นกกระเรียน, ตั๊กแตน, งูพิษและลิง แต่ชีวิตใหม่ของโพกลับถูกคุกคามด้วยการปรากฏตัวของวายร้ายที่น่าสะพรึงกลัว ผู้วางแผนที่จะใช้อาวุธลับในการเข้ายึดครองประเทศจีนและทำลายกังฟู เป็นหน้าที่ของโพและอาจารย์กังฟูทั้งห้าที่จะต้องเดินทางข้ามจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อเผชิญหน้าและกำจัดภัยคุกคามนี้ แต่โพจะหยุดอาวุธที่สามารถหยุดยั้งพลังกังฟูได้ยังไงกันล่ะ เขาจะต้องมองย้อนกลับไปยังอดีตของตัวเอง เพื่อไขปริศนาที่มาอันลึกลับของตัวเอง เมื่อนั้นเขาจึงจะสามารถปลดพันธนาการพลังที่จำเป็นต่อความสำเร็จของเขาออกมาได้
                พบกับทีมพากย์ไทยจัดเต็มสตรีม เรื่องความฮา ความสนุก จากภาคแรก


ดีเจ เชา เชา / แคทรียา อิงลิช / ใหม่ สุคนธวา/ รอง เค้ามูลคดี

      พร้อมด้วยตัวละครใหม่ฝ่ายร้าย  ดีเจ บ๊อบบี้ นิมิตร และ ท็อป ดารณีนุช

แอ็คชั่นมันส์ฮา ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า รับเปิดเทอมใหญ่ 26 พค.นี้ ในระบบ 3D ที่โรงภาพยนตร์
« Last Edit: May 17, 2011, 03:35:40 PM by happy »

happy on May 17, 2011, 03:27:46 PM
ข้อมูลงานสร้าง



               ดรีมเวิร์คส์ อนิเมชัน สตูดิโอที่รังสรรค์ผลงานดีๆ อย่าง “How to Train Your Dragon,” “Shrek” และภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ “Kung Fu Panda” ภูมิใจนำเสนอการผจญภัยครั้งใหม่ล่าสุดของฮีโรสุดฮา ที่สลัดคราบเด็กร้านบะหมี่ไปเป็นปรมาจารย์กังฟู
   ใน “Kung Fu Panda 2” โป (แจ็ค แบล็ค) ได้ใช้ชีวิตในฐานะนักรบมังกรตามความฝันของเขา และเขาก็ได้ปกป้องหุบเขาสันติร่วมกับเพื่อนพ้องปรมาจารย์กังฟูของเขา เจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้า ไทเกรส พยัคฆ์เสือ (แองเจลินา โจลี่), มังกี้ เจ้าวานร (เฉินหลง ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก), แมนทิส ตั๊กแตนจอมต่อย (เซธ โรแกน), ไวเปอร์ อสรพิษไฟ (ลูซี ลิว) และเครน กระเรียนทอง (เดวิด ครอส) ผู้ที่กลับมาอีกครั้งในภาคนี้ด้วยคือดัสติน ฮอฟแมน ในบทมาสเตอร์ ชิฟู ปรมาจารย์กังฟู ผู้เป็นอาจารย์ของโป และเจมส์ ฮองในบทมิสเตอร์พิง พ่อของโป เจ้าของร้านบะหมี่ที่ขายดีที่สุดในหมู่บ้าน
   ชีวิตสุดเจ๋งของโปต้องสั่นคลอนด้วยการปรากฏตัวของศัตรูผู้น่าเกรงขาม ลอร์ดเชน (แกรี โอลด์แมน) ผู้วางแผนจะใช้อาวุธลับไร้เทียมทานในการยึดครองประเทศจีนและทำลายกังฟู โปจะต้องมองย้อนกลับไปยังอดีตของตัวเองและเปิดเผยความเป็นมาที่ลึกลับของเขา เมื่อถึงตอนนั้น เขาจึงจะสามารถปลดปล่อยพลังที่จำเป็นต่อเขาได้
   สมาชิกใหม่ของเรื่องได้แก่มิเชลล์ โหยว ในบทนักทำนายที่รับใช้ลอร์ดเชน ผู้ซึ่งภาพอนาคตที่เธอมองเห็นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อชะตากรรมในภายภาคหน้า, แดนนี่ แม็คไบรด์ในบทวูล์ฟ บอส ลูกสมุนของเชน และเดนนิส เฮย์สเบิร์ทในบทมาสเตอร์สตอร์มมิง อ็อกซ์ ร่วมด้วยซูเปอร์สตาร์นักบู๊ฌอน-คล็อด แวน เดมม์ในบทมาสเตอร์คร็อกและวิคเตอร์ การ์เบอร์ในบทมาสเตอร์ธันเดอริง ไรโน
   ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเจนนิเฟอร์ หยู เนลสัน อำนวยการสร้างโดยเมลิสซา ค็อบบ์ ร่วมอำนวยการสร้างโดยโจนาธาน เอเบล, เกลนน์ เบอร์เกอร์และซูซานน์ บูเออร์กี้ เขียนบทโดยโจนาธาน เอเบลและเกลนน์ เบอร์เกอร์ ดนตรีโดยฮันส์ ซิมเมอร์และจอห์น พาวเวลล์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการจัดเรท PG สำหรับซีเควนซ์แอ็กชันศิลปะการต่อสู้และความรุนแรงเล็กน้อยโดย MPAA


ยุคทองของแพนด้าส่องแสงสว่างไสว



               เจนนิเฟอร์ หยู เนลสัน ผู้กำกับ “Kung Fu Panda 2” รับหน้าที่สามอย่างใน “Kung Fu Panda” ภาคแรกนั่นคือหัวหน้าฝ่ายเรื่องราว ซูเปอร์ซีเควนซ์แอ็กชันและผู้กำกับซีเควนซ์ในฝัน เช่นเดียวกับที่โปเดินตามความฝันของเขาที่จะได้เป็นนักรบมังกร เนลสันเองก็มีการเดินทางของตัวเองเหมือนกัน
   ผู้อำนวยการสร้างเมลิสซา ค็อบบ์ กล่าวว่า “เจนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เริ่มต้น และมีบทบาทสำคัญจริงๆ ในการช่วยขัดเกลาเรื่องราว ถ้ามีใครที่รู้จักเนื้อหานี้ ตัวละครเหล่านี้และโลกใบนี้อย่างดี คนๆ นั้นก็คือเจนค่ะ การที่เธอกลายเป็นผู้กำกับของ ‘Kung Fu Panda 2’ เป็นพัฒนาการที่เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้เลย”
   ผู้กำกับเจนนิเฟอร์ หยู เนลสันกล่าวว่า “ฉันเติบโตมากับหนังแอ็กชันฮ่องกง และฉันก็ใส่ความคิดแบบนั้นลงไปใน ‘Kung Fu Panda’ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเรื่องราว ฉันค่อนข้างจะเน้นพวกเราทุกคนให้มีความคิดอ่านแบบเดียวกันนั้นและในหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน ฉันคิดว่าหนึ่งในกุญแจสำคัญคือพวกเราทุกคนต่างก็พูดภาษาเดียวกันแล้วค่ะ และในการทำงานใน ‘Kung Fu Panda 2’ ประสบการณ์ที่เราแชร์ร่วมกันก็ติดมาด้วย และมันก็ช่วยขัดเกลาเรื่องราวที่เรากำลังบอกเล่าและลักษณะการดำเนินเรื่อง เป้าหมายของเราคือการผลักดัน ‘Kung Fu Panda’ และโปไปอีกระดับขั้นค่ะ”
   เช่นเดียวกับที่โปกลายเป็นนักรบที่เก่งกาจขึ้น การผจญภัยครั้งใหม่ล่าสุดนี้ก็ได้สะท้อนถึงความเกี่ยวข้องที่มากขึ้นของเขาในโลกกังฟูด้วย เนลสันกล่าวว่า “หนังเรื่องนี้ดำเนินไปตามขนบของหนังศิลปะการต่อสู้มากกว่าค่ะ ที่บ่อยครั้งจะมีคำถามเกี่ยวกับอดีตของพระเอกคนใหม่ และคนที่ต้องการจะท้าทายอำนาจของเขาค่ะ”
   “นับตั้งแต่ ‘Kung Fu Panda’ มีคำถามที่หลายคนอยากจะรู้คำตอบ คำถามที่ไร้คำอธิบายซึ่งก็คือทำไมพ่อของโปถึงเป็นห่าน สำหรับโป นักรบมังกร มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่เขาจะรู้ตัวได้แล้วว่า พ่อเขาไม่ใช่พ่อจริงๆ และต้องออกตามหาที่มาจริงๆ ของตัวเอง ระหว่างนั้น เขาก็ได้เรียนรู้ว่าอดีตของเขาเกี่ยวพันกับลอร์ดเชน ความท้าทายจากนกยูงตัวนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ มันเป็นโชคชะตา เป็นสิ่งที่มักจะปรากฏอย่างเด่นชัดในหนังศิลปะการต่อสู้ และเมื่อเขาได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง โปถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับเชนและกองทัพของเขาได้ค่ะ”
   “ในภาคแรก” เนลสันกล่าวต่อ “เราได้เรียนรู้ว่าวีรบุรุษมีได้ทุกขนาดและรูปร่าง เมื่อโปได้ทำตามชะตากรรมและกลายเป็นนักรบมังกร ในซีเควล เราได้เรียนรู้ว่าชะตากรรมนั้นนำเราไปสู่โชคชะตาของเรา นำผู้คนมาสู่ชีวิตเรา ที่จะปกป้องเราและท้าทายเรา…ทำให้เราตระหนักถึงศักยภาพทั้งหมดของตัวเราเองค่ะ”
   เรื่องราวของโปเริ่มต้นขึ้นในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 เมื่อ “Kung Fu Panda” โดยดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก เรื่องราวของเด็กร้านบะหมี่ที่เฝ้าฝันกลางวันว่าจะเก่งกังฟูถูกอกถูกใจผู้ชม ที่ยินดีกับการได้ร่วมผจญภัยไปกับโปในการเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นแฟนพันธุ์แท้กังฟูไปเป็นฮีโรกังฟู คอเมดีสำหรับครอบครัวที่อัดแน่นไปด้วยแอ็กชันเรื่องนี้ทำรายได้ไปกว่า 633 ล้านเหรียญทั่วโลก และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาภาพยนตร์อนิเมชันยอดเยี่ยม รวมทั้งกวาดรางวัลแอนนี อวอร์ดในสิบสาขา (รางวัลสูงสุดในแวดวงอนิเมชัน)
   ผู้อำนวยการสร้างค็อบบ์กล่าวว่า “สำหรับภาคแรก เราตั้งใจที่จะสร้างหนังอนิเมชันที่ผู้ชมจะดูกับครอบครัวได้อย่างสนุกสนานไปได้อีกหลายปี เราตั้งใจที่จะสร้างหนังที่ให้ความรู้สึกอมตะ แต่ก็แสดงความเคารพต่อแนวแอ็กชันกังฟู เรารู้ในตอนที่เราสร้างภาคแรกว่า เราได้สร้างตัวละครที่มีความลึกซึ้งและเรื่องราวที่เรายังไม่ไปแตะมัน สิ่งที่เรามีในซีเควลคือพัฒนาการของฮีโร ซึ่งไม่ได้เป็นเส้นตรงหรือการพัฒนาโดยทั่วๆ ไป พัฒนาการนี้ต้องใช้เวลา และเราก็มุ่งมั่นกับการร่วมเดินทางไปกับโปด้วย ในตอนที่ ‘Kung Fu Panda 2’ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา มันก็เป็นการขยายตัวตามธรรมชาติของเรื่องราวที่เราได้เริ่มต้นขึ้นค่ะ”
   โจนาธาน เอเบลและเกลนน์ เบอร์เกอร์ มือเขียนบท  ‘Kung Fu Panda’ ตื่นเต้นที่ได้สานต่อเรื่องราวของโป เอเบลได้กล่าวสรุปความคิดและความรู้สึกของทีมงานว่า “ในการทำงานในภาคแรก มันเป็นการร่วมงานกันที่วิเศษสุด ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราพูดได้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ทำงานในภาคแรกคือพวกเขาล้วนแล้วแต่อยากเป็นส่วนหนึ่งของภาคที่สองครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในฮอลลีวูด…ผมหมายถึง หัวหน้าของเกือบทุกแผนกในหนังเรื่องนี้กลับมารับหน้าที่เดิมเหมือนอย่างในภาคแรก คนพูดกันว่าพอพวกเขาได้ทำงานกับโป พวกเขาก็ไม่อยากจะเลิกครับ”
   “นอกจากนั้น ผมยังคิดว่ามันหมายความว่า” เอเบลกล่าวต่อ “เวลาส่วนใหญ่ของเราถูกใช้ไปกับภาคแรก เพื่อวางพื้นฐานให้กับสิ่งแวดล้อมและการสร้างตัวละคร และตอนนี้ พลังงานสร้างสรรค์ก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเพื่อผลักดันขีดจำกัดและลองดูกันว่าเราจะสนุกกันได้มากขนาดไหน มันหมายถึงซีเควนซ์แอ็กชันที่ใหญ่ขึ้น การสำรวจตัวละครที่ลึกซึ้งขึ้น และภาพมุมกว้างขึ้นของโลกที่มหัศจรรย์ใบนี้ครับ”
   ผู้ที่ร่วมทีมกับพวกเขาด้วยใน “Kung Fu Panda 2” ได้แก่ผู้ออกแบบงานสร้างเรย์มอนด์ ซีบาค, หัวหน้าฝ่ายอนิเมชันตัวละคร แดน แว็กเนอร์, มือลำดับภาพแคลร์ ไนท์, ผู้กำกับศิลป์ทัง เคง เฮง, คอมโปสเซอร์จอห์น พาวเวลล์และฮันส์ ซิมเมอร์และซูเปอร์ไวซิง อนิเมเตอร์ นักออกแบบท่ากังฟูและนักวาดภาพสตอรีบอร์ด รูดอล์ฟ กูโนเดน

happy on May 17, 2011, 03:30:26 PM
เปิดเผยความลับของนักรบมังกร



               มือเขียนบทเอเบลและเบอร์เกอร์ได้ร่วมงานกับทีมผู้สร้างในภาคแรกเพื่อโฟกัสกับเรื่องราว โดยมีตัวละครโบราณของจีนและตัวละครกังฟูมากมายให้ได้เลือกสรร บทภาพยนตร์ช่วงแรกเริ่มเต็มไปด้วยตัวละครมากมาย และหน้าที่ของเอเบลและเบอร์เกอร์ก็คือการขัดเกลาเรื่องราว ดึงมันกลับมาสู่โปและที่มาของเขา และช่วยกำหนดโทนของเรื่องราว แม้ว่าสคริปต์เวอร์ชันสมบูรณ์ของพวกเขาจะรวมเรื่องทั้งหมดที่ว่ามา แต่พวกเขาก็ได้รับเลือกให้ทำงานใน “Kung Fu Panda 2” ต่อไปในฐานะมือเขียนบทและผู้ร่วมอำนวยการสร้าง
   ค็อบบ์กล่าวว่า “ในตอนที่คุณมาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาตัวละคร มันก็ไม่มี ‘จุดแวะพัก’ หรอกค่ะ เราจินตนาการอยู่เสมอว่า เรายังมีเรื่องราวเกี่ยวกับโปและการเดินทางของเขาให้ต้องบอกเล่าอีกน่ะค่ะ”
   เอเบลอ้างว่า “เมื่อคุณรักงานของคุณมากเท่ากับเกลนน์และผมก็รักการได้ทำงานกับโป ชิฟูและคนอื่นๆ สมองของคุณก็จะนึกถึงความเป็นไปได้ของเรื่องราวอยู่เสมอๆ และด้วยความที่ว่าเราก็อยู่ด้วยตรงนั้นในตอนที่มีการวางพื้นฐานเรื่อง เราก็เลยรู้จักตัวละครเป็นอย่างดี ทำให้การผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าไปกลายเป็นวันทำงานที่สนุกสนานอีกวันครับ”
   เบอร์เกอร์กล่าวว่า “ขณะที่โปกำลังเริ่มปรับตัวได้กับบทบาทใหม่ของตัวเองในฐานะนักรบมังกรและผู้นำกลุ่มเจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้า ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้โปตั้งคำถามที่เขาไม่เคยคิดจะถาม นั่นคือเขามาจากไหน เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วทำไมพ่อของเขาถึงเป็นห่าน ทั้งๆ ที่เขาเป็นแพนด้า และโชคร้ายที่พ่อของเขาก็ไม่มีคำตอบดีๆ ให้กับโปเสียด้วย โปก็เลยใช้เวลาตลอดทั้งเรื่องในการพยายามตอบคำถามเหล่านั้น และสิ่งที่เขาค้นพบก็จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไปตลอดกาลครับ”
   ในตอนที่งานในภาคแรกเริ่มต้นขึ้น โปไม่มีพ่อด้วยซ้ำไป แต่ขณะที่เรื่องราวพัฒนาขึ้น มือเขียนบทก็รู้สึกว่าบทบาทดังกล่าวจำเป็นต่อเรื่องราวของแพนด้าตัวนี้ แล้วทำไมพวกเขาถึงเลือกห่าน มิสเตอร์พิง มาเป็นพ่อของเขาล่ะ โจนาธาน เอเบลอธิบายว่า “การตัดสินใจที่ชัดเจนน่าจะเป็นการให้โปมีพ่อเป็นแพนด้า แต่เราก็รู้อยู่เสมอว่าเราอยากให้โปเป็นแพนด้าตัวเดียวในหมู่บ้าน”
   เกลนน์ เบอร์เกอร์กล่าวต่อว่า “เราก็เลยถามอนิเมเตอร์ว่า ‘คุณมีสัตว์อะไรบ้าง’ เราได้เห็นว่ามีกระต่าย เป็ดแล้วก็ห่าน เราก็เลยคิดกันว่า ‘แล้วถ้าห่านตัวนี้เป็นพ่อเขาล่ะ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง’ ซึ่งนั่นก็นำไปสู่คำถามเหล่านี้ บางทีโปอาจจะไม่รู้ว่าพ่อของเขาไม่ใช่พ่อที่แท้จริง หรือบางทีเขาอาจจะรู้ก็ได้ มันบีบให้เราต้องตัดสินใจแปลกออกไป และผมก็คิดว่าเราจะได้สำรวจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าพิงเป็นพ่อของโป ท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่ามันทำให้หนังน่าสนใจยิ่งขึ้นครับ”
   สำหรับแจ็ค แบล็ค การหวนคืนสู่ตัวละคร โป อีกครั้งเป็นโอกาสที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับหนึ่งในตัวละครที่เขารักมากที่สุดมากขึ้น โป ทำให้แบล็คมีโอกาสได้เปิดงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2008 (“Kung Fu Panda” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูกฉาย) ด้วยการนำขบวนพาเหรดในชุดคอสตูมแพนด้า
   แบล็คเล่าถึงโอกาสที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโปว่า “เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ไปสวนสัตว์แอตแลนตาและได้เห็นลูกแพนด้าตัวล่าสุดที่เกิดขึ้นในสวนสัตว์แห่งนั้น…พวกเขาตั้งชื่อเขาว่าโปครับ ว้าว ผมว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวนะ เขายังไม่พร้อมลุยก็จริง แต่รออีกหน่อย เขาจะต้องเป็นแพนด้าขาลุยแน่ๆ ผมรู้เลยล่ะ”
   แบล็คเล่าอีกว่า “ในตอนที่ผมได้เห็นทุกอย่างประกอบรวมเข้าด้วยกัน (“Kung Fu Panda”) มันก็กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ผมภูมิใจที่สุดในอาชีพนักแสดงของผม การสร้างหนังพวกนี้ใช้เวลานานหลายปี ซึ่งนานกว่าหนังไลฟ์แอ็กชันตามปกติอีกนะครับ มันมีความทุ่มเทจากหลายฝ่าย ทั้งการพัฒนาเรื่องราว ภาพอาร์ตเวิร์ค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิธีการทำงานของทีมผู้สร้างจากดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันในหนังพวกนี้น่ะครับ”
   แต่สำหรับตัวนักแสดงแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสให้เขาได้เผยความจริงเกี่ยวกับตัวละครของเขามากขึ้น “ตอนนี้ โปเริ่มมีแฟลชแบ็คเกี่ยวกับวัยเด็กของตัวเอง ก่อนที่เขาจะใช้ชีวิตกับพ่อของเขา ที่เป็นห่าน เขาก็เลยรู้ตัวว่าเขาเป็นลูกเลี้ยง และเขาก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาอยู่ไหนหรือเกิดอะไรขึ้นกับแพนด้าตัวอื่นๆ ทำไมพวกเขาถึงทิ้งเขาไว้ ดังนั้น นอกเหนือจากการเป็นการกอบกู้โลกของฮีโรแล้ว มันยังเป็นการเดินทางเพื่อค้นพบตัวเองด้วยครับ”
   แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่ไม่ใช่คนช่างสังเกต ทุกคนก็รู้ชัดว่ามิสเตอร์พิง ห่านเจ้าของร้านบะหมี่ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของโป แต่เรื่องราวก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆ หนึ่งเป็นพ่อคน แบล็คบอกว่า “พอโปสงสัยว่าตัวเองเป็นลูกเลี้ยง เขาก็ไปเผชิญหน้ากับพ่อของเขา ผู้ยอมรับว่าเขาพบโปตอนที่เขายังเป็นเด็กทารก แต่เขาก็เลี้ยงดูโปมาเหมือนเป็นลูกชาย และมองโปว่าเป็นลูกชายของเขา โปเชื่อเรื่องนั้น แต่เขาก็ยังคงต้องการคำตอบ และบังเอิญว่าคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ลอร์ด เชน ผู้ร้ายตัวใหม่ปรากฏกาย ฟังดูลึกลับใช่มั้ยล่ะครับ”
   แบล็ค ผู้ชื่นชมศิลปะการต่อสู้มากขึ้น เนื่องจากความเกี่ยวข้องของเขากับแฟรนไชส์นี้ ยอมรับว่าเขาได้ฝึกกังฟูด้วย “ใช่ครับ ผมได้ฝึกกังฟูในหนังทั้งสองภาคด้วย มันไม่ใช่แค่เพื่อการค้นคว้าเท่านั้น แต่เพื่อฟิตหุ่นด้วย สิ่งที่ทำให้ผมสนใจคือมันมีการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายและการป้องกันตัว รวมกับองค์ประกอบอย่างที่สามที่เรามองไม่เห็น นั่นคือเรื่องทางจิตวิญญาณครับ ในตอนที่คุณฝึกฝนกังฟู ใช้ชีวิตกับมัน รู้สึกถึงมัน คุณจะรู้สึกมีสมาธิครับ มันให้ความรู้สึกเกือบเหมือนกับเรื่องศาสนา มันเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งครับ ก็แหม มันถูกเรียกว่าศิลปะการต่อสู้นี่ครับ”
   เมื่อพูดถึงแพ็คเกจ นักรบมังกรก็ต้องมาคู่กับเจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้า และมือเขียนบทเอเบลและเบอร์เกอร์ก็ยินดีที่ได้ต้อนรับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง เบอร์เกอร์บอกว่า “ในภาคแรก เรายุ่งอยู่กับการเล่าเรื่องการฝึกฝนของโปภายใต้ชิฟู เราก็เลยไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำกับพวกผู้พิชิตทั้งห้า แต่ตอนนี้ เรามีโอกาสเยี่ยมๆ ที่จะจับพวกเขาเดินทางกับโปและให้พวกเขามีซีนมากขึ้น ซึ่งหมายถึงว่าเรามีเวลามากขึ้นให้กับแองเจลินา [ไทเกรส], เฉินหลง [มังกี้], เซธ [แมนทิส], ลูซี [ไวเปอร์] และเดวิด [เครน] สำหรับมือเขียนบท ตัวละครพวกนี้แค่ตัวเดียวก็คงจะพอแล้ว แต่การได้พวกเขาทั้งห้ามาแสดงในฉากพวกนี้เป็นโอกาสทองสำหรับพวกเราครับ”
   ในฐานะไทเกรส ซึ่งอาจเป็นนักสู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในกลุ่ม แองเจลินา โจลี่เองก็ยินดีกับการได้กลับมา และเช่นเดียวกับแบล็ค เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รู้ว่าตัวละครของเธอจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โจลี่กล่าวว่า “อย่างแรกเลย ไทเกรสเป็นนักสู้ค่ะ และเธอก็มุ่งมั่นที่จะปราบคนชั่วให้ได้ แต่ข้อดีของเรื่องราวนี้คือเธอคิดอะไรบางอย่างได้และเรียนรู้ที่จะทำตัวดีขึ้น เธอเสียหน้าเมื่อเธอไม่ได้รับเลือกให้เป็นนักรบมังกร และเธอก็ต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะเลิกโกรธโปและโลกใบนี้ค่ะ”
   มือเขียนบทได้ตื่นเต้นกับการสร้างแง่มุมใหม่ๆ สำหรับไทเกรส ซึ่งเปิดโอกาสให้โจลี่ได้สำรวจตัวละครตัวนี้มากขึ้น “ถ้าไทเกรสมีแง่มุมที่อ่อนโยนล่ะ การหยิบยื่นข้อมูลนั้นให้กับแองเจลินาและดูว่าเธอทำอะไรบ้างกับมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม บางครั้ง ตัวละครอนิเมชันก็สามารถเผยให้เห็นถึงแง่มุมที่ต่างออกไปของตัวละครได้ ในฐานะนักพากย์ คุณจะเป็นอิสระจากความคาดหวังจากสิ่งที่พวกเขาได้เห็นคุณมาในหนังไลฟ์แอ็กชันของผู้ชมครับ”
   “เธอเป็นตัวละครบริสุทธิ์ที่งดงามค่ะ” นักแสดงหญิงกล่าว “เธอถูกเขียนขึ้นด้วยภูมิหลังที่น่าสนใจ เธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โตขึ้นมาโดยไม่รู้กำลังของตัวเองหรือความเข้าใจในตัวเอง แต่เมื่อเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงแกร่ง คนอื่นๆ ก็เรียกเธอว่า ‘ฮาร์ดคอร์’ แต่เธอไม่สามารถที่จะเผยแง่มุมหรืออารมณ์ที่อ่อนโยนของตัวเองได้ บางทีมันอาจเป็นมาตรการคุ้มครองตัวเองก็ได้ ซึ่งฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเข้าใจเธอค่ะ”
   เมื่อถูกถามว่า เธอคิดว่าทำไมภาพยนตร์ภาคแรกถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ (และเหตุผลที่มีภาคต่อ) โจลี่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า “หนังเรื่องนี้ทั้งสนุก เจ๋งและฮิป แต่มันก็ให้ความรู้สึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมด้วย นอกจากนี้ มันยังให้บทเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเอง การปฏิบัติต่อเพื่อนๆ ซึ่งทำให้มันเป็นเหมือนหนังอนิเมชันคลาสสิก แต่ที่สำคัญที่สุด หนังเรื่องนี้มีแจ็ค แบล็ค ซึ่งฉันรู้สึกว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนอยากจะดูหนังเรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลของฉันค่ะ! เขาตลกมาก และความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้าก็เหมือนกับครอบครัวเพี้ยนๆ ที่แสนคลาสสิกค่ะ”
   “และสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ฉันจริงๆ” โจลี่กล่าว “คือพวกเขาเลือกหนทางที่ยากจริงๆ สำหรับซีเควลเรื่องนี้ บางครั้ง สำหรับภาคที่สอง คุณสามารถเลือกเส้นทางง่ายๆ ได้ แต่การตัดสินใจของพวกเขาช่วยเพิ่มความลึกซึ้งให้กับเรื่องราวมากจริงๆ ฉันคิดว่ามือเขียนบทและทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะจับประเด็นเรื่องของตัวตนและอัตลักษณ์ ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนที่เริ่มต้นชีวิตเป็นเด็กกำพร้าหรือเป็นลูกเลี้ยงน่ะค่ะ ในการร่วมงานกับเจนในฐานะผู้กำกับ เธออาจจะเป็นคนที่สงบที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลย เธอใช้ความคิดอย่างมากกับโปรเจ็กต์เหล่านี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณเจ็ดปีครึ่ง เธอเป็นคนช่างคิดและเธอก็เพิ่มเลเยอร์ที่น่าสนใจมากมายให้กับเรื่องราวนี้ เธอให้ความรู้สึกของคนที่โอบอ้อมอารี ผู้ที่เฉลียวฉลาดและลึกซึ้งค่ะ”
   นอกเหนือจากความชื่นชมในตัวเพื่อนร่วมงานของเธอแล้ว เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ดีที่สุดในการทำงานใน “Panda” โจลี่ก็กล่าวติดตลกว่า “คุณได้มาทำงานในชุดนอนค่ะ”
   แน่นอนว่าชุดทำงานก็มีบทบาทสำคัญในความเกี่ยวข้องของดัสติน ฮอฟแมนในภาคที่สองนี้ แม้จะเป็นในลักษณะเปรียบเทียบก็ตาม “การได้พากย์เสียงชิฟูอีกครั้งเป็นเหมือนการสวมชุดสบายๆ ทำสมาธิและทำจิตใจให้สงบน่ะครับ นั่นเป็นบรรยากาศที่เกิดจากฝีมือของทีมผู้สร้างที่วิเศษสุดของดรีมเวิร์คส์ อนิเมชันด้วยเหมือนกัน”
   “นอกเหนือจากนั้น” นักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการกล่าวต่อไปอีกว่า “ผมสนุกมากในการทำงานใน ‘Panda’ ทั้งสองภาค ผมประทับใจอย่างยิ่งกับความทุ่มเทในความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ที่ผมได้พบเจอระหว่างการทำงาน ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างเจนนิเฟอร์ หยู เนลสันและเมลิสซา ค็อบบ์ ได้บริหารงานเหมือนกับนี่เป็นเรือสำราญเลยครับ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะมีเกมชัฟเฟิลบอร์ดหรือไพ่นกกระจอกหรอกนะครับ แต่กองถ่ายนี้มีบรรยากาศแบบเซนเลย อย่างน้อยที่สุดก็ในส่วนของผม ซึ่งมันทำให้ผมซาบซึ้งมาก ไม่รู้สินะครับ บางทีพวกเขาอาจจะทุ่มเถียงกับแจ็คจนเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาดุผมเรื่องความไร้สาระหรือความไม่เกิดประโยชน์ก็ได้”
   สำหรับความเกี่ยวข้องของเฉินหลง ความไร้สาระเป็นสิ่งจำเป็นในแทบทุกวัน นิสัยขี้เล่นของตัวละครตัวนี้เข้ากันได้ดีกับทัศนคติการทำงานที่สนุกสนานของเฉินหลง จนมันอาจถูกมองว่าเป็นการเลือกตามลักษณะตัวละครด้วยซ้ำไป เฉินหลงกล่าวว่า “การเล่นเป็นมังกี้สนุกมากจนมันไม่เหมือนเป็นงานเลยครับ เราเหมือนกันมาก เราเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้ และเราสามารถใช้การล้อเล่นเป็นเครื่องกำบังที่ซ่อนความจริงที่ว่า ก่อนที่ศัตรูเราจะทันรู้ตัว ตอนที่พวกเขาหัวเราะกันอยู่ เราก็ปราบพวกเขาอยู่หมัดแล้ว แต่หลายครั้ง ผมก็พูดเล่นเพื่อความตลกขบขันไปอย่างนั้นเอง”
   เซธ โรแกน ผู้กลับมาพากย์เสียงแมนทิส นักสู้จิ๋วแต่แจ๋ว บอกว่า ความตลกขบขันนั้นเองที่เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ โรแกนพูดถึงเจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้าว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครตลกมาก แต่จากมุมมองด้านรูปร่างแล้ว เวลาพวกเขาอยู่ด้วยกันก็ดูตลกอยู่แล้ว มันเป็นการรวมตัวกันของสัตว์ที่อยู่ด้วยกันแล้วดูตลกมาก และนักแสดงที่พากย์เสียงพวกเขาก็ตลกเหลือเชื่อเลยด้วย เริ่มจากเดวิด ครอสและเฉินหลงก่อนเลย คือผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้รึเปล่า แต่เฉินหลงน่ะตลกเหลือเชื่อเลย ลูซีก็เป็นคนตลก และแจ็คก็ทำตัวตลกได้เป็นครั้งคราว ส่วนแองเจลินา ถึงเธอจะเป็นคนตลก แต่เธอก็เซ็กซีด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นเสืออนิเมชันก็ตาม ซึ่งมันค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว มันเกินขอบเขตอนิเมชันอีกนะครับ ดังนั้น ผมก็เลยคิดว่า การตอบโต้ระหว่างตัวละครและความจริงที่ว่าทุกคนที่พากย์เสียงเป็นคนตลกจริงๆ คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกครับ”
   ในขณะที่นักแสดงบางคนมองว่าการพากย์เสียงเป็นสิ่งที่จำกัดเกินไป โรแกนกลับคิดตรงกันข้าม “ผมชอบการพากย์เสียงมาก และแปลกมากที่สำหรับผมแล้ว มันออกไปในทางการแสดงมากกว่าการแสดงในหนังไลฟ์แอ็กชันอีกครับ ในหนังพวกนั้น มันจะต้องมีเรื่องของเทคนิคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากมาย การเดินให้ถูกตำแหน่ง การมองไปยังที่ที่ถูกกำหนด การหาแสงที่เหมาะสม สิ่งที่คุณพูดจะเป็นเพียงแค่เปอรเซ็นต์น้อยนิดของสิ่งที่คุณทำในหนังเรื่องนั้นๆ แต่กับการพากย์เสียง มันเป็นทุกอย่างเลย มันโฟกัสกับสิ่งที่คุณพูดและการออกเสียงถ้อยคำเหล่านั้น คุณสามารถพูดออกมาได้หลายรูปแบบจริงๆ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปวุ่นวายกับนักแสดงคนอื่นๆ เลยด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเยี่ยมมาก มันมีแค่คุณเท่านั้น คุณเป็นดาราของเรื่อง ไม่ว่าบทของคุณจะเล็กแค่ไหนก็ตามครับ”
   ในการกลับมาพากย์เสียงไวเปอร์ นักสู้เสน่ห์เย้ายวน ลูซี ลิว ปลาบปลื้มเป็นที่สุดที่โปรเจ็กต์นี้ก้าวเข้าสู่บทที่สอง ลิวอธิบายว่า “ประสบการณ์ภาคแรกของฉันเหลือเชื่อเลย แล้วพอได้รู้ว่าพวกเขาอยากจะสร้างภาคสองก็ยิ่งน่าตื่นเต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะปฏิกิริยาของเด็กๆ ที่ฉันรู้ว่าชอบภาคแรกน่ะค่ะ พอพวกเขาได้ดูหนังเรื่องนั้น หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันพากย์เสียงไวเปอร์ เพราะบางคนก็อายุน้อยและไม่ได้เชื่อมโยงตัวฉันกับเสียงของฉัน แต่พอพวกเขาเข้าใจคอนเซ็ปต์นั้น ฉันก็กลายเป็นบุคคล VIP และพวกเขาก็เริ่มรบเร้าฉันเรื่องซีเควล ก่อนที่จะมีการประกาศออกมาอีกค่ะ”
   นอกเหนือไปจากเรื่องเสียงชื่นชมแล้ว คุณสมบัติของงานศิลปะก็เป็นกุญแจสำคัญสำหรับลิวเช่นกัน “ในยุค 3D แบบนี้ มันมีสิ่งน่าทึ่งมากมายในอนิเมชัน ทั้งการต่อสู้กังฟู การเคลื่อนไหว ภูมิประเทศของจีน สถาปัตยกรรมเมืองของเชน การได้เห็นภาพเหล่านั้นตรงเข้ามาหาคุณ มิติที่ถูกเสริมเข้ามาช่วยเพิ่มความงามให้กับอนิเมชันและการคอมโปสิตของภาพด้วยค่ะ”
   เดวิด ครอส ก็แฮปปี้กับงานนี้เหมือนกัน “ครับ หนังภาคแรกสนุกมาก ผมหมายถึง ผมรู้สึกมั่นใจว่ามันน่าจะมีสปินออฟเป็น ‘Kung Fu Crane’ เพราะยอมรับความจริงเถอะครับ มีใครไม่อยากเสียเงินไปดูหนังเรื่องนั้นบ้างล่ะ นอกเหนือจากญาติของผมและเพื่อนเพียงน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่ของผม แต่ในเรื่องของงานแล้ว มันก็เจ๋งทีเดียวล่ะ ส่วนเครนก็เจ๋งเป้ง ผมว่าเขาได้รับประโยชน์จากพวกคำวิจารณ์ดีๆ นะ”
   สำหรับพ่อของโป ห่านมิสเตอร์พิง เจมส์ ฮอง นักแสดงสมทบ ผู้มีผลงานการแสดงมากว่า 60 ปี พบว่าภาคแรก “น่าอัศจรรย์” โดยไม่ต้องนึกถึงเรื่องชีววิทยาหรือสายเลือดใดๆ เลย เขาให้ความเห็นว่า “ผมอึ้งกับทุกอย่างเลย ทั้งกระบวนการ วิธีที่ทุกอย่างถูกประกอบร่างเข้าด้วยกัน ผมไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ผมได้เห็น ในแง่ที่ว่ามันน่าทึ่งมากที่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ได้ ‘เห็น’ เสียงของผมออกมาจากตัวพิง ผมคิดว่าผมได้ดูหนังรอบปฐมทัศน์ตอนนั้นเป็นครั้งแรก และการได้เห็นเสียงของผมเข้ากับตัวละครได้ดีขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นมิสเตอร์พิงหรือมิสเตอร์พิงเป็นผม ถึงแม้ว่าผมจะคิดว่าเขาอาจเป็นตัวละครที่ลึกซึ้งกว่าผมอีก เขามีหลายแง่มุม ซึ่งถ้าจะให้ผมพูดถึงเขา ผมคงต้องบอกว่าเขาเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกตามลำพัง เหมือนแม่ชาวยิวกับพ่อชาวจีนผสมผสานกัน ถ้าคุณจินตนาการออกน่ะครับ!”

happy on May 17, 2011, 03:41:22 PM
เชิดหยิ่งราวนกยูง แข็งแกร่งดุจนักรบ



                 ในโลกจีนโบราณของเรา เวอร์ชันที่เป็นบ้านของตัวละครใน “Kung Fu Panda” ดอกไม้ไฟ หรือดอกไม้นภา อยู่ภายใต้การครอบครองของเหล่านกยูงชนชั้นปกครอง จนกระทั่งทายาทผู้จะครองบัลลังก์มองเห็นศักยภาพในการทำลายล้างของพวกมัน ในการเปลี่ยนประโยชน์ของดอกไม้ไฟจากเชิงสร้างสรรค์เป็นทำลาย นกยูงชื่อเชนได้กำหนดเส้นทางสู่ความมืดของตัวเอง…และในที่สุดแล้ว เส้นทางชีวิตของเขาก็ได้พานพบกับแพนด้าที่ชื่อโป
   โจนาธาน เอเบลอธิบายถึงที่มาของเชนว่า “ตอนที่เราเริ่มคิดไอเดียสำหรับซีเควล เราก็รู้ว่าไต้หลุงในภาคแรกเป็นตัวร้ายที่วิเศษสุด เขาเป็นสุดยอดด้านกังฟู และชัยชนะเหนือเขาของโปก็เป็นการใช้อ่อนสยบแข็ง เรารู้สึกว่า เราคงไม่สามารถหาตัวร้ายที่แข็งแกร่งกว่าไต้หลุงได้อีกแล้ว เราก็เลยคิดกันว่า ‘แล้วถ้าเราทำให้ตัวร้ายตัวนี้น่าสะพรึงกลัวมากขึ้นในแง่ของสติปัญญาและอารมณ์ล่ะ’ เราก็เลยได้ลอร์ดเชน นกยูงเผือกตัวนี้ขึ้นมาครับ”
   ผู้กำกับกล่าวเสริมขึ้นมาว่า “สำหรับตัวร้ายในหนังเรื่องนี้ เราต้องการไปคนละทิศกับไต้หลุง ที่เป็นตัวละครที่ใช้กำลังแบบฮาร์ดคอร์ และเราก็คงไม่เจอใครที่แข็งแกร่งไปกว่าเขา เพราะไต้หลุงสามารถต่อยจนทะลุภูเขาออกมาได้เชียวนะคะ เราก็เลยต้องการคนที่น่าสะพรึงกลัวในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ฉลาดกว่า มีไหวพริบกว่า เจ้าเล่ห์กว่า โปเรียนรู้ศิลปะกังฟูแล้ว ดังนั้น จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าความสามารถนั้น ในตอนแรก ลอร์ดเชนดูไม่น่าเกรงขามเลย เพราะเขาเป็นนกยูงสีขาว ที่ดูไม่น่าจะมีพิษสงอะไร แต่นอกเหนือจากทักษะการต่อสู้ของเขา ซึ่งน่าหวั่นเกรงแล้ว เขายังมีความเร็ว บวกกับอาวุธพร้อมสรรพอีกต่างหาก เขาน่ากลัวและน่าขนลุกในแบบของเขาเองค่ะ”
   สำหรับบทนกที่เฉลียวฉลาด ทะนงตนและประสบความสำเร็จอย่างเชนแล้ว ทีมผู้สร้างเลือกหนึ่งในนักแสดงที่เก่งที่สุดและมีความสามารถสูงสุดในวงการ แกรี โอลด์แมน
   “บทบาทที่น่าทึ่งของแกรีส่วนหนึ่ง” ผู้กำกับชี้ให้เห็น “เป็นคนที่อาจถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้ร้าย แต่พวกเขาก็มีเสน่ห์และความน่ายกย่องจนความร้ายกาจของพวกเขาเกือบเป็นเรื่องสำคัญรองลงมา ผลงานของเขาใน ‘Bram Stoker’s Dracula’ เผยให้เราได้เห็นหัวใจที่เป็นมนุษย์ของปีศาจร้ายนั่น เรารู้สึกว่าความสามารถของเขาจะช่วยยกระดับเชนจากการเป็นตัวละครที่ถูกขับดันด้วยความแค้นไปเป็นตัวละครที่มีมิติน่าสนใจได้ ความชั่วร้ายจะมีเสน่ห์เย้ายวนมากขึ้นเมื่อถูกเพิ่มมิติที่หลากหลายเข้าไปค่ะ”
   ผู้อำนวยการสร้างกล่าวเสริมว่า “แกรีมีเสียงเยี่ยมๆ ที่สามารถถ่ายทอดความอ่อนโยนในวินาทีหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นความชั่วร้ายที่น่าขนลุกในวินาทีต่อไปได้ การผสมผสานนั้นใช้ได้ดีกับเชน เพราะมันทำให้เขามีอารมณ์ที่เข้มข้นอย่างน่าทึ่ง”
   “ผมชอบความท้าทายในการนำเสนอตัวละครด้วยการใช้เพียงแค่เสียงน่ะครับ” แกรี โอลด์แมนอธิบาย “และเชนก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ความเฉลียวฉลาดของเขานำไปสู่การคำนวณผิดพลาด และสิ่งที่เขาหวังว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คุ้มค่ากับการเฉลิมฉลองก็กลายเป็นอาวุธที่ก่อให้เกิดความกลัว ในตอนนั้นนี่เองที่เด็กผู้ภาคภูมิใจในบางสิ่งบางอย่าง พบว่าสิ่งที่เขาทำสำเร็จถูกมองว่าเป็นความผิดพลาด มันทำให้เขาเสียใจ เพราะไม่เพียงแต่เขาอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่ามีค่าคู่ควรเท่านั้น แต่เขายังอยากจะกำจัดผู้ที่ขวางทางเขาระหว่างทางนั้นด้วย เขากลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ควรจะเป็นของเขา ซึ่งผมคิดว่าเขาเหมาะกับแกลเลอรีผู้ร้ายของโอลด์แมนจริงๆ ครับ”
   แจ็ค แบล็ค เพื่อนร่วมแสดงในบทแพนด้าตัวเอกของเรื่อง เห็นพ้องด้วยกับเสียงชื่นชมจากผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างว่า “ตัวร้ายคราวนี้เป็นนกยูงชั่วร้าย ซึ่งพากย์เสียงโดยแกรี โอลด์แมน หนึ่งในนักแสดงคนโปรดตลอดกาลของผม ผมมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากการแสดงของเขา ตั้งแต่สมัย ‘Sid and Nancy’ โน่นเลย ส่วนเรื่องผู้ร้ายที่เขาเคยเล่นมาน่ะหรือ บทที่ผมชอบมากที่สุดน่าจะเป็น ‘แดร็คคูลา’ ในฉากที่เขาอยู่กับหมาป่าสีขาว และเขาพูดกับเด็กสาวคนนั้นว่า ‘มันชอบเจ้า’ มีอะไรบางอย่างที่เปราะบางเกี่ยวกับความชั่วร้ายในซีนนั้นที่น่าทึ่งจริงๆ ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้รู้ว่าเขาพากย์เสียงเชนน่ะครับ”
   “ความภาคภูมิใจถูกเรียกเป็นหลายสิ่งหลายอย่าง และถูกมองว่าเป็นต้นกำเนิดของความชั่วร้ายในตัวมนุษย์” โอลด์แมนรำพึง “แล้วเชนก็ภาคภูมิใจในตัวเองครับ เขาเป็นนกยูงนี่ ดังนั้นมันก็เหมือนกับอยู่ใน DNA ของเขา แต่ความภาคภูมิใจนั้น ถ้ามันถูกจับคู่กับความถ่อมตัวหรือความโอบอ้อมอารี เขาก็จะกลายเป็นผู้นำที่น่ายำเกรง แต่กลับกลายเป็นว่า มันทำให้เขาเป็นศัตรูที่ค่อนข้างจะร้ายกาจทีเดียวครับ”
   ผู้นำกองทัพหมาป่าของเชนคือวูล์ฟ บอส ที่พากย์เสียงโดยแดนนี่ แม็คไบรด์ นักแสดงหนุ่มตั้งข้อสังเกตว่า “เขาค่อนข้างดุดันและเจ๋งทีเดียว และผมก็คิดว่าสิ่งที่ทำให้เขาเจ๋งคือเขามีแค่ตาเดียว ซึ่งมันมักสื่อความหมายถึงการเป็นคนแข็งแกร่ง ในหนังเวสเทิร์น คนที่มีตาเดียวมักเก่งเสมอ แล้วใครจะไม่อยากเล่นเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่ร้ายกาจล่ะครับ”
   มิเชลล์ โหยว ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับการรับบทเป็นผู้ร้าย หรือภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ (แม้ว่า “KFP2” จะเป็นผลงานอนิเมชันศิลปะการต่อสู้เรื่องแรกของเธอก็ตาม) ถึงแม้เธอจะไม่เคยศึกษาศิลปะการต่อสู้อย่างเป็นทางการ แต่เธอก็ใช้การฝึกเต้นในวัยเด็กของเธอเป็นประโยชน์ในตอนที่เธอเริ่มแสดงภาพยนตร์แอ็กชันให้กับบริษัทฮ่องกงในช่วงกลางยุค 80s ความนิยมในตัวโหยว ซึ่งเป็นนักแสดงที่ได้รับการยกย่องอยู่แล้วนอกอเมริกา เพิ่มสูงขึ้นไปอีกด้วยการแสดงของเธอในภาพยนตร์ศิลป์ของอังลีเรื่อง “Crouching Tiger, Hidden Dragon” ใน KFP2 โหยวได้รับเลือกให้พากย์เสียง นักทำนาย แกะเขาใหญ่อาวุโสผู้ชาญฉลาด ที่ใกล้เคียงกับตัวละครแม่มดในละคร “Macbeth” และสิ่งที่เธอทำนายก็มีอิทธิพล (หรือเป็นตัวกำหนด) ประเด็นสำคัญในพล็อตบางตอนด้วย
   โหยวให้ความเห็นว่า “ฉันเล่น ‘Crouching Tiger’ เพราะฉันรู้สึกว่าหนังแนวนี้ขาดศักดิ์ศรีและการได้รับการเคารพอย่างที่ควรจะเป็น มันซึมซับอยู่ในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเรา ซึ่งฉันคิดว่ามันช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับผู้ชมชาวตะวันตกได้จริงๆ และฉันก็รู้สึกว่า ‘Kung Fu Panda’ ก็ทำแบบเดียวกันนี้ ไม่ว่าคนจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม พวกเขากำลังได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ศิลปะการต่อสู้และตำนานจีน และมันก็ดำเนินไปในรูปแบบสร้างความบันเทิงที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนบทเรียนหรือห้องเรียนการเรียนรู้เลย ฉันคิดว่ามันเป็นความบันเทิงที่วิเศษสุด และฉันก็ดีใจมากที่พวกเขาให้ฉันมามีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้ค่ะ”


« Last Edit: May 17, 2011, 03:50:55 PM by happy »

happy on May 17, 2011, 03:48:36 PM


การหวนคืนสู่โลกโบราณที่งดงาม…

“ถ้ามันง่ายหรือเห็นได้ชัด มันก็ไม่อยู่ในหนังเรื่องนี้หรอก”

               นั่นเป็นคำมั่นที่ปรากฏอยู่ใน “Kung Fu Panda” โดยผู้อำนวยการสร้างค็อบบ์และทีมผู้สร้างและระดับความยอดเยี่ยมนั้นก็ถูกสานต่อเมื่อการถ่ายทำซีเควลนี้เริ่มต้นขึ้น สำหรับหลายๆ คนที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองภาค มันดูเหมือนความท้าทายที่น่าหวาดหวั่นที่ต้องพยายามทำให้เหนือกว่าความสำเร็จเชิงศิลป์ของภาคที่แล้ว
   แจ็ค แบล็คให้ความเห็นว่า “ผมคิดไม่ออกเลยว่า พวกเขาจะทำยังไงให้เหนือกว่าซีเควนซ์น่าทึ่งของไต้หลุงในภาคแรก พวกมันน่าอัศจรรย์มาก แต่นั่นคือสิ่งที่เจนและทุกคนตั้งใจจะทำ และพวกเขาก็ทำได้ ไม่เพียงแต่กังฟูจะถูกยกระดับขึ้น แต่พวกฉากก็เหมือนกัน ทั้งเมือง ทิวทัศน์ ภูมิประเทศจีนโบราณที่งดงาม ฉากอาทิตย์อัสดง แถมตอนนี้ ทุกอย่างก็อยู่ใน 3D ด้วย ผมรู้ว่าผมพูดบ่อยแล้ว แต่มันเจ๋งจริงๆ นี่ มันมีภาพเจดีย์ขนาดใหญ่ที่เป็นฐานบัญชาการของลอร์ดเชน แค่ภาพเรนเดอร์มันก็สวยจับตาแล้ว แล้วผมยังต้องพูดออกมาอีกหรือ ฉากต่อสู้ ที่โปพุ่งมาทางคุณ ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ในสองมิติ มันจะทำให้คุณทึ่ง แต่ใน 3D มันจะทำให้ครอบครัวคุณทึ่งไปด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขาอาจไม่ได้อยู่ในโรงหนังด้วยซ้ำ”
   เจนนิเฟอร์ หยู เนลสัน มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้นไปอีก “ตอนนี้ เอฟเฟ็กต์ที่เราสามารถทำได้จะล้ำสมัยกว่าเมื่อสองสามปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเลเยอร์ 3D ที่เพิ่มเข้ามา เราก็เลยสามารถทำอะไรที่เราต้องการได้กับแอ็กชัน ด้วยความที่เราอยากจะสานต่อพื้นฐานจากภาคแรก และภาคแรกทุกอย่างก็เกิดขึ้นภายในขอบเขตที่ค่อนข้างปลอดภัยของหุบเขาสันติ เราก็เลยอยากผลักดันโปให้พ้นจากโซนปลอดภัยของเขาไปสู่โลเกชันที่กว้างขวางขึ้น และน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น เราอยากจะสำรวจเรื่องนั้นและสร้างความรู้สึกของสเกลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา รวมไปถึงความสาหัสของความท้าทายที่โปและเจ้าตำนานผู้พิชิตทั้งห้าต้องเผชิญด้วยค่ะ”
   สำหรับ แคลร์ ไนท์ มือลำดับภาพที่กลับมารับหน้าที่นี้อีกครั้ง จริงอยู่ว่า 3D เป็นความท้าทาย แต่มันก็ยังเป็นส่วนขยายที่เธอยินดีตอบรับมันด้วย “สิ่งที่ฉันพบเกี่ยวกับ 3D คือมันทำให้คนอินมากขึ้น สำหรับฉันแล้ว การลำดับภาพใน 3D ทำให้ฉันต้องดูหน้าจอมากขึ้น และผู้ชมก็จะได้เห็นอะไรเยอะขึ้น ดังนั้น ในตอนนี้ เราก็จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ ฉันจะต้องดูว่าดวงตาบ่งบอกอะไรบ้างจริงๆ พอฉันดูมากเกินไป ด้วยความเร็วเกินไป ฉันก็จะเกิดอาการปวดหัวและปวดตาตามมา มันเป็นความท้าทายที่หนักกว่าค่ะ แต่ก็น่าตื่นเต้นกว่าด้วย และโลกนี้ก็งดงามมาก มันเป็นทั้งแอ็กชันและสิ่งแวดล้อมที่เหลือเชื่อ มันเป็นกระบวนการเล่าเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบและน่าตื่นเต้นมากๆ ค่ะ”
   ผู้ที่กลับมา ‘ดูแล’ ลุคของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งคือผู้ออกแบบงานสร้างเรย์มอนด์ ซีบาค เขาพูดถึงหน้าที่ของเขาว่า “โดยพื้นฐานแล้ว ผมรับผิดชอบกับภาพทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่การออกแบบตัวละคร การออกแบบโลเกชัน ไปจนถึงสีสันของหนังทั้งเรื่อง ทั้งแสงและอาร์ตเวิร์ค สรุปแล้วว่าผมเป็นซูเปอร์ผู้กำกับศิลป์ครับ ถ้าคำนั้นใช้ได้ล่ะก็นะ”

happy on May 17, 2011, 03:52:37 PM


…ด้วยการไปเยี่ยมเมืองจีนปัจจุบัน

                 มีการใช้ทั้งเวลาและความทุ่มเทมากพอสมควรเพื่อสร้าง “Kung Fu Panda 2” ขึ้นในผืนผ้าใบที่กว้างขวางกว่าที่เคยเป็นเมื่อตัวละครก้าวเท้าออกจากหุบเขาสันติไปยังเมืองกงเหมิน สิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นหมายถึงรายละเอียดที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หัวหน้าของแผนกต่างๆ ก็เลยเดินทางไปเมืองจีน ที่ซึ่งพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากโลเกชันจริงๆ บางแห่ง
   เกลนน์ เบอร์เกอร์ให้ความเห็นว่า “ผมไม่รู้ว่าเรย์มอนด์สร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ยังไง แต่ผมดีใจที่เขาทำได้ เราโชคดีที่ได้เขียนภายในโลกใบนั้น ในตอนที่เราได้เดินทางไปจีนกับแผนกอื่นๆ พวกเขาก็มักจะดึงสมุดสเก็ตช์มาขีดๆ เขียนๆ และถ่ายรูปอยู่เสมอ และเราก็จะได้เห็นช่วงเวลาที่การเดินทางเหล่านั้นปรากฏในภาคที่สอง ทั้งภูมิประเทศและทิวทัศน์เมืองที่เป็นแรงบันดาลใจ…เราทึ่งกับสิ่งที่พวกเขาทำจริงๆ”
   ผู้อำนวยการสร้างค็อบบ์กล่าวว่า “เรย์มอนด์ไม่กลัวเลยกับการผลักดันขอบเขตด้านวิชวล เขามีไอเดียในหัว และก็ไม่เกรงกลัวกับการทำให้แน่ใจว่าภาพพวกนั้นจะปรากฏบนหน้าจอ ดังนั้น เขากับเจนก็กลายเป็นทีมชั้นเยี่ยม พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด พวกเขาร่วมงานกันบ่อยในภาคแรก และในภาคนี้ พวกเขาก็ได้ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดค่ะ พวกเขามีวิสัยทัศน์ร่วมกันว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไง และเรย์มอนด์ก็นำวิสัยทัศน์เชิงศิลป์มายกระดับโปรเจ็กต์นี้ ทั้งเรื่องแสง เอฟเฟ็กต์ ลุคของตัวละคร รายละเอียดของโลกใบนั้น และรายละเอียดของพื้นผิว พวกเขาเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมจนสามารถดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของกันและกันออกมาได้ค่ะ”
   เอเบลกล่าวว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ ผมเพิ่งได้ดูภาพที่เราไปถ่ายกันมาตอนไปจีน เป็นภาพที่เรายืนอยู่ตรงกำแพงเมืองจีน ตรงหน้าวัดและอนุสาวรีย์ แล้วพอผมได้ดูภาพของเรย์มอนด์และผู้กำกับศิลป์ทัง ก็เห็นมีแต่ภาพอิฐ ตะไคร่ ไม้เก่าๆ เศษผ้า ของทุกอย่างที่พวกเขาใส่ลงไปในหนัง ‘เสมือนจริง’ ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้จะต้องถูกสร้างขึ้น ทุกพื้นผิว ทุกรายละเอียด ทุกเท็กซ์เจอร์ พอผมดูภาพพวกนั้น มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่จริงๆ ทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำครับ”
   เบอร์เกอร์กล่าวต่อว่า “ใช่ครับ มันทำให้คุณรู้ด้วยว่า เราสนุกกับช่วงเวลาในจีนมากกว่าพวกเขา พวกเขาทำงานกันจริงๆ จังๆ เชียวล่ะ! ผมหมายถึง เราสามารถเขียนถึงแพะนักทำนายที่เคี้ยวชายผ้าเสื้อคลุมผ้าไหมของนกยูงได้อย่างสบายๆ เพียงเพราะเราคิดว่ามันตลก แต่พวกเขาจะต้องออกแบบเสื้อคลุมผ้าไหม ฟันของแพะ และภาพที่ว่าเนื้อผ้านั้นจะมีลักษณะยังไงเวลาถูกเคี้ยวและเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเธอ…มันน่าทึ่งมากสำหรับผม และผมก็ดีใจที่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเรา!”
   ในขณะที่ภาคแรกได้รับแรงบันดาลใจและถูกกำหนดด้วยวัตถุดิบอ้างอิงบางอย่าง เช่นหนังสือกองแล้วกองเล่า (และเสิร์ชทางอินเทอร์เน็ต) เกี่ยวกับศิลปะ สถาปัตยกรรม สัญลักษณ์ เครื่องแต่งกาย อาหาร ภูมิประเทศของจีน ร่วมด้วยการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม ภาคที่สองแรงบันดาลใจเกิดจากประสบการณ์โดยตรงของทีมผู้สร้าง ผู้สำรวจแง่มุมต่างๆ ในประเทศนั้นด้วยตาตัวเอง ซีบาคเล่าว่า “แม้กระทั่งการทำงาน ‘ทางไกล’ ของเราในภาคแรก ยังถูกใจที่นั่น (จีน) เลย มีคนพูดว่า ‘คุณมาจากอเมริกา ทำไมคุณถ่ายทอดภาพพวกนี้ได้ล่ะ’ มันเป็นคำชมที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมต้องบอกว่า ผมรักวัฒนธรรม ผมคิดว่าการที่เราเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจจากอาร์ตเวิร์ค ซึ่งมาจากวัฒนธรรมนี้ และการทำให้เรื่องพวกนั้นส่งอิทธิพลต่อเรื่องราว ทุกแง่มุม ทำให้เรื่องราวนี้ให้ความรู้สึกสมจริง แม้กระทั่งสำหรับชาวจีนเองก็ตามครับ”
   เนลสันกล่าวว่า “การได้ไปจีนน่าทึ่งมากเพราะมันจะก่อให้เกิดความรู้ด้านพื้นผิวบางอย่างสำหรับสถานที่ที่คุณจะไม่มีวันรู้ได้จากหนังสือ การได้ไปอยู่ที่นั่นและได้สัมผัสว่าอากาศที่นั่นเป็นยังไง หรือลักษณะที่แสงส่องกระทบด้านข้างตึกหรือกระเบื้อง มันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยผลักดันให้หนังเรื่องนี้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ”
   สำหรับแรงบันดาลใจด้านภาพ ทีมงานได้ไปเยี่ยมชมเมืองโบราณปิงเยา วัดเส้าหลิน และปักกิ่ง แต่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับเฉิงตู ทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเสฉวน พวกเขาใช้เวลาไปกับสถานอนุรักษ์แพนด้าและตามวัดและวิหารของพุทธและลัทธิเต๋า ซึ่งส่วนมากตั้งอยู่ท่ามกลาง “หุบเขาลึกลับในหมอก ใกล้ๆ กับบริเวณนั้น” ซีบาคบอก “ซึ่งสำหรับผมแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่กำหนดลุคหลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ครับ”
   มณฑลเสฉวนเป็นถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของแพนด้า และเป็นที่อาศัยของ 80% ของประชากรแพนด้าทั่วประเทศ เนื่องด้วยศูนย์เพาะพันธุ์และวิจัยแพนด้า ที่อยู่ห่างจากเฉิงตูไม่กี่ไมล์ โจนาธาน เอเบลกล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่แพนด้าจะอ่อนโยน ตลกและมีชีวิตชีวาอย่างที่คุณหวังไว้น่ะครับ”
   เกลนน์ เบอร์เกอร์ให้ความเห็นว่า “เราได้พบ ได้สัมผัสและจูบแพนด้าบางตัวในศูนย์ด้วย มันมีเปลที่เต็มไปด้วยลูกแพนด้าห้าตัว และถ้าผมจะแอบเอาแพนด้าซักตัวใส่มาในแจ็คเก็ตของผมได้ ผมก็คงจะทำไปแล้ว แต่ผมก็สังเกตเห็นว่าถึงแม้พวกมันจะน่ารักแค่ไหน แต่มันก็ไม่ตลกเท่าแจ็คหรอกครับ”
   ส่วนหนึ่งที่ทำให้แจ็คตลก (ในบทของโป) คือสิ่งที่ตัวละครของเขาสามารถทำได้บนหน้าจอ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ อเล็กซ์ พาร์กินสัน พูดถึงหน้าที่ของเขาว่าเป็น “ที่ที่อนิเมชันพบกับคอมพิวเตอร์ อนิเมชัน เราจับเอาไอเดียเพี้ยนๆ ของผู้กำกับ มือเขียนบทและทีมงานฝ่ายเรื่องราวมารวมกับอาร์ตเวิร์คน่าทึ่งที่ผู้ออกแบบงานสร้างและผู้กำกับศิลป์สร้างขึ้น เพื่อฉายมันขึ้นบนหน้าจอ เราเป็นผู้ดูแลคอมพิวเตอร์ กราฟฟิคทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการน่ะครับ”
   พาร์กินสันเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยทำงานใน “Kung Fu Panda” มาก่อน “เหมือนกับคนอื่นๆ ในโลก ผมก็อยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของโปเหมือนกัน ผมคิดว่าหนึ่งในสิ่งที่วิเศษสุดเกี่ยวกับภาคแรกคือมันทิ้งคำถามเอาไว้ ทุกคนอยากจะรู้ว่าทำไมพ่อของโปถึงเป็นห่าน ทำไมเขาถึงเป็นแพนด้าตัวเดียวในหมู่บ้าน ผมเลยคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นคือการสร้างภาคสองขึ้นมาครับ”
   นอกเหนือไปจากการตอบคำถามที่ถูกทิ้งไว้ยังเป็นโอกาสของการได้ทำงานในผืนผ้าใบที่ใหญ่กว่าภาคแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแวดล้อมของเมืองกงเหมิน (“มันเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมจีนยิ่งใหญ่ครับ!”) และหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของลอร์ดเชน นกยูงเผือก “การสร้างขนนกยากกว่าขนชนิดอื่น เพราะคุณจะสามารถเห็นส่วนที่มันทิ่มทะลุผิวหนัง ด้วยความที่ขนชนิดอื่นบางกว่า มันก็เลยสามารถผ่านไปได้โดยไม่มีใครสังเกต แต่กับขนนก ถ้ามันแทรกผ่านกันและกัน คุณจะเห็นการชนกัน ดังนั้น การทำให้แน่ใจว่าขนนกทุกเส้นจะแยกจากกันและไม่ทะลุผ่านกันและกันคือการแยกส่วนการทะลุ ขนแต่ละเส้นจะต้องถูกจัดการแยกกันครับ”
   แล้วซีเควนซ์ที่ผสมผสานแง่มุมที่ท้าทายทุกอย่างเกี่ยวกับอนิเมชัน ดิจิตอลล่ะ ทีมผู้สร้าง “Kung Fu Panda 2” ไม่เคยเลือกเส้นทางเดินที่ง่ายดายเลย มือเขียนบท/ผู้ร่วมอำนวยการสร้างเกลนน์ เบอร์เกอร์กล่าวว่า “เราอาจจะเขียนในสคริปต์ง่ายๆ ว่า ‘แล้วก็เกิดสงครามครั้งใหญ่ตรงนี้ ซึ่งมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้น มีปืนใหญ่และโปก็ได้เผชิญหน้ากับกระสุนปืนใหญ่’ แต่การได้เห็นตอนนั้นกลายเป็นสงครามอีพิคห้านาทีก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ”
   มือเขียนบท/ผู้ร่วมอำนวยการสร้างโจนาธาน เอเบลกล่าวว่า “และนั่นก็กลายเป็นประสบการณ์การทำงานยาวนานสองปีสำหรับคนหลายร้อยคน สิ่งที่เราใช้เวลาเขียนเพียงไม่กี่วันกลายเป็นงานสำหรับทุกแผนก และเราก็ได้เรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับอนิเมชันด้วย ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่แพงที่สุดและใช้เวลานานที่สุด ซึ่งก็คือปืนใหญ่ระเบิดเมืองทั้งเมือง กลับไม่แพงเท่ากับฉากตัวละครเปียกโชก ขนที่เปียก ขนนกที่เปียก นอกเหนือจากการสร้างมันขึ้นมา และทำให้มันเหมือนจริงและมีลักษณะเหมือนจริง ซึ่งก็ท้าทายมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ เรายังต้องทำให้มันเปียกอีก…เราได้เรียนรู้แล้วว่ามันแพงมากๆ”
   เบอร์เกอร์กล่าวติดตลกว่า “ใช่ครับ เราทุ่มทุนให้กับหนังเรื่องนี้ไม่อั้น เราใช้ระเบิดมากมายและมีทั้งขนและขนนกที่เปียกเต็มเลย! มีคนพูดล้อเล่นว่าบรรทัดที่แพงที่สุดที่มือเขียนบทจะเขียนขึ้นมาได้คือ ‘แล้วฝนก็เริ่มตก’ แล้วฝนก็ตกในหนังเรื่องนี้ด้วยนะครับ”
   และผู้ที่กลับมาช่วยงานเขาคือโรดอล์ฟ กูโนเดน ซูเปอร์ไวซิง อนิเมเตอร์, นักวาดภาพเรื่องราวและที่ปรึกษาและออกแบบศิลปะการต่อสู้ของเรื่อง เขาพูดถึงภาคล่าสุดนี้ด้วยความรู้สึกที่สอดคล้องไปกับทีมงานเดิมของ KFP คนอื่นๆ ว่า “สเกลเป็นเรื่องใหญ่ครับ หนังเรื่องนี้ยิ่งใหญ่กว่าภาคแรก ในทุกๆ แง่มุม ทั้งแบ็คกราวน์ ทิวทัศน์ จำนวนตัวละครบนหน้าจอ อารมณ์ที่ปรากฏ ภาพมันน่าทึ่งมากๆ ผมคิดว่ามันน่าทึ่งจริงๆ”
   แต่แม้กระทั่งในโลก 3D ที่ใหญ่กว่าและสวยงามกว่า บางสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม เขากล่าวต่อไปว่า “เราไม่อยากให้โปกลายเป็นบรูซ ลี กลายเป็นคนจริงจังอย่างฉับพลัน เรายังอยากให้เขาซุ่มซ่ามนิดๆ แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนมากขึ้นแล้วในตอนนี้ และสามารถวาดลวดลายได้ เขายังคงเรียนรู้และพัฒนาสไตล์ของตัวเอง เพียงแต่มันก็ยังมีโอกาสสำหรับคอเมดี แม้กระทั่งในฉากแอ็กชันก็ตาม โปฝึกฝนกังฟูคลาสสิก แต่เขาทำมันออกมาในสไตล์แพนด้า ดังนั้น คอเมดีก็เลยเกิดจากความจริงที่ว่า ในตอนเขาต่อสู้ มันก็จะกลายเป็นงานหนัก ดังนั้น สีหน้าเขาก็จะแสดงออกมา และบางครั้ง เราก็จะได้เห็นเขาหอบอย่างหนัก เขาไม่ได้มีสีหน้าพร้อมรบแบบไทเกรสน่ะครับ”
   เมื่อมีเชน วายร้ายตัวใหม่เกิดขึ้น โอกาสในการใช้อิทธิพลใหม่ๆ (ที่อาจคาดไม่ถึงด้วย) ก็เกิดตามมาด้วย ระหว่างที่คิดเรื่องสไตล์การต่อสู้ของคู่ปรับล่าสุดของโป กูโนเดนก็นึกถึงการใส่เอาท่าแปลกๆ ที่เขาสังเกตเห็นระหว่างการดูการแข่งโอลิมปิคที่ปักกิ่งเข้าไป “เชนสง่างาม ดูดี แต่ก็สามารถเปลี่ยนตัวเองมาเป็นน่ากลัว น่าหวาดหวั่น หรือแม้กระทั่งอันตรายด้วยซ้ำไป การได้เล่นกับตัวละครตัวนี้สนุกมากจริงๆ ตอนที่เราเริ่มสำรวจเขาครั้งแรก ผมกำลังอยู่ระหว่างการร่างภาพสเก็ตช์และดูยิมนาสติกในการแข่งขันโอลิมปิคครับ พวกสาวๆ ใช้อุปกรณ์หลายอย่าง ซึ่งพวกเธอก็พลิ้วไหวและยืดหยุ่นมากๆ ผมคิดว่ามันคงจะเยี่ยมถ้าได้ผสมผสานศิลปะการต่อสู้เข้ากับท่าที่คาดไม่ถึงพวกนั้น…ซึ่งบางอย่างค่อนไปทางแปลกด้วย การมีนักสู้ที่สามารถทำท่าพวกนั้น ยกขา และยืดมันออกเกือบถึงหัว พร้อมๆ กับถือดาบได้น่ะ สำหรับนกยูง เรายังใส่หางยาวเฟื้อยของเขาเข้าไปในการต่อสู้ด้วย เพื่อเป็นโล่ เป็นเกราะป้องกัน หรือใช้โบกสะบัด มันมีการใช้ความคิดสร้างสรรค์มากมายกับตัวละครตัวนี้ที่สนุกทีเดียวครับ”

happy on May 17, 2011, 03:54:33 PM


การสานต่อการเดินทาง

                แม้กระทั่งด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเพิ่มแอ็กชันเข้าไป สเกลที่ใหญ่โตขึ้น และผลกระทบด้านวิชวลของ 3D “Kung Fu Panda 2” ก็ยังคงเป็นการเดินทางของหนุ่มน้อยนักฝัน โป อยู่ดีนั่นเอง
   โจนาธาน เอเบลกล่าวว่า “พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแพนด้าที่จะกลายเป็นปรมาจารย์กังฟูก็จริง แต่พวกเราทุกคนต่างก็มีความฝันลับๆ และรู้สึกว่าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่เราอยากจะทำได้จริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะบางทีคนอื่นๆ อาจบอกเราว่าเราไม่ดีพอ ผมเลยคิดว่าความเปราะบางของโปและความจริงที่ว่าเขาไม่เคยยอมแพ้ และท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จได้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้เข้าถึงหลายๆ คน”
   เมลิสซา ค็อบบ์กล่าวต่อว่า “และตรงแก่นของเรื่องราวนี้ โปก็ยังเป็นโป เขาเก่งกังฟูขึ้น แต่เขาก็ยังน่าขันนิดๆ ซุ่มซ่ามหน่อยๆ กินเก่ง และบางครั้ง ความกระตือรือร้นของเขาก็แซงหน้าความสามารถของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะพาตัวเองไปเจอกับสถานการณ์แบบไหน ผู้ชมก็จะเข้าใจเขาและสนุกกับการได้ดูเรื่องราวนี้เกิดขึ้นค่ะ”
   สำหรับผู้กำกับเนลสัน การเดินทางร่วมกับศิลปินที่คิดคล้ายๆ กันกับเธอคือสิ่งที่ทำให้เธอหวนคืนสู่เรื่องราวของโปอีกครั้ง เธอกล่าวสรุปว่า “เราผ่านปีแพนด้าที่ยาวนานมาด้วยกัน และเราก็รู้จักตัวละครทุกตัว เรารู้จักหนังเรื่องนี้ดีและเราก็หวงแหนมัน และอยากจะทำให้แน่ใจว่าหนังจะออกมาดี ทุกคนชื่นชอบมันมาก ฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับคนมากมาย ที่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะทำให้มันเป็นหนังที่ดี คุณไม่ต้องขอร้องเลย พวกเขาก็จะบอกว่า ‘ผมว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้ เพราะฉะนั้น ผมก็จะขัดเกลามันไปเรื่อยๆ’ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องขอร้องด้วยซ้ำ พวกเขารู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้หนังออกมาดี และมันก็วิเศษสุดค่ะ พวกเขาเป็นคนเก่งที่ไม่มีอีโก้ และหนังเรื่องนี้ก็มาก่อนเสมอ นี่เป็นเรื่องของความยอดเยี่ยมของทุกคนและการอุทิศความสามารถนั้นสู่เป้าหมายที่เรามีร่วมกันค่ะ”
   แจ็ค แบล็คกล่าวเสริมว่า “มันวนกลับมาเป็นวงกลมครับ ตอนนี้ ผมเล่นกับตัวละครนี้มาห้าปี ทำให้เด็กๆ สนุกกับมัน และได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องทำคือทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง คุณไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้หรอกว่าคุณจะเก่งอะไรแค่ไหน คุณอาจทำให้ตัวเองแพ้ก่อนที่คุณจะก้าวเท้าออกพ้นประตูด้วยซ้ำไป แต่คุณก็ต้องเดินหน้าครับ”