2 หนุ่มรุ่นใหม่เปิดตัวหนังสือธรรมะสุดแนว “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” พลิกวิธีคิด “ทำบุญอย่างมีสติ ไม่เกี่ยวกับสตางค์” อีกหนึ่งมุมมองธรรมะสู่คนรุ่นใหม่
“บุญ” มีจริงหรือ หน้าตาเป็นแบบไหน ? อยากได้ “บุญ” ต้องทำไง? ต้องบริจาคเท่าไหร่? แล้วถ้าไม่มีเงินหล่ะ ? การสวดมนต์ ไหว้พระ ขอพร การอธิฐานขอสิ่งดี ๆ การทำพิธีกรรมต่าง ๆ อย่างนี้จะถือว่าได้บุญไหม ? ...คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของชาวพุทธจำนวนไม่น้อย และอาจเป็นความสงสัย....ที่ยังไม่เคยได้รับคำตอบ
วันนี้หนุ่มรุ่นใหม่ 2 คนได้ช่วยกันปั้นหนังสือธรรมะสไตล์แนว ๆ ที่ชื่อ “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” อีกหนึ่งคำตอบ มอบให้สังคม ด้วยแนวคิดเรื่องธรรมะ ที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น เป็นภาษาคนรุ่นใหม่ เดินเรื่องด้วยคาแรคเตอร์การ์ตูน เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี
โดยเมื่อเร็ว ๆนี้ สำนักพิมพ์ A Thing ได้เปิดตัวพ๊อคเก็ตบุ๊คธรรมะแนวใหม่ชื่อ “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” เป็นผลงานเขียนของ ชยจิต หรือ นายชัยพัฒน์ ทองคำบรรจง หนุ่มหัวสมัยใหม่ผู้สำเร็จปริญญาตรีด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาเคยมีความสงสัยในธรรมะอย่างมาก ร่วมงานกับหนุ่มติสท์นักวาดการ์ตูนสุดแนวเจ้าของสมญานาม “เดอะดวง” หรือนายวีระชัย ดวงพลา สร้างสรรค์ผลงานหนังสือธรรมะที่ถ่ายทอดเนื้อหาผ่านตัวการ์ตูน “ขอบฟ้า” และ “หลวงพ่อ” สะท้อนความคิดและพฤติกรรมการทำบุญของคนยุคนี้ ที่นิยมทำตาม ๆ กันโดยลืมพิจารณาถึงแก่นแท้ของการทำ “บุญ” และขาดความเข้าใจแก่นแท้ของ ธรรมะ ซึ่งงานเปิดตัวจัดขึ้นที่ ลานเอเทรี่ยม 2 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ โดยมีแฟนคลับของ 2 หนุ่มมาร่วมงานกันคึกคัก
นักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกว่า ชยจิต หรือนายชัยพัฒน์ วัย 28 ปี เล่าว่า “เมื่อก่อนผมไม่ชอบธรรมะเลย และมีคำถามเต็มไปหมด เช่น บุญคืออะไร ทำไมต้องสวดมนต์ สวดแล้วจะได้อะไรจากภาษาที่เราฟังไม่ออก ทำไมต้องจุดธูปสามดอก...จนเมื่อเรียนจบและระหว่างรอที่จะเริ่มทำงาน ก็เลยตัดสินใจบวชให้พ่อแม่ตามความเชื่อที่ตาม ๆ กันมาว่าลูกผู้ชายต้องบวช ..ผมไปบวชที่วัดป่าแห่งหนึ่ง และที่นั่นผมได้เรียนรู้ว่าแก่นแท้ของธรรมะนั้นเรียบง่ายมาก ๆ เป็นสิ่งที่หากทุกคนนำไปปฏิบัติในชีวิตแล้วจะเกิดความสุข สงบขึ้นกับตัวเองและสังคม ธรรมะที่แท้ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้แรงกาย ใช้เพียงสติและความรู้ตัวเท่านั้น คนจนหรือคนรวยทำได้เท่ากัน”
ด้าน “เดอะดวง – วีระชัย ดวงพลา” นักเขียนการ์ตูนมือรางวัลระดับโลก วัยเพียง 24 ปี บอกว่า “ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อให้ทำหนังสือเล่มนี้ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เพราะไม่เคยทำหนังสือแนวนี้ แต่ก็คิดว่าน่าลองเพราะแปลกใหม่ และระหว่างทำเราก็คงได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปด้วย ถึงตอนนี้ผมมองว่าธรรมะเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ก็หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คนได้สติขึ้นมา คือคนมักจะคิดว่าการทำบุญให้ได้ผลบุญมาก ๆ นั้น มันจะต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือทำเยอะ ๆ ทำมาก ๆ ....แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถได้ผลบุญอันสูงสุดนั้นเท่า ๆ กันโดยไม่ต้องเสียทรัพย์สินเงินทองแม้แต่บาทเดียวเลย พูดง่าย ๆ ว่าการทำบุญที่ได้ผลบุญมากที่สุดนั้น ไม่ใช่การทำบุญที่ต้องใช้เงินเลย ก็อยากให้คนได้รู้ความจริงข้อนี้กันให้มาก ๆ ครับ”
“เนื้อหาของหนังสือ เป็นเรื่องของ เด็กหนุ่มชื่อ ขอบฟ้า ผู้นิยมทำบุญเป็นชีวิตจิตใจโดยเชื่อว่าผลแห่งบุญจะส่งให้เขาได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนมา วันหนึ่งเขาคิดจะสร้างห้องน้ำให้วัดป่าที่เขามองว่ายังขาดความเจริญ และได้พบกับหลวงพ่อรูปหนึ่ง ผู้ค่อย ๆ นำทางให้ขอบฟ้าได้คิดตามว่า “ความเจริญที่แท้จริง” อยู่ที่ไหน ...และการทำบุญอย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าเป็น “การทำบุญที่ลงทุนน้อย แต่ได้ผลบุญมาก” .... ซึ่งกลับตาลปัตรกับที่ได้เคยรู้มาตั้งแต่เล็กจนโต และยังตรงกันข้ามกับวิถีปฏิบัติที่พบเห็นจนชินตาในสังคม เขาได้เรียนรู้แก่นแท้ของธรรมะ ชีวิตเริ่มพบกับความสุขที่แท้ ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์หรือกระแสสังคมอีกต่อไป”
ในงานเปิดตัวหนังสือ “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” ยังมีนายวีระกิจ อัชรีวงศ์ไพศาลเจ้าของ
บล็อกอันลือลั่น “กะว่าก๋า” และเป็นผู้เขียนหนังสือ “หมื่นตาธรรมะ” มาร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษ โดยเขากล่าวว่า “ หนังสือ “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” เป็นส่วนผสมระหว่างหนังสือธรรมะแบบจริงจัง และหนังสือธรรมะสไตล์เบา ๆ ที่ลงตัวมาก มีหลักธรรมให้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูง อ่านแล้วชวนติดตาม ทำให้ผู้อ่านเข้าใจธรรมะได้อย่างง่าย ๆ ”
ไม่เพียงพ๊อคเก็ตบุ๊ค “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” เท่านั้น แต่ ชัยพัฒน์ ยังได้จัดทำหนังสือธรรมะธรรมทาน เล่มเล็กในชื่อ “ปล่อยวางยังไง ? ธรรมะ” ขึ้นอีกด้วย เป็นธรรมะสั้น ๆ แบบตอนเดียวจบเพื่อให้ข้อคิดในแต่ละเรื่องกับผู้คนในสังคม โดยเขามีแผนจะทำขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก 2 เดือน โดยนำไปวางเป็นธรรมทานให้กับวัด โรงพยาบาล และสถานที่สาธารณะที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้สนใจหยิบไปอ่านได้ฟรี พร้อมกับแจกให้กับผู้สมัครเป็นสมาชิก เวปไซด์ A Thing book อีกด้วย
ชยจิต หรือ ชัยพัฒน์ ยังได้แบ่งปันมุมคิดเพิ่มเติมให้กับคนทำงานปิดท้ายการสัมภาษณ์ อีกด้วยว่า “ทุกชั่วขณะที่เราใช้ชีวิตมันก็คือธรรมะ ธรรมะที่สำคัญคือการมีสติ เมื่อมีสติแล้วงานทุกอย่างที่ทำจะออกมาค่อนข้างรัดกุม รอบคอบ เราจะไม่ใช่คนที่ทำงานลวก ๆ เมื่อเรามีสติในการทำงาน เราจะไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดตัวเองมากจนเกินไป ว่าสิ่งที่เราพูดต้องถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะเริ่มรับฟังคนอื่นมากขึ้น ลดตัวตนลง สามารถหาคำตอบตรงกลางระหว่างการประชุมได้ง่ายขึ้น เราจะไม่ตัดสินใครง่าย ๆ เพราะทุกคนล้วนมีทั้งด้านดีและไม่ดี ผิดของคนหนึ่งอาจเป็นถูกของอีกคนหนึ่งก็ได้ สติจะช่วยให้เราแยกระหว่างเรื่องงานและเรื่องอารมณ์”
“ทุกวันก่อนออกจากบ้าน ผมจะบอกตัวเองเสมอว่า “จากวินาทีนี้ไป เราต้องเจอเรื่องสมหวังอีกเยอะ เรื่องผิดหวังอีกเยอะ เรื่องไม่ดีอีกเยอะ ต้องถูกคนชมอีกเยอะ และถูกคนนินทาอีกเยอะ จากวินาทีนี้ไป ย่อมมีเรื่องราวทุกด้านทั้งดีและไม่ดีเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน เราต้องเตรียมใจไว้ตลอด พอมันเกิดขึ้นเราก็จะได้รู้ว่านี่คือเรื่องปกติธรรมดาที่ชีวิตต้องเจอ แล้วเราก็จะสามารถเข้าใจและปล่อยวางมันได้ง่ายขึ้น”
พ๊อคเก็ตบุ๊ค “สงสัยมั้ย ? ธรรมะ” น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะนำพาคนรุ่นใหม่ วัยโจ๋ และเยาวชน ให้ได้มีโอกาสเข้าใจ “แก่นคำสอนในพุทธศาสนา” ลบความสงสัยในเรื่องธรรมะออกไป นอกจากนี้ ผู้เขียนยังอัพโหลดเนื้อหาให้เข้าไปอ่านฟรีได้ที่เวปไซด์ของ A Thing
www.athingbook.com ใครที่ยังสงสัยในธรรมะ น่าจะลองหยิบ “ธรรมะ” มุมมองใหม่เล่มนี้ มาอ่านดูสักครั้ง ...
