Gmail on April 21, 2011, 06:21:07 PM
KTAM ขายตราสารหนี้ในปท.6เดือนชู2.65% พร้อมคืนเงินKT-Trigger2เข้าเป้าก่อนกำหนด
 
  นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า    บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 1 ( KTSIV6M1 )    ระหว่างวันที่ 18 - 22 เมษายน 2554 โดยเป็นกองทุนประเภท Roll Over ทุก 6 เดือน ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น เงินฝากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคาร และ/หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ดี  โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี   และไม่เสียภาษี  กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล  หรือมีเป้าหมายต้องการพักเงินระยะสั้นเพื่อหาโอกาสลงทุนที่เหมาะสมต่อไปในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

               สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างเงียบ มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากติดเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ประกอบกับตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 Bps มาเป็น 2.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 20 เมษายน 2554 ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม  อย่างไรก็ตาม กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง  เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น  โดยเฉพาะตราสารระยะสั้น
 
            นายสมชัย   กล่าวต่อไปว่า       บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 10 % ทริกเกอร์ ฟันด์  ( KT-Trigger2  )  เมื่อเดือนกันยายน 2553     โดยมีเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท     ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่10%   ภายในระยะเวลาประมาณ   6 เดือน   ซึ่งบริษัทสามารถปิดกองทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้  เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.00 บาท  ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน  จากมูลค่าหน่วยลงทุน   ในช่วง IPO ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย       และเป็นไปตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด   โดยบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วย พร้อมผลตอบแทน ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์  ในวันที่ 25 เมษายน  2554   

              กองทุนนี้  ผู้จัดการกองทุนมีการบริหารแบบ  Active Management  มีการจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) และเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Asset Allocation)