activity on March 07, 2011, 05:30:25 PM
พบกับข่าวหุ้นอินไซต์ บน “Aspen” โปรแกรมหุ้นเรียลไทม์เวอร์ชั่นใหม่

                สำนักข่าวหุ้นอินไซต์  พร้อมป้อนข้อมูลข่าวสารของ HOONINSIDE บนบริการ  “Aspen” โปรแกรมเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด  ปรับปรุงจากโปรแกรม Apex    หลัง อินโฟเควสท์- แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ Aspen Graphics โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นชั้นนำของโลก ผนึกกำลัง จากนี้ไป ชาวหุ้น สามารถเกาะติดข่าวเข้มข้น เจาะลึกคลุกวงใน พร้อมด้วยบทสัมภาษณ์พิเศษจากบริษัทชั้นนำ  นอกเหนือจากแหล่งข่าวสำนักข่าวอินโฟเควสท์ สำนักข่าวดาวโจนส์ และ สำนักข่าวซินหัว   ด้าน "ชาลทอง" นายใหญ่   อินโฟเควสท์ ลั่นบริการ  “Aspen” ช่วยให้โบรกเกอร์-สถาบันการเงิน ลดค่าใช้จ่าย 35-50% จากราคามาตรฐานของคู่แข่ง

                นายประสิทธิ์ กรโชคอนันต์  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท นายกล้วยหอม ออนไลน์ จำกัด เจ้าของ WWW.HOONINSIDE.COM หรือสำนักข่าวหุ้นอินไซต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ร่วมมือกับ บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตลาดหุ้น  เศรษฐกิจ การเมืองของหุ้นอินไซต์ บนผลิตภัณฑ์ใหม่มีชื่อว่า “Aspen” ซึ่งเป็นบริการเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์และข้อมูลด้านการเงินการลงทุนต่างๆ จากตลาดในประเทศและต่างประเทศ  โดยต่อไปนักลงทุน ผู้สนใจทั่วไป สามารถติดตามข่าวสารของหุ้นอินไซต์ ได้ผ่าน Aspenอีกช่องทางหนึ่ง นอกเหนือจากเข้าอ่านได้ที่ www.hooninside.com โดยตรง

                ทั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของ WWW.HOONINSIDE.COM ที่ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริการ  “Aspen” โปรแกรมเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ปรับปรุงจากโปรแกรม Apex  ที่โบรกเกอร์-นักลงทุนคุ้นเคยวิธีการใช้งานอยู่แล้ว   ซึ่งเชื่อว่า ข่าวสารที่นำเสนอ มีความเข้มข้น เจาะลึกและการสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนชั้นนำ   สามารถตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี  ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมานาน นอกเหนือจากข่าวสารแล้ว  นักลงทุนยังจะพบกับคอลัมภ์นิสต์ชื่อดัง  นายกล้วยหอม แม่มดน้อยและเจ๊มดแดง  ซึ่งพร้อมนำเสนอเรื่องราว เจาะลึกวงการค้าหุ้น ใครทำอะไรที่ไหน มาตีแผ่ให้ทราบโดยทั่วกัน

                นายชาลทอง ปัทมพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด ผู้ให้บริการข่าวสารข้อมูลออนไลน์ชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยว่า แอสเพนรีเสิร์ชกรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ Aspen Graphics โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นชั้นนำของโลก (หรือที่โบรกเกอร์และนักลงทุนไทยรู้จักกันในนาม Apexซึ่งให้บริการโดย บริษัท บิสนิวส์ เอเอฟอี (ประเทศไทย) จำกัด) ได้ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดโดยตรงในประเทศไทย โดยมีอินโฟเควสท์เป็นผู้สนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร พร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มีชื่อว่า “Aspen” ซึ่งเป็นบริการเรียกดูข้อมูลหุ้นเรียลไทม์และข้อมูลด้านการเงินการลงทุนต่างๆ จากตลาดในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจว่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในการใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น

                “เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมเป็นผู้นำเสนอบริการ Apex แต่ได้ขายธุรกิจและวางมือจากวงการไปกว่า 14 ปีแล้ว  ถึงกระนั้นก็ตาม บริการ Apex ซึ่งได้เปลี่ยนไปอยู่ในมือเจ้าของใหม่  ก็ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น การที่ผมจะกลับมาในวงการใหม่ ผมต้องมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม  นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าการที่เราเข้ามาแข่งขันจะทำให้คู่แข่งต้องลดราคาและปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการ” นายชาลทองกล่าว

                     ข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนบริการ Aspen ประกอบไปด้วยข้อมูลจากแหล่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงตลาดการค้า (Exchange) สำคัญๆ ของโลก ราว 35 แห่ง ครอบคลุมถึงข้อมูลดัชนีและราคาซื้อขายหลักทรัพย์ กองทุน ตราสารอนุพันธ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ข้อมูลพลังงาน ข้อมูลด้านการเงิน  อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ฯลฯ  นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวที่เกาะติดสถานการณ์ตลาดทุนซึ่งรายงานเป็นภาษาไทยและอังกฤษจาก สำนักข่าว    อินโฟเควสท์ สำนักข่าวดาวโจนส์ และ สำนักข่าวซินหัว  โดยมีบริการเสริมทางด้านข่าวจากเว็บหุ้นอินไซด์ของ บริษัท นายกล้วยหอมออนไลน์ จำกัด

               เนื่องจากบริษัทอินโฟเควสท์ไม่ใช่หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการบริการข้อมูลสำหรับตลาดหุ้นและการเงิน แต่อินโฟเควสท์ได้ดำเนินการให้บริการข้อมูลข่าวสารออนไลน์มากว่า 11 ปี และมีฐานธุรกิจเป็นลูกค้าแบบบอกรับเป็นสมาชิก(Subscribers) ซึ่งมีความต้องการใช้ข้อมูลอย่างมืออาชีพผ่านช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศอยู่กว่า  4,000 ราย ทำให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด(Economy of Scale)  อินโฟเควสท์จึงใช้กลยุทธ์ด้านการตลาด ในการเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ซึ่งบริการ Aspen นี้จะช่วยให้โบรกเกอร์และสถาบันการเงินสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ 35-50%  จากราคามาตรฐานของคู่แข่ง