YAHOO on December 15, 2010, 05:08:49 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคาร ที่ 14 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1385 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.04 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.07 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19700 บาท กับ 19800 บาท GFZ10 เปิดที่ 19820 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19930 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19790 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19920 บาท SPDR ถือครอง 1289.83 ตัน (เท่าเดิม) ราคาน้ำมันปิดบวก 82 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.61 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 18.24 จุด มาปิดที่ระดับ 11428.56 จุด ราคาทองคำในตลาดเอเชียมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยมีการซื้อขายในช่วง 1385-1393 เหรียญ ปิดที่ระดับ 1390 เหรียญ โดยที่ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ค่อนข้างเบาบางเนื่องจากราคาไม่แกว่งตัว Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 1888 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 1426 คู่สัญญา คิดเป็นVolume 75% ของ Gold Futures 50 บาท และคิดเป็นมูลค่า อยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับ Gold Futures 50 บาท ทองคำในตลาดลอนดอนและComex เองค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น โดยขึ้นมาทดสอบระดับ 1395 เหรียญ และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1400 เหรียญ และกลับมาปิดที่ระดับ 1398 เหรียญ โดยที่ข่าวทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือ มูดีส์อาจจะลดอันดับเครดิตสหรัฐฯ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมีนโยบายที่จะขยายโครงการลดหย่อนภาษี และเรื่องการประชุม FED ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม ในคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าเป็นผลลบเล็กน้อยคือ PPI และ Core PPI ส่วน Retail Sale คาดว่าออกมาไม่ดี ในภาพรวมคือตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ดี นักลงทุนคงคอยผลประชุม FED มากกว่า น้ำมันเริ่มขึ้นไปทดสอบ 90 เหรียญ/บาร์เรล ราคาน้ำมันปิดบวก 82 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.61 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 18.24 จุด มาปิดที่ระดับ 11428.56 จุด
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเริ่มขึ้นมาทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1400 เหรียญ และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยหมดแล้ว เริ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยา 1400 เหรียญ สัญญาณ Oscillator ในระยะสั้นมากเริ่มเป็นบวก มองได้ว่าทองคำเริ่มเข้าสู่ภาวะขาขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากการปรับฐานใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วหลังจากสามารถ break out ทะลุแนวต้านสำคัญได้ แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1410 เหรียญ แนวรับที่ระดับ 1385 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทยปิดตลาดที่ระดับ 19750 บาท และ 19850 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1392 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19700 บาท และมีแนวต้านที่ระดับ 19950 บาท สำหรับ GoldFutures Z10 จะมีแนวรับที่ระดับ 19920 บาท แนวต้านที่ระดับ 20100 บาท ใกล้จะหมดอายุ เตือนอีกครั้ง ให้นักลงทุนทยอยปิด Series z10 และเปิด Series G11Gold Futures G11 จะมีแนวรับที่ระดับ 20050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20200 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวขาขึ้น ระวังแนวต้านจิตวิทยา แต่เราคาดว่าจะทะลุได้
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) เป็นวันที่สองที่เราให้ทยอยสะสมซื้อเข้า และยังให้ทยอยสะสมเพิ่ม Port เป็น 40%
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ให้เข้าซื้อต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ปรับ Port เป็น 35%

          สรุปได้ว่า ขอย้ำให้นักลงทุน ปิดสถานะ Short และเปลี่ยนเป็นสถานะ Long ตามจังหวะและโอกาส แต่ไม่ควรมีสถานะ Short โดยเด็ดขาด

YAHOO on December 15, 2010, 05:10:59 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 14 ธันวาคม 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,850 - 19,950
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,401
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.02 – 30.06
          - GFZ10 Hi- Low 19,940 – 19,820 ปิดที่ 19,930
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 13.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,398.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,380.80 - 1,400.20 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และจากการที่จีนตัดสินใจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการทองคำในประเทศจีนเพิ่มขึ้นด้วย

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 18.24 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 11,428.56 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.06 จุด หรือ 0.00% ปิดที่ 1,240.46 จุด ขานรับข่าวควบรวมกิจการในภาคเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐจะอนุมัตการขยายโครงการลดหย่อนภาษี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 88.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.44 - 89.49 ดอลลาร์ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ความต้องการพลังงานในจีนจะเพิ่มขึ้นด้วย

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 14 ธันวาคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,289.83 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และแกนนำพรรครีพับลิกันมีมติขยายโครงการลดหย่อนภาษี อาจส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐสูงขึ้น และอาจทำให้มูดีส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3393 ดอลลาร์ต่อยูโร

          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วลง 0.60% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.410 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 83.910 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.49 เยนต่อดอลลาร์

          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.04-30.05 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.02-30.06 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า มูดีส์อาจลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ระดับ Aaa หากข้อตกลงการขยายโครงการลดหย่อนภาษีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และแกนนำพรรครีพับลิกันทำร่วมกันนั้น มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย มูดีส์ได้แสดงความกังวลว่า การขยายโครงการลดหย่อนภาษีอาจส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณและตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่มูดีส์จะปรับเปลี่ยนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้านี้
          - สำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) คาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐจะอยู่ที่ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2553 แต่ยังต่ำกว่ายอดขาดดุลในปีงบประมาณ 2552 อยู่ประมาณ 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์
          - ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งนับเป็นการเพิ่มเพดานสำรองครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ เพื่อเป้าหมายที่จะควบคุมผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการประกาศครั้งล่าสุดจะทำให้สัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 18.5%
          - ที่ประชุมเศรษฐกิจประจำปีของจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนจะยกระดับและปรับปรุงกฎข้อบังคับด้านเศรษฐกิจมหภาค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งในปีหน้า แถลงการณ์ของที่ประชุมระบุว่า กฎข้อบังคับด้านเศรษฐกิจมหภาคในปีหน้าจะเป็นการดำเนินการแบบเชิงรุก มีเสถียรภาพ รอบคอบ และมีความยืดหยุ่น โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างสมดุลของนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพและเติบโตอย่างรวดเร็ว การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการรับมือกับการคาดการณ์เงินเฟ้อ
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

13 - 14 ธ.ค. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันจันทร์
 · Treasury Currency Report

· ECB President Trichet Speaks
 -

-
 -

-
 -

-
 
วันอังคาร
 · Core Retail Sales

· PPI

· Retail Sales

· Core PPI

· Business Inventories

· FOMC Statement

· Federal Funds Rate
 0.4%

0.4%

1.2%

-0.6%

0.9%

-

0-0.25%
 0.7%

0.6%

0.6%

0.2%

0.9%

-

0-0.25%

YAHOO on December 15, 2010, 05:11:55 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธ ที่ 15 ธันวาคม 2553
 
ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1399 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.02 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.06 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19850 บาท กับ 19950 บาท GFZ10 เปิดที่ 19990 บาท และ GFG11 เปิดที่ 20110 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 20000 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 20100 บาท SPDR ถือครอง 1286.79 ตัน (ขายออก 3.04 ตัน) ราคาน้ำมันปิดลบ 33 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.28 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 47.98 จุด มาปิดที่ระดับ 11476.54 จุด ราคาทองคำในตลาดเอเชียมีการ เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1400-1407 เหรียญ ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 5084 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2482 คู่สัญญา เมื่อเทียบ Volume คิดเป็น 48% มูลค่าคิดเป็น 9% ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและComexเอง ค่อนข้างเงียบเหงาโดยช่วงต้นตลาดปรับตัวลดลงมาหลุดแนวที่ระดับ 1400 เหรียญ ลงมาทดสอบแนวรับแรกที่ระดับ 1395 เหรียญ และลงไปทำต่ำสุดที่ระดับ 1392 เหรียญ ก่อนจะดีดตัวกลับมาปิดที่ระดับ 1404 เหรียญ ข่าวโดยทั่วไปคือ FED คงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% เท่าเดิม โดยที่ เบน เบอร์นันเก ออกมาพูดว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังชะลอตัว ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าในช่วงต้นตลาด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจ คือ ตัว PPI ออกมาดีกว่าที่คาด 0.8% และ Core Retail Sales ออกมาดีกว่าที่คาด 1.2% ในขณะที่ SPDR ขายทองคำออกมา 3.04 ตัน ถือครองที่ระดับ 1286.79 ตัน ราคาน้ำมันปิดลบ 33 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.28 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 47.98 จุด มาปิดที่ระดับ 11476.54 จุด

วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำมีแรงเทขายทำกำไรเป็นช่วงๆแต่ก็ยังมีแรงซื้อ ทำให้ราคาสามารถปิดยืนเหนือระดับ 1400 เหรียญในตลาดนิวยอร์กได้ ทิศทางโดยทั่วไปเริ่มเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยที่มีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1410 เหรียญ และแนวรับที่ระดับ 1390 เหรียญ โดยที่ภาพรวมๆค่อยๆทยอยปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่จะดีดขึ้นอย่างรวดเร็วและคงรอผล CPI ที่จะประกาศในคืนนี้ ราคาทองคำแท่งของไทยปิดตลาดที่ระดับ 19900 บาท และ 20000 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1402 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19750 บาท และมีแนวต้านที่ระดับ 20000 บาท สำหรับ Gold Futures Z10 จะมีแนวรับที่ระดับ 19950 บาท แนวต้านที่ระดับ 20070 บาท ใกล้จะหมดอายุ เตือนอีกครั้ง ให้นักลงทุนทยอยปิด Series z10 และเปิด Series G11 Gold Futures G11 จะมีแนวรับที่ระดับ 20050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20200 บาท

คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ยังเป็นทิศทางขาขึ้น ยังเชื่อว่าเป็นการทำกำไรในช่วงสิ้นปี
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ทยอยเข้าซื้อตามบริเวณแนวรับสำคัญ
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ให้ทยอยเข้าซ้อเช่นเดียวกัน ปรับ Port ประมาณ 40%

YAHOO on December 15, 2010, 05:13:46 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 15 ธันวาคม 2553 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,800 - 19,900
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,396
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.02 – 30.05
          - GFZ10 Hi- Low 20,090 – 19,990 ปิดที่ 20,050
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดบวก 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,404.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,392.40 - 1,408.90 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร
 
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 47.98 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 11,476.54 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 1,241.59 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.81 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 2,627.72 จุด ขานรับยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 33 เซนต์ ปิดที่ 88.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่มากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมของตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 15 ธันวาคม ขายออก 3.04 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,289.83 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,286.79 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3340 ดอลลาร์ต่อยูโร

          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.640 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 83.400 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.91 เยนต่อดอลลาร์

          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.99-30.03 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.02-30.05 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
 
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 เดือน และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงานซึ่งมีความผันผวน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PPI เป็นหนึ่งในดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ จะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากอัตราค่าแรงและราคาสินค้าโดยทั่วไปชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
          - กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผย สต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% แตะระดับ 1.42 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2552 และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นว่าความต้องการสินค้าภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ตัวเลขสต็อกสินค้าภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และตัวเลขดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการประเมินวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การปรับเพิ่มสต็อกสินค้าของภาคธุรกิจยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยตั้งแต่ช่วงปี 2550-2552
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยายตัว 0.8% จากเดือนต.ค. แตะที่ระดับ 3.787 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.6% เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายอาหาร เสื้อผ้า และสินค้ารายการอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
          - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) พร้อมกับย้ำว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเป้าหมายที่จะเสริมสร้างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรับมือกับปัญหาอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก คณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ มูลค่ารวม 6 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นสุดไตรมาส 2 ของปีหน้า โดยจะทยอยซื้อพันธบัตรในวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับทบทวนจังหวะเวลาในการเข้าซื้อพันธบัตรและขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรเป็นระยะๆ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพด้านราคาและกระตุ้นตัวเลขการจ้างงาน
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

14 - 15 ธ.ค. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันอังคาร
 ·   Core Retail Sales

·   PPI

·   Retail Sales

·   Core PPI

·   Business Inventories

·   FOMC Statement

·   Federal Funds Rate
 0.4%

0.4%

1.2%

-0.6%

0.9%

-

0-0.25%
 0.7%

0.6%

0.6%

0.2%

0.9%

-

0-0.25%
 1.2%

0.8%

0.8%

0.3%

0.7%

-

0-0.25%
 
วันพุธ
 ·   Core CPI

·   CPI

·   Empire State Manufacturing Index

·   TIC Long-Term Purchases

·   Crude Oil Inventories
 0.0%

0.2%

-11.1

81.0B

-3.8M
 0.1%

0.2%

4.7

82.3B

-2.7M