du_sit on December 01, 2010, 04:11:01 AM


เชฟโรเลต ครูซ พร้อมปลุกทุกปฏิกิริยาตอบสนอง







เชฟโรเลต ครูซ รถยนต์คอมแพกต์ซีดานระดับโลกรุ่นใหม่ที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ผลงานจากการพัฒนาร่วมกันของทีมงานเจนเนอรัล มอเตอร์สและเชฟโรเลตจากทั่วโลกเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ทั้งการออกแบบ เทคโนโลยีของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สมรรถนะการขับขี่ ความสะดวกสบายของพื้นที่ห้องโดยสาร ความปลอดภัย ตลอดจนคุณภาพบนทุกตารางนิ้วของตัวรถ

การออกแบบภายนอก : สะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของเชฟโรเลต

รูปลักษณ์การออกแบบภายนอกของเชฟโรเลต ครูซ ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ผสมผสานความสวยงามกับคุณประโยชน์ทางวิศวกรรมอย่างลงตัว ตัวถังทรงลิ่มที่ตั้งบนความกว้างของฐานล้อ และความแบนของตัวรถ ช่วยเน้นกลิ่นอายสปอร์ตได้อย่างเด่นชัด ดีไซน์เสาหลังคา A ลาดเอียง ลดการต้านทานอากาศ ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานมีเพียง 0.31Cd เส้นโครงหลังคาที่ลากยาวจากกระจกบังลมหน้า ผ่านเสาหลังคากลางจนถึงเสาหลังที่ออกแบบให้มีขนาดบาง รวมทั้งด้านท้ายรถที่สั้นลง ทำให้เชฟโรเลต ครูซ มีรูปลักษณ์แบบซีดานคูเป้ (4 Doors Coupe) 

กระจังหน้าสองชั้น “ดูอัลพอร์ตดีไซน์” พร้อมขอบโครเมียมหรูหราในรุ่น LS LT และ LTZ เสริมแต่งความโดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ “โบว์ไท” ใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ไฟหน้าลากยาวอย่างเฉียบคม เข้ากับโป่งซุ้มล้อหน้า บนกระโปรงหน้ามีเส้นสายยาวรับกับเส้นสันไหล่ที่บึกบึน ไฟท้ายสองดวงแยกส่วน พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED 12 ดวง ทำให้รถยนต์เชฟโรเลต ครูซ ดูแข็งแกร่ง ปราดเปรียว พร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า

สำหรับสีสันตัวถังภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีขาว Alpine White สีดำ Black Sapphire สีเทา Royal Gray สีเงิน Sterling Silver สีแดง Tornade Red และสีฟ้า Misty Lake

เชฟโรเลต ครูซ รุ่น 2.0LTZ มาพร้อมกับล้ออัลลอยทรง 5 ก้านอันดุดันขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/50 R17 ขณะที่รุ่น 1.8LTZ ใช้ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/50 R17 ส่วนรุ่น 1.6LS 1.8LS และ 1.8LT ใช้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205/60 R16






การออกแบบภายใน : ปรากฎการณ์ใหม่ของงานดีไซน์

ภายในห้องโดยสารของเชฟโรเลต ครูซ โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ “ดูอัล ค็อกพิท” (Dual Cockpit) คอนโซลกลางทรง V-Shape ที่ถูกออกแบบให้ต่อเนื่องกลมกลืนไปกับคอนโซลเกียร์ ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้สัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่ร่วมกัน เป็นการถ่ายทอดพันธุกรรมความสปอร์ตเต็มพิกัดจากรถอเมริกันมัสเซิลคาร์อย่างเชฟโรเลต คอร์เวทท์   

การตกแต่งห้องโดยสารของครูซ เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะสร้างความแตกต่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แผงคอนโซลหน้าใช้วัสดุหนังสีน้ำตาลส้มในรุ่น LTZ ขณะที่รุ่น LS ใช้วัสดุผ้าสีดำ และรุ่น LT ใช้ผ้าสีน้ำเงิน ตัดขอบสีดำ

ในรุ่น 1.8LT 1.8LTZ และ 2.0LTZ ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 3 ก้านขนาดกระชับมือ เพียบพร้อมด้วยสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติครูซ คอนโทรลบนก้านพวงมาลัยสะดวกต่อการใช้งาน มาตรวัดทรงกลม 3 ช่องตกแต่งด้วยขอบโครเมียม เพิ่มมุมมองแบบ 3 มิติ ส่องสว่างด้วยหลอดไฟแอลอีดีสีฟ้า Crisp Ice Blue พร้อมหน้าจอ DIC (Driver Information Center) แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 7 บรรทัด ไม่ว่าจะเป็นอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทาง อัตราความเร็วเฉลี่ย และอัตราการใช้น้ำมันขณะขับขี่ โดยแสดงข้อมูลทั้งแบบตัวอักษร และตัวเลข เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในรุ่น LS LT และ LTZ

สำหรับเบาะที่นั่งหุ้มหนังสลับสีสันเช่นเดียวกับแผงคอนโซล ถูกตัดเย็บขึ้นด้วยสไตล์การเดินตะเข็บด้านข้างแบบฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าหรูหราและเทียบเท่ามาตรฐานที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ถูกติดตั้งอยู่ในรุ่น 1.8LTZ และ 2.0LTZ ตัวเบาะคู่หน้าถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ สไตล์ Bucket Seats ปีกเบาะโอบกระชับลำตัวเติมเต็มความรู้สึกสปอร์ต สามารถปรับระดับให้เข้ากับสรีระของผู้ขับขี่ได้ 4 ทิศทางให้ความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

ความกว้างขวางในห้องโดยสารของเชฟโรเลต ครูซ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่เหนือกว่า ความสูงของห้องโดยสารตอนหน้ามีมากถึง 103 ซม. บวกกับพื้นที่ช่วงขาที่มีราว 35-66 ซม. ขณะที่ห้องโดยสารตอนหลังมีพื้นที่ศีรษะ 93 ซม. และมีความสูงพนักพิงเบาะถึง 79 ซม. ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าครูซ มีความกว้างขวางและสะดวกสบายมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ เบาะด้านหลัง ยังรองรับผู้โดยสารได้ถึง 3 คน พร้อมหมอนรองศีรษะ 3 ชิ้นในรุ่น LTZ โดยเบาะหลังสามารถพับได้ 60:40 เปิดไปถึงพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถซึ่งมีความจุมากถึง 400 ลิตร โดยมีฉนวนใยแก้วในห้องเก็บสัมภาระเพื่อกรองและลดเสียงรบกวนที่จะส่งผ่านเข้ามาภายในห้องโดยสาร

ขุมพลังขับเคลื่อน : พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่   

•   ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร
ขุมพลังของเชฟโรเลต ครูซ ในรุ่นท็อปไลน์ เครื่องยนต์คอมมอนเรล ดีเซล เทอร์โบแปรผัน VGT พ่วงเทคโนโลยีหัวฉีด VCDi แรงดันสูงถึง 1,600 บาร์ ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ เพิ่มอัตราความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลพิษ บล็อก 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 320 นิวตันเมตรมาที่รอบต่ำเพียง 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม DSC (Driver Shift Control) ที่ถูกปรับตั้งอัตราทดเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์เพื่อเน้นให้รอบเครื่องยนต์ต่ำ ประหยัดน้ำมัน และมีสมรรถนะเป็นเลิศ ขณะเดียวกัน ชุดเกียร์ที่มีขนาดเล็กจึงมีการทำงานที่เงียบ และค่าบำรุงรักษาต่ำ 

•   เบนซิน 1.8 ลิตร       
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ECOTEC บล็อก 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ MPI (Multi-point Injection) และระบบวาล์วแปรผันคู่ Double CVC (Double Continuous Variable Cam Phasing) ที่จะทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเปิด-ปิดของลิ้นไอดีและไอเสียแบบแปรผันให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ โดยทำงานร่วมกับระบบปรับความยาวท่อร่วมไอดีสองระยะ VIM (Variable Intake Manifold) ผลลัพท์ที่ได้คือสมรรถนะอันยอดเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองต่ำ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้พละกำลังสูงสุดที่ 141 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที ซึ่งเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 177 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด DSC (Driver Shift Control) รวมถึงมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือกใช้   

•   เบนซิน 1.6 ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร E-TEC II บล็อก 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ MPI (Multi-point Injection) พร้อมระบบปรับระยะทางเดินท่อไอดีแบบแปรผัน VGiS (Variable Geometry Intake System) ให้ทั้งสมรรถนะ ความประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีพละกำลังสูงสุดที่ 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที่ แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที เหนือกว่าด้วยระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด DSC (Driver Shift Control) และระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
 
ระบบกันสะเทือน (EURO-Ride): ผสมผสานความนุ่มนวลและการขับขี่อย่างมั่นใจ
ยังคงเอกลักษณ์ของเชฟโรเลตอย่างเต็มเปี่ยม สำหรับระบบกันสะเทือนของเชฟโรเลต ครูซ ที่พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในทุกสภาวะ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สัน สตรัท คอยล์สปริง โช้คอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลังเป็นชุดคานทอร์ชั่นบีมขนาด 110 ซม. ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Magnatic Arc และโช้คอัพแก๊ส ถ่ายทอดอารมณ์สปอร์ตของตัวรถมาถึงผู้ขับขี่ได้อย่างเด่นชัดที่สุด

เชฟโรเลต ครูซ ยังมีแผ่นปิดใต้ห้องเครื่องที่เป็น Diffuser ในตัว เพื่อจัดเรียงลมใต้ท้องรถ ป้องกันเสียงที่จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร และยังได้รับการติดตั้งคานขวางความยาว 44 ซม. ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และเสถียรภาพการทรงตัว

คุณภาพของเชฟโรเลต ครูซ นั้นเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ด้วยการทดสอบจากสถานที่ต่างๆที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ที่สุด” รวมระยะทางกว่า 4 ล้านไมล์ หรือกว่า 6.5 ล้านกิโลเมตรทั่วโลก อาทิ ในเขตทะเลทรายอาราเบียน ที่ร้อนสุดๆ หรือหนาวจนถึงเกือบจุดเยือกแข็งในแถบสแกนดิเนเวีย โดยยังมีสถานที่ที่เรียกว่าหฤโหดสุดๆอย่างเวเนซุเอลา ทดสอบสมรรถนะในเทือกเขาแอลป์ และทดสอบขับในสนามแข่งขันระดับตำนานอย่างเนอร์เบิร์กริง ในเยอรมนี ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานที่ร้อนชื้นอย่างในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่า เชฟโรเลต ครูซ เปี่ยมด้วยคุณภาพในระดับโลกอย่างแท้จริง

ความปลอดภัย : ป้องกันเชิงรุกและเชิงรับ อุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง

เชฟโรเลต ครูซ รวมความปลอดภัยที่ล้ำหน้า ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งเชิงรุกและเชิงรับได้อย่างมั่นใจ หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ด้วยระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน พร้อมด้วยระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution)  ให้การเบรกแต่ละล้อทำงานได้โดยอิสระเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น พร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร

อัดแน่นด้วยความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยด้านหน้า และด้านข้าง 4 ใบในรุ่น LTZ ชุดแป้นเหยียบยุบตัวได้ซึ่งจะแนบลงกับพื้นในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า ช่วยไม่ให้แป้นเหยียบยื่นเข้ามาในพื้นที่วางเท้าของผู้ขับขี่ ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของขาส่วนล่าง ระบบป้องกันผู้ใช้ถนน Pedestrian Protection ระบบนี้ถูกรวมเข้ากับการออกแบบฝากระโปรงหน้าและส่วนที่เป็นบานพับของครูซ ลดความเสี่ยงของผู้ใช้ถนนจากการชนเข้ากับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บแก่ผู้ใช้ถนนมากที่สุด นอกจากนี้ เครื่องยนต์ จะถูกดันลงใต้ท้องรถเพื่อปกป้องผู้โดยสาร ซึ่งพื้นที่ยุบตัวทั้งด้านหน้า และด้านหลังนี้ถูกออกแบบมาให้ยุบตัวลง เพื่อรองรับพลังงานที่เกิดจากการชน

นอกจากความปลอดภัยต่างๆแล้ว เชฟโรเลต ครูซ ยังถูกยกระดับความปลอดภัยในระดับโครงสร้าง ด้วยตัวถังแบบ BFI (Body Frame Integral) เป็นเหล็กกล้า High Strength Steel ถึงกว่า 65% ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งที่สุดในรถกลุ่มนี้ 

เทคโนโลยีอัจฉริยะ : ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์

•   ระบบ GMLAN (Electrical Architecture)
ตอบสนองการขับขี่ด้วยความรวดเร็วในการสื่อสารของกล่องควบคุม ผ่านการทำงานในลักษณะเดียวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอบสนองด้วยความเร็วกว่าถึง 50 เท่า (500kpbs เทียบกับ 10kpbs) เพิ่มความแม่นยำในการควบคุมของระบบไฟฟ้ารถยนต์ เช่น ABS ESP ระบบส่องสว่าง ระบบปัดน้ำฝน และระบบเครื่องยนต์ต่างๆ 

•   ระบบ PEPS (Passive Entry Passive Start)
ตอบสนองความสะดวกด้วยการเข้าสู่ห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือ Keyless Entry และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องหยิบกุญแจ ซึ่งอาจอยู่ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือ ในระบบจะมีเสารับสัญญาณอยู่ภายในมือจับประตูภายนอก คอนโซลเกียร์ และกันชนหลัง เพื่อคิดคำนวณตอบสนองการเปิดประตูและฝาท้าย

•   ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ / ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Headlamps / Auto Rain Sensor)
ตอบสนองอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง ไฟหน้าเปิดและปิดอัตโนมัติตามแสงสว่างภายนอก เช่นเดียวกับใบปัดน้ำฝนที่จะทำงานอัตโนมัติเมื่อเซ็นเซอร์วัดการหักเหของแสงที่กระจกบังลมหน้า ตรวจจับพบหยดน้ำฝนบนกระจงบังลมหน้า เมื่อฝนตก ขณะเดียวกัน เชฟโรเลต ครูซ ยังมีระบบ Follow Me Home ไฟหน้าจะติดค้างไว้ เพื่อส่องสว่างนำทางไว้ชั่วขณะเมื่อดับเครื่องยนต์ เพิ่มความอุ่นใจเมื่อต้องลงจากรถยามค่ำคืน

•   หน้าจอแสดงผลข้อมูลอัจฉริยะ (Graphic Information Center)
ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ ในการปรับตั้งการทำงานของรถยนต์เชฟโรเลต ครูซ แสดงผลผ่านจอขนาดใหญ่บริเวณคอนโซล ปรับเลือกการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเลือกภาษา ปรับระบบส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร ปรับระบบล็อกประตู โดยสามารถตั้งให้ปลดล็อกทั้ง 4 บาน 2 บาน และ 1 บานเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่  ปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงเตือน ปรับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับตั้งค่าเครื่องเสียงวิทยุ

•   เทคโนโลยี NVH
ตอบสนองความผ่อนคลายของผู้ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยี NVH (Noise - Vibration - Harshness) ที่ถูกพัฒนาเพื่อลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน โดยใช้ระบบแท่นเครื่องไฮดรอลิก ซึ่งสามารถลดเสียงรบกวนที่เกิดจากการสั่นสะเทือนเมื่อสตาร์ทรถ เร่งเครื่องฉับพลัน หรือเบรกกระทันหัน รวมถึงการใช้วัสดุซับเสียงปิดรอยต่อตัวถังรอบคันพร้อมยางขอบประตู 3 ชั้น การประกอบแบบ Tight Gap Tolerances ที่พิถีพิถันทุกรายละเอียด ด้วยโครงสร้างที่เชื่อมเข้ากับตัวถังที่ได้รับการออกแบบให้มีช่องว่างน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน ยังใช้ฉนวนซับเสียงรอบคันเพื่อปิดช่องที่เสียงลมอาจลอดผ่าน และใช้ผ้าหลังคาที่ประกอบด้วย 5 ชั้นย่อย โดย 3 ชั้นเป็นโพลีเอทิลีน และอีก 2 ชั้นเป็นโพลียูรีเทน ให้ความเงียบที่สุดภายในห้องสาร