YAHOO on November 03, 2010, 04:35:01 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น
 
ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1358 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.85 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.88 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19100 บาท กับ 19200 บาท GFZ10 เปิดที่ 19330 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19390 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19310 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19370 บาท SPDR ถือครอง 1293.10 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันบวก 1.52 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 82.95 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 6.13 จุด ปิดที่ระดับ 11124.62 จุด
          ราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 1358 เหรียญ และทะลุระดับ 1360 เหรียญ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1365 เหรียญ โดยที่มีปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 5906 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2595 คู่สัญญา แต่ว่าปริมาณ Open Interest 50 บาท ปรับตัวลดลง 15% และ Open Interest 10 บาท ลดลง 17% โดยที่ในตลาดลอนดอนและ Comex ราคาค่อนข้างทรงตัวและเกิดแรงเทขายทำกำไร ไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1349 เหรียญ และกลับมาปิดที่ระดับ 1350 เหรียญ โดยที่เมื่อวานตัวเลขทางเศรษฐกิจ คือ ISM Manufacturing ดีกว่าที่คาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เองปรับตัวแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3875 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3947 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 80.72 เยน/ดอลลาร์ น้ำมันบวก 1.52 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 82.95 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 6.13 จุด ปิดที่ระดับ 11124.62 จุด โดยที่คืนนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญออกมา ตลาดยังคงเฝ้าดูผลของการประชุม FED

วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำแกว่งตัวในภาวะขาขึ้นและมีแรงเทขายทำกำไรเป็นรอบ ทำให้ราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1365 เหรียญ และเทขายทำกำไรทดสอบแนวรับแรกที่ระดับ 1350 เหรียญ Oscillator ระยะสั้นรายชั่วโมงเป็นสัญญาณบวกขึ้น โดยที่ราคายังเป็นทิศทางขาขึ้น แต่ว่าน่าจะมีการแกว่งตัวตามมา ตลาดน่าจะรอความชัดเจนของ FED ในคืนวันพรุ่งนี้ แนวต้านในเชิงเทคนิคอยู่ที่ระดับ 1370 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ระดับ 1345 เหรียญ ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19150 บาท และ 19250 บาท

          สำหรับราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับอยู่ที่ระดับ 19000 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19200 บาท
          Gold Futures Series Z10 มีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19240 บาท และมีแนวต้านที่ระดับ 19400 บาท

คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)  ให้เก็งกำไรในภาวะขาขึ้น และตามการแกว่งตัวตามตลาด โดยที่ซื้อบริเวณแนวรับ
ลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          หลังจากที่เมื่อวานให้ขายทำกำไรไปบ้างแล้ว วันนี้ให้ทยอยเข้าซื้อ รักษา Port ที่ระดับ 40% นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงเท่านั้น

          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

YAHOO on November 03, 2010, 04:36:08 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,050 - 19,150
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,353
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.86 – 29.90
          - GFZ10 Hi- Low 19,390 – 19,300 ปิดที่ 19,380
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,350.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,349.10-1,366.40 ดอลลาร์ เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและ เยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐช่วยหนุนสัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมดีดตัวขึ้น เนื่องจากพลาตินัมเป็นโลหะสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 6.13 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 11,124.62 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.12 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 1,184.38 จุด เพราะได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งของสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่การสหรัฐจะจัดการเลือกตั้งสมาชิก สภาคองเกรสช่วงกลางสมัยในวันที่ 2 พ.ย. และก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 2-3 พ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าทั้งสองเหตุการณ์จะมีอิทธิพลต่อภาวะการซื้อขายใน การตลาดการเงินสหรัฐ

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.95 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 83.20- 82.95 ดอลลาร์ เนื่องจากดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนทำให้นักลงทุนคาดว่า ความต้องการพลังงานของทั้งสองประเทศจะดีดตัวขึ้นด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ทางการสหรัฐจะ เปิดเผยในวันพุธนี้

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 2 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,293.10 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งแม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นไปอย่างล่าช้าก็ตาม ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีท่าทีเตรียมพร้อมรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ และผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3892 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.580 เยน จากระดับของวันศุกร์ (29 ต.ค.) ที่ 80.390 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 80.66 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.85-29.88 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.86-29.90 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัว 0.5% แตะระดับ 8.017 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับระดับ 7.975 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม เพราะได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างหน่วยงานราชการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ข้อมูลของกระทรวงระบุว่า ยอดการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในช่วงดังกล่าวมีมูลค่าทั้งสิ้น 4.82 แสนล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับการคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม และยอดการใช้จ่ายในการก่อสร้างหน่วยงานของภาครัฐมีมูลค่าทั้งสิ้น 3.197 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน ส่วนยอดการใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับยอดค่าใช้จ่ายในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่าตัวเลขของปีที่แล้ว 21.3%
          - สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.0 จุด หลังจากขยายตัว 54.4 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัว
          - นักลงทุนมีท่าทีเตรียมพร้อมรับผลการเลือกตั้งช่วงกลางสมัยของสมาชิกสภาคองเกรสในวันที่ 2 พ.ย. และการประชุมนโยบายของเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
          - รายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิด เผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.2% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 0.1% ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ารายได้ส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

1 - 2 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันจันทร์
 · Core PCE Price Index

· Personal Spending

· Personal Income

· ISM Manufacturing PMI

 
 0.1%

0.4%

0.5%

54.4
 0.1%

0.4%

0.3%

54.2
 0.0%

0.2%

-0.1%

56.9
 
วันอังคาร
 · Congressional Elections

 
 -
 -
 
 
 
 
 
 
 

YAHOO on November 03, 2010, 04:36:58 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ Daily Gold Insight วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          ราคาสมาคม เปิดที่ 19,100 - 19,200
          ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,358
          อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.85 – 29.88
          GFZ10 Hi- Low 19,170 – 19,110 ปิดที่ 19,110
          Gold Insight
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 15.10 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ 1,357.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,335.20 - 1,359.70 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจเพิ่มการซื้อพันธบัตรรัฐบาลภายใต้โครงการ QE2 ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และเป็นผลดีต่อตลาดทองคำ
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปรับตัวขึ้น 4.54 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 11,118.49 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.52 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 1,183.26 จุด โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและแดนลบสลับกัน ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกัน นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนรับทราบผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน รวมถึงผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในสัปดาห์หน้า
          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 75 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 81.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.56-82.12 ดอลลาร์ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังสหรัฐเปิดเผยจีดีพีไตรมาสสาม และจากความวิตกว่า วิกฤตหนี้ของยุโรปอาจหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ ตลาดรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการเลือกตั้งกลางเทอมในสัปดาห์หน้า
          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 1 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,293.10 ตัน
          USD/EU เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) จากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในการประชุมต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากการดำเนินการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอีก โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3993 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลง 0.59% แตะที่ระดับ 80.520 เยน จากระดับ 81.000 ในวันพฤหัสบดี โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 80.69 เยนต่อดอลลาร์
          ข่าวเศรษฐกิจโลก
          รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนต.ค. ที่ระดับ 67.7 ลดลงจาก 68.2 ในเดือนกันยายน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 68.0 และยังถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปี โดยข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่สุดในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 2% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หลังจากที่ในไตรมาส 2 นั้น เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.7%
          สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อใน 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร เพิ่มขึ้นแตะ 1.9% ในเดือนต.ค. จากระดับ 1.8% ในเดือนก.ย. ส่งผลให้ตัวเลขดังกล่าวเข้าใกล้เพดาน 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำหนดไว้เพื่อให้ระดับราคาในกลุ่มยูโรโซนมีเสถียรภาพ
          ยอดค้าปลีกเยอรมนีเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 2.3% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเยอรมนียังคงเผชิญกับปัญหาด้านอุปสงค์ภายในประเทศ โดยยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือนก.ย.ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากที่ขยับลง 0.4% ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดี ถ้าเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.4%

YAHOO on November 07, 2010, 06:02:17 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553
 
           ข้อมูลทองคำวันนี้
 
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,000 - 19,100
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,354
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.69 – 29.73
          -  GFZ10 Hi- Low 19,300– 19,230 ปิดที่ 19,280
 
Gold Insight
 
           สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,337.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,327.10-1,364.80 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามากระหน่ำขายสัญญาทองคำก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ข้อมูลที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 26.41 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 11,215.13 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.39 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 1,197.96 จุด ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มการจ้างงานในเดือนต.ค. และดัชนีภาคบริการขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนต.ค.

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 79 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 84.69 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อในโรงงาน

          อุตสาหกรรมของสหรัฐ
          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 4 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,292.19 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาววงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.72% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4138 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4037 ยูโร โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4120 ดอลลาร์ต่อยูโร
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          -  สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ขยายตัวที่ระดับ 54.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.2 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.5 จุด ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคบริการยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตหดตัว
          -  ADP Employer Services รายงานว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 43,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ลดการจ้างงานลง 2,000 ตำแหน่ง และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 54.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.2 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.5 จุด
          -  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย. แตะระดับ 4.20 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6%
          -  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) พร้อมประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ภายในกลางปีหน้า โดยกำหนดระยะในการเข้าซื้อที่ราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0-0.25% และประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ระยะในการฟื้นตัวของผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการเฟดจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และเข้าซื้อพันธบัตรระยะรัฐบาลระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงาน"นอกจากนี้ เฟดย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง และจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ของประชาชนขยายตัวปานกลาง และภาวะสินเชื่อยังคงตึงตัว

YAHOO on November 07, 2010, 06:03:17 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น.

 
ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1353 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.71 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.74 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19000 บาท กับ 19100 บาท GFZ10 เปิดที่ 19250 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19350 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19260 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19350 บาท SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันบวก 79 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.69 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 26.41 จุด ปิดที่ระดับ 11215.13 จุด
          โดยที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1353-1356 เหรียญ ราคาสมาคมอยู่ที่ 19050 บาท และ19150 บาท ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและ Comex เองปรับตัวร่วงลงจนหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1340 เหรียญ เกิด Stop Selling ลงมาจนทำให้ราคาทองคำทำต่ำสุดที่ระดับ 1326 เหรียญ โดยที่ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดกังวลว่า FED จะออกมาตรการ QE หรือไม่อย่างไร โดยที่ผู้แทนทางพรรคเดโมแครต หลายฝ่ายออกมาค่อนข้างต่อต้านมาตรการ QE มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากช่วงนั้นจึงกดดันให้เกิดแรงเทขายทองคำอย่างหนัก ทำให้ราคาทองคำปิดตลาด Comex ที่ระดับ 1337 เหรียญ หลังจากนั้นในช่วงตลาด Comex ปิดไปแล้ว FED ประกาศมาตรการ QE โดยใช้เงินจำนวน 6 แสนล้าน เพื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบ ทำให้ราคาทองคำเริ่มมีแรงซื้อดีดกลับขึ้นมาทันทีในตลาด Electronic และค่าเงินดอลลาร์เองจากเดิมทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.4015 ดอลลาร์/ยูโร กลับมาอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วในปลายตลาด Comex ที่ระดับ 1.4138 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าลงมาประมาณ 120 pips และค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 81.05 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกัน อยู่ที่ระดับ 29.70 บาท/ดอลลาร์ และทองในตลาด 1347 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ คือ Non-farm Employment Change ภาคเอกชน จากเดิมติดลบ 2000 ตำแหน่ง เข้าสู่ระดับบวก 43000 ตำแหน่ง และ ISM Non- Manufacturing ออกมาเพิ่มเป็น 54.3% มากกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 53.5% โดยที่ตัวเลขทั้ง 2ตัวนี้ที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งกดดันให้ราคาทองคำเกิดแรงเทขายอย่างหนักในช่วงตลาดนิวยอร์ก น้ำมันบวก 79 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.69 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 26.41 จุด ปิดที่ระดับ 11215.13 จุด ดัชนี Dollar Index 76.46 จุด SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม)

วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแรงเทขายต่อเนื่อง ราคาลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1330 เหรียญ อีกครั้งหนึ่งและสามารถดีดกลับขึ้นมาได้จากตัวเลข QE ซึ่งโดยภาพทางเทคนิคมีความแข็งแกร่งของแนวรับดีมาก แม้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีก็ตาม แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1365 เหรียญ และแนวรับยังอยู่ที่ระดับ 1330 เหรียญ ยังมองว่าทองคำยังเป็นทิศทางขาขึ้นได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยที่มีการปรับฐานเป็นระยะๆ ตอนขึ้น

ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19050 บาท และ 19150 บาท
          ราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19000 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19150 บาท
          Gold Futures Series Z10 แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19200 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19340 บาท

คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรในภาวะขาขึ้น ตามการแกว่งตัวของตลาด
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ยังเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเพิ่ม Port เป็น 70%
 
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ควร จะซื้อสะสมต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนควรมีระบบ Gold online เพื่อเข้าซื้อเมื่อคืนนี้ได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนระยะยาวและช้อนซื้อเมื่อคืนที่ระดับแนวรับ 1330 เหรียญ ดังนั้นจึงย้ำว่า การที่นักลงทุนมีระบบ Gold online จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเข้าซื้อจังหวะดังกล่าว และจะเห็นได้ว่าโอกาสและจังหวะจะเกิดขึ้นในช่วงตลาดนิวยอร์กกลางคืนบ้านเรา นักลงทุนทองคำแท่งจะทำกำไรได้มากขึ้นและควรถือ Port 50-60% ใน ขณะนี้
          สรุป ได้ว่า นักลงทุนที่ถือ Short Position ของ Gold Futures แนะนำว่าควรจะปิด สถานะ Short เพราะมีโอกาสเห็นราคาทองคำพุ่งถึงระดับ 1400 เหรียญ ภายในเดือนนี้ค่อนข้างสูงแนะนำให้ถือ Long Position อย่างเดียว
          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

YAHOO on November 07, 2010, 06:03:58 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ ที่ 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1355 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.70 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.73 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19000 บาท กับ 19100 บาท GFZ10 เปิดที่ 19270 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19330 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19280 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19370 บาท SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันบวก 1.80 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 86.49 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 219.71 จุด ปิดที่ระดับ 11434.84 จุด
          โดย ที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเปิดตลาดตอนเช้า 1348 ในช่วงบ่ายไป 1363 เหรียญ ราคาทองคำแท่งงของไทยในระหว่างวันปรับขึ้น 50 บาท อยู่ที่ระดับ 19050 และ 19150 บาท โดยในช่วงตลาดลอนดอนเองราคาค่อยๆขยับตัวสูงขึ้นและในปลายตลาด Comex ราคามีการดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงและหลังจากตัวเลขออกมาไม่ดีและรับข่าว QE ที่ประกาศออกมา โดยที่วันก่อนตลาด Comex ปิดที่ระดับ 1336 เหรียญ จึงเกิดแรงซื้อ Short covering ทะลุระดับ 1370 เหรียญ และปิดตลาดที่ระดับ 1383 เหรียญ สูงสุดที่ระดับ 1393 เหรียญ หลังจากปิด Comex ทำสุงสุด 1393 โดยที่ค่าเงินบาทอ่อนเล็กน้อยที่ระดับ 29.66 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน คือ Unemployment Change ว่างงานมากกว่าที่คาด 20000 คน จากระดับ 437000 เข้าสู่ระดับ 457000 คน และมีข่าวของ ECB คงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม อยู่ที่ระดับ 1.0% ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร อยู่ที่ระดับ 1.4200 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 80.90 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น น้ำมันบวก 1.80 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 86.49 เหรียญ/บาร์เรล โดยที่ตลาดรับ QE กับตลาด Commodity ดัชนีดาวโจนส์บวก 219.71 จุด ปิดที่ระดับ 11434.84 จุด

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำทำ All time high ที่ระดับ 1390 เหรียญ จากปฏิกิริยาของ QE2 ทำให้มีกองทุนเข้าซื้อหนาแน่น และ SPDR ยังไมได้ทำการซื้อขายใดๆ คงถือครองทองที่ระดับ 1292.19 ตัน ภาพทางเทคนิคยังเป็นบวก Oscillator ตัดขึ้น ยังไม่มีสัญญาณการซื้อเกิน เนื่องจากตลาดเพิ่งผ่านการปรับฐาน MACDปรับขึ้น แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1400 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยา แนวรับอยู่ที่ระดับ 1360 เหรียญ จะเห็นได้ว่าผ่านระดับ 1365 เหรียญ จึงเกิดแรง Short covering อย่างรุนแรงและรวดเร็วเมื่อคืนนี้
ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19050 บาท และ 19150 บาท
          คาด ว่าราคาทองคำแท่งของไทยจะอยู่บริเวณ 19400 บาท ซึ่งเป็นการทดสอบแนวต้านเดิมของราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19300 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19550 บาท ซึ่ง ณ ขณะนี้ราคาทองคำของตลาดโลกกำลังจะทดสอบ New high อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ช้าลง จะเห็นได้ว่าการขึ้นของทองคำเร็วกว่าการแข็งค่าของเงินบาท
Gold Futures Series Z10 แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19670 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19800 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวระวังการเทขายทำกำไรในวันนี้

          ลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ขายทำกำไรหลังจากที่ให้ซื้อมากกว่า 50% หลังจากที่เราให้ซื้อสะสมมาตลอด

          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ขายทำกำไรเช่นเดียวกัน ยังคงสถานะ 20-30% ของ Port

          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

YAHOO on November 07, 2010, 06:04:58 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,350 - 19,450
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,390
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.64 – 29.67
          - GFZ10 Hi- Low 19,310 – 19,220 ปิดที่ 19,300
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 45.50 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 1,383.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,346.70 -1,393.40 ดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก โดยดอลลาร์ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดพุ่ง 219.71 จุด หรือ 1.96% แตะที่ 11,434.84 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 23.10 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 1,221.06 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.49 - 86.43 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 นอกจากนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังจะช่วยให้ความต้องการพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 5 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,292.19 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4208 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.39% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.720 เยน จากระดับของวันพุธที่ 81.040 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 80.93 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.68-29.71 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.64-29.67 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน โดยอีซีบีไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะใช้มาตรการ QE ตามเฟด เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนสามารถขยายตัวได้ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายประเทศอย่างกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะก็ตาม
          - ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% เป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจอังกฤษส่งสัญญาณโตแข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการ QE มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด
          - คณะกรรมการเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ในการประชุมเมื่อวันพุธ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันเฟดจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ต.ค.พุ่งขึ้น 20,000 ราย แตะระดับ 457,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 443,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 434,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 456,000 ราย
          - เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ในวันนี้ โดยเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า "แม้โดยทั่วไปแล้ว อัตราเงินเฟ้อต่ำถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า และในกรณีที่รุนแรงที่สุดนั้น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด ผลที่ตามมาคือราคาสินค้าและค่าแรงตกต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะชะงักงันเป็นเวลานาน" เบอร์นันเก้กล่าวกับวอชิงตัน โพสต์

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

4 - 5 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพฤหัสบดี
 · Unemployment Claims

· Unit Labor Costs

· Nonfarm Productivity

· ECB Press Conference

 
 434K

1.1%

-1.8%

-
 437K

0.8%

0.9%

-
 457K

-0.1%

1.9%

-
 
วันศุกร์
 · Non-Farm Employment Change

· Unemployment Rate

· Pending Home Sales

· Fed Chairman Bernanke Speaks

 
 -95K

9.6%

4.3%

-
 63K

9.6%

3.2%

-