pooklook on October 27, 2010, 09:01:12 AM
"ตำนานคำชะโนด"

เรื่องผีเปรต"คำชะโนดเมืองบาดาลเหนือน้ำ"

โดย เสก สายสิญจน์


"คำชะโนด" กลายเป็นข่าวดังชนิดพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐติดต่อกันมาเป็นเวลา หลายวันแล้ว ด้วยเรื่องผีเปรต เรื่องมีอยู่ว่า ผอ.นาย แพทย์นักทอล์คโชว์ชื่อดังท่านหนึ่ง ซึ่งสนใจในเรื่องจิตวิญญาณ ได้เล่า ถึงเรื่องผีเปรต เทพารักษ์ และการ บิณฑบาตรจากรุกขเทวาที่ "คำ ชะโนด" โดยมีการถ่ายทำวิดีโอไว้ เป็นหลักฐานเห็นกันจะๆ ด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ พระดัง คือพระพยอม กัลยาโณ แห่งวัด สวนแก้ว ก็ยังนำมาเทศน์เสริมถึง เรื่องนี้ แม้ท่านจะพูดทำนองแบ่งรับ แบ่งสู้ไม่ยืนยัน แต่ถึงไม่เชื่อก็ไม่ควร ลบหลู่ ทว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องภูติผีปิ ศาจ หลายคนจึงสนใจมาก ส่วนบาง คนนั้นแค่ได้ฟังเรื่องราวจากคนดังๆ ทั้งนั้น ก็เชื่อเข้าไปกว่าครึ่งค่อน ทีนี้ก็กลายเป็นเรื่อง เกรียวกราวซีครับมีประกาศว่า จะมีการนำ เทปวิดีโอเรื่องผีเปรตดังกล่าวมา ออกอากาศแพร่ภาพในวันวิสาขบูชา ด้วย ก็ยิ่งเพิ่มความสนใจแก่ผู้ที่ได้ ยินเป็นทวีคูณ และตั้งตาตั้งใจคอยดู แต่ข่าวสารสมัยนี้ สื่อ ต่างๆ แย่งกันเสนอ ใครทำได้เร็วที่ สุด ยิ่งได้รับความนิยม ดังนั้นก่อน จะถึงวันวิสาขบูชาเพียงไม่กี่วัน ไอทีวี ทีวีเสรีก็คว้าเทปผีเปรตมาออก อากาศได้ก่อน สร้างความฮือฮาแก่ ผู้ชมอย่างยิ่ง เท่าที่ดูจากวิดีโอ ภาพที่ เห็นไม่ค่อยชัดนัก เป็นภาพคนธรรม ดานี่เองสวมชุดดำ เห็นลางๆ ยืนอยู่ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเขาบอกว่าเป็น เทพารักษ์หรือรุกขเทวดานี่แหละ แล้วก็มีร่างดำทมึนสูงโย่งเย่ง ซึ่งมี การบรรยายว่าเป็นเปรต มีเสียงร้อง หรือพูดก้ำกึงกันด้วยภาษาแปลกๆ ด้วย ภาพเปรตนั้น นอกจาก ความสูงซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่า เปรตต้อง สูงแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรจะน่ากลัว รูปปั้นเปรตหลวงพ่อขอมที่วัดไผ่โรงวัวยังน่ากลัวเสียกว่า

ได้มีการพยายามพิสูจน์ ว่าเป็นเรื่องแหกตาหรือเปล่า โดย การเชิญผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายภาพ มาดู และใช้กล้องทันสมัยที่สุด จำลองภาพขยายภาพ ในที่สุดก็ลงความเห็นว่า น่าจะเป็นการต้มตุ๋นระดับประเทศ มากกว่า อีกทั้งเมื่อสืบสาวประวัติ ตัวตั้งตั้วตีคนหนึ่งคือพระ ไม่โกน คิ้วซึ่งรู้จักกันในนาม "พระกู้" และ หน้าม้าชื่อยาวเหยียดที่ตั้งตนเป็นนัก จิตวิญญาณ แต่เปลี่ยนชื่อตัวเองตั้ง 3 ครั้ง ราวกับต้องการปกปิดอะไร สักอย่างจนไม่น่าเชื่อถือแล้ว เรื่องนี้ ก็ทำท่าจะเป็นเรื่องตุ๋นระดับประเทศ เช่นเดียวกับเรื่องช้างน้ำตัวเท่าฝ่ามือ และลูกมัคคลีผลซึ่งฮือฮากันเมื่อ 3-4 ปีก่อน เนื่องจากข่าวเน้นเรื่องผี เปรต บอกแต่ว่าถ่ายทำที่เมือง "คำชะโนด" จึงมีคนสงสัยว่า "คำ ชะโนด" คืออะไร อยู่ที่ไหน อยากรู้ เรื่องของสถานที่นี้ บังเอิญผมเคยไป "คำชะโนด" แห่งนี้มาเมื่อไม่นานนี้ เอง จึงคิดว่าน่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

"คำชะโนด" มีตำนาน สลับซับซ้อนว่าเป็นเมืองพญานาค ดังนั้นจึงเกี่ยวพันกับเรื่องพญานาค และคงเป็นเพราะบรรยากาศของ คำชะโนดดูลึกลับ จึงเหมาะอย่างยิ่ง ที่จะสร้างเรื่องผี "มนุสโสสิ" พระกรรม วาจาจารย์จะถามผู้ขอบวช มีความ หมายว่า "เป็นมนุษย์ใช่ไหม" ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งในที่ นี่น่าจะหมายถึงนาคแปลงร่างมาขอ บวช พิธีการนี้ทำให้เห็นว่า ความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคสามารถ แปลงร่างเป็นมนุษย์มีมานานแล้ว แม้ความเชื่อดังกล่าวจะฟังดูเหมือน ตำนานหรือนิยายปรำปราที่เล่าสืบ ทอดต่อๆ กันมา ทว่าผู้คนแถบเมือง ตามลำแม่น้ำโขงจำนวนไม่น้อย เชื่อ ว่าเรื่องพญานาคเป็นเรื่องจริง และ แม่น้ำโขงคือลำน้ำของพญานาค ทุกปีในวันออกพรรษา ของไทยและลาว ซึ่งเหลื่อมกันอยู่ วันหนึ่ง จะมีประชาชนสองฝั่งโขง พากันมาเฝ้าดูลูกไฟประหลาดที่ลอย ขึ้นจากลำน้ำโขง และเรียกบ้องไฟ พญานาค ฟังแล้วเหลือเชื่อ แต่เป็น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี มีคน เห็นนับแสน ตั้งแต่ชาวไร่ชาวนา ตาสีตาสาไปจนถึงปัญญาชนคนมี ความรู้ นักเรียนนอก

คุณกำพล เมืองโคตร ผู้จัดการโรงแรมหนองคายแกรนด์ โรงแรมทันสมัยระดับ 5 ดาว ของ จังหวัดหนองคาย บอกกับผู้เขียนว่า เห็นมากับตา เมื่อผู้เขียนซักถามว่า ตามความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าเป็น อะไร คุณกำพลส่ายหน้า บอกว่าไม่ ทราบจริงๆ น่าจะนับได้ว่าเป็นปรา-กฏการณ์เหนือธรรมชาติ ส่วนที่ สันนิษฐานกันว่าน่าจะเกิดจากแก๊ส ธรรมชาติก้นแม่น้ำนั้น ฟังเป็นวิชา การดี แต่ก็ตอบปัญหาที่ว่า ทำไม จำเพาะมาเกิดขึ้นตอนวันออกพรรษา ไม่ได้ โรงแรมหนองคาย แกรนด์ของคุณกำพล ตั้งขึ้นเพื่อรอง รับการท่องเที่ยวบูม เนื่องจากการ เปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้ พญานาคเป็นโลโก้ มีไม้แกะสลักรูป พญานาคตั้งตระหง่านตั้งแต่ทางเข้า ล็อบบี้โรงแรมและอีกหลายจุด ส่วน ข้าวของเครื่องใช้ไม่ว่าซอง กระดาษ เขียนจดหมาย เมนู ล้วนโลโก้พญานาคทั้งสิ้น ส่วนวังพญานาคนั้น โจษ ขานกันมานานแล้วว่า อยู่ที่เมือง ชะโนด จังหวัดอุดรฯ ทว่าเนื่องจาก เมืองดังกล่าวค่อนข้างจะอยู่ห่างไกล จากตัวเมือง และถนนหนทางไม่สู้ ดีนัก จึงยังไม่แพร่หลาย รู้กันเฉพาะ คนแถวถิ่นนั้นเท่านั้น

จนกระทั่ง เมื่อคราวที่จัด งานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ- ชนพรรษา 5 รอบของพระบาทสม- เด็จพระเจ้าอยู่หัว ท้องสนามหลวง เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2530 น้ำ จากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "คำชะโนด" ได้รับเลือกไปร่วมงานพระราชพิธี ดังกล่าว จึงมีผู้สนใจเมืองชะโนด หรือคำชะโนดมากขึ้น ในโอกาสที่ บ.ซันมูนทัวร์ และททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกันสำรวจแหล่งท่องเที่ยวอีสาน ผู้เขียนร่วมเดินทางไปด้วย และได้ รับฟังคำบรรยายจากรองผู้ว่าจังหวัด อุดรฯ นายสันติ เกรียงไกรสุข ถึงเรื่องเมือง "ชะโนด" พร้อมอ้าง อิงหลักฐาน และประจักษ์พยาน บุคคล น่าสนใจและน่าเชื่อถือมาก จึงขอนำเสนอต่อท่านผู้อ่านตาม ลำดับ ท่านรองผู้ว่าฯ สันติ เคย เป็นนายอำเภอบ้านดุง ซึ่งเป็นที่ตั้ง ของเมืองชะโนดมาก่อน ท่านบอก ว่าคุ้นกับเมืองชะโนดมาก แต่พูดถึง ทีไรก็ยังขนลุก ท่านเล่าว่า เมืองชะโนด มีลักษณะเหมือนเกาะ มีต้นชะโนด ขึ้นเบียดเสียดเยียดยัดจนร่มครึ้ม ตลอดวัน แสงแดดแทบจะส่องไม่ ถึงพื้น มีเนื้อที่ราวๆ 20 ไร่เศษๆ

แผ่นดินรอบๆ เมืองชะโนดเป็นที่ ราบลุ่มมีลักษณะเหมือนพรุ ชุ่มน้ำ อยู่ทุกตารางนิ้ว ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อ ถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วมโดยรอบ แต่ เมืองชะโนดดูเหมือนจะลอยขึ้น พื้น ที่ในบริเวณเมืองชะโนดน้ำไม่ท่วม พอน้ำลดก็ลงตาม เรื่องเมืองชะโนดขึ้นลง ตามน้ำนี้ ถามกี่คนๆ ก็ยืนยันว่าเป็น เรื่องจริง ตามตำนานเล่าขานกัน ว่า เจ้าพญาศรีสุทโธ ซึ่งเป็นพญา-นาคครอบครองเมืองนี้ มีเพื่อนเป็น พญานาคเช่นกันชื่อสุวรรณนาค อาศัยอยู่ที่หนองกระแส เกิดทะเลาะ วิวาทกันเนื่องจากความเข้าใจผิด จน ทำสงคราม พลอยให้บรรดาสัตว์ น้อยใหญ่ล้มตาย ได้รับความเดือด ร้อนไปด้วย ร้อนถึงพระอินทร์ต้อง ลงมาตัดสินคดีความ ให้พญานาคทั้ง สองสร้างแม่น้ำแข่งกัน ถ้าแม่น้ำ ของใครถึงทะเลก่อน ก็จะให้มีปลา บึกอยู่ในแม่น้ำสายนั้น พญาสุวรรณนาคสร้าง แม่น้ำน่าน ส่วนสุทโธสร้างแม่น้ำ โขงและเสร็จก่อน จึงมีปลาบึกใน แม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว ด้วยเหตุที่ผู้สร้างแม่น้ำ ทั้งสองไม่กินเส้นกัน คนแก่คนเฒ่า จึงเชื่อว่า ถ้าเอาน้ำจากแม่น้ำที่ทั้ง สองสร้าง คือแม่น้ำน่านกับแม่น้ำ โขงมาใส่รวมขวดเดียวกัน ขวดจะ แตก

หน้าเมืองชะโนด มีวัดอยู่ วัดหนึ่งชื่อวัดศิริสุทโธตามชื่อพญา นาค วัดนี้มีหลวงปู่คำตาเป็นสงฆ์ที่ ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงจาก ชาวบ้านเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่คำตาเมื่อตอน หนุ่มๆ เป็นฆราวาส รูปร่างหน้าตา ดี มีเรื่องเล่าว่าจู่ๆ ท่านก็หายไป 7 วัน แล้วกลับมาใหม่ เล่าให้ใครต่อ ใครฟังว่า ถูกพาไปประกวดชายงาม ที่เมืองพญานาค หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็บวช โดยไม่สึกจนมรณภาพ ตามประวัติศาสตร์ บ่อน้ำ ศักดิสิทธิ์เมืองพญานาคนี้ รู้จักกันมา นานแล้ว มีบันทึกไว้ว่าเมื่อประมาณ พ.ศ. 2472 พระยาพหลพยุหเสนา ได้ออกตรวจราชการมณฑลอุดร และพระยาตรังค์ภูมาภิบาลข้าหลวง เทศาภิบาลผู้สำเร็จราชการมณฑล อุดร ได้นำท่านและคณะไปสักการะ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ มีพิธียิงปืน 9 นัด เป็นการคารวะด้วย ทว่าพิธียิงปืนนี้ ภายหลังยกเลิกไป นัยว่าหลวงปู่มา เข้าทรงบอกว่าไม่ชอบ

เหตุการณ์ที่กล่าวขาน กราวเกรียวที่สุดเกี่ยวกับคำชะโนด เมืองศักดิ์สิทธิ์ หรือนครพญานาค เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2531 มี ชายคนหนึ่งมาติดต่อบริษัทแจ่มจันทร์ซึ่งเป็นบริษัทหนังเร่ จ้างให้ เอาหนังไปฉายที่บ้านวังทอง อ.บ้าน ดุง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุดรร้อย กม. วางมัดจำไว้เป็นเงินสี่พันบาท โดยมีข้อแม้ว่า ฉายถึงตี 4 แล้วรีบ เก็บจอเลิกได้เลย อย่าอยู่ถึงสว่าง แม้จะเป็นเงื่อนไขที่ค่อน ข้างจะแปลกอยู่สักหน่อย แต่นาย ธงชัย แสงไชย ผู้จัดการบริษัทแจ่ม จันทร์ก็ไม่ติดใจอะไร ได้ให้ลูกน้อง 7 คน เอารถไปฉายหนังดังกล่าว วันรุ่นขึ้นพวกคนงาน ของบริษัทหนังเร่แจ่มจันทร์ เดิน ทางกลับมา และเล่าเรื่องประหลาด ให้นายธงชัยฟังว่า เมื่อคืนนี้ถูกพาไป ฉายหนังให้ผีดู เพราะตลอดเวลาที่ ฉาย คนดูไม่มีการส่งเสียงเอะอะ หรือเดินพลุกพล่าน เท่าที่มองเห็น นั้น มีคนดูไม่น้อยเลย แต่แปลกที่ ผู้หญิงดูเหมือนจะนุ่งขาวห่มขาว หมด ส่วนผู้ชายก็นุ่มดำห่มดำ และ นั่งแยกกันคนละฟาก ไม่มีใครมาออกร้านหรือ เอาของมาขายในบริเวณที่ฉายหนัง เหมือนอย่างทุกครั้ง แม้แต่บุหรี่ก็ไม่ มีขาย

พอถึงตี 4 คนดูหายไปหมด อย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าหายไปไหน จึงรีบเก็บจอและเดินทางกลับ พอ เจอร้านขายบุหรี่ก็แวะเข้าไปซื้อ คน ขายถามว่าไปฉายหนังที่ไหน เมื่อ บอกว่าฉายในหมู่บ้านวังทอง คน ขายบุหรี่รวมทั้งชาวบ้านวังทองบาง คนซึ่งมาซื้อของที่ร้าน ก็ยืนยันว่า เมื่อคืนนี้ไม่มีการฉายหนังที่ในหมู่ บ้านเลย ก็เลยไม่รู้ว่า ไปฉายหนัง ที่ไหนกันแน่ นายธงชัยผู้จัดการซัก ถามลูกน้องทั้ง 7 คนที่ไปกับรถฉาย หนัง ทั้งเจ็ดได้เล่าเรื่องตรงกัน และ มองไม่เห็นเหตุผลว่าจะโกหกทำไม เพราะค่าฉายหนังก็ได้มาครบ แต่ไม่ อาจบอกสถานที่ฉายให้แน่นอนได้ เนื่องจากเมื่อไปถึงก็มืดสนิทแล้ว และเก็บจอกลับตอนตี 4 ยังไม่สว่าง ด้วยความสงสัย นาย ธงชัย แสงไชย จึงเดินทางไปตรวจ ดูแถวหมู่บ้านวังทอง และพบว่ามี รอยรถแล่นไปยังบริเวณเมืองคำชะโนด ซึ่งนับถือกันว่าเป็นเมือง ศักดิ์สิทธิ์ เมืองของพญานาคที่น่า แปลกใจก็คือ ไม่รู้ว่ารถแล่นเข้า ไปได้อย่างไร เพราะบริเวณนั้นมี ลักษณะเป็นพรุ น้ำเจิ่งซุ่มอยู่ชั่วนา ตาปี แม้แต่คนเดินก็จะจมลงไปครึ่ง หน้าแข้ง แต่รถ 6 ล้อพร้อมอุปกรณ์ ฉายหนังแล่นเข้าไปได้

นายธงชัยได้ไปนมัสการ หลวงปู่คำตา ซึ่งตอนนั้นยังไม่มรณ ภาพ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลวง ปู่บอกว่าท่านเองก็หายไปบริเวณนั้น พ่อแม่ค้นหาอยู่ 7 วันจึงพบว่านอน หลับอยู่แถวๆ นั้นเอง ท่านบอกว่า มีความรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปยัง เมืองลึกลับที่อยู่ใต้ดิน ท่านเชื่อว่าบริเวณดง ชะโนดต้องกลายเป็นเมืองเก่า และ มีวิญญาณสิงสู่อยู่ในดงคำชะโนด และอาจเป็นได้ที่เขามีงานฉลองกัน บรรดาวิญญาณเหล่านั้นจึงไปจ้างหนัง มาฉาย แต่ได้พรางตาให้คนฉายหนัง มีความรู้สึกเหมือนฉายให้คนดู เรื่องนี้เล่าลือเกรียวกราว มาก และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับ วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2534 ได้นำ ไปลงในคอลัมน์มิติที่ 5 สัมผัสที่ 6 ยิ่งทำให้แพร่หลายไปใหญ่ และมี ประชาชนไปเยือนเมืองคำชะโนด มากขึ้นๆ จนบัดนี้ "คำชะโนด" กลายเป็นจุดขายที่สำคัญสำหรับการ ท่องเที่ยวอุดรไปเสียแล้ว ได้ทราบ ว่า วันหยุดสุดสัปดาห์จะมีผู้คนหลั่ง ไหลไปนับพันๆ จนลานจอดรถกว้าง ใหญ่ดแคบไปถนัด วันที่ผู้เขียน และคณะเดิน ทางไปถึงนั้น ก็ปรากฏว่ามีคนไป เที่ยวจำนวนไม่น้อย เรามองเห็นดง "คำชะโนด" แต่ไกล ดูเหมือนจะลอยเด่น อยู่ท่ามกลางที่ราบลุ่มที่เจิ่งนองด้วย น้ำรอบด้าน ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและ ประทับใจกับภาพที่เห็นมาก "คำชะโนด" มีความ หมายดังนี้คือ คำ แปลว่าน้ำซับ ชะโนด หรือสะโนด เป็นชื่อต้นไม้ ดังนั้นคำชะโนดจึงมีความหมายว่า ดงต้นชะโนดนั่นเอง คำชะโนดหรือเมืองชะโนด เมืองศักดิ์สิทธิ์หรือนครพญา-นาคนี้ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอบ้านดุง ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อ 3 ตำบลคือ ตำบลบ้านม่วง ตำบลวังทองและ ตำบลบ้านจันทน์ ต้นชะโนด มีลักษณะ คล้ายต้นมะพร้าวผสมกับต้นหมาก และต้นตาล แต่ละต้นสูงลิ่วกว่า 30 ม. บ่งบอกถึงอายุนานนับร้อยปี ขึ้น เบียดเสียดกันแน่นพึบ จนแสงแดด แทบจะส่องไม่ลอด ทำให้ในดงเย็น ชื้นตลอดวัน

ที่ออกจะแปลกก็คือ มีต้นชะโนดที่นี่แห่งเดียว ไม่เคยมี ใครพบในที่อื่นเลย ทางการได้ทำซุ้มประตู และทางเดินคอนกรีตไปยังดง ทำให้ เดินสะดวกขึ้น แต่ทุกคนจะต้อง ถอดรองเท้า พื้นที่ของดงชะโนดประ มาณ 20 กว่าไร่ มีร่องรอยว่าเคย เป็นเมืองโบราณมาก่อน ตรงกลาง ดงมีศาล 3 ศาล ทางด้านหนึ่งมีบ่อ น้ำขนาด 6X6 เมตรเห็นจะได้ นับ ถือกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำ ตลอดปี บางคนเชื่อว่าเป็นปล่อง พญานาค อาจไปทะลุแม่น้ำโขงได้ มีคนเอาขวดไปกรอกน้ำ จากบ่อศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งจะต้องใช้ขวด พลาสติก ห้ามใช้ขวดแก้ว ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 5 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการ นำน้ำจากบ่อศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไป ประกอบพิธี และน้ำจากบ่อเมือง คำชะโนดนี้เอง เป็นหนึ่งในจำนวน นั้น ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่อง ของความเชื่อ แต่ไม่ว่าท่านจะ เชื่อหรือไม่ก็ตาม ผู้เขียนขอยืน ยันว่า "คำชะโนด" ไม่ใช่สถาน ที่ธรรมดา ท่านจะสัมผัสได้ทัน ที ด้วยความรู้สึกเมื่อได้เห็น
ต้นชะโนด