http://www.shockfmclub.com/story_detail.php?historyshock_id=304เนื้อเรื่อง :
กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์
ดึก สงัด ถนนแก่งคอย-ตาลเดี่ยว จ.สระบุรี ที่มืดสนิทและเงียบสงบแทบไม่มียวดยานพาหนะชนิดใดผ่านไปผ่านมา จนกระทั้งรถฟอร์ดรุ่นปอนเตี๊ยกแล่นมาจอดริมทางบริเวณพงหญ้ารกท่วมหัว ครู่หนึ่ง...และก็ขับออกไป.........
ใกล้ รุ่งแล้ว ชาวบ้าน ชนบทเตรียมที่จะเริ่มกิจกรรมแห่งชีวิตแต่เช้าตรู่ แต่เช้านี้แตกต่างจากวันอื่นๆ เมื่อมีเสียงดังเอะอะจากพงหญ้าริมทาง หลายคนผงะสิ่งที่เห็นบนพงหญ้า ก่อนที่จะแจ้งไปสถานีตำรวจที่ไม่ไกลนัก พอตำรวจหลายนายมาที่เกิดเหตุก็รีบแหวกพงหญ้าออกมาดูก็พบแหม่มสาวชาวยุโรปคน หนึ่ง นอนเป็นศพเปลือยกายอยู่น่าสงสาร สภาพศพถูกยิงกลางหน้าอก ถูกเชือดคอ ตัดจมูก กรีดใบหน้า แต่กระนั้นก็ยังพบร่องรอยความสวยงามอย่างหาที่ติไม่ได้ รูปร่างเธอสมส่วนอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่เธอมีร่องรอยการถูกอนาจารทางเพศด้วย
22 มกราคม พ.ศ.2511 เกิดคดีโด่งดังไปทั่วโลกคดีหนึ่งในประเทศสยามในเวลานั้น นั้นคือคดีฆาตกรรม นางแบบสาวชื่อดังชาวเดนมาร์ค นามว่า ดอริค วอนฮาเวน ในตอนนั้น เธอมีอายุแค่ 23 ปี เป็นนางแบบชื่อดังกระฉ่อนโลก
ใน สมัยนั้นมีชาวต่างชาติอยู่ไม่กี่คนที่มายังประเทศสยาม เพราะเนื่องจากในสมัยก่อนชาวต่างชาติมองสยามประเทศของเราว่ายังเป็นประเทศ ล้าหลัง ป่าเถื่อนอยู่ แต่นางดอริครู้สึกสนใจประเทศสยามมาก จึงได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย และเมื่อมาถึงประเทศสยามเธอพบประสบการณ์สยองสุดขีด
เธอกลายเป็นศพ
ฆาตกร ที่ฆ่าเธอนี้นามว่า นาย กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์ เป็นอดีตนักเรียนแพทย์จากประเทศอังกฤษ แต่ถูกไล่ออกกลางคัน จนต้องประกอบอาชีพเป็นคนผ่าพิสูจน์ศพอยู่พักหนึ่ง เมื่อกลับมายังไทยก็สมัครเป็นอาจารย์รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ ก่อนที่ชีวิตตกต่ำ จนหันเหเป็นไกด์นำเที่ยว
และ อาชีพใหม่นี้เอง เป็นชนวนสำคัญ ที่ทำให้เขารู้จักนางแบบสาวสวยชาวเดนมาร์คเข้าโดยบังเอิญ เนื่องจากเธอตัดสินใจมาเป็นลูกทัวร์ของเขาหลายวันก่อนที่จะตาย
“น่าเอามาเป็นเมียเป็นบ้า”
และ ในเวลานั้นเองจิตใจที่วิปริต และจิตใจโสมนของกู้เกียรติเริ่มก่อตัวขึ้น เขาเริ่มวางแผนจะข่มขื่นนางสาวนางแบบ ด้วยการชักชวนเธอมาที่บ้านพัก แผนเขาสำเร็จ เขาสามารถข่มขื่นเธอได้ ตามที่หวังและความตั้งใจแต่..........ไม่ใช้เพียงนั้น ใจเขาคิด ถ้าปล่อยเธอไปเธออาจเอาความผิดของเขาไปบอกคนอื่นก็ได้ เพราะฉะนั้นหลังจากการเสพสมอย่างสาแก่ใจแล้วเขาก็ “ฆ่า”เธอด้วยความสะใจ เขาใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าอกเธออย่างเลือดเย็น พร้อมด้วยการใช้มีดผ่าตัดที่เขาชำนาญเป็นอาวุธสังหารร่วม
หลัง จากที่เขาสังหารนางแบบสาวแล้ว เขานำศพเธอไปทิ้งริมถนนสายแก่นคอย ตาลเดี่ยว ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตำรวจพบศพดังกล่าว สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่หน้าอกหนึ่งนัด ลำคอถูกกรีดเหวะหวะ อย่างสยดสยอง จมูกถูกตัดออก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอบกรีด จากมีดที่คมกริบ
และคดีนี้ก็ได้เป็นคดีดังที่ทำให้ไทยเป็นที่จับตาของนานาประเทศ ก็นางแบบดังมาตายนี้!
เมื่อคดีดัง ตำรวจไทยก็โชว์ฝีมือ สืบเสาะจับฆาตกรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
นั้นคือ นาย กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์
นาย กู้เกียรติแก้ตัวไม่ขึ้น เพราะมีหลักฐานที่มัดตัวเขาแน่นหนา คราบเลือด บนห้องนอน ที่ท้ายกระโปรงรถและขนเพชรของเขาที่ตกลงบนศพของนางแบบสาว รวมทั้งเช็คผู้ตายอีก 63 ใบ ที่เขาขโมยมาจากเหยื่อที่เขาสังหาร และแอบใบขึ้นเงิน จนถูกเจ้าหน้าที่จับได้จากการขยายผลจับกุม
การ ดำเนินคดีกับนาย กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์ ผลการพิพากษาคือ จำคุกตลอดชีวิต โดยลดหย่อนลงมาจากการประหารชีวิตเขา เพราะผู้ต้องหารับตำสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
กล่าว กันว่า นายกู้เกียรติชดใช้กรรมที่เขาก่อขึ้นในเรือนจำบางขวางอยู่เพียง 8 ปีเศษๆ เท่านั้น ก็ออกจกเรือนจำสบายบรือ โดยไม่มีใครทราบว่าทำไมถึงพ้นโทษเร็วนัก
ปลายปีพ.ศ. 2520 หลังได้รับสารภาพ นายกู้เกียรติก็ได้หายตัวอย่างลึกลับ ไม่มีใครทราบข่าวของเขาอีกเลย
................................
3 ปีต่อมา ประมาณปี 2523 เกิดคดีประหลาดในเดือนธันวาคม มีคนร้ายโรคจิต บุกเข้าไปในแผนกนิติเวชของโรงพยาบาล ตำรวจ และโรงพยาบาล และโรงพยาบาลจุฬาฯ อีก 3 ครั้งซ้อน ขโมยชิ้นส่วนศพ เช่น แขน เท้า และเนื้อหน้าตกของศพคนตาย และหายไปอย่างลึกลับจากห้องเก็บศพ โดยเป็นศพผู้หญิงทั้งหมด และปรากฏร่องรอยการถูกข่มขื่น
ภายหลังมีการพบ ชิ้นส่วนดังกล่าว ถูกบรรจุไว้ในกล่องทิ้งอยู่ข้างถนนราวกับขยะ จากการตรวจสอบพบว่าชิ้นส่วนถูกตัดอย่างชำนาญ คนร้ายจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องแพทย์เท่านั้นจึงปฏิบัติการได้เนียน ขนาดนี้
ฝีมือตำรวจไทยมีหรือจะจับไม่ได้คดี ดังขนาดนี้ ในเวลาไม่นานตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย ชื่อ นายฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์ หลังจากถูกจับกุม และสอบสวน เขารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำเหตุวิปริตดังกล่าว
นอกจากนี้เขายังตกเป็นผู้ต้องสงสัยเป็
นคนเอามีดแทงพนักงานบริษัทสาวคนหนึ่ง ใจกลางเมือง จนสาหัสปางตายอีกด้วย
และเมื่อตรวจสอบประวัติของนาย ฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์ ตำรวจต้องตกตะลึง
นาย กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์ กับ นายฟรานซิส ก.เรืองฤทธิ์คือคนๆ เดียวกัน ผลคือเขาต้องเข้าเรือนจำบางขวางอีกครั้ง แต่โทษคราวนี้เขาแค่จำคุก 5 ปีเท่านั้น ก็ออกจากคุกบางขวางแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนครั้งแรก และไม่ได้ยินข่าวอีกเลยเสมือนว่าตายอย่างงั้น
26 ตุลาคม พ.ศ.2542
เจ้า หน้าที่ตำรวจ สน.บงนา ได้รับแจ้งว่า มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นจากพลเมืองดีว่า พบศพหญิงสาวถูกฆ่าตาย อยู่ชั้นล่างของบ้านเลขที่ 549 หมู่บ้านเปรมฤทัย เขตประเวศเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ ตรวจสอบชันสูตรพบว่า ผู้ตายคือ นางมาเรี่ยม ใจหวัง อายุ 30 ปี เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ที่ลำคอ มีรอบช้ำเขียว คล้ายถูกบีบ ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นข้างๆ ศพ มีพัดลม 2 ตัวเปิดทิ้งเอาไว้ โดยไม่รู้สาเหตุ คล้ายกับอำพรางอะไรบางอย่าง
บ้านเธอที่เสียชีวิต ข้างบนเป็นที่พักอาศัย ข้างล่าง เปิดเป็นร้านรับแปลเอกสาร ส่วนเจ้าของชื่อ.....
นาย ฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์!
ตอน แรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ทราบประวัติความเป็นมาของบุคคลอันตรายนายนี้ แต่เมื่อเสนอข่าวออกไป เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่เคยจับกุมและดำเนินคดีกับนายคนนี้ในสมัยแรกๆ หลายคนจำเขาได้ แม้จะผ่านไปถึง 30 ปี ก็ตาม และนาย ฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์ ก็แก่ไปมากแล้ว อายุเกือบ 60 ปีแนะ
นาย ฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์ (กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์) ให้การกับตำรวจในขั้นแรกว่า นางมาเรียมผู้ตาย เป็นลูกจ้างของเขามารับจ้างแปลเอกสารเป็นบางครั้งบางคราวเป็นงานอดิเรก เมื่อคืนมีงานมาก ดึกดื่นถึงจะเสร็จ เขาเลยให้เธอนอนค้างบ้าน รุ่งเช้าจู่ๆ เธอก็เป็นศพ ไม่รู้ว่าเธอตายเพราะสาเหตุใด
แน่ นอนเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางนา ต้องไม่เชื่อคำให้การของนาย ฟรานซีส ก.เรืองฤทธิ์ (กู้เกียรติ เรืองฤทธิ์)อยู่แล้ว ประกอบกับประวัติในอดีต อีกทั้งหลักฐานหลายๆ อย่าง เช่น วีดีโอหนังลามกหลายสิบม้วน ภาพเปลือยหญิงสาวหลายคน หนังสือโป๊ใต้ดิน ภาพศพจากนิตยสารแนวอาชญากรรม(มันหลักฐานตรงไหนนี้)
แต่ หลักฐานมัดตัวที่สุดคงจะเป็นผลการชันสูตรนางมาเรียน ที่พบว่ามียานอนหลับอยู่ในกระเพาะอาหารของเธอ แต่นายฟรานซิส ปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่ยอมรับสารภาพเหมือนคดีแรกๆ ที่เกิดขึ้น
จนปัจจุบันนี้คดีนี้ก็ยังไม่สิ้นสุดในขั้นตอนของศาล จนเป็นคดีปริศนา(?)อีกรายของไทย
ลืม บอกไปสำหรับมาตกรรายนี้ ที่จริงก็ไม่โหดอะไรมากน่ะ แต่ถือว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของไทย(บุญเพ็งไม่นับ) และเป็นฆาตกรคนแรกที่เคยเป็นหมอ จึงได้รับฉายาแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ในเมืองไทยด้วยปริยาย
ว้า............ตอนนี้สั้นจริงๆ งั้นเพิ่มหน่อย
รวมนักโทษประหารชื่อดังของไทยคุณรู้จักพวกเขาหรือเปล่า
สุขุม เชิดชื่น
จำเลย ที่ 5 มีความผิดฐานจ้างวานฆ่าแพทย์หญิงนิชรี มะกรสาร แพทย์และอาจารย์แพทย์จุฬา วันที่ 25 ตุลาคม 2539 ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์หลังศาลพิพากษาประหารชีวิต ซึ่งคดีนี้ดังมากเพราะจำเลยมีฐานเป็น ส.ว.
เรืองศักดิ์ ทองกุล
เจ้า ของฉายาไอ้ศักดิ์ 5 ศพ ฆาตกรทมิฬ ที่ไม่รู้ไปกินดีหมีที่ไหน ก่อเหตุฆ่าแขวนคอสยองตระกูลบุญทวี 5 ศพรวด ใช้เวลากว่า 27 วันกว่าจะจับได้ แต่ตลกคือไอ้ศักดิ์ดันถูกจับในวันแถลงข่าวในขณะที่ตนไปยื่นดูว่าคดีนี้ไปถึง ไหนแล้วผลสุดท้ายถูกประหารชีวิต หลังศาลอ่านคำพิพากษาในวันที่ 30 ตุลาคม 2540
พันธ์ สายทอง
ถูก ประหารเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2542 ข้อหาข่มขื่น และฆ่า “น้องอ้อม” หรือเด็กหญิง สุพรรณษา เชิดชู อายุ 4 ปี ที่ห้องน้ำหญิง ที่สมัยก่อนถือว่าเป็นคดีที่โด่งดังมาก แต่สมัยนี้ธรรมดาไปแล้วกับข่าว ฆาตกรฆ่าเด็ก
จรินทร์ สิทธิธรรม
เจ้า ตำรับฉายา “ฆ่ายัดกล่อง” หรือฉายา “กระทิงแดง ศิษย์พระกาฬ” เพราะไปฆ่าเด็กชาย กิมบั๊ก แซ่อึ้ง อายุ 15 ปี แล้วไปยัดกล่องกระทิงแดงไปทิ้งรถไฟสายเหนือกรุงเทพ เชียงใหม่ สาเหตุเพราะเรียกค่าไถ่ไม่สำเร็จ แต่เมื่อถูกจับได้ก็รับสารภาพและเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน ทำให้ศาลลดจากการประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิตแทน
เกียรติศักดิ์ พูลสวัสดิ์
เจ้า ของฉายา “ฆ่าโปกปูน” เป็นถึงครูดีเด่น ปี 2532 แต่เดือดร้อนเรื่องการเงินจนสวมวิญญาณมัจจุราชฆ่าลูกศิษย์วัยเพียง 12 ปี ชื่อ ทัศนีย์ แสงรัตนทองคำ ก่อนจะนำมายัดโลงไม้แล้วโบกปูนทับนำไปทิ้งน้ำ ทั้งๆ ที่เขาสนิทกับครอบครัวของเหยื่อนั้นยิ่งกว่าญาติสนิท คดีนี้เคยสร้างเป็นหนัง เป็นนิยาย มันมาก เพราะตำรวจต้องใช้กลอุบาย แก้เกมกับฆาตกรคนนี้หลายชั้นมาก ผลสุดท้ายถูกจับ ศาลลดจากการประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิตแทน