ภาวะตลาดทองคำวันนี้
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 18,700 - 18,800
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,315
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 31.21 – 31.25
- GFV10 Hi- Low 18,870 – 18,820 ปิดที่ 18,820
Gold Insight
สัญญาทองคำตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,316.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,313.40 - 1,321.30 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ สัญญาทองคำและสัญญาโลหะมีค่าประเภทอื่นๆ รวมถึงพลาตินัมและพัลลาเดียมยังร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ปิดลบ 78.41 จุด หรือ 0.72% แตะที่ 10,751.27 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 9.21 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 1,137.03 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมหดตัวลงในเดือนส.ค. และจากแรงขายทำกำไรที่นักลงทุนส่งเข้าฉุดตลาดหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม รายงานดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค.ได้ช่วยหนุนตลาดให้สามารถดีดตัวขึ้นจากการร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 81.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.77-82.38 ดอลลาร์ เพราะได้ปัจจัยลบจากการร่วงลงของยอดสั่งซื้อใหม่ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่อ่อนตัวลงและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงด้วย
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือ ทองคำถึง ณ. 5 ต.ค. ขายออก 0.43 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,302.34 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,301.91 ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินของธนาคารในกลุ่มยูโรโซน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของไอร์แลนด์และกรีซ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโรค่าเงินยูโรดิ่งลง 0.73% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3689 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ ที่ระดับ 1.3789 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3661 ดอลลาร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.410 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 83.190 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.54 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.17-30.19 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ ระดับ 30.21-30.25 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผย ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4.3% แตะระดับ 82.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 3.0% ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค.สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว หลังจากหดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังออกมาสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4.3% แตะระดับ 288,000 ยูนิตต่อปี และยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 7.6% สู่ระดับ 4.13 ล้านยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.84 ล้านยูนิต
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐประจำเดือนส.ค.หดตัวลง 0.5% มาอยู่ที่ระดับ 4.089 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. รายงานระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของกลุ่มโรงงานในสหรัฐ หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี อาทิ คอมพิวเตอร์และเครื่องจักร ร่วงลง 1.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดสั่งซื้ออุปกรณ์การขนส่งดิ่งลง 10.2% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าที่มีอายุการใช้งานสั้น อาทิ ผลิตภัณฑ์กระดาษ ถ่านหิน และปิโตรเลีย ขยับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.
- รายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%
- ธนาคารกลางไอร์แลนด์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภายในประเทศมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะชะงักงันในปีนี้ ขณะที่รัฐบาลกรีซคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจจะหดตัว 2.6% ในปีหน้า หลังจากทรุดตัวลง 4.0% ในปีนี้
- คณะกรรมการบาเซิลได้สั่งให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ 2 แห่งของสวิตเซอร์แลนด์ ได้แก่ เครดิต สวิส และยูบีเอส ระดมทุนเพิ่มเติม ซึ่งธนาคารทั้ง 2 แห่งจะต้องเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้น (Common Equity Ratio) เป็น 10% ภายในปี 2561 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ที่ 7% ทั้งนี้ หนี้สินของธนาคารทั้ง 2 แห่งรวมกันสูงกว่าจีดีพีของสวิตเซอร์แลนด์ถึง 4 เท่า ส่งผลให้ทางการสวิสต้องออกมาสั่งการดังกล่าว และยังได้เรียกร้องให้ธนาคารเพิ่มอัตราเงินทุนทั้งหมดเป็น 19% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับระดับ 10.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานที่คณะกรรมการบาเซิลได้กำหนดไว้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่
4 – 5 ต.ค. 2553
ข้อมูลที่น่าจับตา
ตัวเลขเดิม
ตัวเลข คาดการณ์
ตัวเลขจริง
วันจันทร์
· Pending Home Sales
· Factory Orders
· Fed Chairman Bernanke Speaks
5.2%
0.1%
-
2.8%
-0.3%
-
4.3%
-0.5%
-
วันอังคาร
· ISM Non-Manufacturing PMI
51.5
52.1