pooklook on August 28, 2010, 07:45:28 AM
"ซูเปอร์บัส" ทางเลือกใหม่ล้ำ ปักกิ่งแก้ปัญหารถติด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2553 07:52 น.



เอเอฟพี- หลังจากได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีรถติดมากที่สุดในโลก กอดคอมากับเม็กซิโก ซิตี้ จีนก็ได้เร่งหาทางแก้ปัญหาจราจร และหนึ่งในนั้นคือ นวัตกรรมใหม่แห่งการขนส่ง "ซูเปอร์บัส"
     
      หลังจากได้ซุ่มสร้าง "ซูเปอร์บัส" มาระยะหนึ่ง ทางการก็ได้เปิดเผยว่าจะทดสอบรถโดยสารสุดล้ำนี้ในเดือนกันยายน โดยรถคันนี้จะออกแบบให้สามารถบรรทุกผู้โดยสารมากถึง 1,400 คน และวิ่งคร่อมถนน โดยที่พาหนะอื่นๆ ก็สามารถวิ่งพร้อมๆ กันไปบนถนนที่ใช้ร่วมกัน
     
      ซ่ง หยูว์โจว ประธานฝ่ายออกแบบของ เซินเจิ้น ฮาซี ฟิวเจอร์ ปาร์คกิ้ง อีควิปเมนต์ (Shenzhen Hashi Future Parking Equipment) กล่าวกับเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 24 ส.ค.ว่า จะเริ่มนำรถมาวางและทดสอบการวิ่งระยะทาง 6 กิโลเมตร ในตอนปลายปีนี้
     
      ซ่ง กล่าวว่า มีแผนที่จะทดสอบโดยสารจริง ในราวครี่งหลังของปีหน้า โดยไม่ได้กล่าวถึงการวิ่งทดสอบนานหนึ่งปีเต็ม แล้วจะนำไปใช้เป็นระบบคมนาคมทั่วไปด้วยหรือไม่ เพียงแต่บอกว่า ทางฮาซี ได้พูดคุยกับ 3 ผู้ผลิตรถยนต์เพื่อสร้างรถยนต์โดยสารที่จะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์
     
      ซ่ง กล่าวกับโกลเบิลไทมส์ว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดช่อบ คาดว่าจะวางเส้นทางสำหรับ "ซูเปอร์บัส" นี้ได้ในระยะทางกว่า 180 ก.ม. รวมทั้งเส้นทางสนามบินในกรุงปักกิ่งด้วย และจะสามารถแบ่งเบาสภาพแออัดของการจราจรได้มากกว่า 30% โดยไม่แย่งพื้นที่ท้องถนน เพราะสามารถใช้ร่วมกับเส้นทางที่มีอยู่ เพียงแต่สร้างสถานีผู้โดยสาร และสัญญาณไฟจราจรใหม่เท่านั้น

     ทั้งนี้ การทดสอบที่จะเริ่มในเดือนกันยายนนี้ จะเป็นการทดสอบในสถานการณ์จริงเพื่อประเมินและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยพาหนะที่สามารถวิ่งลอด "ซูเปอร์บัส" นี้ จะมีเพียงรถยนต์ขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งจะมีสัญญาณเตือนพิเศษสำหรับรถคันใหญ่ที่มีความสูงเกิน
     
      จากข้อมูลของทางการ คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ กรุงปักกิ่งจะมีรถยนต์มากถึง 5 ล้านคัน หลังจากเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จำนวนรถยนต์พุ่งถึง 4 ล้านคันไปแล้ว
     
      ด้านกว๋อ จีฟุ เตือนว่า ถ้ายังไม่มีการจำกัดการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ หรือเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ในการคมนาคม จะทำให้สภาพการจราจร และอัตราความเร็วโดยเฉลี่ย บนถนนในกรุงปักกิ่งลดลงเหลือเพียง 15 ก.ม.ต่อชั่วโมง อีกทั้งมลพิษทางอากาศอาจวิกฤติขึ้น
     
                                            http://www.youtube.com/watch?v=FDadNUo4So4&feature=player_embedded

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000118647