sianbun on March 30, 2010, 04:47:07 PM
เจ เอส แอลฯ จับมือ โมเดิร์นไนน์ทีวี เตรียมฉายละครฟอร์มยักษ์ “ไฟอมตะ” ชาคริต-ซอนย่า และนักแสดงระดับแถวหน้าตบเท้าร่วมแสดง ลงจอแน่ 10 เม.ย.นี้
 
 





          โมเดิร์นไนน์ทีวี และ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ร่วมกันแถลงข่าว ความพร้อมในการเตรียมนำละครฟอร์มยักษ์ “ไฟอมตะ” ที่เตรียมงานและดำเนินการถ่ายทำอย่างพิถีพิถันกว่าปี ใช้นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทยหลายสิบชีวิตร่วมถ่ายทอดเรื่องราวเข้มข้น ของละคร พร้อมด้วยการถ่ายทำระบบ ไฮ เดฟฟินิชั่น (High Definition หรือ HD) เพื่อเป้าหมาย ในการส่งขายต่างประเทศ โดยลงจอให้คนไทยทั้งประเทศได้ชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.40-21.40 น. เริ่มเสาร์ที่ 10 เม.ย.นี้ 

         รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการบริหาร เจ เอส แอลฯ เปิดเผยความเป็นมาว่า “บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ได้รับมอบหมายดำเนินงาน โครงการพ.ศ.พอเพียง เมื่อปี 2550 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปสู่กลุ่มประชาชนให้มีความเข้าใจเรื่อง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข คือ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้และคุณธรรม โดยตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ คณะทำงานได้จ้างบริษัททำการประเมินสัมฤทธิผลของโครงการ ซึ่งผลประเมินออกมาเป็นที่ น่าพอใจ ประชาชนรับรู้และมีความเข้าใจในหลักเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มี ข้อเสนอแนะว่า โครงการเช่นนี้ควรทำอย่างต่อเนื่อง และหากต้องการให้เข้าถึงประชาชนอย่าง แท้จริง ควรทำในรูปแบบของการสอดแทรกเนื้อหาในละคร เพราะละครมีอิทธิพลกับประชาชนอย่างยิ่ง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่า ทำละครอย่างไรให้ผู้ชมได้ทั้งความบันเทิงและสาระไปพร้อมกัน”
คุณจำนรรค์เปิดเผยต่อว่า หลังจากที่ได้อ่านบทประพันธ์ “ผมจะเป็นคนดี” ของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ซึ่งเรียบเรียบโดย คุณประภัสสร เสวิกุล ทำให้รู้ว่าคุณวิกรมมีเรื่องเล่าในชีวิตครบทั้ง 3 ช่วง คือ มีเรื่องชีวิต ในวัยเยาว์ มีความรักในวัยหนุ่ม และช่วงที่ชีวิตมีความมั่นคงประสบความสำเร็จ และเมื่อได้พูดคุยทำให้รู้ว่าคุณวิกรมเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น มีวิริยะอุตสาหะ กล้าจะตีแผ่เรื่องราวในด้านมืดของตัวเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ จึงรู้สึกประทับใจในแนวคิดนี้ เมื่อได้พบกับคุณวิกรมจึงเล่าให้ฟังว่า เจ เอส แอลฯ สนใจประวัติชีวิต เพราะมีแง่มุมที่สามารถสอดแทรกความพอเพียงในการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจ คุณวิกรมจึงอนุญาตให้นำบทประพันธ์ “ผมจะเป็นคนดี” มาดัดแปลงเป็นละครได้ จึงมอบหมายให้ พิไลวรรณ บุญล้น ผู้บริหาร ไทเกอร์ แท็ค ทีม บริษัทในเครือของ เจ เอส แอลฯ นำละครเรื่องนี้ไปผลิต เพราะเห็นว่าคุณพิไลวรรณทำละครมา พอสมควร และก็เป็นงานที่มีความงาม เป็นคนที่เฟ้นเรื่องภาพแล้วอารมณ์ได้เหมาะกับละครเรื่องนี้มาก   

         “เมื่อดิฉันได้พบและรู้จักคุณวิกรม จึงได้รู้ว่า คุณวิกรมเป็นคนที่ใช้อย่างพอเพียงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความคิด หลักปรัชญาในการทำงาน รวมทั้งการให้การแบ่งปันให้คนอื่น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นตัวอย่างและอุทาหรณ์ที่ดี สำหรับคนรุ่นหลังที่จะได้ศึกษาจากละครเรื่องนี้ และการที่คนๆ หนึ่งจะได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็น “คนดี” จะต้องเป็นคนที่เพอร์เฟคนั้น แท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ตอบแทนให้กับสังคม จึงเป็นบทสรุปของนิยาม “คนดี” คุณจำนรรค์กล่าว

          “นอกจากนี้หัวใจของการสร้างสรรค์ละคร “ไฟอมตะ” อยู่ที่การรวมบุคลากร คุณภาพทั้งสิ้น ทั้งบุคลากรเบื้องหน้าและเบื้องหลัง การถ่ายทอดความถูกต้องของเรื่องราวของบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ และการถ่ายทอดความงดงามสมจริงทางภาพ ที่ต้องใช้ศักยภาพของทีมงานด้านภาพในระดับสากล ต้องใช้อุปกรณ์การถ่ายทำในระบบสากล ซึ่งทำให้“ไฟอมตะ”เป็นละครไทยที่ถ่ายทำโดยใช้กล้อง HD (High Definition) โดยมีเป้าหมายจะนำลิขสิทธิ์ไปขาย เพื่อเผยแพร่ในต่างประเทศต่อไป”

          ทั้งนี้คุณวิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของบทประพันธ์ “ผมจะเป็นคนดี” ได้กล่าวถึงความมั่นใจในผลงานละคร “ไฟอมตะ” ซึ่งดำเนินงานโดย เจ เอส แอลฯ และประโยชน์ที่ผู้ชมจะได้รับจากการชมละครเรื่องนี้ว่า

          “ผมคิดว่าความผิดพลาดในชีวิตของครอบครัวผม น่าจะเป็นแผนที่หรือเป็นเข็มทิศให้คนในยุคนี้หรือคนในยุคอนาคต สามารถจะนำไปปรับใช้สู่การเดินทางในอนาคตที่ดีกว่าได้ ผมเห็น ผลงานของ เจ เอส แอลฯ มาแล้วกว่า 30 ปี ซึ่งก็เป็นผลงานที่ดี ไม่ใช่น้ำเน่าไร้สาระ ผมจึงอยากเห็น “ไฟอมตะ” ผมเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ชมจะมีความคิดสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์ดีขึ้นกว่าเดิม และ ทำให้พวกเราเป็น คนดีและรักสังคมไทยมากกว่าเดิมครับ

          ละคร “ไฟอมตะ” เป็นละครที่จะสะท้อนให้ผู้ชม ได้มีความคิดในการทำดี เพราะว่าการทำดีนั้นคือ ความสุข การทำดี คือ การทำบุญ และถ้าเราทำบุญแล้วไม่หวังบุญ ทุกอย่างที่ทำไปก็จะเป็นความดีที่จะสร้างแต่ความสุขและสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตของเราตลอดไปครับ”ุ

          ละคร “ไฟอมตะ” ได้รับการดัดแปลงจากบทประพันธ์ “ผมจะเป็นคนดี” โดยมี คุณศัลยา สุขะนิวัตติ์ เป็นผู้เขียนบทละครโทรทัศน์ กำกับการแสดงโดย พิไลวรรณ บุญล้น

          เกี่ยวกับความพิถีพิถันและปัญหาอุปสรรคในการผลิตละคร “ไฟอมตะ” แหม่ม-พิไลวรรณ ผู้กำกับการแสดงกล่าวว่า “ละครเรื่องนี้ได้ถูกเตรียมการผลิตอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การค้นคว้าข้อมูลจากเรื่องจริงในยุคสมัยนั้น การประชุมงานเขียนบทที่ต้องมีความน่าสนใจพอที่จะเป็นละครฟอร์มยักษ์ ในขณะที่ต้องถูกต้องทางข้อมูล การเตรียมการสร้าง องค์ประกอบทางศิลป์ การสร้างฉากบนพื้นที่ เสมือนจริง การจัดทำเสื้อผ้า การคัดเลือกนักแสดง และการเสริมวิชาการแสดงแก่นักแสดง ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะสร้างสรรค์ผลงาน คุณภาพ อันเกิดจากแนวความคิดที่แตกต่าง แรงบันดาลใจที่แรงกล้า และความฝันที่จะเห็น ผลงานของคนไทยไปสู่ต่างประเทศ บุคลากรทุกคนได้พร้อมกันทุ่มเทให้กับงานละครเรื่องนี้ ด้วยการศึกษาค้นคว้าข้อมูลมากกว่า 1 ปี เตรียมการผลิต มากกว่า 1 ปี ระดมนักแสดงมากกว่า 100 ชีวิต เพื่อให้ “ละครไทยก้าวไกลสู่ตลาดโลก”

          ติดตามชมละคร “ไฟอมตะ” นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม, ซอนย่า คูลลิ่ง, นิรุตต์ ศิริจรรยา, อุทุมพร ศิลาพันธ์, หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร, เจมี่ บูเฮอร์, เต๋า-สโรชา, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ, หมิง-ชาลิสา, ทิน โชคกมลกิจ, ปอ AF1, จอย-สุนันท์ษา, อาร์ม-พิพัฒน์, เดือนเต็ม สาลิตุล, พิศมัย วิไลศักดิ์ ,สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์, นรินทร ณ บางช้าง, บิ๊ก-ภุชิสสะ ฯลฯ ขอแนะนำนักแสดงรุ่นเยาว์ ช็อปเปอร์ -ด.ช.กัณฐ์เอนก นัยนาประเสิรฐ ดินสอ-ด.ช.ราชรัฐ บุญสุขขัง และ อะตอม-ด.ช.ภูริวัต บุญมุสิโก ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.40-21.40 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี เริ่มเสาร์ที่ 10 เมษายนนี้
« Last Edit: March 30, 2010, 04:54:27 PM by sianbun »

sianbun on March 30, 2010, 04:48:15 PM
คุณหนู “ชาคริต” เปลี่ยนไป!! ลั่น !! ผมจะใช้ชีวิตแบบ “พอเพียง”

          เล่าว่าถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนูมาตลอดชีวิต สำหรับพระเอก “ชาคริต แย้มนาม” จากละครน้ำดี “ไฟอมตะ” ค่ายเจเอสแอล ที่เรียกว่าอยากได้อะไรก็ได้สมใจทุกอย่าง แต่พอได้มาเล่นละครเรื่องนี้ความคิดเก่าๆ ของพระเอกหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที ถึงกับประกาศว่าจะหันมาใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามตามต้นเรื่องอย่าง คุณวิกรม กรมดิษฐ์

          “ผมใช้ชีวิตแบบสบายมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ท่านเลี้ยงดูผมแบบตามใจ เลี้ยงแบบสบายๆให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง รสชาติชีวิตแบบที่ตัวละครเจอนั้นผมไม่เคยเจอเลย แต่พอได้อ่านบทเรื่องนี้ก็รู้สึกนับถือ ตัวละครตัวนี้มาก ซึ่งจะว่าเขียนบทละครมาโอเวอร์ก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องราวทุกอย่างในละครมันเคยเกิดขึ้นจริงๆ กับคนๆหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตด้วยความขยัน อดทน ไม่ย่อท้อ กับทุกอุปสรรค ซึ่งผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะนำสิ่งต่างๆ เหล่าไปใช้ชีวิตในการดำเนินชีวิต ให้คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าผมโชคดีที่มีคนรัก มีคนจ้างเราทำงานให้เงินเรา ผมถือว่าเป็นบุญของผมนะ ยิ่งการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย ผมก็นำมาใช้กับตัวเองอยู่ หรือการที่คนเราคิดดี ทำดี ก็เป็นผลประโยชน์เพื่อตัวเองนะ เพื่อครอบครัวเราด้วย สำหรับละครเรื่องนี้สะท้อนสังคมได้ดีมาก ยิ่งกับคนที่กำลังหมดหวังกับชีวิต ต้องชมให้ได้ ยังไงก็ฝากติดตามชมละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ”

          ติดตามชมละคร “ไฟอมตะ” นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม ,ซอนย่า คูลิ่ง , นิรุตต์ ศิริจรรยา , สุพจน์ จันทร์เจริญ ,อรรถกร ธีมากร , เจมมี่ บูลเฮอร์, สโรชา วาฑิตพันธ์ ฯลฯ หลังข่าว ทางช่องโมเดิร์นไนน์ เร็วๆ นี้ 

sianbun on March 30, 2010, 04:48:47 PM
“ชาคริต” กลัวผมร่วง เหตุต้องใส่วิก ใน“ไฟอมตะ”


           
          ต้องรับบทแสดงเป็น “วิกรม กรมดิษฐ์” นักธุรกิจพันล้าน ในละครฟร์อมยักษ์ “ไฟอมตะ” ค่ายเจเอสแอล ก็หนักใจพออยู่แล้ว แต่ที่ทำเอาพระเอกมากความสามารถ อย่าง “ชาคริต แย้มนาม” ต้องหนาวๆ ร้อนๆ ก็ตรงที่ต้องใส่วิกผม เพราะเจ้าตัวกลัวเจอปัญหาผมร่วงก่อนวัยอันควรนั่นเอง

          “เพราะในละครผมต้องดำเนินเรื่องตั้งแต่ คุณวิกรม ยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้ย้อนยุค ทั้งเสื้อผ้า หน้าตา ทรงผม แต่ผมจริงคงทำอะไรลำบากเพราะสั้น ทีมงานก็เลยตัดวิกมาให้ใส่ตามทรงแฟชั่นช่วงนั้น กว่าจะออกมาเป็นทรงนี้ก็พยามยามเลือกให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ที่สำคัญให้เข้ากับหน้าผมด้วย ดูๆก็หล่อดีครับ แรกที่ใส่ก็หงุดหงิดนะเพราะไม่คุ้นแล้วกิ๊บที่ช่างใส่ให้ก็ทิ่มตลอด เวลาใส่แล้วก็ต้องใส่ไว้ทั้งวันเพราะใส่ๆ ถอดๆ มันก็เจ็บตัวหลายครั้ง ทั้งคัน ทั้งร้อน ก็ต้องอดทน แล้วผมเป็นคนขี้ร้อนด้วยยิ่งทำให้เหงื่อออกเยอะ วิกผมโดนเหงื่อมากๆ ก็เลยอับไม่รู้ถ่ายเรื่องนี้จบ ผมหัวจะร่วงจนล้านรึเปล่าไม่รู้นะครับ ถ้าวันไหนร้อนมากๆ ผมก็ขอถอดบ้างเหนื่อยหน่อย แต่ยังหล่อเหมือนเดิมผมก็โอเคนะ”

          ติดตามชมละคร “ไฟอมตะ” นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม ,ซอนย่า คูลิ่ง , นิรุตต์ ศิริจรรยา ,
          สุพจน์ จันทร์เจริญ ,อรรถกร ธีมากร , เจมมี่ บูลเฮอร์, สโรชา วาฑิตพันธ์ ฯลฯ หลังข่าว ทางช่องโมเดิร์นไนน์ เร็วๆ นี้ 

sianbun on March 30, 2010, 04:50:33 PM
ข่าวกิจกรรมละคร “ไฟอมตะ”


 
          ข่าวดี!! สำหรับคนที่ตั้งตารอชมละครฟอร์มยักษ์เรื่อง “ไฟอมตะ” ไม่ควรพลาด!! กับการจัดฉายละคร “ไฟอมตะ” รอบ Preview สุดพิเศษให้กับ 50 ผู้โชคดีได้ชมก่อนใคร!! ในวันจันทร์ที่ 5 เมษายนนี้ พร้อมกับร่วมเสวนาพูดคุยเปิดใจกับ คุณวิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของบทประพันธ์ ณ ห้องน้ำฝน ชั้น 6 มูลนิธิอมตะ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตั้งแต่เวลา 14.30-16.30 น. อย่ารอช้า!! รีบลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษนี้ได้ทาง www.fireamata.com 

sianbun on April 08, 2010, 11:44:40 PM
“ไฟอมตะ”











เรื่องย่อ

   อาทิตย์ (ชาคริต แย้มนาม) เกือบจะกลายเป็นฆาตกรปลิดชีวิตบิดาบังเกิดเกล้าผู้ให้กำเนิด  ด้วยเหตุที่พ่อ(นิรุตต์ ศิริจรรยา)ใช้ปืนยิงหัววิฑิต(อรรถพร ธีมากร)น้องคนที่สามของเขา  แม่(อุทุมพร ศิลาพันธ์)พยายามห้ามอาทิตย์ไม่ให้ทำร้ายพ่อ โดยโทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเวรกรรมของแม่ แต่สำหรับอาทิตย์คิดว่าเรื่องราววุ่นวาย  ปัญหาร้ายๆที่ถาโถมเข้ามาในครอบครัวลูกมันเป็นเพราะ พ่อ!  พ่อไม่เคยรู้จักคำว่าพอ มีเมียเล็กเมียน้อยนับไม่ถ้วน ยามโกรธพ่อก็มักจะมาลงกับคนในบ้าน ทะเลาะกับแม่ ทุบตีลูกจนปางตายเหมือนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง   หากไม่คิดถึงแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง  ไม่ห่วงว่าใครจะดูแลน้องๆ แล้วล่ะก็ อาทิตย์คงต้องก่อกรรมอันใหญ่หลวง สร้างตราบาปอันฝังลึกที่กี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีวันลบเลือนได้.......

   ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2496.....เด็กชายติ้นฟ้งลืมตาดูโลก ณ บ้านเลขที่ 99 ถนนแสงชูโต จ.กาญจนบุรี  การเกิดของติ้นฟ้งสร้างความตื่นเต้นดีใจให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมากที่ได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ปู่ทำนายว่าติ้นฟ้งจะเป็นคนเก่ง มีบุญวาสนาทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง

   ครอบครัวคนจีนมักจะสอนให้ลูกทำงานตั้งแต่เด็กๆ ติ้นฟ้งก็เหมือนกัน เด็กน้อยมีหน้าที่ดูแลน้องๆ ที่คลานตามกันออกมาทุกปี แถมยังต้องทำงานบ้าน ช่วยแม่นึ่งปลาทู ทำความสะอาดปลาเค็มเพื่อเอาไปขายที่แผงในตลาด พ่อเองก็สอนให้เขารู้จักจัดสินค้า ขายของที่ร้านค้าหน้าบ้านซึ่งก็มีทั้งพริกแห้ง ฝ้าย ละหุ่ง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ตลอดจนของป่าที่ชาวบ้านเอามาส่งให้  แม้จะต้องทำงานหนักเกินวัย แต่ติ้นฟ้งก็ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย คงเป็นเพราะความรักที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายและญาติๆ มีให้อย่างเปี่ยมล้นนั่นเอง

   ในตอนเช้า...ติ้นฟ้งจะเห็นปู่กวาดถนนหน้าบ้านทุกวัน เขาเคยถามปู่ว่าทำไมต้องกวาด มีใครเห็นมั่ง  ปู่ตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มว่า เทียนเต๊เต๊ ฟ้าเป็นพยาน....เรากวาดถนนก็สะอาด ใช้แรงของเราทำประโยชน์ให้คนอื่น เราก็สบายใจ  ปู่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สอนให้ติ้นฟ้งรู้จักทำงาน รู้จักเป็นผู้ให้ ทุกครั้งที่กลับจากตลาดปู่ก็จะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากหลานๆ เสมอ

   ติ้นฟ้งอยากไปโรงเรียนแต่พ่อก็ไม่เห็นด้วย แม่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นเลยช่วยพูดให้ ในที่สุด พ่อก็ยอมให้ติ้นฟ้งไปโรงเรียน โดยมีข้อแม้ว่าติ้นฟ้งต้องทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ติ้นฟ้งดีใจมาก เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งตามที่รับปากกับพ่อไว้  ตอนที่วิฑิตหนีโรงเรียนกลับมาบ้านแล้วโดนพ่อตีอย่างหนัก พี่ใหญ่อย่างติ้นฟ้งก็เข้ามาปลอบ สอนน้องให้รู้จักรักการเรียน และพาน้องกลับไปส่งที่โรงเรียนประจำ

   วันตรุษจีน...วันแห่งความสุขที่ติ้นฟ้งตั้งตารอคอยเวียนมาถึง นอกจากอาหารการกินและขนมแสนอร่อยที่เขาชอบแล้ว วันนี้เขายังได้แต๊ะเอียจากญาติผู้ใหญ่อีกด้วย ติ้นฟ้งนำเงินแต๊ะเอีย 40 บาทไปฝากแม่ไว้ เพราะกลัวหายไม่รู้จะซ่อนตรงไหนดี  แต่พอวันที่เขาไปขอเงินที่ฝากไว้กับแม่เพื่อมาซื้อขนมให้น้องๆ แม่กลับไม่ให้แถมยังบอกว่า “เงินที่แม่ให้เอ็งซื้อขนมกินทุกวันนี้ ก็เงินเอ็งไง” ติ้นฟ้งร้องไห้อย่างผิดหวัง ไม่สามารถเรียกร้องหรือต่อสู้อะไรได้เลย ติ้นฟ้งจึงแอบขโมยเงินย่าที่ซ่อนไว้ใต้ที่นอนไปซื้อขนมให้น้องๆ พ่อโกรธมากดุด่าเฆี่ยนตีติ้นฟ้งอย่างสาหัส  ไม่ว่าย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่และป้าเฮียงจะทัดทานเพียงใด พ่อก็ไม่ฟัง...ภาพความรักที่พ่อเคยมีให้ในอดีต  ตอนที่พ่อโอบอุ้มเล่นหัว  ตอนที่พ่อพร่ำสอนในไร่ หรือแม้แต่ตอนที่พ่อเอาเขาซ้อนท้ายรถเครื่องไปดูหนังกลางแปลง.....ภาพความอบอุ่นเหล่านั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว.........เทศกาลตรุษจีนเวียนมาถึงในปีต่อมา...ติ้นฟ้งไม่ไว้ใจที่จะนำเงินไปฝากแม่อีกแล้ว เขาจึงนำเงินแต๊ะเอียที่ได้รับไปฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการใกล้ๆ บ้าน

   ติ้นฟ้งเริ่มเป็น”เถ้าแก่น้อย” เมื่อ ป้าเฮียง(นรินทร  ณ  บางช้าง) ยกอุปกรณ์การทำถั่วคั่วให้  ย่าและติ้นฟ้งช่วยกันทำถั่วคั่วอย่างแข็งขัน  ติ้นฟ้งนำถั่วคั่วไปขายทั้งที่ลานหนังกลางแปลง เขามีกลยุทธ์การขายด้วยการแจกหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าเอาไว้ปูนั่งดูหนัง เพิ่มสินค้าอีกหลายอย่างเอาไว้เป็นตัวเลือกให้ลูกค้า กิจการของติ้นฟ้งดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จนย่าและแม่เอ่ยปากชม  ด้วยวัยเพียงสิบสอง ติ้นฟ้งต้องเข้าไปช่วยพ่อทำไร่อ้อย เขามีหน้าที่คอยคุมคนงานตัดอ้อย ทำบัญชีต่างๆ บางคราวก็ต้องเอาควายมาไถไร่ หรือแม้แต่ขับรถไถเอง...

   เมื่อเรียนจบมัธยมต้น ติ้นฟ้งก็เปลี่ยนชื่อเป็น”อาทิตย์” เพื่อความสะดวกในการสอบเข้าเตรียมทหาร แต่พอเห็นไถ่(ปอAF) ลูกชายป้าเฮียงซึ่งไปเรียนที่ไต้หวันกลับมาเยี่ยมบ้าน ชุดเครื่องแบบนักเรียนของไถ่ดูโก้ สร้างแรงบันดาลใจให้อาทิตย์ไม่น้อย  พ่อเห็นอาทิตย์อยากเรียนจึงตัดสินใจที่จะส่งอาทิตย์ไปเรียนไต้หวันบ้าง

   ที่ไต้หวัน....อาทิตย์เริ่มเรียนภาษาจีนปักกิ่งอย่างหนักในโรงเรียนสอนภาษากินนอนคาธอลิกซินจู๋ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายซินจู๋....

    “เคลลี่” (ซอนย่า คูลลิ่ง) หญิงสาวที่ทำให้อาทิตย์รู้จักคำว่ารัก.....เป็นรักแรกพบก็ว่าได้ อาทิตย์ก็สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน แม้จะรู้สึกเหงาที่ต้องจากบ้านมาไกล คิดถึงแม่ คิดถึงน้องๆ แต่อาทิตย์ก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างที่มีเพื่อนรักอย่างจิตรกร(อาร์ม-พิพัฒน์) เพื่อนนักเรียนคนไทยซึ่งเรียนด้วยกัน ...น้องๆ เขียนจดหมายมาหาเป็นระยะๆ พ่อยังคงอารมณ์ร้ายลงโทษน้องๆ แม่ก็ยังทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ

   อาทิตย์กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ด้วยความตั้งใจว่าจะไปช่วยงานในฤดูร้อน แต่ทุกอย่างก็พังพินาศเมื่ออาทิตย์สุดจะทนชกพ่อไปทีหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นกระสอบทรายให้พ่อถลุงจนหมอบไปกับพื้น... รุ่งเช้าอาทิตย์กราบขอโทษพ่อทั้งน้ำตา เขาบอกลาว่าจะไม่กลับมาบ้านนี้อีก

   พ่ออยากให้อาทิตย์กลับมาช่วยงานที่บ้านแต่อาทิตย์ไม่ยอม อาทิตย์เข้าเจรจาทำธุรกิจโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ โดยจะติดต่อโรงงานที่ไต้หวันมาติดตั้งเครื่องจักรให้ เขาก็ต้องผิดหวังครั้งใหญ่ เมื่อโครงการต้องล้มเพราะปัญหาเงินทุน  อาทิตย์เสียใจมากแต่ก็ฮึดสู้ เขาขอยืมเงินแม่ตั้งบริษัท วีแอนด์เอ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ ส่งนิลไปขายต่างประเทศ

   อาทิตย์ตัดสินใจแต่งงานกับเคลลี่ที่ไต้หวัน แล้วกลับมาจัดพิธีอีกครั้งที่เมืองไทย ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่มีลูก เพราะอยากสร้างหลักฐานให้ครอบครัวก่อน อาทิตย์มุ่งมั่นเริ่มทำธุรกิจอีก บริษัทของเขาได้เป็นตัวแทนนำซอนมะเขือเทศมาขายให้โรงงานปลากระป๋อง และส่งปลาทูน่ากระป๋องไปขายยังสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันกิจการส่งออกแป้งมันก็เจริญก้าวหน้า ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเป็นกอบเป็นกำ

   กราฟชีวิตด้านธุรกิจของอาทิตย์พุ่งสูงขึ้น แต่กราฟชีวิตครอบครัวกลับดิ่งลงเหว วิฑิตอึดอัดใจเป็นที่สุด เขาทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงจนถึงขนาดโดนพ่อเอาปืนยิงหัว อาทิตย์โกรธแค้นมากถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงพ่อ แต่แม่และน้องๆ ก็ห้ามไว้ อาทิตย์ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันทิ้งน้องๆ จะคอยปกป้อง ดูแลน้องๆ ให้เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคมตลอดไป แม่ตัดสินใจหย่ากับพ่อ และย้ายมาอยู่กับอาทิตย์ที่บ้านสุขุมวิท ลูกๆ ทุกคนดีใจที่แม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่.....

“นรี” นักธุรกิจสาวก้าวเข้ามาในชีวิตของอาทิตย์ในวันที่เขารู้สึกโดดเดี่ยว...ความรักก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นานวันก็พัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคนรักที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน.....

   หลายปีต่อมา อาทิตย์และนรีต้องเลือกเดินกันคนละเส้นทางกัน  อาทิตย์ได้พบรักครั้งใหม่กับ “แมว” สาวสวยผู้มีบุคลิกอันร่าเริงสดใส เธอเป็นผู้หญิงช่างเอาอกเอาใจ อาทิตย์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็มิวายจะคิดถึงเคลลี่ หญิงสาวผู้เป็นเสมือนคนรัก...คนที่ทำให้เขารู้จักคำว่ารัก.....

   เมื่อแม่ป่วย และเสียชีวิตลง อาทิตย์รู้สึกเศร้าโศก เสียใจที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจบวช เพื่อทดแทนพระคุณแม่ ผู้เป็นที่รักยิ่ง.....

   แม้จะมีปัญหาชีวิต และมีปัญหาทางธุรกิจ อันเป็นเหมือนมรสุมร้ายที่สาดซัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่อาทิตย์ก็ไม่เคยย่อท้อ เขาลุกขึ้นต่อสู้อย่างเข้มแข็ง....เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องฟันฝ่า  ต้องก้าวไปถึงเส้นชัยให้ได้......ชีวิตต้องดำเนินต่อไป.......เส้นทางชีวิตต้องสุกสว่างรุ่งโรจน์.....ดุจไฟอมตะในตัวเขาที่ไม่เคยมอดไหม้.....

ติดตามละคร ไฟอมตะ และ ร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายได้ที่ www.fireamata.com
                
จ บ บ ริ บู ร ณ์
« Last Edit: April 09, 2010, 05:35:53 PM by sianbun »

sianbun on April 08, 2010, 11:47:56 PM
“ไฟอมตะ”

ตัวละคร/นักแสดง
      
ตัวละคร      นักแสดง        บุคลิก ลักษณะ            
อาทิตย์ อายุ 17 – 50 ปี   ชาคริต  แย้มนาม    ฉลาดทันคน ขยันอดทน รอบคอบ มีความรับผิดชอบสูง
                      เชื่อมั่นสูง ช่างคิด เป็นนักวางแผน มองการณ์ไกล
อาทิตย์ (ติ้นฟ้ง) อายุ 11-16 ปี   กัณฐ์เอนก  นัยนาประเสริฐ (ช็อปเปอร์)      
ติ้นฟ้ง อายุ 5 – 10 ปี   ด.ช.ราชรัฐ  บุญสุขขัง (ดินสอ)   
ติ้นฟ้ง อายุ 3 – 4 ปี   ด.ช.ภูริวัต  บุญมุสิโก (อะตอม)         
พ่อ (ถุงฝัด)      นิรุตต์  ศิริจรรยา      เจ้าชู้ ขยัน เอาแต่ใจ รักลูกแต่ไม่แสดงออก
                    มักใช้อำนาจในการตัดสินปัญหา
แม่ (เจี้ย)      อุทุมพร ศิลาพันธ์   ใจเย็น ขยันอดทน รักลูกมาก
                  มีความรับผิดชอบ มองโลกในแง่ดี
เคลลี่         ซอนย่า  คูลลิ่ง      ฉลาด  เชื่อมั่นในตัวเอง  จิตใจดี  มีน้ำใจ  มองโลกในแง่ดี
                    ค่อนข้างดื้อ แต่มีเหตุผล เป็นตัวของตัวเอง      
สมจิตร (อินเดีย)      สโรชา  วาทิตตพันธ์   มีปัญหาสุขภาพ ไม่ค่อยแข็งแรง
                  เงียบๆ เรียบร้อย
อินเดีย อายุ 2-3 ปี   ด.ญ.ภัทราภา  คำสีแก้ว (แตงโม)
อินเดีย อายุ 4-9 ปี   ด.ญ.ทิพวรรณ  พูลสวัสดิ์ (บรีม)
อินเดีย อายุ 10-15 ปี   ด.ญ.ตระการตา  สมัชชัย (พิ้งกี้)
วิฑูรย์ (ติ่ง)          วรรธนะ กัมธรทิพย์   สุภาพ เรียบร้อย พูดน้อย
                  มีความรับผิดชอบสูง
ติ่ง อายุ 3 ปี      ด.ช.เตวิช  แซ่เบ้
ติ่ง อายุ 9 ปี      ด.ช.ฉัตรชัย  การะพงษ์ (จูเนียร์)
วิฑิต (ล้าน)      อรรถพร ธีมากร      (ตอนเด็กๆ ร่าเริง ติดติ้นฟ้งมาก)
                  แต่โตขึ้นค่อนข้างเก็บกด เงียบๆ
ล้าน อายุ 5 ปี      น้องออกัส
ล้าน อายุ 8 ปี      ด.ช.พศฐิฏญ์  ฉันทวุฒิ (เป๋าเป่า)



วิภาวี (แดง,สมใจ)   ชาลิสา บุญครองทรัพย์     มนุษย์สัมพันธ์ดี รักอิสระ จิตใจดี
                  เอื้อเฟื้อ มีเพื่อนมาก
แดง อายุ 4 ปี      น้องอิงค์
แดง อายุ 7 ปี      ด.ญ.จีรัชญ์ณา  หงษาครประเสริฐ
วิบูลย์            สุพจน์  จันทร์เจริญ   เด็กๆ ขี้แย แต่โตขึ้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ช่วยงานใน
                  บริษัท อมตะฯ (ถอดความคิดและบุคลิกมา
                   จากอาทิตย์)
วิบูลย์ อายุ 6 ปี      น้องมาร์ช

วิวัฒน์         ทิน โชคกมลกิจ      ฉลาด หัวดี ขยันอดทน มีความรับผิดชอบสูง
                  สนุก ร่าเริง
วิวัฒน์ อายุ 5 ปี      น้องคิม
สมภัทรา      กิ่ง (JSL)      เรียบร้อย  ร่าเริง ชอบช่วยงาน  รับผิดชอบดี
(โนราห์,สมหวัง)              แต่ขี้บ่นนิดหน่อย
สมภัทรา อายุ 2 ปี   น้องออมสิน
สมหะทัย (นิด)       เจมี่  บูเฮอร์      เก่ง ทะเยอทะยาน มนุษย์สัมพันธ์ดี
                  โอบอ้อมอารี เชื่อมั่น มีความเป็นผู้นำ
วิสุทธิ์ (ฝุก)        ธนภัทร ฐิติพลาธิป   มีความคิดดี เป็นตัวของตัวเอง
                  ปัจจุบันเป็นสถาปนิกอยู่ที่อเมริกา   
ป้าเฮียง         นรินทร  ณ บางช้าง   ขยัน  อดทน  โอบอ้อมอารี  มีน้ำใจ รักลูกหลาน
                  เป็นเหมือนแม่คนที่สองของติ้นฟ้ง
ย่า         พิสมัย  วิไลศักดิ์      จิตใจดี มีเมตตา ขยันขันแข็ง มองโลกในแง่ดี
                  รักหลานมาก มีคุณธรรม
ลุงหยิ่น         รอง  เค้ามูลคดี      ขยันขันแข็ง มีความซื่อสัตย์ สุจริต อารมณ์ดี มีเมตตา
                  มีน้ำใจไมตรี  เอาการเอางาน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
เหยา ปาปา      สมภพ  เบญจาธิกุล   พ่อของเคลลี่  รักลูกมาก ค่อนข้างชาตินิยม เป็นคนตรง
                  คิดยังไงพูดอย่างนั้น เจ้าระเบียบ
เหยา มามา      เดือนเต็ม  สาลิตุลย์   แม่ของเคลลี่ รักลูกมากเช่นกัน ค่อนข้างตามใจลูก
                  มองโลกในแง่ดี บางครั้งขี้เล่น มีน้ำใจ มีเมตตา
ระเบียบ         วันวิสาข์  ดำขำ      ญาติห่างๆ ของแม่  เป็นคนขยัน อดทน ทำงานเก่ง
                  ต้องพบกับชะตากรรมอันเจ็บปวดเมื่อตกเป็นเมียน้อยพ่อ
เจ๊แอ๊ด         รัญญา  ศิยานนท์   ภรรยาน้อยคนหนึ่งของพ่อ การศึกษาดี  ร่ำรวย  ขยัน
                  ฉลาดทันคน  ชอบวางอำนาจ ไม่เกรงใจใคร

sianbun on April 08, 2010, 11:49:27 PM


เรื่องย่อ ละคร   ไฟอมตะ 

ตอนที่1  ออกอากาศ วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553 
อาทิตย์(ชาคริต) รีบขับรถมาดูล้าน(อรรถกร)ที่ถูกยิงที่โรงพยาบาล   น้องๆทุกคนทั้ง อินเดีย(สโรชา) ติ่ง(สุพจน์) วิบูลย์ (ทิน โชคกมลกิจ ) วิวัฒน์( ) สมภัทรา ( )สมหะทัย( เจมี่) วิสุทธิ รวมทั้งแม่(อุทุมพร)  ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาอาทิตย์  แดง (ชาลิสา)ถูกบังคับให้เล่าว่าใครยิงล้าน  พอรู้ว่าพ่อเป็นคนทำ  อาทิตย์โกรธมากกลับไปเอาปืนที่บ้านจะไปยิงพ่อแต่เคลลี่ขอร้องเอาไว้  ...ย้อนอดีต  ติ้นฟ้งช่วยแม่เลี้ยงอินเดียที่ร้องไห้จนชัก พ่อบอกให้ติ้นฟ้งฝึกทำงานทุกอย่างในบ้าน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนที่2  ออกอากาศ วันเสาร์ที่ 17 เมษายน 2553   
   ติ้นฟ้ง(ดินสอ)ถูกส่งไปอยู่กับยาย ทำเอาน้องๆคิดถึงเพราะไม่มีใครเล่นด้วย แต่เพราะแม่ท้องแก่มาก  พ่อจึงสั่งให้ติ้นฟ้งกลับมาช่วยงานที่บ้าน ทั้งช่วยเปิดร้าน ช่วยแม่เข็นรถไปสถานีรถไฟ รวมทั้ง                              หน้าที่ไปจ่ายตลาดมาทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้านรวมทั้งคนงานด้วย  ตกเย็นก็พาน้องไปป้อนข้าวริมทางรถไฟ ตรุษจีนปีนี้ติ้นฟ้งได้แตะเอียจึงเอาไปฝากธนาคาร  อยากซื้อขนมให้น้องกินแต่ไม่มี จึงไปขอเงินที่ฝากแม่ไว้ แต่แม่กลับบอกว่าให้ติ้นฟ้งไปหมดแล้ว ติ้นฟ้งเสียใจมากแอบไปขโมยเงินย่า พ่อรู้จับติ้นฟ้งมัดเชือกแถมตีปางตาย   
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนที่3  ออกอากาศ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2553 
   ติ้นฟ้งขอย่ากับป้าเฮียงไปขายถั่วคั่วที่งานหนังกลางแปลง แต่เพราะมีคู่แข่งเยอะติ้นฟ้งจึงคิดแผนการตลาดด้วยการที่ใครซื้อถั่วก็จะแถมกระดาษไว้รองนั่งด้วย นับวันกิจการขายถั่วของติ้นฟ้งก็ดีวันดีคืน มีลูกค้าประจำช่วยซื้อทุกครั้ง  พ่อไม่ยอมให้ติ้นฟ้งไปขายถั่วเพราะอยากให้ช่วยงานที่บ้านมากกว่า  จนติ้นฟ้งสัญญาว่าจะทำงานหนักขึ้นและมีแม่ช่วยพูดพ่อเลยยอม  ป้าเฮียงจะย้ายไปอยู่กรุงเทพจึงเลิกขายถั่ว ติ้นฟ้งจึงขอขายต่อป้าเฮียงเห็นแก่ความตั้งใจจริงจึงยกเครื่องมือให้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ติดตามชมละครไฟอมตะ และ ร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ มากมายได้ที่ www.fireamata.com
« Last Edit: April 09, 2010, 02:31:00 PM by sianbun »

sianbun on April 09, 2010, 12:11:42 AM


เพลงประกอบละคร “ไฟอมตะ”

ติดตามกิจกรรม และ เบื้องหลังละคร “ไฟอมตะ” ได้ที่ www.fireamata.com

 

“จะเป็นคนดี”

                                            ประภัสศิลป์ คีตะวงศ์วัชร

                                                    ประพันธ์คำร้อง-ทำนอง - เรียบเรียง –เสียงร้อง

 

แต่ละคนมีที่มา ต่างกันไปตามหนทาง มีเลวร้าย ชั่วดีต่างกัน

แต่ละคนต่างเลือกเดิน อาจจะมีผิดพลั้งไป คืนโหดร้าย หลอนใจ ไม่สิ้นสุด

หรือว่าคนดิ้นรน หาหนทางไม่มีพักผ่อน หรือว่าเราหลงลืม ว่าใจเราอยู่ที่ไหน

 

*  ผิด ถูก แบบไหนทุกคนรู้ดี       จะเลว จะดี อย่างไร ก็ต้องเลือกเอง

ไม่มีโชคชะตา ฟ้าดินไม่ได้ให้มา    แต่สิ่งที่เราคิดจะเป็น

เมื่อเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง  รับปากเอาไว้ ว่าจะเป็นคนดี

 

อาจจะมีวันเสียใจ อาจจะมีวันร้องไห้ วันอ่อนไหว หัวใจก็ไม่ท้อ

อาจจะดูทางแสนไกล อุปสรรคมากมาย ไม่เคยหวั่นไหว ไม่เคยถอดใจ

 

ไม่ว่ารวย หรือจน ความเป็นคนก็มีเท่ากัน

ขอให้ใจเรานั้น มั่นคงอย่ามี  เปลี่ยนแปลง

 

ซ้ำ  *

สัญญาให้ไว้ ว่าจะเป็น คนดี
« Last Edit: April 09, 2010, 12:18:17 AM by sianbun »