แถลงการณ์กรีนพีซในวาระวันน้ำโลก 2553
เนื่องในวันน้ำโลกซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี กรีนพีซเน้นย้ำถึงความจำเป็นอันเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาประเด็นด้านสารพิษจากภาคอุตสาหกรรมปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำของประเทศ
“เราจำเป็นต้องลงมือปกป้องแหล่งน้ำโดยเร่งด่วน ปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำลดลง ในขณะที่มลพิษทางน้ำจะซ้ำเติมให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดและมีคุณภาพดีเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคลดน้อยลงไปกว่าเดิม ทั้งนี้ แหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำจากภาคอุตสาหกรรมสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสิ่งมีชีวิตได้อย่างรุนแรงเนื่องจากสารเคมีอันตรายที่ใช้ในกระบวนการผลิตและปนเปื้อนมากับน้ำทิ้ง กรีนพีซเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวังและปกป้องแหล่งน้ำ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายที่นำไปสู่การลดปริมาณการปล่อยมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมโดยเร็วที่สุด” นายพลาย ภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
ทุกวันโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 120,000 โรงงาน ปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำราว 6.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและผู้อยู่อาศัยบริเวณแหล่งน้ำ (1) ปัจจุบัน ข้อมูลที่บ่งบอกถึงชนิดและปริมาณสารพิษที่ถูกปล่อยออกสู่แหล่งน้ำนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน
“นอกจากการบริหารจัดการน้ำและการควบคุมมลพิษอย่างเข้มงวดแล้ว รัฐบาลควรเร่งออกกฎหมายที่บังคับให้อุตสาหกรรมเปิดเผยข้อมูลมลพิษต่อสาธารณชนควบคู่กัน ทั้งข้อมูลการใช้สารเคมีอันตราย การปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเรียกว่าทำเนียบการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ Pollutant Release and Transfer Register (PRTR) ซึ่งเป็นก้าวแรกในการนำไปสู่การลดใช้สารเคมีอันตรายในทุกขั้นตอนการผลิต และเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” นายพลายกล่าวสรุป
กรีนพีซทำงานรณรงค์ด้วยหลักการเผชิญหน้าอย่างสันติวิธี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ