ไทยยูเนี่ยนคว้าอันดับ 1 ดัชนีอาหารทะเลยั่งยืน SSI 3 ปีซ้อน
ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ UN
กรุงเทพมหานคร – 17 ตุลาคม 2566 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index หรือ SSI อยู่ในอันดับที่ 1 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในฐานะผู้นำในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและมีการทำงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติโดยดัชนี Seafood Stewardship Index นี้มีองค์กร World Benchmarking Alliance (WBA) เป็นผู้ประเมินและจัดอันดับจาก 30 บริษัทด้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ในแง่ของหลักธรรมภิบาล กลยุทธ์ ระบบนิเวศ ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ และความรับผิดชอบต่อสังคมองค์กร World Benchmarking Alliance (WBA) กล่าวว่าไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่ “มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรม ในความพยายามของบริษัทเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้นั้นมีสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดี และยังคงมีการเฝ้าสังเกตเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับและมีการแสดงหลักฐานในการพัฒนาปรับปรุงต่างๆ”นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ไทยยูเนี่ยน เรามีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดในโลก ดังนั้นเราจึงตระหนักดีว่า สิ่งที่จะทำให้เราบรรลุวิสัยทัศน์นี้ก็คือเราจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ในการผลิตของเราเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการจัดหาวัตถุดิบทั่วโลกทั้งหมดของเรา เราภูมิใจกับผลงานความสำเร็จที่ผ่านมาแต่ก็ยังมองว่ายังมีความท้าทายอีกมากรอเราอยู่ข้างหน้า ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นในการทำงานผ่านโครงการและแนวทางต่างๆ ที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์แก่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมบนโลก”ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับต้นๆ ด้านความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ส่วนหนึ่งจากการทำงานอย่างสม่ำเสมอของบริษัทและการเปิดเผยข้อมูลภายใต้โครงการของ Ocean Disclosure ที่ส่งเสริมด้านความโปร่งในใสอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจอาหารทะเลสามารถแสดงข้อมูลการจัดหาอาหารทะเลสู่สาธารณชนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อมูลและขั้นตอนการทำงานต่างๆ ของหลักธรรมาภิบาลและกลยุทธ์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านความยั่งยืนตามกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ไทยยูเนี่ยนยังทำผลงานได้ดีในการเปิดเผยการทำงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และรายงานผลจากการทำงานร่วมกันนั้นปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของดัชนี SSI ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วนับจากครั้งแรกในปี 2562 และครั้งที่ 2 ในปี 2564 โดยการที่ไทยยูเนี่ยนสามารถคว้าอันดับที่ 1 ได้ในการจัดอันดับดัชนี SSI ในครั้งที่ 3 นี้เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ที่ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีการขยายเป้าหมายถึงปี 2573 เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับในดัชนี SSI ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานด้านความยั่งยืนของเราได้ส่งผลบวกต่อธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก ไทยยูเนี่ยนได้คะแนน 47.5 จาก 100 คะแนนเต็ม แสดงให้เห็นว่ายังมีความท้าทายรอเราและอุตสาหกรรมอยู่อีกมาก ไทยยูเนี่ยนมีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าการทำงานของเราผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ที่ได้ขยายขอบเขตการทำงานผ่านพันธกิจ 11 ประการจะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับสากลและยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติถึง 10 ข้ออีกด้วย กลยุทธ์ SeaChange® 2030 ยังมีเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านที่ SSI ทำการประเมิน ไม่ว่าจะเป็น ระบบนิเวศและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ทำให้เรามองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาการทำงานของเราต่อไป”นอกจากนี้ดัชนี Seafood Stewardship Index ยังการวัดว่าบริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลกได้ทุ่มเทในการจัดการอย่างยั่งยืนให้กับมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่งอย่างไร ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ามาตรการต่างๆ ที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมีการดำเนินการ เพราะบริษัทเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงผู้คนหลายพันล้านทั่วโลก ซึ่งทาง Seafood Stewardship Index ยังระบุว่าทั้ง 30 บริษัทที่ได้รับการประเมินนี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อธุรกิจการประมงในโลกและสามารถเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ในการประเมินนี้ SSI กล่าวว่าไทยยูเนี่ยนยังมีแง่มุมในการทำงานที่สามารถพัฒนาอีกได้ เช่น ในด้านสิ่งแวดล้อมในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศจากการผลิตทั้งหมดได้อย่างไร
ทั้งนี้ กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 รวมถึงจัดสรรงบประมาณ บริษัทเป็นจำนวน 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญ การเริ่มดำเนินการลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลัก 5 แห่งทั้งในและต่างประเทศ กุ้งเพาะเลี้ยงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ของเรา จะต้องผลิตขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด ขยายขอบเขตการทำงานในเรื่อง อาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติจะผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ให้ครอบคลุมสายพันธุ์สัตว์น้ำหลักๆ ของธุรกิจ และสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียม####
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520
ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita
ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship
ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 และได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 ในปี 2566และปี 2566 ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 โดยมีคะแนนอยู่ในกลุ่ม 1 เปอร์เซ็นต์ที่คะแนนสูงสุด จากกว่า 7,800 บริษัทที่เข้ารับการประเมิน นอกจากนี้ในปี 2565 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน