DITP-NEA ชู NEA BizTalk ยกระดับผู้ส่งออก
ปรับกลยุทธ์ลุยเจาะ 6 ตลาดการค้าสำคัญระดับโลก
สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) อัปเดตความรู้ สร้างภูมิคุ้มกันผู้ประกอบการ รู้ รับ ปรับตัว ให้ทันการค้ายุคใหม่ ผ่านงานเสวนา NEA BizTalk Series : ก้าวทันการค้าโลก วิเคราะห์เจาะลึกกลยุทธ์การส่งออก 6 ตลาดการค้าสำคัญ เปิดเวทีเสวนาแล้ว 3 ตลาด “ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA)-เกาหลี-อินเดีย” พร้อมลุยต่ออีก 3 ตลาดการค้าสำคัญ “อาเซียน-จีน/ฮ่องกง-ญี่ปุ่น” เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมศกนี้ นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ภายใต้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำโครงการ “เจาะลึกตลาดต่างประเทศในยุคการค้าใหม่” ภายใต้โครงการพัฒนา SMEs ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ประจําปี 2565 ในรูปแบบงานเสวนาออนไลน์ (ระบบ (ZOOM) “NEA BizTalk Series”: ก้าวทันการค้าโลก” เพื่อเสริมสร้างความรู้ การวิเคราะห์ตลาดเชิงลึก ช่องทางและโอกาสทางการตลาด หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครอบคลุม 6 ตลาดเป้าหมายที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้นโยบายส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้แก่สินค้าไทย ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ตลาดเกาหลี ตลาดอินเดีย ตลาดอาเซียน ตลาดจีน/ฮ่องกง และตลาดญี่ปุ่น โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิที่จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมถ่ายทอดความรู้และแชร์ประสบการณ์ให้ผู้ประกอบการ ตั้งรับ ปรับตัว และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์การค้าโลกใน 6 ตลาดเป้าหมาย จำนวน 6 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม–สิงหาคม 2565 “NEA BizTalk Series” : ก้าวทันการค้าโลก ได้จัดงานเสวนาไปแล้ว 3 ครั้ง โดย Series 1 “เจาะลึกตลาดซาอุฯ มองทะลุตลาด MENA” เป็นการวิเคราะห์เจาะลึกตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งเป็นศูนย์กลางและหลายประเทศกำลังมุ่งเน้นการเป็น Tourist Destination ที่มีทั้งร้านอาหาร สปา และโรงแรมเพิ่มมากขึ้น หากผู้ส่งออกไทยจะเข้าไปเปิดตลาด จะต้องให้ความสำคัญ 3 ประการ คือ 1. สินค้าที่มีคุณภาพ 2. การมีแบรนด์ของตนเองจะทำให้สินค้าอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน และ 3.มีนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างในตลาดซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องไปร่วมออกงานแสดงสินค้าเพื่อทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางธุรกิจ ส่วน Series 2 “รู้ รับ ปรับตัว เข้าถึงตลาดเกาหลีในยุคการค้าใหม่” ซึ่งเป็นการให้ความรู้และกลยุทธ์การส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยที่น่าจับตามอง โดยในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าไปยังเกาหลี มูลค่า 5,882 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าสินค้าจากไทยของเกาหลียังคงมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) โดยงดเว้นการเก็บภาษีสินค้าจากไทย มากถึง 413 รายการ ผู้ประกอบการจึงควรตรวจสอบสิทธิประโยชน์จาก RCEP และ AKFTA เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นแต้มต่อให้สินค้าไทยสามารถเข้าสู่ตลาดเกาหลีได้มากขึ้น สำหรับ Series 3 “เปิดโลกหลังโควิด พิชิตตลาดอินเดีย” ซึ่งอินเดียเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมาก แม้ว่าอินเดียจะมีความตั้งใจจะพึ่งพาตนเองเพื่อลดการนำเข้าสินค้าจำเป็นและสินค้าที่สามารถผลิตได้เอง แต่สินค้าไทยยังคงสามารถตอบโจทย์ความต้องการบริโภคผู้ที่มีรายได้สูงและพร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อสินค้าคุณภาพพรีเมียมหรือแบรนด์ระดับสากล ซึ่งประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบในตลาดการค้าในอินเดีย เพราะอินเดียมีการตกลงเขตการค้าเสรีกับไทยอย่างน้อย 2 กรอบ คือ กรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย (ITFTA) และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA ) จึงเป็นโอกาสสำหรับการใช้สิทธิพิเศษดังกล่าวในการเจาะตลาดอินเดีย โดยธุรกิจทุกเซกเตอร์มีโอกาสเท่ากันหมด หากเข้าใจในเรื่องของวัฒนธรรมและความต้องการของคนอินเดีย นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ คือ ต้องเข้าใจโครงสร้างภาษีอย่างลึกซึ้ง แนะนำว่าควรเริ่มต้นจากช่องทางการค้าออนไลน์ของอินเดียเพราะลงทุนไม่มาก และหากมีพาร์ทเนอร์ที่ดีรับรองว่าประสบความสำเร็จแน่นอน “โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกได้ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ถดถอยอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นโจทย์ท้าท้ายสำหรับธุรกิจส่งออกประกอบกับสถานการณ์ของแต่ละตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องมีข้อมูลการตลาดเชิงลึก แบบรู้เขา รู้เรา เข้าใจ ถึงความต้องการ พฤติกรรมผู้บริโภค เทคนิคการเจาะตลาด ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งทูตพาณิชย์ที่มีสำนักงานประจำอยู่กว่า 58 แห่งทั่วโลก มีความพร้อมและยินดีจะเป็นที่ปรึกษาในด้านข้อมูลแบบวิเคราะห์เจาะลึก สามารถเชื่อมโยงโอกาสการส่งออกให้ผู้ประกอบการทุกราย เพื่อร่วมกันผลักดันการส่งออกของไทยให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง” นางอารดา กล่าว ผู้ที่สนใจสามารถรับชมการเสวนาย้อนหลังได้เพจ Facebook สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และขอเชิญชวนร่วมงานเสวนา “NEA BizTalk Series” : ก้าวทันการค้าโลก ในอีก 3 ตลาดการค้าที่สำคัญ ได้แก่ Series 4 “หุ้นส่วนการค้า เชื่อมสัมพันธ์ตลาดอาเซียน” จะจัดขึ้นวันที่ 19 กรกฎาคม 2565, Series 5 “ส่องฮ่องกง มองไต้หวัน รู้ใจจีน ฝ่าฟันการค้ายุคโควิด 19” วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 และ Series 6 “รู้เท่า ก้าวทัน จับมือกันพิชิตตลาดญี่ปุ่น” จะจัดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 โดยสามารถรับชมสด! ผ่าน Facebook Live สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมเสวนาได้ฟรี! โทร. 1169 กด 1