“แซมโซไนท์” เชื่อท่องเที่ยวไทย อาเซียนรุ่ง เล็งตั้งโรงงานผลิตในไทยใช้เป็นฐานเจาะตลาดภูมิภาค ตั้งเป้าขยายช็อปเพิ่ม 5 แห่ง ดันยอดขายโต 15%
นายราวี กุมาร์ ผู้อำนวยการ แซมโซไนท์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่แซมโซไนท์มีแผนที่จะขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่กำลังมีทิศทางการเติบโตมากขึ้น โดยกำลังพิจารณาก่อตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศไทยเพื่อป้อนตลาดดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไทยมีศักยภาพในการผลิตกระเป๋าประเภทผ้า หรือซอฟท์เคส ประเภทหนัง และประเภทกระเป๋าเชิงธุรกิจ เป็นต้น
ทั้งนี้ในปัจจุบัน แซมโซไนท์ มีฐานการผลิตในเอเชีย คือ ประเทศจีน ไต้หวัน และอินเดีย ส่วนในอาเซียนยังไม่มีโรงงาน
“ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา การเดินทางในภูมิภาคนี้ รวมทั้งในประเทศไทยชะงักไป จากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ขณะนี้ทั้งภาวะเศรษฐกิจและปริมาณนักท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้วเป็นต้นมา ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีให้เอกชนรุกทำตลาด” นายราวีกล่าว
สำหรับประเทศไทยแม้ปัจจุบันจะมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบที่รุนแรง ซึ่งไทยถือเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงจากจำนวนประชากร และไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งแซมโซไนท์จะมุ่งตอกย้ำจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ล่าสุดแซมโซไนท์ได้เปิดตัวโกลบอลแคมเปญ “A Century of Going Places by Samsonite” ในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปี โดยได้จัดแสดงกระเป๋ารุ่นบุกเบิกอายุเก่าแก่กว่า 70 ปี รวมถึงกระเป๋าเดินทางตำนานแซมโซไนท์รุ่นต่างๆ กว่า 20 ใบ สินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น 2 รุ่น ได้แก่ Aero PC สี Harbour Blue และกระเป๋าเอกสาร รุ่น Business Attache พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “คอสโมไลท์” เพื่อตอกย้ำความภักดีต่อสินค้า
นายสิฤทธิ์ ศวิตชาต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายช็อปเพิ่ม 5 แห่ง จากปัจจุบันเปิดบริการอยู่ 12 แห่ง และเคาน์เตอร์ 75 แห่ง รองรับภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น ซึ่งพบว่าตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาปริมาณนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดเจนจากสาขาในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น
โดยปีนี้ได้จัดสรรงบ 6% ของยอดขายสำหรับกิจกรรมการตลาด โดย 70% เน้นบีโลว์เดอะไลน์ คาดว่าจะผลักดันยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% สูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายเติบโต 3-5%