happy on February 21, 2021, 09:49:59 PM
ไทยยูเนี่ยน ได้รับการจัดอันดับติด 1 ในบริษัทที่มีผลการดำเนินงาน
ด้านความยั่งยืนสูงสุดในโลก จาก S&P Global


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับติด 1 ในบริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสูงสุดในโลก ระดับโกลด์ คลาส (Gold Class) ในรายงาน The Sustainability Yearbook 2021 ของ S&P Global

ไทยยูเนี่ยน คว้าอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร สำหรับประเด็นด้านสังคม ซึ่งประเมินเรื่องสิทธิมนุษยชน และความปลอดภัยอาชีวอนามัย และได้อันดับ 2 ทั้งประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมเรื่องกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ บรรจุภัณฑ์ การจัดหาวัตถุดิบ และประเด็นด้านเศรษฐกิจและธรรมภิบาล ซึ่งประกอบด้วยเรื่องสุขภาพและโภชนาการ การจัดการเรื่องนวัตกรรม และการจัดการในห่วงโซ่อุปทาน

ไทยยูเนี่ยน เป็น 1 ใน 5 บริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลกที่ได้ระดับโกลด์ คลาส ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร จากการประเมินด้านความยั่งยืนระดับโลกของ S&P Global ที่มีการประเมินบริษัทมากกว่า 7,000 บริษัท จาก 61 อุตสาหกรรมทั่วโลก


ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าว​“การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นรากฐานของการดำเนินธุรกิจของเรา และไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความรับผิดชอบในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และแม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกและต่อธุรกิจของเราเมื่อปีที่ผ่านมา แต่เรายังให้ความสำคัญต่อดำเนินงานตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน รวมถึงการมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานต่างๆ สำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลก”

ขณะที่โควิด-19 มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของไทยยูเนี่ยน แต่บริษัทยังคงดำเนินโครงการและนโยบายต่างๆ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาด้านความยั่งยืน ซึ่งขณะเดียวกัน ไทยยูเนี่ยนได้มีการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโดยการบริจาคผลิตภัณฑ์อาหารไปทั่วโลก พร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล รวมทั้งสิ่งของจำเป็นต่างๆ ที่มอบให้กับโรงพยาบาลที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่จะให้ความช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่   

การได้รับการยกย่องจาก S&P Global นี้ เกิดขึ้นภายหลังที่ไทยยูเนี่ยนได้รับคัดเลือกติดอยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เป็นการตระหนักว่าความยั่งยืนไม่ใช่เพียงการรวมแนวทางการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของบริษัทไว้เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นวิธีการที่บริษัทใช้ดำเนินธุรกิจอีกด้วย ในปี 2563 ไทยยูเนี่ยนยังติดอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของโลกจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์อีกด้วย นอกจากนี้บริษัทยังได้รับคัดเลือกติดอยู่ในดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน


###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน