activity on December 01, 2015, 02:05:41 PM
“MOTOR EXPO 2015” เปิดงานยิ่งใหญ่ รถแนวคิด รถใหม่เพียบ พร้อมราคาสุดท้ายก่อนปรับภาษี



          "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" เริ่มแล้ว ค่ายรถระดมเปิดตัวรถใหม่ แคมเปญเร้าใจ กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี ก่อนปรับราคารับภาษีใหม่ คาดยอดจอง 50,000 คัน ผู้ชมงาน 1.5 ล้านคน

          ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" หรือ "The 32nd Thailand International Motor Expo 2015" เปิดเผยว่า ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด "มาตรฐานใหม่ ยานยนต์ไทยใส่ใจโลก"หรือ "NEW STANDARDS…THAI VEHICLES CARE ABOUT THE EARTH" โดยได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

          ขวัญชัย กล่าวต่อว่า "ในงานมีค่ายรถร่วมงานจำนวน 33 ยี่ห้อจาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์อีก 15 ยี่ห้อ จาก 8 ประเทศ ไฮไลท์ของงานจัดแสดงรถแนวคิดและรถต้นแบบถึง 4 คัน เปิดตัวรถใหม่กว่า 10 รุ่น รวมทั้งแต่ละค่ายยังจัดโปรโมชันที่น่าสนใจ พร้อมจำหน่ายราคาเดิมก่อนปรับขึ้นในปีหน้าตามอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ จึงคาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงานสูงถึง 50,000 คัน รถบิ๊กไบค์ 3,000 คัน และผู้ชมงาน 1.5 ล้านคน เม็ดเงินสะพัดในงานกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท"

          งาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" มีพื้นที่จัดแสดงงานทั้งภายในและภายนอกอาคารทั้งสิ้นกว่า 100,000 ตารางเมตร ผู้ชมงานจะพบ รถยนต์ 33 ยี่ห้อ ได้แก่ BMW, CARLSSON, CHANGAN, CHEVROLET, DFSK, FORD, FOTON, FUSO, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JAGUAR, LAMBORGHINI, LAND ROVER, LEXUS, MAZDA, McLAREN, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NISSAN, PEUGEOT, PORSCHE, SAMMITR GREEN POWER, SUBARU, SUZUKI, SWIFT, TATA, TOYOTA, VOLKSWAGEN และ VOLVO รวมถึง รถจักรยานยนต์ 15 ยี่ห้อ ได้แก่ BENELLI, BMW, DUCATI, GPX, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, KAWASAKI, KEEWAY, KTM, ROYAL ENFIELD, SUZUKI, TRIUMPH, UDA, VESPA และ YAMAHA

          สำหรับรถแนวคิดและรถต้นแบบที่จัดแสดงในงาน ได้แก่ HYUNDAI HED-9 เผยโฉมครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ออกแบบภายใต้แนวคิด FLUIDIC SCULPTURE DESIGN 2.0 เครื่องยนต์พลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ขนาดเล็ก พร้อมแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 36 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จพลังงานเต็มในเวลาเพียงไม่กี่นาที วิ่งได้มากกว่า 600 กิโลเมตร

          MG CS รถอเนกประสงค์ประเภทครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่เอมจี มีแผนจะผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ SUBARU VIZIV 2 CONCEPT รถยนต์ต้นแบบครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 5 ประตู ขุมพลังแบบพลัก-อิน ไฮบริด ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร ไดเรคท์อินเจคชันเทอร์โบ (DIT) มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 1 ตัว และด้านหลัง 2 ตัว แบทเตอรีชนิดลิเธียม-ไอออน ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติแปรผัน (CVT) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบAWD

          TOYOTA FT-86 OPEN CONCEPT รถแนวคิดเวอร์ชันเปิดประทุนของรถยนต์สปอร์ท จีที 86 ที่เอาหลังคาเดิมออกแล้วแทนที่ด้วยหลังคาผ้าใบสีน้ำเงินพร้อมกระจกหลังในตัว รูปทรงคูเป ห้องโดยสารแบบ 2+2 ออกแบบโดยTOYOTA BOSHOKU MILAN DESIGN (TBMD)

          นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมาก อาทิ นิทรรศการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย, ลานศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย, นิทรรศการ ศิลปินน้อย MOTOR EXPO, โครงการ "ขับเป็น... ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล", โครงการประกวดภาพถ่าย MOTOR EXPO, โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 6 และกิจกรรมโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมถึง กิจกรรมคืนกำไรแก่ผู้เข้าชมงาน ซึ่งมีรางวัลรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาทได้แก่ ซื้อรถ ชิงรถ, ซื้อบัตร ชิงรถ, SMS ชิงรถ, ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ชิงบิ๊กไบค์, ซื้อสินค้า ชิงรางวัล, ประกวดภาพถ่าย"MOTOR EXPO PHOTO CONTEST 2015 " ฯลฯ

          สำหรับการเดินทางไปชมงานมีรถ Express Shuttle Bus บริการรับ-ส่งฟรี วันธรรมดา เวลา 12.00-22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00-22.00 น. ใน 4 เส้นทางหลัก ประกอบด้วย
          1. หมอชิต-อิมแพค-หมอชิต MRT สถานีจตุจักร EXIT 4, BTS สถานีหมอชิต EXIT 2
          2. อ่อนนุช-อิมแพค-อ่อนนุช สถานีอ่อนนุช EXIT 2
          3. สีลม-อิมแพค-สีลม MRT สถานีสีลม EXIT 1
          4. รังสิต-อิมแพค-รังสิต ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ลานจอดรถตู้ หน้าห้างบิกซี

          ห้ามพลาด.. "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 พร้อมรับชมการถ่ายทอดสดงานได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 14.00 – 16.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.motorexpo.co.th

activity on December 01, 2015, 02:06:32 PM
เตรียมนับถอยหลังพบกับปอร์เช่ในงาน MOTOR EXPO 2015

ปอร์เช่ ประเทศไทย นำรถหรูพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษร่วมงาน MOTOR EXPO 2015



กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขนทัพยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ร่วมงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" (The 32nd Thailand International MOTOR EXPO 2015) เอเอเอสฯ ขอเรียนเชิญท่านสัมผัสกับความสมบูรณ์แบบของรถสปอร์ตใหม่ล่าสุดครั้งแรกในประเทศไทยกับ 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) รถยนต์ไฮไลท์ที่จะสะกดทุกสายตาให้หลงใหล ซึ่งมาพร้อมกับรถสปอร์ตโร้ดสเตอร์เครื่องยนต์วางกลางจากปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S), ซาลูนสุดหรูอย่าง พานาเมร่า ดีเซล (Panamera Diesel), พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) และขบวนรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ยอดนิยมเช่น มาคันน์ (Macan) และ คาเยนน์ เอส อี-ไอบริด (Cayenne S E- Hybrid) รวมถึงสินค้าจาก Porsche Driver's Selection คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด มาให้ท่านเลือกสรรมากมายในราคาพิเศษ ณ บูธยนต์ปอร์เช่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 (The 32nd Thailand International MOTOR EXPO 2015) ตั้งแต่วันที่ 2-13 ธันวาคม 2015 อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 2 อิมแพค เมืองทองธานี
         
          เอเอเอสฯ ขอมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับท่านที่จองรถยนต์ปอร์เช่ภายในงาน
          · บัตรเติมน้ำมัน PTT Cash Card มูลค่า 100,000 บาท
          · การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีนาน 9 ปี และ Service Package 4 ปี (สำหรับรถสปอร์ต)

activity on December 01, 2015, 02:07:19 PM
ฟอร์ดย้ำกลยุทธ์นำเสนอรถยนต์คุณภาพระดับโลกพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015





          มร. มาร์ค คอฟแมน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน (ขวา) และคุณยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย (ซ้าย) เปิดฉากงานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ยกทัพยานยนต์และเทคโนโลยีระดับโลกมาจัดแสดงอย่างครบครัน รวมถึงไฮไลท์อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นปี 2016
          · ฟอร์ดเผยราคา และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะใหม่ที่เพิ่มขึ้นในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส รุ่นปี 2016 และ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.2 ลิตร รุ่นปี 2016 พร้อมมอบความปลอดภัยบนทุกเส้นทางด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนการชนด้านหน้า(Forward Collision Warning System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) และระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
          · พบกับรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น ตอกย้ำความแข็งแกร่งในทุกเซกเมนต์ ทั้งเอเวอเรสต์ เรนเจอร์ เอคโค่สปอร์ต เฟียสต้า และโฟกัส
          · ข้อเสนอสุดพิเศษจากแคมเปญ 'YES' (Year-End-Sales) ให้ลูกค้าได้จับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดได้ตลอดงาน

          ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดฉากงานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ยกทัพยานยนต์และเทคโนโลยีระดับโลกมาจัดแสดงอย่างครบครัน รวมถึงไฮไลท์อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นปี 2016
          ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ได้ยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ โดยเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ครบครันทั้งความแข็งแกร่ง มีดีไซน์สวยสะดุดตา และมีเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเต็มรูปแบบ พร้อมยังมอบความคล่องตัวบนท้องถนนเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย
          "รถฟอร์ดที่ผลิตในประเทศไทยสามารถทำยอดขายได้ดีในทุกตลาดทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยความสำเร็จของรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) จังหวัดระยอง มีส่วนช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตของเราในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี" มร. มาร์ค คอฟแมน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน กล่าว
          จากการคาดการณ์ว่าโรงงานเอเอทีจะดำเนินการผลิตรถฟอร์ด เรนเจอร์ เต็มหรือใกล้เต็มกำลังการผลิตในอนาคตอันใกล้นี้ ฟอร์ดจึงได้ประกาศแผนลงทุนมูลค่า 186 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,269 ล้านบาท) เพื่อขยายโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในจังหวัดระยอง เพิ่มความสามารถในการผลิตรถกระบะเพิ่มเติมที่โรงงานเอฟทีเอ็ม ให้รองรับการผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
          "เราประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดตัวรถยนต์ใหม่สองรุ่นในปีนี้ ซึ่งได้แก่รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะยอดเยี่ยม และรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการรถปิคอัพ" นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "ลูกค้าจำนวนมากได้ให้ความสนใจกับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จนขับเคลื่อนให้ส่วนแบ่งตลาดรถกระบะของฟอร์ดในเมืองไทยเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน"
          ด้วยความแข็งแกร่งตามมาตรฐานฟอร์ด หรือ 'Built Ford Tough' ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ สามารถทำคะแนนทดสอบได้สูงสุดในบรรดารถกระบะที่เข้าร่วมทดสอบความปลอดภัยภายใต้โครงการ ASEAN New Car Assessment Program (ASEAN NCAP) โดยได้มาตรฐานในระดับ 5 ดาว
          ฟอร์ดจะเดินหน้ารุกตลาดโดยสานต่อกลยุทธ์การนำเสนอรถยนต์คุณภาพระดับโลกรุ่นใหม่ต่อไปในปีหน้า ด้วยการเปิดตัว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส รุ่นปี 2016 และฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.2 ลิตร รุ่นปี 2016 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะใหม่มากมาย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนป้องกันการชนรถคันหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบช่วยเตือนการขับขี่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ* (Auto High Beam Control) และระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert System) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
          นอกจากนี้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นปี 2016 จะมาพร้อมสีภายนอกใหม่ คือ สีฟ้า Blue Reflex และสีภายในใหม่ในโทนสีดำ
          ลูกค้าสามารถสั่งจองรถยนต์ใหม่ทั้งสองรุ่นได้ในช่วงวันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคมนี้ ทั้งภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปและที่ตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ที่ราคา 1,749,000 บาทสำหรับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส และ1,189,000 บาท สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.2 ลิตร
          นอกจากนี้ ผู้เข้าชมบูธฟอร์ดภายในงานยังจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีสุดล้ำในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ อย่างใกล้ชิด ด้วยการจัดแสดงรถรุ่นดังกล่าวในแบบตัดตามขวาง ให้เห็นถึงวัสดุคุณภาพสูงและคุณสมบัติอัจฉริยะมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในรถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมรุ่นนี้
          ส่วนในด้านบริการหลังการขาย ฟอร์ดยังคงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้าด้วยการขยายเครือข่ายศูนย์บริการและโชว์รูมทั่วประเทศ โดยฟอร์ดได้เปิดโชว์รูมใหม่ ฟอร์ด รุ่งเจริญ บางนา บริเวณบางนา-ตราด กม. 26 และจะเปิดโชว์รูม ฟอร์ด ขอนแก่น ภายในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเสริมความสะดวกสบายและมอบบริการเต็มรูปแบบแก่ลูกค้า

ข้อเสนอพิเศษสุด
          ฟอร์ดยังคงมอบข้อเสนอพิเศษสุดจากแคมเปญ 'YES' หรือ 'Year-End-Sale' ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 160,000 บาท หรือรับฟรีประกันชั้นหนึ่ง สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า โฟกัส และเอคโค่สปอร์ต
          ลูกค้าฟอร์ดทุกท่านสามารถเลือกข้อเสนอและราคาพิเศษที่มาพร้อมกับรถทุกรุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,929 บาทต่อเดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในรุ่น XL และฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง กับโปรโมชั่นผ่อนเริ่มต้น 15,320 บาทต่อเดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในรุ่น 2.2ลิตร ไทเทเนี่ยม
          ฟอร์ด เฟียสต้า มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นสุดพิเศษเพียง 494,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟอร์ด เอนชัวร์ (สำหรับรุ่น 4 ประตู แอมเบียนท์ เกียร์อัตโนมัติ) ส่วนฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต มีราคาเริ่มต้นเพียง 684,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟอร์ด เอนชัวร์ (สำหรับรุ่น แอมเบียนท์ เกียร์อัตโนมัติ) ขณะที่ฟอร์ด โฟกัส ราคาเริ่มต้นที่699,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง (สำหรับรุ่น 5 ประตู 1.6 ลิตร เทรนด์ เกียร์อัตโนมัติ)
          ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธฟอร์ดเพื่อสัมผัสกับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์และข้อเสนอพิเศษได้ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพค เมืองทองธานี ในวันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558
          *ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ มีเฉพาะในรุ่น เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส ปี 2016 เท่านั้น

activity on December 01, 2015, 02:08:56 PM
บีเอ็มดับเบิลยูขนทัพรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตบุก มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015



          บีเอ็มดับเบิลยูขนทัพรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตบุก มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ครบครันทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่, มินิ คลับแมน โฉมใหม่, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์, มินิ คันทรีแมน พาร์คเลน และการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียกับ บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R
          o บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่ พร้อมนวัตกรรมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส, ฟังก์ชันสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวมือ โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ (BMW Gesture Control) และ BMW Touch Command บนแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว
          o ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Permanent all-wheel drive และเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics eDrive มอบความสปอร์ตเต็มเปี่ยมให้กับบีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่
          o มินิ คลับแมน โฉมใหม่ อัดแน่นด้วยความสามารถตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสมรรถนะในการขับขี่ทางไกล ความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์มินิ
          o ครั้งแรกในเอเชียกับบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยูที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 500 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ

          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาดรถยนต์หรู ยกทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด แบบครบครัน มุ่งหน้าสู่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 โดยมีไฮไลท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1 พร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ในราคาใหม่ ในส่วนของมินิ มีการเปิดตัว มินิ คลับแมน โฉมใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่ และมินิ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่ ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มีดาวเด่นอย่างบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R มาให้สาวกบิ๊กไบค์ได้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย ผู้สนใจสามารถพบกับข้อเสนอและราคาสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูได้ในงาน ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558 ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่
          รถยนต์ระดับแฟลกชิปที่มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส ฟังก์ชันการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ และบีเอ็มดับเบิลยู ทัช คอมมานด์ ด้วยแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว
          บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ใช้หน้าจอควบคุม iDrive ระบบสัมผัสเป็นครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะสามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ในแบบเดิมแล้ว ระบบสัมผัสแบบใหม่นี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกสั่งการและควบคุมจากการสัมผัสหน้าจอได้เช่นกัน นอกจากนี้ ระบบ iDrive ยังรองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือ BMW Gesture Control ที่ใช้เซ็นเซอร์ 3 มิติจับการเคลื่อนไหวเพื่อรับคำสั่งสำหรับระบบควบคุมความบันเทิงและการสื่อสาร มอบความสะดวกสบายสูงสุดทั้งในการปรับระดับเสียง การรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าโทรศัพท์ เป็นต้น
          นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมแบบมัลติฟังก์ชันอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ทัช คอมมานด์ (BMW Touch Command) นวัตกรรมล่าสุดที่ให้คุณใช้อุปกรณ์แท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วควบคุมสั่งการรถได้จากทั้งภายในและนอกตัวรถ โดยรองรับทั้งการปรับที่นั่ง แสงไฟภายในตัวรถ การปรับอุณหภูมิ และระบบความบันเทิง นำทาง และการสื่อสาร
          ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ มีบรรยากาศที่หรูหราด้วยการออกแบบแสงไฟอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะไฟ Welcome Light Carpet ที่ให้ความรู้สึกเอ็กซ์คลูซีฟด้วยเส้นนำสายตารอบตัวรถประหนึ่งการปูพรมต้อนรับ ขณะที่อีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษอย่างไฟ Ambient Light ก็ช่วยสร้างบรรยากาศ เสริมความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี
บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับหลังคากระจกแบบ Sky Lounge Panorama ช่วยสร้างบรรยากาศเสมือนท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวหลากสี ด้วยชุดไฟแอลอีดีที่ส่องสว่างลงบนผิวกระจกในยามค่ำคืนจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับ เป็นอีกหนึ่งความพิเศษเหนือระดับรถยนต์ซีดานหรูในเซ็กเมนต์เดียวกัน
          อีกฟีเจอร์ใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู 740Li ที่แตกต่างจากรถยนต์ซีดานในเซ็กเมนต์เดียวกันคือ บีเอ็มดับเบิลยู เลเซอร์ไลท์ (BMW Laserlight) ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 ด้วยเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู เซเลคทีฟ บีม (BMW Selective Beam) ช่วยลดความพร่ามัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพิ่มเติมจากไฟแอลอีดีในรุ่นมาตรฐาน ไฟหน้าแบบเลเซอร์นี้มีแสงสีขาวและให้ความสว่างได้ในระยะ 600 เมตร สำหรับไฟสูง ซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่าความสว่างจากไฟหน้าแบบแอลอีดีถึงสองเท่าและให้ความเข้มของแสงมากกว่าไฟหน้าแบบแอลอีดีถึงสี่เท่า
          บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่มาพร้อมกับทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความแม่นยำ การเคลื่อนไหวในการขับขี่อย่างมั่นคงและ สอดประสานอย่างกลมกลืน ช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งทำงานด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อัดลมเข้าไปเก็บในถังลม ทำให้สามารถรักษาระดับของรถไว้ได้ แม้ในเวลาที่เครื่องยนต์หยุดทำงาน ระดับความสูงของรถจะถูกปรับให้คงที่อยู่เสมอไม่ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเท่าไหร่ก็ตาม และเนื่องจากในแต่ละล้อมีตัวจ่ายลมที่ทำงานอย่างเป็นอิสระ จึงสามารถปรับระดับของรถให้เสถียรได้ แม้ว่าน้ำหนักในการบรรทุกของล้อแต่ละข้างจะไม่เท่ากัน
          บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่นี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยปริมาตรกระบอกสูบขนาด 3 ลิตร ซึ่งใช้เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.6 วินาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยCO2 อยู่ที่ 166 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ พร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด
          บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e เป็นรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นแรกในกลุ่มซีรี่ส์หลักที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาทำตลาด โดยครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหราในแบบรถยนต์ SAV เกาะถนนเป็นเลิศด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ทั้งยังประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics eDrive
          เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีInternational Engine of the Year มาครองได้ถึงสามสมัย ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นจากเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบTwinScroll ระบบหัวฉีดน้ำมันที่มีความแม่นยำสูง และระบบ VALVETRONIC ซึ่งทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ส่งกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร (258 ปอนด์-ฟุต) สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง
          ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็มอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (184 ปอนด์-ฟุต) ที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้คุณขับขี่ได้สนุก ทันใจ เร่งความเร็วได้โดยไม่ต้องรอ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ให้คุณเร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 31.3 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 76 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ในบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเลย แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ
          เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 50 นาที หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) จาก BMW 360° ELECTRIC ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/230 โวล์ท) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่
          บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ โดดเด่นด้วยงานออกแบบที่เฉียบคมในทุกรายละเอียด ด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและไฟท้ายแอลอีดีที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ ส่วนไฟหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟแอลอีดีเพื่อการขับขี่ในเวลากลางวัน ก็ช่วยให้รถดูโฉบเฉี่ยวสะดุดตายิ่งขึ้น
          เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบรุ่นใหม่ล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู 320i 320i Luxury และ 320i Sport ประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 146 กรัมต่อกิโลเมตร ทั้งยังเปี่ยมสมรรถนะกับกำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 7.3 วินาที
          บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport พร้อมต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู 328i ด้วยเครื่องยนต์ที่มอบพลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้าที่ 5,200-6,500 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับเกียร์ 8 สปีด Steptronic ให้คุณเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 147 กรัมต่อกิโลเมตร สำหรับชุดอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นนี้ มีทั้งชุดแต่ง M Aerodynamic พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ M ขอบประตูแบบ M แต่งโลโก้M ด้านข้าง และล้อแม็กอัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วสีเทา Ferric Grey metallic
ส่วนในรุ่นดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู 320d Luxury และ 320d Sport มาพร้อมกับขุมพลังระดับ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมอัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพ อัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ราว 3เปอร์เซ็นต์ และสำหรับรุ่น 320i Sport 320d Sport และ 330i M Sport มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
บีเอ็มดับเบิลยู 118i Sport และ 118i M Sport พร้อมขุมพลังใหม่
          บีเอ็มดับเบิลยู 118i รุ่นล่าสุดนี้ พัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยขุมพลังใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีEfficientDynamics เป็นคุณสมบัติมาตรฐาน พร้อมด้วยการปรับแต่งรายละเอียดด้านดีไซน์มากมายทั้งภายในและภายนอกรถ โดยเพิ่มชุดอุปกรณ์ในรุ่นมาตรฐาน ควบคู่ไปกับออปชั่นใหม่ที่หลากหลาย เสริมทั้งประโยชน์ใช้สอยและรูปลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
          บีเอ็มดับเบิลยู 118i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 4,500-6,000 รอบต่อวินาที จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 8.7 วินาที ทั้งยังใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่าด้วยอัตราการเผาผลาญน้ำมัน 20.0 กิโลเมตรต่อลิตร และมีระดับการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 118 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 118i M Sport นั้น มาพร้อมชุดตกแต่งพิเศษ M Sport ที่มีทั้งล้ออัลลอย M Sport ขนาด 18 นิ้ว สีเทา Ferric Grey metallic แถบตกแต่งคอนโซลอลูมิเนียมลาย Hexagon ชุดแต่ง M Aerodynamic พร้อมด้วยเส้นสายขอบหน้าต่างสีดำเงาแบบ Mและพวงมาลัยหุ้มหนังแท้แบบ M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport
          บีเอ็มดับเบิลยู 520d พร้อมให้คุณยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.7 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ที่ 137 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วสำหรับควบคุมระบบต่าง ๆ ในตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมด้วยระบบ BMW Comfort Access ที่ให้คุณเปิดประตูรถได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสเมื่อมีกุญแจติดตัว พร้อมไฟตัดหมอกแอลอีดี โดยตัวรถมาพร้อมกับชุดแต่ง M Aerodynamic พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ M ขอบประตูแบบ M เพดานห้องโดยสารสีดำแอนทราไซต์จาก BMW Individual แต่งโลโก้ M ด้านข้าง และล้อแม็กอัลลอย Mน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ปรับราคาใหม่

activity on December 01, 2015, 02:09:04 PM
          บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างฟีเจอร์เด่นของยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยูตระกูลX พร้อมกับความสง่างามปราดเปรียวของดีไซน์แบบคูเป้สุดคลาสสิก ชุดแต่ง M Sport มอบความโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายในให้กับบีเอ็มดับเบิลยู X4 ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamic รวมถึงเส้นสาย High-gloss Shadow Line ของดีไซน์ภายนอก และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาพิเศษแบบ M Sport ขนาด 19 นิ้ว มอบภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ตควบคู่ไปกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ xDrive ที่เพิ่มความสนุกสนานยามขับขี่ พร้อมใส่ใจการดีไซน์ในทุกรายละเอียดด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนังแท้สไตล์สปอร์ตแบบ M เบาะนั่งแบบสปอร์ต และการตกแต่งภายในด้วยวัสดุอลูมิเนียม บรัช มอบความรู้สึกสไตล์สปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ
          บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมทั้งบล๊อก มอบกำลัง 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดสูงสุดถึง400 นิวตันเมตร ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport พุ่งทะยานจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8 วินาที ทั้งยังมาพร้อมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่มอบประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport เป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ประกอบขึ้นในประเทศไทยที่โรงงานของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง โดยผู้สนใจสามารถจับจองได้ที่ราคา 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
          ออปชั่นชุดแต่งพิเศษ : บีเอ็มดับเบิลยู M Performance
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1
          บีเอ็มดับเบิลยู 118i สปอร์ต ได้สะท้อนความเป็นหนึ่งผ่านดีไซน์สปอร์ตใหม่ ของชุดแต่ง M Aerodynamic Kitsตะแกรงคู่หน้าสีดำ สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลังและแผ่นเบี่ยงทางลมกระจกบังลมหลังสีดำ ฝาครอบกระจกมองข้างแบบคาร์บอน สติกเกอร์ M Performance และชุดเบรกคู่หน้าและคู่หลังซึ่งมีสีให้เลือกทั้ง แดง เหลือง และส้ม ข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ในราคา 226,290 บาท (จากราคาปกติ 338,428 บาท)
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 4
          เพิ่มลุคสปอร์ตพร้อมสมรรถนะอีกขั้นด้วยชุดแต่งพิเศษแบบสปอร์ตสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupe M Sportด้วยชุดแต่ง M Performance ประกอบด้วย ชุดแต่ง M Aerodynamic Kits, แผงดักอากาศใต้กันชนหน้าแบบสปอร์ต Front splitter, สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลังและฝาครอบกระจกมองข้างแบบคาร์บอน, ตะแกรงคู่หน้าสีดำ,แผ่นปิดใต้กันชนหลังแบบสปอร์ต rear diffuser, ฝาครอบบันไดแบบ M และสติกเกอร์ M Performance นอกจากนี้ยังเสริมความปราดเปรียวด้วยสติกเกอร์คาดลายดำ-เงิน ตัวรถยังดูภูมิฐานขึ้นด้วยล้ออัลลอยแบบสปอร์ตพร้อมยางขนาดใหญ่ M Double Spoke 624 20" เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยชุดเบรกคู่หน้าและคู่หลังซึ่งมีสีให้เลือกทั้ง แดง เหลือง และส้ม ภายในรถยังมีชุดแต่งหน้ารถแบบคาร์บอน alcantara แพคเกจนี้นำเสนอในราคาพิเศษเพียง 468,650 บาท เฉพาะในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 (ราคาปกติอยู่ที่ 719,167 บาท)
ท่านสามารถเยี่ยมชมบูท BMW M Performance accessories เพื่อรับข้อเสนอพิเศษอื่นๆ สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 และพบกับชิ้นส่วนชุดแต่ง M Performance อื่นๆ อาทิ ปลายท่อไอเสียแบบท่อคู่ แผ่นปิดแป้นคันเร่งและที่พักเท้า และชุดล้ออัลลอยแบบพิเศษ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.bmw.co.th/motorexpo2015#ct-tab3
มินิ คลับแมน โฉมใหม่
          ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับรถยนต์มินิ แฮทช์ 5 ประตู มินิ คลับแมน โฉมใหม่นี้ จึงเป็นรถยนต์มินิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซี่งไม่เพียงเป็นการตีความใหม่ให้กับการเดินทางในแบบดั้งเดิมตามสไตล์อังกฤษ สำหรับศตวรรษที่ 21 แต่ยังเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของแบรนด์มินิในเซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม ช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร
          ฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างใช้วัสดุโลหะที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นอีกจุดเด่นชวนมองในส่วนท้ายของ มินิ คลับแมน โฉมใหม่ เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่าในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองด้านหลังให้ดียิ่งขึ้น การเปิดฝากระโปรงท้ายสามารถทำได้ด้วยการใช้มือเปิดจากปุ่มที่มือจับฝากระโปรงทั้งสองข้างซึ่งทำจากวัสดุชุบโครเมียม หรือสามารถเปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวรถด้วยการใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้าย ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดโดยอัตโนมัติทีละข้าง ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ขับมีกุญแจรถอยู่กับตัว
          นวัตกรรมการจัดไฟแบบพิเศษเฉพาะสำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มีทั้งไฟหน้าแอลอีดี ไฟแอลอีดีสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟท้ายแอลอีดี และไฟตัดหมอกแอลอีดี เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
          ส่วนการจัดแสงไฟภายในห้องโดยสาร ใช้ทั้งไฟแอลอีดีและแสงไฟแอมเบียนท์เพื่อสร้างบรรยากาศ และมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ MINI Excitement Package ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสีได้ พร้อมตอบสนองด้วยแสงสีทันทีที่เปิดหรือปิดประตูรถ นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นการฉายไฟรูปโลโก้มินิจากกระจกมองข้างลงมาบนพื้นถนนฝั่งคนขับเมื่อทำการปลดล็อกรถยนต์อีกด้วย
มินิ คลับแมน โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3 รุ่น โดยขุมกำลังของมินิ รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้อารมณ์ในการขับขี่แบบโกคาร์ทโดยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ในมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน โฉมใหม่ กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 141กิโลวัตต์/192 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2อยู่ที่ 141 กรัมต่อกิโลเมตร) มินิ คูเปอร์ คลับแมน โฉมใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ กำลังขับเคลื่อน 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่125 กรัมต่อกิโลเมตร) สำหรับใน มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ กำลังขับเคลื่อน 110กิโลวัตต์/150 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2อยู่ที่ 130 กรัมต่อกิโลเมตร)
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่
          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่ ผสมผสานความเร้าใจจากสนามแข่งกับความหรูหราเต็มเปี่ยมของมินิรุ่นล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นแต่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิกไว้อย่างครบครัน ต่อยอดจากรถยนต์ต้นแบบเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้
          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ใหม่ มาพร้อมกับที่สุดแห่งขุมพลังสปอร์ตจากมินิ กับเครื่องยนต์ 4 สูบที่ติดตั้งแบบtransverse พร้อมอัพเกรดระบบส่งกำลังให้ทำงานราบรื่นด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้คุณขับขี่ได้คล่องตัว รวดเร็ว พร้อมท้าทายทุกสนามแข่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรรุ่นนี้มีปริมาตรกระบอกสูบมากกว่ารุ่นก่อน 25 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมอบสมรรถนะสูงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ และแรงบิดเพิ่มมากขึ้นอีก 23 เปอร์เซ็นต์
ขุมพลังใหม่ของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่มินิเคยนำออกมาทำตลาด โดยมีกำลังสูงสุดถึง 170 กิโลวัตต์/231 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังที่เน้นสมรรถนะเป็นหลัก และเสียงเครื่องยนต์อันทรงพลังจากลูกสูบ เทอร์โบชาร์จเจอร์ และท่อไอเสียที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราปล่อยก๊าซ CO2 ที่ 148 กรัมต่อกิโลเมตร
นอกจากนี้ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ยังมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display พร้อมคอนเทนต์พิเศษในรุ่นนี้เฉพาะ หลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Chili Red ล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบา จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ขนาด 18 นิ้ว และแถบสีแต่งกระโปรงรถลายจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ส่วนระบบช่วงล่างทำงานสอดประสานกับเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับเบรกระดับสปอร์ตรุ่นใหม่จากเบรมโบ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ เซอร์โวทรอนิก ที่ใช้ทั้งระบบไฟฟ้าและกลไกผสมผสานกัน และเทคโนโลยี Dynamic Stability Control ที่มีทั้งคุณสมบัติDynamic Traction Control (DTC) Electronic Differential Lock Control (EDLC) และ Dynamic Damper Control ติดตั้งมาในตัวเป็นมาตรฐาน
          มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่
พาร์คเลน เป็นหนึ่งในย่านพักอาศัยที่หรูหราและน่าอยู่ที่สุดในลอนดอน โดยตั้งอยู่ในย่านเมย์แฟร์ มินิเองมีโชว์รูมอยู่ในย่านนี้หนึ่งสาขา และก็ได้หยิบยืมชื่อ พาร์คเลน มาตั้งเป็นชื่อรุ่นพิเศษเป็นครั้งที่สาม เพื่อสืบทอดความสำเร็จของมินิ พาร์คเลน รุ่นไฮเอนด์สุดคลาสสิกตัวแรกเมื่อปี 2530 และรุ่นที่สองจากปี 2548 โดยถือเป็นครั้งแรกที่มินินำเอาธรรมเนียมการเอาชื่อถนนและย่านต่าง ๆ ในลอนดอนมาตั้งชื่อให้กับรถในรุ่นคันทรีแมน
มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่ เปี่ยมความหรูหราที่จะจับทุกสายตาด้วยดีไซน์และสีสันพิเศษสุดเฉพาะตัว ตัวถังสีเทาเมทัลลิก Earl Grey จับคู่กับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Oak Red พร้อมแต่งด้วยแถบสีสไตล์สปอร์ตในสีเดียวกับกระโปรงรถ กันชนท้าย และส่วนข้างตัวรถ ขณะที่ไฟเลี้ยวติดตั้งในกรอบชุบโครเมียมที่แต่งด้วยสีแดง Oak Red เช่นกัน นอกจากนี้ ตัวรถยังเสริมความสปอร์ตด้วยล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วสีเทาในดีไซน์ Turbo Fan Dark Grey พร้อมตกแต่งรอบตัวถังด้วยชิ้นส่วนกันชนและขอบประตูสีเงินในชุดแต่งMINI ALL4 Exterior
          มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งบล็อก มอบกำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร โดยมีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 184 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R เป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย
          บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ เป็นรถมอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์จากบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 500 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์หนึ่งสูบที่มีน้ำหนักเบาแต่สมรรถนะสูง บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ จึงเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ความเป็นมอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์ตัวจริง กับประสิทธิภาพและความสบายในการขับขี่ ทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง
บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ มีเบาะนั่งที่รองรับการขับขี่ในแบบสบาย ๆ ด้วยความสูงเพียง 785 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนสวิทช์และปุ่มควบคุมต่าง ๆ ก็ใช้งานง่ายและปลอดภัย ตามแบบบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยงานออกแบบที่คำนึงถึงทุกลักษณะรูปร่างของผู้ขับขี่
          บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ แข็งแกร่งด้วยเฟรมตัวถังเหล็กกล้า ช่วงล่างแบบ upside-down fork และสวิงอาร์มยาว ที่เสริมความมั่นใจ ให้รถทรงตัวได้ดีอยู่เสมอ และตอบสนองได้อย่างแม่นยำในทุกจังหวะ
หัวใจหลักของบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ ได้แก่เครื่องยนต์หนึ่งสูบ 313 ซีซีที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้ง 4 วาล์ว 2 แคมชาฟท์ และระบบหัวฉีดน้ำมันแบบไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 24 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที เพื่อขับเคลื่อนตัวถังที่มีน้ำหนักเบาเพียง 158.5 กิโลกรัมเท่านั้น
เช่นเดียวกับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่น ๆ บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ใหม่ ติดตั้งระบบเบรกเอบีเอสมาเป็นมาตรฐาน โดยเสริมสมรรถนะด้วยระบบเอบีเอสแบบสองช่อง
บีเอ็มดับเบิลยู
          บีเอ็มดับเบิลยู 740Li Pure Excellence โฉมใหม่: เริ่มต้นที่ 6,999,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport โฉมใหม่: 5,399,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู 320i ใหม่: 2,399,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู 320i Luxury/Sport ใหม่: 2,699,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู 320d Luxury/Sport ใหม่: 2,799,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู BMW 330i M Sport ใหม่: 3,099,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู 118i Sport: 1,899,000 บาทบีเอ็มดับเบิลยู 118i M Sport: 2,099,000 บาท

activity on December 01, 2015, 02:10:45 PM
ทาทา มอเตอร์ส จัดแสดง Tata Xenon 150XT แกร่งขึ้นสมบุกสมบันยิ่งขึ้น พร้อมเติมความสปอร์ตให้กับ Tata Super Ace Mint ในมอเตอร์เอ็กซ์โป



          ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย โชว์รถ ทาทา ซีนอน 150XT 4WD เสริมชุดแต่งโฟร์วีลสำหรับลุยทุกพื้นที่ พร้อมจับ ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์ รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดกะทัดรัด มานำเสนอแนวคิดอีกรูปแบบด้วยการเสริมชุดแอโรพาร์ท อย่างดุดัน รวมทั้งจัดแสดงรถเพื่อการพาณิชย์รุ่นอื่นๆ อีกมากมายในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 นี้
          บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำรถ ทาทา ซีนอน 150NX-PLORE 4WD ที่ได้รับการตอบรับที่ดีนับตั้งแต่เปิดตัวมาช่วงต้นเดือนสิงหาคม ด้วยการเสริมอุปกรณ์สำหรับการใช้งานแบบออฟโรดที่สมบุกสมบันได้มากยิ่งขึ้น และนำเสนอ ทาทา ซีนอน 150XT ตามแนวคิด "Real Ride for Real Life" คือ แกร่งจริง ลุยใช้งานได้จริง ซึ่งทาง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย จะนำไปจัดแสดงในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 นี้
          ทาทา ซีนอน 150XT (Tata Xenon 150XT) นั้นเป็นแนวคิดแบบ Extra Tough ที่เสริมอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ให้รองรับการใช้งานแบบจริงจังยิ่งขึ้น เสริมอุปกรณ์ที่เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย ในการใช้งานในพื้นที่สมบุกสมบันมากยิ่งขึ้นให้กับ Tata Xenon 150NX-PLORE 4WD ที่ใช้เครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 150 แรงม้า
          ทาทา ซีนอน 150XT ได้รับการเสริมชุดไฟสปอตไลท์คู่หน้า ขนาด 9 นิ้ว แร็คหลังคาขนาด 1.8 เมตร เพิ่มพื้นที่ในการขนอุปกรณ์และสัมภาระในการขับขี่ท่องเที่ยวหรือลุยไปในพื้นที่ต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมแผงไฟ LED พร้อม dimmer ติดตั้งบนหน้าแร็คหลังคา เสริมชุด Snorkel ต่อจากห้องเครื่องยนต์ เปลี่ยนใส่ยางแบบ mud terrain ขนาด 235/85 R16 ปรับช่วงล่างยกสูงและโช้คอัพหน้า/หลัง เสริมแผ่นอลูมิเนียมกันแคร็งด้านหน้าและถังน้ำมัน ท้ายกระบะยังเพิ่มลังอลูมิเนียมสำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันยังพร้อมจัดแสดงรถ ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์ (Tata Super Ace Mint) ต่อยอดมาจาก ทาทา ซูเปอร์ เอซ ซิตี้ ไจแอนท์ (Tata Super Ace City Giant ) ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ให้ความคล่องตัวสูง ใช้เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 1.4 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 70 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด140 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำต่อเนื่อง 1,400 – 2,750 รอบ/นาที
          ที่ผ่านมา ทาทา ซูเปอร์เอซ ได้รับความนิยมในการนำไปบรรทุกสินค้าต่างๆ เพื่อขนถ่ายสินค้าในพื้นที่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง เช่น การขับขี่ขนส่งในเขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น และพื้นที่จำกัด ขณะเดียวกันยังเป็นรถที่สามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมากต่อครั้ง จากกระบะพื้นเรียบที่มีพื้นที่บรรทุก 2,630 x 1,460 x 300 มิลลิเมตร
          สำหรับ ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์ ที่นำมาจัดแสดงนี้จะมีรุ่นที่ได้รับการตกแต่งแบบพิเศษ เพื่อโชว์แนวคิดอีกรูปแบบสำหรับการใช้งาน รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก รุ่นนี้ ด้วยการเปลี่ยนล้อเป็นล้ออัลลอยสีดำแบบ 5 ก้าน ตกแต่งด้วยชุดแอโรพาร์ทรอบคัน ปรับช่วงล่างใหม่ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น โคมไฟหน้าเปลี่ยนเป็นโคมสีดำ พร้อมกับเสริมไฟตัดหมอกทรงกลมคู่หน้าเพิ่มความดุดัน
ทางด้าน มร.ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการนำรถทั้ง 2 รุ่นนี้ มาเป็นจุดเด่นในการจัดแสดงในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ว่า "หลังจากที่เราได้รับการตอบรับค่อนข้างดีสำหรับการเปิดตัว รถกระบะทาทาแบบ 4WD เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ในรุ่น Xenon 150NX-PLORE 4WD ด้วยแนวคิดที่จะทำให้เป็นรถกระบะสี่ประตูขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีความแข็งแกร่ง สามารถใช้งานลุยในทุกพื้นที่ได้จริง และได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นความสมบุกสมบัน มากกว่าการเป็นกระบะกึ่งรถยนต์นั่งที่เน้นเพียงความหรูหราสะดวกสบาย เราจึงต้องการสร้างแนวคิดเพิ่มเติมขึ้นมาให้กับ Tata Xenon 150XT เสริมสมรรถนะแบบออฟโรด ให้สามารถใช้งานในพื้นที่ที่สมบุกสมบันมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการเสริมอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ และเพิ่มสมรรถนะในการใช้งานรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กับกลุ่มลูกค้าของเราที่เลือกใช้งาน Tata Xenon 150NX-PLORE 4WD"
          มร.ซานเจย์ กล่าวต่อไปอีกว่า "ในส่วนของ ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์ ในปีนี้อาจดูแปลกตาไปบ้าง จากที่ปกติเรามักจะนำรถรุ่นนี้มาออกแบบเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการนำรถมาตกแต่งเป็นรถเพื่อประกอบการค้าต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ ร้านดอกไม้ หรือร้านหนังสือ แบบเคลื่อนที่ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ใช้รถ ทาทา ซูเปอร์ เอซ ไปตกแต่งเป็นร้านอาหารหรือ ฟู้ดทรัค (Food Truck) ซึ่งกลายเป็นแนวคิดธรรมดาทั่วไปที่ผู้คนจะนึกถึงรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กแบบซูเปอร์เอซ แต่ด้วยสมรรถนะที่มีความคล่องตัวสูง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีกำลังเหมาะสมสำหรับการใช้งาน และแรงบิดสูงและต่อเนื่องเหมาะสำหรับการบรรทุก เราจึงนำเสนอแนวคิดในรูปแบบใหม่ที่เพิ่มความสนุกสนานให้กับการใช้งาน ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ ที่สามารถนำมาตกแต่งให้ดูดุดัน หรือเป็นรถที่ลูกค้าสามารถนำไปดัดแปลงเพื่อใช้จัดงานแสดงสินค้าที่ดูทันสมัย เช่น จัดแสดงเครื่องเสียง จัดแสดงหรือจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่ง แทนที่จะมองภาพว่ารถประเภทนี้เป็นได้เพียง Food Truck หรือเป็นรถจำหน่ายได้เพียงสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป"
นอกจาก Tata Xenon 150XT กับ Tata Super Ace Mint รุ่นพิเศษแล้ว ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังนำรถเพื่อการพาณิชย์รุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย
บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
มือถือ : + 66 86 989 9559
โทรศัพท์: +66 2-261-5500 Ext. 407
แฟกซ์: +66 2-261-5522
อีเมล: sappayasut.h@tatamotors.com

activity on December 01, 2015, 02:11:29 PM
นิสสันสะท้อนผู้นำนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ส่งรถยนต์ 3 รุ่นแรง ใหม่





          เอ็กซ์เทรล ไฮบริด, เอ็นพี 300 นาวารา สปอร์ตเทค และซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ ร่วมงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2558 พร้อมอัดโปรโมชั่นแรง ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในงาน 10%
          บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ (Innovation that excites) เดินหน้านโยบายการขายและการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ส่งรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้ง นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ เอสยูวี ไฮบริดที่ทรงพลังที่สุด, นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา สปอร์ตเทค กระบะพันธุ์แกร่ง 190 แรงม้า ด้วยดีไซน์สปอร์ตใหม่ ปรับโฉมเพิ่มอารมณ์สปอร์ตรอบคัน และ นิสสัน ซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ ใหม่ ที่สะดวกสบาย หรูหรา และให้สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตซีดาน เปิดตัวและจำหน่ายที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 หรือ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ระหว่างวันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิทแพ็คเมืองทองธานี พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในงาน 10%
          นายคะซุทากะ นัมบุ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก และผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 นิสสันยังคงสะท้อนให้ผู้มาเยี่ยมชมงาน ได้เห็นถึงความเป็นผู้นำเทคโนโลยีรถยนต์ที่เหนือชั้น มีสมรรถนะสูง ประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งยังให้ความสะดวกสบายกับทุกคนในห้องโดยสาร ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน โดยไฮไลต์ในงานนี้ นิสสันได้นำรถยนต์ 3 รุ่น ที่โดดเด่นใน คือ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่, นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา สปอร์ตเทค ใหม่, และนิสสันซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ มาเปิดตัวให้กับสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างสูง เช่นเดียวกันกับรถยนต์อีโคคาร์รุ่นยอดนิยมของนิสสัน ทั้งมาร์ชและอัลเมร่า ที่นอกจากจะได้รับการปรับโฉมให้มีความสดใหม่ก่อนหน้านี้ โดยในงานครั้งนี้ นิสสันยังได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าผู้สนใจรถยนต์อีโคคาร์ทั้งสองด้วยสีพิเศษนั่นคิอ สีม่วงพลัม (Plum) ทีให้ความโฉบเฉี่ยว เร้าใจ อีกด้วย
          สำหรับนิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฮบริดที่มีสมรรถนะสูง ตอบทุกโจทย์ความสมบูรณ์แบบของชีวิต ที่นิสสันภูมิใจนำเสนอให้ลูกค้าในครั้งนี้ มาพร้อมเทคโนโลยีเต็มพิกัด และมีราคาที่สมเหตุสมผล โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่1,249,000 บาท ส่วนเทคโนโลยีที่โดดเด่นในรุ่นนี้ คือ เทคโนโลยี เพียวไดร์ฟไฮบริด ที่มาพร้อมระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) เอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน ที่ผสานทั้งด้านสมรรถนะและความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างลงตัว สามารถให้กำลังและแรงบิดอย่างเยี่ยมยอดเหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร นับเป็นรถที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่โดดเด่นที่สุดในคลาสโดยประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ถึง 20% ทั้งยังสามารถขับเคลื่อนด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ที่ความเร็วสูงถึง 120 km/h ให้ความเงียบและความนุ่มนวลในการตัดต่อกำลัง ซึ่งนิสสันมีความมั่นใจในสมรรถนะทุกด้านของรถยนต์รุ่นนี้อย่างยิ่ง และเชื่อว่าลูกค้าจะประทับใจกับประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างเหนือระดับ ในเอ็กซ์เทรล ไฮบริด อย่างแน่นอน โดยเฉพาะลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม
          ทั้งนี้ภายในงาน นิสสันยังจะได้จัดแสดงการทำงานของเทคโนโลยี นิสสัน เพียวไดรฟ์ไฮบริด ผ่านแท่นเครื่องยนต์ตัวอย่างที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้ชมงานได้เห็นการออกแบบและโครงสร้างของเทคโนโลยี "ไฮบริดคลัทช์คู่อัจฉริยะ" อย่างใกล้ชิด
          อีกหนึ่งไฮไลต์ของบูธนิสสัน ที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจอย่างสูง คือ การเปิดตัว นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา สปอร์ตเทค ใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งเสริมทัพมาเพื่อตอบสนองลูกค้าที่รอคอยและต้องการรถกระบะที่ให้อารมณ์สปอร์ตปราดเปรียวดุดันและมีความแรงที่เหนือชั้น โดยนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา สปอร์ตเทค มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงถึง 190 แรงม้า ขณะที่ดีไซน์ถูกปรับโฉม ให้มีความเท่ห์ทุกองศา ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าและกรอบไฟตัดหมอกสี Smoke Chrome พร้อมกับสเกิร์ตหน้าและบันไดข้างแบบสปอร์ต กันชนท้ายสี Smoke Chrome พร้อมสัญลักษณ์ Sportech มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต 18" ลายใหม่, Sport Roll Bar พร้อมสัญลักษณ์ Sportech, เสาอากาศแบบ Shark Fin ยังคงช่วงล่าง Mono-frame chassis อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสันที่แข็งแกร่งตามมาตรฐานโลก เพิ่มความสะดวกสบายให้คุณทุกเส้นทางด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง เสริมความหรูสไตล์สปอร์ตด้วยเบาะหนังทูโทนที่ปรับได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบ 3 ก้านและหัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบรับทุกความสะดวกสบายครบครันได้อย่างลงตัว เช่น ปุ่มสตาร์ทพร้อมกุญแจอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้ายขวา ช่องแอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารแถวหลังให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและผ่อนคลาย พร้อมกล้องมองหลังในทุกรุ่นเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยจากเทคโนโลยีเหนือระดับจากนิสสัน
          นิสสันยังเติมเต็มความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยการนำรถยนต์นิสสัน ซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ ตอบสนองลูกค้าที่ต้องการรถยนต์แบบซีดานที่ให้ความหรูหรา แต่มีความสปอร์ตและแรงเร้าใจ โดยหลังจากเปิดตัวเมื่อกลางเดือนตุลาคม ได้รับเสียงตอบรับจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดีในฐานะ "สปอร์ตหรูที่แรงเกินตัว" ให้สมรรถนะการขับขี่ที่แรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร จากเครื่องยนต์ MR16DDT ขนาด 1.6 ลิตร หัวฉีดไดเร็ค อินเจคชั่น ระบบวาล์วแปรผันคู่ พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ให้กำลังได้สูงสุดถึง 190 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที โดยให้แรงบิดแบบต่อเนื่องสูงสุดถึง 240 นิวตันเมตร ในช่วงรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,400-5,200 รอบ/นาที ขณะเดียวกันยังคงความหรูหรา สะดวกสบาย เช่นการติดตั้งซันรูฟควบคุมด้วยไฟฟ้า รวมถึงเสริมระบบความปลอดภัย ระบบควบคุมการขับขี่และทรงตัวต่างๆ อย่างครบครัน ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Dynamic Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ควบคู่ไปกับการทำงานของระบบเบรกป้องกันล้อล็อค, พร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุดโดยเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านนิรภัยด้านข้าง (Curtain Airbags) พร้อมระบบล็อคประตูอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ถอยจอดและกล้องมองหลัง
          "ทั้งนี้ ภายในงานนิสสันได้ยกขบวนรถนิสสันมาจัดแสดงรวมทั้งสิ้น 7 รุ่น 19 คัน ด้วยกัน ประกอบด้วย นิสสัน เทียน่า นิสสัน ซิลฟี ทั้งรุ่นใหม่ ดีไอจี เทอร์โบ และรุ่นเอสวีที่เพิ่มขึ้นใหม่ นิสสัน มาร์ช และ นิสสัน อัลเมร่า รถอีโค คาร์ ซีดาน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ที่มาพร้อมสีพิเศษ ครั้งแรกกับสีม่วงพลัม นิสสัน จู๊ค โตเกียวอิดิชั่น ผู้นำตลาดรถ ครอสโอเวอร์ด้วยคาแรคเตอร์แตกต่างไม่เหมือนใคร พร้อมชุดแต่งพิเศษ สั่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นอย่างมีสไตล์ถึง 10 ชิ้น นิสสัน เอ็กซ์เทรล ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ และนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ทั้งรุ่นธรรมดา และสปอร์ตเทค ใหม่"
          สำหรับบูธของนิสสัน ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 จัดแสดงภายใต้แนวคิดนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้น เร้าใจ หรือ Innovation that excites บนพื้นที่ 1,452 ตารางเมตร ถูกออกแบบภายใต้วงแหวนแห่งประสบการณ์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ของบูธนิสสันทั่วโลก โดยภายในบูธนิสสัน ผู้ชมงานยังจะได้สัมผัสนวัตกรรมการใช้กลิ่นหอมของอโรมาที่กระจายอยู่โดยบริเวณรอบๆ ทำให้ผู้เข้าชมงานเกิดความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ภายใต้บรรยากาศความคึกคักของงานภายในบูธนิสสันอีกด้วย
          "ในส่วนของโปรโมชั่นพิเศษ** ทางนิสสันได้เตรียมแคมเปญที่หลากหลาย ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า อาทิ ข้อเสนอพิเศษสำหรับ นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี, ฟรี ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง TOUGH PACKAGE (เฉพาะรุ่น) และยังสามารถเลือกรับข้อเสนอไม่ว่าจะเป็นดาวน์ต่ำสุด 19,999 บาท พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร หรือเลือกผ่อนต่อเดือนสบายๆ เริ่มต้นเพียง 3,999 บาท และถูกใจมากขึ้นด้วยข้อเสนอเพิ่มมูลค่ารถเก่าเมื่อแลกซื้อรถใหม่ (Trade-in bonus) สูงสุด 35,000 บาท หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับ นิสสัน เอ็กซ์เทรล รวมทั้ง เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี และฟรี ค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% และข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจสำหรับนิสสัน ซิลฟี รวมถึง ซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ* เลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี และผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,888 บาท และหลากหลายข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปีกับนิสสันทุกรุ่น รวมทั้งเพิ่มความสบายใจให้กับลูกค้านิสสัน ด้วยเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ที่ได้มาตรฐานพร้อมช่างผู้ชำนาญกว่า 213 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัด ทั่วประเทศ"
          ผู้ที่สนใจรถนิสสันพร้อมข้อเสนอพิเศษ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธนิสสัน ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558 หรือที่ผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสันทั่วประเทศ หรือที่ Call Center หมายเลข 02 401 9600
          หมายเหตุ*อุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น ** ข้อเสนอเฉพาะรุ่น มีข้อกำหนดและเงื่อนไข

activity on December 01, 2015, 02:18:55 PM
ฮอนด้า ตอกย้ำความสำเร็จของ เอชอาร์-วี ด้วยยอดจองกว่า 40,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัว พร้อมแนะนำ เอชอาร์-วี ใหม่ ที่เพิ่มความคุ้มค่าและรองรับโครงสร้างภาษีใหม่







          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำฮอนด้า เอชอาร์- วี ใหม่ ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียม เพิ่มความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครันในทุกรุ่น พร้อมรองรับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้ และพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าต้นปี 2559
          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในปัจจุบัน ลูกค้ามีความสนใจและหันมาใช้รถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมที่มีต่อ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ด้วยยอดจองกว่า40,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัว เมื่อปลายปี 2557 และได้ทำการส่งมอบไปแล้วกว่า 28,000 คันส่งผลให้ฮอนด้า เอชอาร์-วี ขึ้นแท่นผู้นำตลาดรถยนต์ครอสโอเวอร์หรือรถยนต์เอสยูวีโดยรวม และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในระดับคอมแพคท์และระดับที่สูงกว่า ฮอนด้า จึงได้แนะนำ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ ที่เพิ่มความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม รวมถึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้รองรับกับโครงสร้างภาษีใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้อยที่สุด"
ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้น เช่น เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น E, E Limited และ EL) และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมในทุกรุ่น เช่น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบเครื่องเสียง หน้าจอสัมผัสขนาด 6.1นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ และล้ออัลลอยสไตล์สปอร์ตที่โดดเด่นในทุกมิติ
          ฮอนด้า เอชอาร์-วี ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถสปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ เอสยูวี และได้เพิ่มความสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ ผสานกับฟังก์ชั่นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในสไตล์รถมินิแวน รูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมรูปทรงตัวถังที่ปราดเปรียว พร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวรอบคัน ขนาดตัวถัง กว้าง 1,772 มม. ยาว 4,294 มม. และสูง 1,605 มม. ทำให้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เป็นยนตรกรรมที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว
          การออกแบบภายในห้องโดยสาร เน้นความกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายในสไตล์รถอเนกประสงค์ พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำสมัย พื้นที่ใช้สอยและพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายพร้อมตอบสนองทุกการใช้งานตามสไตล์รถมินิแวน ด้วยความจุ 565 ลิตร ซึ่งสามารถเก็บถุงกอล์ฟขนาดปกติได้ถึง 3 ใบ แม้ใช้งานเบาะที่นั่งด้านหลังในรูปแบบปกติ สะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานในการเคลื่อนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่ ด้วยระดับความสูงที่พอเหมาะกับความกว้างของฝากระโปรงท้ายขณะเปิดที่ 1,180 มิลลิเมตร มาพร้อมเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่สามารถปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน
          ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300รอบต่อนาที มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมและการประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85
ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับพรีเมียมในทุกรุ่น อาทิ
          · ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ
          · ระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ที่จะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้
          · ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
          · ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
          · ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
          · สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
          · กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera)
          · ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมด้านคนขับอัจฉริยะ (i-SRS) ถุงลมด้านผู้โดยสารด้านหน้า (SRS) และถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) (เฉพาะรุ่น E Limited และ EL) เพื่อเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่
          ทั้งนี้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ พร้อมเปิดรับจองภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 (Motor Expo2015) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 ณ บูธฮอนด้า A14 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และพร้อมกันกับโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยมีจำหน่าย 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น S ราคา933,000 บาท รุ่น E ราคา 999,000 บาท รุ่น E Limited ราคา 1,050,000บาท และรุ่น EL ราคา1,099,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก), สีขาวออร์คิด (มุก), สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก), สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก), และ 1 สีใหม่ คือ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) ซึ่งจะพร้อมทำการส่งมอบให้แก่ลูกค้าภายในต้นปี 2559
         
          หมายเหตุ: - อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
          - สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น E, E Limited และ EL
          - สีดำคริสตัล (มุก) และ สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) เพิ่มเงิน 6,000 บาท
          - สีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่มเงิน 10,000 บาท

activity on December 01, 2015, 03:27:15 PM
TPS บุก Motor Expo 2015 เตรียมแนะนำ 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่



TPS บุก Motor Expo 2015 เตรียมแนะนำ 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ULGO Armor Series Liquid Spray film, ULGO LUXURY และ Scholl Marine พร้อมจัดหนักโปรโมชั่นสุดคุ้ม เคลือบแก้ว ติดฟิล์มคุณภาพสูง แบรนด์เยอรมัน Huper Optik เอาใจลูกค้าส่งท้ายปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ Car Detailing มั่นใจกระแสตอบรับล้นหลาม

นายชัยชาญ อุปพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร The Perfect Shine หรือ TPS ผู้นำในธุรกิจ Car Detailing ทั้งงานบริการและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่2-13 ธ.ค.นี้ TPS จะนำบริการ ผลิตภัณฑ์ และโปรโมชั่นต่างๆ เข้าร่วมแสดงในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 Motor Expo 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ IMPACT Challenger 1-3 เมืองทองธานี บูธหมายเลข L04-05-06 โซน Challenger 3

ทั้งนี้ TPS จะนำผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดไปเปิดตัวภายในงาน พร้อมแนะนำกับกลุ่มลูกค้าและผู้สนใจ ประกอบด้วย ULGO Armor Series Liquid Spray film สเปรย์ Wrapรถยนต์ เทคโนโลยีล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องรถยนต์จากรอยขีดข่วน สะเก็ดหิน ULGO LUXURY ผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วรถยนต์ระดับ Luxury สร้างความเงางามพร้อมการปกป้องที่แตกต่างจากน้ำยาเคลือบแก้วทั่วไปในท้องตลาด และ Scholl Marine ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาพื้นผิวสำหรับเรือ เจ็ทสกี คุณภาพสูง จากประเทศเยอรมันนี

นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจการเคลือบแก้วรถยนต์ และบิ๊กไบค์ รวมถึงติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ คุณภาพสูงจากประเทศเยอรมันนี แบรนด์ Huper Optikประกอบด้วย Promotion Glass Coating Discount 40% แถม Voucher Premium Wash 6 ครั้งมูลค่า 6,000 บาท และ BIGBIKE Discount 20% แถมเคลือบหมวกกันน๊อคฟรี 1 ชิ้น / Promotion Film Huper Optik รับส่วนลดสูงสุด 8,000 บาท ผ่อน 0% ระยะเวลา 10 เดือน ซึ่งลูกค้าที่ซื้อแพคเกจโปรโมชั่นต่างๆภายในงานสามารถใช้บริการได้ที่ TPS สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน และร้านตัวแทนจำหน่าย

"การเข้าร่วมงาน Motor Expo ในครั้งนี้ TPS ค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาชมงาน ซึ่งเราได้จัดโปรโมชั่นพิเศษต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการสมนาคุณและเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ บิ๊กไบค์ เรือ เจ็ทสกี ได้มีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงในการดูแล ปกป้องยานพาหนะประเภทต่างๆ ขณะเดียวกันยังได้มีการคัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาแนะนำ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำงานบริการ Car Detailing อย่างครบวงจรของ TPS ด้วยเช่นกัน" นายชัยชาญ กล่าว

activity on December 02, 2015, 08:32:16 AM
สิ้นสุดการรอคอย! ฮอนด้าส่งมอบความเอ็กไซท์ เปิดตัวบิ๊กไบค์New 500Series รวดเดียว 3 รุ่น







สิ้นสุดการรอคอย! ฮอนด้าส่งมอบความเอ็กไซท์ เปิดตัวบิ๊กไบค์New 500Series รวดเดียว 3 รุ่น แถมสร้างความฮือฮาด้วยการเผยโฉม All New Honda Africa Twin สุดยอดแอดเวนเจอร์ไบค์ เปิดให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015

เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทยโหมรุกตลาดรถใหญ่ส่งท้ายปีด้วยการเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล 500Series พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่น ได้แก่ New Honda CBR500R, New Honda CB500F, New Honda CB500X พร้อมกับเผยโฉม All New Honda Africa Twin สุดยอดแอดเวนเจอร์ไบค์ให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 ที่บูธ G04 อิมแพค ชาลเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทยเปิดเผยว่า "ตลาดรถบิ๊กไบค์ในเมืองไทยปี 2015 ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจดทะเบียนในช่วง 11 เดือนแรกของปีอยู่ที่ประมาณ 18,400 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ฮอนด้าบิ๊กไบค์มียอดจดทะเบียนมากกว่า 6,300 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 32% ครองความเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 34% โดยประมาณ"

"ความครบวงจรในตัวสินค้าคือกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้รถฮอนด้าบิ๊กไบค์ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในเมืองไทย แต่เราก็ยังไม่หยุดส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ เราได้เปิดตัวบิ๊กไบค์โฉมใหม่ของตระกูล 500Series Unrestricted Riding รวม 3 รุ่น ประกอบด้วย New Honda CBR500R, New Honda CB300F, New Honda CB500X ซี่งถูกรีดีไซน์ให้มีความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ มีสมรรถนะที่โดดเด่น และความปลอดภัยเหนือระดับ เพื่อให้ลูกค้าฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกท่านได้ขับขี่รถอย่างสนุกและมั่นใจ โดยประเทศไทยยังถือเป็นประเทศแรกของโลกที่เปิดรับจองรถทั้ง 3 รุ่นนี้อีกด้วย"

"พร้อมกันนี้ เรายังได้นำ All New Honda Africa Twin บิ๊กไบค์ทางฝุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในฐานะแชมป์แรลลี่หฤโหด Dakar Rally 4 สมัยมาให้คนไทยได้สัมผัสกันเป็นคร้งแรก โดย All New Honda Africa Twin ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิมตามสไตล์รถแอดเวนเจอร์ยุคใหม่ที่เน้นใช้งานได้ทั้งบนทางฝุ่นและทางเรียบภายใต้รหัส CRF1000L ถือเป็นตัวท็อปของตระกูล CRF ทั้งหมด มีดีไซน์โดดเด่น แข็งแกร่งและทรงพลังด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยของฮอนด้า ลุยไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นออฟโรดหรือทัวริ่ง หรือแม้กระทั่งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดย All New Honda Africa Twin จะเปิดรับจองในช่วงต้นปีหน้า"

สำหรับ New Honda CBR500R บิ๊กไบค์สปอร์ตฟูลคาว ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคัน แฟริ่งให้ความดุดันและปราดเปรียวทุกมุมมอง ไฟหน้าคู่และไฟท้าย แบบ LEDเบาะนั่งแบบแยกส่วนชัดเจน พร้อมกับด้านท้ายที่สั้นลงเพื่อความเป็นสปอร์ตเต็มขั้น มีให้เลือก 3 สีได้แก่สีดำแมตกันพาวเดอร์แบล็คเมทัลลิค, สีแดงมิลเลนเนียมเรด, สีเทาอินดี้เกรย์เมทัลลิค

New Honda CB500F บิ๊กไบค์แบบเนคเกด ออกแบบใหม่ทั้งคัน เผยให้เห็นเครื่องยนต์และเฟรมรถมากขึ้น ไฟหน้าใหม่แบบ LED ให้ความดุดัน ไฟท้ายแบบ LEDเบาะซ้อนท้ายแบบแยกส่วน มีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีส้มแคนดีเอเนอร์จีออเรนจ์, สีดำแมตกันพาวเดอร์แบล็คเมทัลลิค, และสีเลมอนไอซ์เยลโลว์

New Honda CB500X บิ๊กไบค์แบบแอดเวนเจอร์มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่แบบ LED พร้อมวินด์ชีลด์ที่สูงขึ้นกว่าเดิม มีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี ได้แก่สีแดงมิลเลนเนียมเรด, สีน้ำตาลแมตเฟรสโกบราวน์, สีขาวแมตเพิร์ลซัมมิทไวท์, และสีดำแมตกันพาวเดอร์แบล็กเมทัลลิค

ทั้ง 3 รุ่นขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 2 สูบ DOHC ขนาด 500ccระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมกลไกการเปลี่ยนเกียร์แบบใหม่ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลขึ้น เสริมความมั่นใจด้วยระบบเบรก ABS และกุญแจแบบ Wave Key ฝังชิพพิเศษป้องกันการโจรกรรม โช้คหน้าใหม่เพิ่มระบบ Preload Adjuster ปรับระดับได้สำหรับการรองรับน้ำหนักหลากหลายรูปแบบ ก้านเบรกหน้าปรับได้ 5 ระดับเพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ในรุ่น New CBR500R และ CB500F ยังได้ติดตั้งท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ที่มีความสปอร์ตเต็มตัวและให้เสียงที่นุ่มนวลขึ้นอีกด้วย

ฮอนด้าพร้อมเปิดรับจองรถใหม่ในตระกูล 500Series ในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 เริ่มจาก New Honda CBR500Rราคา 215,000 บาท, New Honda CB500F ราคา 210,000 บาท, และ New Honda CB500X ราคา 220,000 บาท ด้วยข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 3.75% เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อฮอนด้าบิ๊กไบค์ตระกูล 650Seriesรับทันทีคูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาทสำหรับซื้อสินค้าและบริการในศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิง และสำหรับผู้ที่ซื้อรถนำเข้าทุกคันรับฟรีประกันภัยชั้น 1 ทะเบียน และพรบ. วันนี้ถึง13 ธันวาคมนี้เท่านั้น

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและข่าวสารของฮอนด้าบิ๊กไบค์ได้ที่เว็บไซต์www.hondabigbike.com พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆได้ที่แฟนเพจของฮอนด้าบิ๊กไบค์ www.facebook.com/HondaBigBike และอินสตราแกรม IG:HondaBigBike

activity on December 02, 2015, 08:32:48 AM
ปตท. ตอกย้ำความเป็น PTT Life Station พร้อมเชิญชวนซื้อน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 40% ในงาน MOTOR EXPO 2015

          พร้อมสัมผัสบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ปตท. โฉมใหม่ ที่ทันสมัย ใช้งานได้สะดวกจนหยดสุดท้าย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังสามารถสมัครสมาชิก PTT Blue Cardบัตรสะสมคะแนนเพื่อใช้แทนเงินสดได้ทันที ณ บูธ ปตท. อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2558

          นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดบูธ ปตท. ร่วมกับ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือ MOTOR EXPO 2015 โดยในปีนี้ ปตท. ได้นำผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสำหรับรถยนต์ทุกประเภทในบรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ มาจำหน่ายแก่ผู้ร่วมงานในราคาลดพิเศษสูงสุดถึง 40% โดยบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ ช่วยให้ผู้บริโภคใช้งานได้สะดวกขึ้น ที่สำคัญยังลดปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกลงได้ถึง 8-12% หรือ 300,000 กิโลกรัมต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่า 480,000 กิโลกรัมต่อปี ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ปตท. ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในประเทศต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และมีจำหน่ายแล้วใน 33 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวแทนคนไทยที่ออกไปสร้างความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงในคุณภาพสินค้าของประเทศไทยในตลาดสากล ภายใต้แนวคิด The Moving Innovation และด้วยกลยุทธ์การตลาด NEXT…Forward ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ควบคู่กับการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยช่องทางและบริการที่หลากหลาย

          นอกจากนั้น ผู้ร่วมงาน MOTOR EXPO 2015 ทุกคนยังสามารถร่วมสมัครเป็นสมาชิกบัตร PTT BLUE CARD บัตรสะสมคะแนนเพื่อใช้แทนเงินสด แลกของรางวัล และรับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรมตกแต่งตุ๊กตาก๊อดจิแฟมิลี่ DIY การเล่นเกมส์ตอบปัญหาชิงรางวัล เป็นต้น

          ทั้งนี้ นอกจากการมอบส่วนลดพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นในงาน MOTOREXPO 2015 แล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปตท. ยังได้จัดแคมเปญพิเศษ "ปตท.จัดหนัก อเมซอนจัดเต็ม แจกทอง 12 ล้าน" เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ โดยเมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ครบทุก 600 บาท หรือซื้อสินค้าที่คาเฟ่ อเมซอน ครบ 50 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ ก็มีสิทธิ์ส่งคูปองหรือใบเสร็จไปร่วมลุ้นชิงทองคำมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาทได้ทันทีจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2559 ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. และร้านคาเฟ่ อเมซอนที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

activity on December 02, 2015, 08:33:38 AM
ฮอนด้า เผยโฉม บีอาร์-วี แอคทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ใหม่ ครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32







          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการเผยโฉมครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการของฮอนด้า บีอาร์-วี แอคทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ใหม่ ซึ่งจัดแสดงร่วมกับยนตรกรรมฮอนด้าอีก12 รุ่น รวม19 คัน ภายใต้แนวคิด "Ignite Your Drive" หรือ "จุดประกายความเร้าใจแห่งการขับขี่ในแบบที่เป็นคุณ" ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 ระหว่าง วันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 ณ บูธA14 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในปีนี้ฮอนด้านำเสนอบูธภายใต้แนวคิด "Ignite Your Drive" หรือ"จุดประกายความเร้าใจแห่งการขับขี่ ในแบบที่เป็นคุณ" เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสกับยนตรกรรมอันล้ำสมัยและมีเอกลักษณ์จากฮอนด้าที่ครอบคลุมทุกความต้องการและตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวในแบบที่เป็นคุณ ซึ่งไฮไลต์สำคัญในงานนี้ ได้แก่ ยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์ที่นำเสนอได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกระดับ เริ่มด้วย ฮอนด้า ซีอาร์-วี ยนตรกรรมเอสยูวีที่ให้ทั้งความหรูหรา และการขับขี่อย่างมีระดับ และอีกหนึ่งยนตรกรรมสปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียม ฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่มีกระแสตอบรับที่ดีมากด้วยยอดจองกว่า 40,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัว และล่าสุด ฮอนด้า บีอาร์-วี ยนตรกรรมแอคทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ใหม่ ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับคอมแพคท์และซับคอมแพคท์ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งสไตล์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างยกสูงตอบรับทุกเส้นทางท้าทาย ทั้งยังเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกในระดับนี้ที่นำเสนอเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งทุกท่านจะได้สัมผัสเป็นครั้งแรกภายในงานนี้ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า"
          ฮอนด้า บีอาร์-วี มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LEDและไฟท้าย LED รูปตัว C เสริมความแข็งแกร่งด้วยล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 16 นิ้ว เปี่ยมด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน ที่ 4,700 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 สะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง มีให้เลือกทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ และเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายพร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกรูปแบบ พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่ติดตั้งอยู่ระหว่างเบาะนั่งแถวที่ 1 และแถวที่ 2 เพื่อกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ติดตั้งฟังก์ชั่นและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย พร้อมให้ความอุ่นใจในทุกการเดินทางด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับและครบครัน อาทิ ระบบถุงลมคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก(ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล ฮอนด้า ยังได้เปิดให้ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ บีอาร์-วี ฟรี กับ 16 คาแรกเตอร์ ที่สื่อแทนอารมณ์ได้ไม่ซ้ำแบบใคร ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
          นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น ฮอนด้า จึงแนะนำ เอชอาร์-วี ใหม่ ซึ่งมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้น เช่น เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น E, E Limited และ EL) และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมในทุกรุ่น เช่น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ และล้ออัลลอยสไตล์สปอร์ตที่โดดเด่นในทุกมิติ อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้อยที่สุด โดยเอชอาร์-วี ใหม่ พร้อมที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าภายในต้นปีหน้า
          ภายในงาน ฮอนด้ายังได้มอบแคมเปญสุดพิเศษและข้อเสนอที่แตกต่างกันสำหรับรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น และพบกับข้อเสนอเดียวกันนี้ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31ธันวาคม 2558 อาทิ
          · แคมเปญ ฮอนด้า...ออกให้ โดยฮอนด้าช่วยออกค่าผ่อนให้เดือนละ 1,000 บาท นาน12 เดือน สำหรับรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้, ซิตี้ ซีเอ็นจี, แจ๊ซ และ โมบิลิโอ (เมื่อผ่อนชำระแบบประเภทเช่าซื้อกับบริษัทฯ ที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ ฮอนด้า ลีซซิ่ง, ลีซซิ่ง กสิกรไทย,ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารธนชาติ)
          · ฮอนด้า บริโอ้, บริโอ้ อเมซ, ซีวิค และแอคคอร์ด ไฮบริด ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย (สำหรับผู้ที่ซื้อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด รับฟรี แพคเกจท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ 6 วัน 4 คืน สำหรับ 2 ท่าน มูลค่ารวม 160,000 บาท)
          · ฮอนด้า ซิตี้, ซิตี้ ซีเอ็นจี และแอคคอร์ด ดอกเบี้ย 0%
          · ฮอนด้า ซีอาร์-วี ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99%
          · ฮอนด้า โมบิลิโอ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.29%
          · ฮอนด้า แจ๊ซ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.59%
          · พิเศษ ออกรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น รับฟรี "ฮอนด้า อัลติเมท แคร์" ขยายระยะเวลารับประกันออกไปเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (จากเดิม 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร) และขยายเวลาการบริการช่วยเหลือนอกสถานที่ตลอด 24 ชั่วโมง ออกไปเป็น 5 ปี เช่นกัน
          ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธฮอนด้าภายในงาน หรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ www.honda.co.th

activity on December 02, 2015, 08:34:26 AM
Honda unveils the New “Honda BR-V”, an Active Sport Crossover Its First Preview at the 32nd Thailand International Motor Expo







          Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd.reiterates its leadership in automobile innovation for all lifestyle preferences with its first preview of the new Honda BR-V, an active sport crossover vehicle, exhibiting together with 12 models with a total 19 units under the concept of "Ignite Your Drive" at the 32nd Thailand International Motor Expo, which runs from December 2nd until 13th, 2015 at booth No. A14 in Challenger Hall 2, IMPACT Muang Thong Thani.

          Mr. Pitak Pruittisarikorn, Chief Operating Officer of Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd., said, "This year, Honda booth concept is "Ignite Your Drive" to let you experience our advanced automobiles filled with unique Honda characteristics that complete coverage of your needs and perfectly fulfills your lifestyle preferences.The highlights are the sport utility vehicles that cover SUV categories in all segment; Honda CR-V, a luxurious and elegant SUV, Honda HR-V, a premium sport crossover that received a highly favorable response with orders exceeding 40,000 units since its launching date, and the latest Honda BR-V, an active sport crossover that fit with all active lifestyles of the new generation, especially customers in compact and sub-compact segments. Honda BR-V stands out with its sturdy exterior, sporty look, and high ground clearance that make it ready to challenge all paths. This is the first SUV in its class to offer seven seats in three rows. It is being unveiled to you for the first time today before its official launch early next year.

          The all-new Honda BR-V looks distinctively sporty with its projector headlights with LED Position Lamp, LED tail lights in C shape design, and new 16-inch aluminum alloy wheels. The BR-V is powered by a 1.5-liter SOHC, 4-cylinder, 16-valve i-VTEC engine that delivers 117 horsepower at 6,000 rpm and maximum torque of 146 Newton-meters at 4,700 rpm, plus a new Continuously Variable Transmission (CVT) developed under Honda's "Earth Dreams Technology" to deliver powerful driving performance and fuel efficiency. The engine is compatible with E85 fuel. The interior design features a spacious and comfortable cabin with two seating styles designed for versatile uses: seven seats in three rows with multi-adjustable functions, and five seats in two row configuration with large utility space. It is also equipped an automatic air-conditioning system and rear-passenger air vents between front and second row seats to distribute air flow to all zones of the cabin. The new active sport crossover is fully equipped with advanced functionalities, convenience features along with high-standard safety systems such as dual SRS airbag, Anti-lock Braking System (ABS) and Electronic Brake Distribution (EBD), Vehicle Stability Assist (VSA)and Hill Start Assist (HAS). To respond to the digital lifestyle today, Honda also introduced the all-new Honda BR-V's Line stickers for free download, coming with 16 characters that portray various moods.

          In further response to the demand of customers, Honda would like to introducethe new Honda HR-V which is equipped with modern functionalities for maximum comfort in all variants, such as 8-way electrically-adjustable driver's seat (available with E, E Limited and EL variants) and upgraded standard equipment in all variants i.e. the Paddle Shift and the Cruise Control System, 6.1-inch Display Audio that support smart phone connectivity and a Multi-angle Rearview Camera with three-level adjustment. This new model also stands out with its sporty alloy wheels in all variants. The new HR-V has a product development to minimize impacts on its retail prices under the new tax rates. It can be delivered early next year.

          Honda booth at the event and all Honda dealers nationwide are offering special campaigns for all models that will make ownership of Honda cars much easier for our customers from now until 31 December 2015 such as;

          Honda offers 1,000 baht/month installment for 12 months consecutively for Honda City, City CNG, Jazz and Mobilio (installment to participating leasing companies including Honda Leasing (Thailand) Co., Ltd. (HLTC), Kasikorn Leasing Co., Ltd. (KLeasing), Bank of Ayudhya Pcl., and Thanachart Bank)The Brio, Brio Amaze, Civic and Accord Hybrid come with 0% interestplus free car insurance (Honda Accord Hybrid: Free 6-day-4-night Switzerland package tour for 2 persons valued at 160,000 baht)The City, City CNG and Accord come with 0% interestThe CR-V comes with 0.99% special interest rateThe Mobilio comes with 1.29% special interest rate The Jazz comes with 1.59% special interest rateSpecial offers for all Honda models, get free "Honda Ultimate Care"extended warranty program to 5 years or 140,000 km. (from previous offer of three-year or 100,000 km.) as well as extended 5 years of 24-hour emergency roadside assistance.

          For further information and updates, please visit Honda booth at the 32ndThailand International Motor Expo 2015 or Honda dealers nationwide orwww.honda.co.th

activity on December 02, 2015, 08:35:11 AM
รอยัล เอนฟิลด์ พร้อมเปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2015





          รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มียอดขายเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก เตรียมประกาศการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ Thailand International Motor Expo 2015 ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ด้วยวิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (เครื่องยนต์ 250-750 ซีซี) โดย รอยัล เอนฟิลด์ เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและมีการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ทั้งในสหราชอาณาจักร ยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้

          รอยัล เอนฟิลด์ จะยกทัพรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์เสริมมาจัดแสดงอย่างครบครัน ในงานมหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2015 โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่รอยัล เอนฟิลด์ ให้ความสำคัญ เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นงานอดิเรก อีกทั้งยังมีภูมิประเทศที่สวยงามและเหมาะสำหรับการขับขี่เพื่อท่องเที่ยว ซึ่งรถจักรยานยนต์อเนกประสงค์ในสไตล์คลาสสิกของรอยัล เอนฟิลด์ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงาน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพที่จะขยายตัวตามความต้องการของลูกค้าที่อยากเปลี่ยนไปใช้รถจักรยานยนต์ขนาดกลางที่มีเครื่องยนต์ 250-750 ซีซี

          ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิลด์ นับเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงทำตลาดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2444 ที่เมืองเรดดิทช์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งในสมัยนั้นผู้คนนิยมใช้รถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ที่ดีและดูแลรักษาง่าย ซึ่งรอยัล เอนฟิลด์ ประสบความสำเร็จในการนำเสนอรถที่มีดีไซน์แบบโมเดิร์นคลาสสิค ขับขี่ง่าย และไม่ล้าสมัย แม้ว่าปัจจุบันแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ จะได้รับการพัฒนาให้ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์สายพันธุ์อังกฤษไว้ ด้วยดีไซน์ที่มีกลิ่นอายคลาสสิค แต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยปัจจุบันรอยัล เอนฟิลด์ เป็นส่วนหนึ่งของ ไอเคอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด (Eicher Motors Ltd) หนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอินเดีย

          ทุกท่านสามารถเยี่ยมชมรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์เสริมจาก รอยัล เอนฟิลด์ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้ที่บูธH05 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558

activity on December 02, 2015, 08:35:44 AM
รอยัล เอนฟิลด์ เตรียมยกทัพรุกตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในไทย



          แบรนด์รถจักรยานยนต์ระดับตำนาน จากประวัติศาสตร์กว่า 114 ปี เปิดตัวสู่ตลาดไทยในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 เตรียมเปิดโชว์รูมแห่งแรกในกรุงเทพฯ เร็ว ๆ นี้

          รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มียอดขายเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก ประกาศการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเผยวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ภายใต้กลยุทธ์สร้างการเติบโตและมุ่งเน้นความเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (เครื่องยนต์ 250-750 ซีซี) ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรอยัล เอนฟิลด์ เป็นแบรนด์จักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงทำตลาดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2444 ที่เมืองเรดดิทช์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์สายพันธุ์อังกฤษระดับไอคอนนิค ในเครือของ ไอเคอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด ผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศอินเดีย

          มร.อรุณ โกปาล ประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศของรอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า "วงการจักรยานยนต์สำหรับผู้รักการขับขี่เป็นงานอดิเรก หรือ Leisure Motorcycling ในยุคนี้ ได้หันไปพัฒนารถที่เน้นความใหญ่และความแรงกันมาก ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองหารถจักรยานยนต์ที่เป็นเจ้าของได้ง่ายและดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ซึ่งรอยัล เอนฟิลด์ เชื่อว่าเราพร้อมตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ด้วยรถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์แบบโมเดิร์น คลาสสิค ซึ่งเรียบง่าย ไม่ล้าสมัย มีเสน่ห์ และขับขี่ได้สนุก เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสถึงประสบการณ์ในการขับขี่อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนนในเมือง การขับขี่ไปท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน หรือการขับขี่ตามเส้นทางผจญภัย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับทั้งผู้ขับขี่มือใหม่และผู้ที่มีความชำนาญ รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ มีการผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เข้ากับคุณภาพในการผลิตที่ยอดเยี่ยม เพื่อสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างผู้ขับขี่ ตัวรถ และพื้นถนน ผู้ใช้จึงได้รับประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร"

          รอยัล เอนฟิลด์ ได้นำรถจักรยานยนต์สุดคลาสสิคหลากรุ่น พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมล่าสุด และเครื่องแต่งกาย มาจัดแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งนี้ ได้แก่
          รถระดับตำนาน รุ่น บุลเล็ต 500 ซีซี
          รถสไตล์เรโทร รุ่น คลาสสิก 500 ซีซี และ คลาสสิก โครม
          รถสไตล์คาเฟ่ เรเซอร์ รุ่น คอนติเนนทัล จีที (535 ซีซี)

          มร.อรุณ กล่าวเสริมเกี่ยวกับความคาดหวังในประเทศไทย ว่า "ที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในอินเดีย และประสบความสำเร็จด้วยอัตราการเติบโตต่อปีสูงถึง 50% ตลอดช่วงห้าปีที่ผ่านมา เราจึงมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำที่ผลักดันตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางซึ่งยังไม่ค่อยได้รับความสนใจ ให้มีการเติบโตทั่วโลก โดยขับเคลื่อนในตลาดสำคัญทั้งอินเดีย ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีปัจจัยบวกด้วยขนาดของตลาดและจำนวนผู้เดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงานในแต่ละวัน สำหรับในประเทศไทยเองก็มีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการขับรถจักรยานยนต์เป็นงานอดิเรกเป็นจำนวนมาก และมีการรวมตัวเป็นชุมชนของคนที่มีความสนใจร่วมกัน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่รอยัล เอนฟิลด์ จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการในตลาดนี้ ด้วยหัวใจหลักของแบรนด์ก็คือการผจญภัยและการออกเดินทางเพื่อค้นหา"

          "ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงเป็นตลาดที่รอยัล เอนฟิลด์ ให้ความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ยังถือเป็นตลาด Leisure Motorcycling ที่ก้าวหน้ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญประเทศไทยยังมีผู้เดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีทางเลือกใหม่เข้ามา ก็มีโอกาสสูงที่จะลูกค้าจะเปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ที่มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งรถจักรยานยนต์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของรอยัล เอนฟิลด์ ก็พร้อมเข้ามาเติมเต็มความต้องการดังกล่าว และกระตุ้นความสนใจรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในไทยให้เพิ่มมากขึ้น" มร.อรุณ กล่าว

          นายณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ กรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และผลิตภัณฑ์รอยัลเอนฟิลด์อย่างเป็นทางการรายแรกในประเทศไทย กล่าวว่า "เรามองเห็นโอกาสที่ดีในการเปิดตัว รอยัล เอนฟิลด์ สู่กลุ่มลูกค้าชาวไทย เพราะมีฐานของผู้ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์คลาสสิคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงานในแต่ละวันสูงถึง 1.6 ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ขนาดกลางของรอยัล เอนฟิลด์ เราจึงเชื่อมั่นว่ารอยัล เอนฟิลด์ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ขับขี่ชาวไทย ด้วยรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง แต่ใช้งานง่าย รวมทั้งความพร้อมในการให้บริการอุปกรณ์เสริม เครื่องแต่งกาย อะไหล่ และบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ"

          รอยัล เอนฟิลด์ จะเริ่มนำรถเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ที่โชว์รูมทองหล่อ ผ่านผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายแรกในประเทศไทยคือ บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ซึ่งจะดูแลการพัฒนาศูนย์บริการและบริการหลังการขายของรอยัล เอนฟิลด์ ในภูมิภาคนี้ด้วย

          ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ รอยัล เอนฟิลด์ ได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก ทั้งลอนดอน มาดริด ปารีส ดูไบ โบโกต้า และเมเดยิน โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา ยอดขายของรอยัล เอนฟิลด์ มีการเติบโตสูงถึง 70% ด้วยยอดขายรวมทั่วโลกกว่า300,000 คัน จนทำให้บริษัทแม่คือ ไอเคอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด สามารถสร้างรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในปี 2558 รอยัล เอนฟิลด์ ตั้งเป้าที่จะผลิตรถจักรยานยนต์รวม 450,000 คัน เพื่อรองรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลก และก้าวไปสู่เป้าหมายในการผลิตรถจักรยานยนต์ให้ได้ 900,000 คันภายในปี 2561 จากสายการผลิตในโรงงานสองแห่งในปัจจุบัน รวมถึงโรงงานแห่งที่สามที่มีแผนจะสร้างขึ้นที่รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ รอยัล เอนฟิลด์ ยังเดินหน้าก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาใหม่สองแห่งในอินเดียและสหราชอาณาจักร เพื่อเสริมศักยภาพและกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระยะยาว รวมทั้งก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในระดับโลก