91
Sport News & Motor Sport / “แมคกิบบิน” นำต่อครึ่งทาง ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น “กิรเดช-แจ๊ส” ตามสองสโตรค
« Last post by happy on October 31, 2025, 09:45:14 PM »“แมคกิบบิน” นำต่อครึ่งทาง ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น “กิรเดช-แจ๊ส” ตามสองสโตรค

ทอม แมคกิบบิน

กิรเดช อภิบาลรัตน์

อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์

แพทริค รีด
31 ตุลาคม 2568 – กิรเดช อภิบาลรัตน์ และ อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ ทำสกอร์รวมสองวันเท่ากันที่ 13 อันเดอร์พาร์ 127 ตามหลัง ทอม แมคกิบบิน จากไอร์แลนด์เหนือ ที่รักษาตำแหน่งผู้นำต่ออยู่สองสโตรค หลังผ่านครึ่งทางกอล์ฟอินเตอร์เนชั่นแนลซีรีส์รายการ “ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น” ที่สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ พาร์ 70 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา (ภาพ: Asian Tour)
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ รายการที่ 7 ของฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 62 ล้านบาท ณ สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,710 หลา พาร์ 70 ในเมืองฟานหลิง เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายนนี้ โดยมีนักกอล์ฟชาวไทยลงชิงชัย 24 คน โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 380,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมสิทธิ์ไปเล่นสองรายการเมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส และ ดิ โอเพ่น ในปีหน้า
ผ่านครึ่งทางของการชิงชัยปรากฎว่า โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2013 หวดเพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ 65 จากการทำ 1 อีเกิ้ล กับ 6 เบอร์ดี้ เสียไป 3 โบกี้ รวมสองวัน 13 อันเดอร์พาร์ 127 เท่ากับ โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2019 ที่ตีเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 66 จากการทำ 2 อีเกิ้ล กับ 2 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ รั้งอันดับสองร่วมกับ ปีเตอร์ ยูไลน์ โปรจากลิฟกอล์ฟชาวอเมริกัน โดยมีสกอร์ไล่ตาม ทอม แมคกิบบิน ผู้นำรอบแรกจากไอร์แลนด์เหนือ สองสโตรค
ทางด้าน แมคกิบบิน นักกอล์ฟวัย 22 ปี สมาชิกทีม Legion XIII ในลิฟกอล์ฟลีก รักษาฟอร์มเหนียวหวดได้อีก 5 เบอร์ดี้ ไม่มีโบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 65 รักษาตำแหน่งจ่าฝูงต่อด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 125 ขณะที่ดาวดังของโลกอย่าง หลุยส์ อุสธุยเซน แชมป์ดิ โอเพ่น 2010 จากแอฟริกาใต้, ชาร์ลส์ ฮาเวลล์ เดอะเธิร์ด จากสหรัฐฯ และโธมัส พีเตอร์ส จากเยอรมนี ตามมาที่อันดับ 5 ร่วมด้วยสกอร์คนละ 12 อันเดอร์พาร์ 128
กิรเดช นักกอล์ฟจากดีพีเวิลด์ทัวร์ เผยว่า “โดยรวมแล้วเป็นวันที่ดีมาก แม้ว่าจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก ผมเปิดด้วยโบกี้หลังจากไดรฟ์ไปไม่ดี แต่ก็กลับมาได้เร็วด้วยเบอร์ดี้ที่หลุมสองและสาม ซึ่งทำให้ผมกลับมาเล่นได้อีกครั้ง วันนี้ไดรฟ์อาจจะไม่คมเท่าเมื่อวาน แต่ผมจัดการเกมได้ดี ตั้งใจตีขึ้นกรีนให้ได้มากที่สุด ความรู้สึกในการพัตต์ก็ดีมาก สปีดดี และอ่านไลน์ได้ดีทั้งวัน ตอนนี้ผมกำลังมีโมเมนตัมที่ดี การทำเบอร์ดี้ได้เยอะๆ และการเห็นตัวเองทำสกอร์ต่ำๆ ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น สกอร์ตามหลังอยู่แค่สองสโตรก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการจัดการเกมและทำตามแผนให้ดีที่สุดในสองวันที่เหลือ”
ทางด้าน อติวิชญ์ เจ้าของแชมป์เอเชียน ทัวร์ 7 รายการ กล่าวว่า “วันนี้ดีได้ดีกว่าที่คาดไว้ รอบซ้อมผมตีได้แย่มาก แต่ผมมีเป้าหมายเดียวคือหาจังหวะเล่นให้ได้ ออกไปตีให้สุดแล้วพยายามทำแต้มให้ได้ สองวันนี้ผมพัตต์ได้ดีทำให้ได้สกอร์เยอะ หวังว่าผมจะตีแฟร์เวย์และกรีนได้อีกครั้ง และหวังว่าพัตเตอร์จะทำผลงานได้ดีในสองวันสุดท้าย”
ขณะที่ดาวดังโลกอย่าง แพทริค รีด แชมป์เก่าชาวอเมริกัน และแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2018 เก็บได้เพียง 1 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสองวันมี 6 อันเดอร์พาร์ 134 อยู่ในกลุ่มอันดับ 41 ร่วมกับ พอล เคซีย์ เจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ 3 รายการจากอังกฤษ
ทั้งนี้หลังจบรอบสองทัวร์นาเมนท์ตัดตัวนักกอล์ฟไปเล่นสองวันสุดท้ายที่สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 135 มีนักกอล์ฟไทยผ่านเข้ารอบได้ 14 คน อาทิ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ (62) สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 130 อันดับ 12 ร่วม, อติรุจ วินัยเจริญชัย (67) สกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 132 อยู่อันดับ 20 ร่วม, รฐนน วรรณศรีจันทร์ (67), สาริศ สุวรรณรัตน์ (69) และ ทีเค-รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัตรเล่นชื่อดัง (67) สกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 133 รั้งอันดับ 27 ร่วม
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
92
Sport News & Motor Sport / เช็คฟิดกับ 8 คู่มวยสมบูรณ์สุดขีดผ่านพิกัดทุกคู่กับ ศึก "คาดิซ ไฟท์ไนท์"
« Last post by happy on October 31, 2025, 09:03:32 PM »เช็คฟิดกับ 8 คู่มวยสมบูรณ์สุดขีดผ่านพิกัดทุกคู่กับ ศึก "คาดิซ ไฟท์ไนท์" คู่เอกชิงแชมป์โลก IBF Muay Thai รุ่นเฟเธอร์เวท126 ปอนด์ (57กก.) คาร์ลอส โคเอลโญ่ กับนักชกจอมเก๋าจากไทย รุ่งสยาม ส.โชคอำนวย วันที่ 1 พ.ย. 68 ณ.สนามมวยเวทีลุมพินี รามอินทรา กรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมสนามมวยลุมพินี ได้จัดให้มีการชั่งน้ำหนักและตรวจร่างกายนักมวย 8 คู่มวยนัดยิ่งใหญ่กับศึก "คาดิซ ไฟท์ไนท์" โดยนักชกชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติต่างผ่านพิกัดทุกคู่ สภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มที่พร้อมดวลเดือด
สำหรับคู่มวยในรายการมีดังนี้


คู่ที่ 1. มวยหญิง พิกัด 58 กก. (3 ยก) หงษ์พลอยเล็ก นักชกไทย พบกับ อาเดรียน่า มาร์ติเนซ นักชกสเปน
คู่ที่ 2.. มวยหญิง พิกัด 55 กก. (3 ยก) ข้างฟ่าง นักชกไทย พบกับ บลังก้า อิบาเนซ นักชกสเปน
คู่ที่ 3. พิกัด 67 กก. (3ยก) ปีใหม่ ป.กอบเกื้อ นักชกไทย พบกับ ฮอเก้ ปาสเตอร์ นักชกสเปน


คู่ที่ 4. พิกัด 67 กก. (3 ยก) ขวัญเอก พบกับ ฮวน มาติเนซ นักชกสเปน
คู่ที่ 5. พิกัด 58 กก (3 ยก) หงษ์ทอง นักชกไทย พบกับ รีเบคคา โรดริเกวซ นักชกสเปน
คู่ที่ 6. พิกัด 60 กก. (3 ยก) สิงห์ปืนใหญ่ สจ.เล็กเมืองนนท์ นักชกไทย พบกับ ซานโด้ มาร์ติน



คู่ที่ 7. พิกัด 55 กก. (3 ยก) โรบินฮู๊ด อินทร์ไฟท์สไตส์ นักชกไทย พบกับ อัลเบิร์ต คัมโปส
คู่ที่ 8. คู่เอกของรายการ พิกัด 57 กก. (5 ยก) เป็นการชิงแชมป์ IBF ระหว่าง นักชกจอมเก๋าจากประเทศไทย รุ่งสยาม ส.โชคอำนวย พบกับ นักชกพันธุ์ดุจากสเปน คาร์ลอส โคเอลโญ่
93
news & activity / จุฬาฯชวนเปิดมุมมองผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาในงาน“President's
« Last post by happy on October 31, 2025, 08:33:41 PM »จุฬาฯ ชวนเปิดมุมมองผู้นำระดับโลก ด้านนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
ในงาน “President's Distinguished Speaker #6”
ในงาน “President's Distinguished Speaker #6”

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอเชิญชวนบุคคลทั่วไป ผู้สนใจด้านนวัตกรรม และบุคลากรในระบบนิเวศธุรกิจนวัตกรรม เข้าร่วมรับชมการถ่ายทอดสด (Live Streaming) งาน “President's Distinguished Speaker” ครั้งที่ 6 เพื่อเปิดมุมมองและรับฟังแนวคิดจากสองผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรม และทรัพย์สินทางปัญญาที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมและการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาในระดับสากล

ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับนานาชาติสองท่าน ได้แก่ Ms. Katharine Ku ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสด้านการอนุญาตให้ใช้สิทธิ แห่งบริษัท Wilson Sonsini Goodrich & Rosati และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานอนุญาตให้ใช้สิทธิแห่ง Stanford University ผู้มีประสบการณ์ถ่ายทอดเทคโนโลยีกว่า 27 ปี และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนงานวิจัยเชิงวิชาการให้กลายเป็น นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ที่สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก

อีกหนึ่งท่านคือ Mr. Marco M. Alemán ผู้ช่วยอธิบดี องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ผู้ขับเคลื่อนพันธกิจหลักของ WIPO ในการเปลี่ยน “ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP)” ให้เป็นพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในการกำหนดนโยบายและขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาในระดับประเทศทั่วโลก
ผู้เข้าร่วมงานจะได้ฟังมุมมองเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและแนวโน้มการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากนวัตกรรมในระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และองค์กรนวัตกรรมชั้นนำ
งาน “President's Distinguished Speaker #6” จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.00 – 21.00 น. ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมรับชมผ่านการถ่ายทอดสด (Live Streaming) ทาง Facebook Page: Chulalongkorn University
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: CU Innovation Hub, โทรศัพท์ 02-218-0672 หรือ Line: @cuihub
94
news & activity / สจล. จับมือ เขตลาดกระบัง เตรียมจัดงาน “ลาดกระบังนิทรรศน์ 2569” แสดงผลงานนวัตกรรม
« Last post by happy on October 31, 2025, 07:55:41 PM »สจล. จับมือ เขตลาดกระบัง เตรียมจัดงาน “ลาดกระบังนิทรรศน์ 2569”
แสดงผลงานนวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่
แสดงผลงานนวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 - รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันฯ ได้เข้าพบและหารือกับนายธราพงษ์ เพ็ชร์คง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงาน “ลาดกระบังนิทรรศน์ 2569” ซึ่งถือเป็นงานแสดงผลงานนวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของสถาบัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 66 ปี สจล. โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 30 สิงหาคม 2569

การจัดงานในครั้งนี้มุ่งเน้นการ บูรณาการองค์ความรู้จาก สจล. สู่ชุมชนรอบข้าง ผ่านความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ ในการร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นกระบวนการ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้สองทาง (Two-way learning) เพื่อให้แนวทางการพัฒนาตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง และสร้างรูปแบบการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนในระยะยาว

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดง นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อสถาบันและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในวาระสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่สมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน “ลาดกระบังนิทรรศ’19” อันเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งการพัฒนา สจล.
ทั้งนี้ สำนักงานเขตลาดกระบังได้แสดงความพร้อมในการร่วมมือกับ สจล. ในทุกมิติ เพื่อให้ “ลาดกระบังนิทรรศน์ 2569” เป็นเวทีสำคัญในการต่อยอดศักยภาพของชุมชน ทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสังคม นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ลาดกระบังอย่างยั่งยืน
ติดตามข้อมูลข่าวสารของ สจล. ได้ที่ https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ www.kmitl.ac.th สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 329 8000
95
news & activity / มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินสายสร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง
« Last post by happy on October 31, 2025, 05:15:24 PM »มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินสายสร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง
มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ให้แก่ครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดชุมพร
ณ หอประชุมแปดเหลี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร

มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ให้แก่ครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดชุมพร
ณ หอประชุมแปดเหลี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชุมพร มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในพื้นที่จังหวัดชุมพร (จังหวัดที่ 2 ของทางภาคใต้) จำนวน 42 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,012,670 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผมชาย-หญิง และกิจกรรมนันทนาการ โดยมี นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสงัด พืชพันธุ์ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี คณะมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายกวินรัฏฐ์ ยศอมรสุนทร (หยวน-กวินรัฏฐ์) และนางสาวพัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์ (เกรซ-พัชร์สิตา) ร่วมในพิธี ณ หอประชุมแปดเหลี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยได้ดำเนินการไปแล้ว 3 ระยะ โดยกลุ่มเป้าหมายแรก ระยะที่ 1 ดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางแล้วจำนวน 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ระยะที่ 2 ได้ดำเนินการในพื้นที่ภาคเหนือแล้วจำนวน 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ระยะที่ 3 ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัด ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหนือ 20 จังหวัด รวม 485 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังได้มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนผู้ประสบอุทกภัย ประจำปี พ.ศ.2567 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดเชียงราย อีกจำนวน 57 ครัวเรือน รวมจำนวนครัวเรือนยากจนที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ด้วยการมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแล้วทั้งสิ้น 870 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท รวมจำนวนครัวเรือนยากจนที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ด้วยการมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแล้วทั้งสิ้น 870 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท และในขณะนี้ได้พิจารณาดำเนินการพื้นที่ภาคใต้ รวม 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล กระบี่ ภูเก็ต ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
96
news & activity / "อัครา" ชู MOU 4 กระทรวง 3 สมาคม อปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย
« Last post by happy on October 31, 2025, 04:44:52 PM »"อัครา" ชู MOU 4 กระทรวง 3 สมาคม อปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย
เริ่มต้นจากครอบครัว พร้อมหนุน "พม.ใกล้คุณ" เข้าถึงสิทธิสวัสดิการทั่วไทย

เริ่มต้นจากครอบครัว พร้อมหนุน "พม.ใกล้คุณ" เข้าถึงสิทธิสวัสดิการทั่วไทย

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวปาฐกถา "การยกระดับและการพัฒนาคนใกล้คุณ : Family First & Care Economy" , ทิศทางงานด้านการพัฒนาสังคม และสวัสดิการ แบบ Family First , โอกาส และความท้าทายของเศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) และบทบาทหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นใกล้คุณ ในงาน "การบูรณาการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย" จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวต้อนรับ ซึ่งมี คณะผู้บริหารกระทรวง พม. พร้อมหัวหน้าหน่วยงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ ทีม พม.ใกล้คุณ ทั่วประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี และผ่านการถ่ายทอดสด (LIVE) ทางเพจ FACEBOOK : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายอัครา กล่าวว่า ตนขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งความรัก ความเพียร และการไม่ทอดทิ้งกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสตรี เด็กและเยาวชน เสริมพลังครอบครัว และโอบอุ้มผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งแนวพระราชดำริของพระองค์ คือ แรงบันดาลใจในการทำงานที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเชื่อมโยงกับการคุ้มครองทางสังคมในการสร้างโอกาสทางอาชีพที่วัดผลได้จริง ซึ่งวันนี้เราเป็นตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) , กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) , สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย , สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ขอร่วมสืบสานพระราชปณิธาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เริ่มจากครอบครัวสู่ชุมชน และงอกงามเป็นความมั่นคงของชาติต่อไป
นายอัครา กล่าวว่า ตามที่ตนได้มอบนโยบายให้กับกระทรวง พม. และได้นิยามแนวทางการทำงานของกระทรวง พม. ภายใต้นโยบาย "พม.ใกล้คุณ" ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวง พม. โดยยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง และวางแผนการพัฒนาคนแบบ Family First ที่ต้องเริ่มต้นจากครอบครัว มีการเชื่อมสิทธิและสวัสดิการที่พึงได้ การติดตามแก้ไขหนี้สินแบบมุ่งเป้า และการพัฒนาอาชีพใกล้บ้าน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจใส่ใจ หรือ Care Economy ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จำเป็นต้องมีการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงาน เป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาสังคม และปัญหาของกลุ่มคนเปราะบางของประเทศไทยได้ ทั้งนี้ จึงขอเชิญร่วมเป็นพันธมิตรในการทำงานในมิติใหม่แบบบูรณาการร่วมกับกระทรวง พม. ซึ่งนโยบาย "พม. ใกล้คุณ" สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเป็นนโยบายที่มาจากปัญหาใกล้ตัว โดยประกอบด้วย 2 นโยบายสำคัญ ได้แก่ การลดรายจ่ายครัวเรือนเปราะบางทั่วประเทศ และการสร้างเศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) ด้วยการสร้างอาชีพใกล้ครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับการลดรายจ่ายครัวเรือนนั้น มีการส่งเสริมให้ทุกครอบครัวเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสังคม ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน นั้น มีการส่งเสริมหลายมิติ อาทิ การเป็นผู้ดูแลคนพิการหรือผู้สูงอายุ การใช้กลไกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในการระดมภาคเอกชนและประชาชน ให้เป็น Market Place ที่สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพสำหรับกลุ่มคนเปราะบางได้ ในขณะที่ เศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) จำเป็นต้องมีระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ได้รับความร่วมมือกับกระทรวง ศธ. กษ. และ กก. รวมทั้ง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการทำงานร่วมกับกระทรวง พม. ในเชิงรุก และนำภารกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วมาต่อยอดขยายผลและเชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพใกล้บ้านให้กับทุกครอบครัว อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทุกๆ หน่วยงานมีการอบรมหลากหลายด้านเพื่อสร้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมด้านการเพาะปลูก การประกอบอาชีพอาหาร การท่องเที่ยวชุมชน และการขายของออนไลน์
นายอัครา กล่าวว่า ตามที่ตนได้มอบนโยบายให้กับกระทรวง พม. และได้นิยามแนวทางการทำงานของกระทรวง พม. ภายใต้นโยบาย "พม.ใกล้คุณ" ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวง พม. โดยยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง และวางแผนการพัฒนาคนแบบ Family First ที่ต้องเริ่มต้นจากครอบครัว มีการเชื่อมสิทธิและสวัสดิการที่พึงได้ การติดตามแก้ไขหนี้สินแบบมุ่งเป้า และการพัฒนาอาชีพใกล้บ้าน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจใส่ใจ หรือ Care Economy ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จำเป็นต้องมีการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงาน เป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาสังคม และปัญหาของกลุ่มคนเปราะบางของประเทศไทยได้ ทั้งนี้ จึงขอเชิญร่วมเป็นพันธมิตรในการทำงานในมิติใหม่แบบบูรณาการร่วมกับกระทรวง พม. ซึ่งนโยบาย "พม. ใกล้คุณ" สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเป็นนโยบายที่มาจากปัญหาใกล้ตัว โดยประกอบด้วย 2 นโยบายสำคัญ ได้แก่ การลดรายจ่ายครัวเรือนเปราะบางทั่วประเทศ และการสร้างเศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) ด้วยการสร้างอาชีพใกล้ครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับการลดรายจ่ายครัวเรือนนั้น มีการส่งเสริมให้ทุกครอบครัวเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสังคม ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน นั้น มีการส่งเสริมหลายมิติ อาทิ การเป็นผู้ดูแลคนพิการหรือผู้สูงอายุ การใช้กลไกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในการระดมภาคเอกชนและประชาชน ให้เป็น Market Place ที่สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพสำหรับกลุ่มคนเปราะบางได้ ในขณะที่ เศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) จำเป็นต้องมีระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ได้รับความร่วมมือกับกระทรวง ศธ. กษ. และ กก. รวมทั้ง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการทำงานร่วมกับกระทรวง พม. ในเชิงรุก และนำภารกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วมาต่อยอดขยายผลและเชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพใกล้บ้านให้กับทุกครอบครัว อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทุกๆ หน่วยงานมีการอบรมหลากหลายด้านเพื่อสร้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมด้านการเพาะปลูก การประกอบอาชีพอาหาร การท่องเที่ยวชุมชน และการขายของออนไลน์
นายอัครา กล่าวว่า วันนี้ ทั้ง 3 สมาคม อปท. จะเป็นเจ้าภาพ โดยยึดพื้นที่ (Area Base) เป็นสำคัญ เนื่องจากทั้ง 3 สมาคม อปท. ทำงานใกล้ชิดกับครอบครัวในพื้นที่ และทำงานแบบมุ่งเป้า เพื่อให้เกิดการพัฒนาแผนงาน โครงการ หรือมาตรการที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนาม MOU ในช่วงบ่ายของวันนี้ เราจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนงานเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ โดยการกำหนดพื้นที่ (Area Base) ของครอบครัว แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก กลุ่มครอบครัวในพื้นที่ท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ขับเคลื่อนโดยทุก ๆ หน่วยงาน และกลุ่มที่ 2 กลุ่มครอบครัวในศูนย์ สถาน บ้าน นิคม รวม 515 แห่งของกระทรวง.พม.
นายอัครา กล่าวว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ ยังเป็นโอกาสในการเริ่มต้นการพัฒนาคนในสังคมที่ใส่ใจจากหน่วยเล็กๆ จากครอบครัวสู่ชุมชน หมู่บ้านสู่ตำบล อำเภอสู่จังหวัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาคนของชาติแบบบูรณาการร่วมกันทั้ง 7 หน่วยงาน โดยขอนำเสนอแนวทางการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นที่ อาทิ กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ พี่น้องบนพื้นที่สูง และคนชายขอบภาคเหนือ ซึ่งบริโภคไข่ไก่ในราคาที่สูง เพราะต้องซื้อไข่มาจากที่อื่น และต้องบวกราคาในการขนส่ง เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่เรามองข้าม จึงเป็นที่มาของแนวคิด "ไข่ใกล้คุณ" คือ การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ในชุมชน โดยกระทรวง กษ. จะเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ ปัจจัยการผลิต มาตรฐานการบริหารจัดการด้านปศุสัตว์ทั้งระบบ และกระทรวง ศธ. จะเข้ามาส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในวัยเรียนเข้าถึงโปรตีนจากไขไก่ที่เลี้ยงเองในครัวเรือน รวมถึงการรวมกลุ่มที่โรงเรียน ภายใต้โครงการไข่เพื่อน้อง ในขณะที่ กระทรวง กก. จะเข้ามาส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนที่มีกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วม อาทิ มีการอุดหนุนการซื้อไข่ไก่ในโครงการไข่เพื่อน้อง โดย 3 สมาคม อปม. นอกจากเข้ามาร่วมกันชี้เป้าพื้นที่แล้ว ยังเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ร่วมกับกระทรวง พม. ในการเชื่อมโยงกับหน่วยงานของพื้นที่กับหน่วยงานผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ในการดูแลกลุ่มเปราะบางให้มีอาชีพใกล้บ้านได้จริง
นอกจากนี้ จะมีการขับเคลื่อนโครงการศูนย์ร่วมสุข โดยกระทรวง พม. ให้เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เพื่อการพัฒนาโอกาสทางอาชีพและการมีรายได้ , โครงการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรท่องเที่ยว และตลาดเกษตรปลอดภัย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มคนเปราะบางทุกช่วงวัย , โครงการข้าวแกงพื้นถิ่นไทย เพื่อพัฒนาทุกชุมชนและกลุ่มคนเปราะบางให้มีสูตรอาหาร มีครัว และเชื่อมโยงกับการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นสู่การแปรรูป ให้เกิดโอกาสในการจำหน่ายและยกระดับการสร้าง Content เป็นจุดเด่นของพื้นที่ นับเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม ระหว่างสังคมและกลุ่มคนเปราะบางทุกช่วงวัย
สำหรับกลุ่มเปราะบางในศูนย์ สถาน บ้าน นิคม รวม 515 แห่งของกระทรวง พม. นั้น ถือว่าเป็นครอบครัวของ พม. เช่นกัน ซึ่งมีเป้าหมายหลัก คือ เราจะทำอย่างไรให้เกิดครอบครัว และครอบครัวอุปถัมภ์ที่มีคุณภาพ มีความเข้มแข็มในการดูแลคนเปราะบาง ด้วยกลไกของการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ตลอดจนสมาชิกครอบครัวมีรายได้ มีงานใกล้บ้าน ซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัว และคนเปราะบางดีขึ้น ถือเป็น "มาตรการกันซ้ำ" หรือการไม่ให้กลุ่มเปราะบางต้องวนเวียนในการเข้า-ออก ศูนย์ สถาน บ้าน นิคม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ศูนย์ สถาน บ้าน นิคม ของกระทรวง พม. ให้สามารถดูแลกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง นับว่าทั้ง 3 สมาคม อปท. เป็นด่านป้องกันคน้ปราะบางก่อนกลับเข้าศูนย์ สถาน บ้าน นิคม และที่สำคัญ ต้องมีการเร่งพัฒนาบริการต่าง ๆ อาทิ Day Care ที่เปิดพื้นที่ของชุมชนเพื่อฟื้นฟู-พึ่งพาอาศัย ลดภาระครอบครัวช่วงทำงาน เป็นต้น
นายอัครา กล่าวว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ ยังเป็นโอกาสในการเริ่มต้นการพัฒนาคนในสังคมที่ใส่ใจจากหน่วยเล็กๆ จากครอบครัวสู่ชุมชน หมู่บ้านสู่ตำบล อำเภอสู่จังหวัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาคนของชาติแบบบูรณาการร่วมกันทั้ง 7 หน่วยงาน โดยขอนำเสนอแนวทางการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นที่ อาทิ กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ พี่น้องบนพื้นที่สูง และคนชายขอบภาคเหนือ ซึ่งบริโภคไข่ไก่ในราคาที่สูง เพราะต้องซื้อไข่มาจากที่อื่น และต้องบวกราคาในการขนส่ง เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่เรามองข้าม จึงเป็นที่มาของแนวคิด "ไข่ใกล้คุณ" คือ การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ในชุมชน โดยกระทรวง กษ. จะเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ ปัจจัยการผลิต มาตรฐานการบริหารจัดการด้านปศุสัตว์ทั้งระบบ และกระทรวง ศธ. จะเข้ามาส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในวัยเรียนเข้าถึงโปรตีนจากไขไก่ที่เลี้ยงเองในครัวเรือน รวมถึงการรวมกลุ่มที่โรงเรียน ภายใต้โครงการไข่เพื่อน้อง ในขณะที่ กระทรวง กก. จะเข้ามาส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนที่มีกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วม อาทิ มีการอุดหนุนการซื้อไข่ไก่ในโครงการไข่เพื่อน้อง โดย 3 สมาคม อปม. นอกจากเข้ามาร่วมกันชี้เป้าพื้นที่แล้ว ยังเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ร่วมกับกระทรวง พม. ในการเชื่อมโยงกับหน่วยงานของพื้นที่กับหน่วยงานผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ในการดูแลกลุ่มเปราะบางให้มีอาชีพใกล้บ้านได้จริง
นอกจากนี้ จะมีการขับเคลื่อนโครงการศูนย์ร่วมสุข โดยกระทรวง พม. ให้เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เพื่อการพัฒนาโอกาสทางอาชีพและการมีรายได้ , โครงการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรท่องเที่ยว และตลาดเกษตรปลอดภัย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มคนเปราะบางทุกช่วงวัย , โครงการข้าวแกงพื้นถิ่นไทย เพื่อพัฒนาทุกชุมชนและกลุ่มคนเปราะบางให้มีสูตรอาหาร มีครัว และเชื่อมโยงกับการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นสู่การแปรรูป ให้เกิดโอกาสในการจำหน่ายและยกระดับการสร้าง Content เป็นจุดเด่นของพื้นที่ นับเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม ระหว่างสังคมและกลุ่มคนเปราะบางทุกช่วงวัย
สำหรับกลุ่มเปราะบางในศูนย์ สถาน บ้าน นิคม รวม 515 แห่งของกระทรวง พม. นั้น ถือว่าเป็นครอบครัวของ พม. เช่นกัน ซึ่งมีเป้าหมายหลัก คือ เราจะทำอย่างไรให้เกิดครอบครัว และครอบครัวอุปถัมภ์ที่มีคุณภาพ มีความเข้มแข็มในการดูแลคนเปราะบาง ด้วยกลไกของการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ตลอดจนสมาชิกครอบครัวมีรายได้ มีงานใกล้บ้าน ซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัว และคนเปราะบางดีขึ้น ถือเป็น "มาตรการกันซ้ำ" หรือการไม่ให้กลุ่มเปราะบางต้องวนเวียนในการเข้า-ออก ศูนย์ สถาน บ้าน นิคม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ศูนย์ สถาน บ้าน นิคม ของกระทรวง พม. ให้สามารถดูแลกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง นับว่าทั้ง 3 สมาคม อปท. เป็นด่านป้องกันคน้ปราะบางก่อนกลับเข้าศูนย์ สถาน บ้าน นิคม และที่สำคัญ ต้องมีการเร่งพัฒนาบริการต่าง ๆ อาทิ Day Care ที่เปิดพื้นที่ของชุมชนเพื่อฟื้นฟู-พึ่งพาอาศัย ลดภาระครอบครัวช่วงทำงาน เป็นต้น
นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะคนเคยทำงานในท้องถิ่น ตนมั่นใจว่า หากเรามีกระบวนการบริหารจัดการให้ 1 ครอบครัว ได้รับสิทธิสวัสดิการสังคมตามที่บริหารจัดการให้ มีการส่งเสริมให้ทุกครอบครัวมีงาน มีอาชีพใกล้บ้าน จะเป็นการลดรอยต่อในการเข้าถึงหน่วยงาน "ใกล้ตัว" ที่มีการแก้ปัญหาแบบบูรณาการได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้ พม.ใกล้คุณ สามารถทำงานใกล้กับทุกๆ หน่วยงานเพื่อพัฒนาคุณภาพครอบครัว และพัฒนาสังคมได้ ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณทุกท่านจากใจของครอบครัว พม. และทุกครอบครัวของกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ โดยความร่วมมือของเราในวันนี้ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนจาก "ความตั้งใจ" ให้เป็น "พลังปฏิบัติ" ที่จับต้องได้ และเราจะนำพาทุกชีวิตเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสังคมอย่างไร้รอยต่อ มีงาน มีรายได้ใกล้บ้าน เป็นการเพิ่มโอกาสอย่างเป็นธรรม เพื่อให้ความอบอุ่นเริ่มจากบ้าน แผ่สู่ชุมชน และงอกงามเป็นความมั่นคงของชาติสืบไป
#พมใกล้คุณ
#พมใกล้คุณ
97
Sport News & Motor Sport / “แจ๊ส” ตามสโตรคเดียว เปิดศึก ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น รอบแรก
« Last post by happy on October 30, 2025, 09:59:28 PM »“แจ๊ส” ตามสโตรคเดียว เปิดศึก ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น รอบแรก

ทอม แมคกิบบิน

อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์

โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์

แพทริค รีด
30 ตุลาคม 2568 – อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2019 ประเดิมฟอร์มร้อนแรงหวด 9 อันเดอร์พาร์ 61 แบบไม่เสียแม้โบกี้เดียว จบรอบแรกตามหลัง ทอม แมคกิบบิน จากไอร์แลนด์เหนือเพียงสโตรคเดียว ในการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนลซีรีส์รายการ “ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น” ที่สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ พาร์ 70 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา (ภาพ: Asian Tour)
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ รายการที่ 7 ของฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 62 ล้านบาท ณ สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,710 หลา พาร์ 70 ในเมืองฟานหลิง เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายนนี้ โดยมีนักกอล์ฟชาวไทยลงชิงชัย 24 คน
เปิดฉากการแข่งขันรอบแรกปรากฎว่า โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ ดีกรีแชมป์เอเชียน ทัวร์ 7 รายการ ประเดิมฟอร์มร้อนแรงหวด 9 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 9 อันเดอร์พาร์ 61 รั้งอันดับสอง โดยมี ทอม แมคกิบบิน ผู้เล่นลิฟกอล์ฟจากไอร์แลนด์เหนือ หวดสถิติสนามเข้ามา 10 อันเดอร์พาร์ 60 จากการทำ 1 อีเกิ้ล กับ 8 เบอร์ดี้ แบบไม่มีโบกี้ ขึ้นนำเดี่ยวหนึ่งสโตรค
แมคกิบบิน นักกอล์ฟวัย 22 ปี สมาชิกทีม Legion XIII ในลิฟกอล์ฟลีก เผยหลังขึ้นนำวันแรกว่า “ผมมาดูสกอร์การ์ดหลังเล่นไปแล้ว 17 หลุมแล้วเห็นว่าเป็นพาร์ 70 สำหรับสกอร์ 60 เป็นสกอร์ต่อรอบที่ต่ำที่สุดเท่าที่ผมเคยทำได้ ซึ่งก่อนหน้านี้สกอร์ 62 เป็นรอบที่ดีที่สุดของผม รู้สึกดีใจที่ตีได้ต่ำกว่านั้น เยี่ยมไปเลย”
ทางด้าน โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ผู้เล่นจากดีพีเวิลด์ ทัวร์ หวด 8 อันเดอร์พาร์ 62 จาก 9 เบอร์ดี้ เสียเพียงโบกี้เดียว ตามมาที่อันดับ 3 ร่วมกับ หลุยส์ อุสธุยเซน แชมป์ดิ โอเพ่น 2010 จากแอฟริกาใต้ และโธมัส พีเตอร์ส จากเยอรมนี โดยมี โปรเซฟ-สาริศ สุวรรณรัตน์ เจ้าของสองแชมป์เอเชียน ทัวร์ อยู่กลุ่มอันดับ 11 ร่วม ด้วยสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 64
กิรเดช อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2013 พูดถึงการกลับมาเล่นในเอเชียน ทัวร์ ว่า “เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก ผมเล่นได้สม่ำเสมอตลอดทั้งวัน ตีเหล็กดี มีพัตต์พลาดไป 2-3 หลุม แต่ก็เก็บคืนได้หลายครั้ง สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการได้กลับมาร่วมแข่งขันกับเอเชียนทัวร์อีกครั้ง ผมดีใจที่ได้เห็นเอเชียนทัวร์กำลังเติบโต และได้เห็นนักกอล์ฟฝีมือดีมากมายเกิดขึ้นจากที่นี่ ผมภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในนั้น ตารางแข่งของผมส่วนใหญ่เน้นไปที่ดีพีเวิลด์ ทัวร์ แต่ผมอยากกลับมาเล่นที่นี่เสมอ”
ขณะที่ แพทริค รีด แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2018 จากสหรัฐฯ ในฐานะแชมป์เก่าปีที่เ แล้ว ตีเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 65 อยู่ในกลุ่มอันดับ 22 ร่วมกับ ฮาโรลด์ วาร์เนอร์ เดอะ เธิร์ด ผู้เล่นจากลิฟกอล์ฟชาวอเมริกัน และอนีร์บาน ลาฮิรี โปรแถวหน้าของอินเดีย รวมถึง อติรุจ วินัยเจริญชัย, ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ และ เอกปริษฐิ์ หวู่ สามโปรกอล์ฟชาวไทย
ส่วนดาวดังของโลกอย่าง พอล เคซีย์ เจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ 3 รายการจากอังกฤษ และมิเกล ทาบัวนา ที่เพิ่งคว้าแชมป์ในบ้านที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตีมาคนละ 4 อันเดอร์พาร์ 66 รั้งอันดับ 28 ร่วม เช่นเดียวกับ สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย ดีกรีสี่แชมป์เอเชียน ทัวร์, รฐนน วรรณศรีจันทร์ เจ้าของ 3 แชมป์ในทัวร์, ชัพชัย นิราช นักกอล์ฟจอมเก๋า และ ทีเค-รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นแถวหน้าของไทย
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
98
news & activity / TK Park ส่งมอบ “มุมหนังสือนิทานภาพ” 10 จังหวัด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน พร้อมพัฒนา
« Last post by happy on October 30, 2025, 08:28:31 PM »TK Park ส่งมอบ “มุมหนังสือนิทานภาพ” 10 จังหวัด ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน
พร้อมพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วยพลังของนิทาน
พร้อมพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วยพลังของนิทาน

กรุงเทพฯ ประเทศไทย [16 ตุลาคม 2568] - สถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) เดินหน้าภารกิจการสร้างวัฒนธรรมการอ่านให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้ “โครงการ TK kidsREAD” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยผ่านนิทานภาพท้องถิ่น และการสร้างมุมนิทานภาพกระจายสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 101 แห่ง ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ

โครงการนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของ TK Park ในการขยายโอกาสการเรียนรู้สู่ทุกภูมิภาค โดยมุ่งส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยผ่านการอ่าน และสร้างรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในสังคมไทย การดำเนินงานดังกล่าวสอดคล้องกับภารกิจของ TK Park ในการสร้าง “สังคมแห่งการเรียนรู้” โดยใช้การอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังนิสัยรักการเรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์ และขยายผลสู่ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในทุกภูมิภาค

ตลอดปี 2568 TK Park ได้ดำเนินกระบวนการพัฒนาและผลิตหนังสือนิทานภาพสาระท้องถิ่นของไทย ผ่านการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งนักเขียน นักวาดภาพประกอบ หน่วยงานท้องถิ่น และชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เนื้อหาที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กและสะท้อนอัตลักษณ์ วัฒนธรรม รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละจังหวัดอย่างแท้จริง หนังสือทุกเล่มผ่านขั้นตอนการจัดทำต้นฉบับ ตรวจเนื้อหา และออกแบบอย่างประณีต จนสามารถจัดพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ พร้อมส่งต่อสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ พะเยา แพร่ ขอนแก่น อุบลราชธานี สกลนคร สุพรรณบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอหัวหิน) สตูล และยะลา

หนังสือนิทานภาพเหล่านี้ถ่ายทอดเรื่องราว วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ โดยจัดพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อใช้เป็นสื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย และสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ผ่านการอ่านอย่างสร้างสรรค์ โครงการ TK kidsREAD ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผล “พื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ” ของ TK Park ไปสู่ระดับชุมชน โดยใช้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นฐานสำคัญในการสร้างมุมอ่านที่เข้าถึงได้จริง เพื่อให้การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่ในห้องสมุด แต่เกิดขึ้นได้ทุกที่ในชีวิตประจำวันของเด็ก

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับหนังสือนิทานภาพสาระท้องถิ่นจาก 10 จังหวัด รวม 20 เรื่อง เรื่องละ 2 เล่ม (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) รวมทั้งสิ้น 40 เล่ม พร้อมหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็กทั่วไปอีก 40 เล่ม และชั้นวางหนังสือนิทานภาพคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กจำนวน 4 ชิ้น นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมการอบรมออนไลน์ “การใช้หนังสือนิทานภาพเพื่อส่งเสริมพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ” พร้อมรับใบประกาศนียบัตรรับรองการอบรม

ในด้านการดำเนินงานเชิงพื้นที่ โครงการ TK kidsREAD ครอบคลุมพื้นที่ 10 จังหวัด มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 101 แห่งที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 60 แห่งทั่วประเทศ ได้รับมอบชั้นวางหนังสือแบบโชว์ปกจำนวน 404 ชั้น และหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก 8,080 เล่ม

นอกจากการส่งมอบหนังสือแล้ว TK Park ยังได้จัดกิจกรรมอบรมออนไลน์ “TK kidsREAD: นิทานกับ EF – พลังการอ่านเพื่อพัฒนาเด็กเล็ก” เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ผ่านระบบ Zoom Webinar เพื่อให้ครูและผู้ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับความรู้และเทคนิคการจัดกิจกรรมการอ่านที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร และอาจารย์อัจฉรา สิริกมลศิลป์ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในหัวข้อ EF and Reading, Secret Recipe: 3 มิติการพัฒนามนุษย์, นิทานและการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และเวิร์กช็อป “นิทานมีชีวิต” ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 500 คน

การอบรมดังกล่าวถือเป็นการยกระดับศักยภาพของครูและผู้ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้นิทานภาพเป็นเครื่องมือส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ทั้งด้านภาษา อารมณ์ และการคิดเชิงเหตุผล เพื่อให้ครูสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างยั่งยืน

นายวัฒนชัย วินิจจะกูล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า “โครงการ TK kidsREAD เป็นการลงทุนทางสังคมที่เริ่มต้นจากรากฐานสำคัญของประเทศ คือ เด็กปฐมวัย เรามุ่งหวังให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เด็กได้สัมผัสหนังสือ ได้ฟังนิทานจากครูผู้เข้าใจ และได้เรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของทักษะสมอง EF ความคิดสร้างสรรค์ และวินัยในตนเอง ที่จะต่อยอดสู่การเป็นพลเมืองคุณภาพในอนาคต”

โครงการ TK kidsREAD จึงไม่เพียงเป็นการจัดส่งหนังสือ แต่เป็นการส่งต่อ “วัฒนธรรมการอ่าน” และองค์ความรู้ให้แก่ครู ผู้ดูแลเด็ก และชุมชน สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมแห่งการอ่านอย่างแท้จริง
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการ TK kidsREAD และ TK Park ได้บนเว็บไซต์ www.tkpark.or.th หรือติดตามอัพเดตข่าวสารต่าง ๆ ได้ทาง Facebook: tkparkclub
99
นวัตกรรมยานยนต์ - รถยนต์ - มอเตอร์ไซต์ - อุปกรณ์เสริม / โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเยี่ยม เอช เซม มอเตอร์ เปิดประสบการณ์เรียนรู้
« Last post by happy on October 30, 2025, 07:36:24 PM »โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเยี่ยม เอช เซม มอเตอร์
เปิดประสบการณ์เรียนรู้นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
เปิดประสบการณ์เรียนรู้นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดโรงงานต้อนรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จำนวน 60 นาย พร้อมคณะอาจารย์ 6 ท่าน เข้าศึกษาดูงานและเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด


โดยมีคุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด พร้อมทีมวิศวกรและทีมงานจากสำนักงานใหญ่ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พาชมกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีภายในโรงงาน รวมถึงการสาธิตระบบสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ MOVE EV X ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของบริษัท


การเยี่ยมชมในครั้งนี้ มุ่งหวังให้นักศึกษาได้เห็นภาพจริงของเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติจริงในอนาคต ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
###
เกี่ยวกับ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด
บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด (H SEM Motor Co., Ltd.) บริษัทในเครือ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ภายใต้ชื่อ “เอช เซม” เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งในกลุ่มเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการใช้ระบบขนส่งที่มีความคล่องตัว ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม ในราคาที่จับต้องได้ ดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hsemmotor.com/ หรือ www.facebook.com/hsemmotor.sev และ www.facebook.com/hsemmotor.stc
เกี่ยวกับ บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (H SEM Trading Corporation Co.,Ltd.) บริษัทในเครือ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป เป็นบริษัทรับผิดชอบดูแลการจัดจำหน่าย แต่งตั้งดีลเลอร์ และกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าของ เอช เซม ทั้งในประเทศไทยและประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เวบไซต์ https://www.hsemmotor.com/ หรือแฟนเพจ www.facebook.com/hsemmotor.sev และ www.facebook.com/hsemmotor.stc
100
news & activity / มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กอ.รมน. และมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ
« Last post by happy on October 30, 2025, 06:57:11 PM »มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ
จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรถ-เรือท้องแบน นำข้าวสาร พร้อม ชุดยังชีพฉุกเฉิน และชุดยาสามัญประจำบ้าน รวม 400 ชุด
มอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ
จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรถ-เรือท้องแบน นำข้าวสาร พร้อม ชุดยังชีพฉุกเฉิน และชุดยาสามัญประจำบ้าน รวม 400 ชุด
มอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันนี้ (วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และคณะมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมรถและเรือท้องแบน นำข้าวสาร พร้อม ชุดยังชีพฉุกเฉิน และชุดยาสามัญประจำบ้าน รวม 400 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 360,800 บาท (สามแสนหกหมื่นแปดร้อยบาทถ้วน) มอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมี พลโท ธนาธิป สว่างแสง ผู้อำนวยการสำนักกิจการมวลชนและสารนิเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.สมท.กอ.รมน.) พร้อมคณะ รวมทั้ง นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วย นายยุทธนา ทาโคตร์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่าย ณ ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ และตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนั้น เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการช่วยเหลือค่าฌาปนกิจ ได้ที่แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

Recent Posts













