Recent Posts

Pages: 1 ... 8 9 [10]
91
ลองเลย! LINE HEALTH ลงทะเบียนแค่ 3 ขั้นตอนก็มีหมอดูแลใกล้ตัวตลอดเวลา
เบิกค่ารักษาออนไลน์ ได้ทั้งประกันและสิทธิบัตรทอง

ในยุคที่ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบและเต็มไปด้วยภาระหน้าที่ การพบหมอไม่ควรเป็นเรื่องยุ่งยากเสียเวลาอีกต่อไป LINE ประเทศไทยเปิดตัว LINE HEALTH บริการใหม่ที่รวมการพบแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพไว้ในบน LINE ทำให้การเข้าถึงการปรึกษาด้านสุขภาพทั้งกายและใจสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่การพบแพทย์ทั่วไป ปรึกษาจิตแพทย์ และกุมารแพทย์ ไปจนถึงการใช้สิทธิบัตรทองและประกันสุขภาพ เปลี่ยนเรื่องสุขภาพให้เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว และพร้อมให้ทุกคนลองใช้งานได้ทันที

LINE HEALTH ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัลอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน ก็สามารถปรึกษาแพทย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือนั่งรอคิวให้ยุ่งยาก ข้อมูลการรักษาถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย และยังมีบริการส่งยาถึงบ้านภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องต่อเนื่องและไร้รอยต่อ การผสานเทคโนโลยีเข้ากับบริการทางการแพทย์ช่วยลดอุปสรรคเรื่องเวลาและระยะทาง ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพได้เท่าเทียม


เริ่มต้นใช้งาน LINE HEALTH ทำได้ง่ายเพียง 3 ขั้นตอน เริ่มจาก เพิ่มเพื่อน @LINEHEALTH ลงทะเบียนด้วยข้อมูลพื้นฐานและยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP เพียงครั้งเดียว แล้วเลือกเมนูบริการที่ต้องการผ่าน Rich Menu ก็สามารถเริ่มปรึกษาแพทย์ได้ทันที ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว




ภายใน LINE HEALTH มีทางเลือกให้ตรงกับทุกความต้องการด้านสุขภาพอย่างครบถ้วน

Health at Work สำหรับผู้ที่ต้องการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพวัยทำงาน รองรับทั้งสิทธิประกันกลุ่มขององค์กร ประกันสุขภาพส่วนตัว และการชำระเงินเอง พร้อมบริการสรุปค่ารักษาและจัดส่งยาถึงบ้าน


ooca บริการด้านสุขภาพจิตที่ให้พบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาผ่านวิดีโอคอล เลือกผู้ให้คำปรึกษาและเวลานัดหมายได้เอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพูดคุยหรือหาทางออกในช่วงเวลาที่เครียด


หมอคู่คิดส์ บริการสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการปรึกษากุมารแพทย์หรือพยาบาลเด็ก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ หรือพัฒนาการเด็ก มีระบบนัดหมายและสรุปผลหลังการปรึกษา ทำให้การดูแลลูกน้อยเป็นเรื่องง่ายขึ้น


Clicknic บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทอง 42 กลุ่มอาการทั่วไป สามารถยืนยันตัวตนผ่าน e-KYC ตรวจสอบสิทธิ์ และพบแพทย์ออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพในกลุ่มวิตามินและอาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมและบำรุงความงามได้อย่างมั่นใจ จากการคัดสรรค์ภายใต้มาตรฐานของ LINE ได้ที่ WHALE ได้อีกด้วย


ถึงเวลายกระดับการดูแลสุขภาพให้ทันสมัยและสะดวกกว่าเดิม เพียงสแกน QR Code หรือเพิ่มเพื่อน @LINEHEALTH ก็สามารถเริ่มปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ หรือการดูแลลูกน้อย บริการครบจบในที่เดียว ลองใช้วันนี้ เพื่อให้ทุกวันเป็นวันที่มั่นใจได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว
92
ยัวซ่าแบตเตอรี่ฯ แปลงขยะเป็นบุญ มุ่งปลูกจิตสำนึกรักษ์โลกและคืนประโยชน์สู่สังคม


            บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ด้วยโครงการ “เปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ” ที่เชิญชวนพนักงานเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยให้พนักงานบริจาคขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้ว เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ซึ่งความพิเศษของโครงการนี้คือ การนำขวดพลาสติกทั้งหมดไปแปรเปลี่ยนเป็นมูลค่า และผลิตเป็นผ้าไตรจีวร เพื่อนำไปถวายแก่วัดจากแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกการแยกขยะ และสนับสนุนการจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมและชุมชน ไปพร้อมกัน ถือเป็นการรวมพลังของชาวยัวซ่าแบตเตอรี่ฯ ในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ศาสนา และการพัฒนาชุมชนในท้องถิ่นสมุทรปราการอย่างแท้จริง



93
“ก้อง-เปิ้ล-แซ็ค-แน็ค” รวมพลังฮาใน “ออนซอนเด” หนังรักอีสานสุดม่วนทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             เสาร์นี้ มีฮา...เตรียมพบกับ “ออนซอนเด” ภาพยนตร์ตลกไทยแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่จะพาผู้ชมไปสัมผัสเรื่องราวความรักสุดฮาในแบบฉบับลูกอีสาน นำแสดงโดยสามศิลปินชื่อดัง ก้อง ห้วยไร่, เปิ้ล ปทุมราช และแซ็ค ชุมแพ ถ่ายทอดบทบาทสามหนุ่มที่มีมุมมองความรักแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชมทั่วประเทศ ด้วยเนื้อหาที่สนุกสนาน เข้าถึงง่าย และสะท้อนวัฒนธรรมพื้นบ้านได้อย่างมีสีสัน






             รวมพลคนโสดสายอีสานที่ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะแต่ละคนมีภารกิจใหญ่ในชีวิตคือ...หาภรรยา เริ่มที่ ต่ง (เบิ้ล ปทุมราช) หนุ่มเจ้าสเปกที่ตั้งมาตรฐานแฟนไว้สูงลิบ จนมองข้าม “ดอกหญ้า” สาวบ้านเดียวกันที่แอบรักเขาอยู่เงียบๆ แต่พอมีหนุ่มกรุงสายอนุรักษ์อย่าง ยุทธ (ชาลี ไตรรัตน์) เข้ามาจีบดอกหญ้า ต่งกลับเริ่มรู้สึกหวั่นไหวแบบไม่ทันตั้งตัว ด้านรวย (ก้อง ห้วยไร่) หนุ่มมาดนิ่งที่หมายมั่นจะคว้า “หมอมะลิ” มาเป็นแม่ของลูก แต่เส้นทางรักก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะมีอุปสรรคให้ต้องฝ่าฟันแบบดราม่าพอประมาณ ส่วน “อ๊อดแอ๊ด (แซ็ค ชุมแพ) หนุ่มมั่นใจเกินร้อยที่ตั้งเป้าจะสะสมสาวสวยไว้ในคลังหัวใจให้ครบทุกแนว แต่สุดท้ายจะได้รักแท้หรือแค่ฝันกลางวัน ต้องไปลุ้นกันในเรื่อง “ออนซอนเด” ออกอากาศวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2568 เวลา 18.30 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และชมสดออนไลน์ได้ที่ https://true4u.com/live/
94
Dragonfly Summit 2025 : FLOW บิ๊กอีเวนต์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย! ปลุกพลังบวก พัฒนาศักยภาพของ “ผู้นำ” แบบองค์รวม ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
#DragonflySummit2025 #LEADWELL #Dragonfly360


เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่! กับบิ๊กอีเวนต์แห่งปี Dragonfly Summit 2025  เวทีแห่งการพัฒนาศักยภาพผู้นำที่ใหญ่ที่สุดในระดับเอเชีย ภายใต้แนวคิด “LEAD WELL”  นำอย่างเข้าใจ ลึกซึ้ง และยั่งยืน โดยปีนี้มาในธีม “FLOW” เติมพลังงานบวกให้ไหลเวียนอย่างสมดุล เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำให้แข็งแกร่งแบบองค์รวมทั้ง ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผ่านวิทยากรชั้นนำระดับโลกในด้าน Leadership และ Well-being รวมถึงกิจกรรมในโซนต่าง ๆ อาทิ CHIVA-SOM SANCTUARY, BAZAAR POWERED BY TRI VANANDA, WELL-NEST DRAGONFLY POD และพบปะนักเขียนระดับโลกอย่างใกล้ชิดพร้อมรับลายเซ็นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ มาร่วมเติมเต็มพลังใจทั้ง 2 วันอย่างเต็มอิ่มในวันที่ 27-28 กันยายน 2568 ณ พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ


คุณประนัปดา พรประภา ผู้ก่อตั้ง Dragonfly 360 เปิดเผยว่า “Dragonfly Summit เป็นงานสัมมนาแห่งการพัฒนาศักยภาพผู้นำและการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวมที่ใหญ่ที่สุดในระดับเอเชีย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งคนไทยและต่างชาติ แบ่งเป็น คนไทย 70 % และต่างชาติ 30 %  นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าที่จะขับเคลื่อนตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมของไทย เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ตลอดจนนักธุรกิจและผู้นำในระดับเอเชีย ที่มีการใช้จ่ายสูง เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย  พร้อมตั้งเป้าขยายการจัดงานไปสู่ประเทศอื่นๆ รวมไปถึงมีแผนการที่จะพัฒนาให้เป็นหลักสูตรสำหรับ  “ผู้นำ”  เพื่อเทรนนิ่งให้กับองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย”


คุณวู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ร่วมก่อตั้ง Dragonfly 360 กล่าวว่า “การเป็นผู้นำที่ดี ไม่ได้มีเพียงแค่ความรู้อย่างเดียว แต่จะต้องอาศัยพลังจากภายใน ประกอบด้วย ความเข้าใจ ความเห็นใจ รวมไปถึงความรัก ถึงจะสามารถก้าวไปเป็น “ผู้นำ” ที่พบเจอความสงบสุขได้อย่างแท้จริง  Dragonfly Summit  ถือเป็นพื้นที่ที่จะได้ปลดปล่อย ควบคู่กับการรับพลังงานดี ๆ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดียิ่งขึ้น สำหรับเป้าหมายสำคัญของ Dragonfly Summit คือ อยากให้คนที่มาร่วมงานได้ส่งต่อแนวคิดดี ๆ ที่ได้รับภายในงาน ให้กับคนในครอบครัว คนรอบข้าง แม้กระทั่งคนในที่ทำงาน เพื่อสร้างการตระหนักรู้ เพราะจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการมี Mindset ที่ดีจะนำไปสู่แรงผลักดันให้หันมาพัฒนา และเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง”


คุณซินดี้-สิรินยา บิชอพ ผู้ร่วมก่อตั้ง Dragonfly 360 กล่าวเสริมว่า “Dragonfly Summit ไม่ใช่งานสัมมนาทั่วไป แต่คือปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้นำรุ่นใหม่ และการเฉลิมฉลองความเป็นมนุษย์ รวมไปถึงการเป็นผู้นำที่ดีในทุกองค์ประกอบ นี่คือโอกาสสำคัญที่ Dragonfly Summit จะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่จะทำให้คุณค้นพบตัวเอง แล้วนำไปปรับใช้ให้ชีวิต ดีขึ้นทั้งทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งจะนำพาไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ”


ภายในงาน Dragonfly Summit 2025 ได้เชิญเหล่าวิทยากรและผู้นำทางความคิดชื่อดังระดับโลกมาร่วมแบ่งปันข้อคิด ประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกัน เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาศักยภาพตนเอง  อาทิ Yongey Mingyur Rinpoche พระอาจารย์สอนสมาธิระดับชาวทิเบตผู้ทรงคุณวุฒิ มาถ่ายทอดการปลดล็อกความสุขภายในด้วย พลังแห่งสติ, Nick Santonastasso นักสร้างแรงบันดาลใจ และโค้ชด้านความคิดให้กับผู้นำทั้่วโลกที่ เกิดมาพร้อมกับ Hanhart Syndrome, Maejor Sound Healing & Frequency Producer นักดนตรีสายอาร์แอนด์บีที่ได้รับรางวัล แกรมมี่ มาก่อนซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์การต่อสู้กับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและพลังการบำบัดด้วยเสียงดนตรี , Gabrielle Bernstein ครูสอน Spiritual ชื่อดังและ นักเขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ New York Times ร่วมพูดคุยในหัวข้อ ศิลปะแห่งการปล่อยวาง รวมถึง Matthew Walker นักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times เรื่อง Why We Sleep และ Mo Gawdat อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ Google [X] ที่ช่วยคิดค้น AI ให้ Google เป็นต้น


นอกจากเวทีหลักแล้วยังมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมในโซนต่างๆ ประกอบด้วย CHIVA-SOM SANCTUARY มาพร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การปลดล็อกพลังแห่งลมปราณ ด้วยศาสตร์โยคะแบบโบราณ Pranayama เพื่อบูสต์พลัง สร้างความสมดุลของกาย ใจและความคิด, คลื่นเสียงบำบัดแบบอายุรเวทเพื่อความผ่อนคลาย การผสมผสานศาสตร์ลมหายใจแบบอายุรเวทและเสียงบำบัดเพื่อปรับอารมณ์ ชุบพลังงานชีวิต และการผ่อนคลายอย่างล้ำลึก, สายตา-ทรงตัว & พลังชี่ ท่าเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นสมอง ปรับท่าทาง และเสริมเสถียรภาพให้กับร่างกาย


โซน WELL-NEST  อาทิ Blueprint of The Soul Human Design Readings มินิเซสชัน Human Design แบบ 1:1 ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพลังงานภายใน ปรับทิศทางชีวิตด้วยความสบายใจและมั่นคง, Ayurveda Dosha Test & Consulting ค้นหาธาตประจำตัว พร้อมออกแบบการใช้ไลฟ์สไตล์รายวันส่วนบุคคล เพื่อสมดุลสุขภาพกาย-ใจโดยเฉพาะ และ Destiny Matrix การวิเคราะห์ชะตาชีวิตผ่านศาสตร์ Tarot, Chakras, โหราศาสตร์, ตัวเลข และจิตวิทยาเพื่อเปิดรหัสวิญญาณของคุณ เป็นต้น


โซน BAZAAR POWERED BY TRI VANANDA จะได้พบกับนิทรรศการ Bee Maze โดย ตรีวนันดา ร่วมสำรวจความถี่ของความเชื่อใจ และรูปแบบการเป็นผู้นำที่ไม่เหมือนใครของคุณ ด้วยการเดินทางผ่านรังผึ้งรูปทรงหกเหลี่ยมทั้ง 8 ห้องที่มาพร้อมการเรียนรู้แบบโต้ตอบผ่านเกม ผสมผสานศิลปะ เทคโนโลยี และการเล่นไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถเข้าร่วมการบรรยายในหัวข้อเคล็ดลับเพื่อชีวิตที่ยืนยาว และวิสัยทัศน์ชุมชนอยู่อาศัยที่ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืนกับตรีวนันดาที่ออกแบบ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้เข้ากับคลื่นความเชื่อใจของคุณโดยเฉพาะที่ Jampa Bar พร้อมทั้งค้นพบปรัชญาและคุณค่าของตรีวนันดาชุมชนเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีรากฐานจากวัฒนธรรมท้องถิ่นและได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตร่วมกันของผู้คนทุกช่วงวัย

เวิร์กชอป DIY จาก อินโดรามา เวนเจอร์ส ที่จะมาร่วมสร้างผลงานศิลปะจากขยะ PET ให้กลายเป็นของที่ระลึกสุดสร้างสรรค์ เปลี่ยนวัสดุรีไซเคิลจากขวดน้ำให้กลายเป็นกรอบรูปรักษ์โลก ไฮไลต์พิเศษ! พบกับต้นไม้ศิลปะ ขนาดใหญ่ที่ทำจากขวด PET และผ้ารีไซเคิล เพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของขวดหนึ่งใบที่สามารถกลับมาเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ อินโดรามา เวนเจอร์ส ว่าเมื่อผู้บริโภคแยกขยะอย่างถูกต้อง ภาคธุรกิจก็จะสามารถนำขวด PET กลับสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างงานได้อย่างเป็นรูปธรรม

อนึ่งฯ งานนี้จะสำเร็จไปไม่ได้หากขาดพาร์ตเนอร์ ผู้ร่วมเดินทางไปกับเราที่ร่วมมือกันทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้น   ได้แก่ ชีวาศรม หัวหิน (Chiva-Som Hua Hin), บริษัท สยามกลการ จำกัด (Siam Motors Co., Ltd.), บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด (Siam Music Yamaha Co., Ltd.), สยามพิวรรธน์ (Siam Piwat), สยามพารากอน (Siam Paragon), โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ (Park Hyatt Bangkok), แพลน บี มีเดีย (Plan B Media), บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (Indorama Ventures Public Company Limited), มูลนิธิไอวีแอล (IVL Foundation), มนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป (Montara Hospitality Group), ตรีวนันดา ภูเก็ต (Tri-Vananda Phuket), บริษัท แพรคติก้า จำกัด (Practika Co., Ltd.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Tourism Authority of Thailand), สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การ มหาชน) (Thailand Convention and Exhibition Bureau (TCEB), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (Thai Airways International Public Company Limited), ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย(UOB Thailand), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Bank Public Company Limited), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (Kasikornbank Public Company Limited), บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด (Siam Daikin Sales Co., Ltd.), บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด (Siam GS Sales Co., Ltd.), เอเซียบุ๊คส (Asia Books) และ แท็ตเลอร์ เอเชีย (Tatler Asia)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Website: https://www.dragonfly360.co/
Facebook: dragonfly360 / Instagram: dragonfly360.co / YouTube: @dragonfly3603
95
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต่อยอดโอกาส สร้างชีวิต ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
มอบทุนการศึกษา ทุกระดับปีสุดท้าย และทุนฯ ต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2568
รวมงบประมาณกว่า 12.5 ล้านบาท





วันนี้ (วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2568 ให้แก่นักเรียน นักศึกษาที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา รวม 156 สถาบัน จำนวน 910 ทุน รวมเป็นจำนวนเงิน 12,615,000 บาท (สิบสองล้านหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยมี เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ




นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม







โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบทุนฯ แก่เยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาไปแล้ว 1,500 ทุน  และในวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568  มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบทุนการศึกษาในส่วนภูมิภาค (ทุนสัญจร) แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาในภาคเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และ แม่ฮ่องสอน รวม 53 สถาบัน 265 ทุน เป็นลำดับต่อไป

รวมงบประมาณการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2568 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)




ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”









96
การต่อเติมอาคารต้องทำให้ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม


             จากเหตุการณ์บันไดคอนกรีตถล่ม ทับช่างไฟเสียชีวิต ในอาคาร 4 ชั้นนั้น ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย อธิบายว่า ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ในเบื้องต้นทราบเพียงแต่ว่า เป็นการต่อเติมอาคาร โดยมีการติดตั้งบันไดดังกล่าวกับโครงสร้างเดิม


             ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ระบุว่าจากรูปถ่ายที่ปรากฏตามสื่อ สังเกตุว่าตัวบันไดน่าจะเลื่อนไถลหลุดออกมาจากคานรองรับด้านบน โดยเกิดเหตุขณะที่ทำการถอดนั่งร้านแล้ว ทำให้จุดยึดด้านบนของบันไดต้องรับน้ำหนักแทนนั่งร้านที่ถูกปลดออกไป จึงมีคำถามเกี่ยวกับความแข็งแรงของจุดยึดระหว่างบันไดกับคานด้านบน โดยมีประเด็นที่พิจารณาคือ


1. บันไดทำจากคอนกรีตมีน้ำหนักมาก มีลักษณะหักมุม โดยในช่วงแรกยึดกับคานด้านบน วางตัวขนานมาตามผนังอิฐ จากนั้นหักมุมลงมาที่พื้น

2. การเสริมเหล็กตรงบริเวณรอยต่อระหว่างบันไดปูน กับคานรองรับด้านบน ทั้งในแง่จำนวนเหล็กเส้นที่ใช้ยึด ระยะฝัง และวิธีการฝังยึด มีความแข็งแรงเพียงพอ รับน้ำหนักบันไดได้หรือไม่

3. การต่อเติมโครงสร้างในอาคารทุกประเภท อาจเข้าข่ายเป็นวิศวกรรมควบคุม ซึ่งต้องมีวิศวกรที่ถือใบอนุญาตมาออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างบันได ดังนั้นจะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงว่า มีวิศวกรมากำกับดูแลหรือไม่


             อย่างไรก็ตาม คงต้องรอข้อสรุปสาเหตุที่แท้จริงจากหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เปิดเผยต่อว่า ในอดีตมีการพังถล่มของส่วนต่อเติมอาคาร ที่เกิดจากรอยต่อระหว่างส่วนต่อเติมกับอาคารเดิมไม่แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระเบียง กันสาด ที่ยื่นออกไป เป็นต้น ดังนั้นจึงขอฝากเตือนเจ้าของอาคารจะต้องระวัง การต่อเติมอาคารเป็นงานวิศวกรรมควบคุม ตาม พระราชบัญญัติวิศวกร 2542 ดังนั้นจะต้องมีวิศวกรมากำกับดูแล ทั้งในขั้นตอนการออกแบบ และ การควบคุมการก่อสร้าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
97
จังหวัดนครพนม เปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 18.00 น. บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม





               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม, นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, ว่าที่ร้อยตรีรวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมในพิธีฯ

               ประเพณีไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่ชาวนครพนมภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่โบราณ โดยมีความเชื่อในประเพณีที่เกี่ยวเนื่องมาจากการบูชารอยพระพุทธบาท, การสักการะท้าวพกาพรหม, การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา, การขอฝน, การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า งานประเพณีไหลเรือไฟจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ สื่อถึงความเชื่อที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของภาคอีสาน และในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวงานเทศกาลวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต้องมาเยือน



 
               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า กิจกรรมปีนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนมจัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ขึ้น ระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน - วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม โดยในปี 2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงวัฒนธรรม บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก เพื่อยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ขับเคลื่อนนครพนมให้เป็น Restination เมืองท่องเที่ยวหลักแห่งการพักผ่อน โดยมีกลยุทธ์ “สร้างโลก” ยกระดับเทศกาลระดับประเทศให้เป็นระดับโลก สร้างการรับรู้เอกลักษณ์ของชุมชนในระดับสากล และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวชมประเพณีวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่ล้ำค่าของจังหวัดนครพนม สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า  ๑ เดียวในโลก




               โดยภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ ร้านมัจฉากาชาดจังหวัดนครพนม การไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” และเรือไฟรักษ์โลก ตลอดทั้ง 12 วัน ขบวนแห่เรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” กิจกรรมตลาดมหาดไทยชวนชิม จุดถ่ายรูป เช็คอิน สวนดอกไม้ และประติมากรรมโคมไฟ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีลานพนมนาคา กิจกรรมเรือไฟโบราณ ณ บริเวณลานพนมนาคา การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม ประกอบม่านน้ำ ณ บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี งานมหกรรมไม้ไผ่ ณ บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และริมฝั่งโขงถนนสุนทรวิจิตร




               นอกจากนี้สามารถ ชม ชิม ช้อป สินค้า OTOP สินค้าดีราคาถูก จากห้างร้าน โรงงาน อาหารอร่อยจากร้านดัง และชมฟรีการแสดงคอนเสิร์ตหมอลำวงใหญ่ ตลอดการจัดงาน โดยเฉพาะวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นี้ ตรงกับวันออกพรรษา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานกิจกรรมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้า ได้แก่ พิธีรำบูชาพระธาตุพนม บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ พิธีการทางศาสนาก่อนไหลเรือไฟ และแห่ปราสาทผึ้ง พิธีไหลเรือไฟโบราณ ณ ลานพนมนาคา และพิธีเปิดงาน “มหกรรมไหลเรือไฟนครพนม” ประจำปี 2568 และงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำและการแสดงโดรนแปลอักษร กว่า 300 ลำ การประกวดเรือไฟของทั้ง 12 อำเภอเป็นการหลอมรวมพลังสร้างสรรค์ พลังศรัทธา สร้างสรรค์ผลงานเรือไฟให้วิจิตรตระการตาเพื่ออวดสายตาและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว







                เวลา 19.00 น. ณ ริมฝั่งโขงด้านหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และ ประชาชน ทำพิธีปล่อยเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ พระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” ความยาวกว่า 70 เมตร และเรือไฟรักษ์โลก 7 ลำ ความยาวกว่า 20 เมตร จากกลุ่มอำเภอในจังหวัดนครพนม และเรือแสดงเอกลักษณ์ประเทศจีน ลาว เวียดนาม เรือไฟจากมหาวิทยาลัยนครพนมและที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม รวมทั้งหมด 9 ลำ โดยจะมีการปล่อยไหลเรือไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมได้ตลอดริมฝั่งโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม




               เวลา 19.30 น. ณ บริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ทำพิธีปล่อยขบวนเรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” จำนวน 9 ขบวน พร้อมผู้ร่วมขบวนอีกมากมายกว่า 900 ชีวิต ประกอบไปด้วย เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาชนจีน เรือมังกรแห่งปัญญา เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เรือรุ่งอรุณแห่งเวียดนาม เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรือสายน้ำแห่งมิตรภาพ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดสกลนคร เรือครามแห่งศรัทธา เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดมุกดาหาร เรือมุกสะพานศิลป์ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดนครพนม ได้แก่ เรือศรัทธามหานที เรือสายใยชนเผ่า เรือสายสัมพันธ์วัฒนธรรม และปิดท้ายด้วย เรือไฟขบวนแฟนซีไฟเรืองแสง ม่วนซื่นอีสาน ประดับด้วยแสงไฟ ที่งดงามตระการตาและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำ พลุรักษ์โลก งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ๑ เดียวในโลก “แสงไฟแห่งศรัทธา”




               ในโอกาสนี้ จึงอยากจะเชิญชวนทั้งชาวจังหวัดนครพนม,จังหวัดใกล้เคียง รวมถึง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมชมงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ในระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน-วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม และอำเภอธาตุพนม จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า ๑ เดียวในโลก...จังหวัดนครพนมยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนเมือง 3 ที่สุด สู่สุขที่สุด




















98
จังหวัดนครพนม เปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 18.00 น. บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม





               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม, นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, ว่าที่ร้อยตรีรวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมในพิธีฯ

               ประเพณีไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่ชาวนครพนมภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่โบราณ โดยมีความเชื่อในประเพณีที่เกี่ยวเนื่องมาจากการบูชารอยพระพุทธบาท, การสักการะท้าวพกาพรหม, การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา, การขอฝน, การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า งานประเพณีไหลเรือไฟจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ สื่อถึงความเชื่อที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของภาคอีสาน และในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวงานเทศกาลวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต้องมาเยือน



 
               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า กิจกรรมปีนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนมจัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ขึ้น ระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน - วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม โดยในปี 2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงวัฒนธรรม บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก เพื่อยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ขับเคลื่อนนครพนมให้เป็น Restination เมืองท่องเที่ยวหลักแห่งการพักผ่อน โดยมีกลยุทธ์ “สร้างโลก” ยกระดับเทศกาลระดับประเทศให้เป็นระดับโลก สร้างการรับรู้เอกลักษณ์ของชุมชนในระดับสากล และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวชมประเพณีวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่ล้ำค่าของจังหวัดนครพนม สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า  ๑ เดียวในโลก




               โดยภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ ร้านมัจฉากาชาดจังหวัดนครพนม การไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” และเรือไฟรักษ์โลก ตลอดทั้ง 12 วัน ขบวนแห่เรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” กิจกรรมตลาดมหาดไทยชวนชิม จุดถ่ายรูป เช็คอิน สวนดอกไม้ และประติมากรรมโคมไฟ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีลานพนมนาคา กิจกรรมเรือไฟโบราณ ณ บริเวณลานพนมนาคา การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม ประกอบม่านน้ำ ณ บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี งานมหกรรมไม้ไผ่ ณ บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และริมฝั่งโขงถนนสุนทรวิจิตร




               นอกจากนี้สามารถ ชม ชิม ช้อป สินค้า OTOP สินค้าดีราคาถูก จากห้างร้าน โรงงาน อาหารอร่อยจากร้านดัง และชมฟรีการแสดงคอนเสิร์ตหมอลำวงใหญ่ ตลอดการจัดงาน โดยเฉพาะวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นี้ ตรงกับวันออกพรรษา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานกิจกรรมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้า ได้แก่ พิธีรำบูชาพระธาตุพนม บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ พิธีการทางศาสนาก่อนไหลเรือไฟ และแห่ปราสาทผึ้ง พิธีไหลเรือไฟโบราณ ณ ลานพนมนาคา และพิธีเปิดงาน “มหกรรมไหลเรือไฟนครพนม” ประจำปี 2568 และงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำและการแสดงโดรนแปลอักษร กว่า 300 ลำ การประกวดเรือไฟของทั้ง 12 อำเภอเป็นการหลอมรวมพลังสร้างสรรค์ พลังศรัทธา สร้างสรรค์ผลงานเรือไฟให้วิจิตรตระการตาเพื่ออวดสายตาและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว







                เวลา 19.00 น. ณ ริมฝั่งโขงด้านหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และ ประชาชน ทำพิธีปล่อยเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ พระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” ความยาวกว่า 70 เมตร และเรือไฟรักษ์โลก 7 ลำ ความยาวกว่า 20 เมตร จากกลุ่มอำเภอในจังหวัดนครพนม และเรือแสดงเอกลักษณ์ประเทศจีน ลาว เวียดนาม เรือไฟจากมหาวิทยาลัยนครพนมและที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม รวมทั้งหมด 9 ลำ โดยจะมีการปล่อยไหลเรือไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมได้ตลอดริมฝั่งโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม




               เวลา 19.30 น. ณ บริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ทำพิธีปล่อยขบวนเรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” จำนวน 9 ขบวน พร้อมผู้ร่วมขบวนอีกมากมายกว่า 900 ชีวิต ประกอบไปด้วย เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาชนจีน เรือมังกรแห่งปัญญา เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เรือรุ่งอรุณแห่งเวียดนาม เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรือสายน้ำแห่งมิตรภาพ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดสกลนคร เรือครามแห่งศรัทธา เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดมุกดาหาร เรือมุกสะพานศิลป์ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดนครพนม ได้แก่ เรือศรัทธามหานที เรือสายใยชนเผ่า เรือสายสัมพันธ์วัฒนธรรม และปิดท้ายด้วย เรือไฟขบวนแฟนซีไฟเรืองแสง ม่วนซื่นอีสาน ประดับด้วยแสงไฟ ที่งดงามตระการตาและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำ พลุรักษ์โลก งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ๑ เดียวในโลก “แสงไฟแห่งศรัทธา”




               ในโอกาสนี้ จึงอยากจะเชิญชวนทั้งชาวจังหวัดนครพนม,จังหวัดใกล้เคียง รวมถึง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมชมงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ในระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน-วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม และอำเภอธาตุพนม จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า ๑ เดียวในโลก...จังหวัดนครพนมยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนเมือง 3 ที่สุด สู่สุขที่สุด




















99
จังหวัดนครพนม เปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 18.00 น. บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม





               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม, นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, ว่าที่ร้อยตรีรวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมในพิธีฯ

               ประเพณีไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่ชาวนครพนมภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่โบราณ โดยมีความเชื่อในประเพณีที่เกี่ยวเนื่องมาจากการบูชารอยพระพุทธบาท, การสักการะท้าวพกาพรหม, การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา, การขอฝน, การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า งานประเพณีไหลเรือไฟจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ สื่อถึงความเชื่อที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของภาคอีสาน และในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวงานเทศกาลวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต้องมาเยือน



 
               นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า กิจกรรมปีนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนมจัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ขึ้น ระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน - วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม โดยในปี 2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงวัฒนธรรม บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก เพื่อยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ขับเคลื่อนนครพนมให้เป็น Restination เมืองท่องเที่ยวหลักแห่งการพักผ่อน โดยมีกลยุทธ์ “สร้างโลก” ยกระดับเทศกาลระดับประเทศให้เป็นระดับโลก สร้างการรับรู้เอกลักษณ์ของชุมชนในระดับสากล และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวชมประเพณีวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่ล้ำค่าของจังหวัดนครพนม สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า  ๑ เดียวในโลก




               โดยภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ ร้านมัจฉากาชาดจังหวัดนครพนม การไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” และเรือไฟรักษ์โลก ตลอดทั้ง 12 วัน ขบวนแห่เรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” กิจกรรมตลาดมหาดไทยชวนชิม จุดถ่ายรูป เช็คอิน สวนดอกไม้ และประติมากรรมโคมไฟ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีลานพนมนาคา กิจกรรมเรือไฟโบราณ ณ บริเวณลานพนมนาคา การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม ประกอบม่านน้ำ ณ บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี งานมหกรรมไม้ไผ่ ณ บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และริมฝั่งโขงถนนสุนทรวิจิตร




               นอกจากนี้สามารถ ชม ชิม ช้อป สินค้า OTOP สินค้าดีราคาถูก จากห้างร้าน โรงงาน อาหารอร่อยจากร้านดัง และชมฟรีการแสดงคอนเสิร์ตหมอลำวงใหญ่ ตลอดการจัดงาน โดยเฉพาะวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นี้ ตรงกับวันออกพรรษา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานกิจกรรมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้า ได้แก่ พิธีรำบูชาพระธาตุพนม บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ พิธีการทางศาสนาก่อนไหลเรือไฟ และแห่ปราสาทผึ้ง พิธีไหลเรือไฟโบราณ ณ ลานพนมนาคา และพิธีเปิดงาน “มหกรรมไหลเรือไฟนครพนม” ประจำปี 2568 และงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำและการแสดงโดรนแปลอักษร กว่า 300 ลำ การประกวดเรือไฟของทั้ง 12 อำเภอเป็นการหลอมรวมพลังสร้างสรรค์ พลังศรัทธา สร้างสรรค์ผลงานเรือไฟให้วิจิตรตระการตาเพื่ออวดสายตาและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว







                เวลา 19.00 น. ณ ริมฝั่งโขงด้านหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และ ประชาชน ทำพิธีปล่อยเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ พระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” ความยาวกว่า 70 เมตร และเรือไฟรักษ์โลก 7 ลำ ความยาวกว่า 20 เมตร จากกลุ่มอำเภอในจังหวัดนครพนม และเรือแสดงเอกลักษณ์ประเทศจีน ลาว เวียดนาม เรือไฟจากมหาวิทยาลัยนครพนมและที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม รวมทั้งหมด 9 ลำ โดยจะมีการปล่อยไหลเรือไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมได้ตลอดริมฝั่งโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม




               เวลา 19.30 น. ณ บริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ทำพิธีปล่อยขบวนเรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” จำนวน 9 ขบวน พร้อมผู้ร่วมขบวนอีกมากมายกว่า 900 ชีวิต ประกอบไปด้วย เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาชนจีน เรือมังกรแห่งปัญญา เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เรือรุ่งอรุณแห่งเวียดนาม เรือไฟเอกลักษณ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรือสายน้ำแห่งมิตรภาพ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดสกลนคร เรือครามแห่งศรัทธา เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดมุกดาหาร เรือมุกสะพานศิลป์ เรือไฟเอกลักษณ์กลุ่มจังหวัดสนุก จังหวัดนครพนม ได้แก่ เรือศรัทธามหานที เรือสายใยชนเผ่า เรือสายสัมพันธ์วัฒนธรรม และปิดท้ายด้วย เรือไฟขบวนแฟนซีไฟเรืองแสง ม่วนซื่นอีสาน ประดับด้วยแสงไฟ ที่งดงามตระการตาและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำ พลุรักษ์โลก งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ๑ เดียวในโลก “แสงไฟแห่งศรัทธา”




               ในโอกาสนี้ จึงอยากจะเชิญชวนทั้งชาวจังหวัดนครพนม,จังหวัดใกล้เคียง รวมถึง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมชมงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ในระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน-วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม และอำเภอธาตุพนม จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า ๑ เดียวในโลก...จังหวัดนครพนมยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนเมือง 3 ที่สุด สู่สุขที่สุด




















100
“รฐนน” จบ 5 อันเดอร์ เฉือนคว้าแชมป์ เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส


รฐนน วรรณศรีจันทร์


รฐนน วรรณศรีจันทร์

28 กันยายน 2568 – รฐนน วรรณศรีจันทร์ ปิดสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามา 1 โอเวอร์พาร์ 73 จบด้วยสกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส ไปครองที่สนามไต้หวัน กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยเฉือนชนะ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย เพียงสโตรคเดียว (ภาพ: Asian Tour)

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันรายการที่ 12 ของฤดูกาล 2025 รายการ “เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส” ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายนที่ผ่านมา ณ สนามเมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส ระยะ 6,963 หลา พาร์ 72 ประเทศไต้หวัน รายการนี้มีนักกอล์ฟ 124 คน จาก 25 ประเทศลงแข่งขัน มีนักกอล์ฟไทยผ่านตัดตัวได้ 17 คน           

ปิดฉากการชิงชัย โปรฟลุ้ค-รฐนน วรรณศรีจันทร์ ซึ่งจบรองแชมป์หยางเต๋อ ทัวร์นาเมนท์ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้รอบสุดท้ายตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ 73 จากการทำ 3 เบอร์ดี้ เสียไป 4 โบกี้ รวมสี่วันมี 5 อันเดอร์พาร์ 283  เพียงพอต่อการคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ รายการที่สามให้กับตัวเอง พร้อมรับรับเงินรางวัล 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.4 ล้านบาท โดยมี สุรดิษ ยงค์เจริญชัย อดีตแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2019 ที่เก็บได้ 1 อันเดอร์พาร์ 71 รั้งรองแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 284 รับเงินรางวัลไป 120,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3.8 ล้านบาท



รฐนน วรรณศรีจันทร์


สุรดิษ ยงค์เจริญชัย


อติรุจ วินัยเจริญชัย

รฐนน นักกอล์ฟวัย 30 ปี เผยหลังคว้าชัยในเอเชียน ทัวร์ เป็นรายการที่สาม ก่อนมีโปรแกรมป้องกันแชมป์ เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ในเดือนตุลาคมนี้ว่า “วันนี้ผมไดร์ฟได้แย่มาก ผมหวดไปทางซ้ายและขวาตลอด แต่ช็อตแอพโพรชช่วยได้เยอะ ผมไม่ได้ดูสกอร์จนกระทั่งผมทำพาร์ที่หลุม 17 หลุมนั้นคือกุญแจสำคัญ มันยากมาก ผมเลยถามแคดดี้แฟนของผม และเธอบอกว่าสกอร์ที่ดีที่สุดรองลงมาคือ 4 อันเดอร์ ผมจึงผ่อนคลายลงหน่อย แม้จะจบหลุมสุดท้ายด้วยโบกี้ ผมมีความสุขมาก เพราะที่ผ่านมาผมต้องรอถึง 7 ปีกว่าจะคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ เป็นครั้งที่สองที่มาเก๊าปีที่แล้ว และชัยชนะครั้งที่สามนี้ก็มาถึงเร็วกว่ามาก”

ขณะที่ ดราก้อน-อติรุจ วินัยเจริญชัย ซึ่งทำสกอร์นำเป็นจ่าฝูงมาตลอดสามวัน รอบสุดท้ายพลาดตีเกิน 5 โอเวอร์พาร์ 77 จบด้วยสกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 187 หล่นไปรั้งอันดับ 4 ร่วมกับ โปรตี้-สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย เจ้าของสี่แชมป์เอเชียน ทัวร์ ที่เร่งเครื่องหวด 4 อันเดอร์พาร์ 68 และ โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งของทัวร์ ปี 2019 ที่ตีเข้ามา 2 โอเวอร์พาร์ 74 รับเงินรางวัลคนละ 41,666 เหรียญสหรัฐ ประมาณ 1.3 ล้านบาท

ส่วนนักกอล์ฟไทยรายอื่นทำผลงานดังนี้ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ (70) สกอร์รวมอีเวนพาร์ 288 อันดับ 7 ร่วม, สาริศ สุวรรณรัตน์ (67) สกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 289 อันดับ 9 ร่วม, ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย (74) สกอร์รวม 2 โอเวอร์พาร์ 290 อันดับ 13 ร่วม, กัญจน์ เจริญกุล (69) และ นิติธร ทิพย์พงษ์ (79) สกอร์รวมคนละ 4 โอเวอร์พาร์ 292 อันดับ 23 ร่วม, วรุณ เอี่ยมแก้ว (70) สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 293 อันดับ 29 ร่วม, ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม (73) และ ฉ่างไท้ สุดโสม (75) สกอร์รวมคนละ 6 โอเวอร์พาร์ 294 อันดับ 33 ร่วม, แดนไท บุญมา (74), อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ (75) และ ชัพชัย นิราช (77) สกอร์รวมคนละ 10 โอเวอร์พาร์ 298 อันดับ 43 ร่วม และ เอกปริษฐ์ หวู่ (77) สกอร์รวม 13 โอเวอร์พาร์ 301 รั้งอันดับ 51 ร่วม

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์  www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
Pages: 1 ... 8 9 [10]