Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 827 828 [829] 830 831 ... 2405
12421
“ครูสลา” ควงลูกสาวคนเล็ก “แพรวา” ย้อนเล่าบรรยากาศงานแต่งงานสุดชื่นมื่นครั้งแรกของครอบครัว! ครูสลาลั่น! เอ่ยปากเองให้ลูกแต่งงาน พร้อมพูดชัดสินสอดไม่ต้อง! ผ่านรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ตั๊กแตน ชลดา เป็นพิธีกร


พร้อมเผยเหตุ“ลูกเขยช็อค” เมื่อรู้พ่อตาเป็นใคร? สุดปลื้ม! ศิลปินลูกทุ่งแทบทั้งวงการแห่ร่วมงานแต่งลูกสาวที่อุบลราชธานี!! งานนี้หรือที่อยากให้ลูกแต่งงานเพราะอยากอุ้มหลานแล้วหรือเปล่า ?

ครูปูทางให้ลูกสาวเดินทางบนเส้นทางบันเทิงยังไงบ้าง ?
ครูสลา : จริงๆการดูแลลูกทางผมกับคุณแม่ขอเขาไม่ได้ออกแบบขึ้นอยู่กับตัวลูก ชอบที่จะเรียนด้านไหน และเดินทางยังไง

อยากปั้นให้เป็นนักร้องดังๆซักคนเหมือนอย่างตั๊กแตนมั้ย ?
ครูสลา : จริงๆก็แอบหวังอยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็ดูจะไม่ใช่

เลี้ยงลูกสไตล์ไหน ?
ครูสลา : ด้วยเหตุผลก็จะรับฟังแล้วให้เขาตัดสินใจแล้วคอยประคับประคองแต่จะฟังเขาเป็นหลัก เด็กยุคใหม่เป็นยุคของเหตุผลก็ฟังเขาเป็นหลัก

แพรวาสนิทกับคุณพ่อมั้ย ?
แพรวา : สนิทค่ะ

คุณพ่อหวงมั้ย ?
แพรวา : หวงมั้ย
ครูสลา : หวง

แล้วที่บอกว่าแฟนช็อคคืออะไร ?
แพรวา : เขาบอกว่ามันไกลเกินเอื้อมเขาค่ะ ตอนแรกๆคุยกันเขาถามว่าเป็นลูกครูสลาจริงไหม เลยบอกว่าจริง แต่เขาไม่เชื่อเพราะเขาไปเสิร์ชในวิกิพีเดียมันไม่มีชื่อแพรวาอยู่ในนั้น

พอมาถึงวันที่ต้องเฉลยและรู้ว่าเป็นลูกครูสลาจริง เกิดอะไรขึ้น  ?
แพรวา : มีช่วงนึงเขาเงียบ เงียบไปเลย ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมด้วยจะคุยแชทอย่างเดียว คิดว่าหายไปประมาณ 4-5 เดือน

ตอนนั้นเขาขอห่าง ?
แพรวา : ไม่ได้ขอห่าง ตอนนั้นคุยเหมือนเพื่อนคุยกันเฉยๆ

ก่อนหน้านี้เราบอกเขาว่าเป็นลูกครูสลา เขาไม่เชื่อแสดงว่ามันต้องมีโมเม้นท์ที่ทำให้เขารู้ โมเม้นท์อะไรที่เกิดขึ้น ?
แพรวา : เห็นเขาถามเพื่อนอีกรอบว่าใช้มั้ย เพื่อนก็ว่าใช่จริงๆ เขาก็เลยรู้สึกตกใจ

4-5 เดือนตอนนั้น แพรวารู้สึกยังไง ?
แพรวา : คงไม่ใช่หรือว่าเขาคุยกับคนอื่นหรือเปล่า ไม่ได้คิดจะติดต่อเพราะตอนนั้นไม่ได้มีสถานะ คือเขาหายไปก็โอค สงสัยไม่ลงรอยกันไปกันไม่ได้ ก็ปล่อยเลย

คิดมั้ยว่าต้นเหตุเป็นเพราะพ่อของเราเป็น ครูสลา คุณวุฒิ
แพรวา :  ไม่คิดค่ะ เพิ่งมารู้ตอนหลังๆเอง

ครูรู้เรื่องนี้แล้วรู้สึกยังไง ?
ครูสลา : เขาไม่ได้บอกเป็นทางการแต่คนที่เป็นพ่อไม่บอกก็รู้ อย่างที่ครูบอกว่าเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล

คือยังไงคะครูลูกสาวไม่บอกแต่รู้ ?
ครูสลา : คือแพรวาเขาไม่มีมาขออนุญาติพาเพื่อนมาฝึกงาน เขาจะไม่มีเรื่องแบบนี้ พอมันมีเรารู้ทันทีว่ามันมีอะไรพิเศษ

เล่าให้ฟังหน่อย ปกติพาเพื่อนมาบ้านมั้ย ?
แพรวา : ก็มีมาค่ะ เพราะว่าเรียนนิเทศฯด้วย อาจจะมีมาถ่ายรายการที่ห้องอัด ใช้อุปกรณ์ที่ห้องอัด เลยมีมาบ่อยๆ

หลังจากที่เขาพามาฝึกงานแล้วแนะนำคนๆนึงให้รู้จัก แว่บแรกรู้สึกยังไง ?
ครูสลา : ก็รู้แล้วว่าต้องพิเศษ เพราะว่าลูกไม่เคยมีการันตีใครขนาดนี้











ใจเราเป็นยังไง ที่รู้ว่าลูกสุดที่รักเรากำลังมีแฟนแล้ว ?
ครูสลา : ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าเขาจะคบกันยาวนานมั่นคงแค่ไหน แต่เราให้สิทธิ์ลูกอยู่แล้ว ด้วยเหตุและผล เขาก็ให้เกียรติพ่อแม่

หลังจากที่หายไป 4-5 เดือนเพราะรู้ว่าเป็นลูกครูสลา เพราะอะไรถึงต้องหายไป ?
ซอฟต์ : เท้าความก่อนว่าผมเป็นเด็กบ้านนอกอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นเล่นดนตรีลูกทุ่งมาตลอด เรารู้จักครูสลาในฐานะครูเพลงอยู่แล้ว เป็นไอดอลเลยก็ว่าได้ พอเรามาอยู่ในจุดๆนึงที่เรารู้สึกว่ามันมาไกลกว่าที่เราจินตนาการไว้เราเลยรับไม่ทัน เรียกว่าไปตั้งหลักดีกว่า

4-5 เดือนไม่ติดต่อเขาเลย อะไรทำให้กลับมา ?
ซอฟต์ : เราไปเจอเขาอยู่ที่มหาลัยหลังจากช่วงปิดเทอม พอเราเจอเขาอีกครั้งก็คิดไม่ลองก็ไม่รู้

กลับมามีคำอธิบายมั้ย ?
ซอฟต์ : ไม่ได้อธิบายเลย เขาก็ยังเปิดใจคุยกับผมต่อ เรายังไม่ได้แสดงสถานะว่าจีบจริงๆตอนนั้น

แพรวารอมั้ย 4-5 เดือนตอนนั้น ?
แพรวา : มันครึ่งๆ ตอนกลับมาก็คุยกันต่อเลย ไม่ได้มีปัญหาว่าหายไปไหน ไม่ได้ถาม

สุดท้ายได้เจอตัวจริงวันแรกที่เขาพาไปฝึกงานเป็นยังไง ?
ซอฟต์ : มันตื่นเต้น เราเจอดาราที่ชอบก็ตื่นเต้นระดับนึง แล้วดาราที่ชอบเป็นพ่อของแฟนเราด้วย พ่อก็สบายๆ ทักทายกันตามปกติ แต่ก็คลายความกดดันกันได้บ้าง

แต่สิ่งนึงที่ไม่คิดจะเกิดขึ้นกับครูสลาที่หวงลูกสาวมากคือพอฝึกงานไปมาก็บอกให้แต่งงานกันได้แล้ว ?
ครูสลา : มันหลายปีมาก ไม่ได้มองเรื่องหวงหรืออะไร เรามองว่าเขาคงรักกันแล้ว ที่ห่วงคือขั้นต่อไปถ้าจะต้องแต่งงานก็ต้องแต่งเลยมันเกี่ยวกับลูก ถ้าวันนึงมีลูกพ่อแม่อายุเกิน 30 มันจะมีผลต่อลูก

อะไรที่ทำให้ครูมั่นใจผู้ชายคนนี้ ?
ครูสลา : เขาเป็นคนอารมณ์ดี ส่วนแพรวาจะมีความเหมือนพ่อหลายๆอย่าง เป็นผู้นำด้วย คนที่จะมาอยู่กับเขาถ้าได้คนอารมณ์ดีก็จะดี

พอพ่อเอ่ยเรื่องการแต่งงานทั้งคู่ตกใจมั้ยเป็นสิ่งที่คุยกันมาก่อนมั้ย ?
แพรวา : คุยกันมาตลอดอยู่แล้ว แต่หาคิวที่จะคุยกับพ่อเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะคิวพ่อเต็ม กลัวคุยไปแล้วจะเครียด พอพ่อพูดมาปุ๊ปก็โอเคพ่อว่างแล้ว ก็ไปจัดการคิวกันหลังบ้านกันต่อว่าจะนัดครอบครัว 2  ครอบครัววันไหนดี

พอพูดถึงเรื่องแต่งงานเรื่องสินสอดก็ต้องตามมา เครียดมั้ย ?
ซอฟต์ : ไม่ได้เครียดเพราะพ่อไม่เอาอะไรเลย มีในส่วนของผู้ใหญ่เขาคุยกัน เถ้าแก่ทางฝั่งแพรวาแล้วก็เถ้าแก่ทางฝั่งผมประมาณนึง แต่ทางคุณพ่อเขาไม่เอาอะไรเลย แถมรถให้ด้วยคันนึง

ทำไมครูถึงไม่เรียกสินสอดอะไรเลย ?
ครูสลา : มันเป็นเรื่องของนอกกาย ถ้าจะมีผู้ชายซักคนมาดูแลลูกเรา อยากให้เขาเป็นคนดี มีความรับผิดชอบมากกว่า ถ้าสอบผ่านตรงนั้นอย่างอื่นหาได้หมดเลย

เห็นว่างานแต่งต้องจัด 2 รอบ เกิดอะไรขึ้น ?
ครูสลา : เรื่องงานแต่งเป็นเรื่องการเปลี่ยนผ่านชีวิตของคนไทย ให้ลูกไปปรึกษาทุกฝ่าย เค้าก็แนะนำว่าถ้าฤกษ์ดีต้องเป็นวันนี้ แต่วันที่เราจองโรงแรมเป็นอีกวันนึง ก็เลยพูดกับเขาว่าแต่งเอาฤกษ์ แล้วค่อยไปแต่งเอาชัย

งานแต่งเรียกว่าเป็นงานแต่งงานประจำจังหวัด นักร้องลูกทุ่งมาทั้งวงการ ใช้เงินไปถึง 15 ล้าน ?
ครูสลา : ตอนแรกจองโรงแรมห้องเดียว แต่เหมือนคนจะเยอะเลยจองโรงแรมสองห้อง ส่วนมากเป็นเพื่อนพ่อ

ครูประทับใจช่วงไหนมากที่สุดในงาน ?
ครูสลา : เห็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ แต่เขามา เขารู้ข่าวเขาก็มาเขาไม่ได้มาเพราะเป็นครูสลา เขามาเพราะเป็นงานของลูกครูสลา ได้เห็นพี่สาวเขาดูแลเขาเป็นอย่างดีซึ่งเป็นสิ่งที่เรากับแม่ของเขาเป็นห่วงที่สุดว่าวันนึงถ้าไม่มีเราเขาจะดูแลกันเองได้มั้ยและวันนั้นเป็นบททดสอบว่าเขาดูแลน้องได้เป็นอย่างดี รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน


ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ ครูสลา คุณวุฒิ​
https://www.youtube.com/watch?v=-l0XHz40YMs

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=-l0XHz40YMs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=-l0XHz40YMs</a>










12422
ไข่มุก เผยชีวิตในวงการบันเทิง เหลิงจนแทบหมดตัว


เป็นนางเอกละครเรติ้งพุ่งสุดๆ ของช่อง สำหรับ สาวไข่มุก รุ่งรัตน์ ที่ชีวิตก่อนเข้าวงการต้องดิ้นรนทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาช่วยแม่เลี้ยงดูครอบครัว แถมเมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงจากการประกวดกลับใช้เงินมือเติบ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเงินหมดจนแทบจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังทุกประเด็นผ่านทางรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกร

กว่าจะมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง ชีวิตผ่านอะไรมามาก?
ไข่มุก : ตอนเด็กมีพ่อแม่พี่น้อง 5 คนคะในบ้าน แต่ว่าพ่อไม่ได้อยู่ด้วยจะมาบ้างเพราะว่าทำงาน เดือนละครั้งที่เจอพ่อ เสาหลักของบ้านคือแม่ หนูกับแม่จะช่วยหาเงิน หนูเห็นแม่ลำบากมาตั้งแต่เด็กเลยอยากจะทำอะไรก็ได้ที่ช่วยแม่หาเงินได้ รับจ้างล้างจาน

ลำบากแต่มีอาหารดีๆ กินทุกวัน?
ไข่มุก : ใช่คะ เพราะว่าแม่เป็นแม่บ้านฝรั่งทำเสื้อผ้า ทำอาหาร คนจีน คนญี่ปุ่น ซึ่งเวลาเขาทำอาหารปาร์ตี้ เขาจะกินของดีๆ ทุกอาทิตย์เขาจะปาร์ตี้กันอยู่แล้ว ซึ่งพออาหารมันเยอะมันไม่หมด เขาก็บอกแม่ให้เอากลับมาให้ลูกได้นะ เราก็ได้กิน พอตอนประถมเราก็เริ่มไปรำครูพาไปก็ได้เงินมา บางทีก็ได้ติ๊บด้วย พอมัธยมเรารู้ว่าร้องเพลงได้เงินเยอะกว่าก็เลยร้องเพลง จนได้เงินเพิ่ม บางวันก็รับ 2 งาน รวมติ๊บด้วยวันนึงก็ 3-4 พัน ทำเกือบทุกวัน เราคิดว่ามันได้เร็วและเรามีเวลาแค่ช่วงเลิกเรียนด้วยจะไปทำงานประจำก็ไม่ได้

อยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้างมั้ย?
ไข่มุก : หนูมองว่าเราไปตรงนั้นแล้วไม่มีประโยชน์ ด้วยความที่เราเห็นแม่ทุกอย่างลำบากแล้วไม่มียังไง ส่วนน้องกับพี่เป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงและสนิทกับแม่ก็เลยได้รับรู้ทุกอย่างและก็ช่วย

เห็นแม่ลำบากมาแต่เด็กทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เกินวัย?
ไข่มุก : ใช่คะ ถ้าชีวิตหนูนิยามสั้นๆ ว่าทำไมถึงมีวันนี้หนูตอบคำเดียวคือแม่ ตั้งต่อนุบาลหนูร้องเพลงวันเด็กร้องเต้นมีเวทีที่ไหนหนูจะขึ้นเพื่อเอาเงินรางวัลนั้นไปให้แม่ เงินจากพ่อได้บ้างไม่ได้บ้าง จังหวะที่พ่อกับแม่เลิกกันด้วยมีปัญหาตอนแรกเราก็โกรธตอนที่แม่ท้องน้องแล้วพ่อหายไป อันนี้มันเป็นอีกอย่างที่ทำให้รีบโตเพื่อหาเงินให้แม่ให้ได้ เพราะว่าเรามีน้อง หนูอยากมีน้องมาก เราเลี้ยงน้องตั้งแต่วันแรกเลย









เราก็หาเงินได้ แต่พอจะเข้ามาหาลัยทำไมถึงไม่มีเงิน?
ไข่มุก : มันไม่ได้มีทุกเดือนคะ ช่วงที่หนูร้องเพลงจะเป็นช่วงปีใหม่ งานบวช งานสงกรานต์ พอแม่ไม่มีเงินส่ง เราก็คิดว่าเราเรียนไม่เก่งจะไปสอบที่ไหนได้ เลยทำพอร์ทยื่นเรียนทุน 100% ก็ไปเล่าให้แม่ฟังแม่ดีใจมาก แต่เราไม่น้อยใจที่ไม่มีเงินเรียน เราเข้าใจแม่ หลังจากรู้ว่ามีที่เรียนแล้ว แต่ในระหว่างเรียนจะเอาตังไหนใช้ เพราะว่าหลังจากที่ไปประกวดรายการนึงก็ชนะแต่เรามีปัญหาครอบครัวต้องใช้ตังค์

เข้ามหาลัยได้ไปเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่?
ไข่มุก : เราแข่งรายการจบก็มีงานกับที่นั่น ก็มีไปโชว์ตัวโน่นนี่ ก็เรียนด้วยทำงานด้วยต้องมาอยู่หอค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ก็ไปรับร้องเพลงเพราะต้องใช้เงินทั้งนั่งบีทีเอสไปเรียนวันนึงหลายร้อย มีช่วงนึงที่เราไม่มีแล้วเราไม่กล้าบอกแม่เพราะแม่ก็จะต้องไปยืมคนอื่นมาให้ ก็ให้เพื่อนบอกครูให้หน่อยว่าเรามีงานแต่จริงๆ คือนอนอยู่ห้องไม่มีเงินไปเรียน

อะไรที่ผลักดันให้เราไปประกวดเดอะวอยซ์?
ไข่มุก : ช่วงนั้นเป็นเวลา 1 เดือนที่เราลำบากมากๆ มีพี่มาขอเบอร์บอกว่าเราเสียงดีให้ไปร้องแทน เจอเจ้าของร้านบอกว่าทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ จนเราคิดว่ามันไกลตัวมากเลยเราก็ไม่ได้เสียงดีอะไร จนมาถึงวันสุดท้ายที่เปิดออดิชั่นพี่เขาก็โทรหาหนูถามว่าไปหรือยัง เราก็คิดทำไมไม่ลองดู ซึ่งคิดว่าถ้ารายการนี้ไม่ประสบผลสำเร็จจะไม่ประกวดแล้ว จะไปหางานประจำให้ได้เงินแน่ๆ คนที่ดูถูกเราก็เยอะแบบไม่ได้หรอก ไม่ดังหรอกจะไปสู้อะไรเค้าได้

ไปประกวดไม่ชนะ แต่มีงานเข้ามาเยอะ?
ไข่มุก : ใช่คะ เราอยากกินอะไรที่เราไม่ได้กิน พาแม่ไปกินอยากได้อะไรก็ได้ ซื้อๆๆๆ ตอนนั้นมีเป็นล้านแต่หมดไวมาก มีเรื่อยๆเราก็ใช้เรื่อยๆ อะไรที่ไม่จำเป็นซื้อก็ซื้อ เสื้อผ้าทีสิบยี่สิบชุด  เราก็แบบเดี๋ยวมันก็มีงานเรื่อยๆเดือนหน้าก็มี เราหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเสมอ จนมาสามปีเรามาถามตัวเองว่าทำไมงานน้อยลง เราก็ซอฟลงแต่ก็ซื้อรถดาวน์ไป 500,000 ราคามัน 2 ล้าน แต่ตอนนี้ขายรถแล้วคะ หนูขับไม่เป็นแล้วหนูกลัวมันพัง เราก็เริ่มเรียนรู้แล้วงานก็ไม่ได้มีเหมือนเดิม แล้วเงินมันหายไปมากแล้ว มีก้อนนึงที่เหลือมีค่าโน่นนี่ที่ต้องจ่ายที่เราสร้างไว้ทั้งรถทั้งคอนโด งานน้อยมากๆจนพอแค่จ่ายหนี้ เอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือดาวน์บ้าน

เหลือ 7000 ทั้งตัว?
ไข่มุก : ใช่คะตอนแรกบ้านไม่มีแอร์ ไม่มีผ้าม่านเลย ตอนนี้ด้วยการใช้เงินที่ไร้สาระของเรา มีพี่คนโน้นคนนี้ที่สอนเรา​เรารู้สึกว่าทำไมไม่ลองทำดู เพราะเขาก็บอกว่าเข้าวงการใหม่ๆเขาใช้เงินฟุ่มเฟือยมากและเขาก็รู้ว่าเราใช้เงินยังไง เลยสอนให้ทำวิธีมีเงินเก็บ ไม่อยากให้เหลิงค่ะ


ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Mq1HwUoOuxI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Mq1HwUoOuxI</a>








12423
เรเซอร์ รุกตลาดส่งท้ายปี เปิดตัว...โคมไฟดาวน์ไลท์อัจฉริยะ ภายใต้คอนเซ็ป “ โคมไฟยุคใหม่ ใช้..เสียงสั่งแสง ” ในงาน โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32


               เรเซอร์ (RACER) ผู้นำนวัตกรรมด้านการส่องสว่างของไทย มายาวนานกว่า 50 ปี ร่วมเปิดประสบการณ์ผู้บริโภค กับโคมไฟดาวน์ไลท์อัจฉริยะ (AI DOWNLIGHT VOICE REMOTE)  นวัตกรรมใหม่ล่าสุด สั่งงานด้วยเสียงได้ถึง 12 คำสั่งเสียง “ เรเซอร์ ” ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อต่อยอด Concept “โคมไฟยุคใหม่ ใช้เสียงสั่งแสง” และตอบโจทย์ ความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยัง กลุ่มธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน และกลุ่มคนทำงานออฟฟิศมาพร้อมพรีเซนเตอร์ สาวสวยมากความสามารถ ‘ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์’


               มร. กว๊อก ฟาง ชวา (Mr. Kwok Fang Chua) ซีอีโอ บริษัท เรเซอร์การไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมส่องสว่าง และผู้นำเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงของประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้ “ เรเซอร์ ” ได้พัฒนาโคมไฟอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ ‘Racer AI Lamp Voice Control’ โคมไฟอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Sapphire 24W, รุ่น Crystal 24W และรุ่น Luxury 50W มีจุดเด่นด้วยระบบ AI Voice Control สามารถเปลี่ยนเสียงตอบรับได้รุ่นละ 2 สไตล์ สั่งการด้วยเสียงภาษาไทยหลากสำเนียงได้ถึง 16 ชุดคำสั่ง และปรับสถานะของแสงสว่างได้หลากหลายด้วย Application Racer Smart Pro เชื่อมต่อบลูทูธเพื่อเปิดเพลงด้วยคุณภาพเสียง Luxury Quality Sound ตอบสนองความต้องการแต่ละ Life Style ได้อย่างลงตัวตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยในเวลากลางคืน และพฤติกรรมของกลุ่มคนเมืองที่ชอบความสะดวกสบาย




               และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  “ เรเซอร์ ” ยังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ “ โคมไฟดาวน์ไลท์อัจฉริยะ สั่งงานด้วยเสียง ” ( AI DOWNLIGHT VOICE REMOTE ) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ทาง “ เรเซอร์ ” ได้พัฒนาต่อยอด Concept  “โคมไฟยุคใหม่ ใช้เสียงสั่งแสง” ตอบโจทย์ ความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรม, อาคารสำนักงาน และกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดย AI Downlight Voice Remote จะใช้เสียงสั่งแสงแทนการใช้รีโมท ชุดโคมไฟ ประกอบไปด้วย AI Master ที่ทำหน้าที่รับคำสั่งเสียงและประมวลผลไปยังโคมไฟดาวน์ไลท์ทั้ง 4 โคม ให้เปลี่ยนแสงตามคำสั่งที่ต้องการ สามารถสั่งงานได้ถึง 12 คำสั่งเสียง ซึ่งเรเซอร์ได้นำมาเปิดตัวในงาน “โฮมโปร เอ็กซ์โป” ครั้งที่ 32






               นอกจากจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุปกรณ์สองสว่างและเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงแล้ว ”เรเซอร์”ยังมีผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย คือ Consumer Unit หรือตู้ไฟเบรกเกอร์ ซึ่งมีแบบ Premium Set ครบชุดพร้อมเบรกเกอร์กันดูด รูปทรงสวยงามเหมาะกับบ้านยุคใหม่ พร้อมรับประกันถึง 20 ปี นอกจากนี้ยังมีตู้เบรกเกอร์ครบชุด Complete Set และ Hybrid Set ซึ่งตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยที่หลากหลายให้กับบ้านยุคใหม่ ภายใต้ Concept "ตัดไว ปลอดภัย หายห่วง" มร.กว๊อก ฟาง ชวา กล่าวทิ้งท้าย






               ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ห้างวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วประเทศ  และช่องทางออนไลน์ชั้นนำ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/racerlighting

12424
ธัญญาพาร์ค จัดโปรโมชั่นช้อปส่งท้ายปี


               ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์​ จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ​ “Happy Everyday Promotion” ภายใต้แคมเปญ “Happiness Is All Around" มอบความสุขครั้งส่งท้ายปี 2020 เพียงช้อปสินค้าหรือใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับฟรีทันทีกระเป๋าผ้ารักษ์โลกดีไซน์เก๋ จำนวน 1 ใบ พร้อมรับเข็มกลัด Happiness Pin ฟรีทันที เมื่อร่วมสนุกโดยการถ่ายภาพกับ 9 จุด The Color Of Happiness Photo Spot แชร์ลงโซเชียลพร้อมติดแฮชแท็ก #HappinessAtThanyapark และรูปภาพไหนสวยปังโดนใจกรรมการ รับแก้วสตาร์บัคส์ดีไซน์เก๋ ฟรี 1 ใบ ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 - 3 มกราคม 2564  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-108-6000 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่www.facebook.com/thanyapark

12425
เปิดคะแนนความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค ปี 63
ซูเปอร์มาร์เก็ตไทย คะแนนต่ำกว่าครึ่งในทุกมิติ


18 พฤศจิกายน 2563 กรุงเทพฯ : แคมเปญ “ผู้บริโภคที่รัก” เปิดผลการประเมินนโยบายสาธารณะด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค ของ 8 ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศไทย ประจำปี 2563 พบซูเปอร์มาร์เก็ตไทยทำคะแนนต่ำกว่าครึ่งในทุกมิติ ขาดกลไกการรับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรการชัดเจนเฉพาะในหมวดที่สร้างภาพลักษณ์ได้ เช่น การงดใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก แต่ขาดมาตรการควบคุมให้คู่ค้ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้า


               นางสาวจิดาภา มีเพียร เจ้าหน้าที่ฝ่ายการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน องค์การอ็อกแฟมประเทศไทย​ (OXFAM) เปิดเผยว่า “แคมเปญ “ผู้บริโภคที่รัก” หรือเดิมใช้ชื่อว่า “ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก” ได้จัดทำการสำรวจและประเมินนโยบายทางสังคมของซูเปอร์มาร์เก็ตไทยมาตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการสร้างความยั่งยืนทางอาหาร ตลอดจนมีการบังคับใช้นโยบายอย่างจริงจัง




               สำหรับในปี 2563 แคมเปญผู้บริโภคที่รักได้ประเมินซูเปอร์มาร์เก็ตไทยจำนวน 8 แห่ง ในมิติความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค ซึ่งเป้าหมายของการประเมินในปีนี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารปลอดภัยแล้ว ในขณะเดียวกันเป็นการช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การประเมินในครั้งนี้ จำแนกออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ มิติด้านความรับผิดชอบต่อสวัสดิการของผู้บริโภค ด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับคู่ค้า และสิ่งแวดล้อมของห้างค้าปลีก โดยแต่ละมิติจะมี 8 ตัวชี้วัดย่อย การประเมินได้ดำเนินการโดยพิจารณาจากนโยบายของซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะที่ตรวจสอบและเข้าถึงได้ เช่น เว็บไซต์ รายงานประจำปี หรือรายงานต่างๆ โดยการประเมินเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 จากการประเมิน พบว่า ที่ผ่านมามีซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งที่มีการประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านดังกล่าวสู่สาธารณะ แต่ในภาพรวมถือว่ายังคงต้องมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดยมิติที่จะต้องเร่งปรับปรุง ประกอบด้วย




          -  การพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกลไกการร้องเรียนและการเยียวยาผู้บริโภค ที่จะต้องครอบคลุมแนวทางการจัดการข้อร้องเรียน รูปแบบ กรอบระยะเวลาในการจัดการข้อร้องเรียนและการชดเชย

          -  การเปิดเผยข้อมูลแหล่งที่มาและกระบวนการในการคัดกรองสินค้า

          -  การพัฒนากลไกการติดตามและตรวจสอบย้อนกลับสินค้าโดยเฉพาะในสินค้าประเภทผักและผลไม้ รวมไปถึงอาหารทะเล

          -  มาตรการในการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ผลิตที่ไม่มีกระบวนการการผลิตอาหารที่ปลอดภัย

          -  ส่งเสริมการใช้นโยบายและแนวปฏิบัติตามแนวทางการจัดหาสินค้าที่ยั่งยืน


              นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร ผู้จัดการสำนักงาน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (FOUNDATION FOR CONSUMERS) กล่าวว่า จากผลการประเมินซูเปอร์มาร์เก็ตไทยในข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทำคะแนนในทุกมิติน้อยกว่าร้อยละ 50 ของคะแนนรวม ส่งผลให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องร่วมกันผลักดันให้ซูเปอร์มาร์เก็ตจัดทำมาตรฐาน และแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการบังคับใช้ภายในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่จะมาถึงผู้บริโภค




              “สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คือ การพัฒนาระบบและเครื่องมือที่ให้ผู้บริโภคสามารถที่จะตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า รวมไปถึงส่วนประกอบของสินค้า ผลักดันให้ซูเปอร์มาร์เก็ตจัดทำ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าและส่วนประกอบของสินค้า พร้อมให้ข้อมูลด้านโภชนาการและข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่ออันตราย และไม่จำหน่ายสินค้าที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงการพัฒนากลไกการรับเรื่องร้องเรียน และเยียวยาให้แก่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยซูเปอร์มาร์เก็ตจำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาข้อร้องเรียน และมีการเยียวยาตามสิทธิพึงมีของผู้บริโภค”


              นางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์​ ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) กล่าวว่า ภายใต้ห่วงโซ่ของธุรกิจอาหารที่มีซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวแปรสำคัญนั้น ซูเปอร์มาร์เก็ตควรพัฒนาหลักจริยธรรมและมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้แน่ใจสินค้าที่มาจากผู้ผลิตเป็นสินค้าที่มีกระบวนการผลิตอย่างมีจริยธรรม และมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค จากการประเมิน​ มิติความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับคู่ค้า​ จะพบว่า 6 ตัวชี้วัดที่ไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตใดได้คะแนนเลย คือ การใช้ยาและสารเคมี ความยั่งยืนของระบบนิเวศต้นน้ำ การตรวจสอบและย้อนกลับ การบริหารจัดการพลังงาน การบริหารจัดการน้ำและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก น้ำทิ้ง และของเสีย สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ได้มีการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง จึงจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้ผู้ประกอบการมีการใช้มาตรการเพื่อควบคุมให้คู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และเกิดความยั่งยืนทางอาหาร เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของผู้ประกอบการไม่ว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม

              จากการประเมินในข้างต้นจะเห็นได้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตไทยมีการพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความรับผิดต่อสวัสดิการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ องค์กรภาคีเครือข่ายและองค์การอ็อกแฟม ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีต่อไปคะแนนการประเมินในมิติทั้ง 2 ด้านจะเพิ่มสูงขึ้น

12426
LYRA (ไลร่า) เกิร์ลกรุ๊ป ปลื้มซิงเกิลที่ 2 “Vanilla” (วานิลลา) กระแสตอบรับดีต่อเนื่อง
ปล่อย MV พุ่งติด Top 10 ของ YouTube Trending ในประเทศไทย 
คาดเป็นพลงอบอุ่นหัวใจรับลมหนาวปีนี้

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=_znt0nJpVOU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=_znt0nJpVOU</a>

               LYRA  (ไลร่า)  เกิร์ลกรุ๊ปหญิงแถวหน้าเมืองไทย จากความร่วมมือระหว่าง Independent Artist Management หรือ iAM ต้นสังกัดศิลปินไอดอลหญิง BNK48 และ Universal Music Thailand ส่งเพลงที่ 2 ภายใต้ชื่อ “Vanilla” (วานิลลา)


               เพลง “Vanilla” (วานิลลา) เป็นแนวเพลง POP จังหวะดนตรีปานกลาง สามารถเต้นหรือขยับตาม เหมาะกับการพักผ่อนท่องเที่ยวหรือขับรถไปในระยะทางไกล เรียกว่าเป็นสไตล์ Road Trip ซึ่งได้นักแต่งเพลงฝีมือดี้อย่าง​ “AUTTA” มาร้อยเรียงถ้อยคำที่ถ่ายทอดจากความรู้สึกของเมมเบอร์ทั้งหกคนเพื่อให้อยู่ในเพลงนี้ นอกจากนี้ยังมีคนเพลงระดับแถวหน้าเมืองไทย อาทิ คุณเจ -มณฑล จิรา และคุณ ริชาร์ด เครเกอร์ ร่วมสร้างสรรค์เพลง Vanilla  (วานิลลา) ของเกิร์ลกรุ๊ป LYRAอย่างต่อเนื่อง

               6 สาวจากเกิร์ลกรุ๊ป LYRA (ไลร่า) ปัญ–ปัญสิกรณ์ ติยะกร , เนย–กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล , เจนนิษฐ์ –เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ , นิว–ชัญญาภัค นุ่มประสพ , ฟ้อนด์–ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา และ  นิกี้–วรินท์รัตน์ ยลประสงค์​ ลุคละมุนละไม เสื้อผ้าในเพลงนี้จะออกแนวสีพาลเทล สดใส เป็นการ mix & match ให้มีสไตล์เหมาะกับแต่ละเมมเบอร์อย่างมีเอกลักษณ์แต่ยังคงมีความเป็น Futuristic โดยคุณ​ ปุ๊ก -จงกล ตั้งประดิษฐ์​ สไตล์ลิสชั้นนำเมืองไทยเป็นที่ปรึกษา


               ด้านท่าเต้นเพลง Vanilla (วานิลลา) แม้เป็นเพลงฟังสบายๆ แต่จริงๆ มีจังหวะที่เร็วกว่าเพลง LYRA เยอะทีเดียว โดยทีมงานและน้องทั้งหกท่าน​ พิจารณาแล้วว่าการเต้นที่แข็งแรงจะสามารถซัพพอร์ตในส่วนของจังหวะดนตรีได้อย่างสมบูรณ์ ส่วน MV นั้นเป็น Mood &Tone ที่จำลองความคิดของแต่ละคนออกมาเป็นฉากต่างๆ กัน ซึ่งคุมสี เน้นการจัดฉากให้มีสไตล์ตามบุคลิกน้องๆ  ทำให้ MV ไม่มีการเล่าเรื่องแต่เน้นการใช้จินตนาการและสัญลักษณ์ที่แฝงในฉากเพื่อให้ผู้ชมสามารถตีความได้ตามแต่ละคนคิด ในเพลงนี้ได้ผู้กำกับหนังสั้นชื่อดังอย่าง​ “แม้ว - ปภาวี จิณสิทธิ์” มาร่วมสร้างสรรค์เพลงให้น่าสนใจติดตามยิ่งขึ้นไปอีก

               ขณะนี้ มีกิจกรรมความเคลื่อนไหวของ  LYRA Official  เปิด Pre-Order CD Package “LYRA THE 1ST EP” ตั้งแต่วันนี้จนถึง 10 ธันวาคม 2563    จำหน่าย CD LYRA  Package  ประกอบไปด้วย

1.)       CD “LYRA THE 1st EP” (มีทั้งหมด 6 Tracks)

2.)       Photo Card 1 ใบ (จาก 14 แบบ)

3.)       รับสิทธิ์แลกรับบัตรเข้าชม “LYRA GALAXY EXPERIENCE” 1 ครั้ง ซึ่งงานจะเป็นแนว  Exhibition แสงสีเสียง ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2564  เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าสัมผัสประสบการณ์หมู่ดาวอย่างตระการตา และรู้จัก LYRA มากขึ้น

4.)      รับสิทธิ์ Hi-Touch กับเมมเบอร์ 2 คน (สามารถเลือกได้ตามตารางที่กำหนดมา)


               อย่างไรก็ตามกิจกรรม​ LYRA GALAXY Experience​ ครีเอทความสร้างสรรค์สุดพิเศษสำหรับทุก ๆ คนที่มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในแนวนิทรรศการศิลปะดิจิทัล สามารถเช็คอิน ถ่ายรูปสวยๆ ด้วยเทคโนโลยีการจัดแสงสีเสียงที่น่าประทับใจ ทั้งนี้คนไทยทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับนิทรรศการนี้ อย่ารอช้าสามารถสั่งซื้อ CD LYRA พร้อมรับบัตรเข้างาน LYRA GALAXY EXPERIENCE ได้ที่ Shopee : “LYRA Official Shop”

ติดตามความเคลื่อนไหวของ “LYRA”  ได้ที่
FACEBOOK  /  INSTAGRAM   /  TWITTER   /   YOUTUBE  /  TIKTOK
ติดตาม Universal Music Thailand ได้ที่
FACEBOOK / INSTAGRAM / TWITTER  /  YOUTUBE
               
       

12427
TMA จับมือศศินทร์ เตรียมประกาศผลรางวัลพระราชทาน ความเป็นเลิศการบริหารจัดการธุรกิจแห่งปี SMEs Excellence Awards 2020 และ Thailand Corporate Excellence Awards 2020


กรุงเทพฯ, - 20 พฤศจิกายน 2563 – สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมจัดงานพิธีประกาศผลและมอบรางวัลพระราชทาน SMEs Excellence Awards และรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2020 โดยมุ่งหวังที่จะช่วยผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ อันจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2563 นี้ คณะอนุกรรมการโครงการฯ ได้กำหนดให้มีพิธีประกาศผลรางวัลและมอบรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “SMEs Excellence Awards 2020” และรางวัลพระราชทาน “Thailand Corporate Excellence Awards 2020” ใน
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา​ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและกล่าวแสดงความยินดีแก่องค์กรที่ได้รับรางวัล

รางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2020 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 9 สาขารางวัล แบ่งประเภทของสาขารางวัลออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ประกอบด้วย


1. รางวัลสำหรับองค์กรที่มีรายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี จำนวน 8 สาขา ดังนี้

   1.สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาการบริหารจัดการขององค์กร (Corporate Improvement Excellence)
    2.สาขาความเป็นเลิศด้านการบริหารทางการเงิน (Financial Management Excellence)
    3.สาขาความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Excellence)
    4.สาขาความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ (Innovation Excellence)
    5.สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence)
    6.สาขาความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence)
    7.สาขาความเป็นเลิศด้านสินค้า/การบริการ (Product / Service Excellence)
    8.สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Excellence)


2.สาขารางวัลสำหรับองค์กรขนาดกลางที่มีรายได้ไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทต่อปี จำนวน 1 สาขา คือ สาขาความเป็นเลิศในการบริหารจัดการโดยรวม (Corporate. Management Excellence)

ในส่วนของรางวัลสำหรับ SMEs Excellence Awards 2020 ในแต่ละประเภทธุรกิจ คือธุรกิจการผลิต ธุรกิจการบริการ และธุรกิจการค้าปลีก/ค้าส่ง ประกอบด้วยรางวัล ดังนี้

1. รางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
2. รางวัล SMEs Excellence Awards โดยแบ่งลำดับรางวัลเป็น 2 ลำดับ

         อันดับที่ 1 Gold Awards
         อับดับที่ 2 Silver Awards

สำหรับขั้นตอนในการเสนอชื่อองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการรางวัล Thailand Corporate Excellence Awards คณะผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็นผู้เสนอรายชื่อองค์กรในแต่ละสาขารางวัล จากนั้นแต่ละองค์กรจะต้องนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการบริหารองค์กรในสาขานั้นๆ รวมถึงผลลัพธ์และความสำเร็จจากการดำเนินงาน เพื่อโครงการฯ ได้นำข้อมูลไปใช้ประกอบการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีรายได้สูงสุด 1,000 องค์กรในประเทศไทย เพื่อคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับรางวัลพระราชทานฯ ในแต่ละสาขารางวัลต่อไป

ในการคัดเลือกองค์กรสำหรับรางวัล SMEs Excellence Awards นั้น ธนาคารต่างๆ จะคัดเลือกองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีระบบการบริหารจัดการโดยรวมที่เป็นเลิศ ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต การบริการ หรือการค้าปลีก/ค้าส่ง โดยแต่ละ SMEs จะจัดส่งข้อมูลองค์กรและแนวทางการบริหารจัดการให้กับคณะกรรมการได้พิจารณาให้คะแนน โดยคณะกรรมการจะคัดเลือกองค์กรที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จากนั้นคณะกรรมการจะเข้าเยี่ยมชมและประมวลผลคะแนนเป็นรอบที่ 2 โดยคณะกรรมการจะพิจารณา SMEs ที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการองค์กรในด้านต่างๆ เพื่อรับรางวัลพระราชทานต่อไป

ท่านที่สนใจร่วมงานพิธีประกาศรางวัลความเป็นเลิศการบริหารจัดการธุรกิจแห่งปี และโอกาสพบกับผู้บริหารองค์กรชั้นนำระดับประเทศ ติดต่อ: คุณภาณิชา โทรศัพท์ 02-3197677 ต่อ 271 บัตรราคา: 4,500 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)


#####

เกี่ยวกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association - TMA)

TMA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสร้างเสริมความเป็นเลิศของผู้บริหาร เพื่อมุ่งสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก เช่น International Institute for Management Development (IMD) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการทำการสำรวจขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย หรือความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาและทีมผู้เชี่ยวชาญจากซิลิคอนวัลเลย์รวมทั้งจากยุโรปในการฝึกอบรมพัฒนาผู้บริหาร รวมถึงความร่วมมือกับวิทยากรชั้นนำในประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ TMA ยังให้บริการที่ปรึกษา บริการทำงานวิจัย และจัดการประชุมระดับนานาชาติ และทำกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชน โดยนับตั้งแต่องค์กรก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2507 มีผู้ใช้บริการเพื่อการพัฒนากับ TMA มาแล้วมากกว่า 350,000 คน

12428
มาดาม ดา จับมือพันธมิตร รีโว่เมด เปิดเกมรุกธุรกิจเครื่องสำอางผลิตสินค้าคุณภาพพรีเมี่ยม
พร้อมพาทัวร์โรงงานผลิต OEM ชมกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานคุณภาพระดับโลก


             มาดาม ดา​ นักธุรกิจสาวชาวกัมพูชาที่โด่งดังในโลกออนไลน์ด้วยรูปแบบกลยุทธ์การตลาดออนไลน์สมัยใหม่ live commerce จับมือพันธมิตร​ บริษัท รีโว่เมด ประเทศไทย จำกัด​ ผู้ให้บริการด้านการผลิตสินค้าความงามและอาหารเสริมครบวงจรแบบ OEM ตอกย้ำภาพผู้นำตลาดรับผลิตสินค้า ชูสโลแกน “มากกว่ารับจ้างผลิต เพราะเราคือคู่คิดของธุรกิจคุณ” พาชมกระบวนการผลิตของโรงงานรีโว่เมด เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์มาดามดาที่ได้มาตรฐานระดับโลก เตรียมตั้งเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสินค้า Made in Thailand พร้อมประกาศเดินหน้าลุยธุรกิจเครื่องสำอางร่วมกันอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อยอดคิดค้นและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศไทย กลุ่ม CLMV และทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง


             นางสาวโสลีดา เซียน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาดาม ดา (ไทยแลนด์) จำกัด​ เจ้าของและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ มาดาม ดา กล่าวเสริมว่า “ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะเราทำการสต็อกสินค้าในทุกประเทศ ได้ทันก่อนมีการประกาศปิดด่านชายแดน ส่งผลให้รายได้จากตลาดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำยอดขายได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อเดือนทั่วโลก เนื่องจากเราทำการตลาดแบบครอบครัวที่ดูแลตัวแทนจำหน่ายด้วยความซื่อสัตย์ และมีการวางแผนกลยุทธ์สำรองเผื่ออนาคตให้ โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เด่น คือ ดา คอลล่าซี บอดี้โลชั่น และเซรั่ม รวมถึงมีการวางแผนที่จะเปิดสำนักงานอีก 1 แห่งในช่วงปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการและสามารถกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้เป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังมีการจับมือพันธมิตร ได้แก่ รีโว่เมด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าความงานครบวงจรที่มีมาตรฐานระดับสากลในการคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ พร้อมเพื่อนคู่คิดมาช่วยเติมเต็มและสร้างธุรกิจให้แข็งแรงเติบโตไปด้วยกัน เพื่อดันสินค้า SMEs ไทยสู่ตลาดโลก เตรียมรองรับการเปิดตลาดใหม่อย่างเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 3 เท่า ใน 1 ปี เพื่อการก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ พร้อมต่อยอดธุรกิจเพื่อความงามไปสู่มาตรฐานและความเชี่ยวชาญ ที่จะช่วยสร้างความทัดเทียมกับต่างชาติในอนาคต”


             นางสาววาสนา อินทะแสง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รีโว่เมด ประเทศไทย จำกัด​ กล่าวว่า “สำหรับการร่วมมือกับแบรนด์ มาดาม ดา เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกัน โดยเราเข้ามาร่วมคิดค้นสูตรและรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต เพราะมองว่ามาดามดาเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ตรงตามความต้องการ และช่วยขยายฐานลูกค้าของเราได้กว้างขึ้นอีกด้วย ซึ่งรีโว่เมดเป็นโรงงานที่ให้บริการแบบ One Stop Solution โดยเน้นการตลาดแบบ B-B แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ รับจ้างผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามสำหรับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในประเทศ - ต่างประเทศ และให้ความช่วยเหลือ เสนอข้อแนะนำลูกค้าในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่คิดคอนเซ็ปท์สินค้า การออกแบบ การผลิต การปล่อยสินค้าออกสู่ตลาด และสนับสนุนหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยโรงงานฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานมากมาย อาทิ GMP, HALAL, HACCP, SGS และ FSSC 22000 พร้อมมีเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านโดยเฉพาะ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและพาร์ทเนอร์ได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาทางโรงงานรีโว่เมดมีการเตรียมพร้อมในการรับมือผ่านกลยุทธ์ “REVOMED Care 360” ที่ให้การดูแลทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และสังคมรอบตัวเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงภาวะวิกฤตหนัก ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะปิดยอดขายปี 2563 ได้มากขึ้นกว่า 3 เท่าของปีก่อนหน้า หรือประมาณ 500 ล้านบาท”






             สำหรับโรงงานรีโว่เมด ตั้งอยู่ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี บนพื้นที่ราว 5 ไร่ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นโรงงานในการผลิตสินค้าหลัก 1 ใน 2 แห่งของบริษัท โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 100,000 ชิ้น/วัน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานและวัตถุดิบที่ใช้ สามารถผลิต สินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางและอาหารเสริมได้หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าที่มาจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เช่น ครีม สบู่ มาร์กชีท อาหารเสริม เป็นต้น และสามารถผลิตได้หลายรูปแบบตามความต้องการของลูกค้า อาทิ ครีม เจล เซรั่ม เม็ดตอก เม็ดแคปซูล แคปซูลเจล ผงชงดื่ม และแบบสเปรย์ โดยปัจจุบันรับผลิตให้แบรนด์เครื่องสำอางและอาหารเสริมมากกว่า 2,000 แบรนด์






             สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ได้ทาง Facebook : Madam Da Society , Line Id : @madamda หรือ Call center 0615808037 , 0615808039 หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มาดาม ดา ได้ทั่วประเทศ และสามารถติดต่อ บริษัท รีโว่เมด ประเทศไทย จำกัด ได้ทาง โทร 02 101 2790 หรือ 061 662 4242

12429
เวียตเจ็ทถอยแอร์บัสลำใหม่ขยายฝูงบิน


สายการบินไทยเวียตเจ็ทรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 เข้าประจำการเป็นลำที่ 13 ในฝูงบิน เครื่องบินลำดังกล่าวจัดที่นั่งชั้นประหยัดจำนวน 180 ที่นั่ง ซึ่งจะนำมาให้บริการเส้นทางบินในประเทศไทย อาทิ จากสุวรรณภูมิ สูู่ หาดใหญ่/ ขอนแก่น/ สุราษฎร์ธานี/ นครศรีธรรมราช รวมถึงเส้นทางบินข้ามภูมิภาคจากเชียงรายสู่ ภูเก็ต/ หาดใหญ่ และเส้นทางใหม่บินตรงระหว่างเชียงใหม่และนครศรีธรรมราชที่จะเริ่มให้บริการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นี้


เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองต้อนรับเครื่องบินใหม่ 2 ลำสู่ฝูงบินในครั้งนี้  สายการบินไทยเวียตเจ็ทได้จัดโปรโมชั่นบัตรโดยสารแบบใหม่ ‘ดีลักซ์ (Deluxe)- จ่ายทีเดียวได้บริการครบทุกอย่าง’ ในราคาเริ่มต้นเพียง 999 บาท พร้อมสิทธิประโยชน์ครบครัน พร้อมทั้งโปรโมชั่นบัตรโดยสารชั้นประหยัดราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท ตั๋วโปรโมชั่นสามารถจองได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 20 พฤศจิกายน 2563 สำหรับใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 – 30 มิถุนายน 2564 (ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์) พิเศษยิ่งขึ้นผู้โดยสารยังสามารถใช้สิทธิ์แลกรับเงินคืน 40% จากแคมเปญ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ของรัฐบาลได้อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิกสกายฟันของสายการบินได้ฟรี และจองตั๋วโปรโมชั่นได้ที่​ SkyFUN.vietjetair.com


การรับมอบเครื่องบินเพิ่มเติมเพื่อมาใช้ในการปฏิบัติการบินในครั้งนี้เป็นไปตามแผนการขยายฝูงบินและเส้นทางการบิน ซึ่งทางสายการบินไทยเวียตเจ็ทได้เพิ่มจำนวนฝูงบินในเดือนพฤศจิกายนทั้งหมด 2 ลำ และมีแผนจะรับมอบเครื่องบินเพิ่มในเดือนธันวาคมอีก 2 ลำ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2563 นี้ ทางสายการบินจะมีฝูงบินรวมทั้งสิ้น 15 ลำ


สายการบินไทยเวียตเจ็ทมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อให้เที่ยวบินทำการบินตามกำหนดตารางบิน พร้อมให้บริการเที่ยวบินด้วยความปลอดภัยสูงสุด และปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อบังคับที่กำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เวียตเจ็ทยังเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใช้ฝูงบินที่ล้ำสมัยและมีอายุการใช้งานของเครื่องบินน้อยที่สุดของโลก โดยมีอายุใช้งานเฉลี่ยเพียง 2.7 ปี และยังได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยระดับ 7 ดาวจากเว็บไซต์ AirlineRatings.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านความปลอดภัยและการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ระดับโลก เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร ทางสายการบินยังได้ดำเนินมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออากาศยานทุกวันอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

#####

เกี่ยวกับ เวียตเจ็ทกรุ๊ป

เวียตเจ็ท สายการบินยุคใหม่แห่งเวียดนาม มิเพียงปฏิวัติอุตสาหกรรมการบินของเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นสายการบินผู้บุกเบิกในหลายด้านของภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน การดำเนินงานและประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม เพื่อมอบโอกาสการเดินทางด้วยอัตราค่าโดยสารที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงบริการพิเศษมากมายเพื่อการตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์แบบ
 
สายการบินเวียตเจ็ท ได้รับการบรรจุเป็นสมาชิกของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาตา (International Air Transport Association: IATA) โดยสมบูรณ์ เวียตเจ็ทเป็นสายการบินเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยระดับ 7 ดาวในปี ค.ศ. 2018 และ 2019 จากเว็บไซต์ AirlineRatings.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านความปลอดภัยและการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ระดับโลก นอกจากนี้ เวียตเจ็ทยังติดอันดับ 50 สายการบินที่มีสถานทางการเงินและการดำเนินงานเข้มแข็งที่สุดของโลกโดยนิตยสาร Airfinance Journal ในปี ค.ศ. 2018 และ 2019 นอกจากนี้ สายการบินยังได้รับการยกย่องเป็นสายการบินต้นทุนต่ำพิเศษที่ดีที่สุด (Best Low-Cost Carrier) โดยองค์กรชั้นนำหลายแห่ง อาทิ Skytrax, CAPA, Airline Ratings และอีกมากมาย
 
สายการบินไทยเวียตเจ็ท ดำเนินงานร่วมกับสายการบินเวียตเจ็ทในการขยายเครือข่ายการบินเพื่อมอบโอกาสการเดินทางที่มากกว่าแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีบริการเที่ยวบินในประเทศไทย 14 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ ภูเก็ต อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี รวมถึงเส้นทางระหว่าง เชียงรายสู่ ภูเก็ต อุดรธานี และหาดใหญ่ และเส้นทางระหว่างเชียงใหม่สู่นครศรีธรรมราช และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 17 เส้นทางจากไทยสู่เวียดนาม ไต้หวัน และจีน
 
ติดตามกิจกรรมและข่าวสารล่าสุดได้ทาง www.vietjetair.com

12430
เซ้นต์” ศุภพงษ์ ปรับลุคเป็นแบดบอยเจ้าเสน่ห์ในภาพยนตร์ ”วอน (เธอ)”


               ทำเอาแฟนๆ เซอร์ไพร์สไปตามๆ กัน หลัง “เซ้นต์” ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา​ ต้องมาปรับลุคตั้งแต่หัวจรดเท้า จากหนุ่มหน้าหวานกลายมาเป็น โอม แบดบอยมากเสน่ห์ ตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง​ ”วอน (เธอ)” ภาพยนตร์รักวัยรุ่น 4 มุมมองของคน 4 คนแต่เป็นเรื่องเดียวกัน ที่ เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ผลิตร่วมกับ​ ​แมดอะไรดี กำกับและเขียนบทโดย “ชิง” สุโกสินทร์ อัครพัฒน์




               แต่ใครจะไปรู้ว่าการเปลี่ยนลุคของหนุ่ม เซ้นต์ นั้น เกิดขึ้นจากความต้องการของ​ “นก” ปัญชลีย์ นิธิจิระโรจน์ กรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการผลิต บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้กล่าวถึงสาเหตุในการเปลี่ยนลุคครั้งนี้ว่า




               “ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่จะมาทำงานภาพยนตร์เราทำงานมาร์เกตติ้งมา ทำงานเซลมา แต่เป็นบริษัทต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถแนะนำได้ว่าอะไรขาย เราบอกชิงเลยว่าต้องเปลี่ยนสีผมโอมนะ ทำอะไรก็ได้ให้ตัวละครมีมิติที่น่าสนใจ ที่ไม่ซ้ำกับตัวที่เขาเคยเป็น เพราะตัวโอมเป็นแบดบอย สีผมเดิมไม่ได้ บุคคลิกแบบนี้ไม่ได้ ให้ทำแทททูเพิ่ม ซึ่งชิงก็น่ารักเขาเชื่อเรา เขาก็บอกว่าเห็นด้วย มิตินี้เขาซื้อ ส่วนตัวละครอื่นๆ เราก็ไม่ได้มีคอมเม้นต์เยอะเพราะเรามองว่าลงตัวแล้ว มีแต่ตัวโอมที่เราอยากให้มีความแบดบอย มีความสตรอง ต้องบอกว่า เซ้นต์เล่นในมุมผู้ชายหวานแหววมาตลอด ดังนั้น การที่จะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ต้องปรับลุคเขาใหม่ทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ได้ก็ตรงกับในบท”




               ในขณะที่หนุ่มเซ้นต์กล่าวถึงการเปลี่ยนลุคครั้งนี้ว่า “ก็แปลกดี เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนสีผม มีทาเล็บแดง และสักทั้งตัว คือตรงที่แขนมี 2-3 ลาย อก ท้อง โดยเฉพาะด้านหลังนี่จะเป็นแผ่นใหญ่เลย ถามว่าชอบไหม ผมก็ชอบนะ เพราะในรอยสักเขาก็จะมีการคิดด้วยนะ เพราะรอยสักถ้าสักมานานมันจะเขียว บางรอยจะเป็นสีดำเพราะเพิ่งสัก มันเป็นรายละเอียดที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาก”

               ปรับลุคจัดเต็มขนาดนี้ ส่วนบทบาทการจีบหญิงจะแพรวพราวขนาดไหน แฟนๆ ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองได้ในภาพยนตร์เรื่อง​ “วอน (เธอ)”  เข้าฉายรับคริสต์มาสนี้​ 24 ธันวาคม 2563​ในโรงภาพยนตร์

ชมทีเซอร์ภาพยนตร์คลิ๊ก https://www.youtube.com/watch?v=hrxVpLxl4fY


เช็ครอบจองตั๋ว​ http://www.majorcineplex.com

ติดตามอัพเดตข่าวสาร ก่อนใครได้ที่​ https://www.facebook.com/majorgroup https://twitter.com/majorgroup #MajorGroup

#วอน(เธอ)

12431
M39 ทุ่มสุดตัว จัดมหกรรมฟรีคอนเสิร์ตจากเหล่านักแสดง ในรอบปฐมทัศน์ “อีหล่าเอ๋ย”
แสง สี เสียง สุดอลังการ ขนแด๊นเซอร์แน่นเวทีเตรียมม่วนติดขอบจอ


             ปังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว! สำหรับมหกรรมฟรีคอนเสิร์ตเปิดตัวภาพยนตร์​ “อีหล่าเอ๋ย”  หนังรักม่วนซื่นชื่นหัวใจ ของค่าย​ เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ จำกัด (M39) ผลงานการกำกับของ​ เอกชัย ศรีวิชัย และ อาทิตย์ ศรีภูมิ​ ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันอังคารที่24 พ.ย. 2563 ที่ เมเจอร์รัชโยธิน ก่อนฉายจริง 26 พฤศจิกายน นี้

             วันงานเหล่าแฟนคลับเตรียมพบกับศิลปินและนักแสดงในเรื่อง นำโดย​ ตูมตาม ยุทธนา,ไข่มุก รุ่งรัตน์,ตั๊กแตน ชลดา,นก พงศกร แสนปากดี,นีโน่ สุดที่รัก, พรศักดิ์ ส่องแสง และ เอกชัย ศรีวิชัย​ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่จะมาสร้างความสุขผ่านเสียงเพลงกับมหกรรมฟรีคอนเสิร์ต เต็มรูปแบบ ทั้ง แสง สี เสียง สุดอลังการ ให้แฟนๆ ได้ฟังกันแบบถึงใจ ก่อนชมภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่อง “อีหล่าเอ๋ย” ร่วมกัน

             แฟนๆ ทางบ้านที่ไม่สะดวกมาร่วมงาน สามารถชมคอนเสิร์ผ่านไลฟ์สด ได้ 3 ช่องทาง คือ ทางเฟสบุ๊ค Major Group , เฟสบุ๊ค Ltmfm95 และ เฟสบุ๊ค เสียงสยาม เตรียมปักหมุดรอได้เลยกับมหกรรมฟรีคอนเสิร์ตวันเปิดตัวภาพยนตร์ “อีหล่าเอ๋ย” วันอังคาร ที่ 24 พย นี้ ตั้งแต่เวลา 17.30 น เป็นต้นไป ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

12432
เอ็มเทอร์ตี้ไนน์ จับมือ แม่เรียงฟิล์ม บวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องใหม่
ดัน “ตั๊กแตน ชลดา” เป็นนางเอกเต็มตัวใน “รักนี้วัวชน”


                เดินหน้าเปิดกล้องกันอย่างต่อเนื่องสำหรับค่ายหนังคุณภาพอย่าง เอ็มเทอร์ตี้ไนน์ ล่าสุดได้บวงสรวงกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ รักนี้วัวชน ของค่าย เอ็มเทอร์ตี้ไนน์  ที่บริหารงานโดย คุณปัญชลีย์  นิธิจิระโรจน์ กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการผลิต บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือร่วมกับ แม่เรียงฟิล์ม  นำโดย เอกชัย ศรีวิชัย พร้อมด้วยบรรดาทีมงานและนักแสดงนำร่วมพิธีบวงสรวงกันอย่างพร้อมเพรียง ฤกษ์ดีเวลาสิบโมงสิบเก้านาที (10.19 น.) ในวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2563 ณ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน






                โดยบรรยากาศงานบวงสรวงในครั้งนี้ คึกคักไปด้วยเหล่าทีมงานและนักแสดง นำอย่าง​ ตั๊กแตน ชลดา​ ที่ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัวครั้งแรก คู่กับ​ ไพศาล ขุนหนู​ ร่วมด้วย​ลิลลี่ เลิกคุยทั้งอำเภอ,พลตรี แสงมณี , แน๊ก เดอะ คอมเมเดี้ยน,นาย เดอะ คอมเมเดี้ยน,อ๊อฟ ดอกฟ้า อาร์สยาม,แอมซีทู,นิลแทมมะริน,บอลวงกลมฯลฯ​ พร้อมแฟนคลับและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานคับคั่ง


คุณปัญชลีย์  นิธิจิระโรจน์​    ตั๊กแตน


                ภาพยนตร์เรื่องนี้รับประกันความฮาจากทีมผู้สร้าง​ “มนตร์รักดอกผักบุ้ง เลิกคุยทั้งอำเภอ” นอกจากนักแสดงหลักแล้วของเรื่องนี้ยังคับคั่งไปด้วยนักแสดงตลกในตำนาน อย่าง​ ยาว นาโยง,โทง ทองแดง,แป๊ะเท่ง ศรีวิชัย,โนราห์ ศรีธน สมทบด้วย หลวงไก่ บ่าววี อีกด้วย




                หนังเล่าชีวิตของชาวบ้านอำเภอหนึ่งใน จังหวัดสงขลา ซึ่งชาวบ้านนิยมเลี้ยงวัวชนเป็นอาชีพ ยกเว้นพ่อเณรไข่ที่ไม่เพียงแต่ไม่เลี้ยงวัวชน แถมยังห้ามลูกๆ เข้าข้องเกี่ยวกับวงการวัวชนเด็ดขาดแต่ไข่นุ้ย ลูกชายคนโตไม่เชื่อในคำบอกคำห้ามของพ่อ เขารักวัวชนและมีความสุขในการเลี้ยงวัวชนเป็นอย่างมาก ต่างจาก ไข่แคว๊ด  ผู้เป็นน้องชาย ที่เชื่อพ่อและไม่เคยข้องแวะกับวงการวัวชนเลย ไข่แคว๊ดมีแฟนสาวที่คบหากันคือ เป็ดน้อย ที่ค่อนข้างจะงมงายเรื่องโชคลาภ และชื่นชอบการเล่นหวยเป็นอย่างมาก แต่ความรักของทั้งสองไม่ราบรื่นนัก เพราะเป็ดน้อยเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยแมว เจ้าของบ่อนวัวชนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ และเป็นน้องสาวของเสือที่มีนิสัยใจคอเหมือนเสี่ยแมวทุกอย่าง เสี่ยแมวหมายมั่นปั้นมือเสี่ยชาลีนักธุรกิจหนุ่มมาเป็นลูกเขยในอนาคตจึงไม่ปลื้มไข่แคว๊ดอย่างมาก




                เพราะการพนันไม่เคยทำให้ชีวิตใครได้ดีจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันส่งผลให้ไข่นุ้ยและไข่แคว๊ดโกรธจนสิ้นสติกระโดดเข้าวงการวัวชนจนทำให้สองศรีพี่น้องกลายเป็นนักพนันเต็มตัว !! สุดท้ายเขาจะกลับใจเป็นคนเดิมได้ไหม ? และเพราะอะไรทำให้ไข่นุ้ยและไข่แคว๊ดถูกผีพนันเข้าสิง ! เตรียมติดตามเรื่องราวความขัดแย้ง มิตรภาพ และความรัก ของพวกเขาในภาพยนตร์​ “รักนี้วัวชน” เข้าฉาย 8 เมษายน 2564 ในโรงภาพยนตร์














12433


อยากสั่งทำแหวนเพชรแบบ Custom Made​ ต้องเริ่มยังไงดี?


               คนรุ่นใหม่มีสไตล์เฉพาะตัว สิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาคือการสวมเครื่องประดับที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง ยุคนี้จึงเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือ Private Jeweler ซึ่งมาตอบโจทย์คนที่ต้องการทำแหวนเพชรและแหวนแต่งงานแบบ Custom Made ให้มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร หรือคนที่มีเรื่องราวความรักหรือแรงบันดาลใจที่ต้องการบันทึกไว้ในรูปแบบของแหวน

               หลายคนมองว่าหากสั่งทำแหวนเพชรจะต้องมีราคาแพง เพราะ personalized มากกว่า แต่ความเป็นจริง ราคาไม่ต่างกับแหวนเพชรสำเร็จรูปเลย เพราะการซื้อแหวนเพชรกับร้านตู้หรือร้านเพชรตามห้างที่ทำสำเร็จรูป มักมีต้นทุนดำเนินการสูงทั้งค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าขนส่ง ทำให้แหวนที่ผลิตออกมาเสร็จสมบูรณ์ต้องบวกต้นทุนเหล่านี้ไปด้วย


               เมื่อได้รู้ข้อดีของการสั่งทำแหวนเพชรกับ Private Jeweler ที่ได้ทั้งแหวนที่ตรงใจและราคาพอๆ กับแหวนสำเร็จรูป หลายคนเริ่มสนใจอยากสั่งทำบ้าง แต่พอเสิร์จอินเทอร์เน็ตเพื่อหาร้านก็พบว่ามี Private Jeweler มากมาย แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าร้านไหนคือตัวจริง

               บทความชิ้นนี้ก็เลยจะมาแนะนำว่าหากคุณจะเลือก Private Jeweler สักแห่ง ควรพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง


๏ ใบเซอร์เพชร​ กรณีที่ซื้อเพชรไซส์ใหญ่ ถ้า Private Jeweler ร้านไหนไม่มีใบเซอร์เพชรการันตีให้ ก็คงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนในแง่ของความน่าเชื่อถือ บางร้านอาจบอกว่ามีใบเซอร์ให้ แต่เป็นเพียงใบเซอร์ที่ทางร้านเป็นผู้ออกเอง ไม่ได้ออกโดยสถาบันชั้นนำอย่างเช่น GIA หรือ HRD ซึ่งใบรับประกันที่ร้านออกเองอาจต้องอาศัยความเชื่อถือกันพอสมควร เพราะบ่อยครั้งพบว่าคุณภาพเพชรจะคลาดเคลื่อนจากรายละเอียดที่ระบุไว้ เพราะฉะนั้น หากใครกำลังวางแผนลงทุนซื้อเพชรไซส์ใหญ่กว่า 18 ตัง (0.18 กะรัต) ก็ควรเลือกเพชรที่มีใบเซอร์สำหรับเก็บไว้เป็นหลักฐานในอนาคต

๏ รีวิวจากลูกค้าที่เคยซื้อ​ นอกจากจะมีใบเซอร์ที่การันตีว่าเพชรที่คุณจะได้รับมีคุณภาพแล้ว ฝีมือช่างรวมไปถึงบริการอื่น ๆ ก็ควรประทับใจด้วย ทำให้การสั่งทำแหวนเพชรราบรื่นและได้รับแหวนเพชรที่ตรงตามที่ต้องการ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเชื่อได้เพียงแค่คำโฆษณาของร้าน แต่คำบอกเล่าปากต่อปากจากลูกค้ารายก่อน ๆ จะทำให้คุณทราบประวัติและชื่อเสียงของร้าน ลองเสิร์จหารีวิวเกี่ยวกับ Private Jeweler ที่คุณสนใจทั้งจากสื่อโซเชียลมีเดียหรือเว็บบอร์ด ถ้าเสิร์จแล้วไม่เคยมีการรีวิวพูดถึงเลยก็ให้ผ่านไปก่อนดีกว่า เพราะนั่นอาจหมายความว่าร้านนั้นยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ หรือมีการปกปิดรีวิวไว้


๏ โฟกัสที่ประสบการณ์มากกว่าป้ายลดราคา​ บ่อยครั้งที่พบว่าเพชรบางแห่งราคาถูกจนชวนให้สงสัยว่าคุณภาพสินค้าอาจจะไม่ได้มาตรฐานหรือเปล่า จึงดีกว่าที่จะมองหา Private Jeweler ที่เป็นที่รู้จักและมีประสบการณ์จริง ๆ โดยพยายามมองหาลักษณะความเป็นมืออาชีพจากร้านนั้น ๆ ซึ่งคุณควรเตรียมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการดูเพชรแท้และการสั่งทำแหวนเพชรในเบื้องต้นไว้ก่อน ลองเข้าไปพูดคุยกับ Private Jeweler รวมถึงถามคำถามเกี่ยวกับการสั่งทำ คุณก็พอจะทราบได้ว่าร้านนั้นมีความเป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน

๏ เช็คราคากลาง​ ปกติแล้ววัสดุในการสั่งทำแหวนเพชรมักจะมีราคากลางกำกับไว้ทั้งราคาเพชรและราคาวัสดุเรือนแหวน ซึ่งราคาเพชรที่ขายในร้านมักมีราคาสูงกว่าราคากลางเล็กน้อย หากเป็นร้านเพชรระดับ Hi-End ก็อาจมีราคาแหวนเพชรสูงกว่าร้านทั่วไปค่อนข้างมาก การเช็คราคากลางจะทำให้คุณเทียบราคาในการสั่งทำแหวนได้ว่าร้านนั้นกำหนดราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ หากร้านเพชรนั้นเป็นร้านทั่วไป แต่กลับมีราคาแหวนเพชรสูงก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณจะได้แหวนเพชรที่มีคุณภาพไม่สมราคา หากร้านนั้นรับทำแหวนเพชรในราคาที่ถูกกว่าราคากลาง ก็ให้ตั้งข้อสงสัยว่าคุณภาพแหวนเพชรที่จะได้รับอาจจะต่ำ หรือมีข้อบกพร่องซ่อนอยู่ ร้านอาจใช้วัสดุโลหะชุบทองหรือทองคำขาว แทนการใช้ทองหรือทองคำขาวของแท้จริง ๆ หรือที่พบได้บ่อยคือการใช้เพชร CVD (เพชรสังเคราะห์) แทน

๏ ถามหา After Sales Service​ เพราะการสั่งทำแหวนเพชรคือการสั่งทำสมบัติล้ำค่าที่จะอยู่ติดตัวคุณหรือคนที่คุณรักไปตลอดชีวิต ถ้า Private Jeweler มีบริการหลังการขายครบครัน จะช่วยให้คุณดูแลรักษาแหวนเพชรวงนั้น ๆ ไปได้อีกนานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเกินควร คุณควรสอบถามถึงบริการหลังการขายกับร้านก่อนว่าครอบคลุมอะไรบ้าง เช่น บริการล้างทำความสะอาด บริการปรับไซส์แหวน บริการขัดเคลือบหรือซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ

               ได้ทราบกันทริคในการเลือก Private Jeweler ไปแล้ว ใครยังหาร้านที่ถูกใจไม่ได้ก็ค่อย ๆ ศึกษากันไป อย่าลืมว่าคุณกำลังทำแหวนเพชรแท้ที่งามประหนึ่งงานศิลป์ชิ้นเดียวบนโลก อย่ารีบร้อนทำแหวนโดยมองข้ามปัจจัยเหล่านี้ แม้ปัจจัยที่กล่าวไปอาจทำให้คุณใช้เวลามากขึ้นในการหา Private Jeweler ฝีมือดี แต่ถ้าหา Private Jeweler ที่ใช่เจอ ก็จะทำให้แหวนเพชรในฝันของคุณเป็นจริง หวังว่าคุณคงจะได้พบกับร้านถูกใจเร็ว ๆ นี้

               ขอบคุณสาระน่ารู้จากร้านเพชร “อโบฟไดมอนด์” ค้นหาบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับแหวนเพชรและแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.abovediamond.com

12434
บอกรักพ่อก่อนใคร ด้วยแพ็กเกจตรวจสุขภาพ “Gift for Dad”


                โรงพยาบาลธนบุรี 2​ ชวนคุณบอกรักพ่อก่อนใครด้วยกิจกรรมดีๆ เพื่อคนรักสุขภาพ​ กับดีลตรวจสุขภาพราคาพิเศษ Gift for dad ตรวจ 18 รายการ​ ที่จะช่วยดูแลสุขภาพคุณพ่อและคนรอบข้างที่คุณรักให้แข็งแรงและห่างไกลจากโรคภัย


                -  Package 1 (สำหรับ 1 ท่าน) ราคา 2,990 บาท (จากปกติ 6,800 บาท)

                -  และรายการตรวจเพิ่มเติมลดสูงสุด 20%




                พิเศษต่อที่ 1 !! เฉพาะวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2563

                - Package 2 (สำหรับ 2 ท่าน) ราคา 4,900 บาท (จากปกติ 5,980 บาท)


                พิเศษต่อที่ 2 !! เมื่อซื้อผ่านระบบออนไลน์ แถมฟรี!!

                - บัตรของขวัญตรวจสุขภาพ มูลค่า 810 บาท (จำนวน 1 ใบ)


                พิเศษต่อที่ 3 !! ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (มูลค่า 970 บาท) ฟรี!!

                สำหรับผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่เขตทวีฒนา และเขตตลิ่งชัน

                เมื่อซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ Gift for dad


                สำหรับท่านที่สนใจสามารถซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพGift for dadผ่านระบบออนไลน์ได้ที่​ ลิงค์ >> https://bit.ly/2INRPqv

                ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2563

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

- ศูนย์ตรวจสุขภาพ โทร.02 487 2100 ต่อ 5155, 5158

- คลินิกอายุรกรรม โทร.02 487 2100  ต่อ 5166, 5167

- ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โทร.02 487 2100 ต่อ 5015, 5016 (จันทร์-ศุกร์ 08.00-18.00 น.) หรือ Line@ : @Thonburi2hospital และ Facebook : Thonburi2 Hospital โรงพยาบาลธนบุรี 2


                 เพราะสิ่งดีที่สุดที่ลูกทุกคนอยากมอบเป็นของขวัญคือการเห็นคนที่เรารักมีร่างกายที่แข็งแรง การตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาโรคหรือภาวะเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที และยังช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอีกด้วย

                 โรงพยาบาลธนบุรี 2 “สุขภาพดี ที่คุณเข้าถึงได้”

12435
สแกนเนียจับมือพนัส แอสแซมบลีย์ ขยายตลาดธุรกิจให้บริการมาครบจบที่เดียว


สแกนเนีย ยืนหยัด เคียงข้างลูกค้าฝ่าวิกฤตโควิด ด้วยการนำเสนอบริการใหม่ เปิดซ่อมบำรุงรักษาหางพ่วง โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอย่างพนัส แอสแซมบลีย์ ให้ลูกค้าชาวไทย สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น เมื่อนำรถเข้ารับบริการที่สแกนเนียทุกสาขาทั่วประเทศ


              นายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า​ สแกนเนีย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการบริการหลังการขายที่เน้นสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยการร่วมมือกับบริษัทพนัส แอสแซมบลีย์ จำกัดเปิดให้บริการซ่อมและบำรุงรักษาหางพร้อมกับตัวรถ ซึ่งลูกค้าจะได้รับความคุ้มค่ามากขึ้นในหลายด้าน ด้วยการรับบริการจบทั้งคันในที่เดียว ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่ารถของลูกค้าจะมีความพร้อมทั้งคัน สามารถนำกลับไปปฏิบัติงานบนท้องถนนได้เร็วและมีประสิทธิภาพ


              “เป้าหมายของความร่วมมือกันในครั้งนี้ของทั้งสองบริษัท เพื่อขยายงานธุรกิจด้านการบริการ ซึ่งสแกนเนียมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงรักษาส่วนหัวรถทรัค อยู่แล้ว ดังนั้นส่วนหางพ่วง ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบหลักที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนส่งสินค้า  สแกนเนียจึงเห็นความสำคัญที่จะให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น คือการเปิดให้บริการซ่อมและบำรุงรักษาหางพร้อมกับตัวรถ ซึ่งลูกค้าจะได้รับความคุ้มค่ามากขึ้นในหลายด้าน ทั้งทางด้านประสิทธิภาพ และมั่นใจในงานบริการ ด้วยช่างที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐาน และเครื่องมือช่างที่มีคุณภาพ ทำให้สแกนเนียมีความพร้อมในการจัดการทุกปัญหาของลูกค้าได้อย่างลงตัว” นายสถิตย์กล่าวและว่า​ ศูนย์บริการมาตรฐานเป็นหัวใจของการบริหารงานในเชิงธุรกิจ ที่ต้องการความสะดวกในการเข้าถึงในตำแหน่งที่ตั้งที่ลูกค้าสามารถค้นหาและเข้าถึงศูนย์บริการได้ ซึ่งลูกค้าสามารถทำการนัดหมาย หรือโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาก่อนการนำรถเข้าซ่อมใช้บริการได้ โดยสแกนเนียได้เตรียมเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการด้วยงานคุณภาพ และจัดเตรียมคุณภาพอะไหล่แท้ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าอะไหล่ที่เราเปลี่ยนให้ เป็นของแท้ พร้อมการรับประกันคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าคนไทยมั่นใจกับบริการใหม่นี้มากยิ่งขึ้น


              ด้านนางสาวณัชชา วงศ์คำภู ผู้จัดการฝ่ายการตลาดการขายและการบริการหลังการขาย บริษัทพนัส แอสแซมบลีย์ จำกัดกล่าวว่า​ “เราเรียกโครงการนี้ว่า​ พนัส เอส+พลัส (Panus S + Plus) เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อขยายงานบริการซ่อมและบำรุงรักษาหางของเรา ส่งมอบประโยชน์ที่คุ้มค่าสูงสุดให้ลูกค้า ซึ่งในความร่วมมือนี้พนัส ได้จัดฝึกอบรมแบบมืออาชีพ พร้อมชุดเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับซ่อมบำรุงหางให้กับพันธมิตร โดยครั้งนี้เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับพันธมิตรอย่างสแกนเนีย”


              นายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัทสแกนเนีย สยาม จำกัด  กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราคิดและพัฒนางานบริการของเราอย่างต่อเนื่อง เราอยากให้ลูกค้ามีความคุ้มค่ามากขึ้น ในทุก ๆ ครั้งที่เข้ามารับบริการกับศูนย์บริการสแกนเนียแบบ มาครบ จบทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิดแบบนี้ เราอยากเคียงคู่ สนับสนุนลูกค้า ฝ่าวิกฤตไปพร้อมกัน ... ขอบคุณพันธมิตร พนัส แอสแซมบลีย์ ที่ร่วมมือกัน ให้งานบริการเราตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น”




              สามารถเข้ารับบริการซ่อมบำรุงรักษาหาง ได้ที่ศูนย์บริการสแกนเนียทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-017 9200



Scania​ เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นการขนส่ง ร่วมกับพันธมิตรและลูกค้าผลักดันการเปลี่ยนไปสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน Scania ก่อตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2434 มีสำนักงานในกว่า 100 ประเทศและมีพนักงาน 51,000 คน ทั่วโลก มีศูนย์วิจัยและพัฒนาในสวีเดน โดยมีสาขาในบราซิลและอินเดีย การผลิตจะเกิดขึ้นในยุโรปละตินอเมริกาและเอเชีย พร้อมศูนย์การผลิตระดับภูมิภาคในแอฟริกาเอเชียและยูเรเซีย Scania เป็นส่วนหนึ่งของ TRATON SE  สำหรับการเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติม:  www.scania.com

เกี่ยวกับ Scania ในประเทศไทย

ในประเทศไทย  Scania  เริ่มต้นด้วยการนำเข้ารถบรรทุกเพื่อจัดหน่าย โดยบริษัท โฟฟร้อนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี พ. ศ. 2529 และในปี 2543 บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัท ในเครือของ Scania ประเทศสวีเดน ในปี 2552 ได้ลงทุนในสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 16 ไร่ ดำเนินงานเป็นสำนักงานขายและศูนย์บริการหลังการขายที่ครบวงจร ขณะนี้เรามี 11 สาขาในประเทศไทย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่: www.scania.co.th

Pages: 1 ... 827 828 [829] 830 831 ... 2405