Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2115
1
แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่
อินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เช็คด่วน! น้ำตาล โซเดียมสูงเกิน


                แพทย์และนักวิชาการห่วงกระแสเครื่องดื่มแนวใหม่ อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ถึงแม้จะอินเทรนด์แต่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เผยเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียล ไม่ควรบริโภคเค็มเกินความพอดี


                รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็มกล่าวว่า เครื่องดื่มเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในขณะนี้ อย่างเช่น อิ๊วโซดา โคล่าเติมเกลือ กาแฟเติมเกลือ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีโซเดียมสูงตั้งแต่ 200-600 มิลลิกรัมต่อแก้วทีเดียว คิดเป็น 10-30% ของความต้องการโซเดียมต่อวันของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันคนไทยก็กินเกลือโซเดียมสูงเกินความต้องการของร่างกายเกือบ 200% จากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และอัมพาต มากกว่า 20 ล้านคนในไทย นอกจากนี้เครื่องดื่มเหล่านี้มักมีน้ำตาลสูง ยังนำไปสู่โรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นประจำ ย่อมมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งถ้ากินหวาน กินเค็มแต่เด็ก จะทำให้เกิดความเคยชิน ต้องกินอาหารหรือเครื่องดื่มรสจัดเหล่านี้ ติดจนเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นโรคร้าย ขาดกำลังสำคัญของสังคมประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรสร้างกระแสการดื่มเครื่องดื่มที่เติมเกลือในประชาชน วัยรุ่น วัยทำงาน ที่เป็นต้นเหตุการเจ็บป่วยในอนาคต อยากให้ทุกคนทั้งผู้ผลิต สื่อต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคช่วยกันสร้างความนิยมในอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพมากกว่ารสชาติ


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=bMq72J-KJiY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=bMq72J-KJiY</a>

                ด้าน ดร.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ นักวิชาการด้านอาหาร วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจการอาหารไทยและนานาชาติ กล่าวว่า​ กระแสโซเชียลในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้   มีกระแสนิยมรับประทานเค็มใส่เกลือแบบแปลก ๆ  แม้กระทั่งการชงกาแฟ ก็ยังใส่เกลือ บางคนบอกว่าเมื่อใส่เกลือไปแล้ว จะมีรสชาติหวานๆ มัน ๆ ซึ่งมันก็ใช่เพราะว่าหากมีความเค็มของเกลือ ก็ต้องเติมน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีก คราวนี้กาแฟของคุณก็จะมีรสชาติทั้งเค็มทั้งหวาน หรือทอดไก่ก็ต้องโรยเกลือ ทำขนมปังรับประทานก็ต้องใส่ดอกเกลือ กระทั่งซีอิ๊ว ซึ่งเป็นซอสปรุงรสก็ยังนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม เพิ่มความเค็มทั้งนั้นเลยนะ ต้องบอกเลยว่าทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ควรต้องใส่ใจอย่ากินเค็มมากเกินไปจะเป็นโทษอันตรายถึงกับชีวิต มันคุ้มมั้ย ทั้ง ๆ ที่ การปรับรสชาติอาหาร สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยหลากหลายวิธีที่ปลอดภัย น่าจะทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น และคนเข้าใจมากขึ้น ว่า ทำไมเค้าถึงเติมเกลือในเครื่องดื่ม ซึ่งเพิ่มอันตรายมากกว่า

2
พม. ร่วมรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก


กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ขอเชิญชวน​ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม KICK OFF รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ณ ชั้น M ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก กรุงเทพมหานคร วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน 2566 เวลา 10.30 – 16.30 น. ภายในงานพบกับ ทูตรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กิจกรรมเสวนา ถก TALK ทำ หัวข้อ สื่อออนไลน์กับการค้ามนุษย์ คาราวานรถตุ๊กตุ๊กรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และร่วมสนุก กับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินดีดี้ ดาด้า และพรู ธันวา พร้อมบูธนิทรรศการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมกิจกรรม ลุ้นรับรางวัลมากมาย ติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ FB:TheMarketBangkok

3
ธรรมชาติ ซีฟู้ด - ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลนำเข้า 
ยกขบวนซีฟู้ดระดับพรีเมียมจากทั่วโลก ร่วมแสดงในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023

กรุงเทพฯ ประเทศไทย : บริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้จัดจำหน่ายหลักอาหารทะเลนำเข้าในประเทศไทย บินตรงจากแหล่งที่มีการจัดการประมงอย่างยั่งยืนจากทั่วทุกมุมโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “เราจะสร้างสรรค์สังคมที่มีสุขภาพดี โดยเริ่มต้นจากการทานอาหารที่มีประโยชน์” ด้วยการเข้าร่วมงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 มหกรรมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นปีแรกของธรรมชาติ ซีฟู้ด ที่เข้าร่วมงานในปีนี้ โดยร่วมแสดงสินค้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจในเครือไทยยูเนี่ยน


โดยในงานนี้ ธรรมชาติ ซีฟู้ด ได้นำอาหารทะเลระดับพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก ที่เป็นวัตถุดิบทีนิยมในโรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงกลุ่มเชฟระดับมิชลินสตาร์  ได้แก่ ล็อบสเตอร์จากประเทศแคนาดา คาร์เวียร์และหอยนางรมจากฝรั่งเศส โฮตาเตะจากประเทศญี่ปุ่น กุ้งลังกู้สตีนจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กุ้งแดงคาราบิเนรอสจากสเปน ปลาหมึกยักษ์จากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย แซลมอนเบคอนที่ผลิตจากปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์  และอื่นๆ อีกมากมายมาจัดแสดงในงาน


นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญ คือ การสาธิตวัตถุดิบพิเศษ ที่ส่งตรงมาจากแหล่งที่มาของวัตถุดิบ พร้อมให้คำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง  อาทิ ล็อบสเตอร์ จากพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ยูโรเปี้ยนล็อบสเตอร์สีน้ำเงิน กุ้ง ปู นอกจากนี้ยังมีหอยนางรม Special Lambert จากประเทศฝรั่งเศส รวมถึงปลาหมึกยักษ์จาก Frementle Octopus ประเทศออสเตรเลีย และครีมคาเวียร์ Mills จากประเทศนอร์เวย์ พร้อมจัดชิมให้กับผู้ร่วมงานได้สัมผัสความอร่อย ตลอด 4 วันแรกของงาน


คุณยี่หร่าน จี เดวี่ส์ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด ธรรมชาติ ซีฟู้ด กล่าวว่า “ธรรมชาติ ซีฟู้ดในฐานะผู้นำในการนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารทะเลคุณภาพพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก เราให้ความมั่นใจกับลูกค้าของเราในเรื่องคุณภาพของอาหารทะเล ที่ผ่านกระบวนการควบคุมอย่างเคร่งครัดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังวิสัยทัศน์ของธรรมชาติซีฟู้ดที่เราตอกย้ำอยู่เสมอว่า “เราจะสร้างสรรค์สังคมที่มีสุขภาพดี โดยเริ่มต้นจากการทานอาหารที่มีประโยชน์” เราจึงมุ่งมั่นที่จะสรรหาปลา และอาหารทะเลจากฟาร์มและแหล่งประมงที่ยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก ธรรมชาติ ซีฟู้ด ทำงานร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบของเราจะสามารถสืบย้อนแหล่งที่มากลับไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติหรือจากฟาร์มประมง




การเข้าร่วมงาน THAIFEX ANUGA ASIA 2023 ในปีนี้เป็นความภาคภูมิใจของเรา ที่ได้นำเสนอความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้ร่วมงานทุกท่าน โดยในงานนี้นอกจากการแสดงสินค้าอาหารทะเล เรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารทะเล และยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้มีโอกาสได้สัมผัส และสอบถามข้อมูลกับทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา โดยนอกจากพื้นที่แสดงสินค้าที่บูธไทยยูเนี่ยน ในฐานะบริษัทในเครือ เรายังได้ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ที่บูธประเทศนอร์เวย์ และบูธสหราชอาณาจักรอีกด้วย ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าชม”


สำหรับท่านที่มีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา กรุณาติดต่อเราได้ที่ www.thammachartseafood.com

#####

เกี่ยวกับธรรมชาติ ซีฟู้ด

ด้วยวิสัยทัศน์ของธรรมชาติ ซีฟู้ด “เราจะสร้างสรรค์สังคมที่มีสุขภาพดี โดยเริ่มต้นจากการทานอาหารที่มีประโยชน์” เราจึงมุ่งมั่นที่จะสรรหาปลาและอาหารทะเลจากฟาร์มและแหล่งประมงที่ยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก ธรรมชาติ ซีฟู้ด ทำงานร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบของเราจะสามารถสืบย้อนแหล่งที่มากลับไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติหรือจากฟาร์มประมง

บริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด ก่อตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2550 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มธุรกิจค้าปลีก ในการจัดการและบริหารสินค้ากลุ่มอาหารทะเลอย่างมืออาชีพ โดยบริษัทฯ เป็นคู่ค้ากับธุรกิจค้าปลีกชั้นนำในเมืองไทย ปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศกว่า 200 สาขา และเพื่อที่จะให้บริการครอบคลุมในธุรกิจค้าปลีก ธรรมชาติ ซีฟู้ดยังมีธุรกิจร้านอาหารรวมกว่า 20 สาขา ภายใต้แบรนด์ 80’below, The Dock Seafood Bar, The Lobster Lab และ Ocean Bar by Thammachart Seafood ที่มีสาขาตั้งอยู่ใน Central Eatery

ธรรมชาติ ซีฟู้ด ยังให้บริการครอบคลุมไปถึงคู่ค้าธุรกิจกลุ่มโรงแรมระดับห้าดาว ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ รวมถึงเว็บไซต์ขายอาหารทะเลพรีเมียม ออนไลน์อีกด้วย

4
กรมการท่องเที่ยวจับมือหน่วยงานพันธมิตร
ร่วมพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรด้านท่องเที่ยวและบริการ


กรมการท่องเที่ยว ลงนาม MOU ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพในด้านทักษะฝีมือและผลิตภาพให้เพียงพออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบกิจการ รองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต


นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาศักยภาพให้แก่กำลังแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ณ ห้องประชุม 1 กรมการท่องเที่ยว อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพ ในด้านทักษะฝีมือและผลิตภาพให้เพียงพออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบกิจการ รองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทักษะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engines of Growth) และรองรับการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0


นายจาตุรนต์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่ วิทยากร บุคลากรฝึก อาคารสถานที่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ วิทยาการ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานและบุคลากรในสาขาอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานและ บุคลากรให้มีทักษะ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแผนการฝึกอบรมที่แต่ละฝ่ายตกลงร่วมกันตามภารกิจที่เหมาะสม


“นอกจากนั้นทุกหน่วยงานยังร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการจัดส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาท่องเที่ยวและบริการ และได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานดังกล่าว รวมทั้งทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือกำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน และจัดแข่งขันฝีมือแรงงาน” นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย

5
“จวง ซือหมิ่น” ซุปตาร์หญิงชาวฮ่องกง เช็คอินสุขภาพดีแบบองค์รวม #APEXWellness


นักแสดงหญิงชื่อดังจากประเทศฮ่องกง “จวง ซือหมิ่น” ไว้วางใจ APEX Wellness -เอเพ็กซ์ เวลเนส”  แลนด์มาร์กสุขภาพองค์รวม สาขาอโศก แห่งใหม่ นับเป็นศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพชะลอวัยและรูปร่างครบวงจรแห่งที่ 3 ภายใต้ บริษัท เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ครบวงจรการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging ระดับแถวหน้าประเทศไทย ในการให้คำปรึกษาเชิงลึก สำหรับลูกค้าต่างชาติอุ่นใจกับการต้อนรับดูแลด้วยความเอาใจใส่ ยินดีให้คำปรึกษาทุกข้อกังวลใจ และทีมงานคุณภาพที่มีทักษะภาษาต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด


“จวง ซือหมิ่น” ประทับใจบริการ Brain Booster Laser เลเซอร์ ที่มีเพียง  1 ใน 2 แห่งในประเทศไทยเท่านั้น ตามด้วยบริการ Endolaser Therapy เลเซอร์บำบัด ดูแลลึกถึงระดับเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ปลื้มกับโปรแกรมอัจฉริยะการตรวจสแกนร่างกายด้วยเครื่อง Electro Interstitial Scan (EIS) เป็นการสแกนร่างกาย ครอบคลุม 9 ระบบ 37 อวัยวะ ในเวลาเพียง 5 นาที โดยไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องงดน้ำ-งดอาหาร ตบท้ายด้วยการบำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง Hyperbaric Oxygen Therapy เป็นต้น




สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดผ่านแฟนเพจ Facebook : Apex Medical Center Chinese #庄思敏 #香港明星 #APEX #apex wellness #EndolaserTherapy

6
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ เกร๊ทเตอร์มายบาซิน จัดเต็มความบันเทิง
ซื้อผลิตภัณฑ์ครบ 300 บาท ดูหนังพร้อมรับคอมโบเซตแบบจุกๆ ฟรี !!!


                กรุงเทพฯ - บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ร่วมกับ บริษัท เกร๊ทเตอร์มายบาซิน จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและช่องปาก จัดหนักความสนุกไม่แผ่วความสดชื่น มอบโปรโมชั่นบันเทิงสุดพิเศษ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์มายบาซิน​ ครบ 300 บาทต่อ 1 ใบเสร็จ รับฟรี บัตรชมภาพยนตร์ 1 ใบ ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พร้อมรับชุด Combo Set ทุกสาขาทั่วประเทศไทย​ สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 31 ก.ค. 66


                นายศุภโชติ วิเศษแก้ว ผู้จัดการแผนกสินค้าอุปโภคและบริโภค บริษัท เกร๊ทเตอร์มายบาซิน จำกัด กล่าวว่า “เพราะไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มีกิจกรรมและพบปะสังสรรค์กันมากขึ้น บริษัทฯจึงคัดสรรผลิตภัณฑ์นวัตกรรมดูแลสุขภาพช่องปากที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือการชมภาพยนตร์ ทางเราจึงได้จับมือกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จัดให้แคมเปญ ซื้อผลิตภัณฑ์มายบาซินในกลุ่มดูแลสุขภาพช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และสเปรย์พ่นช่องปาก ครบ 300 บาทต่อ 1 ใบเสร็จ รับฟรี บัตรชมภาพยนตร์ 1 ใบ ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ (ประเภทที่นั่งปกติ ระบบปกติ) พร้อมรับชุด Combo Set (ประกอบด้วยป๊อปคอร์น ขนาด 64 ออนซ์ และเครื่องดื่มขนาด 32 ออนซ์ ) มูลค่ารวม 610 บาท สามารถร่วมกิจกรรมกับทางแบรนด์ ได้เฉพาะในบิ๊กซี,กูร์เมต์ มาร์เก็ต,โฮมเฟรซ มาร์ท และฟู้ดแลนด์ทุกสาขาที่ร่วมรายการ”

                นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า​ “ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ที่มีแคมเปญสุดคุ้มนี้ ทางเรามีโปรแกรมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลากหลายเรื่องทั้งจากฝั่งฮอลลีวูด เอเชีย หรือแม้แต่หนังจีนที่กำลังมีกระแสโด่งดังก็พร้อมเสิร์ฟความสนุก จัดเต็มอย่างครบรสทั้งไซไฟแอคชั่น ซูเปอร์ฮีโร่ แอดเวนเจอร์ อนิเมชั่น บู้แอคชั่น รวมถึงเขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ได้ระทึกกันแบบจุใจทุกที่นั่ง และเต็มอิ่มกับชุด Combo Set (ประกอบด้วย ป๊อปคอร์น และเครื่องดื่ม) ให้คุณได้สัมผัสความสุขแบบ 360 ตลอด 2 เดือน”

                ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.majorcineplex.com และ www.facebook.com/MajorGroup หรือทางเว็บไซต์ https://www.facebook.com/MybacinOfficial

กติการ่วมโปรโมชั่น
    ●   ซื้อผลิตภัณฑ์ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด ครบ 300 บาทต่อใบเสร็จ
    ●   ยืนยันรับสิทธิ์โดยทำการถ่ายรูปใบเสร็จและผลิตภัณฑ์ มาที่อินบ็อก
https://www.facebook.com/MybacinOfficial (เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องของการเข้าร่วมกิจกรรม) ลูกค้าจะได้ รหัสโปรโมชั่น เพื่อนำมากดรับบัตรภาพยนตร์ที่ตู้และรับชุด Combo Set ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขา ในลำดับต่อไป
    ●   บัตรชมภาพยนตร์มีจำนวนจำกัด
    ●   การยืนยันสิทธิ์ ตามลำดับของเวลาเป็นหลัก
    ●   การตัดสินของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุด

7
สยามคูโบต้า จับมือ กรมส่งเสริมการเกษตร
จัดโครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก”
ครั้งแรกกับการแข่งขันพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าว ด้วยนวัตกรรม KAS Crop Calendar
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ พร้อมบินไปดูงานที่ญี่ปุ่น

บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จับมือ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​จัดโครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก” ครั้งแรกกับการแข่งขันพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าวด้วยนวัตกรรมปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar ปลุกพลังเกษตรกรรุ่นใหม่ สู่การทำเกษตรแม่นยำด้วยโซลูชัน ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ภาคการเกษตร ยกระดับวิถีเกษตรไทยสู่ Smart Farming ชิงรางวัลรวมมูลค่า 7 แสนบาท และถ้วยพระราชทานสมเด็จ​พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมบินไปดูงาน Smart Farming ที่ประเทศญี่ปุ่น


นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด​ กล่าวว่า จากแนวโน้มภาคการเกษตรในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farming เพื่อเข้ามาช่วยเติมเต็มให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น สยามคูโบต้าได้พัฒนานวัตกรรมการเกษตร KUBOTA Agri Solutions หรือ KAS การจัดการเกษตรกรรมครบวงจร อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคูโบต้า ด้วยการใช้เทคนิคการเพาะปลูกผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร และหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญของนวัตกรรมคือ KAS Crop Calendar หรือปฏิทินการเพาะปลูก ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการได้อย่างได้แบบ Real Time แม่นยำและมีแบบแผน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าใช้งานแล้วกว่า 2,000 ราย

ทั้งนี้ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก” จัดแข่งขันพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าวขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้นวัตกรรมปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่ๆ ให้กับ Young Smart Farmer เนื่องจากเกษตรกรรุ่นใหม่นี้มักให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของการทำเกษตรแบบแม่นยำ ซึ่งการประกวดครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้คอนเซปท์ กล้าเปลี่ยนมาใช้ปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar​ ท้าทายความผันแปรของปัจจัยทางธรรมชาติ ปลูกได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ โดยเปิดรับสมัครเกษตรกรรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 17-45 ปี มีพื้นที่สำหรับเข้าร่วมประกวดเพาะปลูกข้าวระหว่าง 1-5 ไร่ ใช้วิธีการเพาะปลูกข้าวโดยใช้วิธีดำนาหรือหยอดเมล็ดเท่านั้น และสามารถใช้เครื่องจักรกลการเกษตรของคูโบต้าในทุกขั้นตอนการเพาะปลูก สำหรับในกรณีที่ไม่มีเครื่องจักรฯ สามารถใช้บริการเช่าเครื่องจักรฯ ของคูโบต้าได้ รวมถึงสามารถใช้สมาร์ตโฟนหรือ คอมพิวเตอร์ในการบันทึกข้อมูลโดยใช้ปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar ผ่านทางเว็บไซต์ https://kas.siamkubota.co.th/ หรือ Line@ Siam Kubota โดยเข้าไปที่เมนูบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก

สำหรับระยะเวลาการประกวดในช่วงฤดูการปลูกข้าวนาปี เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 และจะประกาศผลผู้ชนะในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งเกษตรกร                     ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศ รวมทั้งสิ้น 5 รางวัล จะได้รับรางวัลไปศึกษาดูงาน Smart Farming ที่ประเทศญี่ปุ่น และสำหรับผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สยามคูโบต้ามั่นใจว่า ผู้เข้าร่วมประกวดจะได้เรียนรู้และเห็นความสำคัญของการใช้เครื่องมือจดบันทึกการเพาะปลูก KAS Crop Calendar ที่มีความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์​ เพื่อพัฒนาการเพาะปลูกได้ในอนาคต รวมถึงจะได้เรียนรู้วิธีการใช้เมล็ดพันธุ์อย่างคุ้มค่า ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี แต่ให้ผลผลิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโซลูชันในการช่วยลดต้นทุน เพิ่มปริมาณและคุณภาพให้กับผลผลิต ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงที่มาจากความผันแปรของปัจจัยธรรมชาติ และยังเป็นการสร้างรายได้               ที่ยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่การเกษตรของตนเอง และเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นการผลักดันให้เกิดการทำเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farming ที่กำลังก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ด้าน​ นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายขับเคลื่อนภาคการเกษตรโดยเน้นการพัฒนาเกษตรกรให้มีความรอบรู้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร มีทักษะในการบริหารจัดการจาก “ทำมากได้น้อย” เป็น “ทำน้อยได้มาก” เปลี่ยนแปลงจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุน เพื่อสร้างผู้นำด้านเกษตรที่เป็นเกษตรกรชั้นนำ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการ Young Smart Farmer มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันมีกว่า 20,800 รายทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างเครือข่าย โดยให้เกษตรกรเป็น “ศูนย์กลางการเรียนรู้และออกแบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง”

อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนา Young Smart Farmer นั้น ต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาความคิดต้องรู้เป้าหมายของตนเอง รู้ความเหมาะสมของพื้นที่ และรู้ความเหมาะสมของพืชที่ปลูกกับแนวโน้มการตลาด​ เพื่อดำเนินการวางแผนการเพาะปลูกโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้การผลิตที่มีความแม่นยำ ลดต้นทุน ลดการสูญเสีย และได้คุณภาพตามมาตรฐาน รวมทั้งมีการบริหารจัดการการตลาด สิ่งสำคัญของคนรุ่นใหม่แบบ Young Smart Farmer คือต้องทำงานเป็นเครือข่าย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นำไปสู่การเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะเครือข่ายจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับการเกษตรในยุคต่อไป ซึ่งบทบาทและการสนับสนุนของกรมฯ ในการจัดโครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก” ครั้งนี้ ทางกรมฯ​ ได้ร่วมประชาสัมพันธ์โครงการให้กับกลุ่มเป้าหมาย Young Smart Farmer ที่เป็นสมาชิกภายใต้กรมฯ รวมถึงผู้สนใจทั่วไป พร้อมทั้งสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้าวเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน และสนับสนุนการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร Young Smart Farmer และบริษัทสยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด







8
KPI เสนอประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” “พึ่งได้”
เตรียมรับมือกับความเสี่ยงภัยจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง




                 ขึ้นชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุย่อมหมายถึง เหตุที่อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือแม้แต่ในขณะที่เราต้องใช้ชีวิตเดินทางสัญจรไปมาอยู่ทุกวันจนทำให้เราทุกคนต้องเผชิญกับความเสี่ยงภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บ่อยครั้งที่เราได้รับรู้ข่าวการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแบบคาดไม่ถึง เช่น แท่นปูนก่อสร้างทางด่วนหล่นทับคนงานหรือรถยนต์ที่กำลังสัญจรไปมา ข่าวเรือนักท่องเที่ยวล่ม หรือเหตุมอเตอร์ไซด์พุ่งชนคนขณะเดินข้ามทางม้าลาย จนทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสบางรายถึงขั้นเสียชีวิต อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนอกจากจะส่งผลต่อการบาดเจ็บ ยังทำให้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลอีกมากมายจนหลายคนอาจรับมือไม่ไหว แล้วเราจะมีวิธีรับมือความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ได้อย่างไร?

                 นอกจากเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทแล้ว ความประมาทที่เกิดจากผู้อื่นก็อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดอุบัติเหตุต่อเราได้เช่นกัน หนึ่งในวิธีเตรียมตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงภัยหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดได้ คือการทำประกันภัยอุบัติเหตุ ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราจากอุบัติเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมงและจะช่วยแบ่งเบาภาระลดความกังวลใจในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลงได้มาก

                 เคพีไอ หรือกรุงไทยพานิชประกันภัย​ เสนอแผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” “พึ่งได้” เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุ ด้วยแผนประกันภัย แบบรายเดือน และรายปี ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยราคาหลักร้อยที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ แต่ให้ความคุ้มครองสูงถึงหลักล้าน ไม่ว่าจะดูแลค่ารักษาพยาบาลหรือค่าชดเชยกรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และความคุ้มครองอื่นที่ครอบคลุม โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะกับความต้องการของตนเองได้แบบสบายๆ เพราะแผนประกันภัยนี้ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำประกันภัย ดูแลผู้เอาประกันภัยได้ตั้งแต่อายุ 15 – 65 ปี ต่ออายุได้ถึง 70 ปี เบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่มีเพิ่มแม้อายุของผู้เอาประกันภัยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

แผนประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” แผนรายปี เบี้ยเริ่มต้น 699 บาท

      ●      คุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากอุบัติเหตุทั่วไปสูงถึง 200,000 บาท คุ้มครองการถูกฆาตกรรมหรือถูกทำร้าย 100,000 บาท และจากการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ 50,000 บาท 
      ●      ผลประโยชน์จากอุบัติเหตุสาธารณะ 200,000 บาท 
      ●      ผลประโยชน์ครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดราชการประจำปีสูงสุด 100,000 บาท 
      ●      ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 20,000 บาท 
      ●      ค่ารักษาพยาบาลกระดูกแตกหัก 10,000 บาท 
      ●      ผลประโยชน์กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในแต่ต่อเนื่องติดต่อกัน 5 วันขึ้นไป สูงถึง 10,000 บาท


แผนประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “พึ่งได้” แผนรายเดือน เบี้ยเริ่มต้น 240 บาท ถึง 440 บาท​ มีทั้งหมด 4 แผนประกันภัย

      ●      ความคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากอุบัติเหตุทั่วไปเริ่มต้นที่ 200,000 บาท สูงสุดที่ 1,000,000 บาท 
      ●      ค่ารักษาพยาบาล เริ่มต้นที่ 10,000 บาท และสูงสุดที่ 50,000 บาท
      ●      ค่ารักษาพยาบาลกระดูกแตกหัก เริ่มต้นที่ 10,000 บาท สูงสุดที่ 50,000 บาท
      ●      ชดเชยรายได้ระหว่างเข้ารักษาในโรงพยาบาล (ต่อวัน สูงสุด 365 วัน) เริ่มต้นที่ 500 บาท สูงสุดที่ 1,000 บาท
      ●      ผลประโยชน์กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ แบบต่อเนื่องติดต่อกัน ตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป (ต่อครั้ง) 10,000 บาท 
      ●      ผลประโยชน์ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อเข้ารับการรักษา กรณีผู้ป่วยใน (10 ครั้งต่อปี) 500 บาท 
      ●      ผลประโยชน์ค่าปลงศพหรือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพกรณีเสียชีวิตจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย (ระยะเวลารอคอย 180 วัน กรณีเจ็บป่วย) เริ่มต้นที่ 10,000 บาท และสูงสุดที่ 50,000 บาท


                 แผนประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “พึ่งได้” เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระเบี้ยประกันภัยได้แบบรายปีด้วย เบี้ยเริ่มต้น 2,610 บาท คุ้มครองอุ่นใจ ดูแลให้ทั้งปี

                 เพื่อความสะดวกลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” “พึ่งได้” ลงทะเบียนผ่าน NOW แอปพลิเคชัน เพื่อใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ “ใจถึง” “พึ่งได้” ยื่นขอใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าที่โรงพยาบาลเครือข่ายทั่วประเทศ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ KPI Contact Center 0 2624 1111 หรือสนใจซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” “พึ่งได้” ผ่านตัวแทน นายหน้าประกันภัยของบริษัทฯ ทั่วประเทศ

                 เคพีไอ พร้อมมอบบริการประกันภัยที่เป็นมิตร ให้คุณใช้ชีวิตทุกวันด้วยความอุ่นใจ แผนประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “ใจถึง” “พึ่งได้” พร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง สะดวก ง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล เลือกแผนประกันภัยได้ทั้งแบบรายปีและรายเดือน ครอบคลุมทุกอุบัติเหตุ คุ้ม! ด้วยเบี้ยประกันภัยราคาสบายกระเป๋า

*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง / ผลประโยชน์ความคุ้มครองและข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในกรมธรรม์

9
อีซี่ พาร์คกิ้ง (EZY Parking) ระบบบริหารอาคารจอดรถอัจฉริยะรายแรกในประเทศไทย
โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ไร้บัตรจอดรถ ไร้กระดาษ และไร้สัมผัส​ ตอบรับการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ




                 อีซี่ พาร์คกิ้ง (EZY Parking) ระบบบริหารอาคารจอดรถอัจฉริยะรายแรกในประเทศไทย ตอบรับการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีไร้สัมผัสเต็มรูปแบบ เตรียมให้บริการเร็วๆ นี้ที่ พาร์ค สีลม (Park Silom) โครงการมิกซ์ยูสระดับพรีเมียมใจกลางถนนสีลมที่ครบครันด้วยอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์วัยทำงาน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และผู้คนที่ใช้ชีวิตย่านสีลม ภายใต้แนวคิด ‘New Breed of Silom’ พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ที่มีทิศทางเดียวกับอีซี่ พาร์คกิ้ง ในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นและยังคงคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้งานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยด้วยระบบไร้สัมผัสจากบัตรจอดรถ ช่วยลดปัญหาการลืมหรือทำบัตรจอดรถหาย ไร้กระดาษด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อตรวจสอบสถานะการจอดรถ และไร้เงินสดด้วยระบบชำระเงินออนไลน์ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในยุคดิจิทัล


                 อีซี่ พาร์คกิ้ง ผู้ริเริ่มการนำระบบบริหารอาคารจอดรถอัจฉริยะแบบครบวงจรรายแรกในประเทศไทย มีความโดดเด่นเหนือกว่าระบบจอดรถที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เหมาะสำหรับทั้งการบริหารอาคารจอดรถขนาดใหญ่และขนาดย่อม เช่น อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม โรงพยาบาล ช่วยลดค่าใช้จ่ายเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และยังเป็นระบบแรกในประเทศไทยที่สามารถนำข้อมูลการใช้งานพื้นที่ของผู้มาใช้บริการที่ได้บันทึกไว้ไปวิเคราะห์ขอมูลทางการตลาดได้ด้วย


คุณเกรียงไกร รุกขจันทรกุล

                 อีซี่ พาร์คกิ้ง ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2562 ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท จากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของคุณเกรียงไกร รุกขจันทรกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไรซิ่ง บิสสิเนส โซลูชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านไอทีและการสื่อสารโทรคมนาคม และเป็นผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกในบริษัทชั้นนำมากกว่า 30 ปี มีจุดมุ่งหมายพัฒนาระบบการจัดการสถานที่จอดรถ และเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจากประเทศไต้หวันในการพัฒนาเทคโนโลยี AI Box (Edge Computing) สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ผ่านทางระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียน และชำระเงินโดยเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นของธนาคาร ด้วยโทรศัพท์มือถือผ่านการสแกน QR code จากตู้ระบบชำระเงิน และป้ายในอาคารจอดรถ ให้ความปลอดภัยไร้การสัมผัส สะดวกและรวดเร็ว ครอบคลุมทุกการจัดการ


                 คุณเกรียงไกร รุกขจันทรกุล กล่าวว่า “ผมมีความมุ่งมั่นในการนำเสนอระบบโปรแกรมอัจฉริยะ​ อีซี่ พาร์คกิ้ง โดยผสานสามเทคโนโลยีของ AI, IoT และ Cloud ที่มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจยุคใหม่เพื่อร่วมสร้างความก้าวหน้าให้แก่ประเทศไทย ผมเชื่อมั่นว่าระบบบริหารอาคารจอดรถ อีซี่ พาร์คกิ้งนี้ ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของอาคาร และเป็นโซลูชั่นในการแก้ปัญหาการจัดการระบบจอดรถ การจัดเก็บข้อมูลจอดรถผ่านการรายงานผลแบบอัตโนมัติ ทั้งช่วยประหยัดเวลา สามารถนำข้อมูลมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจ และจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด”






                 ปัจจุบันระบบ อีซี่ พาร์คกิ้ง ได้เริ่มให้บริการแล้วที่โครงการ ภิรัชทาวเวอร์ แอท สาทร (Bhiraj Tower at Sathon), ด่านตรวจภูเก็ต ท่าฉัตรไชย และพาร์ค สีลม (Park Silom) รวมทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่กำลังจะเปิดให้บริการระบบจอดรถอัจฉริยะในปีนี้

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้า ได้ที่โทร 081 848 8890 หรือ อีเมล
marketing@rbsolution.co.th และเว็บไซต์​ www.rbsolution.co.th

10
“เจสัน เดย์” เกือบถอดใจเลิกตีกอล์ฟหลังเจอมรสุมชีวิต ก่อนคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรกในรอบ 5 ปี


28 พฤษภาคม 2566 – เจสัน เดย์ โปรกอล์ฟจากออสเตรเลีย กลับมาคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ ได้อีกครั้งจากรายการ เอทีแอนด์ที ไบรอน เนลสัน เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากห่างหายชัยชนะมานาน 5 ปี อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกวัย 35 ปี ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่หลังและการสูญเสียมารดาที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมายาวนานเมื่อปีที่แล้ว (ภาพ: Getty Images)


การกลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้งในรายการเอทีแอนด์ที ไบรอน เนลสัน ตรงกับวันแม่ของสหรัฐอเมริกาพอดี และมีภรรยากับลูกๆ มาร่วมยินดีในสนามด้วย ทำให้แชมป์นี้มีความหมายมากเป็นพิเศษและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกสำหรับ เจสัน เดย์ และได้แชร์ประสบการณ์และความรู้สึกผ่าน Player blog  ซึ่งเจ้าตัวเผยว่ามีช่วงหนึ่งเกือบถอดใจเลิกเล่นกอล์ฟ แต่ภรรยาและทีมงานช่วยผลักดันสนับสนุนให้พยายามฮึดสู้จนกลับสู่เส้นทางแชมป์อีกครั้ง         

โปรกอล์ฟจอมเก๋าชาวออสเตรเลียน เผยว่าการคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ รายการที่ 13 ท่ามกลางครอบครัวของผมที่มาร่วมยินดีในสนาม มีความพิเศษมากๆ และมันก็ห่างหายมามานถึง 5 ปีแล้ว นับตั้งแต่ผมชนะครั้งล่าสุด และตอนนี้เราก็มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นด้วย เรามีลูก 4 คน และอีกคนก็กำลังจะลืมตาดูโลกไม่ช้านี้ ดังนั้นการคว้าชัยชนะต่อหน้าเอลลี่ ภรรยาของผมและลูกๆ จึงมีความหมายมากเป็นพิเศษ และยังเป็นการชนะในวันแม่ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งมีชื่อของคุณแม่ผู้ล่วงลับของผมด้านหลังเสื้อแคดดี้ของผมด้วย ผมคงไม่สามารถขออะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว
         
ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่หลังคว้าแชมป์รายการเอทีแอนด์ที ไบรอน เนลสัน เมื่อนึกถึงคุณแม่ อเดนิล ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งมาตั้งแต่ปี 2017 และจากไปเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์มาก ยิ่งไปกว่านั้น ผมต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บที่หลังเล่นงานต่อเนื่องซึ่งส่งผลกระทบต่ออาชีพนักกอล์ฟของผมด้วย บอกตามตรง ผมเกือบตัดสินใจเลิกเล่นกอล์ฟเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบางครั้งผมคิดว่าผมพอแล้ว เพราะความเครียดความกดดันที่ถาโถมเข้ามา และสิ่งที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของผม สภาพจิตใจก็ไม่โอเค และไม่มีความมั่นใจเลย ทำให้รู้สึกว่าเกมการเล่นของผมไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์อีกแล้ว และเคยคิดว่าบางทีผมอาจเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่เคยมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในอาชีพแล้วเจอปัญหาอาการบาดเจ็บที่ทำร้ายผม


ผมไม่เคยบอกเอลลี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และยอมรับสภาพเพราะเป็นช่วงที่เครียดที่สุดในชีวิตของผม แต่เอลลี่ไม่เคยยอมแพ้ในการผลักดันให้ผมกลับมาสู่เส้นทางคว้าแชมป์อีกครั้ง เธอกระตุ้นให้ผมพยายามต่อสู้และทำให้ดีขึ้นเสมอ ผมต้องขอบคุณทีมงานของผมเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน ทั้งเทรนเนอร์ แคดดี้ และคริส โคโม่ โค้ชของผม พวกเขาช่วยแบ่งเบาความทุกข์และเรื่องแย่ๆจากผมมากมาย พวกเขาคือกลุ่มคนที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนผมเมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และนั่นคือสิ่งสำคัญมาก เพราะหากขาดทีมงานที่ใช่ มันยากมากที่จะประสบความสำเร็จในเกมกอล์ฟ แม้ว่ากอล์ฟเป็นกีฬาส่วนบุคคล แต่คุณก็ต้องการทีมงานที่ดีและเหมาะสม         

มันรู้สึกแปลกเช่นกันกับการได้แชมป์อีกครั้งและไม่รู้จะอธิบายอย่างไร การผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างที่ผมเจอมาและกลับมาชนะได้อีกครั้ง เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และผมทราบดีว่าความสำเร็จนี้เกิดขึ้นมาได้จากการทำงานหนักมากมายอยู่เบื้องหลังที่หลายคนไม่เคยได้เห็น นี่เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันบนเส้นทางและความพยายามที่จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

เจสัน เดย์ เผยอีกว่าการได้ร่วมงานกับ คริส โคโม่ ช่วยให้วงสวิงกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง โดยระบุว่า ผมดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคริส  เมื่อหลายปีก่อน จริงๆ แล้วมันเริ่มมาจากตอนที่ ไทเกอร์ วูดส์ กำลังมีปัญหากับการชิพ และเขาขอให้ผมไปช่วยตรวจสอบเทคนิคการชิพของเขา คริสทำงานร่วมกับไทเกอร์ วูดส์ ในขณะนั้น และได้เห็นการฝึกซ้อมชิพลูกของผมมาเยอะ พวกเขาจึงอยากสอบถามความเห็นจากผมเกี่ยวกับเรื่องนี้


หลังการพูดคุยหารือ บอกได้เลยว่าคริสเป็นกูรูเกมกอล์ฟและเข้าใจถ่องแท้เกี่ยวกับวิธีการทำงานของร่างกายและการทำงานของไม้กอล์ฟ เขาเป็นคนที่พร้อมให้คำปรึกษาเสมอ บางครั้งผมตื่นมาตอนตี 2 คิดถึงวงสวิงของตัวเอง และโทรไปหาคริส แล้วบอกว่า ผมมีความคิดแบบนี้นะ แล้วคุณคิดอย่างไร แล้วจากนั้นผมก็จะออกไปซ้อมในวันรุ่งขึ้น ในช่วงแรกที่เราร่วมงานกัน เราใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งกับการเคลื่อนไหวของร่างกายและการสวิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าถูกต้องเหมาะสม ตอนนี้ผมรู้สึกว่าวงสวิงของผมมาถูกทางแล้ว ผมสามารถตีได้แรงตามที่ต้องการ           

อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกจากออสเตรเลียเผยอีกว่า ช่วงขาขึ้นขาลงในเกมกอล์ฟเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากมายในช่วงขาลงมากกว่าช่วงขาขึ้น ผมได้เรียนรู้ว่าผมยังสามารถรับมือกับความกดดันและมีสมาธิกับเกมได้ และยังมีเกมการเล่นที่ดีพอสำหรับการคว้าแชมป์ ความสำเร็จของผมในรายการเอทีแอนด์ที ไบรอน เนลสัน มาจากการทำงานหนัก จากการฝึกซ้อมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หรืออาจ 1 ปีหรือตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สั่งสมมาสู่เกมการเล่นในแบบที่เห็นในวันนี้ จนสามารถประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้อีกครั้ง แม้รางวัลตอบแทนความพยายามจะล่าช้าไปบ้าง แต่เป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด


ขณะเดียวกัน เจสัน เดย์ มั่นใจว่าเกมการเล่นตอนนี้ดีพอที่จะคว้าแชมป์รายการเมเจอร์เพิ่มอีก หลังเคยชนะรายการเมเจอร์ 1 ครั้ง ในศึกพีจีเอแชมเปียนชิพ เมื่อปี 2015         

“ผมคิดว่าการเปลี่ยนจากนักกอล์ฟที่ดีสู่การเป็นนักกอล์ฟที่ยอดเยี่ยมและคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ คุณต้องชนะรายการเมเจอร์ให้ได้มากกว่า 1 รายการ  ผมคิดว่าเกมการเล่นของผมดีพอที่จะชนะในทุกสัปดาห์และทำได้โดดเด่นเหมือน จอน ราห์ม, สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ หรือรอรี่ แม็คอิลรอย ผมแค่ต้องปั้นเกมให้คงเส้นคงวา คู่แข่งที่สำคัญในตัวผมคือต้องพยายามฝ่าฝันไปให้ได้ ในช่วงที่ผมคุยกับนักบำบัดเพราะผ่านเรื่องราวแย่ๆ มามากมาย ผมมองเห็นภาพตัวเองคว้าแชมป์ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผมสามารถกลับมาชนะได้อีกครั้ง”

11
กระทรวงพาณิชย์ ดึงองค์กรเอกชนชั้นนำเสริมทัพ ปั้น Gen Z สู่การเป็นซีอีโอ
โครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566


                กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (สถาบัน NEA) ดำเนินโครงการ From Gen Z to be CEO ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เดินหน้าขยายโอกาสคนรุ่นใหม่ Gen Z ให้พร้อมสู่การเป็น CEO โดยดึงองค์กรภาคเอกชนร่วมโครงการกว่า 16 องค์กรชั้นนำ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการที่สอบได้คะแนนสูงสุด 100 คนแรกของประเทศ (TOP100) ให้ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมฝึกงานกับองค์กรระดับประเทศ การขยายความร่วมมือกับ องค์กรภาคเอกชนจึงเป็นการรองรับจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการที่เพิ่มมากขึ้น และสร้างโอกาสในการฝึกงานกับบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม

                ในปี 2566 กรมได้เพิ่มความร่วมมือกับองค์กรภาคเอกชนจากเดิม 7 องค์กร เป็น 16 องค์กร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือพันธมิตรสำหรับสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร จำนวน 7 องค์กร รองรับนักเรียนนักศึกษาในระดับอาชีวศึกษา และพันธมิตรสำหรับมหาวิทยาลัยทั่วไป จำนวน 9 องค์กร รองรับนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย), บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK), บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (P&G), และ 3 พันธมิตรน้องใหม่ได้แก่ บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) จำกัด (DHL), บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) (SVPi) และ บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) (BOL) ที่เข้าร่วมในปีนี้


                นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) (SVPi) กล่าวว่า “ปัจจุบัน SPVi มีพนักงานภายในองค์กรที่ผสมผสานระหว่างผู้มีประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญและมุมมองของคนทำงานรุ่นใหม่ ซึ่งภารกิจสำคัญของ SPVi คือการพัฒนาคนภายในองค์กรให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาตามความถนัด พร้อมเปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้ แชร์ไอเดีย ร่วมกันระหว่างคนในหลาย Gen เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรตื่นตัวในการพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยส่งเสริมและเกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และนำมาปรับใช้ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฉะนั้นแล้วเมื่อนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้มาฝึกงานกับ SPVi จะได้เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพจากการลงมือทำจริง แลกเปลี่ยนเทคนิคความรู้ในสายงานจากบุคลากรที่เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสในการพิจารณาเข้าทำงานกับ SPVi หลังสิ้นสุดโครงการ ซึ่งเชื่อว่านักศึกษาที่ผ่านโครงการ From Gen Z to be CEO มาแล้วจะเป็นคนที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของหลายๆ องค์กรรวมถึง SPVi อีกด้วย”


                นางสาวมีนา อิงค์ธเนศ Chief Operating Officer บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) (BOL) กล่าวว่า “เราเชื่อในเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาโลกให้ดีขึ้น BOL เรารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อร่วมมอบโอกาสให้กับน้องๆ Gen Z ที่มีความฝัน ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กรเราคือการให้โอกาสและสนับสนุนคนรุ่นใหม่  ซึ่งหากน้อง ๆ ได้เข้ามาฝึกงานกับ BOL น้อง ๆ จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง รวมถึงข้อเสนอแนะจากผู้บริหารระดับสูง และมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อวิสัยทัศน์ขององค์กร ฉะนั้นโครงการนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินตามความฝัน ในฐานะผู้บริหารจึงอยากแนะนำน้องๆ Gen Z ว่า “จงกล้าเดิน อย่ากลัวล้ม” เพราะทุกก้าวที่เดินคือโอกาสในการเรียนรู้ และความเพียรอย่างสม่ำเสมอจะทำให้น้องเก่งและประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้ หวังว่าพวกเรา BOL จะได้เป็นเรื่องราวหนึ่งในความสำเร็จของน้องๆ นะคะ”

                และนี่เป็นเพียงเสียงส่วนหนึ่งจากพันธมิตรที่พร้อมมอบโอกาสให้กับน้องๆ Gen Z “ที่สุดของโอกาส ที่สุดแห่งการเป็น CEO อาจเป็นคุณ” กระทรวงพาณิชย์พร้อมเดินหน้าปั้น Gen Z รุ่นที่ 4 สู่การเป็น CEO ตัวจริง ภายใต้โครงการ “From Gen Z to be CEO” เพิ่มโอกาสร่วมฝึกงานกับองค์กรระดับประเทศ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรมสามารถสมัครได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - มิถุนายน 2566 ได้ที่​ https://fromgenztobeceo.com  หรือติดตามกิจกรรมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/nea.ditp/

12
โรงพยาบาลพญาไท 2 เชิญชม นิทรรศการ THE ART OF X-RAY


กรุงเทพ – ปัจจุบันโรคมะเร็งปอดนับเป็นมะเร็งที่พบมากสุดอันดับต้น ๆ ของโลกในวันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้ (31 พฤษภาคม 2566) โรงพยาบาลพญาไท 2 ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมชมนิทรรศการ The Art of X-Ray เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจคัดกรองโรคปอด​ ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 มลพิษในอากาศ และผลเสียจากการสูบบุหรี่ พร้อมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าของ Software AI CHEST ผ่านงาน  Art Installation Exhibition เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามาช่วยตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดได้ดียิ่งขึ้น

ล่าสุดโรงพยาบาลพญาไท 2 จับมือกับแอสตร้าเซนเนก้านำนวัตกรรม AI Chest X-Ray เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ตรวจสอบยืนยันผลจากรังสีแพทย์เพื่อให้บริการแก่ผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพ ระบบ AI จะช่วยชี้จุดแม้จะเป็นรอยโรคเล็ก ๆ ที่แพทย์อาจจะมองไม่เห็น หรือระยะเริ่มต้นที่แพทย์ยังตรวจไม่เจอ จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและประเมินอีกทีว่าใช่รอยโรคหรือไม่ ตัวระบบนั้นมีความแม่นยำสูง สามารถดักจับจุดที่น่าสงสัย หรือความผิดปกติได้ไว  โดยสามารถประมวลผลภาพเพื่อบ่งชี้รอยโรคในทรวงอกเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 8 สภาวะ ได้แก่ สภาวะปอดแฟบ สภาวะหัวใจโต สภาวะของปอดที่บวมน้ำ ลักษณะของปอดที่มีฝ้าสีขาว ก้อนเนื้อหรือเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. ก้อนเนื้อหรือเนื้องอกที่มีขนาดเล็กกว่า 3 ซม. สภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด วัณโรค และสามารถเทียบผลการวัดขนาดของหัวใจกับปอดได้ โดยในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องช่วยในเรื่องของนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้แพทย์สามารถตรวจวิเคราะห์หาโรคได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้โรงพยาบาลสามารถเพิ่มศักยภาพของการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดเบื้องต้นให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำที่สุดสำหรับผู้เข้ารับบริการ

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดระยะเริ่มต้นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย EBUS-TBNA เป็นการผ่าตัดเล็กที่มีความปลอดภัย ใช้สำหรับตรวจวินิจฉัยคนไข้ที่มีก้อนบริเวณข้างหลอดลมผ่านการส่องกล้อง การตรวจนี้สามารถวินิจฉัยโรคเนื้องอกในหลอดลม วัณโรค และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆได้ การตรวจด้วย EBUS-TBNA จะช่วยลดความเสี่ยงในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและไม่สามารถดมยาสลบได้ นอกจากนี้ ยังลดวันนอนโรงพยาบาลและผลข้างเคียง เมื่อเทียบกับการตรวจโดยวิธีมาตรฐาน

อย่างที่ทราบกันดีโรคมะเร็งมักจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะอยู่ในระยะที่ค่อนข้างรุนแรง แต่หาก ตรวจพบเร็วในระยะเริ่มต้น จะมีโอกาสรักษาหายได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมักมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมรอบตัว ทั้งการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่มือสอง สารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม มลภาวะที่เป็นพิษ และพันธุกรรม ล้วนส่งผลต่อการเกิด “โรคมะเร็งปอด” ได้ทั้งสิ้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2566 เวลา 8.30-16.00 น. ณ บริเวณโถงกิจกรรมชั้น 1 อาคาร B สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Facebook : Phyathai2 Hospital

13
“เอเชีย เอรา วัน” ต้อนรับนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล “สจล.”
เยี่ยมชมศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ภายใต้โครงการ Railway Summer Camp


                กรุงเทพมหานครฯ – นาย แดเนียล เฮนรี่ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ผู้ร่วมลงทุนและดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยปัจจุบันสนับสนุนการเดินรถและซ่อมบำรุง แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ภายใต้การกำกับดูแลของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท จำกัด ให้การต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิตราภรณ์ วงศางาม และ กลุ่มนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศึกษาดูงานด้านระบบขนส่งทางราง เพื่อเรียนรู้ทฤษฎีพื้นฐานด้านการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ตลอดจนบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการขนส่งทางราง เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียน และการทำงานในอนาคต ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ คลองตันเมื่อเร็ว ๆ นี้

14
คอมมี่ ประกาศรีแบรนด์ใหญ่รอบ 30 ปี
ส่งโปรดักส์ฮีโร่ “Commy Super Hydrogel Film” ทวงบัลลังก์ผู้นำอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน

   
               คอมมี่ (COMMY) เดินเกมบุกทวงแชมป์ผู้นำอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนประเทศไทย ทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี พร้อมส่งโปรดักส์ฮีโร่ตัวล่าสุดลงแข่ง “คอมมี่ ซูเปอร์ ไฮโดรเจล ฟิล์ม” (Commy Super Hydrogel Film) ฟิล์มกันรอยประสิทธิภาพสูงเจ้าแรกในไทย ตอบโจทย์ทุก pain point ผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ เนื้อฟิล์มเต็มจอ ยืดหยุ่นสูง กระจายแรงกระแทก สมานรอยขีดข่วนบนเนื้อฟิล์มใน 2 นาที ด้านช่องทางจำหน่ายลุยทุกมิติทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และ O2O คาดสิ้นปีนี้ รายได้โตกว่า 100%


               นางสาวอรปรียา มโนวิลาส รองประธานกรรมการ บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า แบรนด์​ "คอมมี่" (COMMY) ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่และอุปกรณ์ไอทีสัญชาติไทย ที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยจุดเริ่มต้นในปี 2532 ซึ่งเป็นยุคแรกของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย แต่ตลาดยังขาดอุปกรณ์เสริมอย่าง แบตเตอรี่ สายชาร์จ และเครื่องชาร์จ บริษัทฯ จึงได้นำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวมาจัดจำหน่ายในรูปแบบค้าปลีก ส่งให้แก่ร้านค้าและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อโดยตรง ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่ขึ้น พร้อมสร้างแบรนด์ภายใต้ชื่อ​ “คอมมี่” (COMMY) เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความต้องการของกลุ่มลูกค้า จนประสบความสำเร็จและเป็นแบรนด์ที่กลุ่มลูกค้าทั่วประเทศไทยรู้จัก


               หัวใจสำคัญที่ส่งผลให้คอมมี่ประสบความสำคัญมาถึงปัจจุบัน คือแนวคิดการทำธุรกิจที่คำนึงถึง “คุณภาพ” (Quality) เป็นหลัก พร้อมทั้งพัฒนาด้วย​ “นวัตกรรม” (Innovation) ที่เป็นเลิศ โดยปัจจุบันคอมมี่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ​ อุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน (Mobile Gadget) ได้แก่ เครื่องตัดฟิล์มกันรอย, ฟิล์มกันรอย, หัวชาร์จ, สายชาร์จ, แบตเตอรี่, แบตเตอรี่สำรอง, หูฟัง, หูฟังบลูทูธ, ลำโพงบลูทูธ และ เคสมือถือ และได้มีการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใน กลุ่มสุขภาพ (Health Product) อาทิ เครื่องฟอกอากาศทั้งแบบพกพาและใช้ในรถยนต์, หน้ากาก N95 และเครื่องวัดหรือทำออกซิเจน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่ม B2B ผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย และ B2C ลูกค้าทั่วไป”


               นางสาวอรปรียา กล่าวต่อว่า “สำหรับภาพรวมของตลาดอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดราว 14,000 ล้านบาท สวนกระแสตลาดสมาร์ทโฟนที่ลดลง จากข้อมูลสำนักวิเคราะห์ Canalys ชี้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2566 ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน Sell-in shipment ทั่วโลกลดลงกว่า 12% อยู่ที่ 269.8 ล้านเครื่อง โดยยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านเครื่องต่อปี คาดว่าเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค มีการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ช้าลง นิยมหันมาซ่อมแซม และใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันยืดอายุการใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภท แบตเตอรี่ เคส และฟิล์มกันรอย


               ดังนั้นเพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำของตลาด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมดิจิทัลในปัจจุบันและอนาคตที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค คอมมี่ จึงทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ปรับแผนการตลาดโดยยึดแนวคิดความต้องการของลูกค้า (Customer-centric) มาใช้พัฒนาธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ Re-Branding เนื่องจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าไอทีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ก้าวข้ามจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นแบรนด์จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยการวางตำแหน่งแบรนด์คอมมี่ครั้งนี้ จะมุ่งไปที่กลุ่มคนที่ชื่นชอบสินค้าไอทีที่มีเอกลักษณ์และมีคุณภาพ เน้นการออกแบบสินค้าที่ตอบโจทย์ Personalization


               ต่อมาคือ​ Hero Product​ โดยพุ่งเป้าไปที่การพัฒนา​ ผลิตภัณฑ์กลุ่มฟิล์มกันรอย​ เพื่อเจาะตลาดฟิล์มกันรอยในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าภายในปีนี้จะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านชิ้น ซึ่งปัจจุบันคอมมี่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ระดับพรีเมียม โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮโดรเจลฟิล์มได้รับความนิยมจากตลาดผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีจุดเด่นที่เนื้อฟิล์มมีความบางเพียง 0.15 มม. ให้สัมผัสที่เรียบลื่นเป็นธรรมชาติกว่าแบบกระจก กระจายแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกเหมือนฟิล์มกระจกซึ่งแก้ Pain Point ของลูกค้าในการใช้งานและสามารถยืดหยุ่นเข้าได้กับหน้าจอทุกประเภททั้งแบบจอธรรมดา จอโค้ง หรือจอพับ และนวัตกรรม Self-healing ซึ่งสามารถสมานรอยได้ภายในไม่กี่นาทีเมื่อเกิดรอยขีดข่วน


               ตอนนี้คอมมี่จึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฟิล์มกันรอย​ “คอมมี่ ซูเปอร์ ไฮโดรเจล ฟิล์ม” (Commy Super Hydrogel Film) เจ้าแรกของประเทศไทย ด้วยการเพิ่มเนื้อเจลมากยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี Self-healing ในเนื้อฟิล์มทำให้สมานรอยขีดข่วนได้เอง ภายใน 30 วินาที สำหรับรอยข่วนขนาดเล็ก หรือไม่เกิน 2 นาที สำหรับรอยขนาดใหญ่ขึ้น


               สุดท้ายคือ​ Hybrid Channel​ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกมิติเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและให้ความสะดวกสบายในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น ช่องทางออนไลน์ จำหน่ายผ่าน COMMY Official Store สามารถสั่งซื้อสินค้าและไปรับบริการที่ร้านค้าตัวแทนใกล้บ้านได้ทันที และสามารถสั่งผ่านอีมาร์เก็ตเพลสต่างๆ อย่าง Lazada และ Shopee ซึ่งที่ผ่านมามียอดจำหน่ายเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคนิยมซื้อไปติดเองมากขึ้น ส่วนช่องทางจำหน่ายแบบออนกราวด์ จะมีทั้งในส่วนตัวแทนจำหน่าย และการจำหน่ายผ่าน 7-Eleven, TG Fone, Jaymart รวมถึงการวางแผนจะมีการจัดตั้ง kiosk ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำภายในสิ้นปีนี้”




               “คอมมี่ยังได้เตรียมปูพรมด้านการสื่อสารและการขยายการรับรู้ไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ  โดยในปีนี้จะเริ่มด้วยการทำ On Ground Activity เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณภาพและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรง พร้อมทั้ง Online Activity สร้างการสื่อสารผ่านกลุ่ม Influencer รวมถึงการทำ Entertainment Marketing เพื่อตอกย้ำการรับรู้ด้านผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งคอมมี่เชื่อว่าจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวนี้ ภายในสิ้นปี 2566 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100%” นางสาวอรปรียา กล่าวปิดท้าย

15
แฟนขนไก่เฮ!! ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ยิงสดนักกีฬาไทยสู้ศึก
"โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น 2023"


               ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอชวนแฟนกีฬาร่วมกันส่งเสียงเชียร์ทัพนักตบลูกขนไก่ดาวรุ่งไทย นำทีมมาโดย ชายเดี่ยว - "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 5 และ "เมย์" รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวมืออันดับ 7 ของโลก ตามมาด้วย "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 11 ของโลก “ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มืออันดับ 12 ของโลกและ "เมย์" ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 22 ของโลก ส่วนคู่ผสมไทย ยังคงเป็นคู่เบอร์หนึ่งขวัญใจชาวไทยอย่าง  "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย และ"เอ็ม" สุภัค จอมเกาะ กับ "เฟม" ศุภิสรา เพียวสามพราน อีกสองคู่แกร่งอย่างหญิงคู่ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ ผนึกกำลังสองพี่สองเอี่ยมสอาด ดาวรุ่งที่แฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง  "อันนา" นันทกาญจน์ กับ "มูนา" เบญญา​ และที่สำคัญรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งใน รายการเก็บคะแนนสะสมโลกเพื่อไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จึงทำให้มีนักกีฬาระดับท็อปของโลกสนใจมาเข้าร่วมการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น 2023 อย่างคับคั่ง




               ร่วมลุ้นไปกับบรรยากาศการแข่งขันสดๆ และส่งกำลังใจ ส่งเสียงเชียร์นักกีฬาไทยสู้ศึก "โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น 2023" ผ่านหน้าจอ True4U ช่อง 24 สนุกดูฟรี พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันศุกร์ที่ 2 – 4 มิถุนายน  2566 หรือติดตามชมได้ทาง​ www.true4u.com/live






Pages: [1] 2 3 ... 2115