Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - pooklook

Pages: [1] 2 3 ... 108
1
วันนี้ไม่ได้ดูการแสดง ก็หยอดตู้ชมแบบนี้ก่อนก็ได้นะคะ



ด้านในพิพิธภัณฑ์











สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงมีพระราชดำริให้ทางวัด ช่วยอนุรักษ์หนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว และจัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ขึ้น





ก่อนกลับแวะไหว้พระก่อนนะคะ









ตอนนี้กำลังมีการบูรณะภาพเขียนในโบสถ์อยู่ค่ะ



ลายแบบนี้นุ้ยไม่เคยเห็นที่อื่นนะคะ



วัดขนอน มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการอนุรักษ์หนังใหญ่ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทางวัดได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ในการนำหนังใหญ่ วัดขนอนไปแสดงเผยแพร่ยังที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ในปี พ.ศ.2532 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีองค์อุปถัมภกมรดกไทยทรงเห็นคุณค่าในการแสดง และศิลปะหนัง ใหญ่ทรงมีพระราชดำริให้ทางวัด ช่วยอนุรักษ์หนังใหญ่ทั้ง 313 ตัว และจัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ขึ้น แสดงแทน โดยมีมหาวิทยาลัยศิลปากรรับผิดชอบงานช่างจัดทำ หนังใหญ่ทั้งหมด ได้นำหนังใหญ่ชุดใหม่ที่สร้างนี้ ทูลเกล้าถวาย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2538 ณ โรงละครแห่งชาติ และทรง พระราชทานให้ทางวัดขนอน นำมาใช้ ในการแสดงต่อไป ปัจจุบันทางวัดได้จัดพิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ เปิดให้ประชาชนและผู้สนใจ เข้าร่วมชมศึกษา พร้อมทั้งการสาธิตการแสดงหนังใหญ่ ตลอดจนการฝึกเยาวชนให้เรียนรู้และสืบทอด ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ครบทุกกระบวนการ เพื่อสนองโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จ พระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีสืบต่อไป ข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/76_province/central/ratchaburi/watkhanon.html

2
ตอนวางแผนว่าจะไปเที่ยวราชบุรีกัน นุ้ยและเพื่อนๆ ก็คิดว่าอยากจะไปแบบชิลๆ นั่งรถไฟไปเรื่อยๆ แต่พอวางแผนแล้วก็คิดว่าไปเที่ยวได้ไม่ครบตามที่ตั้งใจแน่ๆ กว่าจะไปแต่ละที่คงหารถสาธารณะลำบาก สุดท้ายก็ต้องขับรถยนต์กันไป ถ้าการเดินทางด้วยรถสาธารณะบ้านเราสะดวกและรวดเร็วก็คงจะดีกว่านี้นะคะ

นุ้ยเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าของวันอาทิตย์ ใช้บริการ Google map นำทางไป จุดหมายแรก คือ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน เสียดายที่ไม่ได้ไปชมการแสดงหนังใหญ่ด้วยซึ่งจะมีทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. สำหรับพิพิธภัณฑ์ จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-17.30 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม (แต่จะมีตู้บริจาคสำหรับผู้ที่อยากจะช่วยสนันสนุนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้คงอยู่ต่อไปนะคะ) เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะเจอโรงมหรสพหนังใหญ่อยู่ทางซ้ายมือค่ะ



สร้างเมื่อปี 2461 ใกล้จะครบร้อยปีแล้วนะคะ



พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารเรือนไทยที่ร่มรื่นมากค่ะ









 

4
นุ้ยไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 นะคะ ผีเสื้อเยอะมาก





จุดดูผีเสื้อจะเริ่มตั้งแต่บ้านกร่างแคมป์เป็นต้นไปนะคะ เราจะผ่าน 3 ลำธาร ผีเสื้อเยอะทั้ง 3 ลำธารเลย

และจะพบเห็นผีเสื้อบินตลอดทางด้วย







ผีเสื้อที่นี่ค่อนข้างเชื่องนะคะ เลยทำให้โดนรถเหยียบตายซะเยอะเชียว








5


ใกล้จะถึงทางเข้าทางอนุสรณ์เรือรบประแสแล้ว







คุณป้ากำลังเก็บหอยนางรมค่ะ บอกว่าเอาไปขายตรงเรือรบประแส เพราะฉะนั้นคอนเฟิร์มว่าหอยสดจริง เก็บให้เห็นกันจะๆ



มาถึงจุดนี้พวกนุ้ยก็หิวข้าวตาลายแล้วค่ะ รีบๆ เดินไปหาข้าวกินกัน ไม่ได้ถ่ายรูปเรือรบเลย แถวเรือรบมีร้านอาหารหลายร้านนะคะ ราคารับได้และก็รสชาดใช้ได้เลย (หรือเพราะหิวก็ไม่รู้) พออิ่มแล้วก็จะกลับไปที่รถ แต่เดินย้อนกลับไปไม่ไหวแล้วเลยใช้บริการรถรับจ้างค่ะ คันนึงนั่งได้ 4 คน คนละ 30 บาท

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ....

6
แวะถ่ายรูปกันได้ตลอดทาง ที่นี่ไม่ได้สวยแค่ทุ่งโปรงทองนะคะ





รากใหญ่มาก บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ เดินไปจะได้ยินเสียงเป๊าะแป๊ะตลอดทาง ตอนแรกนุ้ยก็นึกว่าเสียงกิ่งไม้หล่น แต่ทำไมถี่จัง เพื่อนเลยบอกว่าเป็นเสียงของปูก้ามดาบ เสียดายที่นุ้ยถ่ายไม่ทันสักตัว วิ่งกันเร็วมาก



มุมถ่ายรูปไม่ได้มีแต่ที่ทุ่งโปรงทองนะคะ จุดสวยๆ ยังมีอีกเยอะ



ในน้ำเราจะเห็นหอย เป็นปลามากมายเลยค่ะ สมกับเป็นเส้นทางศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลน




7
ทริปนี้เริ่มมาจากโฆษณาตัวนี้เลยค่ะ ดูแล้วก็อยากเห็นด้วยตาตัวเอง ป่าสีทอง ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

#Invalid YouTube Link#

กว่าเราจะได้เข้าไปที่ทุ่งโปรงทองก็เกือบๆ จะแปดโมงแล้วค่ะ แดดเริ่มมาแล้ว อากาศร้อนจริงจังมาก ใครจะมาเที่ยวพกหมวก ร่ม ครีมกันแดดมาด้วยเลยนะคะ  ทุ่งโปรงทองสามารถเข้าได้ 2 ทาง คือ ทางอนุสรณ์เรือหลวงประแส กับทางวัดตะเคียนงาม ถ้าอยากจะเที่ยวแค่ทุ่งโปรงทองแนะนำเข้าทางวัดตะเคียนงามค่ะ จะเดินใกล้ ถ้าเข้าทางเรือรบเดินเป็นกิโลค่ะ นุ้ยก็เข้าทางวัดตะเคียนงาม



ทางเดินมีชำรุดหลายจุดนะคะ ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เดินนิดเดียวก็ถึงทุ่งโปรงทองแล้วค่ะ



จุดนี้จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเยอะที่สุดค่ะ



เดินต่อค่ะ




8
ลุงสุชาติ ทรัพย์สิน เป็นศิลปินหนังตะลุงและช่างทำรูป หนังตะลุงฝีมือดีเยี่ยมของเมืองนครศรีธรรมราช ที่ริเริ่มและสืบทอดวัฒนธรรมการ ทำตัว หนังตะลุง รวมไปถึงการเชิดหนังตะลุงจนที่เป็น ที่ยอมรับในระดับชาติ และนานาชาติ ทั้งยังทำนุบำรุงความเป็น ไทยคงใช้เครื่องดนตรีไทยที่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติไทย โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปินท้องถิ่นผู้ซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (ไทยแลนด์ทัวริสซึ่มอวอร์ด) ประจำปี 2539 รางวัลดีเด่นประเภท วัฒนธรรมและโบราณสถาน บ้านหนังตะลุงสุชาติเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายตัวหนังตะลุงและหนังใหญ่ อีกทั้งยัง มีการแสดงในลักษณะสาธิตในบริเวณบ้านหนังตะลุง นอกจากนี้ยังได้แบ่งพื้นที่เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติ...ข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/76_province/south/nakhonsithammarat/nangtalung.html

บ้านคุณลุงสุชาติอยู่บริเวณตัวเมืองนะคะ ไม่ไกลจากวัดพระมหาธาตุเท่าไหร่ ภายในค่อนข้างร่มรื่นนะคะ มีต้นไม้เยอะเชียว




 

อาคารหลังแรกจะเป็นที่ขายของที่ระลึกและสาธิตการทำหนังตะลุงค่ะ

 

 สินค้าราคาไม่แพงค่ะ นุ้ยยังซื้อมาฝากเพื่อนๆ หลายชิ้นเลย





สาธิตการทำหุ่นหนังตะลุง จะมากี่คน พี่เค้าก็ยินดีจะอธิบายและสาธิตให้ชมนะคะ ตอนนุ้ยเข้ามามากันแค่  2 คน ทั้งพี่สาว ซึ่งเป็นลูกของคุณลุงสุชาติและคุณแม่ซึ่งเป็นภรรยาก็เข้ามาอธิบายและตอบคำถามต่างๆ ให้กับพวกเราสองคนฟัง



พี่เค้าบอกว่าคุณพ่อตั้งใจอยู่แล้วว่าจะให้ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้เรื่องหนังตะลุง จึงยินดีที่จะให้ความรู้กับทุกคนเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านนี้ไว้ เพราะคุณพ่อได้เข้าเฝ้าในหลวง ท่านบอกให้รักษาและส่งต่อความรู้คุณพ่อจึงทำตามตามพระราชดำรัสเรื่อยมา จนมาถึงรุ่นลูกของคุณลุง



หนังที่ใช้ทำหุ่นหนังตะลุง ทำมาจากหนังวัวค่ะ เมื่อแห้งแล้วจะได้ออกมาเป็นแผ่นแข็งๆ แบบนี้



เครื่องมือที่ใช้ในการฉลุลาย





ลงสีด้วยก้านหวายและสีผสมอาหาร



เมื่อเดินออกมาจากอาคารแรก จะเจออาคารเล็กๆ หลังนี้ค่ะ คุณลุงสุชาติเสียชีวิตไปได้ปีกว่าๆ แล้ว แต่ลูกหลานก็พร้อมที่จะสืนสานศิลปะการทำหนังตะลุงนี้ต่อไป



ถัดมาเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีการจัดแสดงของโบราณต่างๆ และหุ่นหนังตะลุงค่ะ









อีกด้านนึงของอาคารนี้จะเป็นที่สาธิตการแสดงหนังตะลุงให้กับนักเที่ยวที่มาชมเป็นหมู่คณะค่ะ





ใครมาเที่ยวนครศรีธรรมราชอย่าพลาดมาชมที่นี่นะคะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม ถ้าอยากสนับสนุนก็บริจาคลงกล่องและช่วยกันอุดหนุนสินค้าที่ระลึกนะคะ....ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านเรานับวันยิ่งที่สูญหายไปเรื่อยๆ น่าชื่นชม ที่ลูกๆ ของคุณลุงยินดีและตั้งใจที่จะสืบสานงานต่อให้หนังตะลุงคงอยู่คู่ภาคใต้ต่อไป

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมค่ะ ชมเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://pooklookontour.blogspot.com/

9
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ นุ้ยไปร่วมกิจกรรมส่งมอบหลังคาอาคารเรียนกับพี่ๆ กลุ่มทหารเรืออาสา ต้้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 58 - 2 ม.ค. 59 จริงๆ แล้ว โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนลูกของโรงเรียนวังผาวิทยา เรียกว่าห้องเรียนสาขาอะยิโก๊ะ แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณในการพัฒนาโรงเรียนเรียน พี่ๆ กลุ่มทหารเรืออาสาจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน กิจกรรมนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 3- 4 ปีแล้วค่ะ เรียกได้ว่าสมกับชื่อกลุ่ม "ทหารเรืออาสา ประชาชนร่วมใจ" เพราะมาจากเงินทุนและแรงงานจากพี่ๆ ทหารเรือ ประชาชนทั่วไป คุณครูและนักเรียน ที่มาช่วยกัน นุ้ยเองก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ๆ ในปีนี้เป็นปีแรก 

พวกเราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ 29 ธันวาคม กว่าจะถึงเชียงรายก็ประมาณตี 2 ค่ะ พักในเมืองกัน 1 คืน แล้วจึงเดินทางขึ้นดอยในเวลาเช้า ไปถึงโรงเรียนก็ใกล้ๆ เที่ยงแล้ว อาคารหลังนี้ คือ อาคารที่เพิ่งเปลี่ยนหลังคาใหม่ แล้วจะทำพิธีส่งมอบกันในวันที่ 1 มกราคมค่ะ



ทางเข้าโรงเรียน



พวกนุ้ยเดินทางขึ้นมาเป็นคันแรกค่ะ เดี๋ยวก็จะทะยอยตามกันมาเรื่อยๆ ไปถึงนักเรียนก็ช่วยกันจัดที่พักให้



น้องอนุบาลก็ช่วยด้วย เราให้ห้องเรียนเป็นห้องพักเกือบทุกห้องเลยค่ะ



อีกมุมคุณครูใหญ่และเด็กๆ ก็กำลังเตรียมสถานที่กัน



เที่ยงก็ไปแอบดูเด็กๆ กินข้าวกัน





ขอสำรวจห้องเรียนหน่อยนะคะ





สีสันสวยงามเหล่านี้มีผู้บริจาคสีมาให้แล้วคุณครูที่โรงเรียนเป็นผู้สร้างสรรค์ต่อค่ะ



ท่าทางคงต้องเปลี่ยนแปรงได้แล้วนะคะ รอบนี้นุ้ยนำมาแต่ยาสีฟัน รอบหน้าต้องซื้อแปรงสีฟันขึ้นมาด้วยแล้ว



ด้านนอกกำลังตั้งจอเพื่อฉายหนังกลางแปลงค่ะ





ขึงตาข่ายกันลูกฟุตบอล คนที่อยู่ด้านบน ชื่อ ครูรักเกียรติค่ะ เป็นครูที่ทำได้ทุกอย่าง งานเหล็ก งานปูน งานไฟฟ้า ฝืมือคุณครูทั้งนั้น



เสร็จแล้วก็เตรียมตกแต่งสถานที่กันต่อ สาวที่ใส่เสื้อสีฟ้านี่คือคุณครูอ้อมค่ะ เจ้าของผลงานศิลปะทั้งหลายที่โรงเรียนนี้ นุ้ยนับถือผู้หญิงคนนี้จริงๆ ทำได้จริงอย่าง โบกปูน เชื่อมหลังคา ทาสี เป็นคุณครูบนดอยห่างไกลต้องทำได้ทุกอย่างนะคะ



เด็กๆ มายืนมุงดูตอนเป่าลูกโป่ง จนใจอ่อนต้องเป่าแจกค่ะ



กำลังใจล้นหลาม



ได้เวลาเข้าแถวเตรียมกลับบ้าน



สวดมนต์



ที่นี่ในรายชื่อมีนักเรียนทั้งหมด 120 คน แต่มาเรียนจริงๆ ประมาณครึ่งนึงค่ะ อีกครึ่งนึงเป็นพวกมาๆ หายๆ เป็นเพราะผู้ปกครองไม่ค่อยสนับสนุนให้นักเรียนมาเรียน พี่ๆ ทหารเรือจึงพยายามมาสร้างทุกอย่างเพื่อชักจูงให้เด็กๆ มาเรียน สร้างห้องเรียนดีๆ ให้ เอาของมาแจก เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกว่าถ้าให้ลูกมาเรียนก็จะได้อะไรพิเศษกว่าคนอื่น ถึงจะมีปัญหามากมาย แต่เด็กๆ ที่นี่น่ารักมากค่ะ มีมารยาท มีน้ำใจ ช่วยงานทุกอย่างโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ที่ชุดมอมๆ นี่มาจากการช่วยเหลืองานต่างๆ ในโรงเรียนนะคะ





บางคนไม่ได้มีหน้าที่ช่วยงานในวันนี้ กลับไปถึงบ้านยังรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาที่โรงเรียน เพื่อมาช่วยงานต่ออีก พวกนุ้ยก็จัดรางวัลให้ค่ะ



ตอนกลางคืนทั้งเด็กๆ และชาวบ้านก็มารอชมภาพยนตร์กันค่ะ



ขอจบเรื่องเล่าวันแรกก่อนนะคะ เดี๋ยวนุ้ยมาเล่าต่อค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

สนใจกิจกรรมของกลุ่มทหารเรืออาสาเข้าไปชมได้ที่ https://www.facebook.com/groups/1418804538385583/?fref=ts

10













สุสานของพระนางมัสสุหรีค่ะ



ดูวีดีทัศน์เรื่องราวของพระนางก็แอบสะดุ้งค่ะ ตอนนั้นลังกาวีรบกับสยามนี่เอง ทำให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้น

สงสารพระนางนะคะ ถ้าสวามีไม่ต้องไปรบ คงไม่โดนใส่ร้ายจนถูกสั่งประหารแบบนี้





ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเขียนจนจบวันไว้ในเอนทรี่เดียว แต่ดูแล้วจะยาวเกินไป นุ้ยขออนุญาตตัดเป็น 2 ตอนนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

11
ที่แรกที่เราแวะกันคือ สุสานของพระนางมัสสุหรีค่ะ ส่วนเรื่องประวัติของพระนางต้องหาข้อมูลกันเองนะคะ นุ้ยเล่าเดี๋ยวจะผิดค่ะ







ภายในก็มีบ้านแบบต่างๆ ให้เราชม และมีพิพิธภัณฑ์พระนางมัสสุหรีด้วยค่ะ










[/size]

12
ที่แรกที่เราแวะกันคือ สุสานของพระนางมัสสุหรีค่ะ ส่วนเรื่องประวัติของพระนางต้องหาข้อมูลกันเองนะคะ นุ้ยเล่าเดี๋ยวจะผิดค่ะ







ภายในก็มีบ้านแบบต่างๆ ให้เราชม และมีพิพิธภัณฑ์พระนางมัสสุหรีด้วยค่ะ








13
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางแล้วนะคะ ตื่นมาเลยต้องขอเดินเล่นชมความสวยงามของเกาะทิ้งท้ายก่อนกลับ





น้ำใสจริงๆ



การันตีว่าอาหารทะเลที่นี่สดจริง



มีมังกรมาเกยตื้นด้วย



พอสายๆ พวกนุ้ยก็เก็บสัมภาระ เตรียมเดินทางไปเกาะลังกาวีแล้วค่ะ (ต้องใช้พาสสปอร์ตด้วยนะคะ)

ค่าเรือไปเกาะลังกาวี คนละ 550 บาท ที่หลีเป๊ะะนี่เค้าไม่ให้เรือใหญ่เข้ามานะคะ ตอนขามาก็ต้องลงจากสปีดโบ๊ท นั่งเรือหางยาวต่อ

ขากลับก็ต้องเรือเล็ก ไปต่อเรือใหญ่เหมือนกันค่ะ ถ่ายตอนขึ้นไม่ทันเพราะเร็วมาก ชมบรรยากาศภายในเรือแทนแล้วกันนะคะ



ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. หลับๆ ตื่นๆ แป๊บเดียวก็ถึงท่าเรือที่ลังกาวีค่ะ



เดินเข้ามาจะเจอร้านค้า อารมณ์ประมาณห้างเล็กๆ บ้านเรา ราคาจะแพงกว่าร้านข้างนอกนิดหน่อยค่ะ ลังกาวีเป็นเกาะดิวตี้ฟรีนะคะ

ใครจะเข้าห้องน้ำที่นี่ ต้องมีเงินมาเลนะคะ เค้าไม่รับเงินไทย โชคดีที่พวกนุ้ยแลกเงินมาตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว



แค่มาถึงความสนุกก็เริ่มแล้วค่ะ พวกเรามาถึงก่อนเวลา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าคนขับรถที่จองไว้เค้าจะมารอเราบริเวณไหน

ปกติไปที่อื่นเค้าจะมาถือป้ายรอเราใช่มั้ยคะ แต่ที่นี่พวกเราต้องถือป้ายรอคนขับรถมาทักเอง แล้วภาษาพวกนุ้ยก็ระดับงูๆ ปลาๆ มาก



รออยู่นานก็ไม่มีใครมาทักซะที เลยตัดสินใจออกมาข้างนอก ก็เจอคนที่พูดไทยได้มาเรียกเราแล้วบอกเดี๋ยวช่วยหาคนขับรถของเราให้

แล้วเค้าก็พาพวกนุ้ยไปขึ้นรถของคุณลุงคนนึงที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็คิดว่าคงใช่คนนี้แหล่ะ

แต่ก็ตะหงิดๆ ว่าทำไมเค้าถามว่าเราจะไปไหน เดชะบุญรถที่พวกนุ้ยจองไว้ขับเข้ามาพอดีค่ะ เลยต้องย้ายรถกัน

ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเค้ามาช้ากว่านี้ พวกนุ้ยจะเป็นยังไง นี่คนขับรถของพวกนุ้ยค่ะ ชื่อ บะซู ใจดีมาก (พวกนุ้ยดูตัวเล็กไปเลย)

ค่าเช่ารถตู้ 2 วัน 2,000 บาทค่ะ รวมน้ำมันแล้ว



เวลาไปเที่ยวที่ต้องใช้บริการรถเช่า เค้ามักจะพาเราไปร้านอาหารที่ค่อนข้างแพง เพราะน่าจะได้เปอร์เซ็นต์

แต่ที่ลังกาวีนี่เค้าตามใจเราค่ะ พอบอกหิวข้าวก็พาแวะข้างทางเลย อยากกินร้านไหนก็ตามใจ

อาหารที่นี่ราคาไม่แพงนะคะ พอๆ กับบ้านเรา ยังแอบคิดมาเที่ยวลังกาวียังใช้เงินน้อยกว่าเที่ยวบ้านเราอีก

14
จุดสุดท้ายของวัน คือ เกาะหินงามค่ะ ที่นี่หินเกือบทุกก้อนจะเป็นสีดำ ดำน้ำกันมาเหนื่อย มานอนบนหินอุ่นๆ สบายดีนะคะ





ถึงจะมีป้ายเตือน ก็ยังเห็นมีคนนั่งซ้อนหินกันอยู่หลายคน สงสัยจะไม่เห็นป้าย



สำหรับคนที่คิดจะเก็บหินกลับบ้านนะคะ



ตอนกลางคืนพวกเราก็ไปฝากท้องที่ถนนคนเดินต่อค่ะ วันนี้แวะร้านอาหารจ่ายาว เพราะเค้าบอกว่ามีส่วนลดสำหรับคนไทยด้วย 10% ร้านนี้นุ้ยจำราคาไม่ได้แล้วค่ะ แต่ราคาไม่แพงมากนัก คืนนี้ทานเสร็จก็กลับที่พักเลย ไม่มีแรงจะเดินช้อบปิ้งแล้ว เพลียจากการดำน้ำทั้งวัน


















ขอบคุณที่ติดตามนะคะ นุ้ยว่าประการังที่นี่เยอะแล้ว แต่พี่คนขับเรือบอกเมื่อก่อนมันเยอะกว่านี้ แต่มีปรากฎการณ์ประการังฟอกขาว ทำให้ประการังตายเกือบหมด ก็น่าเสียดายนะคะ
และเท่าที่สังเกต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ดำน้ำไม่ค่อยเป็น เหยียบประการังแตกหักเสียหายก็เยอะ คนขับเรือก็ทิ้งสมอเรือกันในแนวประการัง
กลับมาจากหลีเป๊ะก็ยังเห็นข่าวนักท่องเที่ยวเอาสัตว์ทะเลขึ้นมาเล่นอีก ไม่รู้ว่าในอนาคตที่นี่จะเป็นยังไงนะคะ

 ปล.ช่วงอยู่หลีเป๊ะนี่ไม่ได้จับกล้องใหญ่เลยค่ะ กลัวทำตกน้ำ มีแต่ภาพจากมือถือนะคะ



15

ตื่นเช้ามาหลังจากทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว พวกนุ้ยก็รีบออกไปหาเสบียงสำหรับกลางวันค่ะ

จะที่รีสอร์ทก็ได้ แต่นุ้ยว่าราคาแรงไป เลยเดินไปหาซื้อกันเองค่ะ คิดว่าคงหาได้ง่ายๆ ที่ไหนได้ เดินจนแทบจะถอดใจ

ถามชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา เค้าบอกว่าตลาดอยู่เกือบสุดถนนคนเดินแน่ะค่ะ ก็ได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

และข้าวกล่อง ถ้าจำไม่ผิด กล่องละ 80 บาท แต่ไม่ขี้เหร่นะคะ อร่อยด้วย



วันนี้พวกนุ้ยมีกิจกรรมดำน้ำรอบเกาะค่ะ ค่าเช่าเรือหางยาว 2,300 บาท ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ คนละ 50 บาท



ถ้าใครมีของส่วนตัวแนะนำให้ใช้ของตัวเองนะคะ หน้ากากที่มีให้ ยางหายเกือบหมด สงสัยจะตื่นเต้นกัดกันซะขาดเชียว

ถ้าจะถามว่าไปเกาะไหน หาดไหนบ้าง นุ้ยจำไม่ได้เลยค่ะ ไปหลายที่มาก

นุ้ยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลใต้ พอมาเจอน้ำทะใสๆ ถึงกับกรีดร้อง เป็นคนว่ายน้ำไม่เป็น แต่ลืมความกลัวหมด

เรือจอดจุดไหน รีบใส่อุปกรณ์แล้วโดดลงไปเลยค่ะ



แต่ที่จำได้แม่นเลย คือ เกาะรอกลอย น้ำใสมากๆ





กระดี๊กระด๊าสุดๆ



เวลาเที่ยง คนขับเรือจะพามาแวะทานอาหารที่หาดอาดังค่ะ



ที่หาดนี้มีร้านค้าของทาง อช. ส้มตำอร่อยค่ะ พวกนุ้ยสั่งซ้ำมาสองรอบเลย



ที่นี่จะเป็นจุดพักให้นักท่องเที่ยวมาทานข้าวกัน ทำให้ค่อนข้างขยะเยอะ

ไม่เข้าใจเหมือนกัน เค้ามีจุดให้นั่ง ทำไมถึงถือขยะออกมาทิ้งส่งเดช



แถมนักท่องเที่ยวบางกลุ่มสั่งอาหารจากที่ร้านค้า อช. ยังไม่ทันจ่ายเงิน ก็ขึ้นเรือกลับไปแล้ว ตะโกนเรียกก็ไม่ทันค่ะ


Pages: [1] 2 3 ... 108