This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
31
ข่าวบันเทิง / ฮอต! ไม่ตก สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011
« on: June 03, 2011, 03:58:05 PM »
ฮอต! ไม่ตก สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011
แฟนคลับร่วมสนุกแบบไม่ยั้งในโรดโชว์ สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011 จัดโดย สยามบันเทิง นสพ.บันเทิงที่มีผู้อ่านสูงสุดในเครือ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โรดโชว์ที่รวมเรื่องบันเทิง ที่ได้เหล่าดารา นักแสดงชื่อดัง มาร่วมเจาะลึก ทุกเรื่องเด็ด ประเด็นร้อน โดยนักข่าวฝีปากกล้าจากนสพ.สยามบันเทิงกันอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดจัดโรดโชว์กันไปแล้วที่ห้างสรรพสินค้า ดิจิตอลเกตเวย์ ชั้น1 บรรยากาศในครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเหล่าแฟนคลับที่มาร่วมเล่นเกมกิจกรรมจากบูทผู้สนับสนุน อาทิ พาราแคพ, จัสโมเดิร์น, Scacare,Cool Tea, Jula herb, Sunway, Cherilon, Lesasha ให้ช็อปปิ้งในราคาพิเศษ ที่ขนมาให้แฟนๆ นสพ.สยามบันเทิงได้เลือกสรรอย่างมากมาย พร้อมจับรางวัลลุ้นของที่ระลึกในช่วง Lucky Draw
พบปะดาราชื่อดัง แอร์ สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก ดาราน่ารัก สดใส มาร่วมพูดคุยใกล้ชิดให้แฟนๆได้หายคิดถึง
ครั้งต่อไปห้ามพลาด! มาเก็บเกี่ยวความบันเทิงกันอีกครั้ง และพบปะดารา ศิลปินคนโปรด พร้อมอัพเดททุกเรื่องราวประเด็นข่าวคนดัง! รับรองไม่ตกเทรนได้ที่เดียวกับ สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011 ในวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 54 ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ฟิวฟิช ชั้น 3 พบกับ ซูซี่ สุษิรา และในวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 54 เซ็นทรัลพลาซา พระราม2 โถงลิฟท์แก้ว ชั้น1 พบกับ เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป การันตีความสนุกโดยนสพ.สยามบันเทิง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง โทรศัพท์. 02-508-8183 และติดตามกำหนดการโรดโชว์ได้ทางหนังสือพิมพ์สยามบันเทิงหรือ www.sbt.co.th
แฟนคลับร่วมสนุกแบบไม่ยั้งในโรดโชว์ สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011 จัดโดย สยามบันเทิง นสพ.บันเทิงที่มีผู้อ่านสูงสุดในเครือ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โรดโชว์ที่รวมเรื่องบันเทิง ที่ได้เหล่าดารา นักแสดงชื่อดัง มาร่วมเจาะลึก ทุกเรื่องเด็ด ประเด็นร้อน โดยนักข่าวฝีปากกล้าจากนสพ.สยามบันเทิงกันอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดจัดโรดโชว์กันไปแล้วที่ห้างสรรพสินค้า ดิจิตอลเกตเวย์ ชั้น1 บรรยากาศในครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเหล่าแฟนคลับที่มาร่วมเล่นเกมกิจกรรมจากบูทผู้สนับสนุน อาทิ พาราแคพ, จัสโมเดิร์น, Scacare,Cool Tea, Jula herb, Sunway, Cherilon, Lesasha ให้ช็อปปิ้งในราคาพิเศษ ที่ขนมาให้แฟนๆ นสพ.สยามบันเทิงได้เลือกสรรอย่างมากมาย พร้อมจับรางวัลลุ้นของที่ระลึกในช่วง Lucky Draw
พบปะดาราชื่อดัง แอร์ สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก ดาราน่ารัก สดใส มาร่วมพูดคุยใกล้ชิดให้แฟนๆได้หายคิดถึง
ครั้งต่อไปห้ามพลาด! มาเก็บเกี่ยวความบันเทิงกันอีกครั้ง และพบปะดารา ศิลปินคนโปรด พร้อมอัพเดททุกเรื่องราวประเด็นข่าวคนดัง! รับรองไม่ตกเทรนได้ที่เดียวกับ สยามบันเทิง MEET THE STARS ROADSHOW 2011 ในวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 54 ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ฟิวฟิช ชั้น 3 พบกับ ซูซี่ สุษิรา และในวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 54 เซ็นทรัลพลาซา พระราม2 โถงลิฟท์แก้ว ชั้น1 พบกับ เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป การันตีความสนุกโดยนสพ.สยามบันเทิง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง โทรศัพท์. 02-508-8183 และติดตามกำหนดการโรดโชว์ได้ทางหนังสือพิมพ์สยามบันเทิงหรือ www.sbt.co.th
32
ข่าวบันเทิง / San Mig Light ร่วมกับ นสพ.สยามบันเทิง ชวนสาวฟิตเฟิร์มสมัครด่วน FIT&FIRM BUDDY
« on: June 03, 2011, 03:57:05 PM »
San Mig Light ร่วมกับ นสพ.สยามบันเทิง ชวนสาวฟิตเฟิร์มสมัครด่วน FIT&FIRM BUDDY SEARCH 2011
หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการประกวดหนุ่มหล่อรูปร่างฟิต&เฟิร์มแคมเปญ SAN MIG LIGHT FIT&FIRM GUY SEARCH 2010 ล่าสุด San Mig Light โดย บริษัท ซานมิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ นสพ. สยามบันเทิง นสพ.บันเทิงที่มีผู้อ่านสูงสุดในเครือ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด สานต่อความสำเร็จเปิดแคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 ปีที่ 2 พร้อมเพิ่มดีกรีความร้อนแรงครั้งแรก! ของเมืองไทยค้นหาสาวฟิตเฟิร์มจับคู่เป็น Buddy กับหนุ่มฟิตแอนด์เฟิร์ม เปิดประเดิม! รับสมัครค้นหาสาวฟิตเฟิร์ม! ก่อนใคร! ในวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายนนี้!
San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 เวทีที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวที่มีรูปร่างฟิต & เฟิร์มได้ประชันความสามารถกันบนเวทีแห่งนี้ ขอย้ำ! ถึงสาวฟิตเฟิร์มคนไหนรู้ตัวว่าอายุ 20-28 ปี สูง 160 ซม.ขึ้นไป มีความมั่นใจในรูปร่าง สรีระฟิตเฟิร์ม เฮฮารักปาร์ตี้และชื่นชอบแฮงค์เอ้าต์ อย่าพลาดยื่นใบสมัครพร้อมรูปถ่ายขนาด 4x6 นิ้ว จำนวน 2 รูป และสำเนาบัตรประชาชน คัดเลือกรอบแรกเพียง 10 คนสุดท้ายในวันวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2554 เวลา 10.00 น .-15.00 น. ที่ สตูดิโอ 3 บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
โดยทั้ง 10 สาวฟิตเฟิร์มที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์แคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 เพื่อตามหา Buddy รู้ใจใน 10 สถานที่สุดมันส์ คู่ที่ชนะเลิศจากแคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 จะได้รับรางวัลเงินสดกว่า 100,000 บาท และโอกาสถ่ายแบบแฟชั่นโชว์หุ่นเฟิร์มบนนิตยสารชั้นนำ
อย่ารอช้า! มาเข้าร่วมประสบการณ์และประชันความสามารถ เป็น 1 ใน 10 สาวฟิตเฟิร์ม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นสพ. สยามบันเทิง www.sbt.co.th/fit&firmbuddy2011 หรือ โทร. 02-508-8183
หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการประกวดหนุ่มหล่อรูปร่างฟิต&เฟิร์มแคมเปญ SAN MIG LIGHT FIT&FIRM GUY SEARCH 2010 ล่าสุด San Mig Light โดย บริษัท ซานมิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ นสพ. สยามบันเทิง นสพ.บันเทิงที่มีผู้อ่านสูงสุดในเครือ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด สานต่อความสำเร็จเปิดแคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 ปีที่ 2 พร้อมเพิ่มดีกรีความร้อนแรงครั้งแรก! ของเมืองไทยค้นหาสาวฟิตเฟิร์มจับคู่เป็น Buddy กับหนุ่มฟิตแอนด์เฟิร์ม เปิดประเดิม! รับสมัครค้นหาสาวฟิตเฟิร์ม! ก่อนใคร! ในวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายนนี้!
San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 เวทีที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวที่มีรูปร่างฟิต & เฟิร์มได้ประชันความสามารถกันบนเวทีแห่งนี้ ขอย้ำ! ถึงสาวฟิตเฟิร์มคนไหนรู้ตัวว่าอายุ 20-28 ปี สูง 160 ซม.ขึ้นไป มีความมั่นใจในรูปร่าง สรีระฟิตเฟิร์ม เฮฮารักปาร์ตี้และชื่นชอบแฮงค์เอ้าต์ อย่าพลาดยื่นใบสมัครพร้อมรูปถ่ายขนาด 4x6 นิ้ว จำนวน 2 รูป และสำเนาบัตรประชาชน คัดเลือกรอบแรกเพียง 10 คนสุดท้ายในวันวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2554 เวลา 10.00 น .-15.00 น. ที่ สตูดิโอ 3 บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
โดยทั้ง 10 สาวฟิตเฟิร์มที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์แคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 เพื่อตามหา Buddy รู้ใจใน 10 สถานที่สุดมันส์ คู่ที่ชนะเลิศจากแคมเปญ San Mig Light Fit&Firm Buddy Search 2011 จะได้รับรางวัลเงินสดกว่า 100,000 บาท และโอกาสถ่ายแบบแฟชั่นโชว์หุ่นเฟิร์มบนนิตยสารชั้นนำ
อย่ารอช้า! มาเข้าร่วมประสบการณ์และประชันความสามารถ เป็น 1 ใน 10 สาวฟิตเฟิร์ม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นสพ. สยามบันเทิง www.sbt.co.th/fit&firmbuddy2011 หรือ โทร. 02-508-8183
33
news & activity / เปิดตัวธุรกิจใหม่ “My Bag Spa Thailand” “สปากระเป๋า” แห่งแรกในประเทศไทย
« on: June 03, 2011, 03:56:03 PM »
เปิดตัวธุรกิจใหม่ “My Bag Spa Thailand” “สปากระเป๋า” แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นสาขาที่ 5 ของโลก
“My Bag Spa” ธุรกิจบริการดูแลคืนชีวิตให้แก่กระเป๋า รองเท้า แบรนด์เนม อันเป็นของรัก ของหวง ให้ดูสวยและใหม่อยู่เสมอ พร้อมเปิดตัวแล้วในประเทศไทย ด้วยคุณภาพการันตรีมาตรฐานเดียวกัน 5 สาขาทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าไฮน์เอ็นด์ ที่มีเวลาจำกัด ในการเป็นผู้ช่วยดูแลแอสแซสโซรี่แบรนด์หรู ในประเทศไทยทุ่มงบประมาณหลายล้านบาท ตั้งเป้ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกว่า 10,000 คนต่อปี มุ่งหวังสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต
นางสาวรณันธร พลชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มายแบ็คสปา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ My Bag Spa ได้รับการสืบทอดมาจากประเทศอเมริกา ผู้ก่อตั้งได้สั่งสมประสบการณ์ในการดูแลกระเป๋ากว่า 100,000 ใบ จึงสามารถการันตรีได้ถึงความรู้และประสบการณ์ในทุกประเภทของวัสดุกระเป๋า วิธีการการดูแลกระเป๋า และเทคนิคต่างๆ ในการดูแลกระเป๋า และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานนี้ทำให้ My Bag Spa ได้พัฒนาเทคนิคในการดูแลกระเป๋าและได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นจากที่ทางเราหลงรักกระเป๋าถือ และหวังว่าเราจะสามารถรักษากระเป๋าให้ดูใหม่เสมอ จากนั้นได้มีโอกาสใช้บริการ My Bag Spa ที่ประเทศสิงค์โปรซึ่งทำให้เราประหลาดใจในความสามารถคืนชีวิตให้กับกระเป๋าดูเหมือนใหม่และสะอาดอย่างมาก ทำให้เราคิดว่าน่าจะนำความพิเศษนี้กลับมาที่ประเทศไทย จึงตัดสินใจเปิดบริการ My Bag Spa ในประเทศไทยขึ้น”
“โดยปัจจุบัน My Bag Spa เปิดบริการทั้งสิ้น 5 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ดูไบ และ สาขาใหม่ล่าสุด ที่ประเทศไทย โดยมีมาตรฐานการให้บริการเดียวกันในการเน้นย้ำเรื่องคุณภาพ ให้ความสำคัญใส่ใจดูแลกระเป๋าแต่ละใบอย่างพิเศษที่สุด ซึ่งลูกค้าหลักๆ คือ กลุ่มสุภาพสตรีที่มีกระเป๋า แบรนด์เนม และ กลุ่มร้านค้าสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนม ต่างให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของการบริการ ซึ่งโอกาสทางตลาดของประเทศถือว่ามีศักยภาพค่อนข้างสูง เนื่องด้วยกำลังการซื้อของกระเป๋าแบรนด์เนมเพิ่มขึ้นอย่างสูงทุกๆ ปี อีกทั้งพฤติกรรมในการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยมีแนวโน้มที่จะมีกระเป๋า แบรนด์เนมมากกว่า 1 ใบขึ้นไป ซึ่งความต้องการในการดูแลกระเป๋าก็จะมากตามไปด้วย”
นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ประธานกรรมการฝ่ายการตลาดบริษัท มายแบ็คสปา (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของ My Bag Spa ในประเทศไทยนั้น เราจะเน้นกลยุทธ์การตลาดของ word-of-mouth โดยจะสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในการบริการของเรา เพื่อให้ลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการของเราอีกและสามารถบอกต่อไปยังลูกค้าคนสนิทอื่นๆ ให้ลองเข้ามาใช้บริการของเรา โดยเราตั้งเป้าหมายในการบริการไว้ว่าจะทำให้กระเป๋าของลูกค้ากลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง โดยเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุดที่จะดูแลกระเป๋าแต่ละแบบ แต่ละใบ ตามปัญหาที่พบ บนวัสดุแต่ละแบบเพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าของลูกค้าจะกลับมาสวยเหมือนใหม่โดยไม่มีผลข้าง เคียงต่อกระเป๋า นอกจากนี้กระเป๋าแบรนด์เนมมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ทุกฤดู เราจึงต้องศึกษา พัฒนาและวิจัยอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ทันกับกระเป๋าเทรนด์ใหม่ๆ
“โดยการบริการของ My Bag Spa ประกอบไปด้วยการให้บริการดูและกระเป๋าแบบครบวงจร เรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาและให้คำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลคราบสกปรก กระเป๋าเปลี่ยนสี สีตก ฉีกขาด เลอะหมึก เกิดเชื้อรา มีกลิ่นอับและอีกมากมาย ตัวอย่างบริการหลักได้แก่ การทำความสะอาดและขจัดคราบ (Cleaning & Stain removal) เหมาะสำหรับกระเป๋าที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีฝุ่นหรือคราบสกปรกติดบนผิว ทั้งคราบที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือความสกปรกที่เป็นต้นเหตุให้กระเป๋าดูหมองคล้ำลง มายแบ็คสปามีเทคนิคและผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก โดยสามารถดึงดูดเศษผง ฝุ่น และคราบสกปรกออกมาได้จากภายใน จึงทำให้กระเป๋าของคุณสะอาดอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นก็จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังด้วยมอยซ์เจอไรซ์เซอร์สูตรของมายแบ็คสปาเพื่อให้กระเป๋าของคุณ สะอาด สดชื่น สีดูสดใส ดูดีจากภายในสู่ภายนอก คัลเลอร์ เรสตอเรชั่น (Color Restoration) การฟื้นฟูสีกระเป๋าก็จะเป็นทางเลือกที่จะทำให้กระเป๋าดูเหมือนใหม่อีกครั้ง ชายน์เรสตอเรชั่น (Shine Restoration) ทรีทเม้นท์นี้จะคืนความสดใสและความเงางามให้กับหนังที่ซีด Leather Finish & Color Revitalize เคลือบป้องกันหนังและคืนความสดใสให้สี Disinfect การฆ่าเชื้อรา Water & Stain Protection การเคลือบป้องกันน้ำและคราบ Edge, Scratch & Tear Repair ซ่อมรอยข่วน ฉีกขาดและขอบกระเป๋าที่ฉีกขาด” สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของ My Bag Spa ประเทศไทยนั้น ในระยะสั้นเราตั้งเป้าในการสร้าง แบรนด์ให้เป็นที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าถึงคุณภาพในการบริการที่ดีเยี่ยมในอนาคตข้างหน้าเราวางแผนจะขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นางสาวอนรรฆวี กล่าวสรุป
“My Bag Spa” ธุรกิจบริการดูแลคืนชีวิตให้แก่กระเป๋า รองเท้า แบรนด์เนม อันเป็นของรัก ของหวง ให้ดูสวยและใหม่อยู่เสมอ พร้อมเปิดตัวแล้วในประเทศไทย ด้วยคุณภาพการันตรีมาตรฐานเดียวกัน 5 สาขาทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าไฮน์เอ็นด์ ที่มีเวลาจำกัด ในการเป็นผู้ช่วยดูแลแอสแซสโซรี่แบรนด์หรู ในประเทศไทยทุ่มงบประมาณหลายล้านบาท ตั้งเป้ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกว่า 10,000 คนต่อปี มุ่งหวังสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต
นางสาวรณันธร พลชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มายแบ็คสปา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ My Bag Spa ได้รับการสืบทอดมาจากประเทศอเมริกา ผู้ก่อตั้งได้สั่งสมประสบการณ์ในการดูแลกระเป๋ากว่า 100,000 ใบ จึงสามารถการันตรีได้ถึงความรู้และประสบการณ์ในทุกประเภทของวัสดุกระเป๋า วิธีการการดูแลกระเป๋า และเทคนิคต่างๆ ในการดูแลกระเป๋า และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานนี้ทำให้ My Bag Spa ได้พัฒนาเทคนิคในการดูแลกระเป๋าและได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นจากที่ทางเราหลงรักกระเป๋าถือ และหวังว่าเราจะสามารถรักษากระเป๋าให้ดูใหม่เสมอ จากนั้นได้มีโอกาสใช้บริการ My Bag Spa ที่ประเทศสิงค์โปรซึ่งทำให้เราประหลาดใจในความสามารถคืนชีวิตให้กับกระเป๋าดูเหมือนใหม่และสะอาดอย่างมาก ทำให้เราคิดว่าน่าจะนำความพิเศษนี้กลับมาที่ประเทศไทย จึงตัดสินใจเปิดบริการ My Bag Spa ในประเทศไทยขึ้น”
“โดยปัจจุบัน My Bag Spa เปิดบริการทั้งสิ้น 5 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ดูไบ และ สาขาใหม่ล่าสุด ที่ประเทศไทย โดยมีมาตรฐานการให้บริการเดียวกันในการเน้นย้ำเรื่องคุณภาพ ให้ความสำคัญใส่ใจดูแลกระเป๋าแต่ละใบอย่างพิเศษที่สุด ซึ่งลูกค้าหลักๆ คือ กลุ่มสุภาพสตรีที่มีกระเป๋า แบรนด์เนม และ กลุ่มร้านค้าสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนม ต่างให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของการบริการ ซึ่งโอกาสทางตลาดของประเทศถือว่ามีศักยภาพค่อนข้างสูง เนื่องด้วยกำลังการซื้อของกระเป๋าแบรนด์เนมเพิ่มขึ้นอย่างสูงทุกๆ ปี อีกทั้งพฤติกรรมในการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยมีแนวโน้มที่จะมีกระเป๋า แบรนด์เนมมากกว่า 1 ใบขึ้นไป ซึ่งความต้องการในการดูแลกระเป๋าก็จะมากตามไปด้วย”
นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ประธานกรรมการฝ่ายการตลาดบริษัท มายแบ็คสปา (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของ My Bag Spa ในประเทศไทยนั้น เราจะเน้นกลยุทธ์การตลาดของ word-of-mouth โดยจะสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในการบริการของเรา เพื่อให้ลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการของเราอีกและสามารถบอกต่อไปยังลูกค้าคนสนิทอื่นๆ ให้ลองเข้ามาใช้บริการของเรา โดยเราตั้งเป้าหมายในการบริการไว้ว่าจะทำให้กระเป๋าของลูกค้ากลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง โดยเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุดที่จะดูแลกระเป๋าแต่ละแบบ แต่ละใบ ตามปัญหาที่พบ บนวัสดุแต่ละแบบเพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าของลูกค้าจะกลับมาสวยเหมือนใหม่โดยไม่มีผลข้าง เคียงต่อกระเป๋า นอกจากนี้กระเป๋าแบรนด์เนมมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ทุกฤดู เราจึงต้องศึกษา พัฒนาและวิจัยอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ทันกับกระเป๋าเทรนด์ใหม่ๆ
“โดยการบริการของ My Bag Spa ประกอบไปด้วยการให้บริการดูและกระเป๋าแบบครบวงจร เรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาและให้คำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลคราบสกปรก กระเป๋าเปลี่ยนสี สีตก ฉีกขาด เลอะหมึก เกิดเชื้อรา มีกลิ่นอับและอีกมากมาย ตัวอย่างบริการหลักได้แก่ การทำความสะอาดและขจัดคราบ (Cleaning & Stain removal) เหมาะสำหรับกระเป๋าที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีฝุ่นหรือคราบสกปรกติดบนผิว ทั้งคราบที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือความสกปรกที่เป็นต้นเหตุให้กระเป๋าดูหมองคล้ำลง มายแบ็คสปามีเทคนิคและผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก โดยสามารถดึงดูดเศษผง ฝุ่น และคราบสกปรกออกมาได้จากภายใน จึงทำให้กระเป๋าของคุณสะอาดอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นก็จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังด้วยมอยซ์เจอไรซ์เซอร์สูตรของมายแบ็คสปาเพื่อให้กระเป๋าของคุณ สะอาด สดชื่น สีดูสดใส ดูดีจากภายในสู่ภายนอก คัลเลอร์ เรสตอเรชั่น (Color Restoration) การฟื้นฟูสีกระเป๋าก็จะเป็นทางเลือกที่จะทำให้กระเป๋าดูเหมือนใหม่อีกครั้ง ชายน์เรสตอเรชั่น (Shine Restoration) ทรีทเม้นท์นี้จะคืนความสดใสและความเงางามให้กับหนังที่ซีด Leather Finish & Color Revitalize เคลือบป้องกันหนังและคืนความสดใสให้สี Disinfect การฆ่าเชื้อรา Water & Stain Protection การเคลือบป้องกันน้ำและคราบ Edge, Scratch & Tear Repair ซ่อมรอยข่วน ฉีกขาดและขอบกระเป๋าที่ฉีกขาด” สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของ My Bag Spa ประเทศไทยนั้น ในระยะสั้นเราตั้งเป้าในการสร้าง แบรนด์ให้เป็นที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าถึงคุณภาพในการบริการที่ดีเยี่ยมในอนาคตข้างหน้าเราวางแผนจะขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นางสาวอนรรฆวี กล่าวสรุป
34
news & activity / ธอส.จับมือจีเอ็มกรุ๊ป จัดประกวดออกแบบ “บ้านพอดี” ดึงนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ
« on: June 03, 2011, 03:52:49 PM »
ธอส.จับมือจีเอ็มกรุ๊ป จัดประกวดออกแบบ “บ้านพอดี” ดึงนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศร่วมส่งผลงานชิงทุนการศึกษารวม 440,000 บาท
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ร่วมกับนิตยสาร Home & Decor ในเครือ GM กรุ๊ป จัดประกวดออกแบบ “บ้านพอดี กับ ธอส.” เปิดโอกาสนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศร่วมชิงชัย มุ่งเน้นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในด้านการออกแบบบ้านที่พอเพียงเข้ากับสภาพแวดล้อม พฤติกรรมการอยู่อาศัย และประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ในอนาคต ชิงเงินทุนการศึกษา รวม 440,000 บาท
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ธนาคารฯ จึงขอน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน เพื่อให้พสกนิกรดำเนินชีวิตบนทางสายกลางอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อการดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน และในฐานะที่ ธอส.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองตามอัตภาพ โดยการจัดทำโครงการประกวดออกแบบ “บ้านพอดีกับ ธอส.” เป็นโครงการที่ได้ร่วมกับภาคเอกชนคือ บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาทักษะด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ให้กับนิสิตนักศึกษา รวมทั้งการสนับสนุนและยกระดับสังคมเยาวชนไทยให้มีศักยภาพพร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ในการแข่งขันระดับประเทศ โดยการจัดการประกวดดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้กับนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ผู้มีความสนใจในเรื่องของการออกแบบสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้
สำหรับโครงการประกวดออกแบบ “บ้านพอดีกับ ธอส.” จะเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่สนใจด้านการออกแบบโดยไม่จำกัดคณะหรือสาขาวิชา ผู้เข้าประกวดสามารถส่งผลงานได้ทั้งในแบบเดี่ยว หรือผลงานกลุ่ม (ไม่เกิน 3 คน) ลักษณะการออกแบบมุ่งเน้นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “อยู่ร่วมกันด้วยความพอเพียงและประหยัดพลังงาน” โดยผู้เข้าประกวดต้องออกแบบบ้านในลักษณะบ้านเดี่ยวโดยมีพื้นที่ก่อสร้างไม่เกิน 40 ตารางวา รองรับสมาชิกผู้อยู่อาศัยเป็นครอบครัวขนาดกลางจำนวน 3-4 คน และจำกัดงบประมาณในการก่อสร้างไม่เกิน 1 ล้านบาท พร้อมทั้งบ้านจะต้องมีคุณภาพสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยมีการเลือกใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเหมาะสม ประหยัดพลังงาน และจะต้องเป็นแนวคิด การนำเสนอรูปแบบที่ไม่เคยมีการนําเสนอที่ใดมาก่อน
“เราเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 15 สิงหาคม 2554 โดยผู้เข้าประกวดสามารถดูรายละเอียดได้ที่ banpordee.gmlive.com หรือ โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0 2241 8000 ต่อ 463,521 สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบหลัก ๆ คือ รอบคัดเลือกและรอบตัดสิน โดยในรอบตัดสินจะคัดผลงานให้เหลือเพียง 12 ผลงาน และให้ผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 12 ผลงาน นำเสนอผลงานอย่างละเอียด พร้อมการซักถามจากคณะกรรมการตัดสิน หลังจากนั้นจะมีการประกาศผลผู้ชนะเลิศในวันที่ 20 กันยายน 2554” นายวรวิทย์ กล่าว นายวรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการประกวดในครั้งนี้ ทางธนาคารฯ มีรางวัลทุนการศึกษาสำหรับนิสิตนักศึกษา รวมทั้งสิ้น 440,000 บาท โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนิสิตนักศึกษาทุกสถาบันทั่วประเทศเป็นอย่างดี เนื่องจาก ทาง ธอส. และ จีเอ็มกรุ๊ป มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งในส่วนของ ไดเร็คเมลล์ เว็บไซต์ สื่อทางด้าน Social Network รวมถึงสื่ออื่น ๆ ของธนาคารฯ และสื่อในเครือของจีเอ็มทั้งหมด
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ร่วมกับนิตยสาร Home & Decor ในเครือ GM กรุ๊ป จัดประกวดออกแบบ “บ้านพอดี กับ ธอส.” เปิดโอกาสนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศร่วมชิงชัย มุ่งเน้นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในด้านการออกแบบบ้านที่พอเพียงเข้ากับสภาพแวดล้อม พฤติกรรมการอยู่อาศัย และประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ในอนาคต ชิงเงินทุนการศึกษา รวม 440,000 บาท
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ธนาคารฯ จึงขอน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน เพื่อให้พสกนิกรดำเนินชีวิตบนทางสายกลางอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อการดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน และในฐานะที่ ธอส.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองตามอัตภาพ โดยการจัดทำโครงการประกวดออกแบบ “บ้านพอดีกับ ธอส.” เป็นโครงการที่ได้ร่วมกับภาคเอกชนคือ บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาทักษะด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ให้กับนิสิตนักศึกษา รวมทั้งการสนับสนุนและยกระดับสังคมเยาวชนไทยให้มีศักยภาพพร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ในการแข่งขันระดับประเทศ โดยการจัดการประกวดดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้กับนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ผู้มีความสนใจในเรื่องของการออกแบบสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้
สำหรับโครงการประกวดออกแบบ “บ้านพอดีกับ ธอส.” จะเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่สนใจด้านการออกแบบโดยไม่จำกัดคณะหรือสาขาวิชา ผู้เข้าประกวดสามารถส่งผลงานได้ทั้งในแบบเดี่ยว หรือผลงานกลุ่ม (ไม่เกิน 3 คน) ลักษณะการออกแบบมุ่งเน้นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “อยู่ร่วมกันด้วยความพอเพียงและประหยัดพลังงาน” โดยผู้เข้าประกวดต้องออกแบบบ้านในลักษณะบ้านเดี่ยวโดยมีพื้นที่ก่อสร้างไม่เกิน 40 ตารางวา รองรับสมาชิกผู้อยู่อาศัยเป็นครอบครัวขนาดกลางจำนวน 3-4 คน และจำกัดงบประมาณในการก่อสร้างไม่เกิน 1 ล้านบาท พร้อมทั้งบ้านจะต้องมีคุณภาพสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยมีการเลือกใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเหมาะสม ประหยัดพลังงาน และจะต้องเป็นแนวคิด การนำเสนอรูปแบบที่ไม่เคยมีการนําเสนอที่ใดมาก่อน
“เราเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 15 สิงหาคม 2554 โดยผู้เข้าประกวดสามารถดูรายละเอียดได้ที่ banpordee.gmlive.com หรือ โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0 2241 8000 ต่อ 463,521 สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบหลัก ๆ คือ รอบคัดเลือกและรอบตัดสิน โดยในรอบตัดสินจะคัดผลงานให้เหลือเพียง 12 ผลงาน และให้ผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 12 ผลงาน นำเสนอผลงานอย่างละเอียด พร้อมการซักถามจากคณะกรรมการตัดสิน หลังจากนั้นจะมีการประกาศผลผู้ชนะเลิศในวันที่ 20 กันยายน 2554” นายวรวิทย์ กล่าว นายวรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการประกวดในครั้งนี้ ทางธนาคารฯ มีรางวัลทุนการศึกษาสำหรับนิสิตนักศึกษา รวมทั้งสิ้น 440,000 บาท โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนิสิตนักศึกษาทุกสถาบันทั่วประเทศเป็นอย่างดี เนื่องจาก ทาง ธอส. และ จีเอ็มกรุ๊ป มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งในส่วนของ ไดเร็คเมลล์ เว็บไซต์ สื่อทางด้าน Social Network รวมถึงสื่ออื่น ๆ ของธนาคารฯ และสื่อในเครือของจีเอ็มทั้งหมด
35
news & activity / ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ 2011 ดับอุณหภูมิร้อนทุกองศา พร้อมเอาใจขาช้อปตัวจริง
« on: June 03, 2011, 03:51:59 PM »
ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ 2011 ดับอุณหภูมิร้อนทุกองศา พร้อมเอาใจขาช้อปตัวจริง ตั้งแต่ 17 มิ.ย.- 31 ส.ค. นี้
เทศกาลประจำปีอย่างฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ (Hong Kong Summer Spectacular 2011) พร้อมเปลี่ยนคิมหันตฤดูสุดแสนธรรมดาให้กลายเป็นซัมเมอร์แห่งความหฤหรรษ์ได้ง่ายๆ กับกิจกรรมช้อปกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ทุกคนรอคอย พร้อมสุดยอดความตื่นเต้นของการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติ และกิจกรรมรับซัมเมอร์อื่นๆอีกคับคั่ง ฮ่องกงที่ทุกคนรู้จักจะกลายเป็นมหานครแห่งความสนุก ภายใต้ธีมเทศกาล Hot Events. Cool Place. รอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสความสนุกได้ด้วยตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม ศกนี้
ฟิตร่างกายและเงินในกระเป๋าให้พร้อม แล้วเพลินกับโปรโมชั่นลดกระหน่ำราคาสินค้าทั่วฮ่องกง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม
ฮ่องกงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของโลก ด้วยความเป็นเมืองปลอดภาษี สินค้าแต่ละอย่างจึงมีราคาถูกเมื่อเทียบกับที่อื่น ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ นาฬิกาหรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทศกาลอย่างฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ เวียนมาบรรจบอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะแห่แหนมาทำกิจวัตรประจำปีร่วมกันที่นี่ นั่นคือ การมาออกกำลังขาและจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้การช้อปปิ้งในฮ่องกงสนุกและมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม บรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านขายสินค้าแบรนด์เนมดัง
บูทิค เสื้อผ้ามีสไตล์ ถนนสายแฟชั่นทั่วฮ่องกง จะพร้อมใจลดกระหน่ำราคาสินค้าขั้นสูงสุดเพื่อกระตุ้นต่อมช้อปโดยเฉพาะ งานนี้ขาช้อปตัวจริงห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ค้นหาแหล่งช้อปปิ้งให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ได้ที่ http://www.discoverhongkong.com/hkss/eng/html/shopping/index.html
และในช่วงปลายเดือนสิงหาคมระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม นี้ อย่าลืมส่งกำลังใจหรือแวะไปเชียร์คู่หูแฟชั่นนิสต้าตัวแทนประเทศไทยที่ผ่านการประกวดและคัดเลือกอย่างเข้มข้นในการเข้าร่วมการแข่งขัน Visa Go Hong Kong Super Shopper 2011 ในฮ่องกง โดยจัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักช้อปที่มีสไตล์ เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสามารถฝ่าด่านสุดหินจากคณะกรรมการกูรูด้านแฟชั่นไปได้ การแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นเครื่องตอกย้ำภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะมหานครแห่งการช้อปปิ้งและตำแหน่งผู้นำด้านอุตสาหกรรมแฟชั่นของเอเชียได้เป็นอย่างดี
ร่วมลุ้นและเชียร์ทีมโปรดของคุณไปกับการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติ หน้าร้อนนี้ อย่าพลาดชมการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติประจำปีที่มาพร้อมกับความตื่นเต้นชนิดที่ลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ การแข่งขันปีนี้จะจัดขึ้นริมอ่าววิคตอเรียด้านตะวันออก ระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน งานนี้จะคลาคล่ำไปด้วยกองเชียร์ทั้งชาวฮ่องกงและต่างชาติที่มาร่วมให้กำลังใจทีมโปรดของตนเองจากกว่า 180 ทีมทั่วโลก ทั้งทีมท้องถิ่นที่คัดเฉพาะฝีพายมือฉมังและทีมต่างประเทศที่รวบรวมมาแต่มืออาชีพ รวมพลังกันเคลื่อนพายตามจังหวะเสียงกลองด้วยจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันแต่ละรุ่น นอกจากนั้น ยังเป็นการรำลึกถึงการจากไปของ Qu Yuan รัฐมนตรีและนักประพันธ์ที่พลีชีพด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ Mi Lo เพื่อประท้วงการคอรัปชั่นของรัฐบาลเมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา
หลังจากลุ้นกันจนสุดตัวแล้ว นั่งพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายด้วยการจิบเบียร์เย็นๆ ที่ลานเบียร์ซาน มิเกล เสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มเย็นๆพร้อมบูธอาหารหลากหลายบริเวณสวนสาธารณะ UC Centenary Garden บริเวณเหล่านี้ยังถูกเนรมิตพื้นที่ให้เป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับคนชอบแดนซ์ให้ได้ปล่อยกายให้พลิ้วไหวไปกับดนตรีสนุกๆที่เข้ากับหน้าร้อน อย่าลืมลองเข้าร่วมการแข่งขันดื่มเบียร์ดูสักครั้งเพื่อเพิ่มดีกรีความสนุกในทริปครั้งนี้ด้วย
กิจกรรมเด่นจากแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในฮ่องกงรับซัมเมอร์ มีดังนี้
- ลานไควฟอง เบียร์เฟส (9 – 10 กรกฎาคม) แหล่งนัดพบสุดชิคของคนนอนดึก แปลงสภาพกลายเป็นลานเบียร์และแหล่งรวมอาหารอร่อยๆหลากประเภทเพื่อซัมเมอร์นี้โดยเฉพาะ
- เร่งสปีดความสนุกไปกับฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ ตลอดซัมเมอร์นี้ (10 มิถุนายน – 31 สิงหาคม)ประลองความเร็วไปกับ Lightning McQueen และผองเพื่อนจากภาพยนตร์ดิสนีย์อย่าง Cars 2 ที่จะพาคุณฝ่าความเร็ว ท่องเที่ยวและทานอาหารอร่อยๆไปทั่วโลก
- นองปิง 360 เส้าหลิน โชว์เคส 2011 (1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม) ชมการแสดงศิลปะป้องกันตัวจากปรมาจารย์วัดเส้าหลิน แล้วลองเข้าร่วมเวิร์คช็อปฝึกหัดท่ารำสักสองหรือสามกระบวนท่า เผื่อคุณจะได้ค้นพบความสามารถพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง!
- โอเชี่ยน ปาร์ค ซัมเมอร์ สแปลช 2011 (1 กรกฎาคม – 28 สิงหาคม) เซอร์ไพรส์ที่จะสร้างความประหลาดใจให้คุณ กับโซนป่าฝนที่การันตีความสนุกจนถึงขีดสุด นอกจากนั้น ยังมีสนามเด็กเล่นน้ำ Kung Fu Panda 2 Wild Wet Zone สำหรับคุณหนูๆโดยเฉพาะอีกด้วย
- ทำความรู้จักกับนักปล้ำจากบ่อโคลนที่ ฮ่องกง เวทแลนด์ พาร์ค (8 มิถุนายน – 29 สิงหาคม) พบกับความบันเทิงจากเหล่านักสู้อย่างแมงดาทะเลและปูก้ามดาบที่จะสร้างสีสันให้ซัมเมอร์นี้ พร้อมเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวสนุกๆจากเหล่าปูตัวน้อยแต่ก้ามใหญ่และรับของขวัญที่ระลึกฟรี
- สนุกสุดมันส์ไปกับคอนเสิร์ต ซัมเมอร์ ป็อป ไลฟ์ อิน ฮ่องกง (ปลายเดือนสิงหาคม) ฮ่องกง โคลีเซียม เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวฮ่องกงให้เข้ามามันส์กับคอนเสิร์ตซัมเมอร์ ป็อป ที่จัดเป็นประจำทุกปี วงดนตรีชื่อดังจะสลับหมุนเวียนกันขึ้นแสดงบนเวทีเพื่อให้ความบันเทิงแก่มวลชนคนรักเสียงเพลงตลอดทั้งคืน
สร้างสีสันให้ซัมเมอร์ปีนี้พิเศษและไม่เหมือนใครด้วยหลากหลายกิจกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งแบบไร้ขีดจำกัด เต็มอิ่มกับการฉลองทางวัฒนธรรมตามแบบฉบับฮ่องกง หรือเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเด่นที่จัดขึ้นรับหน้าร้อนนี้โดยเฉพาะ ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ 2011 จะทำให้ฮ่องกงที่ทุกคนรู้จักให้กลายเป็นมหานครระดับโลกที่ควรค่าแก่การมาเยือน รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับฮ่องกงก่อนใคร เพียงเข้าไปที่ www.DiscoverHongKong.com
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกง
โทร. 02233 4329/30 แฟกซ์ 02236 8030 อีเมล์ pr@francomasia.com
www.DiscoverHongKong.com
เทศกาลประจำปีอย่างฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ (Hong Kong Summer Spectacular 2011) พร้อมเปลี่ยนคิมหันตฤดูสุดแสนธรรมดาให้กลายเป็นซัมเมอร์แห่งความหฤหรรษ์ได้ง่ายๆ กับกิจกรรมช้อปกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ทุกคนรอคอย พร้อมสุดยอดความตื่นเต้นของการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติ และกิจกรรมรับซัมเมอร์อื่นๆอีกคับคั่ง ฮ่องกงที่ทุกคนรู้จักจะกลายเป็นมหานครแห่งความสนุก ภายใต้ธีมเทศกาล Hot Events. Cool Place. รอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสความสนุกได้ด้วยตัวเองแล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม ศกนี้
ฟิตร่างกายและเงินในกระเป๋าให้พร้อม แล้วเพลินกับโปรโมชั่นลดกระหน่ำราคาสินค้าทั่วฮ่องกง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม
ฮ่องกงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของโลก ด้วยความเป็นเมืองปลอดภาษี สินค้าแต่ละอย่างจึงมีราคาถูกเมื่อเทียบกับที่อื่น ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ นาฬิกาหรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทศกาลอย่างฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ เวียนมาบรรจบอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะแห่แหนมาทำกิจวัตรประจำปีร่วมกันที่นี่ นั่นคือ การมาออกกำลังขาและจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้การช้อปปิ้งในฮ่องกงสนุกและมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม บรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านขายสินค้าแบรนด์เนมดัง
บูทิค เสื้อผ้ามีสไตล์ ถนนสายแฟชั่นทั่วฮ่องกง จะพร้อมใจลดกระหน่ำราคาสินค้าขั้นสูงสุดเพื่อกระตุ้นต่อมช้อปโดยเฉพาะ งานนี้ขาช้อปตัวจริงห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ค้นหาแหล่งช้อปปิ้งให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ได้ที่ http://www.discoverhongkong.com/hkss/eng/html/shopping/index.html
และในช่วงปลายเดือนสิงหาคมระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม นี้ อย่าลืมส่งกำลังใจหรือแวะไปเชียร์คู่หูแฟชั่นนิสต้าตัวแทนประเทศไทยที่ผ่านการประกวดและคัดเลือกอย่างเข้มข้นในการเข้าร่วมการแข่งขัน Visa Go Hong Kong Super Shopper 2011 ในฮ่องกง โดยจัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักช้อปที่มีสไตล์ เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสามารถฝ่าด่านสุดหินจากคณะกรรมการกูรูด้านแฟชั่นไปได้ การแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นเครื่องตอกย้ำภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะมหานครแห่งการช้อปปิ้งและตำแหน่งผู้นำด้านอุตสาหกรรมแฟชั่นของเอเชียได้เป็นอย่างดี
ร่วมลุ้นและเชียร์ทีมโปรดของคุณไปกับการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติ หน้าร้อนนี้ อย่าพลาดชมการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติประจำปีที่มาพร้อมกับความตื่นเต้นชนิดที่ลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ การแข่งขันปีนี้จะจัดขึ้นริมอ่าววิคตอเรียด้านตะวันออก ระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน งานนี้จะคลาคล่ำไปด้วยกองเชียร์ทั้งชาวฮ่องกงและต่างชาติที่มาร่วมให้กำลังใจทีมโปรดของตนเองจากกว่า 180 ทีมทั่วโลก ทั้งทีมท้องถิ่นที่คัดเฉพาะฝีพายมือฉมังและทีมต่างประเทศที่รวบรวมมาแต่มืออาชีพ รวมพลังกันเคลื่อนพายตามจังหวะเสียงกลองด้วยจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันแต่ละรุ่น นอกจากนั้น ยังเป็นการรำลึกถึงการจากไปของ Qu Yuan รัฐมนตรีและนักประพันธ์ที่พลีชีพด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ Mi Lo เพื่อประท้วงการคอรัปชั่นของรัฐบาลเมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา
หลังจากลุ้นกันจนสุดตัวแล้ว นั่งพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายด้วยการจิบเบียร์เย็นๆ ที่ลานเบียร์ซาน มิเกล เสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มเย็นๆพร้อมบูธอาหารหลากหลายบริเวณสวนสาธารณะ UC Centenary Garden บริเวณเหล่านี้ยังถูกเนรมิตพื้นที่ให้เป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับคนชอบแดนซ์ให้ได้ปล่อยกายให้พลิ้วไหวไปกับดนตรีสนุกๆที่เข้ากับหน้าร้อน อย่าลืมลองเข้าร่วมการแข่งขันดื่มเบียร์ดูสักครั้งเพื่อเพิ่มดีกรีความสนุกในทริปครั้งนี้ด้วย
กิจกรรมเด่นจากแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในฮ่องกงรับซัมเมอร์ มีดังนี้
- ลานไควฟอง เบียร์เฟส (9 – 10 กรกฎาคม) แหล่งนัดพบสุดชิคของคนนอนดึก แปลงสภาพกลายเป็นลานเบียร์และแหล่งรวมอาหารอร่อยๆหลากประเภทเพื่อซัมเมอร์นี้โดยเฉพาะ
- เร่งสปีดความสนุกไปกับฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ ตลอดซัมเมอร์นี้ (10 มิถุนายน – 31 สิงหาคม)ประลองความเร็วไปกับ Lightning McQueen และผองเพื่อนจากภาพยนตร์ดิสนีย์อย่าง Cars 2 ที่จะพาคุณฝ่าความเร็ว ท่องเที่ยวและทานอาหารอร่อยๆไปทั่วโลก
- นองปิง 360 เส้าหลิน โชว์เคส 2011 (1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม) ชมการแสดงศิลปะป้องกันตัวจากปรมาจารย์วัดเส้าหลิน แล้วลองเข้าร่วมเวิร์คช็อปฝึกหัดท่ารำสักสองหรือสามกระบวนท่า เผื่อคุณจะได้ค้นพบความสามารถพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง!
- โอเชี่ยน ปาร์ค ซัมเมอร์ สแปลช 2011 (1 กรกฎาคม – 28 สิงหาคม) เซอร์ไพรส์ที่จะสร้างความประหลาดใจให้คุณ กับโซนป่าฝนที่การันตีความสนุกจนถึงขีดสุด นอกจากนั้น ยังมีสนามเด็กเล่นน้ำ Kung Fu Panda 2 Wild Wet Zone สำหรับคุณหนูๆโดยเฉพาะอีกด้วย
- ทำความรู้จักกับนักปล้ำจากบ่อโคลนที่ ฮ่องกง เวทแลนด์ พาร์ค (8 มิถุนายน – 29 สิงหาคม) พบกับความบันเทิงจากเหล่านักสู้อย่างแมงดาทะเลและปูก้ามดาบที่จะสร้างสีสันให้ซัมเมอร์นี้ พร้อมเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวสนุกๆจากเหล่าปูตัวน้อยแต่ก้ามใหญ่และรับของขวัญที่ระลึกฟรี
- สนุกสุดมันส์ไปกับคอนเสิร์ต ซัมเมอร์ ป็อป ไลฟ์ อิน ฮ่องกง (ปลายเดือนสิงหาคม) ฮ่องกง โคลีเซียม เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวฮ่องกงให้เข้ามามันส์กับคอนเสิร์ตซัมเมอร์ ป็อป ที่จัดเป็นประจำทุกปี วงดนตรีชื่อดังจะสลับหมุนเวียนกันขึ้นแสดงบนเวทีเพื่อให้ความบันเทิงแก่มวลชนคนรักเสียงเพลงตลอดทั้งคืน
สร้างสีสันให้ซัมเมอร์ปีนี้พิเศษและไม่เหมือนใครด้วยหลากหลายกิจกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งแบบไร้ขีดจำกัด เต็มอิ่มกับการฉลองทางวัฒนธรรมตามแบบฉบับฮ่องกง หรือเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเด่นที่จัดขึ้นรับหน้าร้อนนี้โดยเฉพาะ ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปคทาคูลาร์ 2011 จะทำให้ฮ่องกงที่ทุกคนรู้จักให้กลายเป็นมหานครระดับโลกที่ควรค่าแก่การมาเยือน รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับฮ่องกงก่อนใคร เพียงเข้าไปที่ www.DiscoverHongKong.com
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกง
โทร. 02233 4329/30 แฟกซ์ 02236 8030 อีเมล์ pr@francomasia.com
www.DiscoverHongKong.com
36
news & activity / เทคโนโลยีเอชพี สานฝันดรีมเวิร์คส์ ต่อยอด “Kung Fu Panda 2” ภาพยนตร์แอนิเมชั่น
« on: June 03, 2011, 03:50:34 PM »
เทคโนโลยีเอชพี สานฝันดรีมเวิร์คส์ ต่อยอด “Kung Fu Panda 2” ภาพยนตร์แอนิเมชั่นความคิดสร้างสรรค์ไม่รู้จบ
เอชพี และดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น เอสเคจี อิงค์. (Nasdaq: DWA) เดินหน้าความร่วมมือครั้งสำคัญของวงการบันเทิงระดับโลกอีกครั้งกับภาพยนตร์การ์ตูนแอ็คชั่น 3 มิติ เรื่อง “Kung Fu Panda 2” ที่เข้าโรงภายแล้ววันนี้
สำหรับการสร้างสรรรค์ผลงานเรื่องเยี่ยม ทีมงานศิลปินจากดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ HP Z800 Workstations อันทรงพลังในการสรรค์สร้างองค์ประกอบในทุกจุดของภาพยนตร์ตั้งแต่สายน้ำไหล และทุ่งหญ้าเขียวขจี ไปจนถึงฉากบู๊แอ็คชั่นที่มีตัวละครกังฟูนับพัน
เป็นเวลานานกว่าทศวรรษแล้วที่เอชพีได้ร่วมกับดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น มาอย่างต่อเนื่อง ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ช่วยในการชุบชีวิตให้กับแอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจำนวนมาก อาทิ “Shrek,“ “How to Train Your Dragon,” “Megamind,” “Kung Fu Panda” และล่าสุดกับ “Kung Fu Panda 2.”
ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง โป ที่เดินตามความฝันก้าวขึ้นเป็นนักรบมังกร ทำหน้าที่ปกป้องหุบเขาสันติ กับผองเพื่อน และห้าผู้พิทักษ์ ปรมาจารย์กังฟู โดยที่ชีวิตใหม่ที่แสนเจ๋งของโปกำลังถูกคุกคามจากเหล่ามารร้าย ที่หมายปองจะใช้อาวุธลับร้ายแรงเข้าจู่โจมประเทศจีน และทำลายล้างวิชากังฟูให้สิ้นซาก ซึ่งโปต้องค้นหาอดีตที่มาของตนเอง เพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นของตนออกมาได้อย่างเต็มพลัง
ทั้งนี้ เวิร์คสเตชั่นเปี่ยมประสิทธิภาพของเอชพีได้รับการตั้งค่าให้สามารถรองรับการทำงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และต้องการการใช้งานอย่างเต็มพิกัด สำหรับทีมงานสร้างสรรค์ของดรีมเวิร์คส์แอนิเมชั่นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ HP Z800 Workstations สามารถทำงานด้านการประมวลผลแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้เร็วกว่ารุ่นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ถึงร้อยละ 50 อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากสตูดิโอแอนิเมชั่นจำนวนมากทั่วทุกมุมโลก จากความสามารถอันทรงพลังของอินเทล โปรเซสเซอร์ หน่วยความจำ และออปชั่นไดรฟ์ต่าง ๆ ล้วนทำให้ศิลปินสามารถทำการสร้างสรรค์ผลงานหลาย ๆ ฉากที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดมากกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย
นอกจากนี้ หลากหลายความคิดสร้างสรรค์ไร้ขอบเขตของภาพยนตร์แอนิมชั่น ‘Kung Fu Panda 2’ ยังเป็นตัวการผลักดันให้ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น ในการสรรหาเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ดีที่สุด เพื่อปลดปล่อยจินตนาการให้มาโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชม โดยเหล่าตัวละครเอกของเรื่องถือเป็นตัวละครที่มีรายละเอียด มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างสรรค์มา นอกจากนี้ฉากต่าง ๆ ภายในเรื่องยังมีความละเอียดและมีสีสันสดใสมากที่สุดในประวัติศาสตร์การทำหนังประเภท CG เลยทีเดียว” มร. เอ็ด ลีโอนาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น กล่าว “เทคโนโลยีล้ำสมัยจากเอชพี ช่วยสานต่อความสำเร้จของเราให้ก้าวข้ามความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อีกทั้งยังสร้างสรรค์ภาพยนตร์เพื่อความเพลิดเพลิน สำหรับผู้ชมรอบโลก”
ภาพยนตร์ “Kung Fu Panda” ออกฉายครั้งแรกในปี 2008 โดยใช้การประมวลผลข้อมูลสูงถึง 50 เทระไบต์ และใช้เวลาในการเรนเดอร์ภาพถึง 25 ล้านชั่วโมง และต่อมาในภาพยนตร์ “Kung Fu Panda 2” ที่หันมาใช้เทคโนโลยี สเตอริโอสโคปิกแบบ 3 มิติ และเพิ่มขีดขั้นของความคิดสร้างสรรค์ในแบบแอนิเมชั่นไปอีกระดับ ทำให้ต้องอาศัยการประมวลผลข้อมูลสูงถึง 100 เทระไบต์ และใช้เวลาเรนเดอร์ภาพสูงถึง 55 ล้านชั่วโมง
มร. เจฟฟ์ วู้ด ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดระดับโลก หน่วยธุรกิจ เวิร์คสเตชั่น เอชพี กล่าวว่า “เอชพี มุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมออกสู่ตลาดเพื่อผู้ใช้งาน อย่าง ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นในการปลดปล่อยอัจฉริยะภาพความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด และนอกจากนี้ การได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และแอนิเมชั่น ผลักดันให้เราเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยีเพื่อสุดยอดประสิทธิภาพ ที่พร้อมช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ทุกความสำเร็จดังใจต้องการ”
เกร็ดสนุกน่ารู้จาก “Kung Fu Panda 2”
— รายละเอียดด้านความคิดสร้างสรรค์ และความล้ำสมัยของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเอ็ฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ของตัวละคร ทั้งขนสัตว์ ขนนก เสื้อผ้าอาภรณ์ และอาวุธเกราะต่าง ๆ ภายในโลกแห่ง “Kung Fu Panda 2” ที่ไม่ได้มีรายละเอียดสมจริงเพียงเฉพาะตัวละครหลักเท่านั้น
— เมื่อลูกกระสุนปืนใหญ่ตกกระทบผิวน้ำในฉากต่อสู้สำคัญ กระเซ็นสายน้ำที่กระเด็นออกมาโดยรอบนั้นถูกสรรค์สร้างขึ้น เพื่อให้รู้สึกได้ถึงแรงที่มาตกกระทบ ซึ่งในฉากโคลสอัพ ศิลปินสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ต้องอาศัยซอฟต์แวร์
— ในภาพยนตร์ ตัวละครหมาป่าถูกโจมตีด้วยลูกพีชจำนวน 1,220 ลูก นำหนักทั้งสิ้น 457 ปอนด์ ที่ความเร็ว 105 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดรวมกันเป็นแรงเทียบเท่ากับการถูกรถชนที่ความเร้ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
— ในระหว่างหอคอยถล่มนั้น มีชิ้นส่วนซากปรักหักพังจำนวนมากกว่า 50,000 ชิ้นถูกประดิษฐ์ขึ้น
— เป็นผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของดรีมเวิร์คส์ที่มีการใช้เทคโนโลยีการสร้างสรรค์ตัวละคร อาทิ หมาป่า ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างไดนามิก โดยฝูงหมาป่าเหล่านั้นสามารถเคลื่อนไหวในภาพยนตร์ได้อย่างรอบทิศทาง ผ่านเครื่องมือการจำลองท่วงท่ากังฟูที่ผลิตขึ้นโดยทีมงานของดรีมเวิร์คส์เอง
— ในฉากต่อสู้ ฉากสุดท้าย ณ ปากอ่าวเมือง Gongmen City ทีมงานสร้างฉากที่มีองค์ประกอบเป็นน้ำมากกว่า 60 ล้านแกลลอน อาศัยแรงงานด้านกราฟฟิก และเวลาในการเรนเดอร์กว่า 7 ล้านชั่วโมง เพื่อการรังสรรค์ผลงานถึง 14,000 เฟรม
เกี่ยวกับดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น
ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นได้ทุ่มเทในการสร้างสรรค์ความบันเทิงเปี่ยมคุณภาพ อาทิ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแบบ computer generated หรือ CG รายการพิเศษทางโทรทัศน์,รายการซีรี่ส์, การแสดงสด และหลากหลายผลงานบนโลกออนไลน์ สำหรับผู้ชมทั่วโลก ด้วยความชำนาญเชิงสร้างสรรค์ในระดับโลก, ทีมบริหารที่มีประสบการณ์และแข็งแกร่ง รวมถึงเทคโนโลยีและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ที่ทันสมัย ทำให้ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในการจัดอันดับ “100 Best Companies to Work” โดยนิตยสาร FORTUNE Magazine ถึง 3 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2011 นี้ บริษัทอยู่ในอันดับที่ 10 จากการจัดอันดับดังกล่าว ทั้งนี้ปัจจุบันผลงานสร้างสรรค์ของดรีมเวิร์คส์ได้รับการผลิตขึ้นในรูปแบบ 3 มิติ โดยที่ผ่านมาได้ทำการเผยแพร่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นมาแล้วทั้งสิ้น 21 เรื่อง ได้แก่ Shrek, Madagascar, Kung Fu Panda และ How to Train Your Dragon
ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพี เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายดายสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์จนถึงองค์กรธุรกิจระดับต่าง ๆ ด้วยพอร์ทโฟลิโอที่ครอบคลุมด้านการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การบริการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่http://www.hp.com/
เอชพี และดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น เอสเคจี อิงค์. (Nasdaq: DWA) เดินหน้าความร่วมมือครั้งสำคัญของวงการบันเทิงระดับโลกอีกครั้งกับภาพยนตร์การ์ตูนแอ็คชั่น 3 มิติ เรื่อง “Kung Fu Panda 2” ที่เข้าโรงภายแล้ววันนี้
สำหรับการสร้างสรรรค์ผลงานเรื่องเยี่ยม ทีมงานศิลปินจากดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ HP Z800 Workstations อันทรงพลังในการสรรค์สร้างองค์ประกอบในทุกจุดของภาพยนตร์ตั้งแต่สายน้ำไหล และทุ่งหญ้าเขียวขจี ไปจนถึงฉากบู๊แอ็คชั่นที่มีตัวละครกังฟูนับพัน
เป็นเวลานานกว่าทศวรรษแล้วที่เอชพีได้ร่วมกับดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น มาอย่างต่อเนื่อง ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ช่วยในการชุบชีวิตให้กับแอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจำนวนมาก อาทิ “Shrek,“ “How to Train Your Dragon,” “Megamind,” “Kung Fu Panda” และล่าสุดกับ “Kung Fu Panda 2.”
ในภาพยนตร์แอนิเมชั่น ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง โป ที่เดินตามความฝันก้าวขึ้นเป็นนักรบมังกร ทำหน้าที่ปกป้องหุบเขาสันติ กับผองเพื่อน และห้าผู้พิทักษ์ ปรมาจารย์กังฟู โดยที่ชีวิตใหม่ที่แสนเจ๋งของโปกำลังถูกคุกคามจากเหล่ามารร้าย ที่หมายปองจะใช้อาวุธลับร้ายแรงเข้าจู่โจมประเทศจีน และทำลายล้างวิชากังฟูให้สิ้นซาก ซึ่งโปต้องค้นหาอดีตที่มาของตนเอง เพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นของตนออกมาได้อย่างเต็มพลัง
ทั้งนี้ เวิร์คสเตชั่นเปี่ยมประสิทธิภาพของเอชพีได้รับการตั้งค่าให้สามารถรองรับการทำงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และต้องการการใช้งานอย่างเต็มพิกัด สำหรับทีมงานสร้างสรรค์ของดรีมเวิร์คส์แอนิเมชั่นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ HP Z800 Workstations สามารถทำงานด้านการประมวลผลแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้เร็วกว่ารุ่นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ถึงร้อยละ 50 อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากสตูดิโอแอนิเมชั่นจำนวนมากทั่วทุกมุมโลก จากความสามารถอันทรงพลังของอินเทล โปรเซสเซอร์ หน่วยความจำ และออปชั่นไดรฟ์ต่าง ๆ ล้วนทำให้ศิลปินสามารถทำการสร้างสรรค์ผลงานหลาย ๆ ฉากที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดมากกว่าที่เคยเป็นอีกด้วย
นอกจากนี้ หลากหลายความคิดสร้างสรรค์ไร้ขอบเขตของภาพยนตร์แอนิมชั่น ‘Kung Fu Panda 2’ ยังเป็นตัวการผลักดันให้ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น ในการสรรหาเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ดีที่สุด เพื่อปลดปล่อยจินตนาการให้มาโลดแล่นผ่านสายตาผู้ชม โดยเหล่าตัวละครเอกของเรื่องถือเป็นตัวละครที่มีรายละเอียด มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างสรรค์มา นอกจากนี้ฉากต่าง ๆ ภายในเรื่องยังมีความละเอียดและมีสีสันสดใสมากที่สุดในประวัติศาสตร์การทำหนังประเภท CG เลยทีเดียว” มร. เอ็ด ลีโอนาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น กล่าว “เทคโนโลยีล้ำสมัยจากเอชพี ช่วยสานต่อความสำเร้จของเราให้ก้าวข้ามความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อีกทั้งยังสร้างสรรค์ภาพยนตร์เพื่อความเพลิดเพลิน สำหรับผู้ชมรอบโลก”
ภาพยนตร์ “Kung Fu Panda” ออกฉายครั้งแรกในปี 2008 โดยใช้การประมวลผลข้อมูลสูงถึง 50 เทระไบต์ และใช้เวลาในการเรนเดอร์ภาพถึง 25 ล้านชั่วโมง และต่อมาในภาพยนตร์ “Kung Fu Panda 2” ที่หันมาใช้เทคโนโลยี สเตอริโอสโคปิกแบบ 3 มิติ และเพิ่มขีดขั้นของความคิดสร้างสรรค์ในแบบแอนิเมชั่นไปอีกระดับ ทำให้ต้องอาศัยการประมวลผลข้อมูลสูงถึง 100 เทระไบต์ และใช้เวลาเรนเดอร์ภาพสูงถึง 55 ล้านชั่วโมง
มร. เจฟฟ์ วู้ด ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดระดับโลก หน่วยธุรกิจ เวิร์คสเตชั่น เอชพี กล่าวว่า “เอชพี มุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมออกสู่ตลาดเพื่อผู้ใช้งาน อย่าง ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นในการปลดปล่อยอัจฉริยะภาพความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด และนอกจากนี้ การได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และแอนิเมชั่น ผลักดันให้เราเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยีเพื่อสุดยอดประสิทธิภาพ ที่พร้อมช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ทุกความสำเร็จดังใจต้องการ”
เกร็ดสนุกน่ารู้จาก “Kung Fu Panda 2”
— รายละเอียดด้านความคิดสร้างสรรค์ และความล้ำสมัยของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเอ็ฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ของตัวละคร ทั้งขนสัตว์ ขนนก เสื้อผ้าอาภรณ์ และอาวุธเกราะต่าง ๆ ภายในโลกแห่ง “Kung Fu Panda 2” ที่ไม่ได้มีรายละเอียดสมจริงเพียงเฉพาะตัวละครหลักเท่านั้น
— เมื่อลูกกระสุนปืนใหญ่ตกกระทบผิวน้ำในฉากต่อสู้สำคัญ กระเซ็นสายน้ำที่กระเด็นออกมาโดยรอบนั้นถูกสรรค์สร้างขึ้น เพื่อให้รู้สึกได้ถึงแรงที่มาตกกระทบ ซึ่งในฉากโคลสอัพ ศิลปินสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ต้องอาศัยซอฟต์แวร์
— ในภาพยนตร์ ตัวละครหมาป่าถูกโจมตีด้วยลูกพีชจำนวน 1,220 ลูก นำหนักทั้งสิ้น 457 ปอนด์ ที่ความเร็ว 105 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดรวมกันเป็นแรงเทียบเท่ากับการถูกรถชนที่ความเร้ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
— ในระหว่างหอคอยถล่มนั้น มีชิ้นส่วนซากปรักหักพังจำนวนมากกว่า 50,000 ชิ้นถูกประดิษฐ์ขึ้น
— เป็นผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของดรีมเวิร์คส์ที่มีการใช้เทคโนโลยีการสร้างสรรค์ตัวละคร อาทิ หมาป่า ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างไดนามิก โดยฝูงหมาป่าเหล่านั้นสามารถเคลื่อนไหวในภาพยนตร์ได้อย่างรอบทิศทาง ผ่านเครื่องมือการจำลองท่วงท่ากังฟูที่ผลิตขึ้นโดยทีมงานของดรีมเวิร์คส์เอง
— ในฉากต่อสู้ ฉากสุดท้าย ณ ปากอ่าวเมือง Gongmen City ทีมงานสร้างฉากที่มีองค์ประกอบเป็นน้ำมากกว่า 60 ล้านแกลลอน อาศัยแรงงานด้านกราฟฟิก และเวลาในการเรนเดอร์กว่า 7 ล้านชั่วโมง เพื่อการรังสรรค์ผลงานถึง 14,000 เฟรม
เกี่ยวกับดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น
ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่นได้ทุ่มเทในการสร้างสรรค์ความบันเทิงเปี่ยมคุณภาพ อาทิ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแบบ computer generated หรือ CG รายการพิเศษทางโทรทัศน์,รายการซีรี่ส์, การแสดงสด และหลากหลายผลงานบนโลกออนไลน์ สำหรับผู้ชมทั่วโลก ด้วยความชำนาญเชิงสร้างสรรค์ในระดับโลก, ทีมบริหารที่มีประสบการณ์และแข็งแกร่ง รวมถึงเทคโนโลยีและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ที่ทันสมัย ทำให้ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชั่น ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในการจัดอันดับ “100 Best Companies to Work” โดยนิตยสาร FORTUNE Magazine ถึง 3 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2011 นี้ บริษัทอยู่ในอันดับที่ 10 จากการจัดอันดับดังกล่าว ทั้งนี้ปัจจุบันผลงานสร้างสรรค์ของดรีมเวิร์คส์ได้รับการผลิตขึ้นในรูปแบบ 3 มิติ โดยที่ผ่านมาได้ทำการเผยแพร่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นมาแล้วทั้งสิ้น 21 เรื่อง ได้แก่ Shrek, Madagascar, Kung Fu Panda และ How to Train Your Dragon
ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพี เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายดายสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์จนถึงองค์กรธุรกิจระดับต่าง ๆ ด้วยพอร์ทโฟลิโอที่ครอบคลุมด้านการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การบริการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่http://www.hp.com/
37
news & activity / ที่สุดของแอพพลิเคชั่นเพื่อการช็อปปิ้งของสาวทำงานยุคใหม่
« on: June 03, 2011, 03:49:16 PM »
ที่สุดของแอพพลิเคชั่นเพื่อการช็อปปิ้งของสาวทำงานยุคใหม่
ข่าวดีสำหรับสาวๆ ขาช้อปทั้งหลาย วันนี้ แบล็กเบอร์รี่ขอนำเสนอกลุ่มแอพพลิเคชั่นใหม่สุดเจ๋งจากโปรแกรม BlackBerry App World ที่จะให้ช่วยขาช้อปสามารถวางแผนการช้อปปิ้งได้อย่างทันใจและง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะเป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดงบประมาณสำหรับการช้อปปิ้ง คำนวณส่วนลด และจัดทำรายการช้อปปิ้งที่คุณต้องการ
แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook (ราคา 157.39 บาท)
หากสาวๆ ท่านใดกลัวเผลอใจช้อปปิ้งจนกระเป๋าแบน แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook เวอร์ชั่น 4.0 ใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย ที่จะช่วยคุณบริหารจัดการเงินได้อย่างง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ยังช่วยให้สาวๆ สามารถติดตามดูรายรับรายจ่ายของบัญชีตนเองได้อีกด้วย
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/674?lang=en
แอพพลิเคชั่น Discount Calculator (ดาวน์โหลดฟรี)
แอพพลิเคชั่น Discount Calculator จะช่วยให้ขาช้อปตัวจริงสามารถสนุกกับการช้อปปิ้งในช่วงฤดูกาลลดราคาได้อย่างเต็มที่ โดยแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยคำนวนราคาของสินค้าหลังจากที่มีการลดราคาแล้ว ทำให้ทราบว่าคุณประหยัดเงินไปเท่าไหร่ นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังทำการเก็บข้อมูลการคำณวนครั้งล่าสุดเอาไว้เพื่อให้สาวๆ สามารถย้อนกลับไปดูใหม่ได้
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/22964?lang=en
แอพพลิเคชั่น ShopCreel – Shopping and Grocery List (ราคา 157.39 บาท)
แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายการช้อปปิ้งสินค้า (Shopping lists) บนแบล็คเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเช็ครายการสินค้าที่ได้ซื้อไปแล้วออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามราคาสินค้าต่างๆ ที่มีประวัติการซื้อไปแล้ว การคำนวนภาษี และการค้นหาว่าสินค้าตัวนี้มีวางจำหน่ายที่ไหนบ้าง ขาช้อปทั้งหลายลืมไปได้เลยกับการจดรายการช้อปปิ้งสินค้าอันยืดยาวบนกระดาษ แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้การช้อปปิ้งสำหรับทุกคนง่ายดายยิ่งขึ้น
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/17329?lang=en
ข่าวดีสำหรับสาวๆ ขาช้อปทั้งหลาย วันนี้ แบล็กเบอร์รี่ขอนำเสนอกลุ่มแอพพลิเคชั่นใหม่สุดเจ๋งจากโปรแกรม BlackBerry App World ที่จะให้ช่วยขาช้อปสามารถวางแผนการช้อปปิ้งได้อย่างทันใจและง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะเป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดงบประมาณสำหรับการช้อปปิ้ง คำนวณส่วนลด และจัดทำรายการช้อปปิ้งที่คุณต้องการ
แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook (ราคา 157.39 บาท)
หากสาวๆ ท่านใดกลัวเผลอใจช้อปปิ้งจนกระเป๋าแบน แอพพลิเคชั่น Mobile Checkbook เวอร์ชั่น 4.0 ใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย ที่จะช่วยคุณบริหารจัดการเงินได้อย่างง่ายดาย โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ยังช่วยให้สาวๆ สามารถติดตามดูรายรับรายจ่ายของบัญชีตนเองได้อีกด้วย
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/674?lang=en
แอพพลิเคชั่น Discount Calculator (ดาวน์โหลดฟรี)
แอพพลิเคชั่น Discount Calculator จะช่วยให้ขาช้อปตัวจริงสามารถสนุกกับการช้อปปิ้งในช่วงฤดูกาลลดราคาได้อย่างเต็มที่ โดยแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยคำนวนราคาของสินค้าหลังจากที่มีการลดราคาแล้ว ทำให้ทราบว่าคุณประหยัดเงินไปเท่าไหร่ นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังทำการเก็บข้อมูลการคำณวนครั้งล่าสุดเอาไว้เพื่อให้สาวๆ สามารถย้อนกลับไปดูใหม่ได้
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/22964?lang=en
แอพพลิเคชั่น ShopCreel – Shopping and Grocery List (ราคา 157.39 บาท)
แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายการช้อปปิ้งสินค้า (Shopping lists) บนแบล็คเบอร์รี่สมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเช็ครายการสินค้าที่ได้ซื้อไปแล้วออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามราคาสินค้าต่างๆ ที่มีประวัติการซื้อไปแล้ว การคำนวนภาษี และการค้นหาว่าสินค้าตัวนี้มีวางจำหน่ายที่ไหนบ้าง ขาช้อปทั้งหลายลืมไปได้เลยกับการจดรายการช้อปปิ้งสินค้าอันยืดยาวบนกระดาษ แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้การช้อปปิ้งสำหรับทุกคนง่ายดายยิ่งขึ้น
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ โดยเข้าไปตามลิงค์ด้านล่างนี้ หรือสแกน QR Code เพื่อมีแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไว้บนมือถือของท่านได้ทันที
http://appworld.blackberry.com/webstore/content/17329?lang=en
38
news & activity / โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ส่ง “WiNG 5” พอร์ทโฟลิโอใหม่ระบบ LAN แบบไร้สาย ทางเลือกใหม่
« on: June 03, 2011, 03:47:55 PM »
โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ส่ง “WiNG 5” พอร์ทโฟลิโอใหม่ระบบ LAN แบบไร้สาย ทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าชาวไทย เพิ่มความคล่องตัว และช่วยลดต้นทุน
บริษัท โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ อิงค์ (ชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: MSI) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบ LAN แบบไร้สายใหม่ ภายใต้ชื่อ “WiNG 5” สุดยอดสถาปัตยกรรมเครือข่าย LAN แบบไร้สาย (WLAN) ล้ำสมัยแห่งยุคอนาคตที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เชื่อมต่อ (access points :APs) มาตรฐาน 802.11n รองรับคลื่นความถี่วิทยุทั้งแบบเดี่ยว คู่ และ 3 โหมด และอุปกรณ์ควบคุมอย่างครบวงจร (Integrated Services Controller) เพื่อให้องค์กรที่มีส่วนงานแบบแยกกระจายสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนหลายพันตัวจากศูนย์กลางปฏิบัติการควบคุมระบบเครือข่าย (network operations center :NOC) ได้พร้อมๆ กัน รองรับการทำงานระดับโลกและภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่สามารถให้บริการระบบเครือข่ายและโซลูชั่นอัจฉริยะต่างๆ ตรงไปยังเครือข่ายปลายทาง จึงช่วยลดการติดขัดของเครือข่าย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากบนสถาปัตยกรรม hub & spoke แบบเก่า ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ และล้ำสมัยทางด้านการใช้บริการดาต้า ภาพ และเสียงแบบเคลื่อนที่ ทั้งยังมีความคล่องตัวในการพัฒนาโครงสร้างสถาปัตยกรรมให้ตรงตาม
ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบเครือข่ายการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ตลอดอายุการใช้งาน
พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่ เหมาะสำหรับธุรกิจค้าปลีก หน่วยงานของรัฐ โรงพยาบาล โรงเรียน และธุรกิจต่างๆ ที่มีหน่วยงานแยกกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โซลูชั่น WiNG 5 รองรับแอพพลิเคชั่นไร้สายที่สำคัญและอุปกรณ์การสื่อสารไร้สายหลากหลายประเภท จึงช่วยประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานและมอบ
ความคุ้มค่าให้กับองค์กรธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบสามารถสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน WLAN มาใช้งาน บริหารจัดการ และขยายเพื่อรองรับบริการสื่อสารเคลื่อนที่ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกพื้นที่หรือทุกแอพพลิเคชั่นการใช้งาน
คุณสมบัติเด่นของพอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่
- สนับสนุนแอพพลิเคชั่นเสียง วิดีโอ และดาต้าที่มีความสำคัญระดับ business critical ให้สามารถทำงานได้อย่างง่ายดายและประหยัดยิ่งขึ้น โดยนำอุปกรณ์เชื่อมต่อมาใช้ควบคุมมาตรการรักษาความปลอดภัย จัดการคุณภาพการให้บริการ สนับสนุนระบบการสื่อสารเคลื่อนที่ ตลอดจนส่งระบบการไหลเวียนของข้อมูลไปยังเส้นทางที่มีสมรรถนะสูงได้อย่างชาญฉลาดโดยตรง ช่วยป้องกันการเกิดปัญหาคอขวดบนระบบคอนโทรลเลอร์
- เพิ่มสมรรถนะและความยืดหยุ่นให้กับเครือข่ายมาตรฐาน 802.11n โดยใช้ระบบการสัญจรข้อมูลแบบอัจฉริยะ SMART RF ซึ่งสนับสนุนบริการเครือข่ายให้ทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถปรับแก้ไขให้สอดคล้องกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นที่มีความคล่องตัวและมีสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น ที่สามารถทำงานทุกรูปแบบทั้งบนระบบคอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย NOC จากระยะไกล หรือในพื้นที่ภายในองค์กร หรือแบบเสมือนบนเครือข่ายเดียวที่สามารถปรับขยายให้รองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อได้หลายพันตัวภายใต้ระบบการบริหารจัดการเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ของโมโตโรล่าประกอบด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อ 802.11n อุปกรณ์ควบคุมหรือคอนโทรลเลอร์หลากหลายชนิด และระบบติดตั้งที่ใช้งานง่าย มีการตั้งค่าระบบเป็นศูนย์ โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายแบบมีสายให้เป็นระบบ LAN แบบเสมือนหรือ VLAN
- โซลูชั่น WiNG 5 ของโมโตโรล่า ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำแอพพลิเคชั่นเคลื่อนที่รุ่นใหม่มาใช้ในราคาที่ย่อมเยายิ่งขึ้น โดยใช้อุปกรณ์คอนโทรลเลอร์แบบไร้สายจำนวนน้อยลง ประกอบกับมีอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น และติดตั้งเครื่องตรวจจับ (sensors) ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง สำหรับใช้งานร่วมกับระบบป้องกันการบุกรุกแบบไร้สาย (Wireless Intrusion Protection System : WIPS) หรือระบบคุ้มครองเครือข่าย ทั้งยังติดตั้งโซลูชั่น AirDefence แบบครบวงจร เพื่อใช้ในการบริหารจัดการเครือข่าย รักษาความปลอดภัยของข้อมูล และคุ้มครองระบบเครือข่าย
- ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ควบคุม Integrated Services NX 9000 ช่วยองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหน่วยงานกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ สามารถตั้งค่า จัดการ และแก้ไขปัญหาของระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ WLAN ครบทั้งระบบจากจุดเดียว หรือผ่านระบบคลาวด์ส่วนตัว ทั้งยังรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อ WiNG 5 ของโมโตโรล่าได้สูงถึง 10,000 ตัว และสนับสนุนการใช้งานที่ไม่ใช้อุปกรณ์ควบคุมหรือคอนโทรลเลอร์จากสถานที่ที่อยู่ห่างไกล โดยมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายลดลงตลอดอายุการใช้งานของระบบเครือข่ายทั้งหมด
- อุปกรณ์เชื่อมต่อมาตรฐาน 802.11n ใหม่ รองรับคลื่นความถี่วิทยุทั้งแบบเดี่ยว คู่ และ 3 โหมด จะช่วยผู้บริหารไอทีที่มีงบจำกัดสามารถเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบ WLAN ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานและงบประมาณในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
- อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบพึ่งพา AP621 สนับสนุนคลื่นวิทยุแบบเดี่ยว จึงช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากโซลูชั่น WiNG 5 ในราคาที่เหมาะสม โดยเมื่อนำมาใช้งานกับอุปกรณ์คอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่จำกัดคลื่นความถี่จะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อมีความเร็วในการเชื่อมต่อระดับมาตรฐาน 802.11n ทั้งยังสามารถส่งต่อไฟล์ได้โดยตรง พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพในการให้บริการ และมีระบบวิเคราะห์แถบคลื่นความถี่อันล้ำสมัย
- อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบอิสระ AP6521 สนับสนุนคลื่นความถี่วิทยุแบบคู่ มีการทำงานอย่างหลากหลาย โดยผนวก 3 ฟีทเจอร์เด่นของสถาปัตยกรรม WiNG 5 เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ คุณภาพการให้บริการ การรักษาความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังมีดีไซน์ที่ช่วยลดต้นทุนในการใช้งาน โดยทำงานบนระบบเครือข่ายไร้สาย WLAN 802.11 ที่ปลอดภัยและเสถียร นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ AP6521 ยังทำงานโดยใช้คอนโทรลเลอร์ในสถานที่ขนาดเล็กถึงกลางลดลง โดยจะทำหน้าที่เป็นคอนโทรลเลอร์แบบเสมือน และประสานการทำงานของอุปกรณ์เชื่อมต่อที่อยู่ใกล้กันได้สูงถึง 24 ตัว เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารเคลื่อนที่และมาตรฐานการจัดการคุณภาพการให้บริการบนอินเทอร์เน็ต (QoS)
- อุปกรณ์เชื่อมต่ออิสระ AP6532 ใหม่ รองรับมาตรฐาน 802.11n ให้สมรรถนะการทำงานดีเยี่ยม โดยมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ทั้งยังสนับสนุนคลื่นความถี่วิทยุแบบคู่ และใช้สุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยของระบบ WiNG 5 เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวคอนโทรลเลอร์เสมือน ทั้งยังใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ 802.11 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี
โดดเด่นของโมโตโรล่า ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถใช้คลื่นความถี่วิทยุที่สอง เพื่อให้บริการไวไฟ หรือทำหน้าที่ตรวจจับแบบไร้สายเพื่อคัดกรองแถบคลื่นความถี่ขนาด 2.4 และ 5 Ghz เพื่อป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ระบบเครือข่าย
- อุปกรณ์เชื่อมต่อ AP7161 สมรรถนะสูงให้บริการเชื่อมต่อนอกสถานที่ ประหยัดและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานเครือข่ายไร้สายแบบ 802.11n โดยมีออปชั่นการเชื่อมต่อแบบใช้คลื่นวิทยุแบบคู่ และ 3 โหมด ทั้งยังรองรับทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์และมีบริการตรวจสอบความปลอดภัยแบบไร้สาย จึงเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับนิคมอุตสาหกรรม แคมปัส สถานที่ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง และคลังสินค้า โดยมาพร้อมกับตัวเครื่อง IP67 NEMA 4 กันน้ำ จึงมีเสถียรภาพนการทำงานสูงในทุกสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยของผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายไร้สาย WiNG 5 ยังสนับสนุนฟังก์ชั่น
การทำงานของคอนโทรลเลอร์แบบเสมือน และช่วยให้ฝ่ายไอทีให้บริการเครือข่าย ให้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ทั่วถึงทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง
- สำหรับลูกค้าในประเทศไทยสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควบคุมบริการครบวงจร NX9000 (NX9000 Integrated Services NX9000 Controller) พร้อมด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อ AP6532 ผ่านฝ่ายขายของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ และเครือข่ายพันธมิตรผู้จำหน่ายของบริษัทภายใต้โครงการ PartnerEmpower™ Channel เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554 เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เชื่อมต่อ AP621 AP6521 และ AP7161 คาดว่าจะมีวางจำหน่ายในประเทศไทยในไตรมาส 3 ของปี 2554
นายศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ประจำประเทศไทย และอินโดจีน บริษัท โมโตโรล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการขยายตัวของแอพพลิเคชั่นและบริการไร้สายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยราชการ และบริษัทที่มีสถานที่ทำงานหลากหลายแห่ง จำเป็นต้องพัฒนาระบบเครือข่าย Wi-Fi ของตนให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น เนื่องจากเครือข่ายที่มีอยู่เดิมไม่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสร้างความวิตกให้แก่ผู้ใช้งานที่ไม่สามารถเข้าใช้เทคโนโลยีดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น โมโตโรลา โซลูชั่นส์จึงมุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ๆ และล้ำสมัย เพื่อให้ฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ มีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบเครือข่ายของตนได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถดูแลและควบคุมระบบการดำเนินงานขององค์กรของตนให้มีความปลอดภัย มีเสถียรภาพ และมีคุณภาพในการให้บริการดียิ่งขึ้น”
และเสริมว่า “ผลิตภัณฑ์ควบคุมบริการครบวงจร NX9000 (NX9000 Integrated Services Controller) มีสมรรถนะเหนือชั้นทางด้านการปรับขยายและความยืดหยุ่นของระบบ สำหรับผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เชื่อมต่อราคาย่อมเยาแต่ให้สมรรถนะที่เป็นเลิศทางด้านการให้บริการเชื่อมต่อกับระบบ LAN ไร้สายทั้งภายในอาคารและนอกสถานที่อย่างราบรื่น ไม่สะดุด จึงลดความกังวลในการใช้งาน มีต้นทุนลดลง คลายความแออัดในการไหลเวียนของข้อมูล และสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ เปี่ยมอัจฉริยะ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
มร. แคร็ก มาเทียส ประธาน ฟาร์พอยต์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านระบบสื่อสารไร้สายและเคลื่อนที่ชั้นนำ กล่าวว่า “สถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายไร้สาย (WLAN) ที่เสถียร คล่องแคล่ว และยืดหยุ่นเป็นต้องการอย่างมาก เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดอุปกรณ์และระบบเครือข่าย 802.11n ตลอดจนความต้องการเข้าใช้แอพพลิเคชั่นเสียงและภาพที่มีความสำคัญระดับ business critical และด้วยสถาปัตยกรรม WiNG 5 ใหม่ของโมโตโรล่า จะให้ความยืดหยุ่นในระดับสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังก์ชั่นการควบคุมในระดับที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้ระบบ LAN แบบไร้สายระดับองค์กรมีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยสูงสุด”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ :
เว็บไซต์ : WiNG 5 WLAN
วิดีโอ : Is your network ready for the increase in demand?
ไวท์เปเปอร์ : Distributed Intelligence : The Future of Wireless Networking Architecture
พอร์ทัล : The Pulse : Wireless Networking
บล็อก : Wireless Insights
ทวิตเตอร์ : www.twitter.com/motwireless
โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ให้บริการสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลอย่างราบรื่นเพื่อนำข้อมูลถึงมือผู้ใช้แบบเรียลไทม์ ทำให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจ พร้อมทั้งให้บริการและคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และราบรื่นตามต้องการ โดยใช้อุปกรณ์สื่อสารและโซลูชั่นเครือข่ายการสื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูงระดับโลก ได้แก่ ระบบ LAN แบบไร้สายภายในอาคาร ระบบ mesh แบบไร้สายนอกอาคาร ระบบเครือข่าย point-to-multipoint ระบบเครือข่าย point-to-point และระบบ voice-over-WLAN นอกจากนี้ ยังมีชุดซอฟท์แวร์ทรงพลัง ได้แก่ โซลูชั่นการออกแบบเครือข่ายไร้สาย ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ระบบการบริหารจัดการและระบบจัดการแก้ไขปัญหาที่เปี่ยมประสิทธิภาพ โมโตโรล่า โซลูชั่นส์สร้างสรรค์ระบบเครือข่ายการสื่อสารที่มีเสถียรภาพและได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้า โดยเปิดให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกเข้าใช้งานได้ทุกที่
บริษัท โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ อิงค์ (ชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: MSI) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบ LAN แบบไร้สายใหม่ ภายใต้ชื่อ “WiNG 5” สุดยอดสถาปัตยกรรมเครือข่าย LAN แบบไร้สาย (WLAN) ล้ำสมัยแห่งยุคอนาคตที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เชื่อมต่อ (access points :APs) มาตรฐาน 802.11n รองรับคลื่นความถี่วิทยุทั้งแบบเดี่ยว คู่ และ 3 โหมด และอุปกรณ์ควบคุมอย่างครบวงจร (Integrated Services Controller) เพื่อให้องค์กรที่มีส่วนงานแบบแยกกระจายสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนหลายพันตัวจากศูนย์กลางปฏิบัติการควบคุมระบบเครือข่าย (network operations center :NOC) ได้พร้อมๆ กัน รองรับการทำงานระดับโลกและภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่สามารถให้บริการระบบเครือข่ายและโซลูชั่นอัจฉริยะต่างๆ ตรงไปยังเครือข่ายปลายทาง จึงช่วยลดการติดขัดของเครือข่าย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากบนสถาปัตยกรรม hub & spoke แบบเก่า ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ และล้ำสมัยทางด้านการใช้บริการดาต้า ภาพ และเสียงแบบเคลื่อนที่ ทั้งยังมีความคล่องตัวในการพัฒนาโครงสร้างสถาปัตยกรรมให้ตรงตาม
ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบเครือข่ายการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ตลอดอายุการใช้งาน
พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่ เหมาะสำหรับธุรกิจค้าปลีก หน่วยงานของรัฐ โรงพยาบาล โรงเรียน และธุรกิจต่างๆ ที่มีหน่วยงานแยกกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โซลูชั่น WiNG 5 รองรับแอพพลิเคชั่นไร้สายที่สำคัญและอุปกรณ์การสื่อสารไร้สายหลากหลายประเภท จึงช่วยประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานและมอบ
ความคุ้มค่าให้กับองค์กรธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบสามารถสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน WLAN มาใช้งาน บริหารจัดการ และขยายเพื่อรองรับบริการสื่อสารเคลื่อนที่ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกพื้นที่หรือทุกแอพพลิเคชั่นการใช้งาน
คุณสมบัติเด่นของพอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ใหม่
- สนับสนุนแอพพลิเคชั่นเสียง วิดีโอ และดาต้าที่มีความสำคัญระดับ business critical ให้สามารถทำงานได้อย่างง่ายดายและประหยัดยิ่งขึ้น โดยนำอุปกรณ์เชื่อมต่อมาใช้ควบคุมมาตรการรักษาความปลอดภัย จัดการคุณภาพการให้บริการ สนับสนุนระบบการสื่อสารเคลื่อนที่ ตลอดจนส่งระบบการไหลเวียนของข้อมูลไปยังเส้นทางที่มีสมรรถนะสูงได้อย่างชาญฉลาดโดยตรง ช่วยป้องกันการเกิดปัญหาคอขวดบนระบบคอนโทรลเลอร์
- เพิ่มสมรรถนะและความยืดหยุ่นให้กับเครือข่ายมาตรฐาน 802.11n โดยใช้ระบบการสัญจรข้อมูลแบบอัจฉริยะ SMART RF ซึ่งสนับสนุนบริการเครือข่ายให้ทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถปรับแก้ไขให้สอดคล้องกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นที่มีความคล่องตัวและมีสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น ที่สามารถทำงานทุกรูปแบบทั้งบนระบบคอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย NOC จากระยะไกล หรือในพื้นที่ภายในองค์กร หรือแบบเสมือนบนเครือข่ายเดียวที่สามารถปรับขยายให้รองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อได้หลายพันตัวภายใต้ระบบการบริหารจัดการเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ พอร์ทโฟลิโอ WiNG 5 ของโมโตโรล่าประกอบด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อ 802.11n อุปกรณ์ควบคุมหรือคอนโทรลเลอร์หลากหลายชนิด และระบบติดตั้งที่ใช้งานง่าย มีการตั้งค่าระบบเป็นศูนย์ โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายแบบมีสายให้เป็นระบบ LAN แบบเสมือนหรือ VLAN
- โซลูชั่น WiNG 5 ของโมโตโรล่า ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำแอพพลิเคชั่นเคลื่อนที่รุ่นใหม่มาใช้ในราคาที่ย่อมเยายิ่งขึ้น โดยใช้อุปกรณ์คอนโทรลเลอร์แบบไร้สายจำนวนน้อยลง ประกอบกับมีอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น และติดตั้งเครื่องตรวจจับ (sensors) ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง สำหรับใช้งานร่วมกับระบบป้องกันการบุกรุกแบบไร้สาย (Wireless Intrusion Protection System : WIPS) หรือระบบคุ้มครองเครือข่าย ทั้งยังติดตั้งโซลูชั่น AirDefence แบบครบวงจร เพื่อใช้ในการบริหารจัดการเครือข่าย รักษาความปลอดภัยของข้อมูล และคุ้มครองระบบเครือข่าย
- ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ควบคุม Integrated Services NX 9000 ช่วยองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหน่วยงานกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ สามารถตั้งค่า จัดการ และแก้ไขปัญหาของระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ WLAN ครบทั้งระบบจากจุดเดียว หรือผ่านระบบคลาวด์ส่วนตัว ทั้งยังรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อ WiNG 5 ของโมโตโรล่าได้สูงถึง 10,000 ตัว และสนับสนุนการใช้งานที่ไม่ใช้อุปกรณ์ควบคุมหรือคอนโทรลเลอร์จากสถานที่ที่อยู่ห่างไกล โดยมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายลดลงตลอดอายุการใช้งานของระบบเครือข่ายทั้งหมด
- อุปกรณ์เชื่อมต่อมาตรฐาน 802.11n ใหม่ รองรับคลื่นความถี่วิทยุทั้งแบบเดี่ยว คู่ และ 3 โหมด จะช่วยผู้บริหารไอทีที่มีงบจำกัดสามารถเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบ WLAN ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานและงบประมาณในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้
- อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบพึ่งพา AP621 สนับสนุนคลื่นวิทยุแบบเดี่ยว จึงช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากโซลูชั่น WiNG 5 ในราคาที่เหมาะสม โดยเมื่อนำมาใช้งานกับอุปกรณ์คอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่จำกัดคลื่นความถี่จะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อมีความเร็วในการเชื่อมต่อระดับมาตรฐาน 802.11n ทั้งยังสามารถส่งต่อไฟล์ได้โดยตรง พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพในการให้บริการ และมีระบบวิเคราะห์แถบคลื่นความถี่อันล้ำสมัย
- อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบอิสระ AP6521 สนับสนุนคลื่นความถี่วิทยุแบบคู่ มีการทำงานอย่างหลากหลาย โดยผนวก 3 ฟีทเจอร์เด่นของสถาปัตยกรรม WiNG 5 เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ คุณภาพการให้บริการ การรักษาความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งยังมีดีไซน์ที่ช่วยลดต้นทุนในการใช้งาน โดยทำงานบนระบบเครือข่ายไร้สาย WLAN 802.11 ที่ปลอดภัยและเสถียร นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ AP6521 ยังทำงานโดยใช้คอนโทรลเลอร์ในสถานที่ขนาดเล็กถึงกลางลดลง โดยจะทำหน้าที่เป็นคอนโทรลเลอร์แบบเสมือน และประสานการทำงานของอุปกรณ์เชื่อมต่อที่อยู่ใกล้กันได้สูงถึง 24 ตัว เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารเคลื่อนที่และมาตรฐานการจัดการคุณภาพการให้บริการบนอินเทอร์เน็ต (QoS)
- อุปกรณ์เชื่อมต่ออิสระ AP6532 ใหม่ รองรับมาตรฐาน 802.11n ให้สมรรถนะการทำงานดีเยี่ยม โดยมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ทั้งยังสนับสนุนคลื่นความถี่วิทยุแบบคู่ และใช้สุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยของระบบ WiNG 5 เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวคอนโทรลเลอร์เสมือน ทั้งยังใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ 802.11 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี
โดดเด่นของโมโตโรล่า ส่งผลให้ฝ่ายไอทีสามารถใช้คลื่นความถี่วิทยุที่สอง เพื่อให้บริการไวไฟ หรือทำหน้าที่ตรวจจับแบบไร้สายเพื่อคัดกรองแถบคลื่นความถี่ขนาด 2.4 และ 5 Ghz เพื่อป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ระบบเครือข่าย
- อุปกรณ์เชื่อมต่อ AP7161 สมรรถนะสูงให้บริการเชื่อมต่อนอกสถานที่ ประหยัดและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานเครือข่ายไร้สายแบบ 802.11n โดยมีออปชั่นการเชื่อมต่อแบบใช้คลื่นวิทยุแบบคู่ และ 3 โหมด ทั้งยังรองรับทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์และมีบริการตรวจสอบความปลอดภัยแบบไร้สาย จึงเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับนิคมอุตสาหกรรม แคมปัส สถานที่ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง และคลังสินค้า โดยมาพร้อมกับตัวเครื่อง IP67 NEMA 4 กันน้ำ จึงมีเสถียรภาพนการทำงานสูงในทุกสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยของผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายไร้สาย WiNG 5 ยังสนับสนุนฟังก์ชั่น
การทำงานของคอนโทรลเลอร์แบบเสมือน และช่วยให้ฝ่ายไอทีให้บริการเครือข่าย ให้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ทั่วถึงทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง
- สำหรับลูกค้าในประเทศไทยสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควบคุมบริการครบวงจร NX9000 (NX9000 Integrated Services NX9000 Controller) พร้อมด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อ AP6532 ผ่านฝ่ายขายของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ และเครือข่ายพันธมิตรผู้จำหน่ายของบริษัทภายใต้โครงการ PartnerEmpower™ Channel เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554 เป็นต้นไป ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เชื่อมต่อ AP621 AP6521 และ AP7161 คาดว่าจะมีวางจำหน่ายในประเทศไทยในไตรมาส 3 ของปี 2554
นายศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ประจำประเทศไทย และอินโดจีน บริษัท โมโตโรล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการขยายตัวของแอพพลิเคชั่นและบริการไร้สายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยราชการ และบริษัทที่มีสถานที่ทำงานหลากหลายแห่ง จำเป็นต้องพัฒนาระบบเครือข่าย Wi-Fi ของตนให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น เนื่องจากเครือข่ายที่มีอยู่เดิมไม่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสร้างความวิตกให้แก่ผู้ใช้งานที่ไม่สามารถเข้าใช้เทคโนโลยีดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น โมโตโรลา โซลูชั่นส์จึงมุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ๆ และล้ำสมัย เพื่อให้ฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ มีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการออกแบบระบบเครือข่ายของตนได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถดูแลและควบคุมระบบการดำเนินงานขององค์กรของตนให้มีความปลอดภัย มีเสถียรภาพ และมีคุณภาพในการให้บริการดียิ่งขึ้น”
และเสริมว่า “ผลิตภัณฑ์ควบคุมบริการครบวงจร NX9000 (NX9000 Integrated Services Controller) มีสมรรถนะเหนือชั้นทางด้านการปรับขยายและความยืดหยุ่นของระบบ สำหรับผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เชื่อมต่อราคาย่อมเยาแต่ให้สมรรถนะที่เป็นเลิศทางด้านการให้บริการเชื่อมต่อกับระบบ LAN ไร้สายทั้งภายในอาคารและนอกสถานที่อย่างราบรื่น ไม่สะดุด จึงลดความกังวลในการใช้งาน มีต้นทุนลดลง คลายความแออัดในการไหลเวียนของข้อมูล และสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ เปี่ยมอัจฉริยะ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
มร. แคร็ก มาเทียส ประธาน ฟาร์พอยต์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านระบบสื่อสารไร้สายและเคลื่อนที่ชั้นนำ กล่าวว่า “สถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายไร้สาย (WLAN) ที่เสถียร คล่องแคล่ว และยืดหยุ่นเป็นต้องการอย่างมาก เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดอุปกรณ์และระบบเครือข่าย 802.11n ตลอดจนความต้องการเข้าใช้แอพพลิเคชั่นเสียงและภาพที่มีความสำคัญระดับ business critical และด้วยสถาปัตยกรรม WiNG 5 ใหม่ของโมโตโรล่า จะให้ความยืดหยุ่นในระดับสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังก์ชั่นการควบคุมในระดับที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้ระบบ LAN แบบไร้สายระดับองค์กรมีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยสูงสุด”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ :
เว็บไซต์ : WiNG 5 WLAN
วิดีโอ : Is your network ready for the increase in demand?
ไวท์เปเปอร์ : Distributed Intelligence : The Future of Wireless Networking Architecture
พอร์ทัล : The Pulse : Wireless Networking
บล็อก : Wireless Insights
ทวิตเตอร์ : www.twitter.com/motwireless
โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ให้บริการสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลอย่างราบรื่นเพื่อนำข้อมูลถึงมือผู้ใช้แบบเรียลไทม์ ทำให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจ พร้อมทั้งให้บริการและคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และราบรื่นตามต้องการ โดยใช้อุปกรณ์สื่อสารและโซลูชั่นเครือข่ายการสื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูงระดับโลก ได้แก่ ระบบ LAN แบบไร้สายภายในอาคาร ระบบ mesh แบบไร้สายนอกอาคาร ระบบเครือข่าย point-to-multipoint ระบบเครือข่าย point-to-point และระบบ voice-over-WLAN นอกจากนี้ ยังมีชุดซอฟท์แวร์ทรงพลัง ได้แก่ โซลูชั่นการออกแบบเครือข่ายไร้สาย ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ระบบการบริหารจัดการและระบบจัดการแก้ไขปัญหาที่เปี่ยมประสิทธิภาพ โมโตโรล่า โซลูชั่นส์สร้างสรรค์ระบบเครือข่ายการสื่อสารที่มีเสถียรภาพและได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้า โดยเปิดให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกเข้าใช้งานได้ทุกที่
39
news & activity / กทม. จับมือ มูลนิธิโคคา-โคลาฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ เปิดตัวโครงการ “Recycle 360๐
« on: June 03, 2011, 03:45:09 PM »กทม. จับมือ มูลนิธิโคคา-โคลาฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ เปิดตัวโครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล”
- โครงการรณรงค์ด้านการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลที่ครบวงจรและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายโครงการแรกในประเทศไทย เพื่อฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก
- ยกแขวงจตุจักรเป็นแห่งแรกในการนำร่อง ตั้งเป้าเป็นพื้นที่ต้นแบบการจัดการมูลฝอยและวัสดุ รีไซเคิลอย่างครบวงจรและยั่งยืนภายใน 2 ปี
วันนี้ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตจตุจักร มูลนิธิ โคคา-โคลา ประเทศไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน โครงการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลแบบครบวงจรในแขวงจตุจักร เขตจตุจักร “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” ถือเป็นโครงการรณรงค์ด้านรีไซเคิลที่ครบกระบวนการโครงการแรกในประเทศไทย มีระยะดำเนินงานเป็นเวลา 2 ปี โดยจะใช้งบประมาณดำเนินการจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทยมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่นำร่องใน “แขวงจตุจักร” เขตจตุจักร ให้เป็นต้นแบบพื้นที่จัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลอย่างครบวงจรและยั่งยืน และสามารถขยายผลไปสู่การดำเนินงานในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ปัจจุบันการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ส่งผลให้อัตราการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นที่มาของการเกิดปัญหามูลฝอย ซึ่งในแต่ละวันกรุงเทพฯ มีปริมาณมูลฝอยสูงถึง 8,700 ตันต่อวัน หรือเฉลี่ยเท่ากับ 1 กิโลกรัมต่อประชากร 1 คน และมีแนวโน้มที่จะสูงมากขึ้นตามจำนวนประชากร ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการมูลฝอยอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
“กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการลดปริมาณมูลฝอย ด้วยการรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมในการแยกมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด และการรีไซเคิลเพื่อกลับมาใช้ใหม่มากขึ้น ซึ่งเป็นการลดปริมาณมูลฝอยในระบบ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนทั้ง มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ริเริ่มและมีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลอย่างยั่งยืน ใน โครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” นำร่องในพื้นที่แขวงจตุจักร เขตจตุจักร โดยจะจัดทำระบบจัดการมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย สถาบันการศึกษา แหล่งท่องเที่ยว (สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด) อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และโรงแรม นอกจากนั้นยังครอบคลุมถึงการสร้างอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้กับพนักงานเก็บขน โดยตั้งเป้าในการขยายความร่วมมือไปยังเขตอื่นๆ ต่อไป”
“การลงนามในวันนี้ยังสอดคล้องกับโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environmental Day) 5 มิถุนายน ที่เน้นสื่อสารให้ทุกคนลดการส่งผลกระทบต่อโลก ซึ่งการคัดแยกมูลฝอยถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะแสดงความรับผิดชอบและ การดูแลรักษาโลกได้เช่นกัน” ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าว
นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” ถือเป็นหนึ่งในโครงการด้านความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Live Positively” ของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย เป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่โลกด้วยการผสานความยั่งยืนในทุกสิ่งที่เราทำ พร้อมๆ กับการสนับสนุนชุมชนและการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
“มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ เป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทให้กับโครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 2 ปี เพื่อช่วยสร้างระบบการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพในชุมชนของกรุงเทพมหานคร และเพื่อให้มั่นใจว่า วัสดุต่างๆ ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของเราได้รับการเก็บกลับและเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เราตระหนักดีว่า ความร่วมมือระหว่างเรากับภาครัฐและหน่วยงานอุตสาหกรรมจะก่อให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ และเราพร้อมให้ร่วมมืออย่างแข็งขันกับกรุงเทพมหานคร และสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการวางแผนและดำเนินการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลแบบครบวงจรในแขวงจตุจักร พร้อมทั้งมุ่งสร้างจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมให้ผู้บริโภคผ่านการสื่อสารประชาสัมพันธ์และกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” นายพรวุฒิ กล่าว
นายสมพงษ์ ตันเจริญผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริหารสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และ รีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม มีประสบการณ์ในการจัดทำระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลกับภาคส่วนต่างๆ มานานเกือบ 5 ปี ซึ่งนับเป็นผลดีสำหรับการมาร่วมดำเนินงานในโครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ถือเป็นโครงการที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างจิตสำนึกในการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิล สถาบันฯ มีความเชื่อมั่นว่า การดำเนินการที่ครบวงจรโดยการขับเคลื่อนร่วมกันของทุกภาคส่วนตามรูปแบบที่โครงการได้วางไว้นั้น จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในการลดอัตราส่วนปริมาณมูลฝอย และเพิ่มปริมาณวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ควบคู่ไปกับการปลูกจิตสำนึกของคนในสังคมไทย”
กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายใต้โครงการ “Recycle 360๐ รักโลก...ทุกวัน ช่วยกันรีไซเคิล” เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีนี้จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2556 โดยการดำเนินการจะครอบคลุมการสำรวจข้อมูลและองค์ประกอบของมูลฝอย การฝึกอบรมและการจัดการมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลร่วมกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ การเสริมสร้างอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้กับพนักงานเก็บขนมูลฝอย การสร้างจิตสำนึกการจัดการมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางให้กับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การปรับแนวทางการจัดเก็บมูลฝอยของสำนักงานเขต การสำรวจจิตสำนึกทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงมีการสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดประกวดในบางกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานของคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
40
news & activity / เอ็ม วิชั่น จัดงาน Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End
« on: June 03, 2011, 03:43:25 PM »
เอ็ม วิชั่น จัดงาน Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End โปรเจ็กต์พิเศษ กับมหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ตอบรับกระแสเทคโนโลยีสุดแรง
(2 มิถุนายน 2554) : บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 30 แบรนด์ดังชั้นนำ อาทิ Samsung, LG, Blackberry, HTC, Nokia และ i-mobile ร่วมด้วยผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายใหญ่ AIS, dtac, truemove และบริษัทคู่ค้า จัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ตั้งแต่วันนี้ – 5 มิถุนายน 2554 ตั้งเป้าเงินสะพัดภายในงานกว่า 1,400 ล้านบาท
นาย โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ผ่านมาเทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงด้วยความรวดเร็ว ตลาดโทรศัพท์มือถือ Hi-End มีอัตราการแข่งขันสูง มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆออกมาสู่ตลาดมากมาย แทบเล็ตหลากไซส์หลายขนาด ตลอดจนระบบปฏิบัติการใหม่ๆ รวมไปถึงหน่วยประมวลผลความเร็วสูงแบบ Dual Core นวัตกรรมระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ดังที่กล่าวมา ดังนั้น บริษัทฯจึงทำการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ซึ่งถือเป็นโปรเจ็กต์พิเศษ ครั้งแรกของการจัดมหกรรมโทรศัพท์มือถือในช่วงกลางปี โดยการจัดงานครั้งนี้จะเน้นไปที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ท โฟนและแทบเล็ตเป็นหลัก ซึ่งจุดประสงค์ของผู้จัดคือต้องการให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง โดยการทดลองเล่นเครื่องจริงก่อนซื้อเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังมีการจัดพื้นที่สำหรับเสวนา ในหัวข้อ “การเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของคุณด้วย สมาร์ทโฟนและแทบเล็ต” โดยวิทยากรเจ้าของธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จจากการใช้ “โมบาย เทคโนโลยี” ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Workshop ซึ่งผู้จัดได้เพิ่มพื้นที่ในส่วนของห้อง Meeting Room สำหรับกิจกรรม Acer Tablet A500 Workshop และ Samsung Galaxy Tab 7.0" Workshop ในวันเสาร์ที่ 4 และอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน ซึ่งทางผู้จัดงานเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมงาน และมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่เหมาะสมพร้อมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือได้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะยาว
นาย โอภาส กล่าวต่อว่า จากความสำเร็จในงาน “Thailand Mobile Expo 2011” ครั้งที่ 9 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ด้วยยอดผู้เข้าชมงานกว่า 6.3 แสนคน และมียอดเงินสะพัดทะลุเป้าเป็นจำนวน 1,400 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้กว่า 8% ทำให้เรามั่นใจว่าการจัดงานขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 นี้ จะยังคงมีการตอบรับที่ดี เนื่องด้วยกระแสของสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่กำลังมาแรง พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆที่มีมาให้จับจองเป็นเจ้าของและทดลองเล่นกันภายในงาน ทั้งสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Dual Core, สมาร์ทโฟนหน้าจอ 3 มิติ, แทบเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Honeycomb รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่จัดงาน ทั้งในส่วนของการเสวนา และกิจกรรม Workshop ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเป็นส่วนช่วยให้จำนวนของผู้เข้าชมงาน และยอดเงินสะพัดคงตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจเหมือนการจัดงานครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของแผนการตลาด บริษัทฯได้จัดสรรงบจำนวน 20 ล้านบาท สำหรับทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในส่วนของสื่อโทรทัศน์, วิทยุ,หนังสือพิมพ์รายวัน, บิลบอร์ด, นิตยสาร, อินเตอร์เน็ต และ Official website เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
สำหรับการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 30 แบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยแต่ละแบรนด์ นอกจากจะอาศัยเวทีนี้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่แล้ว ต่างงัดกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น ลด แลก แจกแถม รวมถึง การให้บริการสินเชื่อโดยคิดดอกเบี้ย 0% จากบัตรเครดิตต่างๆมากมาย
งาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 5 มิถุนายน 2554 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. เป็นต้นไป
(2 มิถุนายน 2554) : บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 30 แบรนด์ดังชั้นนำ อาทิ Samsung, LG, Blackberry, HTC, Nokia และ i-mobile ร่วมด้วยผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายใหญ่ AIS, dtac, truemove และบริษัทคู่ค้า จัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ตั้งแต่วันนี้ – 5 มิถุนายน 2554 ตั้งเป้าเงินสะพัดภายในงานกว่า 1,400 ล้านบาท
นาย โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2554 ที่ผ่านมาเทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงด้วยความรวดเร็ว ตลาดโทรศัพท์มือถือ Hi-End มีอัตราการแข่งขันสูง มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆออกมาสู่ตลาดมากมาย แทบเล็ตหลากไซส์หลายขนาด ตลอดจนระบบปฏิบัติการใหม่ๆ รวมไปถึงหน่วยประมวลผลความเร็วสูงแบบ Dual Core นวัตกรรมระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ดังที่กล่าวมา ดังนั้น บริษัทฯจึงทำการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ซึ่งถือเป็นโปรเจ็กต์พิเศษ ครั้งแรกของการจัดมหกรรมโทรศัพท์มือถือในช่วงกลางปี โดยการจัดงานครั้งนี้จะเน้นไปที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ท โฟนและแทบเล็ตเป็นหลัก ซึ่งจุดประสงค์ของผู้จัดคือต้องการให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง โดยการทดลองเล่นเครื่องจริงก่อนซื้อเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังมีการจัดพื้นที่สำหรับเสวนา ในหัวข้อ “การเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของคุณด้วย สมาร์ทโฟนและแทบเล็ต” โดยวิทยากรเจ้าของธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จจากการใช้ “โมบาย เทคโนโลยี” ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Workshop ซึ่งผู้จัดได้เพิ่มพื้นที่ในส่วนของห้อง Meeting Room สำหรับกิจกรรม Acer Tablet A500 Workshop และ Samsung Galaxy Tab 7.0" Workshop ในวันเสาร์ที่ 4 และอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน ซึ่งทางผู้จัดงานเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมงาน และมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่เหมาะสมพร้อมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือได้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะยาว
นาย โอภาส กล่าวต่อว่า จากความสำเร็จในงาน “Thailand Mobile Expo 2011” ครั้งที่ 9 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ด้วยยอดผู้เข้าชมงานกว่า 6.3 แสนคน และมียอดเงินสะพัดทะลุเป้าเป็นจำนวน 1,400 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้กว่า 8% ทำให้เรามั่นใจว่าการจัดงานขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 นี้ จะยังคงมีการตอบรับที่ดี เนื่องด้วยกระแสของสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่กำลังมาแรง พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆที่มีมาให้จับจองเป็นเจ้าของและทดลองเล่นกันภายในงาน ทั้งสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Dual Core, สมาร์ทโฟนหน้าจอ 3 มิติ, แทบเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Honeycomb รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่จัดงาน ทั้งในส่วนของการเสวนา และกิจกรรม Workshop ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะเป็นส่วนช่วยให้จำนวนของผู้เข้าชมงาน และยอดเงินสะพัดคงตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจเหมือนการจัดงานครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของแผนการตลาด บริษัทฯได้จัดสรรงบจำนวน 20 ล้านบาท สำหรับทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในส่วนของสื่อโทรทัศน์, วิทยุ,หนังสือพิมพ์รายวัน, บิลบอร์ด, นิตยสาร, อินเตอร์เน็ต และ Official website เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
สำหรับการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 30 แบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยแต่ละแบรนด์ นอกจากจะอาศัยเวทีนี้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่แล้ว ต่างงัดกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น ลด แลก แจกแถม รวมถึง การให้บริการสินเชื่อโดยคิดดอกเบี้ย 0% จากบัตรเครดิตต่างๆมากมาย
งาน “Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End” ครั้งที่ 10 มหกรรมโทรศัพท์มือถือครั้งใหญ่กลางปี จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 5 มิถุนายน 2554 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. เป็นต้นไป
41
news & activity / “พานาโซนิค” สานฝันเยาวชนไทย สู่เส้นทางคนข่าวคุณภาพ เปิดโครงการ “สร้างสรรค์
« on: June 03, 2011, 03:39:39 PM »
“พานาโซนิค” สานฝันเยาวชนไทย สู่เส้นทางคนข่าวคุณภาพ เปิดโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค 2011” ปีที่ 8
กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย สานต่อโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค 2011” (Panasonic Kid Witness News : KWN 2011) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ระดับมัธยมศึกษา อายุระหว่าง 12 – 17 ปี ร่วมแสดงความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของตนเองอย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตสารคดี ชิงทุนการศึกษากว่า 50,000 บาท พร้อมโล่ห์เกียรติยศและเป็นตัวแทน ประเทศไทยเข้า แข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก
มร.ฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค หรือ Panasonic Kid Witness News : KWN” ได้จัดตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1988 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจึงได้มีการขยายโครงการไปทั่วโลกกว่า 26 ประเทศ โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการนี้ เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 2004 และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว ซึ่งโครงการนี้ เป็นกิจกรรม ที่เล็งเห็นความสำคัญของเยาวชนกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตลอดจนเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดง ความรู้ ความสามารถในเชิงสร้างสรรค์ ในรูปแบบของสารคดีเชิงข่าว และทีมชนะเลิศจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก ล่าสุด ปี 2010 ทีมชนะเลิศจากโรงเรียนนารีวุฒิ จ.ราชบุรี เจ้าของผลงานเรื่อง “ทองในก้อนดิน” สามารถคว้ารางวัลสารคดียอดเยี่ยม จากการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย ณ ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสนำผลงานเข้าแข่งขันในระดับโลก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยมีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้เยาวชนต่างชาติ
ทั้งนี้ภายในงาน ตัวแทนจากทีมชนะเลิศในปี 2010 โรงเรียนนารีวุฒิ จ.ราชบุรี และตัวแทนทีมชนะเลิศปี 2008 จาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จะมาร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับ จากการเข้าร่วมโครงการ KWN ในระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากดาราสาวมากความสามารถ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในแวดวงสื่อสารมวลชนให้กับ น้อง ๆ อีกด้วย”
นอกจากนี้ คุณศิริรัตน์ ยงค์เจริญชัย ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและการจัดการสิ่งแวดล้อม บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า โครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค หรือ Panasonic Kid Witness News : KWN 2011 เป็นเวทีให้เยาวชน ร่วมแข่งขันผลิตข่าวความยาว 4-5 นาที ในรูปแบบ สารคดีเชิงข่าว, การรายงานข่าว หรือ ละคร เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น – ตอนปลายที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วย มีอายุระหว่าง 12 – 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 สมัครเป็นทีม ทีมละ 6 คน (นักเรียน 5 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 ท่าน) และเพื่อให้เยาวชนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายมากขึ้น ปีนี้เราจึงเพิ่มหัวข้อในการผลิตผลงานออกเป็น 2 หัวข้อ อันได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) หรือ การสื่อสาร (Communication) โดยเลือกเพียงหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาต้องไม่นำเสนอในรูปแบบของการเสียดสี ล้อเลียน ศาสนา วัฒนธรรม โดยทาง พานาโซนิค จะเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์ในด้านการผลิตผลงาน ทั้ง Panasonic HD Camcorder, Microphone และ เสื้อ KWN เพื่อให้เยาวชนแต่ละทีมสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตนเองได้อย่างเต็มความสามารถ
สำหรับการคัดเลือกผลงานในรอบแรก คณะกรรมการจะทำการคัดเลือกจากใบสมัครทั่วประเทศ ให้เหลือภาคละ 10 ทีม ในวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2554 หลังจากนั้น ทีมที่ได้รับคัดเลือก ต้องนำเสนอโครงงานที่จะผลิตต่อหน้าคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาให้เหลือ 8 ทีมสุดท้าย (ภาคละ 2 ทีม) เพื่อไปแข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศ โดย 8 ทีมสุดท้ายจะได้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ณ อุทยานการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์พัทยา) และทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. เพื่ออบรมและเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งรายการข่าวและสารคดี ในด้านทฤษฎีและปฏิบัติจริง โดยมีผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดความรู้อย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ซึ่งเยาวชนผู้เข้ารอบจะได้พัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถในการผลิตผลงาน ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ก่อนเข้าไปแข่งขันในรอบ ชิงชนะเลิศ วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2554 ณ ห้อง World Ballroom C ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท เงินสนับสนุนโรงเรียน 5,000 บาท ใบประกาศเกียรติคุณ โล่ห์เกียรติยศ ผลิตภัณฑ์พานาโซนิค พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ อันได้แก่ รางวัลผู้ประกาศยอดเยี่ยม, รางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม และรางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม”
ผู้ที่สนใจสมัครร่วมโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค 2011” (Panasonic Kid Witness News : KWN 2011) ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายนนี้ สอบถามรายละเอียดการสมัครได้ที่ ฝ่ายกิจกรรมโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค” เลขที่ 1213/391 ซ.ลาดพร้าว 94 ถ.ลาดพร้าว แขวง/เขต วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2530-9383-4 หรือ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.panasonic.co.th
กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย สานต่อโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค 2011” (Panasonic Kid Witness News : KWN 2011) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ระดับมัธยมศึกษา อายุระหว่าง 12 – 17 ปี ร่วมแสดงความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของตนเองอย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตสารคดี ชิงทุนการศึกษากว่า 50,000 บาท พร้อมโล่ห์เกียรติยศและเป็นตัวแทน ประเทศไทยเข้า แข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก
มร.ฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค หรือ Panasonic Kid Witness News : KWN” ได้จัดตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1988 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจึงได้มีการขยายโครงการไปทั่วโลกกว่า 26 ประเทศ โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการนี้ เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 2004 และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว ซึ่งโครงการนี้ เป็นกิจกรรม ที่เล็งเห็นความสำคัญของเยาวชนกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตลอดจนเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดง ความรู้ ความสามารถในเชิงสร้างสรรค์ ในรูปแบบของสารคดีเชิงข่าว และทีมชนะเลิศจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก ล่าสุด ปี 2010 ทีมชนะเลิศจากโรงเรียนนารีวุฒิ จ.ราชบุรี เจ้าของผลงานเรื่อง “ทองในก้อนดิน” สามารถคว้ารางวัลสารคดียอดเยี่ยม จากการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย ณ ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสนำผลงานเข้าแข่งขันในระดับโลก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยมีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้เยาวชนต่างชาติ
ทั้งนี้ภายในงาน ตัวแทนจากทีมชนะเลิศในปี 2010 โรงเรียนนารีวุฒิ จ.ราชบุรี และตัวแทนทีมชนะเลิศปี 2008 จาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จะมาร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับ จากการเข้าร่วมโครงการ KWN ในระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากดาราสาวมากความสามารถ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในแวดวงสื่อสารมวลชนให้กับ น้อง ๆ อีกด้วย”
นอกจากนี้ คุณศิริรัตน์ ยงค์เจริญชัย ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและการจัดการสิ่งแวดล้อม บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า โครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค หรือ Panasonic Kid Witness News : KWN 2011 เป็นเวทีให้เยาวชน ร่วมแข่งขันผลิตข่าวความยาว 4-5 นาที ในรูปแบบ สารคดีเชิงข่าว, การรายงานข่าว หรือ ละคร เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น – ตอนปลายที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วย มีอายุระหว่าง 12 – 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 สมัครเป็นทีม ทีมละ 6 คน (นักเรียน 5 คน อาจารย์ที่ปรึกษา 1 ท่าน) และเพื่อให้เยาวชนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายมากขึ้น ปีนี้เราจึงเพิ่มหัวข้อในการผลิตผลงานออกเป็น 2 หัวข้อ อันได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) หรือ การสื่อสาร (Communication) โดยเลือกเพียงหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาต้องไม่นำเสนอในรูปแบบของการเสียดสี ล้อเลียน ศาสนา วัฒนธรรม โดยทาง พานาโซนิค จะเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์ในด้านการผลิตผลงาน ทั้ง Panasonic HD Camcorder, Microphone และ เสื้อ KWN เพื่อให้เยาวชนแต่ละทีมสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตนเองได้อย่างเต็มความสามารถ
สำหรับการคัดเลือกผลงานในรอบแรก คณะกรรมการจะทำการคัดเลือกจากใบสมัครทั่วประเทศ ให้เหลือภาคละ 10 ทีม ในวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2554 หลังจากนั้น ทีมที่ได้รับคัดเลือก ต้องนำเสนอโครงงานที่จะผลิตต่อหน้าคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาให้เหลือ 8 ทีมสุดท้าย (ภาคละ 2 ทีม) เพื่อไปแข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศ โดย 8 ทีมสุดท้ายจะได้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ณ อุทยานการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์พัทยา) และทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. เพื่ออบรมและเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งรายการข่าวและสารคดี ในด้านทฤษฎีและปฏิบัติจริง โดยมีผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดความรู้อย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ซึ่งเยาวชนผู้เข้ารอบจะได้พัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถในการผลิตผลงาน ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ก่อนเข้าไปแข่งขันในรอบ ชิงชนะเลิศ วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2554 ณ ห้อง World Ballroom C ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท เงินสนับสนุนโรงเรียน 5,000 บาท ใบประกาศเกียรติคุณ โล่ห์เกียรติยศ ผลิตภัณฑ์พานาโซนิค พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย และระดับโลก นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษ อันได้แก่ รางวัลผู้ประกาศยอดเยี่ยม, รางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม และรางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม”
ผู้ที่สนใจสมัครร่วมโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค 2011” (Panasonic Kid Witness News : KWN 2011) ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายนนี้ สอบถามรายละเอียดการสมัครได้ที่ ฝ่ายกิจกรรมโครงการ “สร้างสรรค์ ฉลาดคิด ผลิตข่าว กับ พานาโซนิค” เลขที่ 1213/391 ซ.ลาดพร้าว 94 ถ.ลาดพร้าว แขวง/เขต วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2530-9383-4 หรือ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.panasonic.co.th
42
news & activity / บทวิเคราะห์ GOLD FUTURES ประจำวันพุธที่ 1 มิ.ย. 2554
« on: June 03, 2011, 03:38:19 PM »
บทวิเคราะห์ GOLD FUTURES กับ นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ
ประจำวันพุธที่ 1 มิ.ย. 2554
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1535 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาท 30.30 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.33 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 21950 บาท กับ 22050 บาทGFM11 เปิดที่ 22270 บาท และ GFQ11 เปิดที่ 22370 บาท และ GF10M11 เปิดที่ 22280 บาท และ GF10Q11 เปิดที่ 22390 บาท SPDR ถือครอง 1210.74 ตัน ( ขายออก 2.4 ตัน) ราคาทองคำในตลาดเอเชียไม่ค่อยเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ คือ ที่ระดับ 1534-1536 เหรียญ/ออนซ์ โดยที่ราคาทองคำแท่งของไทยก็ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 21950 22050 บาท และราคาทองคำในตลาดลอนดอน และตลาดเอเชียไม่ค่อยปรับตัวสูงขึ้น โดยที่ตลาดลอนดอนและตลาด Comex ไม่ค่อยเคลื่อนไหว โดยที่ปิดตลาดที่ 1535 เหรียญ/ออนซ์ ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดี คือ Consumer Confidence ที่ระดับ และตัว 56.6 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เอง ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร น้ำมันปิดบวกโดยอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาเรล ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4245 คู่สัญญา และ 10 บาท อยู่ที่ 3647 คู่สัญญา OI แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2 % และ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1% Ratio Gold / Silver เท่ากับ 40.12 ต่อ 1
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำทรงตัวไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว โดยอยู่ที่ระดับ 1530 เหรียญ ซึ่งมีการเทขายทำกำไรขึ้นมาของ SPDR โดยจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1520 และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1540 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 21950 บาท และ 22050 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1536 เหรียญราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 21850 บาท และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 22050 บาท Gold Futures M11 จะมีแนวรับที่ระดับ 22180 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22350 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) : เก็งกำไรในภาวการณ์การแกว่งตัว คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในช่วง 1528-1538 เหรียญ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) : ยังเป็นลักษณะการซื้อเก็บสะสม ปรับพอร์ทเป็น 60 %
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง : ยังเป็นลักษณะการซื้อเก็บสะสมเช่นเดียวกัน และปรับพอร์ทเป็น 50%
ประจำวันพุธที่ 1 มิ.ย. 2554
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1535 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาท 30.30 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.33 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 21950 บาท กับ 22050 บาทGFM11 เปิดที่ 22270 บาท และ GFQ11 เปิดที่ 22370 บาท และ GF10M11 เปิดที่ 22280 บาท และ GF10Q11 เปิดที่ 22390 บาท SPDR ถือครอง 1210.74 ตัน ( ขายออก 2.4 ตัน) ราคาทองคำในตลาดเอเชียไม่ค่อยเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ คือ ที่ระดับ 1534-1536 เหรียญ/ออนซ์ โดยที่ราคาทองคำแท่งของไทยก็ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 21950 22050 บาท และราคาทองคำในตลาดลอนดอน และตลาดเอเชียไม่ค่อยปรับตัวสูงขึ้น โดยที่ตลาดลอนดอนและตลาด Comex ไม่ค่อยเคลื่อนไหว โดยที่ปิดตลาดที่ 1535 เหรียญ/ออนซ์ ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดี คือ Consumer Confidence ที่ระดับ และตัว 56.6 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เอง ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร น้ำมันปิดบวกโดยอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาเรล ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4245 คู่สัญญา และ 10 บาท อยู่ที่ 3647 คู่สัญญา OI แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2 % และ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1% Ratio Gold / Silver เท่ากับ 40.12 ต่อ 1
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำทรงตัวไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว โดยอยู่ที่ระดับ 1530 เหรียญ ซึ่งมีการเทขายทำกำไรขึ้นมาของ SPDR โดยจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1520 และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1540 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 21950 บาท และ 22050 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1536 เหรียญราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 21850 บาท และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 22050 บาท Gold Futures M11 จะมีแนวรับที่ระดับ 22180 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22350 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) : เก็งกำไรในภาวการณ์การแกว่งตัว คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในช่วง 1528-1538 เหรียญ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) : ยังเป็นลักษณะการซื้อเก็บสะสม ปรับพอร์ทเป็น 60 %
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง : ยังเป็นลักษณะการซื้อเก็บสะสมเช่นเดียวกัน และปรับพอร์ทเป็น 50%
43
ข่าวภาพยนตร์ / MOVIE: Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) 18 สิงหาคม
« on: June 02, 2011, 12:35:59 PM »
ฮุนบิน ขอถาม อิมซูจอง ยังรักกันอยู่ไหม ? เพื่อเรียกน้ำตาสาวๆ เกาหลี ใน Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์)
ฮุนบิน ขอถาม อิมซูจอง ยังรักกันอยู่ไหม ? เพื่อเรียกน้ำตาสาวๆ เกาหลี ใน Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) หนังรักเรื่องสุดท้ายก่อนอำลาวงการ 2 ปี เพื่อรับใช้ชาติ
ถ้าหากคุณยังคงรักใครสักคน เคยลองถามตัวเองดูไหมว่า มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ คนสองคนต้องเลิกรักกัน 21 กรกฏาคมนี้ มงคลซีเนม่า เตรียมคำตอบไว้ให้ในหนังรักซึมลึก Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) เรื่องราวความรักกรีดหัวใจที่ได้ 2 นักแสดงเกาหลีขวัญใจคนไทย ฮุนบิน (ซีรีย์ Snow Queen, Lust Caution) และ อิมซูจอง (Sad Movie , I’m a cyborg but that’s ok) นำแสดง โดยฝีมือการกำกับของผู้กำกับมากฝีมือ ลียุนกิโดยฮุนบินตั้งใจแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษเพื่อมอบเป็นของขวัญแด่แฟนคลับก่อนที่เขาจะลาวงการไปเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปี
Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) ถือเป็นหนังรักเรื่องแรกที่เข้าฉายในเทสกาลหนังเบอร์ลินแล้วสร้างสถิติจำหน่ายตั๋วหมดภายใน 5 นาทีใน 5 รอบที่เปิดฉายให้คนทั่วไปได้เข้าชม หนังพูดถึงความรักระหว่างนักเขียนเรื่องอาหารผู้เอาแต่ใจตัวเอง (อิมซูจอง) กับ ศิลปินหนุ่ม ปากแข็งและเจ้าทิฐิ (ฮุนบิน) คู่รักที่รู้สึกว่าถึงพวกเขาจะยังคงรักกันอยู่ แต่ ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป จนในวันฝนตก พวกเขาตัดสินใจแยกทางกันเมื่อรู้ว่า ฝ่ายหญิงมีคนที่รักมากกว่า ... ทั้งคู่ช่วยกันเก็บของในห้องสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะต้องเลิกรักกัน ในขณะที่ฝนก็ตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนทำให้ถนนถูกปิด ... ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามเคลียร์ทางให้ถนนออกจากหมุ่บ้านกลับมาใช้ได้อีกครั้ง .ผู้ชายคนหนึ่งก็กำลังตัดสินใจว่า เขาควรจะพูดประโยคที่ว่า เรายังคงรักกันอยู่ไหม ? ...ออกมาหรือเปล่า
Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์)
ถ้าคุณเคยอยากถามใคร ว่า ยังรักกันอยู่ไหม ?
18 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ฮุนบิน ขอถาม อิมซูจอง ยังรักกันอยู่ไหม ? เพื่อเรียกน้ำตาสาวๆ เกาหลี ใน Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) หนังรักเรื่องสุดท้ายก่อนอำลาวงการ 2 ปี เพื่อรับใช้ชาติ
ถ้าหากคุณยังคงรักใครสักคน เคยลองถามตัวเองดูไหมว่า มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ คนสองคนต้องเลิกรักกัน 21 กรกฏาคมนี้ มงคลซีเนม่า เตรียมคำตอบไว้ให้ในหนังรักซึมลึก Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) เรื่องราวความรักกรีดหัวใจที่ได้ 2 นักแสดงเกาหลีขวัญใจคนไทย ฮุนบิน (ซีรีย์ Snow Queen, Lust Caution) และ อิมซูจอง (Sad Movie , I’m a cyborg but that’s ok) นำแสดง โดยฝีมือการกำกับของผู้กำกับมากฝีมือ ลียุนกิโดยฮุนบินตั้งใจแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษเพื่อมอบเป็นของขวัญแด่แฟนคลับก่อนที่เขาจะลาวงการไปเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปี
Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์) ถือเป็นหนังรักเรื่องแรกที่เข้าฉายในเทสกาลหนังเบอร์ลินแล้วสร้างสถิติจำหน่ายตั๋วหมดภายใน 5 นาทีใน 5 รอบที่เปิดฉายให้คนทั่วไปได้เข้าชม หนังพูดถึงความรักระหว่างนักเขียนเรื่องอาหารผู้เอาแต่ใจตัวเอง (อิมซูจอง) กับ ศิลปินหนุ่ม ปากแข็งและเจ้าทิฐิ (ฮุนบิน) คู่รักที่รู้สึกว่าถึงพวกเขาจะยังคงรักกันอยู่ แต่ ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป จนในวันฝนตก พวกเขาตัดสินใจแยกทางกันเมื่อรู้ว่า ฝ่ายหญิงมีคนที่รักมากกว่า ... ทั้งคู่ช่วยกันเก็บของในห้องสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะต้องเลิกรักกัน ในขณะที่ฝนก็ตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนทำให้ถนนถูกปิด ... ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามเคลียร์ทางให้ถนนออกจากหมุ่บ้านกลับมาใช้ได้อีกครั้ง .ผู้ชายคนหนึ่งก็กำลังตัดสินใจว่า เขาควรจะพูดประโยคที่ว่า เรายังคงรักกันอยู่ไหม ? ...ออกมาหรือเปล่า
Come Rain, Come Shine (คัมเรน คัมชายน์)
ถ้าคุณเคยอยากถามใคร ว่า ยังรักกันอยู่ไหม ?
18 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
44
ข่าวภาพยนตร์ / MOVIE: Shark Night 3D 15 กันยายน
« on: June 02, 2011, 12:34:15 PM »
ผู้กำกับ Snake on the plane มั่นใจ Shark Night 3D โหด มันส์ สะใจ คอหนัง 3 มิติ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยนั่งลุ้นตัวเกร็ง กับการท้าทายความตายมาแล้วใน The Final Destination 3D และ เคย อึ้ง ทึ่ง เสียว กับกองทัพงูอสรพิษ ที่เลื้อย อย่างร้าย บนเครื่องบิน กับ ภาพยนตร์ Snakes On A Plane เดือนกันยายนนี้ ถึงคิวมากรี๊ดสุดเสียง กับเพชรฆาตอันดับหนึ่งแห่งท้องทะเล Shark Night 3D ผลงานจาก เดวิด อาร์ เอลลิส ผู้กำกับสุดสร้างสรรค์แห่งฮอลลีวู้ด ที่เคยกำกับทั้ง The Final Destination 3D และ Snakes On A Plane โดย เดวิด มั่นใจสุดพลังว่า Shark Night 3D จะทั้ง โหด มันส์ เปี่ยมลูกบ้า สะใจคนดูแน่ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์สามมิติ “ผมต้องการทำให้ Shark Night 3D กลายเป็น Jaw สำหรับคนในยุคสมัยของหนังสามมิติ ผมอยากทำให้คนดูออกไปแล้วไม่กล้าลงเล่นน้ำ เหมือนอย่างที่พวกเขากลัวตอนที่ Jaw ออกฉายใหม่ๆ” ที่สำคัญเมื่อขึ้นชื่อว่า เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย เดวิด อาร์ เอลลิสแล้ว นอกจากฉากตื่นเต้น หวาดเสียว ที่มีให้ได้ลุ้นกันตลอดทั้งเรื่อง ยังจะมีลูกบ้า แปลก แหวกทุกกฏ ที่ผู้กำกับคนนี้ จะทำให้เราต้อง ทึ่ง และ จดจำ
Shark Night 3D เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิท 7 คน ที่เดินทางไปพักร้อนในทะเลสาป และหวังว่าทริปหฤหรรษ์นี้จะเป็นทริปที่น่าจดจำไปตลอด... และมันก็ได้สร้างความจดจำไปตลอดจริงๆ แต่เป็นในทางตรงข้าม เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ ฉลามโหด!!! พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่ หรือ ทะเลสาปแห่งนี้ จะเป็นสถานที่สุดท้ายในชีวิต....
ฉลามสุดโหดใน Shark Night 3D ถูกสร้างโดย วอลต์ คอนติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแอนิมาทรอนิค ที่เคยสร้างหุ่นกลไกที่ทุกคนจดจำได้อย่างเช่น งูยักษ์ใน Anaconda, ฉลามอัจฉริยะใน Deep Blue Sea รวมถึงปลาวาฬเพชรฆาตใน Free Willy รวมทั้งยังได้ อลัน อัลโปน เมคอัพอาร์ตติสชื่อดังที่มีผลงานในหนังบล็อคบัสเตอร์ เช่น Iron Man, Iron Man 2, Snakes on a Plane และ The Day the Earth Stood Still มาร่วมสร้างการกัดแหลกแหวกสยอง
ติดตามความมันส์ โหด สะใจ ได้ ในลิงค์ตัวอย่าง
15 กันยายน นี้ ท้าคนกล้าวัดใจกับฉลามร้าย
ใน โรงภาพยนตร์ระบบ สามมิติ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยนั่งลุ้นตัวเกร็ง กับการท้าทายความตายมาแล้วใน The Final Destination 3D และ เคย อึ้ง ทึ่ง เสียว กับกองทัพงูอสรพิษ ที่เลื้อย อย่างร้าย บนเครื่องบิน กับ ภาพยนตร์ Snakes On A Plane เดือนกันยายนนี้ ถึงคิวมากรี๊ดสุดเสียง กับเพชรฆาตอันดับหนึ่งแห่งท้องทะเล Shark Night 3D ผลงานจาก เดวิด อาร์ เอลลิส ผู้กำกับสุดสร้างสรรค์แห่งฮอลลีวู้ด ที่เคยกำกับทั้ง The Final Destination 3D และ Snakes On A Plane โดย เดวิด มั่นใจสุดพลังว่า Shark Night 3D จะทั้ง โหด มันส์ เปี่ยมลูกบ้า สะใจคนดูแน่ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์สามมิติ “ผมต้องการทำให้ Shark Night 3D กลายเป็น Jaw สำหรับคนในยุคสมัยของหนังสามมิติ ผมอยากทำให้คนดูออกไปแล้วไม่กล้าลงเล่นน้ำ เหมือนอย่างที่พวกเขากลัวตอนที่ Jaw ออกฉายใหม่ๆ” ที่สำคัญเมื่อขึ้นชื่อว่า เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย เดวิด อาร์ เอลลิสแล้ว นอกจากฉากตื่นเต้น หวาดเสียว ที่มีให้ได้ลุ้นกันตลอดทั้งเรื่อง ยังจะมีลูกบ้า แปลก แหวกทุกกฏ ที่ผู้กำกับคนนี้ จะทำให้เราต้อง ทึ่ง และ จดจำ
Shark Night 3D เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิท 7 คน ที่เดินทางไปพักร้อนในทะเลสาป และหวังว่าทริปหฤหรรษ์นี้จะเป็นทริปที่น่าจดจำไปตลอด... และมันก็ได้สร้างความจดจำไปตลอดจริงๆ แต่เป็นในทางตรงข้าม เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ ฉลามโหด!!! พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่ หรือ ทะเลสาปแห่งนี้ จะเป็นสถานที่สุดท้ายในชีวิต....
ฉลามสุดโหดใน Shark Night 3D ถูกสร้างโดย วอลต์ คอนติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแอนิมาทรอนิค ที่เคยสร้างหุ่นกลไกที่ทุกคนจดจำได้อย่างเช่น งูยักษ์ใน Anaconda, ฉลามอัจฉริยะใน Deep Blue Sea รวมถึงปลาวาฬเพชรฆาตใน Free Willy รวมทั้งยังได้ อลัน อัลโปน เมคอัพอาร์ตติสชื่อดังที่มีผลงานในหนังบล็อคบัสเตอร์ เช่น Iron Man, Iron Man 2, Snakes on a Plane และ The Day the Earth Stood Still มาร่วมสร้างการกัดแหลกแหวกสยอง
ติดตามความมันส์ โหด สะใจ ได้ ในลิงค์ตัวอย่าง
15 กันยายน นี้ ท้าคนกล้าวัดใจกับฉลามร้าย
ใน โรงภาพยนตร์ระบบ สามมิติ
45
ข่าวภาพยนตร์ / MOVIE: Horrible Bosses 28 กรกฎาคม
« on: June 02, 2011, 12:21:14 PM »
MOVIE GUIDE: Horrible Bosses
ตัวอย่างแรก Horrible Bosses หนังใหม่ของ Warner Bros.
ผลงานกำกับของ เซธ กอร์ดอน นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ อนิสตัน , เจสัน เบทแมน , ชาร์ลี เดย์ , เจมี่ ฟ็อกซ์
ซึ่งหนังจะเข้าฉาย 28 กรกฎาคมนี้
ตัวอย่างแรก Horrible Bosses หนังใหม่ของ Warner Bros.
ผลงานกำกับของ เซธ กอร์ดอน นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ อนิสตัน , เจสัน เบทแมน , ชาร์ลี เดย์ , เจมี่ ฟ็อกซ์
ซึ่งหนังจะเข้าฉาย 28 กรกฎาคมนี้