Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 2114 2115 [2116] 2117 2118 ... 2222
31726
สมอ. ครบรอบ 42 ปี แจกหมวกกันน็อก 8,400 ใบ
ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคล 84 พรรษา




                สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ครบรอบการสถาปนา 42 ปี จัดงาน “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัย ที่ได้ มอก.”แจกหมวกกันน็อก 8,400 ใบ ให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นำหมวกนิรภัยใบเก่ามาแลกใบใหม่ เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา  เนื่องในปี 2554 ที่รัฐบาลประกาศให้เป็นปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100%  และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคล 84 พรรษา โดยมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม(ที่ 3 จากซ้าย)ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน  ร่วมด้วยนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันฑ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม(ซ้ายสุด)โดยมีนายชัยยง กฤตผลชัย เลขาธิการสมอ.(ที่ 4 จากซ้าย) และนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม(ขวาสุด) ให้การต้อนรับ บริเวณด้านหน้าสำนักงานสมอ. ร่วมด้วยนักแสดงชื่อดังแน็ค-ชาลี ไตรรัตน์ และบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

31727
สถาบันอาหารได้งบจากอียู
พัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารพร้อมบริโภคสู้กระแสตลาดโลก


                สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป(อียู) ทั้งในรูปของเงินงบประมาณ และการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษมาเพื่อจัดทำโครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค(Ready to Eat หรือ RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันสู่ตลาดอียูและประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราการบริโภคเติบโตอย่างต่อเนื่อง    ตอบโจทย์กระแสวิถีชีวิตผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริโภคอาหาร รับสมัครเข้าโครงการช่วงแรก 10 โรงงาน เน้นกลุ่มอาหารปรุงสุกก่อนการแช่เย็นหรือแช่แข็ง คาดจะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลให้ตลาดอียูและทั่วโลกมั่นใจได้  โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาคาดว่าอุตสาหกรรมอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานในตลาดโลกอาจมีมูลค่าสูงถึง 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ



               นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม
กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย ภายใต้กรอบความร่วมมือของ Thailand-EU Cooperation Facility ในครั้งนี้เป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู)เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค(Ready to Eat หรือ RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันสู่ตลาดอียูและประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราการบริโภคเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์กระแสวิถีชีวิตผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทปรุงสุกก่อนแช่แข็งของไทยที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มใหญ่ๆ ที่ส่งออกได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากไก่และกุ้งปรุงสุกก่อนแช่เย็นหรือแช่แข็ง โดยมีตลาดอียูเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ ซึ่งมีมูลค่าส่งออกปีละหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งการส่งออกสินค้าไปอียู รวมทั้งประเทศคู่ค้าอื่นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยของอาหารอย่างเคร่งครัด ก่อนได้รับอนุญาตนำอาหารเข้าประเทศ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับการยอมรับและลดการถูกกักกันสินค้าจากต่างประเทศ ผู้ผลิตจำเป็นต้องได้รับการรับรองระบบคุณภาพด้านต่างๆ (Food Safety Management) เช่น GMP, HACCP, BRC, IFS รวมทั้งต้องมีเอกสารรับรองการกำหนดกระบวนการฆ่าเชื้อผลิตภัณฑ์ก่อนการแช่เย็นหรือแช่แข็งให้ได้ตามเกณฑ์ของข้อกำหนดแต่ละประเทศด้วย
               นายอมร กล่าวต่อว่า “โครงการนี้เน้นผู้เข้าร่วมโครงการที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมบริโภคในกลุ่มของอาหารที่มีการปรุงสุกก่อนการแช่เย็นหรือแช่แข็ง และมีการจัดเก็บและจำหน่ายในสภาวะแช่เย็นหรือแช่แข็ง ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตทั้งกระบวนการฆ่าเชื้อ การบรรจุ การขนส่งทั้งก่อนและหลังกระบวนการผลิต และการจัดเก็บ ซึ่งจะต้องมีการทำลาย ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคและที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสีย รวมทั้งป้องกันการปนเปื้อนกลับ โดยโรงงานที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญถึงกระบวนการผลิตให้ปลอดภัยและเข้าใจถึงหลักเกณฑ์และข้อกำหนดในการฆ่าเชื้อผลิตภัณฑ์อาหารให้ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานอาหารของแต่ละประเทศ
โดยเราได้รับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 10 โรงงาน ที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตอาหารปรุงสุกก่อนการแช่เย็นหรือ แช่แข็ง มีระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 18 เดือน โดยจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมิถุนายน 2555 ดำเนินงานโดยสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากอียูเป็นจำนวนเงิน 310,747 ยูโร หรือราว 13 ล้านบาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโครงการนั้น กล่าวคือ จะมีผู้เชี่ยวชาญไทยอย่างน้อย 50 คน ได้รับความรู้ด้านความปลอดภัยอาหาร RTE จากผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าที่สถาบันอาหารอย่างน้อย 10 คน ได้รับการฝึกอบรมเรื่อง การจัดการความปลอดภัยของอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ ผู้ประกอบการอย่างน้อยจำนวน 50 คน ได้รับความรู้เรื่องหลักการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย และโรงงานที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 โรงงาน จะได้รับการยกระดับด้านการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญไทยที่ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ และมีผู้ที่สนใจทั่วไปได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างน้อย 200 คน”




                ด้านนายซามูเอล แคนเทล รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยกล่าวว่า "กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นตลาดที่นำเข้าสินค้าอาหารจากไทยสูงเป็นอันดับ3 โดยในปี 2553 ประเทศไทยส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังอียู คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 ล้านบาท (กว่า 2,500 ล้านยูโร) หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังอียู เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของระเบียบด้านความปลอดภัยในสินค้าอาหารพร้อมบริโภคได้ดียิ่งขึ้น และนับเป็นความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทยในอีกทางหนึ่งด้วย”
อนึ่ง ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1)อาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานแช่เย็น(Chilled ready meals)  2) อาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานแช่แข็ง(Frozen ready meals) 3) อาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานแบบบรรจุกระป๋อง และ 4) อาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานแบบแห้ง (Dried ready meals)  โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาคาดว่าอุตสาหกรรมอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทานในตลาดโลกรวมทุกประเภทอาจมีมูลค่าสูงถึง 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดเอเชียแปซิฟิก และตลาดยุโรป เป็นตลาดหลักที่สำคัญ  ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมและขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ไทย ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยมีอินเดียเป็นตลาดดาวรุ่งที่กำลังมาแรงเนื่องจากชนชั้นกลางเริ่มมีกำลังซื้อสูงมากขึ้น ส่วนประเทศจีนยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวมากน้อยเพียงใด

31728
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดงาน “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.”
เนื่องในโอกาสครบรอบ 42 ปี สมอ.


               นายชัยวุฒิ  บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” เนื่องในโอกาสครบรอบการสถาปนา 42 ปี สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)ในวันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ. กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 ร่วมด้วยศิลปินดาราชื่อดังที่มาร่วมงาน อาทิ แน็ค – ชาลี  ไตรรัตน์ ปุ๋ม – ปนัดดา  วงศ์ผู้ดี เอก – ชมะนันท์  วรรณวินเวศร์ การจัดงานในครั้งนี้ ยังจัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา โดยภายในงานจะมีการแจกหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐาน มอก. แก่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 8,400 ใบ
               ประชาชนที่สนใจสามารถนำบัตรประชาชนและหมวกกันน็อกใบเก่ามาลงทะเบียน เพื่อรับหมวกใบใหม่ได้ฟรี!!! ในวันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนถึง 16.00 น. บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ. กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6





31730
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เปิดตัวนวัตกรรมตู้เย็นแห่งอนาคต
“มิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรีส์” ชูเทคโนโลยีแห่งแสงขึ้นแท่นผู้นำตลาด


ชูเทคโนโลยีล้ำหน้าที่ตอบสนองความต้องการเพื่อคุณภาพชีวิต เป็นผู้ช่วยมืออาชีพสำหรับครอบครัวด้วยคุณสมบัติในการถนอมคุณค่าและรสชาติอาหาร ชี้ตลาดตู้เย็นมัลติดอร์ยังโตได้อีกกว่า 30% ต่อปี ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 1,500 เครื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มมัลติดอร์ เชื่อจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดในทุกเซ็กเมนท์ให้ครองอันดับหนึ่งได้ในที่สุด









               มร. มาซาโนริ อุเอะมุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด พร้อมด้วย นายประพนธ์  โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ และนายอนันต์  บรรเจิดธรรม กรรมการ และผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย ร่วมแนะนำนวัตกรรมตู้เย็นแห่งอนาคต มิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรีส์ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่พัฒนาให้ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีแห่งแสง และระบบต่างๆ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เพื่อการถนอมคุณค่าและรสชาติของอาหาร    ครบครันด้วยคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่นมากมาย เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สำคัญในการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค  โดย มร. มาซาโนริ  อุเอะมุระ ระบุว่า ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น  ฟังก์ชั่นการทำงานของตู้เย็นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การแช่เย็นหรือแช่แข็งเท่านั้น แต่มุ่งเน้นที่การรักษาความสดและคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร อันเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ  ซึ่งมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ได้พัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว
   ด้าน
นายประพนธ์  โพธิวรคุณ กล่าวว่า “คุณสมบัติพื้นฐานสำหรับตู้เย็น ได้แก่ ปริมาณความจุ ที่มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้น  และการประหยัดพลังงานซึ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน รวมถึงการออกแบบรูปลักษณ์ที่สวยงาม   และเพื่อการครองใจผู้บริโภคมากขึ้น มิตซูบิชิ อีเล็คทริค จึงได้พัฒนาคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 2 ด้าน ได้แก่ การทำให้อาหารคงความอร่อย สดใหม่ มีรสชาติ และมีความสะดวกสบาย ง่ายต่อการใช้งาน  เป็นผู้ช่วยมืออาชีพสำหรับครอบครัวซึ่งส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นผู้นำในตลาดตู้เย็นอย่างต่อเนื่อง”
               พร้อมกันนี้
นายอนันต์  บรรเจิดธรรม ให้รายละเอียดด้านการตลาดว่า มิตซูบิชิ อีเล็คทริค  วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เป็นตู้เย็นคุณภาพ โดยมิตซูบิชิมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในเซ็กเมนท์มัลติดอร์  ด้วยความต้องการของตลาดอยู่ที่ 18,000 เครื่องต่อปี โดยที่มิตซูบิชิ อิเล็คทริคมีส่วนแบ่งในเซ็กเม้นท์นี้ที่ 44% สำหรับมูลค่าตลาดโดยรวมของตู้เย็นทุกประเภท ทั้ง 1 ประตู 2 ประตู มัลติดอร์ และไซด์บายไซด์ ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 9,500 ล้านบาท หรือในราว 1,255,000 เครื่อง ซึ่งคาดว่าความต้องการของตลาดในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3-5 % เป็นอย่างน้อย  โดยมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นแบรนด์ชั้นนำที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของทุกเซ็กเมนท์ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในทุกกลุ่ม ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในทุกเซ็กเมนท์ให้ครองอันดับหนึ่งได้
   “ตู้เย็นแบบมัลติดอร์หรือแบบ 3 ประตูขึ้นไป เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตถึง32.5% ต่อปี และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีและคุณสมบัติในการใช้ถนอมอาหาร ตลอดจนการใช้งานที่สะดวกสบาย รวมถึงการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่สวยงาม โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้เน้นที่คุณภาพเป็นหลัก ไม่ได้เน้นเรื่องราคา ทำให้มิตซูบิชิ  อีเล็คทริค เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในขณะนี้ และในส่วนของการออกแบบนั้นก็ได้รับรางวัลดีไซน์อะวอร์ด 2010 ที่ญี่ปุ่นด้วย
                บริษัทฯ มั่นใจว่าการแนะนำตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรีส์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ      พรีเมี่ยมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนจากเทคโนโลยีแห่งแสงที่เหนือชั้น โดยนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นำเสนอนวัตกรรมแห่งอนาคตเพื่อการถนอมคุณค่าและรสชาติของอาหาร ซึ่งมีผลต่อคุณภาพของอาหารที่แช่ในตู้เย็นที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญ   ทั้งนี้ เราได้วางเป้าหมายการขายไว้ที่ 1,500 เครื่องต่อปี   เน้นการจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก เช่น โฮมโปร เดอะมอลล์ และพาวเวอร์บาย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้า จัดบูธแนะนำและสาธิตคุณสมบัติพิเศษของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ โดยเตรียมงบประมาณด้านโฆษณาและส่งเสริมการขายราว 20 ล้านบาท  และในวันที่ 18 – 27 มีนาคมนี้ จะเปิดตัวด้วยโปรโมชั่นพิเศษในงานโฮมโปรเอ็กซ์โปที่เมืองทองธานี  งานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซูเปอร์แฟร์ 2011  ที่ซีคอนสแควร์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน   พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวที่สาขาต่างๆ ของโฮมโปรทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตลอดเดือนพฤษภาคมด้วย”  นายอนันต์ กล่าว
                คุณสมบัติที่โดดเด่นของตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรีส์     ซึ่งทำให้แตกต่างจากตู้เย็นทั่วไปได้แก่ เทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อการถนอมคุณค่าและรสชาติของอาหารด้วยพลังแห่งแสง และครั้งแรกในการใช้เซ็นเซอร์
“มูฟอาย” (Move Eye) กับตู้เย็น มีทั้งระบบแช่แข็งฉับพลัน - ซูเปอร์คูลฟรีซซิ่ง  (Supercool Freezing)กระจายความเย็นสู่อาหารอย่างทั่วถึงให้แข็งพร้อมกันทั้งผิวนอกและใจกลางของชิ้นอาหาร  ระบบซอฟท์ฟรีซซิ่ง (Soft Freezing)สามารถหั่นหรือตัดแบ่งอาหารที่แช่แข็งฉับพลันจากช่องแช่ได้ทันที โดยไม่ต้องทำละลายน้ำแข็งระบบฮอตฟรีซซิ่ง (Hot Freezing) แช่อาหารที่ร้อนเกิน 80 องศาเซลเซียสได้ทันทีโดย     ไม่ต้องรอให้เย็น ซึ่งช่วยลดการสูญเสียความชื้นได้ดีกว่า พร้อมเทคโนโลยีถนอมความสดใหม่และรักษาคุณค่าวิตามินในช่องแช่ผัก  
                นอกจากนี้ยังมีระบบลดกลิ่นและเชื้อแบคทีเรีย กระจายความเย็นรอบทิศทางสู่ชั้นวางของที่ประตูตู้เย็นอย่างทั่วถึง ระบบทำน้ำแข็งอัตโนมัติให้ใสสะอาด พร้อมแผ่นกรองดักจับเชื้อแบคทีเรียและคลอรีน รวมถึงการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานโดยแบ่งช่องชั้นอย่างชัดเจน  ทั้งยังสามารถแยกการควบคุมอุณหภูมิในแต่ละช่องชั้น ปรับรูปแบบการจัดวางของได้หลากหลายด้วยชั้นวางที่เลื่อนได้ 2 ทิศทาง  และมีระบบการทำงานในโหมดประหยัดพลังงานอัตโนมัติให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ ช่วยปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน เฉลี่ยค่าไฟฟ้าไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน (คิดที่ค่าพลังงานไฟฟ้า 2.97 บาทต่อหน่วย)  และทำงานเงียบสนิทเพียง 14 เดซิเบล        (14 dB)
                ตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค โฟลิโอ ฮิคาริ ซีรีส์ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น MR-E60R ขนาด 578 ลิตร สีอีลิแกนท์ ราคา 89,900 บาท  และรุ่น MR-Z65R ขนาด 618 ลิตร สีคริสตัล ไวท์ ราคา 99,900 บาท  พร้อมบริการหลังการขายและการรับประกันคอมเพรสเซอร์ 5 ปี  และอะไหล่อื่นๆ 1 ปี



31731
ศปถ. จัดรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% ภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช



               นายธีระ  มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวีดนครศรีธรรมราชเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเมาไม่ขับ  สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2554 นี้เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100%  ให้ประชาชนได้รับทราบและให้ความร่วมมือเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดนำร่องของภาคใต้  โดยมี โน้ต – วัชรบูล  ลี้สุวรรณ ทูตรณรงค์ของโครงการ และ คริส  เบญจกุลร่วมกิจกรรมในงานด้วย ที่ศาลาประดู่หก  ตรงข้ามสนามหน้าเมือง     ถนนราชดำเนิน อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช  เมื่อเร็วๆ นี้

31732
สมอ. ครบรอบ 42 ปี จัดงาน “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.”
แจกหมวกกันน็อกกว่า 8,400 ใบ ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคล 84 พรรษา


               สมอ. ครบรอบ 42 ปี ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคล 84 พรรษา และรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% จัดโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” ให้ประชาชนนำหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกใบเก่ามาแลกใบใหม่ที่ได้ มอก. ฟรี จำนวนกว่า 8,400 ใบ ในวันพุธที่ 23 มีนาคมนี้ ณ บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ. พร้อมเลือกซื้อหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. ในราคาต้นทุนจากโรงงาน ย้ำผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ควรสวมหมวกกันน็อก มอก. เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน



               นายชัยยง  กฤตผลชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2554 นี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ ได้ดำเนินงานด้านการมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล มาเป็นระยะเวลา 42 ปี แล้ว เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ตลอดจนเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และคุ้มครองผู้บริโภค ปัจจุบัน สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) แล้วกว่า 2,800 รายการ และให้การรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน โดยการอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกว่า 20,000 ราย
                และในปี 2554 นี้ รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปีแห่ง การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งการบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัยอย่างเข้มงวด รวมถึงการพัฒนามาตรฐานหมวกนิรภัยให้มีทั้งความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่ง สมอ. มีภารกิจในการกำกับดูแลให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ด้วยการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ มอก. เพื่อความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และจากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 1.3 ล้านคน หรือทุกนาทีจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 25 คน และทำให้มีผู้พิการถึงปีละ 50 ล้านคน สำหรับประเทศไทย สถานการณ์อุบัติเหตุยังน่าเป็นห่วง โดยในปี 2552 มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 10,171 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของ   ผู้ขับขี่โดยอัตราของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 60 – 70% เป็นกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์และไม่สวมหมวกนิรภัย โดยข้อมูลของมูลนิธิไทยโรดส์ล่าสุดพบว่ามีผู้สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เพียง 53.3% ส่วนผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยเพียง 19.4%
               ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สมอ. ได้ตระหนักถึงผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้จัดทำโครงการ
“ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” ขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยการสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน มอก. เพื่อช่วยลดอัตราความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ประกอบกับในปี 2554 นี้ สมอ. มีการดำเนินงานมาครบรอบ 42 ปี ในวันที่ 25 มีนาคม 2554 จึงถือโอกาสในการจัดทำโครงการนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบการสถาปนา 42 ปี สมอ. ด้วย
               เลขาธิการ สมอ. กล่าวต่อว่า การจัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัยที่ได้ มอก.” นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่ สมอ. ครบรอบ 42 ปีแล้ว ยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษาด้วย โดย สมอ. จะแจกหมวกนิรภัย จำนวน 8,400 ใบ ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นำหมวกนิรภัยใบเก่าพร้อมบัตรประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อแลกหมวกใบใหม่
ในวันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. บริเวณด้านหน้าอาคาร สมอ.โดยมีศิลปินดาราชื่อดังมาร่วมงาน อาทิ แน็ค – ชาลี  ไตรรัตน์ ปุ๋ม – ปนัดดา  วงศ์ผู้ดี  เอก – ชมะนันท์  วรรณวินเวศร์นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “42 ปี สมอ. มาตรฐานดี คู่สังคมไทย” เพื่อแสดงประวัติความเป็นมา บทบาท หน้าที่ พันธกิจ ผลงาน ตลอดจนกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่ สมอ. ให้การสนับสนุนและดำเนินงานตลอดระยะเวลา 42 ปี ที่สร้างสรรค์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ดีให้อยู่คู่กับสังคมไทย พร้อมจัดให้มีบูธจำหน่ายหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน มอก. ในราคาต้นทุนจากบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และโรงงานผู้ผลิตหมวกนิรภัยโดยตรงกว่า 10 บูธ  
               “อยากฝากถึงประชาชนผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกท่าน โปรดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยการสวมหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐาน มอก. เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง ได้มีการตรวจสอบจาก สมอ. แล้วว่าจะช่วยป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่จากการกระแทก อีกทั้งยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย เพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจะมีความคงทน สามารถใช้งานได้นาน นอกจากนี้ ผู้บริโภคก็จะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ขาย เพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานมีการระบุรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อ การจัดกิจกรรมนำหมวกนิรภัยใบเก่ามาแลกใบใหม่ในครั้งนี้ ผมหวังว่าจะมีส่วนในการกระตุ้นเตือนภาคสังคมให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ได้อีกทางหนึ่ง”  เลขาธิการ สมอ. กล่าว

31733
ผู้ผลิตอาหารพร้อมบริโภคของไทยได้รับประโยชน์จาก
โครงการด้านความปลอดภัยในอาหารที่ได้รับเงินสนับสนุนจากอียู




               สถาบันอาหารเปิดตัวโครงการ "โครงการเพิ่มศักยภาพอาหารพร้อมบริโภคของไทยด้วยระบบการจัดการด้านความปลอดภัย" ซึ่งได้รับงบสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค (Ready to Eat - RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันสู่ตลาดอียูและประเทศอื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคหมายถึง ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการปรุงหรือกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ก่อนนำไปแช่แข็ง ส่วนมากจะจำหน่ายแบบแช่แข็งหรือแช่เย็น

               นายซามูเอล แคนเทล รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า "อียูเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นตลาดนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยที่ใหญ่เป็นอันดับสาม เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของระเบียบด้านความปลอดภัยในสินค้าอาหารพร้อมบริโภค"โครงการ "โครงการเพิ่มศักยภาพอาหารพร้อมบริโภคของไทยด้วยระบบการจัดการด้านความปลอดภัย" มีระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 18 เดือน (10 มกราคม 2554 – 30 มิถุนายน 2555) ดำเนินงานโดยสถาบันอาหารและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ และได้รับเงินสนับสนุนจากอียูเป็นจำนวนเงิน 310,747 ยูโร
               ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญไทยอย่างน้อย 50 คน ได้รับความรู้ความปลอดภัยอาหาร RTE โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าสถาบันอาหารอย่างน้อย 10 คน ได้รับการฝึกอบรมเรื่อง การจัดการความปลอดภัยของอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ ผู้ประกอบการอย่างน้อยจำนวน 50 คน ได้รับความรู้เรื่องหลักการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย โรงงานที่ผ่านการคัดเลือกสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 โรงงานได้รับการยกระดับด้านการผลิตอาหาร RTE อย่างปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญไทยที่ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ ผู้ทีสนใจทั่วไปได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้หลังจากผ่านกิจกรรมต่างๆของโครงการอย่างน้อย 200 คน

               ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของโลก โดยในปี 2552 ประเทศไทยส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังอียูคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 90,000 ล้านบาท (กว่า 2,200 ล้านยูโร) คิดเป็นร้อยละ 15 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังอียู

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
คุณยุวภา ใจบุญ
“สถาบันอาหาร” แผนกบริการวิศวกรรมอาหาร ฝ่ายบริการวิชาการ ที่อยู่ 2008 ซ.อรุณอมรินทร์ 36 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
โทร. 0-2886-8088 ต่อ 2300-2308 โทรสาร. 0-2886-8105
E-mail : eurte@nfi.or.th หรือที่ www.nfi.or.th, www.eureadytoeat.com

สหภาพยุโรปให้เงินสนับสนุนแก่โครงการ โครงการเพิ่มศักยภาพอาหารพร้อมบริโภคของไทยด้วยระบบการจัดการด้านความปลอดภัย ภายใต้กรอบความร่วมมือของ Thailand-EU Cooperation Facility ซึ่งโครงการนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดการหารืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างสหภาพยุโรปกับไทย และมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับความสามารถ ทั้งของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาในระดับประเทศของไทย











31734
ปภ. จัดรณรงค์รณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% ที่ขอนแก่น



               นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100%  ว่า “ปภ. ร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเมาไม่ขับ  สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ  บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ  สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ฯลฯ  ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาลในการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และให้ประชาชนทุกคนได้รับทราบและให้ความร่วมมือสวมหมวกนิรภัย 100% ในทุกพื้นที่ ทั้ง 4 ภาค  โดยในเดือนมีนาคมนี้จะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดขอนแก่น  ซึ่งจะจัดกิจกรรมรณรงค์ที่ศาลากลาง ในวันศุกร์ที่ 11 นี้  สำหรับพื้นที่ภาคใต้ จะจัดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันพุธที่ 16    ภาคเหนือที่จังหวัดลำพูน ในวันพุธที่ 23  และภาคกลางที่จังหวัดนครนายก ในวันศุกร์ที่ 25 นี้ 
                ทั้งนี้ การรณรงค์แต่ละครั้งจะมีทั้งนิทรรศการให้ความรู้  และการจัดกิจกรรมต่างๆ  กิจกรรมของทูตรณรงค์ในโครงการฯ คือ
โน้ต-วัชรบูล  ลี้สุวรรณ  สุวรรณ  กิจกรรมการออกแบบและเพ้นท์ลายบนหมวกนิรภัย  การแจกหมวกนิรภัยให้แก่ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์  ขบวนรถจักรยานยนต์รณรงค์  และการมอบศาลาที่พักให้แก่วินรถจักรยานยนต์ด้วย”
                การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยทั่วประเทศ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของประชาชน  ซึ่งจะช่วยบรรเทาความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ลงได้ เนื่องจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต การบาดเจ็บและพิการของคนไทย และสร้างความสูญเสียทั้งเศรษฐกิจและสังคม หากคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ยมากกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท หรือ 2.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ  ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จะเป็นผู้ใช้จักรยานยนต์ พบว่ามีผู้ขับขี่หรือผู้ซ้อนท้ายเสียชีวิต เฉลี่ยวันละ 24 คน  1 ใน 4 เป็นเด็กและเยาวชน แต่ละปีมีผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่าแสนราย กลายเป็นคนพิการกว่าปีละ 3,000 คน โดยเฉลี่ยในทุก 2 ชั่วโมงจะมีผู้พิการเพิ่มขึ้น 1 คน พฤติกรรมที่สำคัญคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย
                ด้านดร. ปิยพงษ์  จิวัฒนกุลไพศาล  นักวิชาการมูลนิธิไทยโรดส์  เปิดเผยว่า จากการสำรวจร่วมกับ สสส. เกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้จักรยานยนต์ทั่วประเทศ จำนวน 954,956 ราย ระหว่างเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2553 พบว่า ภาพรวมมีผู้สวมหมวกนิรภัย 43.7% แบ่งเป็น ผู้ขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 53.3% และคนซ้อนสวมหมวกนิรภัย 19.4% จังหวัดที่มีผู้สวมหมวกนิรภัยสูงสุด 10 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เลย สมุทรปราการ นนทบุรี  ปทุมธานี หนองบัวลำภู พิษณุโลก สระบุรี และสุรินทร์ ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีผู้สวมหมวกนิรภัยน้อยที่สุด 10 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี พังงา อ่างทอง เพชรบุรี กาญจนบุรี พัทลุง บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และชัยนาท สาเหตุของการไม่สวมหมวกนิรภัยคือ เห็นว่าเดินทางระยะใกล้ 64%  ไม่ได้ออกถนนใหญ่ 37%  และเร่งรีบ 29%  โดยกลุ่มตัวอย่าง 55% ไม่ทราบว่าการซ้อนท้ายโดยไม่สวมหมวกนิรภัยมีโทษปรับทั้งคนขี่และคนซ้อน ขณะที่อีก 13% คิดว่าการซ้อนท้ายโดย     ไม่สวมหมวกนิรภัยไม่ผิดกฎหมาย






31735
TAKERS
พลิกแผนปล้นระห่ำนรก

เอ็ม วี ดี ขอนำเสนอภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดระห่ำโจรกรรมเหนือเมฆ พอล วอล์คเกอร์ นำทีมวางแผนการปล้นสุดอัจฉริยะ



               ภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์เดิมพันความมันส์สุดอันตราย นำแสดงโดย แมตต์ ดิลลอน, พอล วอล์คเกอร์, ไอดริส เอลบา, เจย์ เฮอร์นานเดซ, ไมเคิล เอลี่ และ ทิป “ทีเจ” แฮร์ริส หลังการปล้นธนาคารหลายครั้งหลายคราที่ไม่เคยพลาดด้วยแผนการปล้นสุดอัจฉริยะ แก๊งโจรกรรมเหนือเมฆกลุ่มนี้ตัดสินใจที่จะวางมือกับงานสุดท้ายที่ท้าทายที่สุดในชีวิต โดยมีเงิน 25 ล้านดอลล่าร์เป็นรางวัล แต่สิ่งที่จะขวางทางพวกเขาคือนายตำรวจผู้ไม่ยอมลดละที่ขอทำทุกวิถีทางที่จะโค่นยอดโจรแก๊งนี้ให้ได้ สมทบด้วย คริส บราวน์ และ เฮย์เด็น คริสเทนเซ่น ในความมันส์พุ่งพล่านที่แรงร้อนจนจอลุกเป็นไฟ
               ระห่ำกับแผนการปล้นอัจฉริยะพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 10 มีนาคม 2554 ในรูปแบบ วีซีดี 250 บาท ดีวีดี 299 บาท ดีวีดี Auto Play 250 บาท และบลูเรย์ 999 บาท
               ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies

31736
เอ็ม วี ดี ขอนำเสนอภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยิ่งใหญ่ “ซามูไร อโยธยา” มหากาพย์นักรบสองวัฒนธรรม เรื่องจริงที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ ต่อไปในเลือดในกายเจ้า จะมีเลือดอโยธยา ประกาศความยิ่งใหญ่ ทุกแผ่นดิน



               ในสมัยเอโดะ ยามาดะ นากามาสะ ซามูไรหนุ่มอาสามาเป็นทหารร่วมรบในกองทัพอโยธยา เขาถูกทหารญี่ปุ่นที่ขึ้นกับหงสาวดีลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ได้กลุ่มนักรบไทยช่วยชีวิตไว้และพาไปอยู่กับพระอาจารย์จอมขมังเวทย์ ยามาดะได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้จนเก่งกล้าจนได้รับการคัดเลือกเป็นราชองครักษ์แห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์แห่งอโยธยา รวมถึงมิตรภาพที่ชาวไทยมอบให้ ซามูไรหนุ่มจึงตัดสินใจว่า “แม้อโยธยาไม่ใช่แผ่นดินเกิด แต่ก็จะเป็นแผ่นดินตาย”
 พบกับเรื่องราวมิตรภาพของ 2 วัฒนธรรม 2 แผ่นดิน พร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 17 มีนาคม 2554 ในรูปแบบ   วีซีดี 149 บาท และดีวีดี 249 บาท
               ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies

31737

ชื่อเรื่อง   :  The Heavy
ชื่อไทย   :  ฝ่าวิกฤตสมรภูมิคนกล้า
แนวหนัง   :  แอ็คชั่น / ระทึกขวัญ
นักแสดง   :  แกรี่ สเตรทช์, วินนี่ โจนส์, สตีเฟ่น รี, คริสโตเฟอร์ ลี
ผู้กำกับ   :  มาร์คัส วาร์เร็น


               หนึ่ง “คน” สู้เพื่ออยู่รอด  หนึ่ง “คน” สู้เพื่ออุดมการณ์ แต่อีกหนึ่ง “คน” นั้นสู้เพื่อล้างแค้น  แกรี่ สเตรทช์
(Alexander, The KingMaker) วินนี่ โจนส์ (X Men, Swordfish) คริสโตเฟอร์ ลี (The Golden Compass)

               มิทเชล ‘บูทส์’ เมสัน (แกรี่ สเตรทช์) มีหนี้สินที่เป็นเหตุให้ต้องฝืนใจทำงานในฐานะ ‘เดอะ เฮฟวี่’ ให้กับ อนาวอลท์ (สตีเฟ่น รี) นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแต่ไร้ซึ่งมโนธรรม เพื่ออิสรภาพ  บูทส์จะต้องทำงานสำคัญชิ้นสุดท้ายให้ลุล่วง  ขณะที่น้องชายของเขา  คริสเตียน เมสัน (เอเดรียน พอล) นักการเมืองอนาคตไกลซึ่งเป็นว่าที่รัฐมนตรีคนต่อไป รู้สึกขมขื่นต่ออาชีพในเงามืดของพี่ชายและต้องการกวาดล้างให้สิ้นซาก  จากการโน้มนำของดันน์ (วินนี่ โจนส์) นายตำรวจผู้ทุจริต  ทำให้บูทส์ต้องเข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้  และบูทส์จะใช้ชีวิตอยู่ระหว่างการล้างแค้นและการเอาชีวิตรอดนี้ได้อย่างไร
พบกับ The Heavy  ฝ่าวิกฤตสมรภูมิคนกล้า พร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 8 เมษายน 2554 ในรูปแบบ วีซีดี 99 บาทและดีวีดี199 บาท


สินค้า ดีวีดี มีรายละเอียดสเปคของแผ่นดังนี้
DVD Feature

เลือกฟังเสียงภาษาไทยได้       
Languages   : English / Thai
Subtitles      : English / Thai

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies

31738

ชื่อเรื่อง   :  The Devil’s Flower
ชื่อไทย   :  ปาฏิหาริย์มัจจุราชล่ารัก
แนวหนัง   :  โรแมนติก, ลึกลับ
นักแสดง   :  โอลก้า โคโคลว่า, เซอร์เก้ แครปิว่า, ไอริน่า คัปเชนโก้, นาตาลย่า นูมาว่า
ผู้กำกับ   :  แคตย่า โกรคอฟสกาย่า


จากตำนานรักมัจจุราชสู่การต่อสู้ที่เขาและเธอต้องเผชิญหน้า
               โพลิน่านักศึกษามหาวิทยาลัยผู้ผันเกี่ยวกับดอกไม้ประหลาดที่อยู่ในรั้วของปราสาทเก่าแก่  จนมันยังคงดึงดูดและหลอกหลอนเธอในความเป็นจริงด้วยพร้อมกับเพื่อนสาวของเธอที่มีงานอดิเรกเกี่ยวกับในเรื่องของเวทมนตร์พวกเขาพบหนังสือโบราณเช่นนั้นเขาจึงได้เดินทางเข้าไปสูโลกแห่งความลึกลับที่เหนือความเป็นจริงตอนนี้โพลิน่าไม่ได้ไล่ตามดอกไม้ประหลาดโดยลำพังแต่โดยคนขี่ม้าผู้ลึกลับด้วย
   พบกับ The Devil’s Flower ปาฏิหาริย์มัจจุราชล่ารัก พร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 21 เมษายน 2554 ในรูปแบบ วีซีดี 179 บาทและดีวีดี 199 บาท


สินค้า ดีวีดี มีรายละเอียดสเปคของแผ่นดังนี้
DVD Feature

เลือกฟังเสียงภาษาไทยได้       
Languages   : Russian / Thai
Subtitles      : Thai

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies


31739

ชื่อเรื่อง   :  The Big I Am
ชื่อไทย   :  คนจริงระห่ำสะท้านเมือง
แนวหนัง   :  ระทึกขวัญ, อาชญากรรม
นักแสดง   :  ลีโอ เกรเกอรี่, วินเซนต์ เรแกน, ไมเคิล แมดเซ่น, โรเบิร์ต ฟูซิลล่า
ผู้กำกับ   :  นิค โอร์บาช


               ทีมระห่ำต้องมีเพียงหนึ่งที่เป็นคนจริงและคนเดียวเท่านั้นที่จะใหญ่สะท้านเมืองสาดความกระหน่ำโดยนักแสดงมือฉกาจลีโอ เกรเกอรี่ จาก Goal 3 วินเซนต์ เรแกน จาก Clash of the Titanไมเคิล แมดเซ่น จาก Sin City
      โชคชะตาที่โหดร้ายได้บิดเหวี่ยงช่วงเวลาอันแสนคดเคี้ยวของชีวิต มิกกี้ สกินเนอร์ (ลีโอ เกรเกอรี่) เข้าสู่ศึกครั้งใหญ่ ในฐานะหัวหน้าแก๊งที่แสนเลือดเย็นในมหานครลอนดอน ที่พยุงชีวิตของเค้าไว้จากธุรกิจชั่วช้าในการค้ามนุษย์
พบกับ The Big I Am คนจริงระห่ำสะท้านเมือง พร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 21เมษายน 2554 ในรูปแบบ วีซีดี 99 บาทและดีวีดี199 บาท


สินค้า ดีวีดี มีรายละเอียดสเปคของแผ่นดังนี้
DVD Feature

เลือกฟังเสียงภาษาไทยได้       
Languages   : English / Thai
Subtitles      : English / Thai

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies

31740

“Sniper: Reloaded จะยิงความมันส์เจาะขั้วหัวใจคุณ”
– ทิม แจนสัน, Mania Entertainment

                ขณะปฏิบัติงานให้กับกองกำลังยูเอ็นในประเทศสาธารณรัฐคองโก นายทหารนาวิกโยธิน แบรนดอน เบ็คเก็ตต์ (แชด ไมเคิล คอลลินส์) ลูกชายของโธมัส เบ็คเก็ตต์ สไนเปอร์มือพระกาฬจากภาคแรก ได้รับคำสั่งให้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวยุโรปที่ติดอยู่กลางเขตแดนฝ่ายกบฏหัวรุนแรง เมื่อเบ็คเก็ตต์และลูกน้องเดินทางมาถึงฟาร์มแห่งนี้ สไนเปอร์ลึกลับคนหนึ่งได้ซุ่มยิงโจมตีพวกเขาทำให้เบ็คเก็ตต์ได้รับบาดเจ็บส่วนคนอื่นๆ ถูกสังหาร ด้วยความช่วยเหลือจากริชาร์ด มิลเลอร์ (บิลลี่ เซน) มือซุ่มยิงอดีตลูกศิษย์ของพ่อ เบ็คเก็ตต์จึงต้องเรียนรู้วิธีคิดแบบสไนเปอร์เพื่อตามรอยคนร้ายก่อนที่มันจะย้อนกลับมาปิดภารกิจสังหารให้เสร็จสิ้น
พบกับภารกิจเสี่ยงตายที่จะยิงความมันส์เจาะเข้าหัวใจคุณพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 21 เมษายน 2554 ในรูปแบบ วีซีดี 179 บาท และดีวีดี 299 บาท


สินค้า ดีวีดี มีรายละเอียดสเปคของแผ่นดังนี้
ความยาว   91 นาที
Aspect Ratio   Widescreen 1.85:1
Languages   English, Portuguese, Spanish, French, Thai 5.1 (Dolby Digital)
Subtitles                   English, English SDH, Portuguese, Spanish, French, Chinese, Korean, Thai


Special Feature
-ภาพยนตร์ตัวอย่าง

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ได้ที่ http://www.mvd.co.th , http://www.facebook.com/mvdmovies , http://twitter.com/mvdmovies



Pages: 1 ... 2114 2115 [2116] 2117 2118 ... 2222