Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 2114 2115 [2116] 2117 2118 ... 2404
31726
ไม่มีซักแบบ

ไม่มีเหมือนกัน

31727
ขอด้วยครับ

มีแจกทุกคนครับ

31728
โคนัน เดอะ มูฟวี่ ภาค 16 ปริศนาระทึก-ศึกลูกหนังมรณะ 25 ต.ค.55


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=RpPUXLI8m7M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=RpPUXLI8m7M</a>

ชื่ออังกฤษ: Conan  Movie# 16  Eleventh Striker  “11 นินเมย์ โนะ สไตรเกอร์”
ชื่อไทย : โคนัน เดอะ มูวี่ 16 ภาค ปริศนาระทึก-ศึกลูกหนังมรณะ
แนว :  อนิเมชั่นภาพยนตร์แนวสืบสวน-แอคชั่น
ผลงาน : อาโอยาม่า โกโช
ระบบฉาย : ดิจิตอล พากย์ไทย
กำหนดการฉาย : 25 ตุลาคม 2555 ในเครือเอสเอฟ


               “เมย์ทันเทโคนัน” หรือ ที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” เป็นการ์ตูนแนวสืบสวนของประเทศญี่ปุ่น ผลงานของ อ.อาโอยาม่า โกโช มีจุดเริ่มต้นจากการถูกตีพิมพ์ลงเป็นตอนย่อยในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ (โชงะกุกังโชเน็งซันเดย์) เมื่อปี 1994 (พ.ศ. 2537)  ด้วยพลอทสืบสวนที่โดดเด่นร่วมสมัยชวนติดตามทำให้ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” สามารถประสพความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว  พัฒนาจากหนังสือการ์ตูนสู่รูปแบบอนิเมชั่นซี่รี่ส์ และกลายเป็นอนิเมชั่น “เวอร์ชั่นภาพยนตร์”  หรือ “โคนัน เดอะ มูวี่” ตั้งแต่ปี 1997  (พ.ศ. 2540)  โดยภาคที่หนึ่งมีชื่อว่า “คดีปริศนาระเบิดระฟ้า”

               ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ยังคงถูกผลิตในรูปแบบอนิเมชั่นภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องมาจนถึงภาคที่ 16  ภาคปริศนาระทึก-ศึกลูกหนังมรณะ ซึ่งทันทีที่ภาคนี้ได้ถูกฉายในญี่ปุ่น (ปี 2012) มันได้สร้างปรากฏการณ์อันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศที่ญี่ปุ่นในสัปดาห์แรก และทุบสถิติรายได้เปิดตัวของภาคที่ผ่านๆ มาทั้งหมด 

เรื่องย่อ

รหัสปริศนาคือคำท้าทายที่มาจากคนร้าย!
ทั้งกับดักและแผนร้าย อันตรายนานัปประการถาโถมใส่ยอดนักสืบ...
อาวุธเดียวคือทีมเวิร์ก ต่อสู้กลับด้วยจิตวิญญาณอันเร่าร้อน!

               โคนัน เดอะ มูวี่ 16  ภาค ปริศนาระทึก-ศึกลูกหนังมรณะ ในภาคนี้ เริ่มจาก ...มีเสียงโทรศัพท์ของสำนักงานนักสืบโมริดังขึ้น ในเวลาไล่เลี่ยกับรถยนต์ที่จอดไว้หน้าสำนักงานนักสืบฯ เกิดระเบิด .. ทันทีที่ยอดนักสืบโมริ โคโกโร่รับสาย เสียงลึกลับจากปลายทางโทรศัพท์เริ่มพูดบางอย่างขึ้น “เด็กสีน้ำเงินกับม้าลายสีน้ำเงิน สายฝนโปรยปรายจากด้านบน” โมริ พยายามไขรหัสปริศนาของเสียงลึกลับและที่มาของระเบิด ทว่ากลับไม่พบเงื่อนงำใดๆ เลย ซึ่งช่วงเวลาเดียวกัน ฝั่งโคนันที่กำลังชมการแข่งขันฟุตบอลกับกลุ่มนักสืบเยาวชนอย่างเพลิดเพลิน  เขา...ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเข้าไปพัวพันกับการไขคดีที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

               ซึ่งเป้าหมายของการระเบิดครั้งต่อไปอยู่ท่ามกลางการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญระดับชาติ ! เสียงลึกลับคือผู้ต้องสงสัย! ที่อาจเป็นนักกีฬา, ผู้สนับสนุน, เจ้าของสโมสร, สื่อมวลชน ฯลฯ แล้วเป็นใครกันหล่ะ? หากโคนันถอดรหัสปริศนาไม่ได้ผู้คนใน สเตเดียมนับแสนคนก็จะ....!!!


โคนัน เดอะ มูวี่ 16  ไฮไลท์ “ฟุตบอล”+ “พลังชาตินิยม”

ในประเทศญี่ปุ่นประสพความสำเร็จอย่างงดงามไร้ข้อกังขา สำหรับภาคนี้มีไฮไลท์อยู่ที่ “ฟุตบอล”

            1.   ทาง J. League” (เจลีค) เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน (อย่างเป็นทางการก็ว่าได้) และมีการทำ เคมเปญร่วมกับเรื่องนี้ในประเทศญี่ปุ่น คือ “โคนันร่วมฉลองครบรอบ 20 ปี J. League” มีดารารับเชิญเป็นนักฟุตบอลที่สังกัดสโมสร ให้เป็นแบบคาแรกเตอร์ตัวนักฟุตบอลสำหรับทำอนิเมชั่นในเรื่องพร้อมพากย์เสียงอีกด้วย

            2.   มีฉากที่ทำให้โคนันได้เตะบอลกับนักเตะชื่อดัง “มิอุระ คาสึโยชิ” ตัวต่อตัว สร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับเด็กๆ คนที่ติดตามโคนัน หรือแฟนบอลญี่ปุ่นได้รู้สึกว่า “โห โคนันได้เตะบอลกับคุณมิอุระ คาสึโยชิที่เป็นนักบอลชื่อดังด้วย น่าอิจฉาจัง” 

            3.   หากคนที่ติดตามยอดนักสืบจิ๋วโคนันมาตลอดจะทราบดีว่า ซีนที่โคนันเตะฟุตบอลไม่ได้มีมากอย่างที่คิด ดังนั้นสำหรับภาคนี้เราจะได้เห็นทักษะลีลาการเล่นฟุตบอลของโคนันอย่างเต็มที่และจุใจด้วย...ตามดูมากว่า 16 ปีได้เห็นชัดๆ ก็ภาคนี้แหละ 

            4.   ภาคนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการไขคดีที่สนามกีฬา องค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ทั้งฉาก,การเคลื่อนไหวของนักกีฬา ทำได้ละเอียด สวยงาม แสดงถึงความใส่ใจของทีมผลิตอนิเมชั่นจริงๆ

            5.   ที่สำคัญประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คลั้งไคล้กีฬา ฟุตบอลเอามากๆ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฟุตบอลเป็นไฮไลท์เด็ดของภาคนี้ไปได้อย่างไร


รายชื่อนักบอลที่ปรากฏตัวในฐานะดารารับเชิญ

1.มิอุระ คาสึโยชิ (Kazuyoshi Miura) จากสโมสรโยโกฮาม่า FC เคยไปเตะที่ประเทศบราซิลหลายปี อยู่ในระดับตำนานคนหนึ่งของญี่ปุ่น
2.เอ็นโด ยาสุฮิโตะ (Yasuhito Endou) จากสโมสรกัมบะโอซาก้า
3.คนโนะ ยาสึยุกิ (Yasuyuki Konno) จากสโมสรกัมบะโอซาก้า
4.นากามุระ เคนโงะ (Kengo Nagamura) จากสโมสรคาวาซากิ ฟรอนเทล (Kawasaki Frontale)
5.นาราซากิ เซย์โกว (Seigou Narazaki) จากสโมสรนาโกย่า แกรมพัส เอท (Nagoya Grampus Eight)


โคนัน เดอะ มูวี่ 16  ฉากเด่นระทึก บีบคั้น หายใจไม่ทั่วท้องยังมีไหม?

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันที่ประสพความสำเร็จมาได้ทุกวันนี้และผลิตทั้งหนังสือการ์ตูน-อนิเมชั่นมาต่อเนื่องไม่เคยหยุด ด้วยจุดแข็งทางด้านพลอทเรื่องจริงๆ โดยเฉพาะพลอทคดีต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบภาพยนตร์อันโด่งดัง และมีจุดที่ต้องให้ลุ้น กระชากอารมณ์ กว่าจะไขคดีได้ ต้องให้ใจเต้นแรง เสียเหงื่อแอบน้ำตาเล็ด ทุกภาคทุกตอนไป ซึ่งหากภาคนี้ไม่มีก็ไม่ใช่โคนัน “โคนันของแท้ต้องมีฉากกระชากอารมณ์”

ฉากที่สร้างความระทึกได้มากๆ เช่น ตอนที่โคนันพยายามหยุดการระเบิดด้วยแรงตัวเองตามลำพัง โคนันจะต้องใช้สเก็ตบอร์ดไต่ไปตามจุดที่อันตราย ถือว่าเป็นฉากที่ทำได้น่าตื่นเต้นดีมาก  และมีอีกหลายฉากที่เป็นไคลแมกซ์ซึ่งต้องขอบอกว่าภาคนี้ห้ามกระพริบตาโดยเด็ดขาด!


ทำไม ? ยอดนักสืบจิ๋วโคนันถึงยังคงอยู่ได้ถึงปัจจุบัน

               • จุดเริ่มต้นสู่การ์ตูนเรื่องยาว จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดมีเหตุมาจาก ที่คุโด้ ชินอิจิ เด็กหนุ่มัธยมปลายพบเห็นการกระทำของกลุ่มชายขุดดำ ทำให้เขาต้องกลายร่างเป็นเด็กประถมและเปลี่ยนชื่อเป็นโคนัน   เขาต้องหาวิธีการกลับคืนร่างเดิมให้ได้ พร้อมทั้งเข้าไปไขคดีมากมาย ซึ่งนับตั้งแต่เรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นมาปี 1994 (พ.ศ. 2537)   “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ถูกจัดทำเป็นหนังสือการ์ตูนที่มีมากกว่า 700 ตอน และถูกทำเป็นอนิเมชั่นซี่รี่ส์ออกอากาศในประเทศญี่ปุ่น มาแล้วมากกว่า 600 ตอน  (จัดลำดับให้เป็นการ์ตูนโทรทัศน์เรื่องยาวที่มีความยาวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 )

               • พลอทเรื่องที่น่าสนใจ การวางเงื่อนงำปริศนาของแต่ละคดีได้สร้างให้คนดูรู้สึกสงสัย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? คนร้ายใช้กลเม็ดแบบไหนถึงทำแบบนี้ได้? แล้วโคนันจะไขคดีนี้ได้อย่างไร?  ซึ่ง อ.อาโอยาม่า ก็สามารถสร้างทริคสนุกๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ มาให้คนอ่านและคนดูได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องมากว่า 16 ปีแล้ว  อ.อาโอยาม่า โกโชเคยบอกไว้ว่าอาจารย์จะใช้เวลาเฉลี่ยในการคิดคดีใหม่ๆในการ์ตูนราว 4 ชั่วโมง ถ้าคดีไหนยิ่งซับซ้อนมากก็จะใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมง คดีทุกคดีจะประกอบด้วยหลายๆบท และจะถูกคลี่คลายในตอนจบทุกครั้งโดยตัวละครจะอธิบายในรูปแบบง่ายๆ อ.อาโอยาม่า โกโชยังคงใช้ภาษาง่ายๆ ให้ผู้ชมได้ติดตามผลงานไปเรื่อยๆ

               • รื่องราวที่ร่วมสมัยไม่เชย มีความเป็นสากลทำให้ได้รับความนิยมไปหลายประเทศ นอกจากพลอทแนวสืบสวนแล้วยังผสมผสานความเป็น ดราม่า, รัก, ตลก, แอคชั่น, ทริลเลอร์ ครบรส เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ปัจจุบันได้ถูกซื้อลิขสิทธิ์และถูกแปลกว่า 21 ภาษาทั่วโลกแล้ว

               • มิติของตัวละคร ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไป ตัวละครเด่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบุคลิกและบทบาทที่โดดเด่น ก็ทำให้คาแรคเตอร์เหล่านั้น  กลายเป็นที่จดจำของแฟนโคนัน ทั้ง ชินอิจิ/โคนัน, รัน, โคโกโร่, ฮัตโตริ, ขบวนการนักสืบเยาวชน, พวกตำรวจ, เอฟบีไอ หรือแม้แต่พวกองค์กรชุดดำซึ่งเป็นตัวร้ายของเรื่องก็ตาม  ตัวละครมีความ Realistic ไม่เว่อร์ จับต้องได้ทำให้รู้สึกผู้ชมใกล้ชิด เข้าถึงได้ เกิดการอยากติดตาม ,เมื่อเวลาผ่านไปนานเราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครมากขึ้น  และเห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครนั้น 

               • ถ้าลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการผลิตละครซี่รี่ส์ หรืออนิเมชั่นตอนยาวๆ มีหลายภาคหลายปี ไม่มีวันอวสานก็หลายเรื่อง การ์ตูนรายล้อมอยู่ตลอดชีวิตของคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นดูการ์ตูนทุกเพศทุกวัย ทุกคนมองเป็นเรื่องธรรมดาเป็นวัฒนธรรม (ถ้าไม่ดูจนเข้าขั้นติดนะ) อุตสาหกรรมการผลิตการ์ตูนเติบโตที่ญี่ปุ่น มั่นคงแข็งแรง เติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างสวยงาม มันจึงเป็นเหตุผลนึงที่ทำไม “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ถึงยังอยู่ได้ในปัจจุบัน

               ทางบริษัท ทีไอจีเอ จำกัด (TIGA)  ผู้ถือลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องในประเทศมีการจัดกิจกรรมการตลาดของ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ที่เป็นธรรมเนียมมาทุกปีคือการ จัดฉาย โคนัน เดอะ มูวี  ผ่านโรงภาพยนตร์แบบรอบพิเศษวันเดียวจบ มาตั้งแต่ โคนัน เดอะ มูวี่  8   ในแต่ละปีที่มีการจัดฉายนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีแนวโน้มการดูที่เพิ่มมากขึ้น  และมีการเรียกร้องให้มีการจัดฉายเพิ่มรอบเพิ่มวัน  ดังนั้นสำหรับในภาคนี้ โคนัน เดอะ มูวี่ 16  TIGA จึงทุ่มทุนจัดฉายผ่านทางโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ช่วงตุลาคม 2555  และจะเพิ่มสาขาการฉายกระจายออกไป  4-6 จุดในเครือเอส เอฟ อย่างแน่นอ

31729

แอสร็อค ประกาศเปิดตัว ซินเน็ค เสริมทัพตัวแทนจำหน่าย ขยายฐานลูกค้า
ครอบคลุมทั่วประเทศพร้อมเปิดเว็ปไซต์ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ

               บริษัท แอสร็อค อินคอร์ปอเรเชั่น ผู้นำทางด้านอุสาหกรรมมาเธอร์บอร์ด ประกาศเปิดตัว บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มุ่งกระตุ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลาดมาเธอร์บอร์ดในประเทศไทยและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ทั่วถึงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

               “เมื่อเร็วๆ นี้ เราได้สร้างทีม ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุน ทางด้านการตลาดและพัฒนาทางด้านยอดขายซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยผลักดัน ให้แอสร็อคมีการเติบโต อย่างต่อเนื่องเราได้ขยายสวนแบ่งการตลาดอย่างรวดเร็ว ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่ต้นปี 2010 และในขณะนี้ แอสร็อคกลายเป็นมาเธอร์บอร์ด อันดับสองในประเทศไทยที่มีการเติบโตขึ้น 20% ในกลุ่ม สินค้าไฮเอ็นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” มิสเตอร์ ไรอัน หลิว ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว

               นายสุพันธุ์มงคลสุธีประธานกรรมการบริษัทฯและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซินเน็ค(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในส่วนของแนวโน้มตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะในรูปแบบของDIY มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มผู้นิยมการเล่นเกมส์ผ่านคอมพิวเตอร์อย่างไรก็ตามการที่เราได้ร่วมมือกับทางแอสร็อคนั้นคาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตในกลุ่มสินค้ามาเธอร์บอร์ดมากขึ้นจากเดิมทางบริษัทฯรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯในการขยายตลาดและได้แต่งตั้งให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยบริษัทฯมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยคุณภาพและความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ของแอสร็อคผนวกกับกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศมากว่า 20 ปีโดยในปัจจุบันมีสาขากระจายครอบคลุมทั่วทั้ง 4 ภูมิภาครวม 22 สาขาพร้อมศูนย์บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพที่มุ่งเน้นการให้คำแนะนำและให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายที่มีอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศสามารถให้บริการครบวงจรและระบบการสนับสนุนตลาดที่มีประสิทธิภาพของซินเน็คฯ”

               นอกจากการเปิดตัว ตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศไทยแล้ว แอสร็อคได้เปิดตัวเว็บไซต์เวอร์ชั่นภาษาไทย “เว็บไซต์ แอสร็อคปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยผู้ เข้าเยี่ยมชมกว่า สามล้านไม่ซ้ำกันทุกเดือน สำหรับการทำเว็ปไซต์ภาษาไทย เพื่อเป็นการตอบสนอง ต่อความต้องการและรองรับ ความต้องการกลุ่มลูกค้าชาวไทย ที่เพิ่มขึ้น” มิสเตอร์ เจมส์ ลี รองประธานบริหาร บริษัท แอสร็อค อินคอร์ปอเรชั่น กล่าว


เยี่ยมชมเว็ปไซต์ ; http://www.asrock.com/index.th.asp
ติดตามข่าวสารในประเทศไทย: https://www.facebook.com/AsrockThailand


ข้อมูลบริษัทซินเน็ค(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (SYNEX)

บริษัทซินเน็ค(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (SYNEX) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ซอฟท์แวร์ระบบสารสนเทศและวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์โดยเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้ามากกว่า50 ตราสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกและมีฐานลูกค้าทั้งหมดมากกว่า5,000 รายซึ่งเป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ


ASRock Inc. จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 เชี่ยวชาญด้านมาเธอร์บอร์ดมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองด้วยคอนเซปท์การออกแบบ 3C คือ “Creativity (สร้างสรรค์), Consideration (ใส่ใจ), Cost-effectiveness(คุ้มค่า)”บริษัท ฯ ค้นหาข้อจำกัดของอุตสาหกรรมเมนบอร์ดและในขณะเดียวกันก็สนใจในปัญหาสิ่งแวดล้อมการพัฒนาสินค้าด้วยความใส่ใจในแนวคิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ASRockเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นแบรนด์ของมาเธอร์บอร์ดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลกโดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ไทเปไต้หวันและสาขาย่อยในยุโรปและอเมริกาความสดใหม่และเป้าหมายของบริษัทที่เข้ากลุ่มธุรกิจหลัก MB มีชื่อเสียงไปทั่วตลาดโลกในด้านความน่าเชื่อถือและความสามารถรายละเอียดอื่นๆติดตามได้ที่นี่www.asrock.com

31730

World of Tanks Cybercafe Free Play & Challengeby SteelSeriesกิจกรรมแข่งขันและเล่นฟรีที่ชลบุรี


               ผ่านพ้นไปอย่างสนุกสุดมันส์กันถ้วนหน้าสำหรับกิจกรรมWorld of TanksCybercafe FREE PLAY & Challenge by  SteelSeriesณ ร้าน Monster จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา  งานนี้มีเหล่าบรรดานักหุ้มเกราะทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ตบเท้าเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อพร้อมออกสู่สมรภูมิรบของจริงเป็นครั้งแรกกันอย่างคับคั่ง  สำหรับผลการแข่งขันและทีมที่ได้รับรางวัลจาก SteelSeriesและเงินสดไปครอง มีดังนี้


รางวัลที่ 1ได้แก่ ทีม G1ได้รับ SteelSeriesKinzu V2พร้อมเงินรางวัลจำนวน 4,000 บาท


รางวัลที่ 2ได้แก่ทีม Arm Chairได้รับSteelSeriesMousepadQck mini พร้อมเงินรางวัลจำนวน 2,000 บาท

               นอกจากทีมที่ได้รับรางวัลแล้ว ยังมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อีกหลายทีม รวมทั้งบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นไปอย่างเข้มข้นอีกด้วย จะเข้มข้นขนาดไหนเรามีภาพบรรยากาศมาฝากกัน












                ขอขอบคุณของรางวัลสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ อุปกรณ์ เกมมิ่ง เกียร์ ระดับโปรเฟสชั่นแนล ที่เกมเมอร์ทั่วโลกเลือกใช้ จากSteelSeries แล้วพบกับความมันส์แบบนี้ได้อีกในครั้งต่อไป ติดตามรายละเอียดของเกม World of Tanks ได้ที่http://worldoftanks-sea.com/news/694-freeplay-thailand-result-6oct/

ของรางวัล




31731
F&N เชิญชวนนิสิต นักศึกษา จากทั่วประเทศ
ร่วมประลองคำศัพท์ 20-21 ตุลาคม นี้



สุผจญ กลิ่นสุวรรณ

               บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมตราหมีโกลด์ เล็งเห็นความสำคัญของการศีกษา จับมือสมาคมครอสเวิร์ด เอแม็ท คำคม ซูโดกุ แห่งประเทศไทย สานต่อกิจกรรมกีฬาเพื่อการศึกษา "เอฟแอนด์เอ็น ครอสเวิร์ด เอแม็ท คำคม ซูโดกุ ชิงแชมป์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย 2012" เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยในปีนี้ มีนักกีฬาร่วมสมัครทำการแข่งขันกว่า 30 สถาบันจากทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันรุ่นพิเศษ เปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าที่จบจากสถาบันต่างๆ ได้ร่วมสนุก งานนี้ยังจะได้พบกับ พี่เต้ สุผจญ กลิ่นสุวรรณ ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษ และพิธีกรรายการ English Breakfast ทางช่อง TPBS ที่จะมาเป็นพิธีกรในงาน สำหรับพิธีเปิดงาน คุณทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้เกียรติเป็นประธาน พบกันวันที่20-21 ตุลาคม นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 3 ภายในงานยังมีบูธอาหารและเครื่องดื่มจากผลิตภัณฑ์เอฟแอนด์เอ็น ที่สร้างสรรค์ความอร่อยมาให้คุณได้ลิ้มลองอย่างเต็มที่ สมัครแข่งขันและติดตามรายละเอียดได้ที่ www.thaicrossword.com

31732
ช็อกวงการ!!  หนุ่มสตาร์บัคส์ รักคุดคิดสั้นอำลาโลก
ชนวนเหตุเพราะสาวคนรักปันใจ ชิ่งวิวาห์สายฟ้าแลบกับชายอื่นต่อหน้าต่อตา



               ทำเอาผู้คนถึงกับแตกตื่น  เมื่อมีข่าวลือหนาหูว่าหนุ่มติสมาดเซอร์สตาร์บัคส์-พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุลคิดสั้นอำลาโลกประชดแฟนสาว เฟย์-จริประภา มารยาตร์ ด้วยการกินน้ำยาล้างห้องน้ำ เพราะรับไม่ได้ที่แฟนสาวกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับคนรักใหม่ที่ทั้ง หล่อและรวย ครบเครื่องกว่าตัวเองหลายเท่า ร้อนถึงหนุ่ม สตาร์บัคส์ ต้องรีบออกมาแก้ข่าวเพราะแท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง "เค้าเรียกผมว่าความรัก" My Name is Love (มาย เนม อีส เลิฟ) ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่หนุ่ม สตาร์บัคส์ ทุ่มแสดงสุดตัวเท่านั้นเอง


















               โดยฉากนี้ทีมงานยกกองมาถ่ายทำกันที่ Center Point Studio โดยได้รับเกียรติจากนักแสดงรับเชิญคนพิเศษอย่างคุณปิยะ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ริช 1965 จำกัด มาร่วมสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้   ซึ่งเป็นฉากเปิดตัวสาว เฟย์ ด้วยชุดแต่งงานสีขาวสวยสดใส ทำเอาหนุ่มๆ ในกองมองตาไม่กระพริบ ซึ่งต่างจากหนุ่ม สตาร์บัคส์ ที่อยู่ในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลหน้าตาซีดเซียวยืนอมทุกข์ ทำอารมณ์อยู่นานก่อนเข้าฉากนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าหน้าตาของหนุ่มสตาร์บัคส์อาจจะยังซีดเซียวไม่ถึงใจผู้กำกับ เลยสั่งให้เมคอัพหน้าหนุ่มสตาร์บัคส์ให้ซีดขึ้นอีก จนหนุ่มสตาร์บัคส์ถึงกับออกปากว่าแซวผู้กำกับว่า…

               "…ขอโทษทีนะครับที่ผมทำให้ทุกคนต้องลำบาก เออ! พอดีช่วงนี้ผมกำลังอินเลิฟหน้า ตาเลยดูสดใสเป็นพิเศษ เนี้ยแต่งตั้งนานกว่าจะโทรมนะเนี้ย (หัวเราะ)…"

              ทำเอาทีมงานขำก๊ากกับมุขตลกหน้าตาของหนุ่ม สตาร์บัคส์ ลองมาฟังหนุ่มสตาร์บัคส์เล่าถึงบรรยากาศการถ่ายทำฉากอกหักรักคุดนี้ให้ฟังว่า...

              "...ฉากนี้เป็นฉากที่ผมซึ่งรับบทเป็นโจ คิดสั้นประชด มิว (รับบทโดย เฟย์ จิรประภา) ที่กำลังจะแต่งงานกับแฟนใหม่กับบิ๊ก (รับบทโดย เอเอ) ในเรื่องผมคือตัวโจหลงรักมิวมานานแล้ว แต่ด้วยความที่สนิทกันและมักจะเป็นคู่กัดกัน ทำให้โจไม่กล้าที่จะพูดความในใจกับมิว เพราะโจคิดอยู่เสมอว่าตัวเองไม่มีอะไรดีและคู่ควรกับมิว ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลยไม่กล้าที่จะเอามิวมาลำบากด้วย เลยทำให้มิวตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น โจเลยคิดสั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบแต่สุดท้ายแล้วคู่นี้จะจบลงแบบไหนต้องติดตามดูกันครับ










              ฉากนี้ค่อนข้างดราม่าพอสมควร ผมโชคดีครับที่ได้ พี่ปิยะ แห่งซุปเปอร์ริชมาเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาว และมาช่วยขยี้ปมรักของผมให้เจ็บรวดร้าวไปถึงขั้วหัวใจ คำพูดของพี่ปิยะที่ผมโต้ตอบด้วยมันทำให้ผมต้องไปนั่งทำอารมณ์อยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำจริง ซึ่งพี่วศินก็มาช่วยบิ๊วอารมณ์ผมอีกแรง และเล่าถึงความรู้สึกของคนที่กำลังสูญเสียคนรักไปต่อหน้าต่อตา ตอนแรกยังร้องไม่ออกเหมือนกันครับมันแค่จุกๆ แน่นที่หน้าอกเท่านั้น แต่พอเห็นน้องเฟย์กับใส่ชุดแต่งงานเดินผ่านมาเท่านั้นแหละ น้ำตาก็ซึมไหลอาบแก้มมาเลยโดยอัตโนมัติ แต่กว่าจะถ่ายฉากนี้ผ่านก็นานอยู่เหมือนกันครับ รับรองว่าแฟนๆ ดูแล้วต้องสงสารโจกันเลยทีเดียว   นึกแล้วยังปวดเจ็บไม่หายเลยครับ(อมยิ้ม) ฝากให้ลองติดตามกันดูครับรับรองว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องถูกใจใครหลายๆ คน..."

              ติดตามชมเรื่องราวของพรหมลิขิต ที่จะมาเปลี่ยนชะตาความรักของทุกคนในภาพยนตร์ โรแมนติก-คอเมดี้ เรื่อง "เค้าเรียกผมว่าควารัก" My Name is Love (มาย เนม อีส เลิฟ) นำแสดงโดย เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ , โบ-ธัญญะสุภางค์ จริปรีชานนท์ , สตาร์บัคส์-พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล , เฟย์-จริประภา มารยาตร์ , แจ๊ส ชวนชื่น , ค่อม ชวนชื่น , เอเอ-พีรวัชร์ เหราบัตย์ และ กาโม่ อาชวิน  บัญชาการความรักโดย วศิน ปกป้อง ร่วมสนับสนุนเรื่องราวความรักโดย เอ็ม พิคเจอร์ส และอินดิเพ็นเดนท์ ฟิล์ม  11 ตุลาคมนี้  ได้เวลากามเทพออกปฏิบัติภารกิจรักทุกโรงภาพยนตร์

31733
ลิลลี่ โคลล์ ประชันบทบาท ซาราห์ โบลเกอร์ และ ซาราห์ กาดอน ร่วมเปิดตำนานแวมไพร์สาว
ในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง The Moth Diaries เดอะ ม็อธ ไดอารี่ส์ รักต้องกัด



                เอ็ม พิคเจอร์ส เอาใจคอหนังแนวระทึกขวัญ ส่ง  The Moth Diaries (เดอะ ม็อธ ไดอารี่ส์) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “เดอะม็อธ ไดอารี่ส์ รักน้องกัด” ภาพยนตร์แนวลึกลับระทึกขวัญ  ที่สร้างขึ้นมาจากนิยายของ Rachel Klein (ราเชล) ที่ถูกนำมาตีพิมพ์ถึง 12 ภาษามาให้แฟนๆ ได้รับชมกัน  งานนี้ผู้กำกับสาวคนเก่งอย่าง Mary Harron (แมรี่ แฮร์รอน) ได้ปลุกวิญญาณทุกตัวละครหนังสือให้มีชีวิตขึ้นมาโลกแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม  โดยได้สามนักแสดงดาวรุ่งอย่าง Lily Cole (ลิลลี่ โคล) , Sarah Bolger (ซาราห์ โบลเกอร์) , Sarah Gadon (ซาราห์ กาดอน) ร่วมด้วยนักแสดงชายคุณภาพมากฝีมืออย่าง Scott Speedman (สก็อต สปีดแมน) มาร่วมสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้    โดยนักแสดงสาวชาวไอริช  Sarah Bolger (ซาราห์ โบลเกอร์) ผู้รับบท Rebecca (รีเบ็กก้า) หนึ่งในนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เธอได้รับว่า...

               “…ฉันรับบทเป็น Rebecca (รีเบ็กก้า) เด็กสาวที่มีปมอยู่ในใจ พ่อของเธอฆ่าตัวตาย แม่ของเธอก็ไม่ค่อยใส่ใจในตัวเธอทำไหร่นักเลยทำให้เธอมีปมด้อย และค่อนข้างเก็บตัว  จนเธอได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วน ที่นี่ทำให้เธอได้เจอกับ Lucie (ลูซี่ รับบทโดยซาราห์ กาดอน ) เด็กสาวน่ารักสดใสที่เข้ามาเปลี่ยนมุมมองของRebecca (รีเบ็กก้า) ให้ดีขึ้น จนก่อให้เกิดความสัมพันธ์พิเศษขึ้นระหว่างสองสาว แต่แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ต้องร้าวฉานขึ้นเมื่อ Ernessa (รับบทโดย Lily Cole ลิลลี่ โคล) เข้ามาแทรกกลางระหว่างสองสาว ผลลัพท์ที่ออกมาคือ Rebecca (รีเบ็กก้า) ถูกผลักกระเด็นออกห่าง หรือถ้าจะให้เรียกง่ายๆ ก็คือตกกระป๋องนั่นเอง ในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์ของเด็กสาวคนหนึ่งไปยังเด็กสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อเด็กสาวคนอื่นอย่างไร ต้องไปติดตามกันดู






               สำหรับบท Rebecca (รีเบ็กก้า) เป็นบทที่เยี่ยมมากและค่อนข้างท้าทายความสามารถของฉันพอสมควร ทันทีที่ฉันรู้ว่า Mary Harron (แมรี่ แฮร์รอน) กำลังจะทำหนังเรื่องนี้ ฉันไม่รอช้าที่จะเสนอตัวเข้าออดิชั่นทันทีเพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของนิยายเรื่องนี้  และคงดีไม่น้อยถ้าฉันได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนัง (ยิ้ม)  ฉันส่งเทปออดิชั่นในบทต่างๆ ให้ Mary (แมรี่) ดู และหลังจากนั้นฉันได้รับการติดต่อจาก Mary (แมรี่) ให้รับบท Rebecca          (รีเบ็กก้า) โอวพระเจ้า!!!  มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก ฉันจำได้ว่าหลังจากที่ฉันวางสายจาก Mary (แมรี่) ฉันวิ่งกรี๊ดลั่นบ้านด้วยความดีใจ จนแม่และน้องสาวของฉันตกใจ และทุกคนก็มาร่วมแสดงความยินดี ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ นี้หลุดลอยไปแน่ ฉันต้องตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด  พูดถึงการร่วมงานกับ Sarah Gadon (ซาราห์ กาดอน) และ Lily Cole (ลิลลี่ โคล) เราเข้ากันได้ดีมาก อาจจะเป็นเพราะวัยเราใกล้กัน พูดจาภาษาเดียวกัน เลยทำให้เราปรับตัวเข้าหากันไม่ยาก ต้องขอบคุณ Mary (แมรี่) ที่ทำให้พวกเราทั้งสามคนได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน อยากฝากให้ทุกคนติดตามผลงานของพวกเราด้วย...”

ด้าน Lily Cole (ลิลลี่ โคล) เล่าว่า...

               “…ฉันรู้ข่าวเรื่องการออดิชั่นหนังเรื่องนี้จากเพื่อนของฉัน  แต่ช่วงนั้นตรงกับคลาสเรียนที่สำคัญมาก ทำให้ฉันไม่สามารถขาดเรียนเพื่อไปออดิชั่นได้ แต่ฉันก็ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ เลยตัดสินใจส่งลิงค์วีดีโอออดิชั่นไปให้ Mary (แมรี่)  แล้ว Mary (แมรี่) ก็ตอบรับกลับมาว่าจะให้ฉันลองเล่นบท Ernessa (เออร์เนสซ่า) ดู หลังจากที่ฉันได้อ่านบทครั้งแรก ฉันรู้สึกตัวว่าหลงรักตัวละครตัวนี้เลยทันที Ernessa (เออร์เนสซ่า) เป็นคนสองบุคลิกที่มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด เธอถูกกล่าวหาว่า เป็นแวมไพร์ ด้วยการตัดสินจากคนหมู่มาก แต่จริงๆ แล้วเธอจะใช่แวมไพร์หรือไม่ต้องไปติดตามดูกัน  อยากให้แฟนๆ ติดตามอีกหนึ่งบทบาทของฉัน ที่ฉันทุ่มเทกับตัวละครตัวนี้อย่างมาก หวังว่าจะถูกใจแฟนๆ ...”


















               “The Moth Diaries เดอะม็อธ ไดอารี่ส์ รักน้องกัด”  นำแสดงโดย Lily Cole (ลิลลี่ โคล) , Sarah Bolger (ซาราห์ โบลเกอร์) , Sarah Gadon (ซาราห์ กาดอน) , Scott Speedman (สก็อต สปีดแมน) จากผลงานการกำกับของ Mary Harron (แมรี่ แฮร์รอน) เอ็ม พิคเจอร์ส ท้าให้คุณมาลองเปิดประสบการณ์บันทึกลับสุดสยองขวัญไปกับพวกเธอ  The Moth Diaries  18 ตุลาคมนี้โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์

31734

               หลังจากที่ Silent Hill (เมืองห่าผี) เคยสร้างปรากฏการณ์สุดสยองให้ผู้เล่นเกมมาหลายภาค และถูกสร้างเป็นหนังให้คอหนังเขย่าขวัญได้ระทึกกันมาแล้ว ตอนนี้เมืองแห่งนี้กำลังเปิดประตูเรียกร้องอีกครั้งที่เด็ดกว่าครั้งที่แล้วในชื่อ “Silent Hill: Revelation 3D เมืองห่าผี เรฟเวเลชั่น 3D” ความแปลกใหม่ที่แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆที่สร้างจากเกมตรงที่ยังคงเก็บบรรยากาศต่างๆ ความน่ากลัวไว้อย่างครบถ้วน และตัวมอนสเตอร์จากครั้งที่แล้วก็ยังกลับมาให้ได้เห็นกันในภาคนี้ ฮาโลวีนปีนี้จะแตกต่างจากปีอื่นๆ เพราะ “นรก” จะยกขบวนกันออกมาแบบทะลุจอ ฉายจริงก่อนสหรัฐอเมริกา 25 ตุลาคมนี้ เอ็ม พิคเจอร์ส จะขอปรับพื้นที่ให้เป็น “เมืองห่าผี” ในระบบ ดิจิตอล 3 มิติ, ระบบฟิล์มปกติ และ 1 พฤศจิกายนนี้   ในระบบ 4DX







[




31735





แพนเค้ก เขมนิจน์ จามิกรณ์-นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง.


นายประมวล รัตนานุพงษ์ ประธานเครือข่ายบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวบ้านดอน จสุราษฎร์ธานี - แพนเค้ก เขมนิจน์ จามิกรณ์

31736
ทช.ยันภาคประชาชนเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน


               กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดงานแถลงข่าว “ ทช.กับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ”  เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม  ๒๕๕๕ ณ ห้องรำแพน ชั้น ๙ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมี นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานแถลงข่าว ร่วมด้วย นายประมวล รัตนานุพงษ์ ประธานเครือข่ายบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี และ นางเอกดังวิก ๗ สี แพนเค้ก เขมนิจน์ จามิกรณ์ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่รักษ์สิ่งแวดล้อม   โดยมี ปิยนุช เจริญวานิช เป็นพิธีกร บรรยากาศการจัดงานแถลงข่าวเป็นไปด้วยความคึกคัก  กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีเป้าหมายเพื่อชี้แจงภาพรวมของความก้าวหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการ ผ่านความร่วมมือกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวชายฝั่งผ่านการทำงานในโครงการต่างๆ โดยใช้กระบวนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนภาคประชาชน ด้านการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก ด้านการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลผ่านการใช้ปะการังเทียม และ การอนุรักษ์ฟื้นฟูหญ้าทะเล  ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชน  ณ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ  วันก่อน


การแสดงพิธีเปิด









31737
แลนด์โรเวอร์ ฉลองความสำเร็จโร้ดโชว์จังหวัดภูเก็ต

คนรักแลนด์โรเวอร์ภาคใต้ร่วมทดสอบสมรรถนะและสั่งจองยานยนต์ระดับโลกอย่างคับคั่ง!


กรุงเทพฯ - แลนด์โรเวอร์ แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ชั้นหรูอันดับหนึ่งของโลก ฉลองความสำเร็จด้วยการจัดงาน “Land Rover Discovers the South” ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ซึ่งจัดขึ้นเพื่อนำเสนอข่าวสารล่าสุดแก่ลูกค้าแลนด์โรเวอร์และดึงดูดผู้บริโภครายใหม่ในเขตภาคใต้ ให้รู้จักกับยนตกรรมระดับโลกจากแลนด์โรเวอร์มากยิ่งขึ้น โดยชูดาวเด่นแห่งวงการทั้งสองรุ่น อย่าง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค และ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเช่นเคย จากบรรดาคนรักรถยนต์ระดับหรูทั่วภาคใต้ พร้อมทั้งแนะนำผู้จัดจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์ประจำเขตภาคใต้ – จีบี ออโต้โมบิล แก่ผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากงานแสดงยานยนต์ที่ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม กรุงเทพฯ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สามารถทำยอดขายได้อย่างสวยงาม

นายปรินต์ ทองปุสสะ ผู้จัดการทั่วไป จีบี ออโต้โมบิล กล่าวว่า “การจัดแสดงยานยนต์แลนด์โรเวอร์ทั้ง 7 วันในภูเก็ต ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในวันแรก มีผู้จองการขับขี่ทดสอบสมรรถนะกว่า 10 ราย ซึ่งในแต่ละวันมีลูกค้าเฉลี่ยกว่า 50 รายที่เข้ามาพูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับการสั่งจองยานยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างจริงจัง เห็นได้ว่าแบรนด์แลนด์โรเวอร์เป็นที่สนใจอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคเขตภาคใต้ โดยเฉพาะผู้ซื้อหน้าใหม่ที่ต่างให้ความสนใจรุ่น เรนจ์โรเวอร์ อีโวค มากเป็นพิเศษ ซึ่งทาง บริษัท จีบี ออโต้โมบิล พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าแลนด์โรเวอร์ในจังหวัดภูเก็ตและเขตภาคใต้ ทั้งในด้านการสั่งซื้อ บริการหลังการขายและการซ่อมบำรุง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญตามมาตรฐานระดับสูงของแลนด์โรเวอร์”

งานแสดงยานยนต์แลนด์โรเวอร์ทั้งที่กรุงเทพและภูเก็ตซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี่ ที่มีต่อแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูจากประเทศอังกฤษอย่างแลนด์โรเวอร์ โดยแลนด์    โรเวอร์มีแผนการจัดโร้ดโชว์ตามจังหวัดต่างๆ   อีกหลายแห่ง   เพื่อนำเสนอยนตกรรมชั้นนำที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก   ในฐานะแบรนด์ “รถโฟร์วีลที่ดีที่สุด” ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

จีบี ออโต้โมบิล ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ภูเก็ต โทรศัพท์ 07 652 3032      หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์แลนด์โรเวอร์ทุกรุ่น กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.landroverthailand.com

31738



ทีมงาน
อากิวา เชฟเฟอร์  (ผู้กำกับภาพยนตร์)


                นักเขียนบท/ผู้กำกับภาพยนตร์ และสมาชิกวง The Lonely Island ร่วมกับเพื่อนนักแสดง แอนดี้ แซมเบิร์ก และจอร์มา ทัคโคเน (ซึ่งอัลบั้ม Incredibad ของพวกเขาทำยอดขายสูงสุดอันดับ 8 ของอัลบั้มเพลงฮิพฮอพประจำปี 2009) ในฐานะหนึ่งในนักเขียนบทแห่ง Saturday Night Live เชฟเฟอร์รับผิดชอบในการสร้างสรรค์รายการ และจัดการแข่งขันโชว์สั้นๆ ก่อนที่เขาจะก้าวสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 2007 ด้วยผลงานเรื่อง Hot Rod ที่นำแสดงโดยเพื่อนสนิททั้งสอง แอนดี้ แซมเบิร์ก และจอร์มา ทัคโคเน The Watch คือผลงานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องที่สองของเขา

จาเร็ด สเทิร์น  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

                หนึ่งในนักเขียนบทดาวรุ่งผู้มาแรงที่สุดในแนวภาพยนตร์เบาสมอง ผลงานที่ผ่านมาของสเทิร์นคือสองภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องดัง Bolt (2008) และ The Princess and the Frog (2009) รวมทั้ง Mr. Popper’s Penguins (2011) ผลงานเรื่องล่าสุดของจิม แคร์รีย์

เซธ โรเจ็น  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

                ได้รับการยกย่องให้เป็นความหวังใหม่ของวงการนักแสดงตลกชาย ด้วยความสามารถอันล้นเหลือ ผลงานล่าสุดของโรเจ็นซึ่งเป็นที่ชื่นชมของบรรดานักวิจารณ์คือ การรับหน้าที่นักแสดง และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 50/50 ที่นำเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของวิล ไรเซอร์ เพื่อนสนิทของเขา โรเจ็นเริ่มทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยการเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา หลังจากย้ายมาอยู่ลอส แองเจลิส เขาก็ได้เป็นนักแสดงตัวประกอบในซีรีส์โทรทัศน์ที่สร้างโดยจั๊ด อาพาโทว์ เรื่อง Freaks and Geeks (1999-2000) และ Undeclared (2001-2003) กระทั่งอายุ 18 เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของ Undeclared ก่อนจะก้าวไปสู่ความโด่งดังอย่างแท้จริง ด้วยบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เบาสมองที่กำกับโดยจั๊ด อาพาโทว์ เรื่อง The 40 Year Old Virgin (2005) ซึ่งทำรายได้รวมทั่วโลกเป็นเงินมากกว่า 175 ล้านเหรียญ จากนั้นก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร และนำแสดงใน Knocked Up (2007) ตามด้วยการเขียนบท (ร่วมกับเพื่อนสนิท เอแวน โกลด์เบิร์ก), นำแสดง และเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารภาพยนตร์เรื่อง Superbad (2007) ที่ทำรายได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเป็นเงินมากกว่า 120 ล้านเหรียญ ผลงานเรื่องอื่นของโรเจ็นในฐานะผู้เขียนบท ได้แก่ Da Ali G Show (TV series 2004), Jay and Seth Versus the Apocalypse (short 2007), Drillbit Taylor (2008), Pineapple Express (2008), The Simpsons (TV series 2009) และ The Green Hornet (2011)

เอแวน โกลด์เบิร์ก  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

                เพื่อนสนิทของเซธ โรเจ็น ผู้ร่วมงานกันมาทั้งในฐานะนักเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ดังผลงานต่อไปนี้  Da Ali G Show (TV series 2004), Jay and Seth Versus the Apocalypse (short 2007), Knocked Up (2007), Superbad (2007), Pineapple Express (2008), Funny People (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร 2009), The Simpsons (TV series 2009), The Green Hornet (2011) และ 50/50 (ผู้อำนวยการสร้าง 2011)

ชอว์น เลวี  (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)

                หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์มากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ผลงานทั้งหมดของชอว์น เลวีทำรายได้รวมกันทั่วโลกเป็นเงินมากกว่า 1.6 พันล้านเหรียญ เลวีจบการศึกษาสาขาการละครจากมหาวิทยาลัยเยล แล้วไปเรียนต่อด้านภาพยนตร์ที่ USC ระหว่างนั้นภาพยนตร์สั้นของเขาเรื่อง Broken Record ชนะรางวัล Gold Plaque จากเทศกาลภาพยนตร์ชิคาโก และถูกเลือกไปฉายในงาน Director’s Guild of America ผลงานเด่นจากการกำกับของเลวี ได้แก่ The Secret World of Alex Mack (TV series 1996-1997), Lassie (TV series 1997-1998), Animorphs (TV series 1998-1999), Just Married (2003), Cheaper by the Dozen (2003), The Pink Panther (2006), Night at the Museum (2006), Night at the Museum: Battle of the Smithsonian (2009), Date Night (2010) และ Real Steel (2011)

แดน เลอวีน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

                ประธานบริษัท 21 Laps Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ก่อตั้งโดยชอว์น เลวี ก่อนหน้านี้ เลอวีนเคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายผลิตของบริษัทพาราเมาท์ พิคเจอร์ส และย้อนหลังไปนานกว่านั้น เขาเคยนั่งบริหารงานที่ไดเมนชั่น ฟิล์ม, เจอร์ซีย์ ฟิล์ม และนิว รีเจนซี ภาพยนตร์เรื่องดังที่อยู่ในความดูแลของเขาคือ A Time to Kill (1996), L.A. Confidential (1997), City of Angels (1998), Fight Club (1999), Super Troopers (2001), Along Came Polly (2004),The Amityville Horror (2005), Shooter (2007), Freedom Writers (2007), Stardust (2007), Cloverfield (2008) และ G.I. Joe: The Rise of Cobra (2009)

โมนิกา เลวินสัน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

                ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารภาพยนตร์เรื่อง 30 Minutes or Less (2011) และ Borat: Cultural Learnings of America for Make Benefit Glorious Nation of Kazakhstan (2006) นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Bruno (2009) และ The Gin Game (TV movie 2003) รวมถึงเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างใน Zoolander (2001) และร่วมอำนวยการสร้าง We Married Margo (2000)

แบร์รี ปีเตอร์สัน  (ผู้กำกับภาพ)

                ปีเตอร์สันสนใจการถ่ายภาพตั้งแต่วัยเด็ก มันเป็นทั้งงานอดิเรกและจุดหมายในอนาคตของเขา ภายหลังเรียนจบไฮสคูล เขาก็เริ่มทำงานเป็นช่างภาพตั้งแต่บัดนั้น ผลงานภาพยนตร์ที่เขาเป็นผู้กำกับภาพ ได้แก่ Mustard Bath (1993), Zoolander (2001), Dark Blue (2002), Hollywood Homicide (2003), Starsky & Hutch (2004), Jumper (2008), The Cape (TV series 2011) และ 21 Jump Street (2012)

ดั๊ก เมียร์ดิง  (ผู้ออกแบบงานสร้าง)

                เริ่มต้นทำงานเป็นผู้กำกับศิลป์ในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Jurassic Park III (2001), The Scorpion King (2002), The Italian Job (2003), War of the Worlds (2005), The Good German (2006), Ocean’s Thirteen (2007), Cloverfield (2008) แล้วจึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้ออกแบบงานสร้างใน The Informant! (2009) ตามด้วย Undercovers (TV series 2010-2011), Cedar Rapids (2011) และ House of Lies (TV series 2012)

ดีน ซิมเมอร์แมน  (ผู้ลำดับภาพ)

                บุตรชายของดอน ซิมเมอร์แมน ผู้ลำดับภาพฝีมือเยี่ยมที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จาก Coming Home (1978) ดีนทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อมานานถึง 15 ปี ก่อนจะได้เป็นผู้ลำดับภาพมือหนึ่งครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Date Night (2010) ผลงานเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Rush Hour 3 (2007), Jumper (2008), Night at the Museum: Battle of the Smithsonian (2009), Gulliver’s Travels (2010), Family Album (TV movie 2011) และ Real Steel (2011)

คริสตอฟ เบ็ค  (ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ)

                เบ็คเริ่มอาชีพผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ในซีรีส์โทรทัศน์แคนาดาเรื่อง White Fang (1993) จนถึงวันนี้เขาสร้างผลงานประพันธ์ดนตรีในภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยเรื่อง ยกตัวอย่างเรื่องที่โด่งดัง เช่น Bring It On (2000), The Tuxedo (2002), Just Married (2003), Cheaper by the Dozen (2003), Garfield (2004), The Pink Panther (2006), School for Scoundrels (2006), We Are Marshall (2006), Year of the Dog (2007), Charlie Bartlett (2007), Fred Claus (2007), Phoebe in Wonderland (2008), Drillbit Taylor (2008), What Happens in Vegas (2008), The Pink Panther 2 (2009), The Hangover (2009), I Love You, Beth Cooper (2009), Post Grad (2009), Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief (2010), Hot Tub Time Machine (2010), Date Night (2010), Red (2010), Due Date (2010), Burlesque (2010), The Hangover Part II (2011), Crazy Stupid Love (2011), Tower Heist (2011) และ This Means War (2012) เบ็คได้รับรางวัลเอ็มมีสาขาผู้ประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมจากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Buffy the Vampire Slayer (1997-2001)

เวนดี้ ชัค  (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย)

                ดีไซเนอร์ฝีมือเยี่ยมแห่งวงการภาพยนตร์, ละคร และบัลเลต์ของสหรัฐอเมริกา แต่พื้นเพเดิมของชัคเป็นชาวออสเตรเลีย ผลงานการออกแบบเสื้อผ้าอันโดดเด่นของเธออยู่ในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Election (1999), Sugar & Spice (2001), About Schmidt (2002), Bad Santa (2003), Saved (2004), Sideways (2004), The Ring Two (2005), Even Money (2006), Mr. Woodcock (2007), Henry Poole Is Here (2008), Twilight (2008), Conviction (2010), Don’t Be Afraid of the Dark (2010) และ The Descendants (2011) ก่อนเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ชัคเคยทำงานที่สถานีโทรทัศน์ ABC TV และที่ Museum of the Moving Image ในกรุงลอนดอน เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลของสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมประจำปี 1994 จากภาพยนตร์เรื่อง Country Life และชนะรางวัล Costume Designers Awards สำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์เรื่อง About Schmidt

31739
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร
ปรับเป้าส่งออกอาหารปี 55  เหลือ 9.8 แสนล้านบาท


               3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร โดยสภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ และสถาบันอาหาร เผยการส่งออกอาหารไทย 8 เดือนแรกของปี 2555 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 665,712 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.7 ตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา อัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 10.4 ขณะที่สหภาพยุโรป ลดลงร้อยละ 5.0  ส่วนแอฟริกา และตะวันออกกลาง ลดลงร้อยละ 11.9 และ 9.8 เหตุประสบปัญหาการส่งออกข้าวเป็นหลัก รองลงมาคือ ผลไม้แปรรูป กุ้งแช่แข็ง/แปรรูป และผักสด/แปรรูป ส่วนตลาดส่งออกจีน และเกาหลีใต้ยังคงเติบโตดี ขยายตัวร้อยละ 28.8 และ 24.9 ตามลำดับ แนวโน้มส่งออกอาหารไตรมาส 3/2555 (ก.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 253,125 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 0.8  มั่นใจไตรมาส 4 (ต.ค.- ธ.ค.) มีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เชื่อจะขยายตัวขึ้นร้อยละ 4.0 ด้วยมูลค่าส่งออกราว 240,520 ล้านบาท แต่ต้องปรับเป้าส่งออกทั้งปี 2555 เหลือ 980,000 ล้านบาท คาดขยายตัวเพิ่มขึ้นแค่ร้อยละ 1.6 ขณะที่ภาคการผลิตจะหดตัวลงร้อยละ 1.3   ส่วนปี 2556 ยังต้องฝ่าปัจจัยเสี่ยงหลายด้านสู่เป้าส่งออก 1 ล้านล้านบาท มีโอกาสขยายตัวร้อยละ 5.0 –10.0  ด้านกลุ่มข้าวและเครื่องปรุงรส ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนกันยายนลดลง ชี้ต้นทุนการผลิตยังคงเป็นอุปสรรคทั้งปัจจุบันและอนาคต

               8 ตุลาคม 2555/การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กร โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า
แห่งประเทศไทย  และสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทยในไตรมาสที่ 3/2555   การคาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทยปี 2555 และแนวโน้มปี 2556มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย นายวิศิษฎ์  ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร   สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตรและอาหาร สภาหอการค้า แห่งประเทศไทย และนายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ร่วมให้รายละเอียดและรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น



นายอมร งามมงคลรัตน์

               นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่เป็นองค์กรในการรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center

               สำหรับภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาหารไทยไตรมาสที่ 3/2555 พบว่าหดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกค่อนข้างมาก ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารที่มีตลาดภายในประเทศมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อเน้นส่งออกเป็นหลัก ได้แก่ แปรรูปสัตว์น้ำ อาทิ กุ้งแปรรูป และทูน่า  แปรรูป รวมทั้งผักผลไม้แปรรูป อาทิ สับปะรดกระป๋อง เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ปัจจุบันผลพวงจากวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโรโซนเริ่มลุกลามมากระทบอุตสาหกรรมอาหารที่ผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากตัวเลขการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศและอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกต่างหดตัวลงถ้วนหน้าโดยอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.1 และ 9.6 ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม ตามลำดับ


นายวิศิษฎ์  ลิ้มประนะ


นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล






              โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี2555 อาเซียนยังคงเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนส่งออกร้อยละ 24.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.6 ในปี 2554 รองลงมาเป็นญี่ปุ่น สัดส่วนส่งออกร้อยละ 15.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.6 ในปีก่อน ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปหดตัวลงร้อยละ 10.4 และ 5.0 ตามลำดับ ส่วนแนวโน้มส่งออกไปตลาดอื่นๆ ที่หดตัวลงเช่นกัน ได้แก่ แอฟริกา และตะวันออกกลาง ลดลง ร้อยละ 11.9 และ 9.8 ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่ประสบปัญหาจากการส่งออกข้าวเป็นหลัก รองลงมาคือ ผลไม้แปรรูป กุ้งแช่แข็ง/แปรรูป และผักสด/แปรรูป ขณะที่จีน และเกาหลีใต้ ยังเป็นตลาดที่เติบโตได้ดี ขยายตัว   ร้อยละ 28.8 และ 24.9 ตามลำดับ

              ทั้งนี้คาดว่ามูลค่าส่งออกรวมตลอดไตรมาสที่ 3 มีโอกาสหดตัวลงร้อยละ 0.8 หรือมีมูลค่า 253,125 ล้านบาท เชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 จะเป็นจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมอาหารในปี 2555 ขณะที่ไตรมาสที่ 4 คาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ขณะที่การส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาทต่อเดือน รวมตลอดไตรมาสการส่งออกจะมีมูลค่า 240,520 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว

              นายอมร กล่าวว่า “กลุ่มสินค้าที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดีและยังมีกำลังการผลิตพร้อมที่จะส่งออก อาทิ อาหารทะเลกระป๋อง ผักผลไม้กระป๋อง รวมทั้งเครื่องปรุงรส ที่ส่วนใหญ่สอดรับกับวิถีการบริโภคภายใต้ภาวะเศรษฐกิจซบเซา การส่งออกไก่สดน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นภายหลังจากมีการเพิ่มกำลังการผลิตรองรับตลาดหลักอย่างสหภาพยุโรปและอีกหลายๆประเทศที่อนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากไทยได้ การส่งออกผลิตภัณฑ์             มันสำปะหลัง ทั้งมันเส้นและแป้งมันสำปะหลังไปยังตลาดจีนและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมทั้งอาเซียนที่ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทดแทนอย่างข้าวโพด การทยอยส่งมอบน้ำตาลทรายให้กับลูกค้าในภูมิภาคก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูการผลิตใหม่ปี 2555/56 การส่งออกข้าวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหากภาครัฐมีการส่งมอบข้าวเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี หลังจากมีข่าวว่ามีการทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งกลุ่มสินค้าดังกล่าวคาดว่าจะช่วยประคับประคองภาพรวมการส่งออกอาหารไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีให้กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้”

               อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารปี 2555 ชะลอตัวกว่าที่คาด แต่หลายสาขายังเติบโตได้ โดยภาคการผลิตคาดว่าอาจหดตัวลงร้อยละ 1.3 แต่การส่งออกอาจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 มูลค่าส่งออกรวม 980,000 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมอาหารส่วนใหญ่ขยายตัวดีในครึ่งปีแรก ก่อนที่จะชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งเกิดจากการหดตัวของสองกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การแปรรูปสัตว์น้ำ (กุ้ง) และผักผลไม้แปรรูป (สับปะรด) รวมทั้งข้าว ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว รวมทั้งสินค้าไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก โดยส่งผลกระทบต่อภาพรวมส่งออกอาหารของไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวมีสัดส่วนส่งออกรวมกันสูงถึงร้อยละ 30 ของมูลค่าส่งออกอาหารของไทยโดยรวม

               สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทยปี 2556 ยังเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศในช่วงต้นปี 2556 แนวโน้มการทยอยปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่จะเกิดขึ้นในปีเดียวกัน ส่วนปัจจัยนอกประเทศ เช่น ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากภัยแล้งในสหรัฐอเมริกาและที่อื่นๆ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ออกมาตรการ QE3

               อย่างไรก็ตาม ปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังเข้มแข็ง น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบของอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงการส่งออกลงได้ระดับหนึ่ง ประกอบกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการไทยทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาคให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ในปี 2556 นี้คาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 – 4.0 ในขณะที่การส่งออกคาดว่าจะมีมูลค่า 1,030,000 - 1,080,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 –10.0

               สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมอาหารในเดือนกันยายน 2555 นายอมร กล่าวว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร โดยศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร สถาบันอาหาร พบว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้น โดยมีค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 51.4 (มากกว่า 50)  ขณะที่ความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้ามีค่าเท่ากับ 54.2 ซึ่งยังอยู่ในระดับดีขึ้นเช่นกัน โดยต้นทุนวัตถุดิบเป็นองค์ประกอบหลักที่ภาคธุรกิจมองว่าเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต

               หากพิจารณารายกลุ่มพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มข้าวและเครื่องปรุงรส มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลง เนื่องจากต้นทุนข้าวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เครื่องปรุงรสก็ประสบปัญหาวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นและขาดแคลนแรงงาน ส่วนกลุ่มอาหารอื่นๆ มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้น ส่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ทุกกลุ่มมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้น ยกเว้นกลุ่มอุตสาหกรรมผักผลไม้ที่ยังประสบภาวะชะลอตัวของการส่งออก

               “ในเดือนกันยายน 2555 ประเด็นค่าจ้างแรงงาน นับเป็นข้อจำกัดอันดับ 1 ในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีสัดส่วนร้อยละ 89.2 รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ร้อยละ 66.3 ตามมาด้วยราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และปริมาณวัตถุดิบ ตามลำดับ ส่วนแนวโน้มในอีก 3 เดือนข้างหน้า ร้อยละ 89.9 เห็นว่าข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจอันดับ 1 ยังคงเป็นประเด็นค่าจ้างแรงงาน แต่ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ตกลงไปเป็นอันดับ 3 และราคาน้ำมันก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ที่ผู้ประกอบการมองว่าจะกระทบต่อธุรกิจ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการเสนอแนะว่า ภาครัฐควรดำเนินมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดส่งออก ทั้งควรมีมาตรการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างจริงจัง รวมทั้งเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้สอดรับกับค่าจ้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันควรให้ความรู้รวมทั้งช่องทางการปรับตัวรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไปพร้อมกันด้วย” นายอมร กล่าว

31740
:-* :-* :-*มีแจกไหมครับ

มีแน่นอน

Pages: 1 ... 2114 2115 [2116] 2117 2118 ... 2404