Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2511
31
#ร่วมเป็นเจ้าภาพ
#ร่วมบุญพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง ประจำปี2568


🙏..เรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง ประจำปี 2568 มูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารฯ และร่วมกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง ระหว่างวันที่ 27-28 มิถุนายน 2568 จำนวน 173 รูป
#ร่วมบุญได้ที่..เลขบัญชี  021-122-5401
:: ธนาคารกรุงไทย  สาขาสะพานขาว
:: ชื่อบัญชี : มูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดาร



👉#กำหนดการ
วันที่ 27 มิถุนายน
: 17.00น.  ปลงผมนาค
วันที่ 28 มิถุนายน
: 08.00-1600. น. เจ้าภาพมอบผ้าไตร
วันที่ 29 มิถุนายน
: 08.00-10.45น. เจ้าภาพมอบผ้าไตร
: 12.00น.  แห่นาค
: 14.00 น.  บรรพชา-อุปสมบท ณ  วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร
วันที่ 30 มิถุนายน
: 08.00-22.00. น. อุปสมบทต่อเนื่อง ณ วัดศรีโสดา จ.เชียงใหม่
👉... การบรรพชา อุปสมบท ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจรรโลงพระพุทธศาสนาในถิ่นทุรกันดาร และเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสามารถอนุเคราะห์ ลูกหลานพี่น้องราษฎรบนพื้นที่สูงที่เป็นคนไทย ให้มีโอกาสได้รับการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ตลอดถึงการได้รับการปลูกฝัง การปฏิบัติตนบนพื้นฐาน แห่งคุณงามความดี ความเชื่อ ความศรัทธาตามหลักการปฏิบัติตนทางพระพุทธศาสนา เป็นหน่อเนื้อศาสนาทายาทสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาสืบต่อไป.
#สอบถามเพิ่มเติม
สำนักงานวัดศรีโสดา  พระอารามหลวง 
096-698-4328 , 053-218-996
สำนักงานประธานพระธรรมจาริก วัดเบญจมบพิตรฯ
022-802-273
สำนักงานมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารฯ
02-6596128 (วันและเวลาราชการ)
__________________________
#วัดศรีโสดาพระอารามหลวง #วัดเบญจมบพิตร #มูลนิธิเผยแพร่ #โครงการพระธรรมจาริก #มูลนิธิธรรมะห่มดอย #พระภิกษุสามเณรชาวเขา #โรงเรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ #บวชเณร #บวชพระ #บวชภาคฤดูร้อน #เจ้าภาพอุปสมบทหมู่ #ทำบุญบวชพระ #ทำบุญบวชเณร #บวชหมู่ #โครงการบวชพระ #ทำบุญเจ้าภาพบวชพระ #เจ้าภาพงานบวช #อานิสงส์บวชพระ #อานิสงส์บวชเณร #อานิสงส์เจ้าภาพงานบวช

32
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมฉลอง Pride Month 2025
จัดกิจกรรม Love Journey Continues พร้อมส่งต่อความรักกลับคืนสู่ชุมชน

นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และ นางสาวยุวดี งานทวีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ  กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารและพนักงานเจนเนอราลี่ ร่วมทำเวิร์กช็อปทำหุ่นมือเล่านิทานแฮนด์เมด

             เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เดินหน้าส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของพนักงาน จัดกิจกรรม “Love Journey Continues” ฉลอง Pride Month 2025 ชวนพนักงานร่วมเวิร์กช็อปทำหุ่นมือเล่านิทาน มอบให้แก่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ในโครงการ “SMART SEED” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้เครือข่าย The Human Safety Net (THSN) เพื่อส่งต่อความรัก ความเข้าใจ แรงบันดาลใจ และเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ให้เยาวชนด้วยแนวคิด “เพราะทุก ๆ ก้าวของความรัก เราจะดูแลและเคียงข้างตลอดไป”

คณะผู้บริหารและพนักงานเจนเนอราลี่ ร่วมทำเวิร์กช็อปทำหุ่นมือเล่านิทานแฮนด์เมด

             ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พร้อมด้วย นางสาวยุวดี งานทวีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์  ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแก่พนักงาน ในการสนับสนุนความรักและการใช้ชีวิต ทั้งในด้านการสร้างครอบครัว และการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารบุคลากรของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลาย และการเคียงข้างพนักงานในทุกบทบาทของชีวิตอย่างแท้จริง




             พร้อมกันนี้ คณะผู้บริหารและพนักงานยังได้ร่วมทำเวิร์กช็อปหุ่นมือเล่านิทานแฮนด์เมด เพื่อมอบเป็นของขวัญส่งต่อความรักให้แก่น้อง ๆ ในมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ในโครงการ “SMART SEED” ภายใต้เครือข่าย The Human Safety Net (THSN) เพื่อเป็นสื่อกลางแห่งการเรียนรู้ และสนับสนุนอนาคตของเด็กไทยที่มีทรัพยากรที่จำกัด




             เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังคงยืนยันพันธกิจในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพความแตกต่าง ส่งเสริมความเข้าใจ และมุ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน เพื่อให้พนักงานทุกคนได้เติบโตอย่างมีความสุข บนเส้นทางที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความรักในแบบที่เป็น พร้อมส่งต่อคุณค่ากลับคืนสู่สังคม โดยกิจกรรมจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์ค สีลม












33
อลิอันซ์ อยุธยา ชวนแอดบัญชีทางการไลน์ @AZAYFAN
พร้อมรับแจ้งเตือนกรมธรรม์จากช่องทางน้องใหม่ Allianz Notice
เพื่อเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ สิทธิประโยชน์ การแจ้งเตือนที่มั่นใจ ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ


             อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การสื่อสารกับลูกค้าในยุคดิจิทัล เพิ่มบริการผ่าน LINE ใน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ LINE Official Account บัญชีทางการ @AZAYfan และ LINE Allianz Notice เพื่อมอบความสะดวก รวดเร็ว มั่นใจ และปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ สิทธิประโยชน์ และการแจ้งเตือนสำคัญต่าง ๆ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความเรียบง่ายในการใช้งาน พร้อมลดความเสี่ยงจากการหลอกลวงผ่าน SMS


             LINE @AZAYfan ทำหน้าที่เป็นบัญชีทางการที่ให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ลูกค้าสามารถแอดไลน์และเชื่อมต่อบัญชี My Allianz เพื่อเข้าถึงบริการกรมธรรม์ที่สำคัญ เช่น ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ เคลมออนไลน์ ชำระเบี้ยประกัน ตรวจสอบสิทธิ์ รับสิทธิพิเศษจาก Healthy Living รวมถึงร่วมกิจกรรมสะสมแต้มแลกรางวัลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกในที่เดียว ถือเป็นศูนย์กลางการดูแลและบริหารกรมธรรม์ที่ครบถ้วนผ่านปลายนิ้ว

             ขณะที่ LINE Allianz Notice คือช่องทางแจ้งเตือนกรมธรรม์อย่างเป็นทางการจากบริษัทฯ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนการส่งข้อความผ่าน SMS โดยลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนที่สำคัญเกี่ยวกับกรมธรรม์ เช่น การแจ้งเตือนชำระเบี้ย การทบทวนกรมธรรม์ประจำปี การรับ Welcome Pack และ e-Policy ผ่านบัญชีทางการที่มีสัญลักษณ์โล่สีเขียวจาก LINE เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานและลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

             ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงแอด LINE @AZAYfan และเชื่อมต่อบัญชี My Allianz เพื่อเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ทันที รวมถึงสามารถเพิ่มบัญชี LINE Allianz Notice ได้ผ่านลิงก์ https://line.ee/OCVfHar หรือสแกน QR Code ที่กำหนด เพื่อเตรียมพร้อมรับการแจ้งเตือนที่สำคัญอย่างปลอดภัยจากอลิอันซ์ อยุธยา ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนชำระเบี้ย การรีวิวกรมธรรม์ประจำปี หรือการรับสิทธิ์พิเศษต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จะส่งตรงถึงลูกค้าผ่านบัญชี LINE ที่ได้รับการยืนยันแล้วจากบริษัทเท่านั้น

             การเปิดใช้งานช่องทางการสื่อสารผ่าน LINE ทั้ง @AZAYfan และ Allianz Notice สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ อยุธยาในการพัฒนาบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอนของการดูแลด้านประกันชีวิตและสุขภาพ

34
สจล. จับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ และหน่วยงานชั้นนำ พลิกโฉมอนาคตเกษตรและอาหารอย่างยั่งยืน


              สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย จัดเสวนาในหัวข้อ Thai-Dutch Future Farming Forum: A new define for innovative and sustainable agriculture & food ecosystem เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มุมมอง และแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมแห่งอนาคตของไทยอย่างยั่งยืน โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของเกษตรกรไทย สร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว


              รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวมพลังจาก ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งภาคการศึกษา วิชาการ ภายใต้โมเดล “Triple Helix” เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งผลักดันนโยบายเชิงระบบ สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมจากประเทศผู้นำด้านเกษตรอัจฉริยะ รวมถึงเกษตรกรในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง สภาหอการค้า จ.ชุมพร และสภาอุตสาหกรรม จ.ชุมพร โดยเน้นให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการออกแบบ “ฟาร์มแห่งอนาคต” มีการรับฟังเสียงจากพื้นที่อย่างแท้จริง เพื่อสะท้อนปัญหา โอกาส และความต้องการที่แท้จริงของชุมชนเกษตรไทย นอกจากนี้ ความคิดเห็นทางการตลาดจากหอการค้าจังหวัด และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรับฟังเพื่อประกอบการพิจารณาในการวางแผนและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป


              ผศ. ดร.รัชนี กุลยานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม สจล. กล่าวเสริมว่า ผลของการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย และเกษตรกร โดยมุ่งหวังร่วมกันวางรากฐานแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยุคใหม่ ที่บูรณาการนวัตกรรม เทคโนโลยี การบริหารจัดการ และการตลาดอย่างครบวงจรได้ข้อสรุปว่า “ฟาร์มแห่งอนาคต ต้องไม่ใช่แค่ทันสมัย แต่ต้องยั่งยืน เป็นธรรม และตอบโจทย์ของชุมชน” และโครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่าง สจล. กับมหาวิทยาลัย Wageningen University & Research ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่จะสร้างต้นแบบ “Future Farm” ซึ่งสามารถขยายผลได้ทั่วประเทศในอนาคต ทั้งยังเป็นเวทีสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเกษตรอัจฉริยะในภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งแนวคิดและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนในเวทีในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบและพัฒนาโครงการ “Future Farm” ณ สจล. วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ชุมชน และระบบเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศในภาพรวม ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรม เดอะนูโว ชุมพร บีช รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ


              ภายในงาน ได้รับเกียรติจากคุณกัมปนาท​ กลิ่นเสาวคนธ์​ ปลัด​ จ.ชุมพร ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเป็นประธานในพิธีเปิดงาน คุณยุพดี​ เมธามนตรี​ ผู้แทน​จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มาร่วมแบ่งปันนโยบายกระทรวงในการส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรรมยั่งยืน รวมถึง คุณภาพตะวัน จิวัธยากูล ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ที่มาร่วมแบ่งปันแนวคิดการทำการเกษตรยุคใหม่ในมุมมองของประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วย

              ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000

35
เอสซีจี ติดอันดับ 21 Fortune Southeast Asia 500 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนธุรกิจเติบโตด้วย ESG และโดดเด่นด้านนวัตกรรม


เอสซีจี ได้รับการจัดอันดับที่ 21 ของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 500 บริษัท จากการประกาศรายชื่อ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2568 โดดเด่นในกลุ่มบริษัทชั้นนำระดับภูมิภาค สะท้อนศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้วย ESG  และเติบโตด้วยนวัตกรรมสินค้า โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ความสำเร็จดังกล่าวสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งให้กับเอสซีจี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วย ESG (Environmental, Social, Governance) และโดดเด่นด้านนวัตกรรม ด้วยการพัฒนาสินค้า บริการที่ตอบความต้องการลูกค้าอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะนวัตกรรมกรีน อาทิ ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็น Gen 3 สามารถลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้ประมาณ 40%  ขณะเดียวกันยังหาโอกาสใหม่ ๆ  ขยายการส่งออกสินค้า เช่น ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำ กระเบื้องคอนกรีต สมาร์ทบอร์ด กระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อาหาร ไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ  นอกจากนี้ยังบริหารธุรกิจแบบองค์กรคล่องตัว (Agile Organization) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก และนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต  รวมทั้งบริหารงานบุคคลที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งโอกาสสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียม (Organization of Possibilities)   

การจัดอันดับดังกล่าวสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนิตยสาร Fortune เป็นปีที่ 2 ของการรวบรวมรายชื่อ 500 บริษัทที่มีรายได้สูงสุดโดยพิจารณาจากรายได้ปีงบประมาณ 2567 ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยบริษัททั้งหมดในรายชื่อปี 2568 สร้างรายได้รวม 1.82 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.7% จาก 1.79 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีก่อนหน้า

การจัดอันดับโดย Fortune สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพและความยืดหยุ่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของห่วงโซ่อุปทานโลกที่กำลังปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เอสซีจีภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการนี้ และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคสู่อนาคต

สำหรับรายชื่อ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://fortune.com/asia/ranking/southeast-asia-500/

36
SCGD รุก 4 กลยุทธ์ มั่นใจรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน


จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนไม่ว่าจะจากราคาพลังงานเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างขึ้น หรือจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกของการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่ข้อสรุปที่แน่ชัด เอสซีจี เดคคอร์ ขอให้ความเชื่อมั่นว่า จะดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพผ่านการลดต้นทุน และการพัฒนาการนำเสนอสินค้า มูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added product) 

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) กล่าวว่า “จากสถานการณ์ฯ ที่เกิดขึ้น บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์โลกและในประเทศอย่างใกล้ชิด แม้ว่า บริษัทฯ จะมีรายได้จากการส่งออกสหรัฐฯ น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาความสามารถการแข่งขันด้วยต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าตามแผน รุก 4 กลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนดังนี้

   1. มุ่งสู่ผู้นำบริหารต้นทุนการผลิตสินค้า (Cost Leadership Focus) และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เร่งเพิ่มสัดส่วนใช้ พลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความผันผวนของต้นทุนพลังงาน เร่งพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม และสินค้าที่มีความคุ้มค่าต่อผู้บริโภค เช่น การเร่งโครงการกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุน หรือการทำสินค้า SPC ในไทยให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากผู้ผลิตระดับโลกได้ ส่งผลให้ปริมาณการขายทั้งกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนาม และสินค้า SPC ในไทยสูงขึ้นประมาณ 30% และ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน โดยในปีนี้คาดว่าจะได้ Saving ได้ประมาณ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นระดับโลกได้

   2. ขยายการส่งออกจากเวียดนาม เช่น กระเบื้องเกรซพอร์ซเลน และกระเบื้อง Ceramic ใช้ฐานการผลิตในเวียดนาม ซึ่งมีต้นทุนการผลิตใกล้เคียงผู้เล่นระดับโลกเป็นฐานทัพสำคัญในการขยายตลาดใหม่ ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ที่บริษัทมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มีความพร้อมในการรองรับ 

   3. เสริมพอร์ตด้วยสินค้าคุณภาพคัดพิเศษ อาศัยความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่ง ทำให้สามารถคัดเลือกสินค้ากระเบื้องและสุขภัณฑ์ที่ดีในราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองลูกค้าและเพิ่มกำไร

   4. มองหาความร่วมมือและโอกาสใหม่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เปิดรับการ Merger and Partnership และความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว

จากกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน ไตรมาสที่ 1/2568  บริษัทเติบโต EBITDA อยู่ที่ 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อน  EBITDA Margin อยู่ที่ 13.7% สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่  11.9% และกำไรสุทธิอยู่ที่  217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกัน อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.9% เทียบกับ 2.8% ในไตรมาสก่อน  ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับความผันผวนที่กำลังเกิดขึ้นอนาคต พร้อมเดินหน้าปรับตัวเชิงรุก มองหาโอกาสทางการค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านประสิทธิภาพด้านต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก   

37
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ
สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง

มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี




วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ  นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย  คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5  นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น







นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี  สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป








ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน






38
LINE ฉลอง 14 ปีเปิดแนวคิด “ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!”
เตรียมเปิด 4 บริการใหม่ พร้อมชูแพลตฟอร์มเพื่อสังคมที่ยั่งยืน


LINE ฉลองครบรอบ 14 ปี ตอกย้ำบทบาทแพลตฟอร์มเพื่อการใช้ชีวิตของคนไทย ถ่ายทอดแนวคิดแคมเปญ “ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” จากพันธกิจใหม่ Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานให้ ‘ดีขึ้นกว่าเคย’ ในหลากมิติผ่านบริการใหม่ที่รอเปิดตัวในครึ่งปีหลังครอบคลุมการสื่อสาร ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ พร้อมดันโครงการด้าน Digital Literacy เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้และสังคมอย่างยั่งยืน


ณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด LINE ประเทศไทย

ณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “การครบรอบ 14 ปีของ LINE ไม่ใช่เพียงหมุดหมายของการเติบโตในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่คือบทพิสูจน์ถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถเสริมคุณภาพชีวิตผู้คนได้จริง  เราเชื่อมั่นว่าหน้าที่ของแพลตฟอร์มดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงแค่การอำนวยความสะดวกผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังต้องนำเสนอคุณค่าของเทคโนโลยีแก่ผู้ใช้งานในมิติที่แตกต่างตามยุคสมัยที่ไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการให้ความสำคัญในการสร้างความเท่าเทียม ปลอดภัยสำหรับทุกเพศทุกวัยในสังคมที่เชื่อมโยงโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ WOW! จากพันธกิจใหม่ของเราอย่าง Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ด้วยการรวมพลังของเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวิถีชีวิตดิจิทัลของคนไทย”

ย้อนบทบาท LINE ในชีวิตคนไทย

จากจุดเริ่มต้นในฐานะแอปพลิเคชันแชท LINE ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นนิเวศดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิตคนไทย 56 ล้านคนบนกลยุทธ์ Humanization และ Hyper-localization ซึ่งนอกจากฟีเจอร์สื่อสารที่มี LINE STICKERS มาช่วยเติมความสนุกทุกการแชทให้ทันได้ทุกกระแส ก็ยังสร้างอาชีพให้แก่วงการนักสร้างสรรค์ซึ่งปัจจุบันมี LINE CREATORS ในประเทศไทยมากกว่า 1.44 ล้านราย ตามมาด้วย LINE MELODY สำหรับเสียงเรียกเข้า-รอสายแทนใจได้ทุกอารมณ์ หรือจะเป็น LINE OPENCHAT ที่ต่อยอดทุกความสนใจให้คนไทยได้มีคอมมูนิตี้แหล่งรวมทุกความสนใจบนโลกออนไลน์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ LINE MAN (LINE MAN Wongnai ในปัจจุบัน) ก็ทำให้วัฒนธรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรีเฟื่องฟูจนถึงปัจจุบัน พร้อมสร้างอาชีพไรเดอร์มากกว่าแสนราย นอกจากนี้ยังมี LINE TODAY แพลตฟอร์มรวบรวมคอนเทนต์ข่าวสารอันดับหนึ่งของไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการคอนเทนต์สาระ บันเทิง ไลฟ์สไตล์ สายมูในชีวิตประจำวัน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคอนเทนต์ข่าวสารในเมืองไทยไปข้างหน้าพร้อมๆ กับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตกว่า 300 ราย

อีกบทบาทสำคัญของ LINE ในประเทศไทย คือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจดิจิทัลที่อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการธุรกิจในไทยบนเส้นทางการ Digital Transformation ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยมี LINE Official Account เป็น Touch point ทรงพลังด้วยกลยุทธ์ Chat Commerce ที่ประกอบด้วยโซลูชันส์หลากหลายอย่าง MyShop, MyRestaurant, MyCustomer, Business Manager และล่าสุดกับ LINE Official Notifications (LON) ให้ธุรกิจทุกระดับเลือกใช้สื่อสาร บริหารจัดการข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า รวมถึงภาครัฐและวิสาหกิจต่างๆ ก็ใช้เป็นแพลตฟอร์มให้บริการประชาชน ให้คนไทยได้เข้าถึงบริการรัฐง่ายดาย แทบไม่ต้องออกจากบ้าน ทั้งชำระค่าไฟ ค่าทางด่วน ตรวจสอบการส่งพัสดุ เช็กสิทธิ์บัตรทอง และระบบบริการด้านสุขภาพ ฯลฯ จึงเป็นจุดที่ตอกย้ำศักยภาพของแพลตฟอร์มในการลดความซับซ้อนของชีวิตดิจิทัล ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีในกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ทำให้ LINE กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างสังคมที่เชื่อมโยงคนไทยในทุกพื้นที่


“ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” ดัน 4 บริการใหม่บน LINE ครึ่งปีหลัง

เพื่อเฉลิมฉลองก้าวสำคัญในปีที่ 14 LINE ประเทศไทย เตรียมยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานผ่านแนวคิด “ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” ที่มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ “ดีขึ้นกว่าเคย” อย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งสื่อสาร ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ โดยเน้น 4 แกนหลักประสบการณ์ ได้แก่ ปลดล็อกข้อจำกัดมากขึ้น – ลึกซึ้งขึ้น – ง่ายขึ้น และ มั่นใจขึ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงผู้ใช้ผ่าน 4 บริการใหม่ที่จะเปิดตัวให้บริการเร็วๆนี้ อย่าง LINE Premium โปรแกรมสมาชิกสำหรับการใช้ LINE ที่อิสระกว่าที่เคย, LINE GIFT บริการ e-Gifting ที่จะเปลี่ยนมุมมองการให้ของขวัญในมิติใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Social Gifting, LINE HEALTH บริการที่เชื่อมต่อผู้ใช้กับผู้ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์ผ่านบัญชีทางการ ที่จะมาลดข้อจำกัดด้านการเดินทางและเวลา ซึ่งได้ทดลองให้บริการแล้ววันนี้ พร้อมด้วย Whale ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เชื่อถือได้

เตรียมดันโครงการด้าน Digital Literacy พัฒนาความรู้เพื่อคุณภาพชีวิต

ในปีที่ 14 LINE ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความสะดวกและ WOW! ในชีวิตประจำวัน แต่ยังริเริ่มกลยุทธ์ ESG เพื่อสร้างการเติบโตและพัฒนาไปสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยั่งยืน โดยเพิ่มบทบาทสำคัญในการส่งเสริม “สังคมอุดมปัญญา” ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างรู้เท่าทัน ปลอดภัย และนำไปต่อยอดสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว โดยที่ผ่านมา LINE ประเทศไทย ได้ขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลให้กับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงวัย ช่วยให้ผู้ใช้งานรุ่นใหญ่เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างมั่นใจและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และเนื้อหาหลากหลายมากขึ้น ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่แข็งแรงและยั่งยืนในทุกมิติ

###

เกี่ยวกับ LINE ประเทศไทยล

ก่อตั้งเมื่อปี 2557 LINE ประเทศไทยมีหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดภายในประเทศ เช่นเดียวกับการพัฒนาธุรกิจและบริการใหม่ๆ สำหรับตลาดในเมืองไทย LINE ประเทศไทยมอบอีโคซิสเต็มสำหรับชีวิตดิจิทัลแบบครบวงจรด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น LINE SHOPPING, LINE VOOM, LINE STICKERS, LINE MELODY, LINE TODAY, LINE OPENCHAT, LINE HEALTH, LINE for Business and LINE Official Account, LINE MAN, LINE GAME, LINE WEBTOON, LINE BK และ LINE Pay ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน (MAU) ในไทยรวม 56 ล้านคน (มิถุนายน 2567)

39
สมาคมการค้ายาสูบฯ เรียกร้องนายก “อิ๊งค์” จัดการบุหรี่เถื่อนจากกัมพูชาเด็ดขาด
ปกป้องอธิปไตยทางเศรษฐกิจไทย


กรุงเทพฯ, 24 มิถุนายน 2568 – สมาคมการค้ายาสูบไทยเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดในการจัดการปัญหาบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอมที่ทะลักจากประเทศกัมพูชาเข้าสู่ประเทศไทย นอกเหนือจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มมิจฉาชีพไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ปัญหาบุหรี่เถื่อนก็เป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่บ่อนทำลายอธิปไตยทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสุขภาพประชาชนในภาพรวม


จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ชายแดนมีความเปราะบาง ทำให้ขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนจากกัมพูชามีช่องทางในการเคลื่อนไหวมากขึ้น บุหรี่ที่ถูกผลิตขึ้นโดยไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานในประเทศกัมพูชา ถูกลักลอบนำเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่มีการเสียภาษีอย่างถูกต้องผ่านช่องทางพรมแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัด จันทบุรี ตราด สระแก้ว และที่สำคัญบุหรี่เหล่านี้ มีราคาถูกดึงดูดผู้บริโภค และดึงดูดให้ผู้ขายทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดธุรกิจใต้ดินที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างร้ายแรง ส่งผลให้รายได้ภาษีของรัฐและรายได้อื่นหายไปปีละมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบที่ไม่อาจยอมรับและเพิกเฉยได้


นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า “บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอมเหล่านี้บ่อนทำลายรายได้ของรัฐ ทำให้สูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิตยาสูบและรายได้อื่น ๆ ปีละเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้ควรถูกนำไปพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย แต่กลับหายเข้ากระเป๋ากลุ่มอาชญากร นอกจากนี้ขบวนการดังกล่าวยังทำลายระบบเศรษฐกิจที่สุจริต ทำให้ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายได้รับผลกระทบอย่างหนัก ร้านค้าโชห่วยจำนวนมากได้รับผลกระทบในด้านยอดขาย หลายร้านถูกผู้ไม่หวังดีนำบุหรี่ปลอมเครื่องหมายการค้า ปลอมสแตมป์สรรพสามิตมาหลอกขายด้วย เมื่อโดนสุ่มตรวจก็ต้องโทษปรับทั้ง ๆ ที่โดนหลอกขายของมาที่สำคัญบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ไม่มีการควบคุมคุณภาพ อาจมีสารพิษปนเปื้อนในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ถูกกฎหมายหลายเท่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภคในระยะยาว”


สมาคมการค้ายาสูบไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาใช้ศักยภาพและอำนาจเต็มที่ในการแก้ไขปัญหานี้ โดยมองว่าการแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นภัยต่อ “อธิปไตยทางเศรษฐกิจ” และ “ความมั่นคงของชาติ” ที่รัฐบาลต้องปกป้องอย่างถึงที่สุดเพราะการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมักเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคุกคามความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนโดยตรง

“สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้นายกแพทองธาร ชินวัตร ใช้มาตรการเชิงรุกที่ชายแดน เช่นเดียวกับที่ประกาศยกระดับปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยอาจเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และเทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง ตรวจจับ และปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง และดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดกับผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ลักลอบนำเข้า โดยไม่มีการละเว้น รวมถึงขยายผลการปราบปรามผู้บริการขนส่งภายในประเทศที่เป็นตัวแปรหลักที่ทำให้สินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้แพร่กระจาย เช่น ศูนย์ไปรษณีย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดชลบุรี หาดใหญ่ หรือศูนย์คัดแยกของบริษัทขนส่งเอกชน ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับประเทศ อยากวอนให้พิจารณาช่องทางความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น อาเซียน หรือร่วมกับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพื่อกดดันให้มีการจัดการแหล่งผลิตในประเทศต้นทาง ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ความมั่นคงของชาติถูกท้าทาย ทั้งจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และภัยจากบุหรี่เถื่อน สมาคมฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดและความมุ่งมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติจากการคุกคามเหล่านี้ได้”

40
ชวนช้อป ชิล ในงาน Thailand Fruit Fiesta
เทศกาลผลไม้เมืองร้อน วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน


ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อป ชิล ชิม ในงานเทศกาลผลไม้เมืองร้อน Thailand Fruit Fiesta ยกขบวนผลไม้ไทยทั้งแบบแปรรูปและผลไม้สดจากสวนมากมายมาให้เลือกสรร อาทิ ทุเรียน มังคุด ลิ้นจี่ เงาะ     สัปปะรด มะพร้าว ฯลฯ พร้อมเพลิดเพลินไปกับสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ของที่ระลึก คอนเซปท์ คัลเลอร์ฟูล สุดหลากหลาย เช่น เสื้อยืด กระเป๋า ของที่ระลึก แฟชั่น มากมายรวม 70 ร้านค้า


นอกจากนี้ยังมีโชว์สุดพิเศษ Contemporary Dance Fruit สุดสนุก มอบรอยยิ้มและความสดใส ให้กับผู้เข้าชมงาน ได้ชมฟรี อีกด้วย  พลาดไม่ได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568


ติดตามข่าวสารร้านค้าและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์








41
ชวนช้อป ชิล ในงาน Thailand Fruit Fiesta
เทศกาลผลไม้เมืองร้อน วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน


ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อป ชิล ชิม ในงานเทศกาลผลไม้เมืองร้อน Thailand Fruit Fiesta
ยกขบวนผลไม้ไทยทั้งแบบแปรรูปและผลไม้สดจากสวนมากมายมาให้เลือกสรร อาทิ ทุเรียน มังคุด ลิ้นจี่ เงาะ     สัปปะรด มะพร้าว ฯลฯ พร้อมเพลิดเพลินไปกับสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ของที่ระลึก คอนเซปท์ คัลเลอร์ฟูล สุดหลากหลาย เช่น เสื้อยืด กระเป๋า ของที่ระลึก แฟชั่น มากมายรวม 70 ร้านค้า



นอกจากนี้ยังมีโชว์สุดพิเศษ Contemporary Dance Fruit สุดสนุก มอบรอยยิ้มและความสดใส ให้กับผู้เข้าชมงาน ได้ชมฟรี อีกด้วย  พลาดไม่ได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568


ติดตามข่าวสารร้านค้าและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์





42
“CALL OF HEROES” รวมดาวนักบู๊ แอ็กชันเดือดสะเทือนยุทธภพ ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              แฟนๆทรูโฟร์ยูเตรียมพบกับภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ “มังกรหนุ่มผยองเดช-CALL OF HEROES” ที่จัดเต็มด้วยทีมนักแสดงระดับแนวหน้าของฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็น เอ็ดดี้ เผิง, กู่ เทียนเล่อ, หลิว ชิงหยุน และ หวู จิง พร้อมการันตีความมันส์โดยสองตำนานแห่งวงการภาพยนตร์จีน หงจินเป่า และ เบนนี่ ชาน ภาพยนตร์แนวแอ็กชันดราม่า ที่ผสมผสานฉากต่อสู้สุดเข้มข้นกับเรื่องราวแห่งศักดิ์ศรีและความยุติธรรม กระแสตอบรับจากผู้ชมทั่วเอเชียยกให้เป็นหนึ่งในหนังบู๊ที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี พร้อมคว้ารางวัลออกแบบฉากแอ็กชันยอดเยี่ยม จากเวที ฮ่องกง ฟิล์ม อวอร์ด






              ในยุคต้นของการหล่อรวมแผ่นดินใหญ่ เมื่อสงครามกลางเมืองปะทุขึ้นทั่วทุกหัวระแหง “เกาหยิง” แม่ทัพผู้กำชัยชนะ ส่งลูกชาย“เกาเชาหลุน” (กู่ เทียนเล่อ) ไปปกครองเมืองเล็ก ๆ ด้วยอำนาจเถื่อนและความโหดเหี้ยม ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว “หยางเค่อ” (เอ็ดดี้ เผิง) นายอำเภอหนุ่มผู้ยึดมั่นในความยุติธรรม ลุกขึ้นต่อต้านอำนาจมืด พร้อมด้วย “ซ่งหยวน” (หลิว ชิงหยุน) ขุนพลผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และ “หลานซิน” หญิงสาวผู้กล้าหาญที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเมือง การเผชิญหน้าระหว่างอุดมการณ์กับอำนาจจึงเริ่มต้นขึ้น ห้ามพลาดชมความสนุก “มังกรหนุ่มผยองเดช-CALL OF HEROES” ได้ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 14.55 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ true4u.com/live

43
ส.ดำน้ำฯ แสดงความยินดีกับ นักกีฬาดำน้ำฟินสวิมมิ่งทีมชาติไทย ที่คว้าเหรียญทองแดง



             สมาคมกีฬาดำน้ำเเห่งประเทศไทยขอแสดงความยินดีกับนายภาณุพงศ์ จรัสศรี นักกีฬาดำน้ำฟินสวิมมิ่งทีมชาติไทย ภายใต้สมาคมกีฬาดำน้ำเเห่งประเทศไทย ที่สามารถคว้า เหรียญทองแดง ในรายการ 2025 CMAS World Championship Finswimming Indoor Junior ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศกรีซ ตั้งแต่วันที่ 19 - 24 มิถุนายน 2568 โดยการทำลายสถิติประเทศไทยในกลุ่ม B (16-17 ปี) ในรายการ BF 50 เมตร ด้วยเวลา 19.73 วินาที ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของวงการกีฬาดำน้ำฟินสวิมมิ่งของไทย ที่นายภาณุพงศ์ จรัสศรี ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ด้วยความสามารถและความพยายามที่ไม่ยอมแพ้ การแข่งขันครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงของนักกีฬาดำน้ำไทยในเวทีระดับโลก โดยสมาคมฯ ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการเเข่งขันเพียง 2 คนเท่านั้น โดยมี นายภาณุพงศ์ จรัสศรี กับ นายกตนนท์ เพชรรัตน์


             ส่วน นายกตนนท์ เพชรรัตน์ สามารถคว้าอันดับที่ 6 ของโลก ในรายการ SF 50 เมตร ด้วยเวลา 16:80

             ทาง สมาคมกีฬาดำน้ำเเห่งประเทศไทย ขอแสดงความยินดีในความสำเร็จครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน เพื่อสานต่อความสำเร็จในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกต่อไป

44
TSPCA จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับ 51 เครือข่ายผู้รักสัตว์ ประจำปี 2568
ถกประเด็น เมตตาให้สัตว์ด้วยความรับผิดชอบ ณ โรงแรมเคปราชา ศรีราชา


             สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และองค์กรเครือข่ายผู้รักสัตว์ ร่วม 51 องค์กร จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เครือข่ายผู้รักสัตว์ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2568 หัวข้อ “เมตตาให้สัตว์ด้วยความรับผิดชอบ” โดยมี ธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์ (คนที่ 4 จากซ้าย) นายกสมาคมฯ เป็นประธานในงาน พร้อมด้วยคณะผู้ทรงคุณวุฒิ พล.ต.ต. อังกูร คล้ายคลึง (คนที่ 5 จากซ้าย) สมาชิกวุฒิสภา, รศ.น.สพ. ปานเทพ รัตนากร (คนที่ 2 จากซ้าย) อุปนายกสมาคมฯ, รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ (คนที่ 3 จากซ้าย) อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี (คนที่ 6 จากซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม, ศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ไศละสูต (คนที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการองค์การสมาพันธ์ สมาคมสัตวแพทย์แห่งเอเซีย และเจษฎา อนุจารี (คนที่ 7 จากซ้าย) กรรมการบริหารขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ แห่งประเทศไทย เข้าร่วมสัมมนา แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างเครือข่าย ณ โรงแรมเคปราชา ศรีราชา จังหวัดชลบุรี

45
ชายสี่รุกตลาดโลก เปิดตัวแบรนด์ “จัดจ้าน” อาหารไทยกึ่งสำเร็จรูป
โชว์ศักยภาพในงาน FOODEX JAPAN 2025 ตอกย้ำความพร้อมสู่ระดับสากล


            บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำโดยผู้บริหารระดับสูง  เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในเครือ “จัดจ้าน” อาหารไทยกึ่งสำเร็จรูป บุกเวที FOODEX JAPAN 2025 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ณ Tokyo International Exhibition Center (TOKYO BIG SIGHT) ประเทศญี่ปุ่น


            นายอนุชิต สรรพอาษา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “การเข้าร่วมงานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของชายสี่ ในการผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารไทยสู่สายตาผู้ประกอบการและพันธมิตรทางธุรกิจระดับสากล โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและเอเชียที่มีศักยภาพสูง ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้มีความสนใจในวัฒนธรรมอาหารไทยอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับคุณภาพ รสชาติ รวมถึงความสะดวกในการบริโภค ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์ ‘จัดจ้าน’ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง อีกทั้ง ตลาดอาหารกึ่งสำเร็จรูปในญี่ปุ่นและเอเชียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัยทำงาน และผู้ที่สนใจทำอาหารทานเองที่บ้านแต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา นี่คือโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญที่เราตั้งใจจะต่อยอด ไม่เพียงแค่ในญี่ปุ่น แต่รวมถึงตลาดประเทศเพื่อนบ้านและตลาดเอเชียในวงกว้างด้วย เราเชื่อมั่นว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านเวทีระดับโลกเช่นนี้ จะช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และเปิดประตูสู่ความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในระดับสากล ซึ่งจะมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การขยายตลาดต่างประเทศของบริษัทในอนาคต”


            ภายในบูธมีการนำแบรนด์ “จัดจ้าน” มานำเสนอในรูปแบบอาหารไทยกึ่งสำเร็จรูป ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ และความสะดวกในการบริโภค พร้อมสาธิตการปรุงอาหารเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลอง เมนูคลาสสิกของไทย อาทิ มัสมั่น ข้าวซอย ต้มยำ และต้มข่า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก นอกจากเมนูคลาสสิกที่ต่างชาตินิยม คุ้นเคยและชื่นชมแล้ว “จัดจ้าน” ยังนำเสนอเมนูพื้นถิ่นของไทยที่ไม่เหมือนใคร อาทิ แกงขี้เหล็กหนังจี่ และแกงผักหวาน ที่ยกวัตถุดิบหายากอย่างหนังควายจี่ ไข่มดแดง และเห็ดเผาะ มาไว้ในซองพร้อมปรุง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคต่างประเทศที่ต้องการสัมผัสถึงรสชาติไทยแท้จากวัตถุดิบพื้นถิ่นอย่างแท้จริง โดยมีผู้เข้าเยี่ยมชมบูธและลิ้มลองเมนูของจัดจ้าน มากกว่า 1,000 คน และมีผู้ตอบรับให้ความสนใจเข้าร่วมเจรจา แลกเปลี่ยนโอกาสทางธุรกิจมากกว่า 100 ราย ตลอดทั้งงาน

            FOODEX JAPAN 2025 ถือเป็นเวทีเจรจาธุรกิจสำคัญ (Trade-only Event) ที่รวมบริษัทชั้นนำและผู้ซื้อระดับโลกไว้มากที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญของบริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการเดินหน้าสู่เวทีสากล สอดรับกับเป้าหมาย “Expanding into the Global Food Industry” ที่บริษัทตั้งไว้ในระยะยาว

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2511