Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - MSN

Pages: 1 ... 1026 1027 [1028] 1029 1030 ... 1036
15406
ไซโก พรีเมียร์ เจ็ทแบล็ค คิเนติก เพอร์เพ็ทชัวล์ มหาบุรุษแห่งรัตติกาล



          “ไซโก” เผยโฉมสุภาพบุรุษแห่งรัตติกาล “Premier – “Jet Black” Kinetic Perpetual” (พรีเมียร์ เจ็ทแบล็ค คิเนติก เพอร์เพ็ทชัวล์) รุ่นพิเศษเพื่อการครบรอบ 130 ปี SEIKO ในปี 2011 นี้ เป็นการผสมผสาน สุดยอดดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของพรีเมียร์ กับตัวเรือนสแตลเลสสตีลรมดำแบบ Hard Coat สุขุม ลึกลับ และน่าค้นหา ดั่งชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับเงามืดแห่งรัตติกาล ลงตัวกับสายหนังแท้ชั้นเยี่ยมสุดเนี๊ยบ เข้ากับตัวเรือนได้อย่างลงตัว กระจกหน้าปัดซัฟไฟร์กันรอยขีดข่วน ที่สำคัญขับเคลื่อนเวลาด้วยระบบ Kinetic อันสะสมพลังงานจากการเคลื่อนไหวได้ยาวนานสูงสุดถึง 72 ชั่วโมง ครบเครื่องด้วยระบบ Auto Relay ที่พร้อมจะปลุกเรือนเวลาจากการหลับไหล แม้ยาวนานถึง 4 ปีให้กลับมา ณ เวลาปัจจุบันโดยไม่ต้องปรับตั้งเวลาใหม่ได้ทันที เพียงแค่เขย่า สุด Perfect ด้วยฟังก์ชั่น Perpetual Calendar ปรับวันที่ให้อัตโนมัติแม้ในปีอทิกสุรทิน จนถึงปี 2100

          หล่อสมบูรณ์แบบสมฉายามหาบุรุษแห่งรัตติกาลขนาดนี้ มีให้ครอบครองและจัดแสดงในงาน Central International Watch Fair 2011 (ราคา 32,590 บาท)

15407
ซีเอส ล็อกซอินโฟ จัดสัมมนา “เตรียมการก่อนถูกโจมตีทางเว็บไซต์” ให้ลูกค้าองค์กร
 


จากสถานการณ์การต่อต้านรัฐ “Operation Payback “ในสหรัฐอเมริกา ปี 2010 และ สถานการณ์การต่อต้านรัฐ “Operation Malaysia” ในมาเลเซีย  ในปี 2011 การเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นการทำลายสิทธิพื้นฐานของประชาชนหรือไม่ ? ทีมงานผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Internet Data Center  บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงานสัมนา “เตรียมการก่อนถูกโจมตีทางเว็บไซต์” ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร ณ ห้อง DRC @IDC CS LOXINFO ชั้น 4 ศูนย์อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ อาคารไซเบอร์เวิร์ลด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงอันตราย และเห็นความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัย  การป้องกันอันตรายจากภายในและภายนอกองค์กร

15408
ข่าวซุบซิบของ บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ในการเข้าร่วมงาน TEMCA 2011 

ร่วมงานTEMCA



หลังจากคุณพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC ประสบความสำเร็จในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงโอกาสเข้าร่วมงานที่คุ้นเคยกับงานสัมมนาประจำปี และงานแสดงผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและเครื่องจักรกล (Seminar Temca Exhibition 2011) ซึ่งจัดโดยสมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย ในวันที่ 19-20 สิงหาคม 2554 รร.รอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา แว่วว่า...เตรียมผลิตภัณฑ์ไปโชว์เพียบ การันตีด้วยทีมงานคุณภาพพร้อม งานนี้...ไม่รู้ว่าจะได้ออร์เดอร์เพิ่มจาก Backlog เดิมที่มีอยู่ 470 ล้านบาทหรือเปล่า ใครมีโอกาสแวะไป ฝากกระซิบถามด้วยนะคะ....

15409
ริเวอร์เบด ซื้อกิจการ Zeus Technology และ Aptimize เดินหน้าสยายปีกโซลูชันเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพไอทีครบวงจร

          การเข้าซื้อกิจการทั้งสองบริษัทนี้ ช่วยให้ ริเวอร์เบด นำเสนอเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอทีสำหรับองค์กรที่สมบูรณ์แบบ ทั้งการเร่งความเร็วให้กับแอพพลิเคชันและคอนเทนต์บนเว็บตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ในอนาคต

          ริเวอร์เบด เทคโนโลยี (NASDAQ : RVBD) ผู้ผลิตอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกาศเข้าซื้อกิจการ Zeus Technology และ Aptimize สองบริษัทรุ่นใหม่ชั้นแนวหน้าที่นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอที โดยที่ Zeus Technology เป็นบริษัทเอกชนผู้ผลิตซอฟต์แวร์โหลดบาลานซ์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันจัดการการจราจรสำหรับสภาพแวดล้อมระบบเสมือนและคลาวด์ ตั้งอยู่ ณ เมืองแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะกลายเป็นหน่วยงานธุรกิจใหม่ของ ริเวอร์เบด โดยมี จิม ดาราจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Zeus รับผิดชอบดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์หใม่ ส่วนการเข้าซื้อกิจการของ Aptimize Limited บริษัทเอกชนผู้นำตลาดระบบเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บ ตั้งอยู่ ณ เมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะกลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ทางด้านสำหรับอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บ ซึ่ง เอ็ด โรบินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aptimize จะรับผิดชอบดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว

          ควบคุมการขยายบนโลกเวอร์ชวล
          Zeus คือผู้นำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันระดับสูง (ADCs) และระบบ virtual ADC (vADC) ของ Zeus ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระดับสูงและรองรับการใช้งานระบบเสมือนบนแพลตฟอร์ม hypervisors ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น VMware, Xen, HyperV และ KVM ณ ปัจจุบันโซลูชัน vADC ของ Zeus ได้ถูกติดตั้งใช้งานโดยลูกค้ากว่า 1,500 องค์กรทั่วโลก รวมถึง 7 ใน 10 ของผู้ให้บริการสื่อสารชั้นนำของโลกหรือจะเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดผู้ให้บริการคลาวด์ของโลก, ธุรกิจแพร่กระจายสื่อชั้นนำและสื่อมวลชนรวมถึงธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซชั้นนำ

          “ริเวอร์เบด ถือว่าเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดี” เจอร์รี่ เคนเนลลี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ริเวอร์เบด กล่าว “เป้าหมายของเราก็คือการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอทีที่ดีและไม่มีจุดสิ้นสุดในการแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพระบบไอทีด้านต่างๆ ของลูกค้า การเข้าซื้อกิจการ Zeus เป็นสิ่งที่เหมาะกับกลยุทธ์ของเรา โซลูชันของ Zeus ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถวางโครงสร้างของแอพพลิเคชันให้ซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพสูงสุดบนสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์”

          ผลิตภัณฑ์ของ Zeus นำเสนอการพัฒนาที่แตกต่างด้วยสถาปัตยกรรมบนพื้นฐานของซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชัน ด้วยโซลูชันบนพื้นฐานระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันบนระบบเสมือนด้วยซอฟต์แวร์ ระบบดังกล่าวของ Zeus นั้นได้เปรียบระบบที่ทำงานบนฮาร์ดแวร์คือเหมาะกับการใช้งานร่วมกับสภาพแวดล้อมแบบเสมือนและคลาวด์ซึ่งสามารถทำงานข้ามระบบในสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงความสามารถในการขยายการรองรับการใช้งานได้ตามต้องการ นอกจากนั้นการที่สามารถเชื่อมโยงแอพพลิเคชันในลักษณะของการซ้อนเข้าด้วยกัน ทำให้หน่วยงานด้านสารสนเทศขององค์กรสามารถปรับแต่งการทำงานได้อย่างยึดหยุ่นและทำงานแบบอัตโนมัติ มากไปกว่านั้นโซลูชัน vADC ของ Zeus สามารถเชื่อมการใช้งานเข้ากับระบบเร่งการทำงานแอพพลิชันแบบฮาร์ดแวร์เดิมที่องค์กรมีอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังมีการเสริมการทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการรองรับการเร่งการทำงานของแอพพลิเคชันทั้งแบบทสมมาติและอสมมาติ ซึ่งจะช่วยให้โซลูชันดังกล่าวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทั้งสองฝั่งทั้งคลาวด์แบบภายในและสาธารณะ

          “ผลจากการวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ตลาดของโซลูชันระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันบนสภาพแวดล้อมเสมือนหรือ vADC นั้นจะโตเร็วกว่าระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันแบบเดิมถึง 4 เท่าตัวในช่วงอีก 4 ปีต่อจากนี้” เคนเนลลี่ กล่าวเสริม “และ Zeus เองก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในตลาดอยู่แล้ว สำหรับลูกค้าที่มองหาโซลูชันระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันร่วมกับการใช้งานทั้งคลาวด์ภายในและบริการสาธารณะ ซึ่งสามารถเชื่อมรวมกันได้อย่างแท้จริงเหมือนกับเป็นแอพพลิเคชันที่ซ้อนกันอยู่”

          “ริเวอร์เบด เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและมีโซลูชันที่พิสูจน์แล้วจากการใช้งานขององค์กรทั่วโลก” จิม ดาราจ “เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สามารถผสานเทคโนโลยี, พนักงานและนโยบายของเราเข้ากับ ริเวอร์เบด และเราเองก็ได้แชร์วิสัยทัศน์กับ ริเวอร์เบด เพื่อที่จะนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการใช้งานแอพพลิเคชันทุกรูปแบบ”

          เร่งความเร็วให้กับเว็บคอนเทนต์
          Aptimize คือผู้นำในตลาดของระบบเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์บนเว็บ นวัตกรรมใหม่ก็คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานทั้งเว็บแอพพลิเคชันในรูปแบบได้ทั้งแบบภายในองค์กรเหมือนกับระบบ SharePoint และบริการเว็บแอพพลิเคชันให้กับบุคคลภายนอกอย่างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในรูปแบบที่เร็วกว่า เทคโนโลยีการเร่งความเร็วเว็บไซต์ช่วยขจัดปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพใหญ่ๆ ให้กับเว็บแอพพลิเคชันยุคใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบของคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพ (javascript, css, รูปและอื่นๆ) แบบเรียลไทม์ เพื่อจะเร่งความเร็วของเว็บไซต์หรือบริการข้อมูลภายในด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์แบบง่ายๆ ไว้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์พิเศษ, เพิ่มการเขียนโค๊ดหรือต้องไปทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนโปรแกรมเว็บเบราส์เซอร์ องค์กรธุรกิจที่ติดตั้งโซลูชันของ Aptimize จะสามารถเร่งประสิทธิภาพด้านความเร็วได้สูงถึง 400% ซึ่งผู้ใช้อาจจะเคยพบเห็นอยู่บ่อยครั้งที่โซลูชันของ Aptimize จะถูกติดตั้งไปพร้อมกับอุปกรณ์ควบคุมการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครือข่าย WAN และระบบควบคุมการขยายประสิทธิภาพการทำงานแอพพลิเคชันของ Tandem สำหรับการเพิ่มขยายประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย

          เจอร์รี่ เคนเนลลี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ริเวอร์เบด กล่าวว่า “Aptimize นำเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพในรูปแบบใหม่ที่สามารถปรับใช้กับการใช้งานคอนเทนต์บนเว็บทุกรูปแบบ” และยังกล่าวเสริมอีกว่า “เช่นเดียวกับ Stellhead โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการส่งข้อมูลของหน้าเว็บออกไป สิ่งที่ Aptimize จะเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ก็คือคอนเทนต์ที่ไปสู่ผู้ใช้นั้นให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

          Aptimize เป็นโซลูชันที่เป็นมากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโปรโตคอล HTTP และ TCP และคอนเทนต์บนเว็บ ด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์บนเว็บให้สามารถส่งถึงผู้ใช้ได้เร็วกว่าและสนองตอบประสบการณ์ผู้ใช้งานได้ดีขึ้น เทคโนโลยีของ Aptimize ทำหน้าที่บันทึก, ควบรวมและลดขนาดของคอนเทนต์ที่ถูกร้องขอโดยผู้ใช้ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก็ตาม

          การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์บนเว็บเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญวิวัฒนาการของการขยายประสิทธิภาพการทำงานของระบบเครือข่าย ด้วยการเสริมโซลูชันของ Aptimize เข้าไปในระบบช่วยการใช้งานแอพพลิเคชันได้เร็วขึ้นกว่าเดิมบนเครือข่ายที่มีแบนด์วิธต่ำกว่าให้กับผู้ใช้รายใหม่ Aptimize จะช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบและแตกต่างให้กับประสิทธิภาพของผลิตภัณ์ต่างๆ ของ ริเวอร์เบด” เคนเนลลี่ กลล่าวเสริม

          เอ็ด โรบินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aptimize กล่าวว่า “Aptimize และ Riverbed นำเอาสองสุดยอดเทคโนโลยีผสานเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับแอพพลิเคชันที่อยู่ด้านหน้าและหลังไฟร์วอลล์” และยังกล่าวเสริมว่า “การรวมกันของสองบริษัทในครั้งนี้จะช่วยให้เกิดความเป็นหนึ่งในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับตลาด”

          รายละเอียดการเข้าซื้อกิจการ
          ภายใต้เงื่อนไขของการเข้าซื้อกิจการ ริเวอร์เบด จะต้องจ่ายเงินสด 110 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับผู้ถือหุ้นของ Zeus และอีกเกือบ 30 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำการตลาดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วง 12 เดือน ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดการณ์ว่า ริเวอร์เบด จะถึงจุดคุ้มการลงทุนครั้งนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 และเริ่มสร้างกำไรได้ตั้งแต่ต้นปี 2012
          องค์กรมากกว่า 13,000 แห่งทั่วโลกครอบคลุมทั่วทุกตลาด ที่เลือกริเวอร์เบดในการทำความเข้าใจปรับปรุงและควบรวมโครงสร้างระบบสารสนเทศ ริเวอร์เบดนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์และโซลูชันระบบเสมือนที่ช่วยแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพการใช้งานระยะไกลบนระบบสารสนเทศที่กระจายตัวและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีสภาพแวดล้อมเสมือนรวมถึงการควบรวมระบบและการประมวลผลแบบคลาวด์ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่เมื่อผู้ใช้งานเริ่มออกห่างจากข้อมูลในองค์กรสิ่งที่เกิดขึ้นคือแอพพลิเคชันและการเรียกไฟล์ข้อมูลที่ช้าลงซึ่งกลายเป็นกับดักของการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว สิ่งที่ริเวอร์เบดช่วยให้การใช้งานของสำนักงานสาขาและผู้ใช้งานแบบเคลื่อนที่ ให้ได้รับประสิทธิภาพการใช้งานเหมือนอยู่บนเครือข่าย LAN ในสำนักงานไม่ว่าศูนย์ข้อมูลส่วนตัวจะอยู่ที่ไหนหรืออาจจะใช้งานอยู่บนคลาวด์สาธารณะ ปัจจุบันริเวอร์เบดยังคงพัฒนาประสิทธิภาพบนพื้นฐานความสำเร็จของตลาดโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายสารสนเทศและการบริหารจัดการประสิทธิภาพของเครือข่าย ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เป็นโซลูชันในการเร่งความเร็วให้กับระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และเข้าถึงแอพพลิเคชันและข้อมูลที่ติดตั้งอยู่บนคลาวด์สาธารณะ

15410
          ทรูรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2554 รายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้นจากบริการบรอดแบนด์ที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและจากบริการที่ไม่ใช่เสียง สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่แข็งแกร่ง

          บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2554 รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยบริการบรอดแบนด์จากทรูออนไลน์เติบโต สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่รายได้กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สายเพิ่มสูงขึ้น จากการรวมผลการดำเนินงานของฮัทช์ และรายได้ของทรูมูฟเติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผลประกอบการโดยรวมของทรูวิชั่นส์อยู่ในระดับคงที่

          ในไตรมาส 2 ปี 2554 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ IC) 14.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่จากการรวมผลการดำเนินงานของฮัทช์ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากบริการบรอดแบนด์ และบริการที่ไม่ใช่เสียงสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ กลุ่มทรูมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลประกอบการของ ทรูออนไลน์และทรูมูฟปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้จากการให้บริการและ EBITDA อ่อนตัวลง ส่วนใหญ่จากผลของฤดูกาล ที่กระทบต่อธุรกิจทรูมูฟ

          ผลการดำเนินงานปกติ (NIOGO) ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี ปรับลดลงเป็นขาดทุน 187 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจฮัทช์ โดยในไตรมาสนี้ ทรูรายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1.25 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการแปลงค่าหนี้สินต่างประเทศเป็นเงินไทย (Mark to Market) ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด

          ทั้งนี้ จากผลการสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา จำนวนครัวเรือนที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มทรู ตั้งแต่ 2 บริการขึ้นไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 2.5 ล้านครัวเรือน

          นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “รายได้ของกลุ่มทรู ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจาก การรวมผลประกอบการของฮัทช์ รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของบริการบรอดแบนด์ และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริการที่ไม่ใช่เสียงจากยอดขายเครื่องและแพ็กเกจ สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การลงทุนในฮัทช์ เพื่อให้บริการ 3G+ เชิงพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “ทรูมูฟ เอช” ในฐานะผู้ขายต่อบริการ (รีเซลเลอร์) ของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะทำให้กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างดีขณะที่การลงทุนขยายเครือข่าย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ด้วยเทคโนโลยี DOCSIS 3.0 ให้ครอบคลุมกว่า 2 ล้านครัวเรือน จะเสริมให้ธุรกิจทรูออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด อีกทั้งยังสนับสนุนให้ทรูวิชั่นส์สามารถก้าวสู่ยุค HD TV และ Internet TV ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ทรูวิชั่นส์ยังพัฒนากล่องรับสัญญาณใหม่เข้าสู่ยุค MPEG 4 เพื่อให้บริการในระบบ High Definition ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถป้องกันการถอดรหัสเพื่อรับชม รายการแบบผิดกฎหมายได้ ซึ่งการลงทุนทั้งหมดนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการคอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งยังเป็นการปรับฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัทใน 5 ปีข้างหน้า”

          กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย ซึ่งประกอบด้วย ทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์ มีรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมค่า IC จำนวน 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า จากการรวมผลการดำเนินงานของฮัทช์ และการเติบโตของรายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียงและบริการแบบรายเดือน

          ทรูมูฟ มีรายได้จากการให้บริการ ไม่รวมค่า IC จำนวน 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 จากไตรมาส เดียวกันปีก่อนหน้า โดยการเติบโตของรายได้บริการแบบรายเดือน (ร้อยละ 19.0 จากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา และร้อยละ 5.5 จากไตรมาสที่ผ่านมา) และบริการที่ไม่ใช่เสียง (ร้อยละ 34.7 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และร้อยละ 4.0 จากไตรมาสที่ผ่านมา) ทั้งนี้ ยอดขายเครื่องและแพ็คเกจสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่การใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ แพร่หลายมากขึ้น

          รายได้จากบริการแบบเติมเงินยังคงอ่อนตัว ส่วนใหญ่จากการแข่งขันในโปรโมชั่นโทรภายในโครงข่าย ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี โปรโมชั่นโทรทุกโครงข่าย และการขยายโครงข่ายในต่างจังหวัด ช่วยให้รายได้บริการแบบเติมเงินเริ่มฟื้นตัวในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

          ในไตรมาส 2 ปี 2554 ทรูมูฟมียอดผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิของบริการแบบรายเดือน เพิ่มขึ้นถึง 46,000 ราย (จากยอดผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิทั้งหมด 261,000 ราย) เทียบกับ 26,000 ราย ในไตรมาส 1 ปี 2554 ส่วนใหญ่จากแพ็กเกจสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2554 กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สายมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 18.5 ล้านราย

          ทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้จากบริการบรอดแบนด์ (ร้อยละ 14.6 จากไตรมาส 2 ปี 2554 และร้อยละ 2.9 จากไตรมาส 1 ปี 2554) ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ของบริการ Ultra hi-speed Internet นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 บริษัทได้ปรับเพิ่มความเร็วมาตรฐานของบริการบรอดแบนด์เป็น 7 Mbps และบริการ Wi-Fi เป็น 8 Mbps (ความเร็วตามมาตรฐานตลาด ประมาณ 2-4 Mbps) รวมทั้งเพิ่ม จุดเชื่อมต่อสัญญาณ หรือ Hotspot จาก 21,000 จุด เป็น มากกว่า 30,000 จุด ทั้งนี้ ทรูออนไลน์สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิได้ 40,000 รายในไตรมาส 2 ทำให้มีฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 1.25 ล้านราย

          ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 2.3 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับคงที่ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการรับทำการโฆษณา (เพิ่มขึ้นเป็น 143 ล้านบาท) ถูกชดเชยด้วยการลดลงของรายได้จากค่าสมาชิก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันและการลักลอบการใช้สัญญาณ ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากผลของฤดูกาล จากรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสิ้นสุดฤดูกาล ปี 2553/2554 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์มีจำนวนสมาชิกโดยรวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2554

          กลุ่มทรูชำระคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 4.0 พันล้านบาท (ไม่รวมสัญญาเช่าทางการเงิน) ในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ระดับหนี้ระยะยาวลดลงเล็กน้อยเป็น 66 พันล้านบาท

          นอกจากนี้ บริษัทได้นำเงินทุนส่วนใหญ่ที่ได้จากการระดมทุน จำนวนทั้งสิ้น 13.1 พันล้านบาท จากการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่เพื่อเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ในไตรมาส 2 (ซึ่งมีผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นสูงถึงร้อยละ 110.5 ของจำนวนที่เสนอขายทั้งหมด) ไปใช้เพื่อขยายการให้บริการ ของทรูมูฟ เอช

          นายนพปฎล เดชอุดม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกล่าวว่า “บริษัทคาดว่าการเดินหน้าขยายธุรกิจและบริการใหม่ๆ เช่น 3G และ DOCSIS 3.0 รวมทั้งการให้บริการในระบบ High Definition ของทรูวิชั่นส์ อาจกระทบต่อ EBITDA ในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มลงทุน แต่พัฒนาการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และช่วยสร้างกำไรของบริษัทในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น การที่ผู้ถือหุ้นจองสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ยังยืนยันความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวของบริษัท”

15411
ทรูมูฟ เอช ประกาศจำหน่าย iPad 2 รุ่น Wi-Fi + 3G พร้อมเปิดตัวดาต้าแพ็กเกจสำหรับ iPad 2 เร็วๆ นี้

           ทรูมูฟ เอช ประกาศจำหน่าย iPad 2 รุ่น Wi-Fi + 3G พร้อมเปิดตัวดาต้าแพ็กเกจสำหรับ iPad 2 เร็วๆ นี้ โดย iPad 2 เป็นนวัตกรรมล่าสุดของ Apple ที่ออกแบบให้เล่นเว็บ, อ่านและส่งอีเมล สนุกกับรูปภาพ ดูวิดีโอ ฟังเพลง เล่นเกม อ่านอีบุ๊คส์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งiPad 2 ใหม่มีดีไซน์ที่บางกว่า เบากว่า และเร็วกว่า แต่ยังใช้ได้นาน 10 ชั่วโมงเหมือนเดิม ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPad 2 สามารถค้นหาได้ที่ www.apple.com/ipad/ 
 

15412
เจ็ทสตาร์เปิดตัวเจ็ทสตาร์ เจแปน สายการบินค่าโดยสาร ราคาประหยัดน้องใหม่ พร้อมเริ่มให้บริการในปี 2555

          เจ็ทสตาร์เดินหน้าขยายเครือข่ายการบินในภูมิภาคแพนเอเชีย อย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุด ประกาศเปิดตัวสายการบินเจ็ทสตาร์ เจแปน (Jetstar Japan) สายการบิน ค่าโดยสารราคาประหยัดรายใหม่ เพื่อกระตุ้นความต้องการเดินทางทางอากาศในประเทศญี่ปุ่น

          เจ็ทสตาร์ เจแปน คือ สายการบินน้องใหม่ล่าสุดภายใต้เครือข่ายการบินที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเจ็ทสตาร์ซึ่งปัจจุบันให้บริการเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ใน 17 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เวียดนาม และนิวซีแลนด์ เป็นต้น เจ็ทสตาร์ เจแปนมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 12,000 ล้านเยน ภายใต้การร่วมทุนระหว่างแควนตัส กรุ๊ป สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ (หรือเจเอแอล) และบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น คาดว่า จะเริ่มให้บริการรับส่งผู้โดยสารตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นไป โดยเริ่มแรกจะให้บริการด้วยฝูงบินแอร์บัส เอ320 ใหม่จำนวน 3 ลำ ขนาด 180 ที่นั่งใน 1 ชั้นโดยสาร และเตรียมจะขยายฝูงบินดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 24 ลำในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

          มร. บรูซ บิวคานัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทสตาร์ กรุ๊ป กล่าวถึงเจ็ทสตาร์ เจแปนว่า “จะให้ บริการเที่ยวบินที่เชื่อมโยงระหว่างเที่ยวบินสู่เมืองโอซาก้าและโตเกียวของเจ็ทสตาร์สู่จุดหมายปลายทางยอดนิยมต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น”

          สำหรับค่าโดยสารของเจ็ทสตาร์ เจแปนคาดว่า จะมีราคาประหยัดกว่าร้อยละ 40 โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับ ค่าโดยสารปกติและค่าโดยสารราคาสุดพิเศษภายใต้แคมเปญส่งเสริมการขายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้คนสามารถเดินทางทางอากาศเป็นประจำได้มากขึ้น ตอกย้ำพันธกิจของเจ็ทสตาร์ที่มุ่งสนับสนุนผู้คนให้มีทางเลือกในการเดินทางทางอากาศมากขึ้น โดยมอบค่าโดยสารราคาประหยัดอย่างยั่งยืน

          “เจ็ทสตาร์ เจแปนมุ่งสนับสนุนผู้คนให้สามารถเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางไปยังลานสกีที่มีชื่อเสียง หรือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอันงดงามภายใต้เครือข่ายการบินของเจ็ทสตาร์ที่มีโลโก้เป็นรูปดาวสีส้ม” มร. บิวคานัน กล่าวและเสริมว่า “การขยายเครือข่ายการบินสู่ตลาดใหม่ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย ทำให้เจ็ทสตาร์มีต้นทุนที่ประหยัดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเสริมจุดแข็งของเจ็ทสตาร์ในการมอบค่าโดยสารราคาประหยัดได้อย่างต่อเนื่อง”

          ทั้งนี้ เจ็ทสตาร์ เจแปนจะให้บริการเที่ยวบินจากสนามบินนานาชาตินาริตะและคันไซสู่สนามบินปลายทางและฐานการบินต่างๆ ภายในประเทศญี่ปุ่น อาทิ ซัปปาโร ฟูกูโอกะ และโอกินาวา เป็นต้น

          เจ็ทสตาร์คือสายการบินค่าโดยสารราคาประหยัดรายแรกที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสารสู่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2550 โดยให้บริการเที่ยวบินจากเมืองโอซาก้าและโตเกียวสู่เมืองแคร์นส์และโกลด์โคสต์ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2553 เจ็ทสตาร์ได้ให้บริการเที่ยวบินจากสิงคโปร์และไทเปสู่โอซาก้า ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีผู้โดยสารมากกว่า 2 ล้านคนเดินทางในเส้นทางบินดังกล่าว ปัจจุบัน เจ็ทสตาร์คือสายการบินที่มีรายได้สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด โดยให้บริการรับส่งผู้โดยสารปีละประมาณ 20 ล้านคนหลังจากเปิดดำเนินการมาเพียง 7 ปี

15413
ภาพข่าว: ดิ แอนนา เรสเตอรอง ให้การต้อนรับ รายการ Smart Kitchen ช่อง C Channel



          คุณชาร์ลี-วิชิต ชาญอนุเดช (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปของร้าน ดิ แอนนา เรสเตอรอง และ ชลธิชา ชูชาติ (ที่ 2 จากขวา) ให้การต้อนรับ คุณเปิ้ล-ภารดี อยู่ผาสุก (ยืนกลาง) พิธีกรดำเนินรายการ พร้อมคณะทีมถ่ายทำจากรายการ “Smart Kitchen” ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.-19.00 น. ทางช่อง C Channel ในโอกาสที่เดินทางมาถ่ายทำรายการที่ร้านฯพร้อมกับแนะนำเมนูพิเศษชุดใหม่ ในโอกาสฉลองครบรอบ 1 ปีของร้านฯ

          ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ The Anna Restaurant & Art Gallery (ดิ แอนนา เรสเตอรอง แอนด์ อาร์ต แกลเลอรี) สามารถเดินทางเข้า-ออกได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งจากถนนสีลม (ซอยพิพัฒน์ ข้างธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่) และถนนสาทรเหนือ (สาทรซอย 6 ซอยข้างโรงแรมเอเวอร์กรีน ลอเรล) ในบรรยากาศสุดคลาสสิคของเรือนไม้สักโบราณสไตล์โคโลเนียลที่มีอายุมากกว่า 120 ปี The Anna Restaurant เปิดให้บริการด้วยหลากหลายเมนูทั้งอาหารไทยและอาหารสไตล์ยุโรปตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 22.00 น. และยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 120 ท่านไว้คอยบริการกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สำรองโต๊ะ หรือจองห้องจัดเลี้ยงในโอกาสพิเศษได้ที่ (02) 237 2788-9 เยื่ยมชมเว็บไซด์ของเราได้ที่ www.theannarestaurant.com หรือที่ www.facebook.com/The-Anna-Restaurant-Art-Gallery

15414
โกลเบล็ก Night Trade ดันบัญชีเพิ่ม 30% มองราคาทองอาจพุ่งถึง 2,000 ดอลล์/ออนซ์

 

          บล.โกลเบล็ก เผยนักลงทุนตอบรับ Night Trade ดี ส่งผลบัญชีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่ม 30 % ย้ำเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตั้งแต่ 18.30-22.30 น. ชี้สัปดาห์ก่อนราคาทองเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว มองสัปดาห์นี้ราคาทองคำจะอยู่ในระดับ 1,695-1,820 ดอลลาร์/ออนซ์ และอาจพุ่งถึง 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ หากเศรษฐกิจยุโรปยังแย่
 
          นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยถึงการตอบรับของลูกค้าในส่วนของการขยายเวลาซื้อขายทองคำแท่ง,โกลด์ฟิวเจอร์ส และซิลเวอร์ ฟิวเจอร์สในช่วงกลางคืน (Night Trade) ตั้งแต่เวลา 18.30-22.30 น. ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยหลังจากขยายเวลาซื้อขายมีบัญชีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 30 % รวมถึงมีการติดต่อสอบถามในเรื่องของสินค้า และการซื้อขายอื่นๆในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น ซึ่งทางโกลเบล็กมีเจ้าหน้าที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อให้บริการ และให้คำแนะนำลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเต็มที่

          ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาโอกาสในการทำกำไรในการซื้อขายทองคำแท่งมีเพิ่มขึ้น จากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 10% ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ แต่ขณะนี้มองว่าส่วนต่างของการทำกำไรอาจจะน้อยลง เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้น จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น นักลงทุนจึงมองหาแหล่งพักเงิน หรือสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคตอย่างเช่น ทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มที่พันธบัตรประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆจะโดนปรับลดอันดับส่งผลให้ราคาทองปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากราคาทองคำในประเทศที่ปรับตัวขึ้นลงหลายครั้งต่อวัน ดังนั้นการซื้อขายในช่วงกลางคืน จึงถือเป็นการช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินราคาทองคำ และแนวโน้มของการลงทุนในตลาดโลกเพื่อให้สอดคล้องต่อการลงทุนของนักลงทุนเองด้วย

          ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวโน้มของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (17-21 ส.ค.54) ราคาทองคำจะอยู่ในระดับ 1,695-1,820 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 24,100-25,700 บาท/บาททอง (อิงค่าเงินบาทที่ระดับ 29.93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อบริเวณ 1,740-1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,550-1,870 ดอลลาร์/ออนซ์ ในกรณีปัญหายุโรปได้รับการเยียวยาเพิ่มเติม แต่หากประเทศในยุโรปเริ่มถูกลดอันดับ โดยเฉพาะฝรั่งเศส อังกฤษ หรือเยอรมัน กรอบจะอยู่ที่ 1,650-2,000 ดอลลาร์/ออนซ์
 
          “สำหรับการทำกำไรในส่วนของโกลด์ ฟิวเจอร์ส และซิลเวอร์ ซิลเจอร์สนั้น แนะนำว่าการซื้อขายต้องมีความรอบคอบ และระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหลัก ประกอบกับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษและอิตาลีที่จะส่งผลต่อราคาทองอีกเช่นกัน” นายสัญญา กล่าว

15415
“เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์ แฟกตอรี่” แนะนำ ไอศกรีมรส กรีนที ผสานท๊อปปิ้งและมิกส์อิน 3 สไตล์


 
          “เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์ แฟกตอรี่” ร้านไอศกรีมระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมแบบมิกซ์อิน ในเครือ จีเอฟเอ แนะนำ ไอศกรีมรส “กรีนที” (Green Tea) หอมละมุนแสนอร่อย เสริมด้วยท็อปปิ้งและมิกซ์อิน 3 สไตล์ ได้แก่ โตเกียว ช็อกโกแลต กรีนที (Tokyo Chocolate Green tea), มิ้นท์ กรีนที (Mint Green tea) และ เรด บีน กรีนที (Red Bean Green tea) เพื่อเอาใจคนรักชาเขียวกับรสชาติที่น่าลิ้มลอง “ไอศกรีม กรีนที” ในสไตล์ที่ชื่นชอบ ตั้งแต่ 17 สิงหาคม ถึง 18 ตุลาคม นี้

          พบกับ ไอศกรีม “กรีนที” ได้แล้วที่ร้าน เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์ แฟกตอรี่ ทั้ง 9 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น G, ศูนย์บันเทิงเชิงศิลป์ ดิ เอสพละนาด ชั้น G, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ชั้น 6, อาคารเทียบเครื่องบินบี (B) และเอฟ (F) สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ, ชั้น G ดิอะเวนิว พัทยา, ชั้น G เดอะมอลล์บางแค, เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ชั้น 5 และ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ชั้น 5

15416
เปิดโลกแห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กในงาน Kids of the World 2011


 
          บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด และ บริษัท อินเตอร์แนชันแนล โปรโมชั่นแอนด์เอ็กซิบิชั่น จำกัด ทุ่มทุนเนรมิตจัดงาน “คิดส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ 2011” เอาใจเหล่าเด็กๆ ต้อนรับช่วงปิดเทอม ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Let’s Edutain” – เปิดโลกอาณาจักรสวนสนุกแห่งการเรียนรู้ พร้อมพัฒนาความคิดและอารมณ์สำหรับหนูๆ บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ตั้งแต่วันที่ 20-23 ตุลาคม 2554 อาคาร 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          พร้อม 3 โซนความสนุกสนานแห่งการเรียนรู้ ที่จะให้ทุกคนในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสนุกๆมากมาย แฝงไปด้วยความรู้ที่จะช่วยพัฒนาการของเด็กๆ ทั้ง Playground Zone ที่จะเป็นสนามเด็กเล่นแห่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาอีคิวและไอคิวของเด็กๆ, เพลิดเพลินกับสวนสนุกในร่มและเครื่องเล่นนานาชนิดที่ Fun Park Zone พร้อมร่วมสนุกกับ Robots 4 Kids และ Sport Stacking ใน Talent Zone ที่จะมาท้าทายกับความสามารถพิเศษของคุณน้องๆหนูๆในการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์เชิงสร้างสรรค์ และกีฬาเรียงแก้วประชันความเร็วที่น่าตื่นเต้น

          และโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจพิเศษสุดในปีนี้ Ultraman Live 2011 ตอน ศึกรวมพลัง 8 พี่น้องอุลตร้า ที่จะมาช่วยกันปราบเหล่าร้าย พร้อมโชว์ยาน Gun Speeder ขนาดเท่าของจริง นอกจากนี้จะพลาดไม่ได้กับ The Salads world smart playground จะกลับมาสร้างความสนุกให้กับบรรดาแฟนคลับทุกๆวัย ในรูปแบบใหม่ๆ ตลอดทั้งหมด 4 วันแห่งความสุขสำหรับเด็ก

          กิจกรรมไฮไลท์ของงานในปีนี้ พบกับการประกวดหนูน้อย “M.Kids Model” และ “Kid Fashion Show” จากแบรนด์เสื้อผ้าเด็กชื่อดัง ที่มาพร้อมกับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด และยังได้พบปะกับเหล่าขบวนพาเรดมาสคอตจากการ์ตูนชื่อดังอย่างใกล้ชิดอีกมากมาย ภายในงานคุณจะได้พบกับสินค้าและบริการมากมายจากบริษัทชั้นนำกว่า 150 บริษัท ที่จะยกขบวนสินค้าและบริการสำหรับน้องๆหนูๆมาจัดรายการและลดราคาพิเศษ อาทิเช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, เครื่องเขียน, ของเล่น, เกมส์, สินค้างานอดิเรก, โรงเรียนเอกชนชั้นนำ, โรงเรียนและสถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียง, บริการเกี่ยวกับสุขภาพและโรงพยาบาล, บริการท่องเที่ยว และ ประกันภัย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ 0-2833-5125 และ 0-2641-5955 ต่อ 402 หรือที่เว็บไซต์ www.kidoftheworld.net

          จัดโดย
          บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด
          คุณสุดอารีย์ โทร. 02 833 5122 e-mail : sudarees@impact.co.th
          บริษัท อินเตอร์แนชันแนล โปรโมชั่นแอนด์เอ็กซิบิชั่น จำกัด
          คุณพนินทร โทร. 02 641 5955 ต่อ 402 e-mail : kay@ipexnet.com

15417
เอชพีขยายประสบการณ์การพิมพ์แบบไร้ขีดจำกัด ทุกที่ทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยี Apple AirPrint สู่เครื่องพิมพ์ LaserJet และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น
 
          เอชพี ผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม การพิมพ์ ประกาศขยายการรองรับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบนอกสถานที่ Apple AirPrint เพื่อให้สามารถใช้งานได้จากเครื่องพิมพ์ LaserJet และเครื่องพิมพ์ มัลติฟังก์ชั่นของเอชพีเพิ่มอีกแปดรุ่น

          เทคโนโลยี Apple AirPrint จะช่วยให้ผู้ใช้งาน ไอแพด ไอโฟน และ ไอพอดทัช ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 4.2 เป็นต้นไป สามารถสั่งพิมพ์ แบบไร้สายได้ผ่านแอพพลิเคชั่นและโปรแกรมเฉพาะที่เขียนขึ้น เพื่อเลือกเครื่องพิมพ์ HP LaserJet ที่ต้องการให้พิมพ์งานทำงานได้ โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมไดรว์เวอร์ เทคโนโลยี Apple AirPrint ทำให้ไม่จำเป็นต้องอาศัยซอฟต์แวร์ หรือการติดตั้ง ดังนั้น จึงสามารถสั่งพิมพ์เอกสาร รูปภาพหรืออีเมลได้รวดเร็วและง่ายดายไปยังเครื่องพิมพ์ LaserJet และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นของเอชพีที่รองรับเทคโนโลยีนี้

          ลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์ HP LaserJet รุ่นดังต่อไปนี้ สามารถดาวน์โหลดการอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้กับเครื่องพิมพ์ LaserJet และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นที่มีอยู่ได้ และใช้งานเทคโนโลยี Apple AirPrint ได้ทันที

          เครื่องพิมพ์ HP LaserJet รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยที่สามารถใช้ เทคโนโลยี Apple AirPrint ได้แก่:
· เครื่องพิมพ์ HP LaserJet รุ่น P1102w
· เครื่องพิมพ์ HP LaserJet รุ่น P1606dn
· เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น HP LaserJet Pro M1212nf

          เครื่องพิมพ์ HP LaserJet รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยที่เดิมสามารถใช้ เทคโนโลยี Apple AirPrint อยู่แล้ว ได้แก่:
· เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น HP LaserJet Pro CM1415fn Color MFP
· เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น HP LaserJet Pro CM1415fnw Color MFP
· เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น HP LaserJet Pro CP1525n Color Printer
· เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น HP Color LaserJet Pro M1536dnf MFP

          ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดเพื่ออัพเดทเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้เครื่องพิมพ์ HP LaserJet สามารถรองรับเทคโนโลยี Apple AirPrint โดยเข้าไปที่ http://www8.hp.com/th/en/support-drivers.html โดยสามารถดาวน์โหลดการอัพเดทผ่านคอมพิวเตอร์ แมค หรือพีซี การติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP LaserJet จะใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น เมื่อติดตั้งเฟิร์มแวร์เรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถ สั่งพิมพ์จากอุปกรณ์ของ Apple บนระบบปฎิบัติการ iOS ที่รองรับไวไฟได้

          ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบโมบายล์ Apple AirPrint ผ่านอุปกรณ์ของเอชพี สามารถเข้าไปชมได้ที่ http://www.hp.com/go/airprint

15418
เนเจอร์กิฟ จัดแคมเปญ “ภารกิจเป๊ะ โดย เนเจอร์กิฟ : รัดเข็มขัด ลดน้ำหนัก เพื่อชาติ” ตอกย้ำความเป็นตัวจริงกาแฟควบคุมน้ำหนัก

 

           ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดกาแฟควบคุมน้ำหนักอย่างถาวรสำหรับกาแฟเนเจอร์กิฟ และสิ่งหนึ่งที่สามารถมัดใจลูกค้าให้ยึดมั่นและศรัทธาในแบรนด์ คือวิธีการทำการตลาดแบบเข้าถึงผู้บริโภคผ่านรูปแบบแคมเปญกิจกรรมมากมายจากตัวโปรดักส์ไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และได้ผลจริงในการใช้เนเจอร์กิฟเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก โดยที่ลูกค้ายังสามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติและมีความสุข นั่นคือสิ่งที่เนเจอร์กิฟทำมาตลอด ด้วยวิสัยทัศน์ 3 Hs ของผู้บริหาร คือ ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ ผู้บริหารเนเจอร์กิฟ นั่นคือ Health/Hope/Happiness จึงส่งผลให้คนธรรมดารูปร่างดีได้ในรูปแบบของตัวเอง และ แคมเปญล่าสุด “ภารกิจเป๊ะ โดย เนเจอร์กิฟ : รัดเข็มขัด ลดน้ำหนัก เพื่อชาติ” นั้น

          ดร.กฤษฎา เผยว่า “ จะเห็นว่าที่ผ่านมาเราทำการตลาดแบบ Below the line มาอย่างต่อเนื่อง และก็ประสบความสำเร็จ และสิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจคือการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง และเชื่อว่าการจัดกิจกรรมที่ทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสและยอมรับในตัวแบรนด์อย่างแท้จริง คือการดึงเขาเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ อย่างแคมเปญล่าสุด “ ภารกิจเป๊ะ โดย เนเจอร์กิฟ : รัดเข็มขัด ลดน้ำหนัก เพื่อชาติ ” นั้นถือเป็นแคมเปญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เนเจอร์กิฟเคยทำมา อย่างที่บอกไปว่าเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกค้าของเรามาก ฉะนั้นรูปแบบของกิจกรรมครั้งนี้เราจึงใช้วิธีการคัดเลือกผู้คนทั้งชายและหญิงจากทั่วประเทศผ่านเกณฑ์การตัดสินต่างๆ ที่ทางคณะกรรมการกำหนดขึ้น โดยคัดเลือกให้เหลือ 500 คนจากทั่วประเทศ และนำ 500 คนที่เราคัดเลือกได้ไปปฏิบัติภารกิจต่างๆ โดยที่สุดแล้วเป้าหมายคือการที่คน 500 คนต้องลดน้ำหนักให้ได้ 2554 กิโลกรัมภายในระยะเวลา 60 วัน ที่สำคัญต้องไม่ลดแบบหักโหม โดยทางเรามีวิสัยทัศน์ว่าให้ดูแลตัวเองภายใต้ 3 Hs คือ Health/Hope/Happiness หมายความว่าต้องลดน้ำหนักแบบถูกวิธี สุขภาพต้องดี ตั้งมั่นอยู่ในความหวังความศรัทธาในตัวเอง ในการกล้าที่จะเปลี่ยนตัวเองในการดูแลรูปร่างและสุขภาพเพื่อพร้อมตั้งรับกับโอกาสต่างๆในชีวิตที่จะผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือ เรื่องส่วนตัวครับ ในภารกิจครั้งนี้ผู้เข้าร่วมภารกิจทั้ง 500 คนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแบบมีความสุข โดยใช้เนเจอร์กิฟเป็นตัวช่วยในการ ดูแลรูปร่างหลังมื้ออาหารทุกมื้อ และใครที่สนใจเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้สามารถสมัครได้ 2 ช่องทาง คือสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.doodeemission.com หรือ สมัครผ่านทางทีมกิจกรรมที่จะลงไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพและรูปร่างกับเนเจอร์กิฟใน 4 ภูมิภาคของประเทศไทย โดยผู้เข้าร่วมโครงการท่านใด ที่สามารถลดน้ำหนักได้ตามที่เรากำหนด อาทิ ถ้าคุณลดได้ 9% ของน้ำหนักตัวก็จะได้ไปร่วมสนุกๆกับ Exclusive Trip ที่หัวหิน ถ้าลดได้ 12% ของน้ำหนักตัว ก็จะได้ไปร่วมสนุกกับ Exclusive Trip กับ เนเจอร์กิฟที่กระบี่ และ ถ้าคุณลดได้มากถึง 15% ของน้ำหนักตัวเราจะพาคุณไปสนุกกับ Exclusive Trip ที่ประเทศเกาหลี ภารกิจครั้งนี้จะสำเร็จได้นั้นผู้เข้าร่วมภารกิจทั้ง 500 ท่านต้องตั้งใจจริงภายใต้การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบเป๊ะๆ เพราะถ้าภารกิจสำเร็จนอกจากตัวคุณเองจะมีรูปร่างที่ดีขึ้นแล้ว คุณยังมีโอกาสได้ไปพักผ่อนแบบ Exclusive กับเนเจอร์กิฟ และ ที่สำคัญมากไปกว่านั้น หากเป้าหมายรวมของภารกิจนี้สามารถลดได้ถึง 2,554 กิโลกรัม ทุกคนก็จะได้ร่วมบุญกับเนเจอร์กิฟ ในการมอบเงินช่วยเหลือให้กับมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลนเป็นจำนวนเงิน 255,400 บาทอีกด้วย

          ในแง่ของเป้าหมายทางการตลาดเราเชื่อว่ากิจกรรมครั้งนี้จะส่งผลให้ลูกค้าเชื่อมั่นและยอมรับ เนเจอร์กิฟว่าเป็นแบรนด์กาแฟควบคุมน้ำหนักและดูแลสุขภาพของคนไทยได้จริง โดยการลดน้ำหนักอย่างถูกต้องและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และที่สำคัญกลุ่มเป้าหมายในกิจกรรมครั้งนี้เราเน้นทั้งผู้ชายและผู้หญิง ท่านใดที่รู้สึกว่าอยากดูแลสุขภาพและรูปร่างของตัวเองเข้ามาสมัครเยอะๆนะครับ โดยสามารถติดตามข่าวสารต่างๆผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ของเราในเร็วๆนี้ครับ ” ดร.กฤษฎา กล่าวทิ้งท้าย

15419
ภาพข่าว: “เอไอเอส” เอาใจสาวกแร็พเตอร์ มอบสิทธิพิเศษส่วนลด 10% เมื่อซื้อบัตร “Raptor 2011 the concert”
     




          ทิฐินันท์ โชตินันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เอไอเอส ในฐานะผู้สนับสนุนหลักคอนเสิร์ต “Raptor 2011 the concert” ร่วมงานแถลงข่าวและมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับสองหนุ่มแร็พเตอร์ หลุยส์ สก็อต และ จอห์นนี่ อันวา พร้อมมอบสิทธิพิเศษส่วนลด 10% สำหรับลูกค้าเอไอเอส 100 ท่านแรกที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตฯ ทุกที่นั่ง ทุกราคา (1 หมายเลขรับสิทธิ์ซื้อบัตรได้ 2 ที่นั่ง) ที่ ไทย ทิคเก็ต เมเจอร์ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม นี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175

15420
news & activity / เมลท มี “Mama and Me”
« on: August 16, 2011, 06:35:42 PM »
เมลท มี “Mama and Me”


 
          บอกรักแม่ ด้วย Melt Me Hokkaido Dark 80% ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สำหรับผู้หลงใหลในรสชาติของช็อคโกแล็ต ที่ความเข้มข้นหมายถึงคุณภาพและความอร่อย เมลท มี จึงพัฒนาดาร์กช็อคโกแล็ตสดสูตรดั้งเดิมจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้คุณดื่มด่ำกับรสชาติแท้จริงจากธรรมชาติ นับเป็นของขวัญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ความรัก สุขภาพ และความอร่อย ในราคากล่องละ 300 บาท จำนวนจำกัด วันนี้ถึง 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น ที่ร้าน เมลท มี ฮอกไกโด ช็อคโกแล็ต แอนด์ เฮลธ์ตี้ แอนด์ เจลาโต สอบถามรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.melt-me.com หรือ โทร.02- 542-2100

Pages: 1 ... 1026 1027 [1028] 1029 1030 ... 1036