Recent Posts

Pages: 1 ... 8 9 [10]
91
Save the Children Thailand – กลุ่มลูกเหรียง – มูลนิธินูซันตารา จัดงาน “ECHOing Child Safety เด็กชายแดนใต้ปลอดภัยเมื่อภัยมา” ที่จ.ยะลา เน้นย้ำความสำคัญของความปลอดภัยเด็กชายแดนใต้ยามมีภัยพิบัติ


ปัตตานี, 28 กุมภาพันธ์ 2567 – มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ประเทศไทย (Save the Children Thailand) ร่วมกับสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) และมูลนิธินูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา โดยการสนับสนุนของสำนักงานเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแห่งสหภาพยุโรป ได้จัดงาน “ECHOing Child Safety เด็กชายแดนใต้ปลอดภัยเมื่อภัยมา” ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จังหวัดยะลา เพื่อส่งเสริมและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติและที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ เช่น อุทกภัย ดินถล่ม และเหตุความขัดแย้ง โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นเด็กจากโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐและตัวแทนภาคประชาสังคมกว่า 440 คน

คุณรติรส ศุภาพร ตัวแทนคณะผู้บริหารจาก Save the Children Thailand ได้กล่าวถึงงานนี้ว่า “เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ไม่ว่าจะทางธรรมชาติหรือที่เกิดจากมนุษย์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กมักจะรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ การที่เราได้จัดงานนี้ขึ้น ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วน จะได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานในครอบครัวและชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ เด็ก ๆ ที่เข้าร่วมเองก็ได้มาเรียนรู้วิธีการที่จะช่วยเหลือทั้งตนเองและผู้อื่นหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่ง”


ภายในงาน ได้มีการรายงานสถานการณ์ปัญหาภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์ในพื้นที่จังหวัด 3 ชายแดนใต้ การนำเสนอผลงานจากกิจกรรมซ้อมแผนรับมือภัยในพื้นที่โรงเรียนและชุมชน และการพูดคุยในประเด็น “ประโยชน์จากแผนรับมือภัยพิบัติที่ช่วยในการปกป้องคุ้มครองและลดผลกระทบต่อเด็ก” โดยมีตัวแทนเด็ก เยาวชน ชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่มาร่วมแลกเปลี่ยน องค์กรต่าง ๆ จากหลายภาคส่วนที่เข้าร่วมในงานยังได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์เพื่อต่อยอดการทำงานเพื่อคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉิน เด็กที่เข้าร่วมเองก็ได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ตามซุ้ม ที่นอกจากจะได้รับความสนุกแล้วยังได้เสริมทักษะในการช่วยเหลือตัวเองเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหลายรูปแบบ

“การจัดการภัยพิบัติไม่ใช่เป็นเพียงการตอบสนองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่มันยังรวมถึงการสร้างสังคมที่ปลอดภัยทั้งในยามปกติและยามมีภัยสำหรับคนในรุ่นต่อไป การนำประเด็นการปกป้องคุ้มครองเด็กเข้ามาอยู่ในยุทธศาสตร์การจัดการภัยพิบัติจะทำให้เราไม่ทอดทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลังเมื่อมีภัย ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของพวกเราทุกฝ่าย เราจะทำให้เด็กทุก ๆ คนในบ้าน โรงเรียน ชุมชน และสังคมของเราปลอดภัยไปด้วยกัน” คุณกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าว


คุณยุทธนา สำราญกิจ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “ความปลอดภัยของเด็กถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ในรั้วโรงเรียน หนึ่งในกิจกรรมของโครงการ ECHO HIP II คือการซ้อมแผนรับมือเมื่อมีภัยอันตรายเกิดขึ้นในโรงเรียน ให้ทั้งบุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนได้เรียนรู้ไปด้วยกันถึงการรับมือที่มีประสิทธิภาพ เราจะดำเนินการเพื่อให้โรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน เพราะเมื่อโรงเรียนปลอดภัย เด็กก็จะสามารถเรียนรู้และเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ”

คุณศุภวิชญ์ รักศิลป์ ตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดยะลา กล่าวว่า “การดูแลให้ประชาชนปลอดภัยเมื่อภัยมาถือเป็นภารกิจที่สำคัญของเรา แน่นอนว่าเรามีแผนรับมือภัยพิบัติอยู่แล้ว แต่เราจะต้องเพิ่มเรื่องการปกป้องคุ้มครองและดูแลเด็กเข้าไปในแผนเหล่านั้น เพื่อให้เด็กทุกคนปลอดภัยและกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อย่างรวดเร็วหลังจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงลดผลกระทบจากภัยที่มีต่อเด็กและครอบครัวด้วย”


งาน ECHOing Child Safety เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาแผนรับมือและการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ระยะที่ 2 (ECHO HIP II) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแผนเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินในโรงเรียนและชุมชนที่สะท้อนถึงบริบทของอันตรายจากภัยที่หลากหลายของจังหวัดยะลา โดยมุ่งเน้นแผนที่ครอบคลุมทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์ผ่านแนวทางการมีส่วนร่วมของเด็ก ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมกับผู้นำศาสนา หน่วยงานของรัฐ และชุมชนเพื่อจัดการกับความเตรียมพร้อมรับมือ จัดสรรบริการ และฟื้นฟูเยียวยาเด็กและครอบครัวจากผลกระทบ ทั้งนี้ โครงการยังมุ่งหวังที่จะนำเสนอบทเรียน ข้อค้นพบ และแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อผลักดันให้เกิดการนำไปต่อยอดหรือสนับสนุนให้เกิดแนวทางการปฏิบัติในระดับจังหวัด ระดับชาติ และระดับภูมิภาคต่อไป

###

เกี่ยวกับโครงการ ECHO HIP II

ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแห่งสหภาพยุโรป โครงการพัฒนาแผนรับมือและการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ระยะที่ 2 (โครงการ ECHO HIP II) โดย Save the Children Thailand ได้ทำงานร่วมกับองค์กรภาคี สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ และมูลนิธินูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ในการที่จะพัฒนาแผนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของเด็กในพื้นที่จังหวัดยะลาซึ่งมีอัตราการเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์อยู่บ่อยครั้ง โครงการได้ผสานความร่วมมือจากทุกระดับในหลายภาคส่วน อาทิเช่น ผู้นำศาสนา ภาครัฐ และชุมชน เพื่อให้เห็นถึงความหลากหลายของความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก รวมไปถึงการผลักดันเชิงนโยบายกับกลไกคุ้มครองเด็กระดับชาติและระดับภูมิภาค โดยโครงการมีระยะเวลาการทำงาน 24 เดือน ระหว่าง 1 กรกฎาคม 2565 – 30 มิถุนายน 2567

เกี่ยวกับ Save the Children Thailand

Save the Children เริ่มทำงานในประเทศไทยในปี พ.ศ.2522 โดยให้ความช่วยเหลือในด้านการคุ้มครองและสนับสนุนสิทธิของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ รวมถึงในด้านการศึกษา ความเป็นอยู่ และให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์ความรุนแรงหรือภัยพิบัติ​

ปัจจุบัน โครงการของเราครอบคลุมการทำงานในหลายด้าน เช่น ให้การศึกษาแก่เด็กข้ามชาติและอพยพลี้ภัย การสร้างความสมานฉันท์ให้กับเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เสริมสร้างศักยภาพให้กับองค์กรท้องถิ่นที่นำโดยผู้หญิงที่ทำงานด้านความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ต่อต้านการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภัยบนอินเตอร์เน็ตให้แก่เด็กและเยาวชน รวมถึงสนับสนุนเด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ และอื่น ๆ
92
วช. ร่วม สอศ. มอบรางวัลติดดาว 18 ผลงานเด่น นักประดิษฐ์สายอาชีวศึกษา เสริมศักยภาพสร้างแรงจูงใจ ในกิจกรรมบ่มเพาะพื้นที่ภาคใต้


วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานบุคลากรอุดมศึกษา: บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานและกล่าวแสดงความยินดีในการมอบรางวัลกิจกรรมติดดาวและเกียรติบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมการบ่มเพาะ ณ โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า กิจกรรมการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานบุคลากรอุดมศึกษา: บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ประจำปี 2567 ได้รับการตอบรับจาก นิสิต นักศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาในการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก กิจกรรมมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะและเทคนิคในด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรม ให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนางานประดิษฐ์ที่ได้มาตรฐานตอบโจทย์ผู้ใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต




สำหรับรางวัลติดดาว ผลงานการนำเสนอได้อย่างโดดเด่นจำนวน 18 ผลงาน ใน 5 กลุ่มเรื่อง ได้แก่

กลุ่มที่ 1) ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
- อาหารผงลูกปลาตะกรับเสริมกราซิลาเรีย   
จาก วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ (รางวัลระดับ 5 ดาว)
- แผงฟักไข่ปลานิลระบบพลังงานโซล่าเซลล์ควบคุมโดยระบบ IoT
จาก วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- ปุ๋ยมูลนกนางแอ่นผสมเปลือกปูม้าบด
จาก วิทยาลัยประมงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (รางวัลระดับ 3 ดาว)
- ผลิตภัณฑ์สารเคลือบผักผลไม้ไคโตซานเกล็ดปลากะพงขาวเสริมยูจีนอลจากใบกะเพรา
จาก วิทยาลัยการอาชีพเกาะสมุย (รางวัลระดับ 3 ดาว)





กลุ่มที่ 2) ด้านการสาธารณสุข สุขภาพ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
- เบบี้จังเกิ้ล   
จาก วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- ผลิตภัณฑ์แผ่นแว็กซ์กำจัดขนจากน้ำผึ้งชันโรงเสริมสารเหนียวด้วยไมโครคริสตัลไลน
จาก วิทยาลัยเทคนิคสตูล (รางวัลระดับ 3 ดาว)
- รีเฟรซบ๊อก ทูอินวัน   
จาก วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช (รางวัลระดับ 3 ดาว)





กลุ่มที่ 3) การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ
- เครื่องคัดแยกมังคุดเพื่อการส่งออกด้วยระบบ AI    
จาก วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี (รางวัลระดับ 5 ดาว)
- ชุดอุปกรณ์เตือนความปลอดภัยของผู้ขับขี่จักรยาน   
จาก วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- อุปกรณ์เก็บน้ำผึ้งชันโรงและตรวจค่าความชื้นแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันไลน์   
จาก วิทยาลัยเทคนิคสตูล (รางวัลระดับ 3 ดาว)
- ชุดเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นอัจฉริยะ   
จาก วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต (รางวัลระดับ 3 ดาว)





กลุ่มที่ 4) พลังงาน สิ่งแวดล้อม และ BCG Economy Model
- เครื่องผลิตคราฟเบียร์จากข้าวสังข์หยดอินทรีย์ระบบน้ำหมุนเวียนกึ่งอัตโนมัติ   
จาก วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- ตู้นึ่งทำขนมชั้นระบบเติมแป้งกึ่งอัตโนมัติสำหรับวิสาหกิจชุมชน   
จาก วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- เครื่องชักลากวัชพืชและผักตบชวาพร้อมอุปกรณ์ดีดหัวเกี่ยวแบบติดตั้งกับรถจักรยานยนต์
จาก วิทยาลัยเทคนิคสงขลา (รางวัลระดับ 3 ดาว)





กลุ่มที่ 5) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
- ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติกจากสีใบสักทองสู่ลวดลายอัตลักษณ์ “อุทยานธรณีโลก” สตูล   
จากวิทยาลัยเทคนิคสตูล (รางวัลระดับ 5 ดาว)
- ขนมจีนอบแห้งเสริมโปรตีนจากไข่ผำ
จาก วิทยาลัยการอาชีพเกาะสมุย (รางวัลระดับ 4 ดาว)
- แชมพูสมุนไพรด็อกเลิฟ   
จาก วิทยาลัยเทคโนโลยีสุราษฎร์พาณิชยการ (รางวัลระดับ 3 ดาว)
- ผลิตภัณฑ์เคลือบและบำรุงผิวไม้จากสารสกัดปาล์มน้ำมัน
จาก วิทยาลัยเทคนิคตรัง (รางวัลระดับ 3 ดาว)





ทั้งนี้ กิจกรรมการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานบุคลากรอุดมศึกษา: บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ได้วางเป้าหมายให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญ ที่จะพัฒนาสมรรถนะและเทคนิคด้านการประดิษฐ์คิดค้นและนวัตกรรมของคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้สามารถพัฒนาผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์และความต้องการของประเทศ







93
นับถอยหลังสู่ BOOTCAMP DAY 2024 งานสุดยิ่งใหญ่สำหรับ SME ไทย
ร่วมพิชิตขุมทรัพย์ธุรกิจด้วยโซลูชั่นจาก LINE รับปีมังกร


             LINE for Business ชวนผู้ประกอบการ SME ไทย นับถอยหลังสู่งานสัมมนาใหญ่รับปีมังกร BOOTCAMP DAY 2024 งานดีงานฟรี ที่ 1 ปีมีครั้งเดียว จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Treasure Map of Success ภารกิจพิชิตยอดขายด้วยโซลูชั่นจาก LINE กับ 4 ไฮไลท์น่าสนใจ ที่ SME ไทยต้องไม่พลาด!  โดยงานจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 19 มีนาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ผู้สนใจลงทะเบียนร่วมงานฟรี ได้แล้ววันนี้!


รวบรวมทุกหัวข้อการทำธุรกิจที่ SME ไทย ต้องรู้ ต้องใส่ใจ จากกูรูด้านธุรกิจชั้นนำ

              LINE เตรียมขนความรู้ชุดใหญ่ มอบให้กับทุกธุรกิจเพื่อพิชิตยอดขายปังๆ ก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นความรู้ระดับมหภาคเพื่อสร้างความเข้าใจธุรกิจ SME ในภาพรวม ด้วยข้อมูลการเติบโตในธุรกิจออนไลน์ของ SME ไทย พร้อมเปิดโลกสู่เส้นทางและโอกาสในการเดินหน้าสู่ความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม LINE เจาะลึกเคล็ดลับแบรนด์ดังในไทยที่ใช้ LINE ในสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และเทคนิคแบบอินเตอร์กับการถอดรหัสความสำเร็จ SME ที่ใช้ LINE ในญี่ปุ่นและไต้หวัน ให้ SME ผู้เข้าร่วมงานได้สาระความรู้กันแบบไม่อั้นตลอดงาน!

เจาะลึกเทคนิคการขาย เครื่องมือบน LINE เพื่อพิชิตใจลูกค้า จากกองทัพ LINE Certified Coach

              พบกับกองทัพ LINE Certified Coach ผู้เชี่ยวชาญการใช้งานโซลูชั่น LINE ที่จะมาช่วยแก้ทุกปัญหา ไขทุกคำตอบให้ SME ไทย พร้อมเติมความรู้การทำธุรกิจในยุคใหม่ เทคนิคการเพิ่มยอดขายด้วยโซลูชั่นจาก LINE ด้วยหลากหลายหัวข้อกิจกรรมเวิร์คช้อปให้เลือกเข้าร่วมได้ตามต้องการ ตั้งแต่การเจาะลายแทง ปั้นยอดขายแรกให้เกิดด้วย LINE Ads ต่อด้วยการตามล่าหาลูกค้าซื้อซ้ำ เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มอย่างไม่รู้จบ พร้อมอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ กับคลาสออฟไลน์สอนการใช้งาน MyCustomer | CRM โซลูชั่นใหม่ล่าสุดจาก LINE เป็นที่แรกโดยเฉพาะ


ประสบการณ์ความสำเร็จบน LINE จาก SME ไทยตัวจริง

              แค่ทฤษฎีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ LINE จัดเต็ม! เตรียมเพิ่มความรู้รอบด้าน ด้วยเคสตัวอย่างความสำเร็จจากหลากหลายแบรนด์ดังในไทย มาแชร์ประสบการณ์ตรงให้ SME ผู้เข้าร่วมรับชมกันสดๆ ติดขอบเวทีเสวนา อาทิ เสวนา ‘เจาะลึกแบรนด์ดังในไทย ใช้ LINE สร้างธุรกิจโต’ โดยแบรนด์ Ravipa และ Dr.Mek Clinic ดำเนินรายการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจคนดังอย่าง ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เสวนา ‘เปิดคัมภีร์จุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จด้วย LINE Commerce Solution’ โดยแบรนด์ Looper และ Her Hyness ดำเนินรายการโดยโค้ชโซอี้ LINE Certified Coach และเสวนา ‘ไขกุญแจ เส้นทางการปั้นธุรกิจให้โตแล้วโตอีก’ โดยแบรนด์ Chongdee Tee House และ Lamoon Baby ดำเนินรายการโดยโค้ชทิป LINE Certified Coach

สิทธิพิเศษ โปรโมชั่นและของรางวัลสุดโดนใจ จาก LINE และพาร์ทเนอร์อีกเพียบ!

              ไม่เพียงความรู้เท่านั้น งานนี้ ยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมความสนุกเพื่อลุ้นรับของรางวัลโดนใจ พร้อมสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นเด็ดๆ ทั้งจาก LINE for Business และเหล่าพาร์ทเนอร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สสว. ไปรษณีย์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเหล่าเอเจนซี่ชั้นนำในเมืองไทย เป็นต้น พิเศษสุด! กับส่วนลด 50% ไม่มีขั้นต่ำ สูงสุด 90 บาท สำหรับผู้ร่วมงานในการเรียกใช้ LINE MAN Eco ครั้งแรกอีกด้วย!

              อย่าพลาดโอกาสครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ธุรกิจคุณเจอขุมทรัพย์แห่งความสำเร็จและการเติบโตได้อย่างยั่งยืน! ผู้ประกอบการ SME ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ฟรี! ตั้งแต่วันนี้ จำนวนจำกัด 1,800 ที่นั่งเท่านั้น! แล้วพบกันที่ BOOTCAMP DAY 2024 วันอังคารที่ 19 มีนาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมพร้อมลงทะเบียนด่วน!! คลิก https://lin.ee/8egXGlv/izkl หรือดูรายละเอีย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.eventpop.me/e/17044

# BOOTCAMPDAY2024 #LINEforBusiness

###

เกี่ยวกับ LINE for Business

กลุ่มบริการจากแพลตฟอร์ม LINE สำหรับภาคธุรกิจไทย ที่มุ่งยกระดับศักยภาพการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ของผู้ประกอบการไทยให้เทียบเท่าธุรกิจระดับสากล สู่การเติบโตรับโลกยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน อันประกอบไปด้วย 2 กลุ่มโซลูชั่นหลัก ได้แก่ LINE Official Account บัญชีทางการที่สามารถเชื่อมต่อกับหลากหลายเครื่องมือเพื่อสร้างหน้าร้านออนไลน์ ด้วยยอดการเปิดบัญชีในปัจจุบันกว่า 6 ล้านบัญชี และ LINE Ads โซลูชั่นในการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ด้วยตำแหน่งโฆษณาที่หลากหลายครอบคลุมถึง 6 บริการ รวมไปถึงเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ภาคธุรกิจเติบโตผ่านแชตได้อย่างครบวงจร
94
“ชเนตตี” ตามสองสโตรค เปิดศึก “เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” วันแรก


ชเนตตี วรรณแสน


ซาร่า ชเมลเซล


แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ

สิงคโปร์ – ชเนตตี วรรณแสน ประเดิม 2 อันเดอร์พาร์ 70 รั้งอันดับ 5 ร่วม เปิดศึก เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ที่สนามเซนโตซา กอล์ฟ คลับ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีสกอร์ตามหลัง ซาร่า ชเมลเซล โปรสาวมือ 107 ของโลกจากสหรัฐฯ สองสโตรค ขณะที่ แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ เจ้าของสองแชมป์สองสัปดาห์ติดที่ผ่านมา เครื่องยังไม่ร้อนตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 73 อยู่อันดับ 30 ร่วม

แอลพีจีเอ ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 63 ล้านบาท) โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 270,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 9.5 ล้านบาท มีนักกอล์ฟสาวชั้นนำจากทั่วโลกลงประชันวงสวิง 66 คน แข่งขัน 4 วัน แบบไม่มีตัดตัว ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคมนี้ ที่สนามเซนโตซา กอล์ฟคลับ ตันจงคอร์ส ระยะ 6,775 หลา พาร์ 72 ประเทศสิงคโปร์ และมีโปรไทยลงแข่งขัน 5 คน ได้แก่ ปภังกร ธวัชธนกิจ (อันดับ 27 ของโลก), ชเนตตี วรรณเสน (อันดับ 35 ของโลก), เอรียา จุฑานุกาล (อันดับ 45 ของโลก), จัสมิน สุวัณณะปุระ (อันดับ 88 ของโลก) และ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ (อันดับ 93 ของโลก)         

เปิดฉากการแข่งขันวันแรก โปรพราว-ชเนตตี วรรณแสน นักกอล์ฟวัย 20 ปีจากเชียงใหม่ ออกสตาร์ทได้ดีหวด 2 อันเดอร์พาร์ 70 จากการทำ 2 เบอร์ดี้ ไม่เสียโบกี้ รั้งอันดับ 5 ร่วม ขณะที่ตำแหน่งจ่าฝูงเป็นของ ซาร่า ชเมลเซล โปรสาวชาวอเมริกัน มือ 107 ของโลก ขึ้นนำเดี่ยวที่สกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68


ชเนตตี วรรณแสน แชมป์แอลพีจีเอ พอร์ตแลนด์ คลาสสิค เมื่อปีที่แล้ว และลงแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรกเผยว่า “สภาพอากาศวันนี้ถือว่าดี ไม่ร้อนมากเหมือนตอนซ้อม วันนี้ไดร์เวอร์ไม่ดี ไม่สามารถตีได้ตามที่ต้องการ และไม่สามารถคุมลูกได้ในบางหลุม แต่ถือว่าโชคดีเพราะบางครั้งตีไม่ดีแต่ไปอยู่ในจุดที่ถือว่าใช้ได้ ส่วนลูกสั้นและพัตต์ดีมาก ช่วงแรกๆ ตีไปออนค่อนข้างไกล ซึ่งกรีนที่นี่ใหญ่มาก แต่ทำสองพัตต์ได้จากระยะ 20-30 หลา เซฟพาร์ได้ การที่จบด้วยสกอร์ไม่ห่างผู้นำมากทำให้พรุ่งนี้เล่นได้ง่ายขึ้น อยากให้เป็นความทรงจำดีๆ กับการที่เราตีดีและผลที่เราพอใจ สัปดาห์นี้ก็มีตั้งเป้าหมายไว้ แต่ไม่อยากกดดันตัวเอง และอยากเล่นให้เป็นตัวเองมากที่สุด”         

ทางด้าน ซาร่า ชเมลเซล ซึ่งออกสตาร์ทด้านหลุมสิบ ประเดิมเสียโบกี้ไปก่อนที่หลุม 12 ก่อนเก็บคืนได้ 5 เบอร์ดี้ ในรอบหลุมหนึ่ง ขึ้นนำเดี่ยวที่สกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 โดยมี ลิเลีย วู โปรสาวมือหนึ่งของโลกจากสหรัฐ, ลิน แกรนท์ จากสวีเดน และ เอสเธอร์ เฮนเซเลต จากเยอรมัน ตามหลังสโตรคเดียว

ชเมลเซล ซึ่งจบอันดับ 31 ที่พัทยาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เผยหลังขึ้นนำรอบแรกว่า “วันนี้สนามค่อนข้างยาก มีลมและกรีนเร็วกว่าปีที่แล้ว ซึ่งท้าทายขึ้น ฉันเล่นได้อย่างมั่นใจว่าจะสามารถเก็บเบอร์ดี้ได้และบอกกับตัวเองให้ใจเย็น แต่นี่เพิ่งจะรอบแรก และฉันคิดว่าทุกคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นผู้เล่นที่เก่งและเล่นได้ดี ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเล่นรายการนี้ร่วมกับนักกอล์ฟที่ดีที่สุดของโลก”


ขณะที่นักกอล์ฟสาวไทยอีก 4 คน โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ทำอีเวนพาร์ 72 อยู่อันดับ 23 ร่วม, แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ, เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ และ จัสมิน สุวัณณะปุระ ตีเกินคนละ 1 โอเวอร์พาร์ 73 อยู่อันดับ 30 ร่วม กับ เซลีน บูติเยร์ มืออันดับ 3 ของโลกจากฝรั่งเศส และผู้เล่นอีก 2 คน

ส่วนดาวดังของโลกอย่าง หยิน รัวหนิง มือ 4 ของโลกจากจีน และ โค จิน ยอง มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ อดีตแชมป์สองสมัยรายการนี้ ตีเข้ามาคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 71 รั้งอันดับ 10 ร่วม, มินจี ลี มือ 5  ของโลกจากออสเตรเลีย ตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์พาร์ 74 อยู่อันดับ 36 ร่วม และ ลิเดีย โค มือ 7 ของโลกจากนิวซีแลนด์ เกิน 4 โอเวอร์พาร์ 76 อันดับ 53 ร่วม         

ข้อมูลเพิ่มเติมการแข่งขัน เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ได้ที่เว็บไซต์
www.hsbcgolf.com/womens
95
แชมป์ยังอยู่ โตชิฮิโร อีล่า ป้องแชมป์สวยหรูชนะทีเคโอยก 2 วิชา ภูลายขาว ป้องแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นฟลายเวท 112 ปอนด์คู่เอกของรายการด้านคู่รอง พลิกแพ้ จตุพล สิงห์วังชา นักชกจอมดีเดือดฝีมือจัดจ้าน พลิกแพ้คะแนน กิตติภัก ด้วงนุส




ศึก NARIS HIGHLAND SPCEPLUS BOXING PROMOTIONS เมื่อวันที่29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เวทีมวยชั่วคราว RCA Plaza รัชดา พระรามเก้า กรุงเทพฯ โดยมี นายนริส สิงห์วังชา เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมด้วย พล ต.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ พร้อมด้วยสองยอดโปรโมเตอร์คู่เขย นายศุภณัฐ จันทร์แรม และ มร.บริโก้ ซานดิก ชาวฟิลิปปินส์


โดยคู่เอกของรายการเป็นการป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นฟลายเวท พิกัด112 ปอนด์ ของนักชกจอมเก๋าจากแดนอาทิตย์อุทัยประเทศญี่ปุ่น โตชิฮิโร อีล่า กับผู้ท้าชิงชาวไทยนักชกกำปั้นหนัก เกมส์การชก โตชิฮิโร เปิดเกมส์เดินต่อยหมัดตัดลำตัว วิชา ทั้งบนสลับล่างทำเอา วิชา นักชกไทย ได้ถอยไปตั้งรับไม่เป็นท่า พยามยิงหมัดขวาตัดลำตัว ต้นยกสอง โตชิฮิโร ได้จังฮุคขวาตรงเข้าลำตัว วิชา ถึงกับนั่งทรุดให้กรรมการนับ 8 จากนั้นนักชกญี่ไม่โอกาสเดินถลุงลำตัวข้างเดียว วิชา ร่วงให้กรรมการนับ 8 อีกครั้ง ก่อนที่ วิชา นักชกไทยตั้งรับอย่างเดียวกรรมการต้องยุติการชกชูมือให้ โตชิฮิโร เป็นฝ่ายชนะทีเคโอในยกที่สองไปแบบหมดทางสู้ ป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นฟลายเวทไว้ได้สวยงาม




ด้านคู่รองพลิกแพ้เหลือเชื่อ จตุพร สิงหวังชา นักชกหนุ่มไฟแรงหมัดหนักแพ้คะแนน กิตติภัก ด้วงนุส ที่ออกหมัดได้หนักหน่วงเเม่นยำครบหกยก กิตติภัก ชนะคะแนน

ด้านคู่มวยประกอบรายการอุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท175 ปอนด์ บรรพต เก้าเอี่ยม ชนะคะแนน แอนดริว กรีน จากอิสเตรเลีย

อุ่นเคริ่อง 8 ยก รุ่นเฮฟวี่เวท 230 ปอนด์ ทาเยล จาฟารอฟ จากออสเตรเลีย ชนะทีเคโอยก 1 ชินกริช สิงห์มนัสศักดิ์





อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นมิดเดิลเวท 160 ปอนด์ ดักลาส ลี จากมาเลเซีย ชนะทีเคโอยก1 วิน ตุน อู จากเมียนมา

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท 175 ปอนด์ อาตาเวส อาร์โอยัน จากอัลมาเนีย ชนะทีเคโอยก 1 ประเทือง มานพชัยยิม

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์ เบนจามิน อินเนส จากออสเตรเลียชนะทีเคโอยก 4 นิรันดร์ บัวโน็ค





อุ่นเครื่อง 8 ยก รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ มวยหญิง แองเจลีน่าลูคัสจากคาซัคสถาน ชนะทีเคโอยก 4 เกศรา สิงห์มนัสษักดิ์

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นซุปเปอร์ไลเวท 140 ปอนด์ 6 ยก โมฮัมเหม็ด ซามานี่ จากอัฟกานิสถาน ชนะทีเคโอยก 3 อิปราฮิม ชาบัน จากฝรั่งเศส

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นซุปเปอร์มิดเดิลเวท 168 ปอนด์ ดายี่ มัสเชล จากออสเตรเลีย ชนะทีเคโอยก 5 วรวุฒิ สิงหบุตร







อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์ 6 ยก ชนะทีเคโอยก 3 วีระ มานพชียยิม

ทั้งหมดนี้คือความมันส์และตื่นเต้นเร้าใจคอมวยกับ 11คู่มวยโปรดติดตามในไฟท์ต่อไปได้ในวันที่ 28 มีนาคม 2567 นี้ ที่เก่าเวลาเดิม








96
พานาโซนิคมอบผลิตภัณฑ์สนับสนุนนักเตะเยาวชนชลบุรี อคาเดมี่
เสริมคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความปลอดภัยระหว่างฝึกซ้อม




              กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย และ สโมสรชลบุรี เอฟ.ซี. นำทีมผู้บริหารร่วมเยี่ยมชมศูนย์ฝึกฟุตบอล ชลบุรี อคาเดมี่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมมอบผลิตภัณฑ์พานาโซนิค สนับสนุนนักเตะเยาวชนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสะดวกสบาย และปลอดภัยในการฝึกซ้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้โครงการ “พานาโซนิค แคร์” (Panasonic Cares)


              มร.ฮิเดคาสึ อิโตะ ซีอีโอ กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ในประเทศไทย กล่าวว่า “พานาโซนิค แคร์” (Panasonic Cares) เป็นโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยที่ดำเนินงานภายใต้เจตนารมณ์ For the Wellbeing of People, Society and the Planet การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจในสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้คน สังคม และทุกชีวิตบนโลกอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิด Sustainable Development Goals (SDGs) โดยได้เริ่มดำเนินกิจกรรมร่วมกับชุมชนในจังหวัดที่มีโรงงานพานาโซนิคตั้งอยู่ อาทิ กิจกรรมมอบหลอดไฟ LED ประหยัดพลังงาน ให้แก่โรงพยาบาลน้ำพองและโรงพยาบาลอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น กิจกรรม Panasonic HERO RUN for Charity 2023 ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้มูลนิธิรามาธิบดีฯ กิจกรรม Panasonic Cares & FD Green ปลูกต้นไม้คืนป่าให้ชุมชน จังหวัดขอนแก่น และกิจกรรมปรับปรุงสวิตช์และเต้ารับไฟฟ้าในห้องเรียน โรงเรียนบ้านช้าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น


              สำหรับจังหวัดชลบุรีนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีโรงงานของพานาโซนิคตั้งอยู่ แต่ก็นับว่าเป็นจังหวัดที่พานาโซนิคมีความผูกพัน เนื่องจากกลุ่มบริษัทพานาโซนิคฯ ได้เป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักทีมฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. มา 2 ฤดูกาลจนถึงปัจจุบัน (2022-2024) อีกทั้ง  “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิค และหัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสรชลบุรี เอฟ.ซี. ยังเคยเป็นนักกีฬาและหัวหน้าโค้ชทีม “พานาโซนิค คลับ” หรือ “กัมบะ โอซาก้า” ซึ่ง พานาโซนิคประเทศญี่ปุ่นให้การสนับสนุนอยู่เช่นกัน กิจกรรมในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนการตอกย้ำความร่วมมือเพื่อสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของนักฟุตบอลไทยสู่ระดับสากล โดยพานาโซนิคมีแนวคิด “สร้างคนก่อนสร้างผลิตภัณฑ์” การจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นมาได้นั้น จำเป็นจะต้องสร้างบุคลากรที่เหมาะสมขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับทีมฟุตบอลชลบุรี เอฟ.ซี. ที่มุ่งมั่นในการสร้างและพัฒนาเยาวชนเพื่อให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีคุณภาพเพื่อรับใช้ชาติต่อไป


              โดยกลุ่มพานาโซนิคในประเทศไทย ได้มอบผลิตภัณฑ์พานาโซนิคที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับศูนย์ฝึกฟุตบอลชลบุรี อคาเดมี่ (CHONBURI ACADEMY) ประกอบด้วย สมาร์ททีวีขนาด 65 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เครื่องซักผ้า จำนวน 1 เครื่อง ตู้เย็น จำนวน 1 เครื่อง ชุดหลอดไฟแอลอีดีแบบยาว แสงสีขาว ขนาด 22 วัตต์ จำนวน 140 ชุด และหลอดไฟแอลอีดี อีโค แสงสีขาว ขนาด 14 วัตต์ จำนวน 100 หลอด เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนนักฟุตบอล ผู้ฝึกสอนและผู้ดูแล ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สะดวกสบาย และมีความปลอดภัยในการฝึกซ้อม สามารถพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศไทยต่อไปได้”


              ทางด้าน นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟ.ซี. กล่าวว่า “สโมสร ชลบุรี เอฟ.ซี. ได้เริ่มทำฟุตบอลมาตั้งแต่ฟุตบอลไทยยังเป็นสมัครเล่น จนกระทั่งตอนนี้ เข้าสู่ระบบอาชีพอย่างเต็มตัว ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาชลบุรีมีปณิธานอันแน่วแน่ ด้วยการสร้างรากฐานทำทีมมาจากระดับเยาวชน สนับสนุน และส่งเสริม พัฒนาต่อเนื่องทีละขั้น จนก้าวขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ และทีมชาติไทย โดยการดำเนินงานด้วยระบบการพัฒนาแบบนี้ ต้องใช้ระยะเวลา และงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ทั้ง 2 ฤดูกาลนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของการสร้างรากฐานดังกล่าว


              สำหรับที่มาของการจัดตั้งศูนย์ฝึกฟุตบอล “ชลบุรี อคาเดมี่” (CHONBURI ACADEMY) เกิดจากการเล็งเห็นความสำคัญของฟุตบอลอาชีพที่ได้เข้ามามีบทบาทในวงการฟุตบอลของประเทศไทย จึงก่อตั้ง “ชลบุรี อคาเดมี่” (CHONBURI ACADEMY) ศูนย์ฝึกฟุตบอลเยาวชนเต็มรูปแบบ ในปี 2551 โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยทั่วประเทศที่ชื่นชอบฟุตบอลให้ก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ สามารถสร้างมีรายได้ดูแลตัวเองและครอบครัว”


              นายวิทยา เลาหกุล (โค้ชเฮง) ประธานฝ่ายเทคนิค และหัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสร ชลบุรี เอฟ.ซี. กล่าวว่า “ชลบุรี อคาเดมี่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ แบ่งออกเป็น สนามฟุตบอลสำหรับฝึกซ้อมและการแข่งขันภายใต้มาตรฐานฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย พื้นที่พัฒนาฝีเท้าของเยาวชนขั้นพื้นฐาน โรงอาหาร ห้องออกกำลัง ห้องนอน สระว่ายน้ำ ห้องซักผ้า เป็นต้น การสนับสนุนของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่สำคัญในการพัฒนาศูนย์ฝึกฟุตบอล ชลบุรี อคาเดมี่ ให้มีความสะดวกสบาย มีความปลอดภัย มีแสงสว่างที่ได้มาตรฐานในการฝึกซ้อม ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพการฝึกซ้อมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”


              ปัจจุบัน มีนักเตะเยาวชนอายุ 12-18 ปี จำนวนกว่า 100 คน ที่เข้าร่วมทีม โดยในแต่ละปีทางสโมสรจะทำการคัดเลือกเยาวชนจากทั่วประเทศไทยที่ชื่นชอบและมีความสามารถในการเล่นฟุตบอล โดยจะเดินทางไปค้นหาในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงการประกาศรับสมัครเยาวชนที่สนใจ ในส่วนของรูปแบบการฝึกซ้อมจะเริ่มจากการสร้างเบสิคฟุตบอลและความเข้าใจในระบบการเล่น โดยจะวางระบบเพื่อพัฒนานักเตะในแต่ละช่วงวัยอย่างชัดเจน เพื่อให้ได้เรียนรู้เบสิคและทักษะฟุตบอลตามความเหมาะสม จากนั้นจะเป็นการติดตามผลงานเพื่อค้นหาแนวทางในการเสริมสร้างจุดแข็งต่อไป กว่า 16 ปีที่ผ่านมา ชลบุรี อคาเดมี่ สามารถผลิตนักเตะชื่อดังมากมาย  กว่าร้อยชีวิต ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมสโมสรชลบุรี เอฟ.ซี. และมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ด้วยเช่นกัน  อาทิ วรชิต กนิฐศรีบำเพ็ญ, กฤษดา กาแมน, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, สิทธิโชค ภาโส, สหรัฐ สนธิสวัสดี, ฉัตรมงคล เรืองธนโรจน์, พงศกร ตรีสาตร์ เป็นต้น
97
4 หนังแอคชั่นสัญชาติไทย ที่อยากแนะนำให้ดูที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24




              วันหยุดสุดชิล ถ้าเกิดคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร หรือจะออกไปข้างนอกเห็นแดดก็เพลียแล้ว ลองนั่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำ กดรีโมทชม 4 หนังบู๊ระห่ำกับฉากต่อสู้มันส์ๆ ที่ได้รับกระแสชื่นชม ทุกคนต่างยกนิ้วให้อย่างเป็นเอกฉันท์ถึงความสนุกสนาน ทรูโฟร์ยูขอมัดรวมหนังดังสุดฮิตมาให้ชมกันยาวๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดตลอดทั้งวัน




              เริ่มด้วยภาพยนตร์ อันธพาล แนวแอคชันดราม่าเข้มข้น ผลงานของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับคนดัง ที่ได้ 2 นักแสดงทรงพลังอย่าง กฤษดา สุโกศล แคลปป์ และ สมชาย เข็มกลัด มาร่วมระเบิดพลังแอ็คชั่นทุ่มสุดตัวในบทนักเลงฮีโร่ พร้อมออกอากาศเวลาดี 16.50 น. ต่อด้วยภาพยนตร์แอคชั่นสายมูเต็มไปด้วยมนต์ขลัง ขุนพันธ์ ออกอากาศเวลา18.40 น. หนังบอกเล่าชีวประวัติของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจผู้ยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแรงกล้า เขาปราบพวกโจรเสือร้ายทั่วประเทศไทย จนได้ฉายาว่า “นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า” ตบท้ายด้วยความสนุกของ
“7 ประจัญบาน ภาค 1-2” ออกอากาศเวลา 21.00-24.00 น. หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรบเพื่อชาติในสงครามเวียดนาม เหล่าเจ็ดประจัญบาน ต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตนเอง แต่เมื่อ หมัด เชิงมวย และ อัคคี เมฆยันต์ กำลังวางแผนล้มมวย ทั้งคู่กลับได้รับข้อเสนองานเป็นภารกิจทำลายแผนขนทองของทหารอเมริกัน พวกเขาจึงต้องรวมตัวกันอีกครั้ง วีรกรรมกู้ชาติสุดฮาจึงบังเกิดขึ้น ห้ามพลาดชม วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
98
10 ปี แห่งความสุข “สีสันแห่งดอยตุง”
มากกว่าเทศกาล คือการสร้างความยั่งยืนให้คนบนดอย




               จบลงไปอย่างสวยงาม สำหรับงานเทศกาลแห่งความสุข “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10” โดยได้รับการตอบรับและชื่นชมจากนักท่องเที่ยวนับแสนคนที่ได้มาเยือน  ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย

               “สีสันแห่งดอยตุง” นอกจากจะได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเทศกาลที่เต็มเปี่ยมไปด้วย ”ความสุข” ท่ามกลางสายลมหนาว และสวนดอกไม้อันงดงามตระการตา พร้อมความสนุกกับกิจกรรมอันหลากหลาย ที่ทาง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้จัดงาน เทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ได้คิดคอนเซ็ปต์ของงานแต่ละปีให้แตกต่างแต่ยังคงแนวทางสร้างความสุขให้ผู้มาเยือน และที่สำคัญการจัดงาน “สีสันแห่งดอยตุง” ในทุกปียังเดินหน้าสานต่อการสร้างความสุข ให้ประชาชนโดยรอบพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามวิถีของชุมชนชาวดอยตุง อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะทำให้ดอยตุงเป็นต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และวัฒนธรรม ที่มีเอกลักษณ์เหมาะสมกับพื้นที่




               เพราะการจัดงาน “สีสันแห่งดอยตุง” ในทุกครั้ง มีเป้าหมายที่เป็นพันธกิจหลัก คือการได้สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดช่องว่างทางรายได้ และรายได้ที่มั่นคงให้ชุมชนดอยตุงอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ได้มีการปรับภูมิทัศน์ “สวนแม่ฟ้าหลวง” ซึ่งเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คประจำงาน ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ซึ่งสวนแม่ฟ้าหลวง นอกจากเป็น“สวนสวย” แล้ว ยังเป็นสวนที่มีคุณค่าทางสังคม และจิตใจของชุมชนโดยรอบพื้นที่ เพราะสวนแห่งนี้ได้ช่วยพัฒนาอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรได้มีอาชีพ “ปลูกไม้ดอกและจัดสวน” อีกด้วย โดยการปรับภูมิทัศน์ในครั้งนี้ มีการระดมทีมเกษตรกรในพื้นที่ กว่า 100 คน เข้ามาดูแลปรับเปลี่ยนดอกไม้ในทุกฤดูกาล รังสรรค์ภาพฝันให้กลายเป็นจริง ก่อให้เกิดการสร้างงานให้กับชุมชนโดยรอบดอยตุง




               อีกหนึ่ง “ความสุข” ที่จะได้รับจากงาน “สีสันแห่งดอยตุง” เป็นการจัดงานที่ให้ความสำคัญและใส่ใจกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ใช้และดูแลรักษาทรัพยากรอย่างสมดุล โดยชูจุดยืน ในการจัดงาน ที่ร่วม “รักษ์โลก และลดโลกร้อน”  CARBON NEUTRAL EVENT  เพื่อมุ่งหวังให้เป็นงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น “ศูนย์” เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  โดยมีการรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึก ”ลดโลกร้อน” ให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนัก เข้าใจ และลงมือปฏิบัติจริงไม่ว่าจะเป็น การช่วยกันแยกขยะเพื่อการกำจัดให้ถูกวิธี ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้ โครงการพัฒนาดอยตุงฯ สามารถลดขยะสู่บ่อฝังกลบจนเหลือศูนย์ได้สำเร็จ (Zero waste to land fill) นอกจากนี้ยังลดปริมาณของถุงพลาสติกภายในงานลง  เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งการจัดงานฯ และมีการชดเชยคาร์บอนเครดิต (Carbon Neutral) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบในการใช้ทรัพยากร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาโลกร้อน สำหรับงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุงครั้งที่ 10 ยังสานต่อการ “ลดคาร์บอน ลดขยะ เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืน” โดยภายในงานเน้นการใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ และทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระบอกไม้ไผ่ และใบตอง เป็นต้น




               เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เต็มพื้นที่ของการจัดงาน ตลอดระยะเวลา 2 เดือน โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ธันวาคม 2566 จนถึงปลายเดือนมกราคม 2567 ของการจัดงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10 ผ่านสายตาผู้เข้าชมงานกว่า 100,000 คน ส่งผลให้ภาพของการ ”สร้างงาน สร้างรายได้ที่ดี“ สู่ชุมชนโดยรอบดอยตุงชัดเจน และเด่นชัดมากขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้สามารถพึ่งพาตนเองด้วยการใช้การท่องเที่ยวมาช่วย และสานต่อการจัดงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย

               ถึงแม้ว่า ในวันนี้ งานเทศกาล “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10” จบลงไปพร้อมกับความสุข และความทรงจำในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในงาน  สำหรับในปีหน้างาน สีสันแห่งดอยตุง จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำ ในระหว่างเดือนธันวาคมยาวไปจนถึงมกราคมในปีถัดไป จะมีไฮไลท์หรือกิจกรรมอะไรบ้าง  สามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของ งานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ตลอดจนสินค้าภายใต้แบรนด์ดอยตุง ซึ่งเป็นธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้ทาง https://www.facebook.com/DoiTungClub



99
เผยโฉมนิวลุค“ห้างเซ็นทรัล @ แฟชั่น ไอส์แลนด์”โดยบอสใหญ่ คุณโอ๊ด - ณัฐธีรา บุญศรี


ฉลองนิวลุค “ห้างเซ็นทรัล @ แฟชั่น ไอส์แลนด์”! อย่างเป็นทางการทั้งที บอสใหญ่ คุณโอ๊ด - ณัฐธีรา บุญศรี แห่งห้างเซ็นทรัล ขอจัดเต็มเผยโฉมที่สุดแห่งช้อปปิ้งเดสติเนชันที่สร้างแรงบันดาลใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพื่อสัมผัสอีกระดับของประสบการณ์การช้อปที่ครบครันในคอนเซ็ปต์ “Happiness Journey ใหม่ทุกมุม ครบทุกไลฟ์สไตล์” ที่มาพร้อมจุดเช็คอินสุดเก๋ “บอลลูนยักษ์” สัญลักษณ์ของการเดินทางแห่งความสุขเชื่อมโยงความสุขทุกไลฟ์สไตล์ และทุกเจนเนอเรชัน ครบครันด้วยสินค้าคัดสรรมากว่า 800 แบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมดีล  โปรโมชันสุดพิเศษ อาทิ รับบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ (โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย) และกิจกรรมสุดสนุกมากมาย มาปักหมุดพบกับความพิเศษทั้งหมดกันได้ใน [/sizeวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ การันตีความฟินแน่นอน!
100
คาเฟ่ แคนทารี เอาใจคนรักมะม่วง พร้อมเสิร์ฟ 4 เมนูเด็ด
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567




              กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลมะม่วงที่ทุกคนรอคอย คาเฟ่ แคนทารี เอาใจคนรักมะม่วง พร้อมเสิร์ฟ 4 เมนูเด็ด ทั้งของหวาน และเครื่องดื่มสุดพิเศษ พลาดไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567 สุดสดชื่นต้อนรับซัมเมอร์ กับมะม่วงพันธุ์ดี สีเหลืองทอง หอมหวาน ที่คัดสรรมาเพื่อหลากหลายเมนูคลายร้อน อาทิ “มะม่วงปั่นพร้อมไอศกรีมกะทิ (145 บาทสุทธิ)” และ “มะม่วงปั่นสาคูกะทิ (120 บาทสุทธิ)” ณ คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา อีกทั้งเมนูของหวานแสนอร่อย “แบล็กเครป ข้าวเหนียวมะม่วง (195 บาทสุทธิ)” และ “แบล็กฮันนี่โทสต์ ข้าวเหนียวมะม่วง (220 บาทสุทธิ)” ข้าวเหนียวมูนนุ่มๆ เสิร์ฟคู่กับมะม่วงสุกหอมหวานเข้ากันได้ดีกับแบล็กฮันนี่โทสต์ อบสดใหม่กรอบนอกนุ่มใน หรือเลือกจับคู่อีกความอร่อยลงตัวกับแบล็กเครป ท็อปด้วยซอสครีมกะทิ และไอศกรีมพรีเมียมแสนอร่อย ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขาอยุธยา ปราจีนบุรี เชียงใหม่ เกาะยาวน้อย โคราช ภูเก็ต ศรีราชา ระยอง และ ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์)

              สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Centre: 1627 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.cafekantary.com
Pages: 1 ... 8 9 [10]