Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 2329
46
เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ร่วมสนับสนุนพื้นที่ให้บริการประชาชน
ในกิจกรรมคาราวานตรวจสุขภาพ โดย กรุงเทพมหานคร


นายอิทธิพล อิงประสาร(ที่6จากซ้าย) ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ลงพื้นที่ตรวจคาราวานตรวจสุขภาพ 1,000,000 คน สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์ในพื้นที่เขตปทุมวัน ซึ่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นผู้ให้บริการตรวจสุขภาพ และศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ให้การสนับสนุนพื้นที่ โดยมีนายวรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย (ที่ 5 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป และนายแพทย์พรเทพ แซ่เฮ้ง (ที่ 8 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ตลอดจนคณะผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมพื้นที่กิจกรรม ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก




ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว จัดโดย กรุงเทพมาหานคร เพื่อให้ประชาชน ได้รับโอกาสและเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีโปรแกรมตรวจสุขภาพที่ให้บริการประชาชน เช่น ตรวจคัดกรองสัญญาณชีพ สุขภาพจิต ความเครียด ความดัน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจการมองเห็นระยะไกล ต้อลม ต้อเนื้อ การสอบประวัติโรคลมชัก และการประเมินความเมื่อยล้า ซึ่งเข้ารับการตรวจฟรี เพียงใช้บัตรประชาชนตัวจริง เพื่อยืนยันตัวตน














47
“วัยรุ่นพังร้าน” หนังล้อเลียนที่ดูแล้วต้องขำไม่หยุดที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              “วัยรุ่นพังร้าน” เป็นภาพยนตร์ตลกล้อเลียนที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นที่กำลังสร้างตัวแบบฉบับฮา เตรียมฉายทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 นำทีมโดย นุ้ย เชิญยิ้ม พร้อมด้วย แอนนา ชวนชื่น, โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม, หลุยส์ เชิญยิ้ม, โจอี้ เชิญยิ้ม, ไจแอ๊นท์ เชิญยิ้ม, กบ สามช่า และ โบว์ ก่อนบ่าย






              เริ่มต้นด้วยเรื่องของ กระต๊อบ (นุ้ย เชิญยิ้ม) ลูกชายคนขายปาท่องโก๋ ที่วัน ๆ ได้แต่แว๊นรถมอเตอร์ไซค์แข่งประจำ จนโดนตำรวจจับ และถูกพ่อด่าอย่างแรงจนออกจากบ้านมาอยู่กับแก็งขับรถซิ่ง เขาได้นำเงินที่ขโมยพ่อมาลงทุนธุรกิจหลายอย่างแต่ก็พังไม่เป็นท่า จนสุดท้ายได้ไปเจอกับซาลาเปาซึ่งรสชาติอร่อยขั้นเทพ จึงพยายามที่จะไปขอสูตร เพื่อสร้างธุรกิจให้จงได้  มาลุ้นกันสิว่าธุรกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่ หรือว่าจะต้องพังร้านกันอีกครั้ง ติดตามชมความสนุกได้ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคมนี้ เวลา 20.40 น.ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live

#วัยรุ่นพังร้าน
#ทรูโฟร์ยู#ช่อง24#True4U

48
รำบูชาศรัทธาเจ้าพ่อเขาใหญ่
บนผืนป่ามรดกโลก กว่า 400 ชีวิต


ในวันที่ 26 มกราคม 2568  นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เดินทางเป็นประธานเปิดงานประเพณีพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อเขาใหญ่ ณ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ประตูด่านทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อย่างยิ่งใหญ่ ร่วมด้วย นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผอ.รุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา และ คุณพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา




ที่ทุกปีของวันที่ 26 มกราคม จะมีพิธีบวงสรวงศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ และมีประชาชนจำนวนมากมากราบไหว้ขอพรก็ประสบผลสำเร็จตามที่ขอ จึงทำให้ประชาชนทั่วสารทิศเลื่อมใส เคารพบูชาเจ้าพ่อเขาใหญ่จำนวนมาก จึงหลั่งไหลมาร่วมพิธีจนทำให้พื้นที่ไปด้วยผู้มาร่วมงาน โดยในปีนี้ มีการจัดขบวนรำบูชาศรัทธาเจ้าพ่อเขาใหญ่ นางรำกว่า 400 ชีวิต จาก โรงเรียนปากช่อง โรงเรียนบ้านหมูสี โรงเรียนบ้านคลองเดื่อ และโรงเรียนบ้านปรางคล้า เป็นภาพที่น่าประทับใจต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมพิธี




ซึ่ง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นหนึ่งใน กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติของไทย ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 6,152.13 ตารางกิโลเมตร สำหรับกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่นั้นประกอบด้วยผืนป่าอนุรักษ์ทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นผืนป่าที่มีความสำคัญกับระบบนิเวศ ทั้งเป็นป่าต้นน้ำที่เป็นแหล่งน้ำของชุมชน และเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์หลายชนิด ที่มีคุณค่าโดดเด่น และได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ.2548










49
"ยอดเหล็กแหลม" สับศอกทัดมาลากลางหน้าผาก "นำโชค" หลับกลางอากาศ ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย B รอบ 16 คน รอบแรก




            ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย B รอบ 16 คน รอบแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568 ที่เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายมานะชาติ ไพรอนันต์ ผู้บริหาร บ้านช้างกรุ๊ป ผู้แทนจำหน่ายปูนตราเสือ และ นายณัฐชัย  วิชชาบุญศิริ ผู้บริหาร บ้านช้างกรุ๊ป ผู้แทนจำหน่ายปูนตราเสือ ทั้งสองท่านให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที การชกกันระหว่าง ยอดบัวงาม ลูกกันทระ (แดง) ดวลกับ รุ่งทะยานฟ้า ส.ยิ่งเจริญการช่าง (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ นําโชค บุญลานนามวยไทย (แดง) ดวลกับ ยอดเหล็กแหลม ต.พิทักษ์ชัย (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์

สรุปผลมวยรอบปูนเสือ มีดังนี้


คู่ที่ 1. ชนะคะแนนเลือดอาบ ยอดบัวงาม ลูกกันทระ (แดง) พบกับ รุ่งทะยานฟ้า ส.ยิ่งเจริญการช่าง (น้ำเงิน) ทั้งคู่เป็นมวยขวาเปิดเกมส์ "รุ่งทะยานฟ้า" เดินเตะขวาตามด้วยศอกกลางยก "ยอดบัวงาม" แตกตรงคิ้วซ้าย ปลายยกต้างคนต่างแลกศอกด้วยกันท้ายๆ "ยอดบัวงาม" ดักเตะถีบยัน "รุ่งทะยานฟ้า" ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าครบยก "ยอดบัวงาม" ชนะคะแนนขาดลอย


คู่ที่ 2. ศอกทัดมาลาหลับยก 3 นำโชค บุญลานนามวยไทย (แดง) พบกับ ยอดเหล็กแหลม ต.พิทักษ์ชัย (น้ำเงิน) "นำโชค" ตัวเล็กสั้นกว่าเตะซ้ายต่อยหมัด กลับโดน "ยอดเหล็กแหลม" สูงยาวเข่าดีจับปล้ำตีเข่าเน้นๆ จนกลางยก 3 "ยอดเหล็กแหลม" ได้จังหวะสับศอกทัดมาลาตรงกลางหน้าผาก "นำโชค" ถึงร่วงหลับกลางอากาศทำให้ "ยอดเหล็กแหลม" เป็นฝ่ายชนะทีเคโอยก 3




            สำหรับ "ศึกมวยรอบปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้" ครั้งที่ 24 สาย C รอบ 16 คน รอบแรก ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นการชกกันระหว่าง จ่ากล้า ศูนย์กีฬาห้วยต้ม (แดง) ดวลกับ มัสแตง รถสวยจ่าเจต (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ เทียนหลวง มวยเด็ด 789 (แดง) ดวลกับ นําขบวน พ.หอมกลิ่น (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์




            ช่อง 7 HD ทำการถ่ายทอดสด ในการแข่งขันให้แฟนมวยคนไทยและชาวต่างชาติเข้ารับชมและเชียร์กันได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

50
ครั้งแรก! ของผลิตภัณฑ์ “นมอัลมอนด์ พร้อมไอโซเลทซอย” โปรตีน 11 กรัม
ในรูปแบบยูเอชทีพร้อมดื่ม แบรนด์ 137 ดีกรี®





               ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ตอกย้ำผู้นำตลาดนมทางเลือกจากพืชอันดับหนึ่งในไทย เปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ชูคอนเซ็ปต์ “สัมผัสใหม่ ดื่มง่ายไม่ระคายคอ” เขย่าตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพ

               นางสาวอริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมทางเลือกจากพืช แบรนด์ 137 ดีกรี® กล่าวว่า ปัจจุบันคนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น ซึ่งมีพืชหลายชนิดที่มีโปรตีนสูง อาทิ พืชตระกูลถั่วต่างๆ ปัจจุบันโปรตีนจากพืช สามารถสกัดให้มีปริมาณโปรตีนสูงขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก เป็นโปรตีนทางเลือกสำหรับกลุ่มของคนรักสุขภาพ ผู้ที่ต้องการลดไขมัน และสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งกลุ่มคนออกกำลังกาย วัยรุ่นหรือผู้สูงวัยที่ต้องการรับประทานโปรตีนให้เพียงพอในแต่ละวัน และกลุ่มคนที่แพ้นมวัว รวมถึงคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

               จากปัจจัยดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงทุ่มวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ เสริมด้วยไอโซเลทซอย ช่วยสร้างจุดเด่นให้ออกมาเป็น นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ผลิตจากอัลมอนด์เต็มเมล็ดนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โดยมีโปรตีน 11 กรัม ที่มาในรูปแบบยูเอชที ดื่มง่ายเนื้อบางเบา ไม่สากคอ ไม่เหม็นเขียว เพราะสินค้าประเภทโปรตีนกินยากและไม่อร่อย โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาในเรื่องรสชาติ ไม่เติมน้ำตาลทรายแต่ใช้สารแทนความหวาน โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แถมราคายังน่ารักจับต้องได้กว่านมโปรตีนทั่วไปในตลาด สามารถดื่มได้ทั้งแบบแช่เย็นและไม่แช่เย็น

               ทำไมนมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิมและสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ถึงต้องเป็นโปรตีน 11 กรัม ? เพราะโปรตีน 11 กรัม เป็นตัวเลขที่ใช่! ปริมาณพอดี ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายในระยะยาว ควบคุมความหิวระหว่างมื้ออาหาร โดยไม่ทำให้ท้องอืดหรือหนักท้องจนเกินไป แถมยังดูดซึมง่าย รสชาติอร่อยนุ่มละมุน ไม่สากคอ เพราะหากร่างกายรับโปรตีนมากเกินไป ร่างกายจะเผาผลาญออกมาใช้ไม่หมด จนกลายเป็นแคลอรี่ส่วนเกิน ทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นได้

               แล้วทำไมต้องเป็นนมอัลมอนด์? เหตุเพราะนมอัลมอนด์สูตรใหม่ของเราไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยโปรตีน แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์อีกมากมาย อาทิเช่น มีวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ ซึ่งทำงานร่วมกับโปรตีนได้อย่างลงตัว มีคาร์โบไฮเดรตต่ำไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่ง แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารจากพืชที่ดีทั้งต่อร่างกายและดีต่อโลกอีกด้วย

               สัมผัสความอร่อยแบบพรีเมียมของ นมอัลมอนด์โปรตีนสูง สูตรดั้งเดิม และสูตรช็อคโกแลต แบรนด์ 137 ดีกรี® ในกล่องขนาด 180 มิลลิลิตร ราคาเพียง 29 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ 7-11 ทุกสาขา สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้ถึง 1 ปี โดยไม่สูญเสียคุณประโยชน์ทางสารอาหารและรสชาติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE@137degrees (มีเครื่องหมาย@) หรือ Inbox Facebook 137degrees




51
LIXIL Environmental Vision 2050: พันธสัญญามุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน


ลิกซิลมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป โดยมุ่งเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำ และเศรษฐกิจหมุนเวียน

13 พฤศจิกายน 2567 – สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดเป็นรูปแบบสภาพอากาศที่เลวร้าย ตั้งแต่คลื่นความร้อน ฝนตกหนัก ไปจนถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ในปี 2015 ประชาคมโลกได้รวมตัวกันลงนามในข้อตกลงปารีส โดยให้คำมั่นที่จะจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ต่อมาในข้อตกลง Glasgow Climate Pact ที่ได้รับการรับรองในปี 2021 ได้ประกาศว่าตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียสนั้นไม่ใช่เพียงเป้าหมายที่ต้องพยายามบรรลุเท่านั้น แต่เป็นเป้าหมายร่วมกันที่เป็นที่ยอมรับในทางปฏิบัติ

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ประชาคมโลกต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ลงร้อยละ 45 ภายในปี 2030 (เมื่อเทียบกับปี 2010) และให้เป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2050 โดยร้อยละ 19 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานทั่วโลกมาจากการปล่อยโดยตรงจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างอาคารและวัสดุ และอีกร้อยละ 18 มาจากการปล่อยทางอ้อมจากอาคารและที่อยู่อาศัย*1

*1 "Beyond foundations: Mainstreaming sustainable solutions to cut emissions from the buildings sector" โดย UNEP

ในปี 2019 ลิกซิลได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม หรือ LIXIL Environmental Vision 2050 และประกาศพันธสัญญาในการบรรลุเป้าหมาย “Zero Carbon and Circular Living” หรือการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และในฐานะผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเพื่อการใช้น้ำและที่อยู่อาศัย ลิกซิลจะใช้ศักยภาพและขีดความสามารถขององค์กรในการมุ่งเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Mitigation and Adaptation) ความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำ (Water Sustainability) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม LIXIL Environmental Vision 2050 ในระยะยาว (10 – 30 ปี) และการกำหนดเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science-based Targets: SBT) ในระยะกลาง (3 – 10 ปี) ลิกซิลได้ผนวกกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับธุรกิจโดยนับเป็นกลยุทธ์หลัก ซึ่งไม่ใช่เพียงการทำตามความรับผิดชอบขององค์กรในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังส่งมอบแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่กว่าต่อสิ่งแวดล้อมโลกและสังคมด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ในด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน รวมทั้งพันธมิตรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม

เพื่อสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ ลิกซิล ประเทศไทย จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 1, 2 และ 3 ให้เป็นศูนย์ผ่านกระบวนการทางธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการ พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจว่าจะมีการใช้น้ำและทรัพยากรอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อ ๆ ไป


วิวัฒน์ สุรพัฒนานนท์ ลีดเดอร์ ลิกซิล ประเทศไทย, ธุรกิจเทคโนโลยีการใช้น้ำ กล่าวว่า “ภาคอสังหาริมทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายว่าด้วยความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ลิกซิลทำงานร่วมกับพันธมิตรและผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนทั้งในระดับโลกและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของลิกซิลจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้สถาปนิกและนักออกแบบให้ความสำคัญกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการเลือกและกำหนด วัสดุอุปกรณ์ของอาคารใหม่ ๆ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการและข้อพิจารณาของผู้รับเหมาและผู้พัฒนาโครงการอย่างครอบคลุม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารสีเขียวและการรับรอง LEED ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการใช้น้ำและพลังงาน”


American Standard e-Lite Shower Toilet

วิวัฒน์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับเจ้าของบ้าน ตัวเลือกและมาตรฐานที่มีมากมายอาจทำให้รู้สึกสับสนได้ เราต้องการให้เจ้าของบ้านมั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ด้วยข้อมูลที่เพียงพอ โดยไม่ยุ่งยากซับซ้อน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ตัวอย่างที่ดี คือ สุขภัณฑ์อัจฉริยะ American Standard e-Lite ที่ช่วยประหยัดการใช้น้ำได้ถึง 20% ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์น้ำและพลังงานเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้ด้วย”

หลักสำคัญ 3 ด้านเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของเรา

การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Mitigation and Adaptation)

ลิกซิลมุ่งมั่นที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ทั้งด้วยความพยายามลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการทางธุรกิจของเรา และการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ควรจำกัดเฉพาะที่เกิดจากกระบวนการทางธุรกิจ จากผลิตภัณฑ์ และการบริการของลิกซิลโดยตรงเท่านั้น แต่ควรลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสังคมของเราโดยรวมด้วยเป้าหมายระยะยาวนี้ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากโครงการ Science Based Testing ในเดือนมีนาคม 2024 โดยลิกซิลได้รับการยอมรับในฐานะอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างของญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุมัติ SBT Net Zero สำหรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในปี 2050

เราพร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย ตั้งแต่สถาปนิก นักออกแบบ ผู้พัฒนาโครงการ ไปจนถึงเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับโครงการของพวกเขาด้วยการช่วยให้บรรลุการรับรองอาคารสีเขียวและการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับประเทศ


ความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำ (Water Sustainability)

ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเพื่อการใช้น้ำ เช่น สุขภัณฑ์ ระบบครัว ห้องน้ำสำเร็จรูป และก๊อกน้ำ ลิกซิลเดินหน้าความพยายามเพื่อความยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำระดับโลก ทั้งในปัจจุบันและเพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่


American Standard Acacia Supasleek Collection

เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายนี้ โครงการริเริ่มของเรามุ่งเน้นการอนุรักษ์และเพิ่มคุณค่าของน้ำ เรากำลังดำเนินการอย่างแข็งขันในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการทางธุรกิจของเรา โดยเฉพาะการลดการใช้น้ำในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์น้ำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยผู้บริโภคประหยัดน้ำ ตัวอย่างเช่น คอลเลกชัน American Standard Acacia Supasleek ช่วยประหยัดน้ำได้สูงสุดถึง 49% และเทคโนโลยี ClickMove™ ในก๊อกน้ำของเราช่วยประหยัดน้ำได้ 40% ผ่านระบบการควบคุมปริมาณน้ำที่ดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบ

เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

ลิกซิลใช้ทรัพยากรหลากหลายประเภท ทั้งโลหะ ไม้ เรซิน และเซรามิก เราริเริ่มโครงการในระดับบริษัทเพื่อการใช้วัตถุดิบอย่างยั่งยืนและการรีไซเคิลทรัพยากรในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การจัดซื้อไปจนถึงการผลิต การใช้งานผลิตภัณฑ์ และการกำจัด เรากำลังมุ่งสู่การผลิตแบบหมุนเวียนโดยการใช้วัสดุรีไซเคิลและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คิดอย่างรอบด้านเพื่อส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งนี้ ภายใต้ LIXIL Plastics Action Statement โครงการริเริ่มของเราประกอบด้วยการลดปริมาณและการจัดการ พลาสติกที่เราใช้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางโดยไม่เหลือทิ้งเป็นขยะ รวมทั้งการพัฒนาวัสดุทางเลือก


ตัวอย่างเช่น แบรนด์โกรเฮ่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลิกซิล ประสบความสำเร็จในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลายรายการตามโมเดล Cradle-to-Cradle โดยเน้นความสามารถในการรีไซเคิลและการหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความพยายามอย่างทุ่มเทนี้นำไปสู่การได้รับการรับรอง LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ในระดับ gold ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับนานาชาติ

###

เกี่ยวกับลิกซิล

ลิกซิล (TSE Code 5938) เป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำและที่อยู่อาศัยที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานได้ประสบในชีวิตประจำวัน โดยมุ่งเน้นที่จะเนรมิตบ้านที่ดีกว่าเดิมให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ด้วยการยึดมั่นในนวัตกรรมที่มีถิ่นกำเนิดจากญี่ปุ่น เราได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก และรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะมาทำให้บ้านเป็นสถานที่ที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ลิกซิลไม่เหมือนใครคือแนวทางที่ทางบริษัทใช้ในการดำเนินงานต่าง ๆ เราทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งาน จิตวิญญาณของผู้ประกอบการ ความทุ่มเทที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ แนวทางเหล่านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอันได้แก่ อิแนกซ์ โกรเฮ่ อเมริกันสแตนดาร์ด และทอสเท็ม โดยพนักงานราว 53,000 คน ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลกของเรานั้นมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกในแต่ละวัน

เกี่ยวกับอเมริกันสแตนดาร์ด

ในฐานะแบรนด์เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นนำ อเมริกันสแตนดาร์ดได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในเรื่องความทันสมัยที่เป็นเอกลักษณ์ คุณภาพ และความน่าเชื่อถือส่งตรงสู่ห้องน้ำของทุกคน ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 140 ปี จนปัจจุบัน อเมริกันสแตนดาร์ดยังคงยกระดับการบริการในการตอบโจทย์ความต้องการทางด้านสุขภัณฑ์ที่ผสมผสานการออกแบบที่พิถีพิถันลงตัวเข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพื่อสร้างอาณาจักรห้องน้ำที่มอบสุขอนามัย ความสบาย และความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้อย่างสูงสุด

เกี่ยวกับโกรเฮ่

โกรเฮ่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่นำเสนอโซลูชันสำหรับห้องน้ำและอุปกรณ์ฟิตติ้งสำหรับห้องครัวอย่างครบครัน ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา โกรเฮ่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของลิกซิลซึ่งเป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดการน้ำและที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอแนวคิด “Pure Freude an Wasser” (Pure Joy of Water) ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจึงยึดมั่นตามคุณค่าของแบรนด์ในด้านคุณภาพ เทคโนโลยี การออกแบบ และความยั่งยืน ผลงานเด่น ๆ ของแบรนด์โกรเฮ่ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ GROHE Eurosmart หรือ ซีรีย์ผลิตภัณฑ์ GROHE thermostat รวมถึงนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ เช่น ระบบน้ำ GROHE Blue ที่เป็นจุดรวมอันสมบูรณ์แบบของคุณค่าเหล่านี้ โกรเฮ่มุ่งเน้นที่ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยสร้างสรรค์โซลูชันผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มชีวิตชีวาและยั่งยืนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภค และเพื่อให้พันธมิตรมืออาชีพทำงานในแต่ละวันง่ายขึ้น โกรเฮ่ยังนำเสนอบริการที่หลากหลายซึ่งรวมถึง GROHE+ loyalty program และ GIVE ซึ่งเป็นโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้ให้บริการติดตั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่

เนื่องจากการใช้น้ำถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ โกรเฮ่มีส่วนร่วมในกลยุทธ์ความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคมส่วนรวมของลิกซิลผ่านห่วงโซ่คุณค่าที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด หรือ Resource-Saving Value Chain ตั้งแต่การผลิตที่เป็นกลางทางคาร์บอน (CO2-neutral* production) เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำและพลังงาน การกำจัดพลาสติกที่ไม่จำเป็นออกจากบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการออกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Cradle to Cradle Certified® และด้วยระบบนิเวศการสื่อสารแบบผสมผสานของ GROHE X แบรนด์โกรเฮ่ยังคงสร้างแรงกระเพื่อมในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางดิจิทัลบนศูนย์รวมประสบการณ์ของแบรนด์ หรือช่องทางกายภาพหรือแบบไฮบริดใน GROHE X Brand & Communication Experience Center ในเมืองเฮเมอร์ ประเทศเยอรมนี หรือบนท้องถนนด้วย GROHE X Motion Trucks แบรนด์เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับความมุ่งหมายของลิกซิลในการ “ทำให้บ้านที่ดีขึ้นเป็นจริงได้สำหรับทุกคนและทุกที่”
*รวมถึงโครงการชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 compensation) อ่านเพิ่มเติมได้ที่ green.grohe.com


เกี่ยวกับอิแนกซ์

อิแนกซ์ คือ แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นผู้ผลิตสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและกระเบื้องเซรามิกที่เป็นดั่งงานศิลป์

เรื่องราวของอิแนกซ์ย้อนกลับไปนานกว่า 100 ปี เมื่อผู้บุกเบิกของเราผลิตกระเบื้องเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารหลักแห่งที่ 2 ของโรงแรมอิมพีเรียลซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกเอก แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ (Frank Lloyd Wright) พวกเขาลองถูกลองผิดมาหลายครั้ง จนสุดท้ายก็รู้จักคุณสมบัติของดินเหนียวและผลของไฟในการเผาเป็นอย่างดี จึงสามารถผลิตกระเบื้องตกแต่งครั้งละปริมาณมาก ๆ ได้สำเร็จ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของอิแนกซ์ นับตั้งแต่นั้นมา เรามุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะส่งมอบวิถีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น ด้วยการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ อาทิ สุขภัณฑ์อัจฉริยะตัวแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น ก๊อกน้ำอัตโนมัติที่สร้างพลังงานได้ในตัวเอง กระเบื้องตกแต่งภายในที่ทำให้อากาศภายในห้องสดชื่น และในขณะเดียวกัน เรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์กระเบื้องที่สะท้อนความรู้สึกลุ่มลึก ผ่านการใช้สีและผิวสัมผัสที่ละเอียดอ่อน โดยมีแรงบันดาลใจจากประเพณีและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล
อิแนกซ์นำเสนอห้องน้ำที่งดงาม ล้ำสมัยจากญี่ปุ่น ที่จะทำให้ชีวิตที่ง่ายขึ้น มีสุขอนามัยมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น เป็นชีวิตที่มีคุณภาพ

52
อลิอันซ์ อยุธยา ร่วมฉลองสมรสเท่าเทียม
มอบสิทธิประโยชน์ประกันชีวิตอย่างเท่าเทียมสำหรับคู่สมรสและคู่ชีวิตทุกเพศ


            อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตของไทย ประกาศจุดยืนสำคัญร่วมสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม พร้อมยืนหยัดในหลักการความเท่าเทียมกันของทุกเพศอย่างไม่มีเงื่อนไข เดินหน้าปรับนโยบายการรับประกันและการจ่ายผลประโยชน์ให้ครอบคลุมทุกกรมธรรม์อย่างเท่าเทียมตามกรอบของกฎหมายฉบับใหม่ สะท้อนวิสัยทัศน์องค์กรที่มุ่งสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเป็นธรรม พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนได้รับโอกาสในการวางแผนและสร้างความมั่นคงอย่างเท่าเทียม


            นางสาว พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้าและความยั่งยืน บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า "อลิอันซ์ อยุธยา มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสังคมไทยผ่านการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของประเทศในการยกระดับมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งนี้ นโยบายของกลุ่มอลิอันซ์ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่อง Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) มาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม โดยเรามีความเชื่อมั่นว่าทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในทุกมิติของชีวิต การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความเป็นธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน"

            ล่าสุด อลิอันซ์ อยุธยา ได้เร่งดำเนินการปรับนโยบายการรับประกันและการจ่ายผลประโยชน์ให้ครอบคลุมคู่สมรสและคู่ชีวิตทุกเพศอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งได้ปรับปรุงเงื่อนไขการรับประกันให้มีความยืดหยุ่น สะดวก และเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันสามารถระบุชื่อคู่สมรสหรือคู่ชีวิตเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องยื่นเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสเพศเดียวกันหรือเพศต่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงเอกสารให้ครอบคลุมความหลากหลาย โดยเพิ่มคำว่า 'คู่สมรส' หรือ 'คู่ชีวิต' แทน 'สามี-ภรรยา' รวมถึงสามารถอัปเดตสถานะเป็นคู่สมรสหรือเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม

            นโยบายใหม่นี้ยังเน้นความคุ้มครองที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกเพศในทุกกรมธรรม์ ยกเว้นในกรณีของความคุ้มครองเสริมที่อ้างอิงเพศกำเนิด เช่น ความคุ้มครองมะเร็งปากมดลูกสำหรับเพศกำเนิดหญิง

            "อลิอันซ์ อยุธยา มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สนับสนุนความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วมในทุกมิติ การปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้ไม่เพียงแค่สอดคล้องกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่ยังเป็นการตอกย้ำจุดยืนของ อลิอันซ์ อยุธยา ในการเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม เราเชื่อว่าทุกคนควรได้รับโอกาสในการวางแผนอนาคตและความมั่นคงอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเพศ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เปิดกว้างและยั่งยืนในอนาคต" นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย

53
“สดมภ์” หล่นมารั้งที่สองศึก ฟิลิปปินส์ โอเพ่น จบรอบสามตามผู้นำหนึ่งสโตรค


สดมภ์ แก้วกาญจนา

25 มกราคม 2568 – สดมภ์ แก้วกาญจนา พลาดตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ 72 ในรอบสามของการแข่งขัน สมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น หล่นมารั้งอันดับสองด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 203 ที่สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ พาร์ 70 ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา โดยตามหลัง โทโมโย่ อิเคมูระ จากญี่ปุ่นเพียงสโตรคเดียว (ภาพ: Asian Tour)

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ สมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น เปิดฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5 แสนบาท หรือประมาณ 17 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมนี้ ที่สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,138 หลา พาร์ 70 ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โอเพ่น โดยมีนักกอล์ฟไทยตัดตัว 12 คน


โทโมโยะ อิเคมูระอ

จบรอบสาม โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา นักกอล์ฟวัย 26 ปี ผู้นำสองวันแรก พลาดตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ 72 จากการทำ 4 เบอร์ดี้ แต่เสียไป 4 โบกี้ กับอีก 1 ดับเบิ้ลโบกี้ สกอร์รวมเหลือ 7 อันเดอร์พาร์ 203 หล่นมาอยู่อันดับสอง โดยมี โทโมโยะ อิเคมูระ จากญี่ปุ่น ที่หวดเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 67 แซงขึ้นมานำเดี่ยวที่สกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 202

โทโมโยะ อิเคมูระ เจ้าของสองแชมป์เจแปน ทัวร์ วัย 29 ปี เผยหลังแซงขึ้นนำว่า “วันนี้ผมดีได้ดีมากและยังมีโชคด้วย เป็นวันที่ดีจริงๆ ปีที่แล้วผมไม่สามารถชนะในญี่ปุ่นหรือในเอเชียได้ ดังนั้นเป้าหมายของผมในปีนี้คือการคว้าแชมป์ในเอเชีย ผมทำงานหนักในช่วงปิดฤดูกาลและกำลังตามล่าเป้าหมายใหม่ในปีนี้ เพื่อโอกาสไปเล่นในลิฟกอล์ฟ ซึ่งถ้าชนะในสัปดาห์นี้ได้ก็จะเป็นการเริ่มต้นปีที่ดี”


แดนไท บุญมา

ส่วน สดมภ์ แก้วกาญจนา กล่าวว่า “วันนี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อยช่วงแรกๆ เหมือนทุกอย่างจะดีจนตีไปตกทรายที่หลุม 5 เสียโบกี้แรกของวัน และเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่พอรอบหลุมหลังสามารถเรียกเกมคืนกลับมาและทำได้ดี ก็รู้สึกพอใจ ชัยชนะรายการนี้จะมีความหมายกับผมมาก เพราะผมซ้อมหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พรุ่งนี้ก็จะวางแผนเล่นกับลมให้ดี เพราะวันนี้ลมค่อนข้างเปลี่ยนไป ทำให้ผมเล่นแบบไม่ค่อยมั่นใจ ซึ่งถ้าลมเป็นแบบสองวันแรก ผมคงรักษาการเล่นได้ดีเหมือนรอบที่ผ่านมา”

ขณะที่ แดนไท บุญมา ระเบิดฟอร์มร้อนแรงหวดวันเดียว 8 เบอร์ดี้ ไม่มีโบกี้ จบ 18 หลุมทำสถิติสนามเข้ามา 8 อันเดอร์พาร์ 62 รวมสามวันมี 6 อันเดอร์พาร์ 204 ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มอันดับ 3 ร่วมกับผู้เล่นอีก 4 คน โดยมี สกอตต์ วินเซนต์ มือหนึ่งอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ แรงกิ้ง ปี 2022 จากซิมบับเว ตามมาที่อันดับ 8 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 205


สกอตต์ วินเซนต์

ทางด้านนักกอล์ฟไทยอีก 10 คน ทำสกอร์ดังนี้ โคสุเกะ ฮามาโมโต้ (66) ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ (67) ปวิธ ตั้งกมลประเสิรฐ (68) สกอร์รวมคนละ 4 อันเดอร์พาร์ 206 อยู่อันดับ 12 ร่วม, ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม (66) สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 207 อันดับ 20 ร่วม, เอกปริษฐิ์ หวู่ (68), เศรษฐี ประคองเวช (70) และ กัญจน์ เจริญกุล (71) สกอร์รวมคนละ 2 อันเดอร์พาร์ 208 อันดับ 26 ร่วม, อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ (67) และ ฉ่างไท้ สุดโสม (73) สกอร์รวมเท่ากัน 1 อันเดอร์พาร์ 209 อันดับ 37 ร่วม และ ชัพชัย นิราช (73) สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ 213 รั้งอันดับ 61

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour

54
จิมนี่ นักชกฟิลิปปินส์ ประเดิมชัยเวทีใหม่ คว้าเข็มขัดแชมป์ ABF ไปครอง


             เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 ที่สังเวียนเดอะบาซาร์ เธียเตอร์ สวนลุมไนท์บาซาร์ แยกรัชดา ลาดพร้าว โดยสองโปรโมเตอร์คู่เขย นายศุภณัฐ จันทร์แรม โปรโมเตอร์ชาวไทย และ มิสเตอร์ บริกโก้ แซนติก โปรโมเตอร์ชาวฟิลิปปินส์ พร้อมด้วย นายนริส สิงห์วังชา ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย (ABF) และ นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อ ร่วมกันระดมขุนพลนักสู้ขึ้นสังเวียนทำศึก NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS โดยคู่เอก เป็นการชกชิงเข็มขัดแชมป์มวยโลก ABF Silver รุ่นเวลเตอร์เวท 10 ยก พิกัด 147 ปอนด์ ระหว่าง จิมนี่ ปายปา นักชกจากฟิลิปปินส์ พบกับ ชินาธิป ทวีพันธุ์ นักชกไทย เกมส์การชก จิมมี่ นักชกฟิลิปปินส์ เดินเข้าหาตัดลำตัวต้นยก1จิมมี่ แฝฮุคขวาตัดลกฎตัว ชนาธิป ทิ้งตัว ให้กรรมการนับ 8 ยก 2 จนกระทั่งขึ้นยก 4 ชนาธิป ไม่ยอมออกจากมุมขอยอมแพ้ทำให้ จิมมี่ ปาปาย เป็นฝ่ายชนะ RCD คว้าแชมป์ ABF รุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ แห่งประเทศไทยมาครอง โดยได้รับเกียรติจาก นายนริส สิงห์วังชา ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย (ABF) และ นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย "พ่อพระวงการมวย" ขึ้นคาดเข็มขัดแชมป์เปี้ยน


ส่วนผลคู่มวยในรายการมีดังนี้

คู่ที่ 1.เป็นการชกอุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท พิกัด 140  ปอนด์ ระหว่าง ซีชาน อาลี นักชกจากสหราชอาณาจักรชนะคะแนน ไทสิทธิ์ สุมสากร นักชกไทย

คู่ที่ 2. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ ระหว่าง ลุนปิง ตุง นักชกจากมาเลเซีย ชนะทีเคโอ ยก3 พัทธพงศ์ กันยา นักชกไทย

คู่ที่ 3. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นมิดเดิลเวท พิกัด 160 ปอนด์ ระหว่าง อับดุลลาห์ อิบราฮิม นักชกจากเยเมน ชนะทีเคโอ ยก1 รฐอาภูมิ ศรวิเศษ นักชกไทย





คู่ที่ 4. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 4 ยก (มวยหญิง) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พิกัด 115 ปอนด์ ระหว่าง มักดาเลนา ซเวด นักชกจากสหราชอาณาจักร ชนะทีเคโอ ยก3 พัชรพร กรานสกุล นักชกไทย

คู่ที่ 5. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท พิกัด 160 ปอนด์ ระหว่าง ซีเกิร์ด แอนเน็กซ์สตัด โมลมานน์ นักชกจากนอร์เวย์ ชนะทีเคโอ ยก1 รัตภูมิ งามบายศรี นักชกไทย

คู่ที่ 6. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท พิกัด 140 ปอนด์ ระหว่าง ไอดริส ลาบิดี นักชกจากฝรั่งเศส ชนะทีเคโอ ยก3 คำภีร์ พยอม นักชกไทย







คู่ที่ 7. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นครุยเซอร์เวท  พิกัด 200 ปอนด์ ระหว่าง มาร์วิน รูฟ นักชกจากเยอรมนี ชนะทีเคโอ ยก1 เจษฎาภรณ์ สิงห์มนัสศักดิ์ยิม นักชกไทย

คู่ที่ 8. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท พิกัด 140 ปอนด์ ระหว่าง หลุนปิง ใบโมลดา นักชกจากคาซัคสถาน ชนะทีเคโอยก2ณัฐพล ปาฮาน นักชกไทย

คู่ที่ 9. เป็นการชกอุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นเวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ระหว่าง อภินันท์ คงทรง นักชกไทย ชนะทีเคโอ ยก2 อุดมทรัพย์ หยานดังยิม นักชกไทย



คู่ที่ 10. คู่เอก เป็นการชกชิงเข็มขัดแชมป์มวยโลก ABF Silver รุ่นเวลเตอร์เวท 10 ยก พิกัด 147 ปอนด์ ระหว่าง จิมนี่ ปายปา นักชกจากฟิลิปปินส์ พบกับ ชินาธิป ทวีพันธุ์ เกมส์การชก จิมมี่ นักชกฟิลิปปินส์ เดินเข้าหาตัดลำตัวต้นยก1จิมมี่ แย็ปฮุคขวาตัดลำตัว ชนาธิป ทิ้งตัว ให้กรรมการนับ 8 ยก 2 จนกระทั่งขึ้นยก 4 ชนาธิป ไม่ยอมออกจากมุมขอยอมแพ้ทำให้ จิมมี่ ปาปาย เป็นฝ่ายชนะ RCD คว้าแชมป์ ABF รุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ แห่งประเทศไทยมาครอง โดยได้รับเกียรติจากนายนริส สิงห์วังชา นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย "พ่อพระวงการมวย" ขึ้นคาดเข็มขัดแชมป์เปี้ยน






             แฟนๆ กำปั้นติดตามความมันส์ของศึก NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS รับประกันความมันส์สองโปรโมเตอร์คู่เขยไทย-ฟิลิปปินส์ จากบริษัท HIGHLAND BOXING PROMOTIONS แฟนๆ คอมวย รับชมมวยดุเดือด มวยมันส์ๆ แน่นอน








55
SCGC รุกพลิก LSP เวียดนาม เสริมแกร่งด้วยวัตถุดิบก๊าซอีเทน เพิ่มความสามารถการแข่งขัน และลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญล่าสุด ล็อกก๊าซอีเทนและเรือขนส่งระยะยาวได้สำเร็จมั่นใจพร้อมแข่งขัน รับตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาคช่วงฟื้นตัว


เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เดินหน้าพลิกฟื้นธุรกิจปิโตรเคมี เร่งเครื่อง เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงานลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ประเทศเวียดนาม (LSP) ส่งผลให้ต้นทุนต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบในการผลิตได้มากขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยว่า “SCGC ขับเคลื่อนโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ประเทศเวียดนาม (โครงการ LSPE)  อย่างเร่งด่วนตามแผนเชิงรุกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ มั่นใจ พร้อมเดินหน้ารับตลาดปิโตรเคมีช่วงฟื้นตัวในอนาคต โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้จัดหาและล็อกวัตถุดิบก๊าซอีเทน จากสหรัฐอเมริกาเป็นผลสำเร็จ พร้อมลงนามในสัญญาระยะยาวเพื่อจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทน ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี กับ Enterprise Products Partners ผู้จัดหาก๊าซอีเทนชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา  และลงนามในสัญญาระยะยาวสำหรับเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (Very Large Ethane Carriers: VLECs) กับบริษัท Mitsui O.S.K. Lines (MOL) ผู้ให้บริการเรือขนส่งวัตถุดิบชั้นนำของโลก รอบแรกจำนวน 3 ลำ ซึ่ง MOL จะให้บริการขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนามเป็นเวลา 15 ปี  ทั้งนี้สัญญาเช่าเหมาเรืออีก 2 ลำที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ จึงมั่นใจได้ว่าโรงงาน LSP จะสามารถแข่งขันได้ในระยะยาวด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ โรงงาน LSP ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบก๊าซอยู่แล้ว จึงสามารถปรับปรุงโรงงานให้ใช้วัตถุดิบที่เป็นก๊าซอีเทนได้มากถึงสองในสามของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด ซึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นก๊าซโพรเพนและแนฟทา”


“นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังเร่งดำเนินการเรื่องการสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน ซึ่งถังดังกล่าวได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่มีสภาวะอุณหภูมิต่ำประมาณ -90 องศาเซลเซียส ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งเร่งเตรียมความพร้อมด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตและสาธารณูปโภคการรับวัตถุดิบ (supporting facilities) คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2570 รับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาค” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยเพิ่มเติม




โรงงาน LSP ผลิตและจำหน่ายพอลิเมอร์คุณภาพสูงเพื่อป้อนตลาดในประเทศเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จาก LSP ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ทั้งนี้ โครงการ LSPE จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของโรงงาน LSP ให้เป็นฐานการผลิตปิโตรเคมีที่สำคัญระดับภูมิภาคต่อไป

56
เอสซีจีเปิดหลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน พร้อมรับมือวิกฤติสภาพภูมิอากาศ


            เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอสซีจี ได้เปิดหลักสูตร Net Zero Accelerator Program 2025 หรือ NZAP 2025 ซึ่งเป็นหลักสูตร ที่เอสซีจี ร่วมกับพันธมิตร ชวนผู้ประกอบการ และผู้บริหารภาครัฐ เพิ่มความสามารถการแข่งขัน ผลักดันให้ธุรกิจและองค์กรเติบโตสู่เป้า Net Zero ด้วยกัน โดยจะมีการเรียนการสอนจนถึงเดือนมีนาคม ที่สำนักงานใหญ่ เอสซีจี บางซื่อ


            “เอสซีจีมีแนวทาง Inclusive green growth ที่มุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน จึงมีโครงการช่วยยกระดับผู้ประกอบการ SME ในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำหลายรูปแบบ รวมทั้งหลักสูตร NZAP 2025 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เอสซีจีออกแบบพิเศษ ให้เป็นการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง สร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยให้คำแนะนำ” ดร.ชนะ ภูมี ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี กล่าว


            คุณมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร NZAP กล่าวว่า “หลักสูตรนี้ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ในการร่วมจัดหลักสูตร อาทิ ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายหลักสูตร และร่วมเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้ความเห็นการนำเสนอเอกสารเชิงวิชาการ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์หลักสูตร โดยได้รับความสนใจทั้งจากผู้ประกอบการและหน่วยงานราชการสมัครเข้าร่วมหลักสูตร โดยได้คัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสม สามารถนำความรู้และเครือข่ายไปวางนโยบายในองค์กรของตนได้ 109 ราย โดยจะมีการเรียนทุกวันศุกร์ รวมทั้งการดูงานในประเทศ จนถึงเดือนมีนาคม พร้อมการทำถกแถลงและทำเอกสารเชิงวิชาการเป็นรายกลุ่ม โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษาและให้ความเห็น ที่สามารถแก้ปัญหาและนำไปปฎิบัติได้จริง”


            หลักสูตร NZAP 2025 เน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มกำไร ลดต้นทุน รับมือภาวะโลกเดือด ด้วยความเข้าใจทิศทางและนโยบายของประเทศไทย กลไกการค้าตลาดคาร์บอน กฎหมายและข้อบังคับด้าน Climate Change ตัวอย่างความสำเร็จของการการดำเนินการสู่ Net Zero และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีพันธมิตรในการจัดหลักสูตรที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย (ICC Thailand) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)












57
QTCGP ร่วมมือ MOVE EV X
ลงทุนเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า


            นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน (กลางซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายเรืองชัย กฤษณเกรียงไกร (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และนางสาวศศิกาญจน์ ตันธนสิน (ซ้าย) กรรมการ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) (บริษัทย่อย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับ นายวันชัย ลี้นะวัฒนา (กลางขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะมูฟ ธันเดอร์ จำกัด (MOVE EV X) เพื่อลงทุนเปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จำนวน 7 สถานี ได้แก่ สาขาเฉลิมพระเกียรติ 67 สาขาสุขสวัสดิ์14 สาขาลาดพร้าววังหิน สาขาพัฒนาการ20 สาขาวิภาวดีรังสิต1 สาขาหลานหลวง และสาขาสุขุมวิท101/1 เป็นที่เรียบร้อย

            โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัท คิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดในหลากหลายรูปแบบ ได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องมลพิษทางอากาศ อาทิ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตประชากรหนาแน่น จึงร่วมมือกับ MOVE EV X ในครั้งนี้เพื่อมีส่วนช่วยในการลดค่าครองชีพให้กับกลุ่มไรเดอร์ที่เข้ามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เข้าถึงพลังงานในราคาประหยัด

            ผู้สนใจทำธุรกิจและเป็นผู้มีส่วนร่วมสร้างระบบ Ecosystem อย่างยั่งยืน กับ “MOVE EV X by H Sem” สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เว็บไซต์ www.moveevx.comFB: MOVE EV X หรือสอบถามได้ที่ Line ID: @moveevx และ Call Center 1513 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 8.30น. – 17.30น.)

###

เกี่ยวกับ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด (H SEM Motor Co., Ltd.) บริษัทในเครือ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ภายใต้ชื่อ “เอช เซม” เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งในกลุ่มเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการใช้ระบบขนส่งที่มีความคล่องตัว ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม ในราคาที่จับต้องได้ ดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hsemmotor.com/ หรือ www.facebook.com/hsemmotor.sev  และ www.facebook.com/hsemmotor.stc

เกี่ยวกับ บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด

บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (H SEM Trading Corporation Co.,Ltd.) บริษัทในเครือ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป เป็นบริษัทรับผิดชอบดูแลการจัดจำหน่าย แต่งตั้งดีลเลอร์ และกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าของ เอช เซม ทั้งในประเทศไทยและประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เวบไซต์ https://www.hsemmotor.com/ หรือแฟนเพจ www.facebook.com/hsemmotor.sev และ www.facebook.com/hsemmotor.stc

58
MBM Business Forum 2025 สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ขับเคลื่อนนักธุรกิจมุสลิมสู่อนาคตที่ยั่งยืน




               กรุงเทพฯ – 22 มกราคม 2568 MBM Business Forum 2025 ซึ่งจัดโดย MBM Institute ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจมุสลิมทั่วประเทศและนานาชาติอย่างล้นหลาม ณ โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด "Synergy for Success" ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือ สร้างเครือข่าย และผลักดันธุรกิจสู่ความยั่งยืน




              ดร.ปกรณ์ ปรียากร ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวเปิดงานในนามตัวแทนจุฬาราชมนตรี โดยกล่าวถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงจริยธรรมเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจในยุคดิจิทัล พร้อมเน้นให้ชุมชนธุรกิจมุสลิมเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

               “การพัฒนาทางเศรษฐกิจจะยั่งยืนได้ ต้องไม่ละเลยจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจมุสลิม” ดร.ปกรณ์กล่าว







กิจกรรมที่โดดเด่นในงาน MBM Business Forum 2025

               1. เสวนาและบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ งานนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและนักธุรกิจชั้นนำเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อสำคัญ ได้แก่:

                   "ความท้าทายสู่อนาคตโลกธุรกิจ" โดย คุณปาจรีย์ แสงคำ ผู้บริหารบริษัท โอสถสภา จำกัด
                     
                   "ปรับตัวอย่างไร ถ้าโลกวิ่งเร็วกว่าเรา" โดย คุณสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ คุณ ซ้ง ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลลีเทค (มหาชน)

                   "ถ้าไม่ปรับ ตามไม่ทัน เหนื่อยแน่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ" โดย คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ Torpenguin , คุณ ทักษอร สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ,คุณ สวาสดิ์ มิตรอารี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์เบรนด์ จำกัด อดีต นายกผู้ประกอบการเฟรนไชส์ แห่งประเทศไทย

               2. พิธีมอบรางวัล MBM AWARD 2025 การยกย่องบุคคลและองค์กรที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนมุสลิม ผ่านรางวัล 5 ประเภท ได้แก่:

                   Star Business Award สำหรับองค์กรที่มีความเป็นเลิศทางธุรกิจ  ได้แก คุณสกุลงาม กิจตั้งภักดิ์ , คุณมะยี สุหลง  INPRAYGROUND

                   Business Success Award สำหรับธุรกิจที่เติบโตและยั่งยืน  ได้แก่ Ruthaipak Phumeesuk (Ameenah) President AMEENAH ENTERPRISE

                   MEMBER AWARD สำหรับนักธุรกิจที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่ คุณอัสมานา ทบจันทร์ บริษัท ออโรรา เมดเทค จำกัด

                   DEDICATION AWARD สำหรับบุคคลที่มีเกียรติและมีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ได้แก่ ดร. มนัส นานา ผู้บริหารโรงแรมนูโว ซิตี้

                   MBM Individual Excellence Award สำหรับบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในสังคม ได้แก่ คุณสมฤดี ชัยมงคล  อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

               3. เวิร์กช็อปการสร้างแบรนด์ฮาลาล  เวิร์กช็อปพิเศษที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจการผสมผสานหลักศาสนาอิสลามกับมาตรฐานธุรกิจระดับสากล เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

               4. กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เปิดโอกาสให้นักธุรกิจจากหลากหลายอุตสาหกรรมได้พบปะ สร้างพันธมิตรใหม่ และขยายเครือข่ายธุรกิจ







               บรรยากาศสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย  ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารค่ำฮาลาลระดับพรีเมียม กิจกรรมลุ้นรางวัล Lucky Number และบริการถ่ายภาพโปรไฟล์ธุรกิจโดยช่างภาพมืออาชีพ ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์นักธุรกิจ

               ผลตอบรับอย่างล้นหลามจากชุมชนธุรกิจมุสลิม ผู้เข้าร่วมงานต่างแสดงความชื่นชมต่อ MBM Business Forum 2025 ในฐานะเวทีสำคัญที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งยกระดับความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจมุสลิม




               Ms.Minami Namiza Supervisor International Affairs and Head of Global Bone Marrow Transplant Center,Samitivej Hospitals  หนึ่งในผู้เข้าร่วมงาน กล่าวว่า “MBM Business Forum 2025 เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ สร้างเครือข่าย และค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”




               คุณสุภาพ   เรืองปราชญ์ อมีรสถาบัน MBM  ประจำปี 2568 -2569  กล่าวว่า  MBM Business Forum: จุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยั่งยืน   MBM Business Forum ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมผู้นำธุรกิจมุสลิมจากหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ส่งเสริมจริยธรรมในธุรกิจ และผลักดันชุมชนมุสลิมให้ก้าวสู่เวทีโลก

               สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MBM Business Forum สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดีย

#MBMBusinessForum2025 #ธุรกิจมุสลิม #สร้างอนาคตที่ยั่งยืน







59
“สดมภ์” เปิด 5 อันเดอร์ นำเดี่ยว ฟิลิปปินส์ โอเพ่น รอบแรก


สดมภ์ แก้วกาญจนา

23 มกราคม 2568 – สดมภ์ แก้วกาญจนา ประเดิมเยี่ยมหวด 5 อันเดอร์พาร์ 65 ขึ้นนำในรอบแรกของศึกสมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น ที่สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ พาร์ 70 ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา โดยมี อารอน วิลกิน จากออสเตรเลีย, แดนไท บุญมา และปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ สองโปรเพื่อนร่วมชาติ ตามหลังสโตรคเดียว (ภาพ: Asian Tour)


แดนไท บุญมา

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ สมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น เปิดฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5 แสนบาท หรือประมาณ 17 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมนี้ ที่สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,138 หลา พาร์ 70 ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โอเพ่น


ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ

เปิดฉากวันแรกปรากฎว่า โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา ออกตัวเยี่ยมหวด 5 เบอร์ดี้ ไม่เสียแม้โบกี้เดียว จบ 18 หลุมขึ้นนำเดี่ยวที่สกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 65 โดยมี อารอน วิลกิน จากออสเตรเลีย, แดนไท บุญมา และปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ สองโปรรุ่นพี่ ตามมาที่อันดับสองร่วมด้วยสกอร์คนละ 4 อันเดอร์พาร์ 66


อารอน วิลกิน

สดมภ์ แก้วกาญจนา เจ้าของสองแชมป์เอเชียน ทัวร์ วัย 26 ปี เผยหลังขึ้นนำวันแรกว่า “ผมมีเวลาพักสั้นๆ ช่วงปิดฤดูกาล ได้พักผ่อนกับครอบครัวและแฟนที่เกาหลี และไม่ค่อยได้เล่นกอล์ฟมากนัก สัปดาห์นี้จึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่วันนี้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เล่นได้คงเส้นคงวา ไดร์ฟดีมาก เสียเพียงแฟร์เวย์และกรีนเดียวเท่านั้น ผมรู้สึกดีมากที่เปิดฤดูกาลโดยไม่เสียโบกี้เลย”

ทางด้าน เศรษฐี ประคองเวช หวดเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 67 ตามมาที่กลุ่มอันดับ 5 ร่วม โดยมี วรัญญูรัตนไพบูลย์กิจ ตามมาที่อันดับ 9 ร่วม ด้วยสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 68 ขณะที่ผู้เล่นแถวหน้าของทัวร์อย่าง สกอตต์ วินเซนต์ แชมป์อินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ แรงกิ้ง ปี 2022 จากซิมบับเว และ สตีฟ ลิวตัน แชมป์รายการนี้เมื่อปี 2017 จากอังกฤษ ตีมาคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 69 อยู่ในกลุ่มอันดับ 18 ร่วมกับ โคสุเกะ ฮามาโมโต้ และฉ่างไท้ สุดโสม สองหนุ่มไทย

ส่วนนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจอย่าง อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์, รฐนน วรรณศรีจันทร์, กัญจน์ เจริญกุล, เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์ และ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ ทำคนละอีเวนพาร์ 70 รั้งอันดับ 30 ร่วม

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour

60
แอ็กซอลตา ประกาศเทรนด์สีรถยนต์ปี 2025 ได้แก่ สีเอเวอร์กรีน สปรินท์ (Evergreen Sprint)
เทรนด์สีแห่งปีที่เคารพต่อเอกลักษณ์รถแข่งเฉดสีเขียวของอังกฤษที่เป็นตำนาน


            แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ ผู้นำสีพ่นรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก ประกาศเทรนด์สีรถยนต์ ประจำปี 2025 ได้แก่ สีเอเวอร์กรีน สปรินท์ (Evergreen Sprint) นับเป็นปีที่ 11 ในการประกาศเทรนด์สีรถยนต์จากแอ็กซอลตา และเป็นครั้งที่ 2 ที่เทรนด์สีแห่งปีเป็นโทนสีเขียว

            เอเวอร์กรีน สปรินท์ คือสีเขียวเข้มป่าขจี ที่เคารพต่อสีเขียวบริติชเรซซิ่งในตำนาน เฉดสีอันโดดเด่นบนรถแข่งชั้นนำของอังกฤษ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเร็วและสมรรถนะอันยอดเยี่ยม แม้จะสะท้อนความเร้าใจของโลกมอเตอร์สปอร์ต สีรถยนต์แห่งปีล่าสุดนี้จากแอ็กซอลตา ยังมอบความหรูหราให้กับรถซีดานและเอสยูวีด้วย ทำให้ เอเวอร์กรีน สปรินท์ เป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับยานยนต์ทุกรูปแบบ

            "เฉดสีอันโดดเด่นนี้ช่วยเติมเต็มความตื่นเต้นให้กับสีรถยนต์แห่งปีของเรา" แดน เบนตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดด้านสีรถยนต์ของแอ็กซอลตา กล่าว “เอเวอร์กรีน สปรินท์ ให้ความโดดเด่นบนท้องถนนและสะท้อนจิตวิญญาณแห่งสมรรถนะ การแข่งขัน และการผจญภัย สีสันอันมีพลังนี้จะดึงดูดสายตาของผู้ขับขี่ที่หลงใหลในความเร็วอย่างแน่นอน”

            ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสีรถยนต์ของแอ็กซอลตาได้ร่วมมือกันทำงานเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่ปี 2015 เพื่อเผยโฉมเฉดสีใหม่ที่กำลังมาแรงในตลาดยานยนต์ ปีนี้ เฉดสีเขียว ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยม ตามรายงาน Global Automotive 2023 Color Popularity Report ของแอ็กซอลตา พบว่า สีเขียว มีการใช้กับรถยนต์ทั่วโลกประมาณ 2%

            สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์สีปี 2025 และข้อมูลด้าน สีพ่นรถยนต์จากแอ็กซอลตาได้ที่ axalta.com/color

###

เกี่ยวกับ แอ็กซอลตา

แอ็กซอลตา เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ในธุรกิจสีเคลือบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมแห่งสีสัน สูตรสีที่สวยงามคงทน พร้อมด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยานพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ สีเพื่องานพ่นซ่อม อุปกรณ์ ส่วนประกอบที่เป็นไฟฟ้า อาคาร ท่อส่งน้ำ สีของแอ็กซอลตาทนทานต่อการกัดกร่อน เพิ่มประสิทธิภาพ ให้สีติดทนนาน ด้วยประสบการณ์กว่า 150 ปี ในอุตสาหกรรมสีเคลือบ ตอบสนองกลุ่มลูกค้ากว่า 100,000 คน ดำเนินธุรกิจใน 140 ประเทศทั่วโลก แอ็กซอลตาพร้อมตอบสนองลูกค้าด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ดีที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมที่ axalta.co.th Twitter @axalta

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 2329