Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2511
1
LINE เปิดตัว “LINE GIFT” เปลี่ยนบทสนทนาให้มีความหมายกว่าเคย
สร้างเทรนด์ใหม่แห่งการให้ของขวัญผ่านแชท


             LINE ประเทศไทย เปิดตัวบริการใหม่ “LINE GIFT” ต่อยอดบทสนทนาบนแชท สู่การสร้างวัฒนธรรม e-Gifting ที่เข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนทุกข้อความให้กลายเป็นโมเมนต์แห่งการให้ สะท้อนความรู้สึกจริงใจในรูปแบบทันสมัยและใช้งานง่าย ภายใต้แนวคิด “ทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคย” ที่เชื่อว่าความรู้สึกบางอย่างไม่สามารถสื่อได้ด้วยข้อความเพียงอย่างเดียว LINE GIFT จึงกลายเป็นตัวช่วยใหม่ให้ผู้ใช้สามารถส่งต่อความรู้สึกจริงใจได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้ง นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายบทบาทของ LINE จากแอปพลิเคชันแชท สู่ Life Platform ที่ไม่เพียงเชื่อมต่อผู้คนด้วยข้อความ แต่ยังสร้างคุณค่าใหม่ให้กับความสัมพันธ์ของผู้ใช้ทุกกลุ่ม

             LINE GIFT เกิดจากความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ชาวไทย ที่ให้ความสำคัญกับการส่งต่อความรู้สึกในชีวิตประจำวันมากกว่าการรอคอยโอกาสพิเศษ การให้ของขวัญจึงกลายเป็นรูปแบบใหม่ของการสื่อสารที่สะท้อนความห่วงใย ขอบคุณ หรือให้กำลังใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 26–35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย มีบทบาทในหลายความสัมพันธ์ และมีความคุ้นชินกับวัฒนธรรมการให้ที่ผูกโยงอยู่ในวิถีชีวิตไทยอย่างแนบแน่น อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจดีในการให้มักสะดุดลงจากข้อจำกัดที่ไม่ควรมีในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นความลังเลในการเลือกของขวัญ ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ความเกรงใจในการขอที่อยู่ หรือข้อจำกัดด้านระยะทาง LINE GIFT จึงถูกออกแบบมาเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ และเติมความหมายใหม่ให้กับการให้ในโลกออนไลน์ ด้วยประสบการณ์ที่เรียบง่าย รู้ใจ และสอดคล้องกับการใช้งาน LINE ในชีวิตประจำวันของคนไทย

             จิรัฏฐ์ วรรธนกรินธ์ หัวหน้าธุรกิจ LINE GIFT กล่าวว่า "จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้งาน เราพบว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการให้ของขวัญเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ โดยเกือบ 90% ของการให้ของขวัญเกิดขึ้นจาก 'โมเมนต์เล็กๆ' ในชีวิตประจำวัน เพราะคนไทยต้องการส่งต่อความรู้สึกดีๆ ไม่ว่าจะเป็นการขอบคุณ ส่งความคิดถึง หรือให้กำลังใจ แนวคิด 'ทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคย' จึงเป็นการตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของคนไทย ที่บางครั้งรู้สึกว่าข้อความเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสื่อสารความรู้สึกลึกซึ้งที่อยากส่งต่อ ในยุคที่ LINE เป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนไทย เราเชื่อมั่นว่า LINE GIFT จะช่วยยกระดับวิธีการส่งต่อความรู้สึกให้มีความหมายมากขึ้น สนับสนุนให้ผู้ใช้งานกล้าแสดงออกถึงความรู้สึกผ่านของขวัญได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเปลี่ยนบทสนทนาในแชทให้กลายเป็นช่องทางที่ส่งต่อความหมายได้อย่างแท้จริง”


             LINE GIFT พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกของขวัญจากแบรนด์ชั้นนำที่คุ้นเคย ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์ อาทิ Starbucks, Central Department Store, Robinson, TOPS, ศูนย์การค้าชั้นนำเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป, Dairy Queen, Swensen’s, Burger King, Bonchon, After You, Loft, Let’s Relax, LINE MAN และอีกมากมาย พร้อมส่งผ่านแชท LINE ได้ทันทีด้วยการแนบ e-Voucher หรือเลือกให้จัดส่งของขวัญถึงบ้านโดยไม่ต้องรู้ที่อยู่ของผู้รับ เสริมความใส่ใจด้วยการ์ดหรือข้อความส่วนตัว ใช้ฟีเจอร์ “Wishlist” เพื่อให้ผู้รับระบุสิ่งที่อยากได้ล่วงหน้า และ “Scheduled Send” เพื่อให้ผู้ส่งไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ เช่น วันเกิดหรือวันครบรอบ LINE GIFT จึงไม่ใช่แค่การให้ของ แต่คือการยกระดับบทสนทนาให้เต็มไปด้วยความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ง่ายพอ ๆ กับการพิมพ์แชท แต่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

             การเปิดตัว LINE GIFT สะท้อนวิสัยทัศน์ของ LINE ประเทศไทย ในการยกระดับแพลตฟอร์มจากพื้นที่สนทนา สู่การเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในโอกาสพิเศษ แต่ในทุกจังหวะที่ความรู้สึกดีควรถูกส่งต่อได้ทันที LINE มุ่งขับเคลื่อนวัฒนธรรมการให้รูปแบบใหม่ ที่ไม่ต้องรอวันเกิด ไม่ต้องรอเทศกาล แต่ให้ได้ทุกครั้งที่อยากแสดงความใส่ใจ ผ่านประสบการณ์ที่เรียบง่าย เข้าถึงง่าย และกลมกลืนไปกับพฤติกรรมการใช้งานที่มีอยู่แล้ว การให้ในยุคดิจิทัลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของของขวัญ แต่กลายเป็นเครื่องมือช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในทุกวัน ทุกคน และทุกช่วงเวลา


             เริ่มส่งต่อความรู้สึกผ่าน LINE GIFT ได้ง่ายๆ เพียงเปิดห้องแชท กดเครื่องหมายบวก (+) แล้วเลือก "LINE GIFT" จากเมนู เลือกของขวัญที่ต้องการ เพิ่มข้อความหรือการ์ดส่วนตัว แล้วกดส่งให้เพื่อนหรือคนสำคัญได้ทันที เปลี่ยนทุกบทสนทนาธรรมดาให้กลายเป็นโมเมนต์พิเศษที่เต็มไปด้วยความหมาย  เพราะ "ทุกความรู้สึก ชัดกว่าเคย" ด้วย LINE GIFT

#ทุกความรู้สึกชัดกว่าเคย
#LINEGIF


ติดตามรายละเอียดวิธีการใช้ได้ที่ https://lin.ee/A8sGzth

LINE GIFT Official Account @linegiftth

LINE GIFT Facebook Page https://www.facebook.com/LINEGIFTTH

2
เริ่มแล้ว!! มหกรรมสินค้าไอทีกลางปี
“COMMART UNLIMIT" โปรน็อนสต๊อป ช้อปไม่จำกัด"
3-6 กรกฎาคม 2568 ณ ไบเทคบางนา


เริ่มแล้ว!! มหกรรมสินค้าไอทีคอมมาร์ต รอบกลางปี 2568 มาในคอนเซ็ปต์ “COMMART UNLIMIT โปรน็อนสต๊อป ช้อปไม่จำกัด" จัดเต็มครบทุกแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำ ACE, Ajazz, AMD, ASUS, AppleSheep, Ascenti, Banana, E-Quip , Bewell, Ergotrend, Epson, iStudio by SPVI, Studio7, IT City, J.I.B, MSI, Secretlab, SPEED Computer, Honeywell และเครดิตบูโร พร้อมเสิร์ฟโปรโมชั่น คูปองส่วนลดแทนเงินสด และลุ้นรางวัล Big Bonus เมื่อช้อปครบทุก 3,000 บาทที่หน้างานได้ทุกวัน ห้ามพลาด 3-6 กรกฎาคม ณ EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ที่เดิม


นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า  “สำหรับงาน COMMART UNLIMIT ครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้เห็นสินค้าจากเทคโนโลยี AI ที่หลากหลายและจำนวนมากยิ่งขึ้น จากหลากหลายแบรนด์สินค้า ที่พร้อมนำมาแสดงและขายภายในงาน ตอกย้ำความเป็นมหกรรมสินค้าไอที ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่รวบรวมเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เกดเจด และอุปกรณ์ต่อพ่วงจากแบรนด์ต่าง ๆ ไว้มากที่สุดที่จะทำให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสสินค้าใหม่ก่อนใครได้ภายในงานเดียว [/size


รอบนี้เราจะได้ชมนวัตกรรมใหม่ จากทาง JIB นำสุดยอดนวัตกรรมใหม่ ‘หุ่นยนต์จีวัน’ จาก ยูนิทรี  ที่สุดของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ที่สามารถเคลื่อนไหว และตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด ด้วยนวัตกรรม AI และโซนสตรีมเกมสุดล้ำมาเอาใจชาวไอทีแบบครบครัน บูธ IT CITY จัดโปร ซื้อ Notebook ทั้งส่วนลดและของแถม และ ขนสุดยอดสมาร์ตโฟน ทั้ง Samsung Galaxy S25 Ultra, Samsung Galaxy S24 Ultra, Xiaomi 15 Ultra และ Redmi Note 14 Pro+ ลดสูงสุดถึง 12,000 บาท ด้านบูธ BaNANA จัดโปรเก่าแลกใหม่เพียงนำมือถือหรือโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้ มา Trade เพื่อประเมินราคารับเป็นส่วนลดเครื่องใหม่ บูธ Speed ก็มาพร้อมโปร COMSET สเปคหัวแถว ที่คอไอทีไม่ควรพลาด ด้าน AMD มีโปร “เก่าแลกใหม่” เทรดอินโน้ตบุ๊ก รับส่วนลดสูงสุด 20,000 บา


นอกจากนี้ยังมีโปรน็อนสต๊อป ช้อปไม่จำกัด อีกมากมาย อาทิ Nintendo Switch 2  รุ่นใหม่ล่าสุด อุปกรณ์เสริม PlayStation และ Xbox อุปกรณ์ Gaming Gear ราคาสุดพิเศษจากบูธ ACE GAMER, โต๊ะไฟฟ้า ซีเคร็ทแลป แม็กนัส โปร และเก้าอี้เกมมิ่งรุ่น ไททัน อีโว ใหม่ล่าสุด จากคอลเล็กชั่น กันดั้ม และ รุ่นไฮเอนด์ที่คอลแลปกับแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ อย่าง แมคลาเรน ลดทันทีสูงสุด 10,000 บาท สินค้าตัวโชว์เริ่มต้นเพียง 2,000 บาท ที่บูธ D13 และนี่เป็นเพียงโปรโมชั่นบางส่วนเท่านั้น ยังมีสินค้าและโปรโมชั่นอีกมากมายที่รอทุกท่านอยู่ที่งานคอมมาร์ต 3-6 ก.ค. 68 ไบเทคบางนา”


นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า งาน COMMART  UNLIMIT  มีโปรโมชั่นสุดคุ้ม โดยร่วมกับพันธมิตรได้เตรียมข้อเสนอ เฉพาะช้อปสินค้าในงานเท่านั้น รวมถึงกิจกรรมพิเศษไว้มากมาย ทั้งก่อนและระหว่างงาน ประกอบด้วย


•   คอมมาร์ต Big Bonus ช้อปครบทุก 3,000 ได้ลุ้นโชค 2 ต่อ ต่อที่ 1 ลุ้นโชคหน้างานทุกวัน Big Bonus ของรางวัลสุดปัง จับแจกตลอด 4 วัน ต่อที่ 2 อัปโหลดใบเสร็จผ่าน LINE COMMART ได้ลุ้น ของรางวัลเพิ่ม
•   คอมมาร์ต วัดดวง ร่วมสนุกหมุนวงล้อ ลุ้นคูปองส่วนลดสูงสุด 10,000.-  (แค่สมัครสมาชิกที่บูทคอมมาร์ต)
•   คอมมาร์ต on Top ช้อปครบ 50,000.- รับคูปองลดเพิ่ม 500.- (เฉพาะวันพฤหัสบดี-ศุกร์)
•   คอมมาร์ต ช่วยจ่ายค่าจอดรถ เพียงซื้อสินค้าในงานคอมมาร์ตครบ 30,000.- แลกสิทธิ์จอดฟรี ได้ 3 ชั่วโมง





งาน COMMART UNLIMIT จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพี พร้อมด้วยพันธมิตรธุรกิจคับคั่ง อาทิ ACE, ASUS, AMD, AppleSheep, Ascenti, Banana, Bewell, Ergotrend, E-Quip, Epson, iStudio by SPVI, Studio7, IT City, J.I.B, Lenovo, MSI, Secretlab, SPEED Computer , Honeywell และ เครดิตบูโร ร่วมด้วย Media Partner ได้แก่ techhub, Beartai, Business+, CeeMeAgain, ChargeSPOT, eLeader, ExtremeIT, iT24Hrs., Notebookspec, Overclockzone และ ชอบโปร เข้าชมงานฟรี! เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา 3-6 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา




ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , และ LINE: @Commart

3
พม. พัฒนา “App DepFund” สร้างโอกาส “คนพิการและผู้ดูแล” เข้าถึงบริการเงินกู้ยืมง่ายขึ้น
หนุนคนพิการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย


            กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลให้คนพิการ บริหารจัดการเงินกู้ยืมกองทุนฯ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทันต่อการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ผ่าน “แอปพลิเคชัน DepFund” ตอบโจทย์การเข้าถึงสิทธิด้านการกู้ยืมเงินสำหรับคนพิการในการประกอบอาชีพได้ง่ายยิ่งขึ้น และรองรับความต้องการของคนพิการที่จะใช้บริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ จำนวนกว่า 2.2 ล้านคน เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ จะช่วยให้คนพิการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย


            (3 กรกฎาคม 2568) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. พร้อมด้วย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดตัว “แอปพลิเคชันกู้ยืมเงินคนพิการ หรือ DepFund”  เพื่อให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพโดยไม่มีดอกเบี้ย ทั้งยังเข้าถึงการบริการของภาครัฐได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมาคมคนพิการ คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานกว่า 200 คน ภายในงานมีการออกบูธแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการที่ประสบความสำเร็จจากการกู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพื่อประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ จำนวน 5 ร้านค้า ณ ลานชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


            นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังการเปิดตัว  “แอปพลิเคชันกู้ยืมเงินคนพิการ หรือ App DepFund” ว่า กระทรวง พม. มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เข้าถึงสิทธิของตนอย่างเท่าเทียม โดยงานด้านคนพิการเป็นภารกิจหนึ่งในการขับเคลื่อนการทำงานด้านการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้อยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม โดยปัจจุบัน มีคนพิการในประเทศไทยจำนวน 2,242,693 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.39 ของประชากรไทยทั้งประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) ซึ่งในจำนวนนี้ มีคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการใช้บริการการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ ของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ภายใต้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จำนวนกว่า 300,019 ราย รวมเป็นจำนวนเงิน 11,284,049,918 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) การสร้างอาชีพให้คนพิการมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในตลาด เพิ่มรายได้ให้กับคนพิการ และลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและส่งเสริมให้คนพิการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ


            สำหรับการพัฒนานวัตกรรมระบบดิจิทัล “แอปพลิเคชัน DepFund” ภายใต้แนวคิด “เพื่อให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ สามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว” เป็นอีกระบบหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนงานด้านคนพิการให้เข้าถึงสิทธิ สวัสดิการ ที่คนพิการพึงได้รับด้วยความสะดวก รวดเร็ว และทันต่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งแอปพลิเคชัน DepFund จะช่วยในการบริหารจัดการเงินกู้สำหรับคนพิการ ให้เข้าถึงระบบบริการดิจิทัลด้านเงินกู้ได้อย่างครอบคลุม สะดวก และรวดเร็วขึ้น


            “ในปัจจุบันวิวัฒนาการของดิจิทัลถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น การพัฒนาและนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้เพื่อสนับสนุนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการ จะช่วยให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการได้อย่างไร้รอยต่อ จึงเป็นสิทธิและสวัสดิการหนึ่งที่คนพิการพึงได้รับอย่างเท่าเทียมกับคนในสังคม และการพัฒนา“แอปพลิเคชัน DepFund” ช่วยให้คนพิการมีเงินตั้งต้นประกอบอาชีพได้ทันที ไม่ต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้คนพิการเกิดความสะดวกในการกู้ยืมเงินกองทุนฯ โดยไม่ต้องเดินทางมารับบริการต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดปัญหาการเดินทาง ส่งผลให้คนพิการสามารถทำงานหารายได้ ได้อย่างเต็มกำลังมากขึ้น ทำให้คนพิการมีศักยภาพ มีความเข้มแข็ง สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญในการนำพาประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพต่อไป” นายวราวุธ กล่าว


            ด้าน นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ระบุว่า กองทุนส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตคนพิการ โดยกองกองทุนและส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ ได้พัฒนา “แอปพลิเคชัน DepFund” ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพโดยไม่มีดอกเบี้ย
ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กองทุนฯ มีการปล่อยเงินกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพ
หรือขยายกิจการ ให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ จำนวน 14,792 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 757,121,796 บาท (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2567) ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กองทุนฯ ตั้งเป้าหมายจำนวนคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการใช้บริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ จำนวน 15,000 ราย จำนวนเงินกู้ 1,000 ล้านบาท และปัจจุบัน มีคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ กู้ยืมเงินกองทุนฯ จำนวน 6,632 ราย คิดเป็นเงินจำนวน 339,850,285 บาท (ข้อมูล ณ 28 พฤษภาคม 2568)  ดังนั้น การพัฒนา “แอปพลิเคชัน DepFund” จะเป็นอีกช่องทางเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการเข้าถึงบริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อันส่งผลให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงดูตนเองได้อย่างเท่าเทียมกับคนในสังคม



            “แอปพลิเคชัน DepFund ที่พัฒนาขึ้น จะช่วยบริหารจัดการการกู้ยืมเงินกองทุนฯ ผ่านระบบดิจิทัล อำนวยความสะดวกให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการในการยื่นกู้ยืมเงินกองทุนฯ ตรวจสอบผลการอนุมัติ ยอดคงเหลือ ประวัติการชำระเงิน ทั้งยังสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมผ่าน QR Code ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ สามารถเข้าถึงการบริการของภาครัฐได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android สามารถเข้าใช้งานผ่าน DIGITAL ID” นายโชคชัย กล่าว

            ทั้งนี้ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้บริการคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ ผ่อนชำระคืนภายในไม่เกิน 5 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย สำหรับการกู้ยืมเงินกองทุนฯ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. การกู้รายบุคคล รายละไม่เกิน 60,000 – 120,000 บาท และ 2. การกู้รายกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท สำหรับคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการที่สนใจกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนสำหรับประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ สามารถยื่นคำร้องได้ทาง https://efund.dep.go.th/

            อย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและบริการด้านต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนพิการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ มีความเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม พึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในสังคมต่อไป

4
กรมประชาสัมพันธ์โชว์ซอฟต์พาวเวอร์ผ่าน Playful Thainess
ดึงดูดต่างชาติในลอนดอนกว่า 70,000 คน


กรมประชาสัมพันธ์โชว์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ “Playful Thainess” ความสนุกแบบไทยไทยในระดับโลก ดึงดูดชาวต่างชาติกว่า 70,000 คนในงาน Thailand Showcase 2025 พร้อมเดินหน้าความร่วมมือ BBC และผลักดันโครงการ “Thainess Beyond Borders”


งาน Thailand Showcase 2025 ณ ลูอิส คิวบิตต์ สแควร์ กรุงลอนดอน ปิดฉากลงอย่างงดงาม ท่ามกลางความประทับใจของผู้เข้าร่วมกว่า 70,000 คนตลอด 3 วัน โดยกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะภาคีหลักของการจัดงาน ได้นำเสนอ “Playful Thainess – สนุกแบบไทยไทย” นิทรรศการอินเทอร์แอคทีฟที่นำซอฟต์   พาวเวอร์ของไทยมาถ่ายทอดในรูปแบบทันสมัย เข้าถึงง่าย และสร้างสรรค์


ภายในนิทรรศการ ผู้เข้าชมได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไทยผ่านกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทดลองเป็นผู้ประกาศข่าวในสตูดิโอจำลองของ NBT World, ร่วมเล่นเกม Home Sweet Home ที่นำตำนานและวัฒนธรรมไทยมาสร้างเป็นเกมสยองขวัญแนวอินเตอร์, ถ่ายภาพในชุดไทยด้วย AI Photo Booth และลงมือทำของที่ระลึกจากงานหัตถกรรมพื้นบ้านในกิจกรรม Thai Craft DIY ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ตรงและความประทับใจในอัตลักษณ์ไทยอย่างลึกซึ้ง


นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า นิทรรศการ “Playful Thainess” ถือเป็นการสื่อสารซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านภาษาที่โลกเข้าใจ โดยใช้นวัตกรรม วัฒนธรรม และนโยบายเป็นเครื่องมือเข้าถึงผู้คนทั่วโลกอย่างมีพลัง พร้อมสร้างภาพจำใหม่ของไทยในบริบทสร้างสรรค์ ทันสมัย และน่าเชื่อถือ


ในโอกาสเดียวกันนี้ กรมประชาสัมพันธ์ยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติ โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะผู้แทน กปส. ได้เข้าพบหารือกับ Mr. Jon Zilkha ผู้บริหารสูงสุดของ BBC News World Service และ Mr. Khalid Abdalla หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ BBC เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านเนื้อหาภาษาอังกฤษ ซึ่งรวมถึงการนำรายการข่าวของ BBC ไปเผยแพร่ทาง Radio Thailand World Service FM 88.0 MHz, การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกัน และการเชิญ BBC เข้าร่วมงาน Media Showcase ของสถาบันพัฒนากิจการวิทยุ - โทรทัศน์แห่งเอเชีย -แปซิฟิก (Asia-Pacific Institute for Broadcasting Development: AIBD)ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคมนี้ ณ จังหวัดภูเก็ต


อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ดำเนินควบคู่กัน คือการหารือเพื่อขับเคลื่อนโครงการ “Thainess Beyond Borders” เครือข่ายเยาวชนไทยในต่างประเทศ โดยร่วมกับสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหราชอาณาจักร (สนร.), สำนักงาน ก.พ. และสามัคคีสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ สนับสนุนให้นักเรียนไทยในต่างแดนร่วมสร้างสรรค์สื่อที่สะท้อนมุมมองต่อความเป็นไทยในมิติใหม่ โดยเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร และเตรียมขยายไปยังสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เยอรมนี และ ฝรั่งเศส


ภารกิจของกรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้สะท้อนบทบาทเชิงรุกของประเทศไทยในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ผ่านสื่อสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้เชิงบวกต่อประเทศไทยในระดับโลกอย่างยั่งยืน พร้อมปูทางสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประเทศในอนาคต






5
สจล. จัดวิ่งเทรลครั้งแรก “KMITL DANCHANG Trail 2025”
เปิดประสบการณ์วิ่งท่ามกลางธรรมชาติที่สุพรรณบุรี


            สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดงานวิ่งเทรลครั้งแรกและครั้งสำคัญ “KMITL DANCHANG Trail 2025” ที่ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ขอเชิญชวนผู้สนใจมาสัมผัสประสบการณ์การวิ่งที่แตกต่างท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสวยงาม ซึ่งเป็นสถานที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ และสัมผัสทัศนียภาพที่สวยงามตลอดเส้นทางการวิ่ง

            รวมพลคนรักการวิ่งมาเป็น "ครอบครัวเดียวกัน" ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ที่อยากลองสัมผัสเส้นทางธรรมชาติ หรือนักวิ่งมืออาชีพที่ต้องการท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ที่นี่ทุกคนจะได้ร่วมวิ่งไปพร้อมกับ รอยยิ้ม ความอบอุ่น และกำลังใจ ตลอดเส้นทาง มาร่วมสร้างความทรงจำดีๆ และแบ่งปันความสุขไปด้วยกัน เพราะเราเชื่อว่าการวิ่งที่ดีที่สุดคือการวิ่งด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

            โดยจัดวิ่งระหว่างวันที่ 5 - 6 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเปิดรับสมัครแล้ว ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ราคาบัตร Early Bird พิเศษสำหรับผู้สมัครตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2568 (รีบสมัครก่อนหมดเขต!) หรือลงทะเบียนและดูรายละเอียดเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ : https://trail.kmitl.ac.th/ และ https://www.facebook.com/kmitldanchangtrail

            ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์: https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000

6
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ ปภ. จัดอบรมหลักสูตร
"การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)"

แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับมาตรฐานสากล ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท




วันนี้ (วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย  นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก เป็นประธานมอบใบวุฒิบัตรให้แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัย ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue) หรือ “USAR" เป็นโครงการฝึกอบรมที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน  - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อฝึกทักษะ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทบทวนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและกู้ภัยฯ ตามหลักมาตรฐานสากล  พร้อมทบทวนข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ การพิจารณาสาเหตุรอยร้าว การตรวจสอบอาคารวิบัติ การเข้าแก้ไขเบื้องต้น ฯลฯ โดยแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้วิธีลดการพังทลายของโครงสร้างอาคาร การกำหนดสัญลักษณ์การค้นหา ฯลฯ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภารกิจของสุนัขกู้ภัย (K9) โดยมี นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญฯ ร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรม พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวณัฐกานต์ ขำคม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม และนางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท







สำหรับการพัฒนาบุคลากรด้านบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในระดับมาตรฐานสากล จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ [MOU] ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการ เพื่อการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และ/หรืออาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาเข้าโครงการอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566  และได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา




ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาบุคลากรควบคู่กับพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
















7
‘ผู้ว่าฯ สุรินทร์’ เปิด ‘Chumphonburi EXPO 2025’ 
รวมของเด็ดของดีทั้งสินค้าและคอนเสิร์ตม่วนคักๆ





               ตื่นตาตื่นใจกับงานที่รวมสุดยอดของดีใน “Chumphonburi EXPO 2025” เปิดโลกใหม่ของอำเภอชุมพลบุรี กับความมหัศจรรย์ของ “วิถีชีวิต–ภูมิปัญญา–วัฒนธรรมพื้นถิ่น” ที่พาคุณตื่นตาไปกับข้าวหอมอินทรีย์ ผ้าไหมลายล้ำ และปลาไหลเศรษฐกิจแห่งอนาคต !! พบบูธ ชม ช้อป ชิม สินค้าโอท็อปของดีของชาวอำเภอชุมพลบุรีกว่า 50 ร้านค้า การแสดงวัฒนธรรมจากลูกหลาน ร.ร.ชุมพลบุรีวิทยาสรรค์ สุดประทับใจ การแข่งขันกินไวสุดม่วนของพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่ ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตม่วนคักม่วนหลายทั้ง 2 คืนจาก “คะแนน นัจนันท์” และ “วงชายเล็ก” งานเดียวที่ห้ามพลาด !! เพราะนี่คือ “ความเป็นไทยในแบบฉบับชุมพลบุรี” ที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง !! ณ ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์



    
               นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายพรเทพ พูลศรีธนากูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ เขต 4, นายพงศ์พสิน ดวงเกต รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์, นายสมชาย จันทร์อินทร์ นายอำเภอชุมพลบุรี และ นายอธิวัฒน์ พัชรปรีชาพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ พินพอยท์ มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ จำกัด ร่วมพิธีเปิดงาน งาน Chumphonburi EXPO 2025 เปิดโลกชุมพลบุรี - วิถีแห่งข้าว - ผ้าไหม และปลาไหลดี ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

               โครงการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และภาคอีสานของประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในท้องถิ่นจากการจัดพื้นที่เปิดบูธสินค้าโอท็อปของชุมชน และประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวอำเภอชุมพลบุรีให้เป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ยังเป็นการเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอีสานใต้ ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งเพื่อให้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถที่จะผลักดันให้เป็น “ซอฟเพาเวอร์” หนึ่งของประเทศไทยไปยังนานาประเทศได้




               งาน Chumphonburi EXPO 2025 เปิดโลกชุมพลบุรี - วิถีแห่งข้าว - ผ้าไหม และปลาไหลดี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยภายในงานมีการเปิดบูธชม ช้อป ชิม สินค้าโอท็อปของดีของอำเภอชุมพลบุรีกว่า 50 ร้านค้า การแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น “เรือมตะแบง” การจัดกิจกรรมเล่มเกมมอบรางวัลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การแข่งขันกินไว การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน #Invalid YouTube Link#และ “วงชายเล็ก”

               สำหรับงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดย จังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อำเภอชุมพลบุรี และ บริษัท เดอะ พินพอยท์ มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ จำกัด




               อำเภอชุมพลบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุดมไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ที่นี่คือดินแดนแห่งความหลากหลายที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้านพื้นถิ่นกับวิถีอีสานอย่างกลมกลืน และยังเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ยังมีอัตลักษณ์ด้านหัตถกรรม โดยเฉพาะ ผ้าไหมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ เช่น ปลาไหลย่าง ขนมพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกมากมาย

               “ในนามของจังหวัดสุรินทร์ ผมขอชื่นชมและขอบคุณผู้จัดงานทุกท่านที่ได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อมั่นว่าโครงการครั้งนี้จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชาวชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์และทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างสูง” นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าว











[



8
รถโบราณร่วมขบวน Love Pride Parade 2025


             สมาคมรถโบราณฯ ส่งรถโบราณนับสิบคัน สร้างสีสันในงาน “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025”


             เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จากัด และบริษัทในเครือ ในนามตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้จัดงาน “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลระดับโลก “WORLD PRIDE 2025”


             งานนี้ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ได้จัดรถโบราณ และรถคลาสสิคเข้าร่วมขบวนพาเหรด นำโดย MG TB ปี 1939, Chevrolet EI Camino ปี 1959, Ford Mustang ปี1965, Ford Mustang ปี1967, Volkswagen Karmann Ghia ปี1964, Volkswagen Karmann Ghia K1 Convertible ปี 1963, Mercedes-Benz E220 Cabriolet ปี 1996, Mercedes-Benz W107 SL ปี 1971 และ Fiat 500 ปี 1965


             ขบวนพาเหรด เริ่มต้นจากกสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย ไปตามถนนพระราม 1 ผ่านย่านปทุมวัน สยาม ราชประสงค์ สุขุมวิท ไปยังศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร นับเป็นขบวนพาเหรดการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride ที่มีความยาวมากที่สุดในเอเชีย ตลอดเส้นทางมีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง


             รถโบราณในขบวนพาเหรด “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025” ถือเป็นเอกลักษณ์ของ “WORLD PRIDE MONTH” เทศกาลระดับโลก


             ผู้สนใจสามารถติดตามภาพความประทับใจของขบวนพาเหรดครั้งนี้ เพิ่มเติมได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub






9
“โจว เหวินฟะ - กง ลี่ - เจย์ โชว” ประชันบทบาทในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง”ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอชวนผู้ชมร่วมดื่มด่ำกับภาพยนตร์จีนแนวดราม่าประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง” (Curse of the Golden Flower) ผลงานของผู้กำกับระดับตำนาน จาง อี้โหมว พร้อมทีมนักแสดงคุณภาพอย่าง โจว เหวินฟะ, กง ลี่ และ เจย์ โชว ถ่ายทอดศึกสายเลือดในราชสำนักที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์และเล่ห์เหลี่ยม ท่ามกลางฉากสุดอลังการและบทเข้มข้นที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย พร้อมเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก








             ในราชสำนักจีนยุคโบราณ “จักรพรรดิ” (โจว เหวินฟะ) เริ่มระแวงในพฤติกรรมของ “จักรพรรดินี” (กง ลี่) ที่ดูเหมือนจะปิดบังความลับบางอย่าง ขณะเดียวกัน “เจ้าชายหยวนเจี๋ย” (เจย์ โชว) ก็เริ่มเปิดโปงเบื้องหลังความหรูหราของวังทองที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล เมื่อความรักกลายเป็นความแค้น ความภักดีถูกหักหลัง และอำนาจกลายเป็นเดิมพัน ศึกสายเลือดจึงปะทุขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง พร้อมแผนโค่นบัลลังก์ที่ไม่มีใครคาดคิด ภาพยนตร์ดราม่าฟอร์มยักษ์ที่ถ่ายทอดความขัดแย้งในราชวงศ์ ผ่านฉากอลังการและบทเข้มข้น ที่จะสะกดทุกสายตา ติดตามชม “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง” วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ เวลา 14.55 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ www.true4u.com/live

10
“ไมโครไฟเบอร์” จับมือ “วีว่า บอร์ด” ประกาศความร่วมมือระบบผนังและหลังคาทางเลือก สนองนโยบาย Net Zero ของประเทศ


             นางสาวศิรินทรา จิตตราวงศ์ (ที่สองจากขวา) CEO บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด ร่วมกับ นายวิชญ บูรณพันธ์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิบูลย์วัฒนอุตสาหกรรม จำกัด ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) เพื่อร่วมกันวิจัยพัฒนาระบบการก่อสร้างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ผลักดันนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างประสิทธิภาพสูง ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการประหยัดพลังงาน การออกแบบอาคารอย่างยั่งยืน และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในระยะยาว โดยมี นายนิเวศน์ วะสีนนท์ (ที่สองจากซ้าย) บริษัท อาคิเตคส์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด และ นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ (ขวา) Chief Strategy Officer บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด ร่วมเสวนาในงาน ณ Glowfish สาทร เมื่อเร็ว ๆ นี้

11
โรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี
มอบเงินสนับสนุนเพื่อสร้างศูนย์รังสีรักษาครบวงจร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต


             ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล (คนที่ 2 จากซ้าย) เจ้าของธุรกิจเครือโรงแรมเคป แอนด์ แคนทารี พร้อมด้วย มร. วอยเทค คลาสซิกี้ (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต มอบเงินสนับสนุนเพื่อสร้างศูนย์รังสีรักษาครบวงจร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ศูนย์มะเร็งแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต โดยมี ระวิเพ็ญ กิ่งแก้ว (คนที่ 1 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต

12
สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง…เปลี่ยนชีวิตชุมชน…สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง

แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 - 10 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา 13 พ.ค. 2568) แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะได้ประโยชน์จากฝนที่ตกมากขึ้นโดยเฉพาะชุมชนบนพื้นที่สูง ที่บริบทพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลัก ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ชุมชนเหล่านี้มักเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งซ้ำซาก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศหรือสภาวะโลกเดือด


สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำให้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมไปถึงการฟื้นฟูดูแลรักษาป่ารอบๆ แหล่งน้ำ


ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรกว่า 24,000 ราย ในพื้นที่สูง 458 แห่งทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์โดยตรง เข้าถึงแหล่งน้ำที่พัฒนาแล้ว 930 แห่ง มีระบบกระจายน้ำ 412 กิโลเมตร ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงแค่มีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังสามารถเพิ่มรายได้กว่า 447 ล้านบาท ในปี 2567 จากผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผัก ไม้ผล หรือกาแฟคุณภาพสูง


การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยให้เกษตรกรปรับตัวสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยแล้งและรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันเกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่มูลค่าสูง โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกหรือบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด ผลที่ตามมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟูกลับคืนกว่า 526,000 ไร่ จากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลและไม้เศรษฐกิจที่หลากหลายถึง 58 ชนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการจัดการของชุมชนในพื้นที่


การจัดการแหล่งน้ำยังมีส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จากการติดตามจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง (ม.ค. - พ.ค. 2568) พบว่า จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลงถึง 57.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมากกว่า 68% ของกลุ่มบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


ในปีงบประมาณ 2568 สวพส. ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโดยขยายโครงการไปยัง 49 ชุมชน ครอบคลุมอีก 127 แห่ง พร้อมระบบกระจายน้ำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลเมตร มีผู้ได้รับประโยชน์เพิ่มอีก 460 ราย ครอบคลุมพื้นที่เกษตรรวมกว่า 5,120 ไร่ และการดูแลป่าต้นน้ำอีก 13,000 ไร่


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ใช่แค่การรับมือภัยแล้ง แต่คือการสร้างโอกาสให้ชุมชนมีน้ำใช้ มีอาหาร มีรายได้ และมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เป้าหมายของเราคือแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝน ทั้งเพื่อการดำรงชีวิตและการเกษตร เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอ ก็สามารถพัฒนาระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและทุกภาคส่วน เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากชุมชน






13
Sun & Save แพ็กเกจ
สัมผัสความหรูหราและธรรมชาติในอ่าวพังงา
ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย


             โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย จุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมริมทะเลที่งดงามที่สุดของไทย โดยได้รับการรับรองจาก Small Luxury Hotels of the World ด้วยทัศนียภาพของอ่าวพังงาที่สวยตราตรึง รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนและเกาะน้อยใหญ่ที่งดงามราวกับภาพวาด ทะเลสีฟ้าเขียวสดใสเหมือนกับอัญมณีแห่งท้องทะเลอันดามัน ที่ยังคงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและพืชพรรณในท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผสมผสานความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชาวเกาะเข้ากับความหรูหราในการพักผ่อนระดับโรงแรม 5 ดาว ซึ่งการออกแบบของโรงแรมเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้โทนสีเทอร์ควอยซ์เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเติมเต็มประสบการณ์การพักผ่อนได้อย่างลงตัว


             โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย  ขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ พร้อมเพลิดเพลินผ่อนคลายกับที่พักสุดหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วย แพ็กเกจ “ซันแอนด์เซฟ” (Sun & Save) เพียงแค่จองห้องพัก 2 คืนขึ้นไปผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2568 ในราคาเริ่มต้น 4,320 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับห้องดีลักซ์ และ 5,535 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับดีลักซ์ ซีวิว








สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076-592-600 หรือ จองผ่านเว็บไซต์ : https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=567&onlineId=4&pid=MDc1OTkyNg%3D%3D

รายละเอียดโปรโมชั่น
•   อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน
•   การจองเป็นแบบชำระเงินล่วงหน้าและไม่สามารถขอเงินคืนได้
•   อภินันทนาการเครื่องดื่มต้อนรับ
•   อภินันทนาการเครดิตรีสอร์ต 500 บาท ต่อคืน
•   อภินันทนาการผลไม้ตามฤดูกาลในห้องพักเมื่อเดินทางมาถึง
•   อภินันทนาการทริป Kudu Wanderer เมื่อเข้าพัก 2 คืนขึ้นไป
•   เช็คอินก่อนเวลา 10:00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
•   เช็คเอาท์ล่วงเวลาได้จนถึง 14.00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
•   อภินันทนาการอุปกรณ์กีฬาทางน้ำแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
•   รับส่วนลด 15% ที่ เคปสปา
•   ฟรีอินเทอร์เน็ต
•   โรงแรมฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ข้อกำหนด และเงื่อนไข โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ

####################
Hashtags: #capeandkantary #capekudu #vacation #phangnga #sunandsave #kohyaonoi
####################

14
“ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์” ได้ 6 แชมป์คะแนนสะสมสู่เวทีระดับนานาชาติ


30 มิถุนายน 2568 - การแข่งขันกอล์ฟโรงเรียนนานาชาติรายการ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ฤดูกาล 2024/25 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี โดยได้ 6 นักกอล์ฟเยาวชนชาย-หญิงจาก 4 โรงเรียนนานาชาติครองตำแหน่งผู้ชนะในตารางคะแนนสะสมออร์เดอร์ออฟเมอริตจากการชิงชัยรวมทั้งสิ้น 18 รายการ


ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ หรือ ไอเอสจีที โดยการสนับสนุนจากฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ (Foresight Sports)  มอบโอกาสพิเศษให้กับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติได้สัมผัสประสบการณ์แข่งขัน ณ สนามกอล์ฟชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ สนามโรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ, สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ, สนามไทยคันทรี คลับ และสนามชีจรรย์ กอล์ฟ รีสอร์ท โดยมีทีมงานจัดการแข่งขันที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้บรรดานักกอล์ฟเยาวชนที่ร่วมแข่งขันรายการของไอเอสจีที ได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะเกมกอล์ฟในมาตรฐานระดับอาชีพ รวมถึงการเปิดตัว ไอเอสจีที ดีเวลล็อปเมนท์ ทัวร์ เพื่อเป็นเวทีการแข่งขันสู่เส้นทางการเล่นในรายการระดับนานาชาติ


รายการนี้มีนักกอล์ฟนักเรียนกว่า 400 คน ลงแข่งขันรวมกันกว่า 2,000 รอบตลอดทั้งฤดูกาล โดยรอบชิงชนะเลิศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างน่าประทับใจ และได้แชมป์คะแนนสะสมออร์เดอร์ ออฟ เมอริต ชายและหญิงจากรุ่นต่างๆ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย  ประเภทหญิง ได้แก่ ภทรณิฎาร์ พลมณี จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ณัทชารีย์ คุณปสุต จากโรงเรียนโชรส์เบอรี,  กฤษณ์พรรณรจน์ กฤตมโนรถ จากโรงเรียนนานาชาติคริสเตียนกรุงเทพ และ ชาภา จบหิมเวศน์ จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน ส่วนประเภทชาย ได้แก่ นาตะ วาตานาเบะ จากดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก, อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ซง ฮยอนแจ จากรักบี้ สคูล ไทยแลนด์ และยูปั๋ว เฉิน จากโรงเรียนโชรส์เบอรี ซึ่งทั้งหมดจะได้รับสิทธิเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการระดับนานาชาติต่อไป


สำหรับกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ (ไอเอสจีที) ก่อตั้งในปี 2018 โดยมีเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนนักเรียนในการเล่นกอล์ฟ ซึ่งคะแนนการแข่งขันทุกรายการของไอเอสจีทีจะถูกบันทึกในตารางคะแนนของ จูเนียร์ กอล์ฟ สกอร์บอร์ด ช่วยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และจนถึงปัจจุบันมีนักกอล์ฟจากไอเอสจีทีกว่า 60 คนได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนที่วิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา


คริส วัตสัน กรรมการผู้จัดการบริษัทโฟร์ เมเนจเมนท์ กรุ๊ป เผยว่า “เราขอขอบคุณอย่างสูงที่ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ให้การสนับสนุนในฐานะผู้สนับสนุนหลักเป็นปีที่สองติดต่อกัน ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของการแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและความมุ่งมั่นในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนอย่างมืออาชีพ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและวิสัยทัศน์ในการพัฒนานักกอล์ฟรุ่นใหม่ ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ได้ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การแข่งขันระดับโลกให้แก่นักกอล์ฟเยาวชนทั่วประเทศไทยและภูมิภาคโดยรอบ”


ทางด้าน เชน ไวล์ดิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกอล์ฟ เทคโนโลยี เอเชีย กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนในประเทศไทย ด้วยการมอบโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยผ่านโครงการ UpNext ของเรา ซึ่งในอดีตเคยมีไว้สำหรับนักกอล์ฟอาชีพเท่านั้น ทั้งนี้เยาวชนสามารถใช้เครื่องวิเคราะห์วงสวิงและเครื่องมือประเมินสมรรถนะเดียวกับที่นักกอล์ฟระดับทัวร์ไว้วางใจ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจเกมของตนเอง ฝึกฝนทักษะ และเติบโตอย่างมั่นใจ ทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งที่เรายึดมั่น นั่นคือการเสริมพลังให้คนรุ่นใหม่ผ่านนวัตกรรม การศึกษา และประสบการณ์การแข่งขันที่มีความหมาย”


ทั้งนี้การแข่งขัน ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ในแต่ละฤดูกาลมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น นักกอล์ฟได้พัฒนาทักษะทางเทคนิค ยุทธศาสตร์ในการเล่น และยังได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากการลงแข่งขันภายใต้ความกดดัน ทั้งในรูปแบบบุคคลและทีม โดยการเป็นตัวแทนของโรงเรียน นักกีฬาได้สร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน และเรียนรู้คุณค่าของความพากเพียร ความมีวินัย และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะติดตัวไปทั้งในและนอกสนาม

ความสำเร็จของการแข่งขันกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก Lotus Cars Thailand, Foresight Sports, Allied Pickfords, Singha, Supersport, GFore, Fenix, GolfPride, Bevchain, Harper Golf และ Cross Hotel ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้การแข่งขันเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งด้านการแข่งขันและผู้สนับสนุน ยกระดับประสบการณ์ในทัวร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกอล์ฟรุ่นใหม่

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

Fore Management Group
email:
juniorevents@foremanagement.com

15
ยัวซ่าแบตเตอรี่ร่วมฉลองเปิดสาขาใหม่ บี-ควิก กาญจนาภิเษก-เวสต์เกต


             คุณพัณณ์ชิตา ชีวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกลุ่มงานขาย บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์คุณภาพมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ของ บี-ควิก สาขากาญจนาภิเษก-เวสต์เกต (ติดเซ็นทรัล เวสต์เกต) โดยมีคุณเฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา






             โดยภายในงานมีการจัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย อาทิ ยางรถยนต์ ซื้อ 1 แถม 1 (จำกัด 50 คันต่อวัน) และที่พลาดไม่ได้คือ แบตเตอรี่ยัวซ่าลด 50% (จำกัด 20 คันต่อวัน) ซึ่งนับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าที่มองหาแบตเตอรี่คุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า ซึ่งยัวซ่าแบตเตอรี่ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบตเตอรี่แบรนด์เดียว ที่ได้รับเลือกให้จำหน่ายและให้บริการแก่ลูกค้าบี-ควิกทุกสาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง แบตเตอรี่ “YUASA” คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น สอบถามข้อมูลสินค้าและร้านตัวแทนจำหน่าย โทร 09-9331-3337 หรือ 02-769-7300 ต่อ 7315 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8:30-17:00 น.

Pages: [1] 2 3 ... 2511