Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2513
31
‘ผู้ว่าฯ สุรินทร์’ เปิด ‘Chumphonburi EXPO 2025’ 
รวมของเด็ดของดีทั้งสินค้าและคอนเสิร์ตม่วนคักๆ





               ตื่นตาตื่นใจกับงานที่รวมสุดยอดของดีใน “Chumphonburi EXPO 2025” เปิดโลกใหม่ของอำเภอชุมพลบุรี กับความมหัศจรรย์ของ “วิถีชีวิต–ภูมิปัญญา–วัฒนธรรมพื้นถิ่น” ที่พาคุณตื่นตาไปกับข้าวหอมอินทรีย์ ผ้าไหมลายล้ำ และปลาไหลเศรษฐกิจแห่งอนาคต !! พบบูธ ชม ช้อป ชิม สินค้าโอท็อปของดีของชาวอำเภอชุมพลบุรีกว่า 50 ร้านค้า การแสดงวัฒนธรรมจากลูกหลาน ร.ร.ชุมพลบุรีวิทยาสรรค์ สุดประทับใจ การแข่งขันกินไวสุดม่วนของพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่ ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตม่วนคักม่วนหลายทั้ง 2 คืนจาก “คะแนน นัจนันท์” และ “วงชายเล็ก” งานเดียวที่ห้ามพลาด !! เพราะนี่คือ “ความเป็นไทยในแบบฉบับชุมพลบุรี” ที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง !! ณ ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์



    
               นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายพรเทพ พูลศรีธนากูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ เขต 4, นายพงศ์พสิน ดวงเกต รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์, นายสมชาย จันทร์อินทร์ นายอำเภอชุมพลบุรี และ นายอธิวัฒน์ พัชรปรีชาพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ พินพอยท์ มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ จำกัด ร่วมพิธีเปิดงาน งาน Chumphonburi EXPO 2025 เปิดโลกชุมพลบุรี - วิถีแห่งข้าว - ผ้าไหม และปลาไหลดี ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

               โครงการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และภาคอีสานของประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในท้องถิ่นจากการจัดพื้นที่เปิดบูธสินค้าโอท็อปของชุมชน และประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวอำเภอชุมพลบุรีให้เป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ยังเป็นการเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอีสานใต้ ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งเพื่อให้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถที่จะผลักดันให้เป็น “ซอฟเพาเวอร์” หนึ่งของประเทศไทยไปยังนานาประเทศได้




               งาน Chumphonburi EXPO 2025 เปิดโลกชุมพลบุรี - วิถีแห่งข้าว - ผ้าไหม และปลาไหลดี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยภายในงานมีการเปิดบูธชม ช้อป ชิม สินค้าโอท็อปของดีของอำเภอชุมพลบุรีกว่า 50 ร้านค้า การแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น “เรือมตะแบง” การจัดกิจกรรมเล่มเกมมอบรางวัลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การแข่งขันกินไว การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน #Invalid YouTube Link#และ “วงชายเล็ก”

               สำหรับงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดย จังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อำเภอชุมพลบุรี และ บริษัท เดอะ พินพอยท์ มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่ จำกัด




               อำเภอชุมพลบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุดมไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ที่นี่คือดินแดนแห่งความหลากหลายที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้านพื้นถิ่นกับวิถีอีสานอย่างกลมกลืน และยังเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ยังมีอัตลักษณ์ด้านหัตถกรรม โดยเฉพาะ ผ้าไหมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ เช่น ปลาไหลย่าง ขนมพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกมากมาย

               “ในนามของจังหวัดสุรินทร์ ผมขอชื่นชมและขอบคุณผู้จัดงานทุกท่านที่ได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อมั่นว่าโครงการครั้งนี้จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชาวชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์และทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างสูง” นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าว











[



32
รถโบราณร่วมขบวน Love Pride Parade 2025


             สมาคมรถโบราณฯ ส่งรถโบราณนับสิบคัน สร้างสีสันในงาน “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025”


             เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จากัด และบริษัทในเครือ ในนามตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้จัดงาน “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลระดับโลก “WORLD PRIDE 2025”


             งานนี้ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ได้จัดรถโบราณ และรถคลาสสิคเข้าร่วมขบวนพาเหรด นำโดย MG TB ปี 1939, Chevrolet EI Camino ปี 1959, Ford Mustang ปี1965, Ford Mustang ปี1967, Volkswagen Karmann Ghia ปี1964, Volkswagen Karmann Ghia K1 Convertible ปี 1963, Mercedes-Benz E220 Cabriolet ปี 1996, Mercedes-Benz W107 SL ปี 1971 และ Fiat 500 ปี 1965


             ขบวนพาเหรด เริ่มต้นจากกสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย ไปตามถนนพระราม 1 ผ่านย่านปทุมวัน สยาม ราชประสงค์ สุขุมวิท ไปยังศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร นับเป็นขบวนพาเหรดการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride ที่มีความยาวมากที่สุดในเอเชีย ตลอดเส้นทางมีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง


             รถโบราณในขบวนพาเหรด “LOVE PRIDE ♡ PARADE, BANGKOK 2025” ถือเป็นเอกลักษณ์ของ “WORLD PRIDE MONTH” เทศกาลระดับโลก


             ผู้สนใจสามารถติดตามภาพความประทับใจของขบวนพาเหรดครั้งนี้ เพิ่มเติมได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub






33
“โจว เหวินฟะ - กง ลี่ - เจย์ โชว” ประชันบทบาทในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง”ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอชวนผู้ชมร่วมดื่มด่ำกับภาพยนตร์จีนแนวดราม่าประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง” (Curse of the Golden Flower) ผลงานของผู้กำกับระดับตำนาน จาง อี้โหมว พร้อมทีมนักแสดงคุณภาพอย่าง โจว เหวินฟะ, กง ลี่ และ เจย์ โชว ถ่ายทอดศึกสายเลือดในราชสำนักที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์และเล่ห์เหลี่ยม ท่ามกลางฉากสุดอลังการและบทเข้มข้นที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย พร้อมเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก








             ในราชสำนักจีนยุคโบราณ “จักรพรรดิ” (โจว เหวินฟะ) เริ่มระแวงในพฤติกรรมของ “จักรพรรดินี” (กง ลี่) ที่ดูเหมือนจะปิดบังความลับบางอย่าง ขณะเดียวกัน “เจ้าชายหยวนเจี๋ย” (เจย์ โชว) ก็เริ่มเปิดโปงเบื้องหลังความหรูหราของวังทองที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล เมื่อความรักกลายเป็นความแค้น ความภักดีถูกหักหลัง และอำนาจกลายเป็นเดิมพัน ศึกสายเลือดจึงปะทุขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง พร้อมแผนโค่นบัลลังก์ที่ไม่มีใครคาดคิด ภาพยนตร์ดราม่าฟอร์มยักษ์ที่ถ่ายทอดความขัดแย้งในราชวงศ์ ผ่านฉากอลังการและบทเข้มข้น ที่จะสะกดทุกสายตา ติดตามชม “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง” วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ เวลา 14.55 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ www.true4u.com/live

34
“ไมโครไฟเบอร์” จับมือ “วีว่า บอร์ด” ประกาศความร่วมมือระบบผนังและหลังคาทางเลือก สนองนโยบาย Net Zero ของประเทศ


             นางสาวศิรินทรา จิตตราวงศ์ (ที่สองจากขวา) CEO บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด ร่วมกับ นายวิชญ บูรณพันธ์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิบูลย์วัฒนอุตสาหกรรม จำกัด ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) เพื่อร่วมกันวิจัยพัฒนาระบบการก่อสร้างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ผลักดันนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างประสิทธิภาพสูง ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการประหยัดพลังงาน การออกแบบอาคารอย่างยั่งยืน และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในระยะยาว โดยมี นายนิเวศน์ วะสีนนท์ (ที่สองจากซ้าย) บริษัท อาคิเตคส์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด และ นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ (ขวา) Chief Strategy Officer บริษัท ไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรม จำกัด ร่วมเสวนาในงาน ณ Glowfish สาทร เมื่อเร็ว ๆ นี้

35
โรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี
มอบเงินสนับสนุนเพื่อสร้างศูนย์รังสีรักษาครบวงจร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต


             ธีรวัลคุ์ เตชะอุบล (คนที่ 2 จากซ้าย) เจ้าของธุรกิจเครือโรงแรมเคป แอนด์ แคนทารี พร้อมด้วย มร. วอยเทค คลาสซิกี้ (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต มอบเงินสนับสนุนเพื่อสร้างศูนย์รังสีรักษาครบวงจร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ศูนย์มะเร็งแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต โดยมี ระวิเพ็ญ กิ่งแก้ว (คนที่ 1 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต

36
สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง…เปลี่ยนชีวิตชุมชน…สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง

แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 - 10 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา 13 พ.ค. 2568) แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะได้ประโยชน์จากฝนที่ตกมากขึ้นโดยเฉพาะชุมชนบนพื้นที่สูง ที่บริบทพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลัก ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ชุมชนเหล่านี้มักเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งซ้ำซาก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศหรือสภาวะโลกเดือด


สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำให้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมไปถึงการฟื้นฟูดูแลรักษาป่ารอบๆ แหล่งน้ำ


ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรกว่า 24,000 ราย ในพื้นที่สูง 458 แห่งทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์โดยตรง เข้าถึงแหล่งน้ำที่พัฒนาแล้ว 930 แห่ง มีระบบกระจายน้ำ 412 กิโลเมตร ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงแค่มีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังสามารถเพิ่มรายได้กว่า 447 ล้านบาท ในปี 2567 จากผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผัก ไม้ผล หรือกาแฟคุณภาพสูง


การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยให้เกษตรกรปรับตัวสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยแล้งและรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันเกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่มูลค่าสูง โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกหรือบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด ผลที่ตามมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟูกลับคืนกว่า 526,000 ไร่ จากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลและไม้เศรษฐกิจที่หลากหลายถึง 58 ชนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการจัดการของชุมชนในพื้นที่


การจัดการแหล่งน้ำยังมีส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จากการติดตามจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง (ม.ค. - พ.ค. 2568) พบว่า จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลงถึง 57.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมากกว่า 68% ของกลุ่มบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


ในปีงบประมาณ 2568 สวพส. ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโดยขยายโครงการไปยัง 49 ชุมชน ครอบคลุมอีก 127 แห่ง พร้อมระบบกระจายน้ำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลเมตร มีผู้ได้รับประโยชน์เพิ่มอีก 460 ราย ครอบคลุมพื้นที่เกษตรรวมกว่า 5,120 ไร่ และการดูแลป่าต้นน้ำอีก 13,000 ไร่


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ใช่แค่การรับมือภัยแล้ง แต่คือการสร้างโอกาสให้ชุมชนมีน้ำใช้ มีอาหาร มีรายได้ และมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เป้าหมายของเราคือแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝน ทั้งเพื่อการดำรงชีวิตและการเกษตร เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอ ก็สามารถพัฒนาระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและทุกภาคส่วน เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากชุมชน






37
Sun & Save แพ็กเกจ
สัมผัสความหรูหราและธรรมชาติในอ่าวพังงา
ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย


             โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย จุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมริมทะเลที่งดงามที่สุดของไทย โดยได้รับการรับรองจาก Small Luxury Hotels of the World ด้วยทัศนียภาพของอ่าวพังงาที่สวยตราตรึง รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนและเกาะน้อยใหญ่ที่งดงามราวกับภาพวาด ทะเลสีฟ้าเขียวสดใสเหมือนกับอัญมณีแห่งท้องทะเลอันดามัน ที่ยังคงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและพืชพรรณในท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผสมผสานความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชาวเกาะเข้ากับความหรูหราในการพักผ่อนระดับโรงแรม 5 ดาว ซึ่งการออกแบบของโรงแรมเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้โทนสีเทอร์ควอยซ์เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเติมเต็มประสบการณ์การพักผ่อนได้อย่างลงตัว


             โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย  ขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ พร้อมเพลิดเพลินผ่อนคลายกับที่พักสุดหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วย แพ็กเกจ “ซันแอนด์เซฟ” (Sun & Save) เพียงแค่จองห้องพัก 2 คืนขึ้นไปผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2568 ในราคาเริ่มต้น 4,320 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับห้องดีลักซ์ และ 5,535 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับดีลักซ์ ซีวิว








สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076-592-600 หรือ จองผ่านเว็บไซต์ : https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=567&onlineId=4&pid=MDc1OTkyNg%3D%3D

รายละเอียดโปรโมชั่น
•   อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน
•   การจองเป็นแบบชำระเงินล่วงหน้าและไม่สามารถขอเงินคืนได้
•   อภินันทนาการเครื่องดื่มต้อนรับ
•   อภินันทนาการเครดิตรีสอร์ต 500 บาท ต่อคืน
•   อภินันทนาการผลไม้ตามฤดูกาลในห้องพักเมื่อเดินทางมาถึง
•   อภินันทนาการทริป Kudu Wanderer เมื่อเข้าพัก 2 คืนขึ้นไป
•   เช็คอินก่อนเวลา 10:00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
•   เช็คเอาท์ล่วงเวลาได้จนถึง 14.00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
•   อภินันทนาการอุปกรณ์กีฬาทางน้ำแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
•   รับส่วนลด 15% ที่ เคปสปา
•   ฟรีอินเทอร์เน็ต
•   โรงแรมฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ข้อกำหนด และเงื่อนไข โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ

####################
Hashtags: #capeandkantary #capekudu #vacation #phangnga #sunandsave #kohyaonoi
####################

38
“ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์” ได้ 6 แชมป์คะแนนสะสมสู่เวทีระดับนานาชาติ


30 มิถุนายน 2568 - การแข่งขันกอล์ฟโรงเรียนนานาชาติรายการ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ฤดูกาล 2024/25 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี โดยได้ 6 นักกอล์ฟเยาวชนชาย-หญิงจาก 4 โรงเรียนนานาชาติครองตำแหน่งผู้ชนะในตารางคะแนนสะสมออร์เดอร์ออฟเมอริตจากการชิงชัยรวมทั้งสิ้น 18 รายการ


ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ หรือ ไอเอสจีที โดยการสนับสนุนจากฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ (Foresight Sports)  มอบโอกาสพิเศษให้กับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติได้สัมผัสประสบการณ์แข่งขัน ณ สนามกอล์ฟชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ สนามโรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ, สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ, สนามไทยคันทรี คลับ และสนามชีจรรย์ กอล์ฟ รีสอร์ท โดยมีทีมงานจัดการแข่งขันที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้บรรดานักกอล์ฟเยาวชนที่ร่วมแข่งขันรายการของไอเอสจีที ได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะเกมกอล์ฟในมาตรฐานระดับอาชีพ รวมถึงการเปิดตัว ไอเอสจีที ดีเวลล็อปเมนท์ ทัวร์ เพื่อเป็นเวทีการแข่งขันสู่เส้นทางการเล่นในรายการระดับนานาชาติ


รายการนี้มีนักกอล์ฟนักเรียนกว่า 400 คน ลงแข่งขันรวมกันกว่า 2,000 รอบตลอดทั้งฤดูกาล โดยรอบชิงชนะเลิศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างน่าประทับใจ และได้แชมป์คะแนนสะสมออร์เดอร์ ออฟ เมอริต ชายและหญิงจากรุ่นต่างๆ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย  ประเภทหญิง ได้แก่ ภทรณิฎาร์ พลมณี จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ณัทชารีย์ คุณปสุต จากโรงเรียนโชรส์เบอรี,  กฤษณ์พรรณรจน์ กฤตมโนรถ จากโรงเรียนนานาชาติคริสเตียนกรุงเทพ และ ชาภา จบหิมเวศน์ จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน ส่วนประเภทชาย ได้แก่ นาตะ วาตานาเบะ จากดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก, อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ซง ฮยอนแจ จากรักบี้ สคูล ไทยแลนด์ และยูปั๋ว เฉิน จากโรงเรียนโชรส์เบอรี ซึ่งทั้งหมดจะได้รับสิทธิเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการระดับนานาชาติต่อไป


สำหรับกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ (ไอเอสจีที) ก่อตั้งในปี 2018 โดยมีเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนนักเรียนในการเล่นกอล์ฟ ซึ่งคะแนนการแข่งขันทุกรายการของไอเอสจีทีจะถูกบันทึกในตารางคะแนนของ จูเนียร์ กอล์ฟ สกอร์บอร์ด ช่วยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และจนถึงปัจจุบันมีนักกอล์ฟจากไอเอสจีทีกว่า 60 คนได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนที่วิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา


คริส วัตสัน กรรมการผู้จัดการบริษัทโฟร์ เมเนจเมนท์ กรุ๊ป เผยว่า “เราขอขอบคุณอย่างสูงที่ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ให้การสนับสนุนในฐานะผู้สนับสนุนหลักเป็นปีที่สองติดต่อกัน ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของการแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและความมุ่งมั่นในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนอย่างมืออาชีพ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและวิสัยทัศน์ในการพัฒนานักกอล์ฟรุ่นใหม่ ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ได้ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การแข่งขันระดับโลกให้แก่นักกอล์ฟเยาวชนทั่วประเทศไทยและภูมิภาคโดยรอบ”


ทางด้าน เชน ไวล์ดิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกอล์ฟ เทคโนโลยี เอเชีย กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนในประเทศไทย ด้วยการมอบโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยผ่านโครงการ UpNext ของเรา ซึ่งในอดีตเคยมีไว้สำหรับนักกอล์ฟอาชีพเท่านั้น ทั้งนี้เยาวชนสามารถใช้เครื่องวิเคราะห์วงสวิงและเครื่องมือประเมินสมรรถนะเดียวกับที่นักกอล์ฟระดับทัวร์ไว้วางใจ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจเกมของตนเอง ฝึกฝนทักษะ และเติบโตอย่างมั่นใจ ทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งที่เรายึดมั่น นั่นคือการเสริมพลังให้คนรุ่นใหม่ผ่านนวัตกรรม การศึกษา และประสบการณ์การแข่งขันที่มีความหมาย”


ทั้งนี้การแข่งขัน ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ในแต่ละฤดูกาลมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น นักกอล์ฟได้พัฒนาทักษะทางเทคนิค ยุทธศาสตร์ในการเล่น และยังได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากการลงแข่งขันภายใต้ความกดดัน ทั้งในรูปแบบบุคคลและทีม โดยการเป็นตัวแทนของโรงเรียน นักกีฬาได้สร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน และเรียนรู้คุณค่าของความพากเพียร ความมีวินัย และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะติดตัวไปทั้งในและนอกสนาม

ความสำเร็จของการแข่งขันกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก Lotus Cars Thailand, Foresight Sports, Allied Pickfords, Singha, Supersport, GFore, Fenix, GolfPride, Bevchain, Harper Golf และ Cross Hotel ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้การแข่งขันเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งด้านการแข่งขันและผู้สนับสนุน ยกระดับประสบการณ์ในทัวร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกอล์ฟรุ่นใหม่

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

Fore Management Group
email:
juniorevents@foremanagement.com

39
ยัวซ่าแบตเตอรี่ร่วมฉลองเปิดสาขาใหม่ บี-ควิก กาญจนาภิเษก-เวสต์เกต


             คุณพัณณ์ชิตา ชีวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกลุ่มงานขาย บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์คุณภาพมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ของ บี-ควิก สาขากาญจนาภิเษก-เวสต์เกต (ติดเซ็นทรัล เวสต์เกต) โดยมีคุณเฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา






             โดยภายในงานมีการจัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย อาทิ ยางรถยนต์ ซื้อ 1 แถม 1 (จำกัด 50 คันต่อวัน) และที่พลาดไม่ได้คือ แบตเตอรี่ยัวซ่าลด 50% (จำกัด 20 คันต่อวัน) ซึ่งนับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าที่มองหาแบตเตอรี่คุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า ซึ่งยัวซ่าแบตเตอรี่ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบตเตอรี่แบรนด์เดียว ที่ได้รับเลือกให้จำหน่ายและให้บริการแก่ลูกค้าบี-ควิกทุกสาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง แบตเตอรี่ “YUASA” คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น สอบถามข้อมูลสินค้าและร้านตัวแทนจำหน่าย โทร 09-9331-3337 หรือ 02-769-7300 ต่อ 7315 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8:30-17:00 น.

40
ศูนย์การค้าแพลทินัม ได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS 2025
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม


บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าแพลทินัม ศูนย์รวมแฟชั่นค้าส่งที่ดีที่สุดในอาเซียน เดินหน้าส่งเสริมการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS 2025 ระดับ STANDARD จากโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ปีที่ 8 โดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA)

โดยศูนย์การค้าแพลทินัม ผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรการประหยัดพลังงานของ MEA โดยที่ผ่านมาทางศูนย์การค้าได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ เช่น การปรับปรุงระบบปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็นหลอดไฟฟ้าแบบประหยัดพลังงาน (LED)  เพิ่มระบบการจัดการระบบควบคุมอัตโนมัติ รวมถึงการนำเสนอข้อมูลความรู้ เชิญชวน สร้างการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักถึงการประหยัดพลังงานร่วมกัน



สำหรับเกณฑ์การตัดสิน MEA ENERGY AWARDS 2025 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ
เกณฑ์การใช้พลังงานไฟฟ้า (MEA Index)
เกณฑ์คุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)

การได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันถึงการให้ความสำคัญในการบริหารจัดการพลังงานของศูนย์การค้าแพลทินัมอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการควบคุมสภาวะอากาศภายในศูนย์การค้าให้มีคุณภาพที่ดีสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการและยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ภายใต้โครงการ “Power Plat Green”

ตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม                 
และกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ

41
LINE ประเทศไทย แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” นั่ง CEO คนใหม่
พร้อมตั้ง “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” นั่งที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย


กรุงเทพฯ, 30 มิถุนายน 2568 - บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด แต่งตั้ง นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer) คนใหม่ ขณะที่พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา จะดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย (Executive Advisor to LINE Plus and LINE Thailand) การปรับทัพผู้บริหารในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวางโครงสร้างการบริหารที่แข็งแกร่ง เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและความสำเร็จในระยะยาว โดยมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป


“นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” ในฐานะ ซีอีโอคนใหม่ของ LINE ประเทศไทย จะมุ่งพาธุรกิจในประเทศไปสู่การเติบโตขั้นต่อไป รวมถึงการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ ให้แก่อีโคซิสเต็มของ LINE ทั้งในเชิงผู้ใช้ ธุรกิจ และพันธมิตร ภายใต้พันธกิจใหม่ของบริษัทอย่าง Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ด้วยวิสัยทัศน์และความเข้าใจในธุรกิจแพลตฟอร์มผ่านการบริหารจัดการงานในหลายภาคส่วนอย่างลึกซึ้ง

นรสิทธิ์ เริ่มทำงานที่ LINE ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและสื่อโฆษณา ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ (Chief Commercial Officer) และ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ก่อนหน้านี้



ขณะที่ “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” จะดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย ด้วยประสบการณ์การเป็นซีอีโอของ LINE ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2562 พร้อมแนะนำความเชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์แก่คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ในไทยและผู้บริหารของ LINE Plus ซึ่งครอบคลุมถึงด้านรัฐกิจสัมพันธ์ โดยพิเชษฐ เริ่มทำงานที่ LINE ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2559 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารก่อนหน้านี้

###

เกี่ยวกับ LINE Plus Corporation

LINE Plus Corporation เป็นบริษัทภายในเครือ LY Corporation ก่อตั้งในปี 2556 ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นหัวหอกในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ LINE ในระดับโลก LINE Plus ได้ผสานการทำงานของทีมงานหลากหลายแผนกจากต่างวัฒนธรรม ทั้งด้านทีมวิศวกรรม ทีมวางแผนผลิตภัณฑ์ ทีมออกแบบ ทีมปฏิบัติการธุรกิจ และทีมการตลาด เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่นำเสนอคุณค่าใหม่ๆ ให้แก่ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ทั่วโลก

เกี่ยวกับ LINE ประเทศไทย

ก่อตั้งเมื่อปี 2557 LINE ประเทศไทยมีหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดภายในประเทศ เช่นเดียวกับการพัฒนาธุรกิจและบริการใหม่ๆ สำหรับตลาดในเมืองไทย LINE ประเทศไทยมอบอีโคซิสเต็มสำหรับชีวิตดิจิทัลแบบครบวงจรด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น LINE SHOPPING, LINE VOOM, LINE STICKERS, LINE MELODY, LINE TODAY, LINE OPENCHAT, LINE HEALTH, LINE for Business, LINE Official Account and LINE Ads, LINE MAN, LINE GAME, LINE WEBTOON, LINE BK และ LINE Pay ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน (MAU) ในไทยรวม 56 ล้านคน (มิถุนายน 2567)

42
วันเสาร์ไม่มีเหงา! รวมหนังผีไทยสุดปัง 4 เรื่อง 4 อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอเชิญผู้ชมร่วมสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงจากภาพยนตร์ไทยยอดนิยม 4 เรื่อง 4 อารมณ์ ที่จะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 16.50 น. เป็นต้นไป โดยคัดสรรภาพยนตร์ที่ครบรส ทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น ซาบซึ้ง และหลอนลึก ถ่ายทอดเรื่องราวจากตำนานและความเชื่อของไทยในรูปแบบที่เข้าถึงผู้ชมทุกวัย






              เริ่มต้นด้วย “กระสือครึ่งคน” เวลา 16.50 น. ภาพยนตร์แฟนตาซี-คอมเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มชายแคระ 5 คน ผู้กล้าหาญที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงกระสือ และตัดสินใจแปลงร่างเป็น “กระสู” เพื่อปกป้องหมู่บ้านจากภัยร้าย ต่อด้วย “พี่มาก...พระโขนง” เวลา 18.40 น. ภาพยนตร์ตลก-สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย นำแสดงโดย “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “ใหม่ ดาวิกา” ถ่ายทอดตำนานรักอมตะของ “มาก” และ “นาค” ผ่านมุมมองใหม่ที่ทั้งฮาและอบอุ่นใจ เวลา 21.00 น. พบกับ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ภาพยนตร์แนวผจญภัย-ลี้ลับ นำแสดงโดย “โกฮัง ณัฐวรรธ” ถ่ายทอดบทบาท “ไอ้ไข่” วิญญาณเด็กชายผู้เฝ้าสมบัติวัดร้างในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพ และนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างความศรัทธากับความโลภ ปิดท้ายค่ำคืนด้วย “ตำนานรักแม่นาค 3D” เวลา 23.00 น. นำแสดงโดย “ตั๊ก บงกช” รับบท “แม่นาค” และ “เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง” รับบท “พ่อมาก” บอกเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวผู้เสียชีวิตระหว่างคลอดลูก แต่ยังคงรอคอยสามีด้วยรักอันมั่นคง พ่อมากกลับจากสงครามโดยไม่รู้ว่าภรรยาได้กลายเป็นวิญญาณความรักที่ไม่ยอมแพ้แม้ความตาย กลายเป็นตำนานสะเทือนใจคนไทย

              พิเศษสุดสำหรับผู้ชมในค่ำคืนนี้ ท่านจะได้ชมตำนาน “แม่นาค” ทั้งสองเวอร์ชันในวันเดียวกัน ทั้งในรูปแบบตลกหลอนจาก “พี่มาก...พระโขนง” และในรูปแบบดราม่าลึกซึ้งจาก “ตำนานรักแม่นาค 3D” ซึ่งสะท้อนความหลากหลายของการตีความตำนานไทยในมุมมองที่แตกต่างอย่างน่าประทับใจ ติดตามชมภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องได้ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และรับชมออนไลน์ได้ที่ www.true4u.com/live

43
บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ คณะพาณิชยศาสตร์ฯ มธ.
มอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025”
เชิดชู สุดยอดผู้นำที่พร้อมนำองค์กรฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน


             นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานมอบรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” เพื่อประกาศเกียรติคุณรางวัลแห่งความสำเร็จในการบริหารองค์กรของผู้บริหารสูงสุดชั้นนำของประเทศในอุตสาหกรรมต่างๆ และผู้บริหารดาวรุ่ง โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วมรับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ


             นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแต่ละท่าน ต่างมีองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละท่านผ่านวิกฤติและโอกาสที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป งาน THAILAND TOP CEO OF THE YEAR  2025 ในครั้งนี้จึงได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” ขึ้นเพื่อสะท้อนภาพความสามารถของผู้นำองค์กรในการบริหารจัดการในหลากหลายมิติและฝ่าฝันจนไปสู่ความสำเร็จ การมอบรางวัลในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านการพาณิชยศาสตร์และการบัญชีระดับชั้นนำของประเทศ และมีชื่อเสียงในระดับสากล ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 นี้ จะเป็นรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจ ให้แก่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ให้ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรให้เจริญงอกงามยั่งยืน สร้างคุณค่าให้แก่องค์กร และพนักงาน พร้อมๆ ไปกับร่วมกันดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป”


             ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งเป็นสถาบันชั้นนำในภูมิภาค ด้วยหลักสูตรทันสมัยและงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคม โดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยด้านธุรกิจชั้นนำของไทย ได้ร่วมมือกับนิตยสาร BUSINESS+ จัดทำโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” เพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารองค์กรในหลากหลายมิติ และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม โดยถือเป็นการยกย่องผู้นำที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนและความเป็นเลิศ นำมาสู่งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ในวันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารทุกท่าน นับเป็นความสำเร็จของผู้บริหาร ที่ได้ทุ่มเทความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เพื่อสร้างองค์กรที่มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆ ได้ ตลอดจนนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาความยั่งยืน”


             รองศาสตราจารย์ ผศ.ดร.อรพรรณ ยลระบิล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและเครือข่ายพันธมิตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งเป็นต้นแบบสถาบันการศึกษาด้านบัญชีและบริหารธุรกิจของไทย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก จนเป็นสถาบันแรกของไทยที่ได้สถานะ Triple Crown การจัดโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” ร่วมกับนิตยสาร BUSINESS+ มีเป้าหมายเพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารในหลากหลายมิติ ทั้งด้านผลการดำเนินงาน ลูกค้า พนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อยกย่องผู้นำที่พาองค์กรสู่ความยั่งยืน งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ได้คัดเลือกผู้บริหารในแต่ละอุตสาหกรรม ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติอย่างรอบด้าน และรางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเททั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้บริหาร ในการสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และมุ่งสู่ความยั่งยืนในระยะยาว”


             สำหรับการมอบรางวัล  “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025”  จัดมอบรางวัลให้กับผู้บริหารสูงสุดขององค์กร จำนวน 10 ประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้

1. อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ
2. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่  คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
3. อุตสาหกรรมการจัดจำหน่าย ได้แก่  คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท วายแอลจี กรุ๊ป จํากัด
4. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ คุณสุภัค ลายเลิศ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แทนเจอรีน จำกัด
5. อุตสาหกรรมธนาคาร ได้แก่  คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
6. อุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ได้แก่  คุณลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
7.อุตสาหกรรมประกันชีวิต ได้แก่  คุณสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
8. อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ได้แก่  ดร.สมพร  สืบถวิลกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
9. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่  ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
10. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่  คุณณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี)



ประเภท Rising Star จำนวน 5 รางวัล ได้แก่

11.คุณวุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ยูเอชจี
12.คุณศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด
13.คุณรสรินทร์ ติยะวราพรรณ กรรมการบริหาร  บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด
14.คุณกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมซัน รอเยล จำกัด
15.นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์

44
บริการจ้าง “คนขับรถส่วนตัว” รายวัน รายชั่วโมง เทรนด์ใหม่มาแรงของ ผู้บริหารยุคใหม่วัย 30+


             U DRINK I DRIVE เริ่มธุรกิจจากการให้บริการ “เรียกคนขับรถแทน หรือ จ้างคนขับรถแทน” คอยทำหน้าที่ขับ “รถของลูกค้า” กลับให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย จับกลุ่มเป้าหมายสายปาร์ตี้ที่ชอบสังสรรค์ ด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิต หวังลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนในไทย

             ปัจจุบัน U DRINK I DRIVE ให้บริการขับรถรับส่งมามากกว่า 10 ปี ให้ บริการเรียกคนขับรถได้ตลอด 24 ชม. แล้ว มีคนใช้ปีละกว่า 100,000 เที่ยว ยอดเรียกคนขับรถให้พุ่งเกิน 10,000 เที่ยวต่อเดือน แสดงถึงพฤติกรรมของคนยุคใหม่ที่ขับรถเองน้อยลง


             คนกรุงเทพฯ เริ่มไม่ขับรถเองแล้ว กรุงเทพฯขึ้นชื่อเรื่องรถติดจนติดอันดับ 2 ของโลก และครองอันดับที่ 1 ของเอเชีย สำหรับเมืองที่มีการจราจรรถยนต์ติดขัดที่สุดในโลกประจำปี 2024 โดยใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยอยู่ที่ 22.11 นาทีต่อระยะทาง 10 กิโลเมตร เรียกได้ว่าขับรถกันจนเหนื่อย เวลาที่สูญเสียไปบนท้องถนนสามารถไปทำประโยชน์ได้มากมาย ทำให้มีเทรนด์ใหม่ของผู้บริหารวัย 30+ ที่มีรถ แต่ไม่อยากขับ เริ่มหาคนขับรถส่วนตัว U DRINK I DRIVE ก็มีบริการคนขับรถผู้บริหาร ที่สามารถจ้างคนขับรถรายเดือน จ้างขับรถรายวัน รับจ้างขับรถชั่วคราว เป็นรายเที่ยวก็ได้ โทรเรียกคนขับรถได้ง่าย ๆ ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า


ลูกค้าที่เรียก คน ขับ รถ ให้ ส่วนใหญ่ก็จะใช้

1.        จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน เวลา พนักงานขับรถประจำลา

2.        จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน เวลาต้องเดินทางไกล

3.        เรียก คน ขับ รถ ให้ เวลาป่วย ไปทำตา ทำศัลยกรรม ที่ขับรถเองลำบาก

4.        เรียก คน ขับ รถ ให้ เวลารถติด ต้องประชุมหลายที่ หาที่จอดยาก

5.        เรียก คน ขับ รถ ให้ ขับรถของตัวเอง ไปส่งลูกไปโรงเรียน หรือ รับกลับ


             ซึ่งการจ้างคนขับรถแทนให้นั้น ต่างจากใช้รถสาธารณะ เนื่องจากเป็นรถของตัวเองที่หรูหรากว่า นั่งสบายกว่า มีของใช้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า รองเท้า เอกสารที่อยู่ในรถ สามารถหยิบมาใช้ได้อย่างสะดวกสบาย แถมเครื่องเสียง ระบบ Entertainment ในรถยังเชื่อมต่อกับมือถือของตัวเองไว้แล้วด้วย ทำให้ 90% ของลูกค้ากลุ่มนี้ “ขับรถเองน้อยลง” หลังใช้ U DRINK I DRIVE ลูกค้าที่ เรียก คน ขับ รถ แทน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของรถหรู ที่ต้องการจ้างคนขับรถ ที่ได้รับการอบรมด้วยมาตรฐานระดับสูง คอยให้บริการ


ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ จึงเป็นบริษัทพนักงานขับรถที่คัดพนักงานขับรถเหล่านี้อย่างเข้มงวด

-   ทั้งสอบสัมภาษณ์  - ทั้งผ่านการสอบด้านเส้นทาง   - ทดสอบขับรถ  - ทดสอบจอดรถ

-   สอนใช้ปุ่มเกียร์ต่าง ๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็น รถยุโรป รถตู้ รถสปอร์ต Super car รวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีปุ่มเกียร์ที่อยู่คนละที่ มีวิธีขับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

-   รวมถึงตรวจประวัติอาชญากรรม ตรวจยาเสพติด ตรวจสุขภาพของพนักงานทุกคน

-   เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยไปอีกขั้น

-   ทำให้บริษัทชั้นนำนั้นต่างเลือกใช้พนักงานขับรถจาก U DRINK I DRIVE ในการให้ไปดูแลลูกค้าระดับ VVIP และบริการขับรถให้ศิลปินระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง



             U DRINK I DRIVE “แอพเรียกคนขับรถให้” ในวันที่คุณไม่สะดวกขับรถด้วยตนเอง หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ นั้นให้ บริการ 24 ชม. อาจจะติดภาพว่าต้องเรียกเฉพาะตอนที่ดื่มแอลกอฮอลล์เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ในวันที่ต้องขับรถไปต่างจังหวัดยิ่งเป็นการขับรถทางไกล หากจ้างคนขับรถให้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการหลับใน ถึงที่หมายก็เที่ยวต่อได้แบบเฟรช ๆ หรือจะ จ้าง คน ขับ รถ แทนในวันที่ไม่สบาย เหนื่อยล้า ก็สามารถทำได้ จ้าง คน ขับ รถ นำรถไปซ่อมที่ศูนย์ หรือไปรับกลับมาให้ก็สะดวกสบายมีคนใช้บริการกว่าวันละ 50 เที่ยวทุกวัน ลูกค้าวัยทำงาน ผู้บริหารรุ่นใหม่ ก็นิยม จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน ในวันที่ต้องไปประชุมหลายที่ รถติดสุด ๆ ที่จอดรถก็หายาก เป็นต้น

             ซึ่งการเรียกคนมาขับรถให้ ช่วยลดความเครียดได้อย่างมาก ให้เวลาที่เสียไปกับรถติด และ การวนหาที่จอดรถ เป็นหน้าที่ของพนักงานขับรถรายวันดีกว่า หรือสำหรับใครที่มีพนักงานขับรถประจำอยู่แล้ว การจ้าง คน ขับ รถ แทนในวันที่พนักงานขับรถของคุณลางาน หรือลาออก ก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้บริหารหลาย ๆ คน ไม่ได้ใช้พนักงานขับรถบ่อย การจ้าง คน ขับ รถ ราย วัน มา ขับ รถ ให้ เฉพาะวันที่ ต้องการก็คุ้มค่ากว่ามาก วันไหนไม่ใช้ ก็ไม่ต้องจ่าย

             บริการรับส่งซ่อมศูนย์ ในวันที่รถเสีย ต้องเข้าศูนย์ เปิดแอพจ้างคนขับรถ หาคนขับรถ มารับรถคุณถึงบ้าน เอาไปซ่อมให้เสร็จ คนขับรถ ก็จะขับรถของคุณกลับมาคืนถึงบ้าน สบายแบบสุด ๆ เป็นบริการยอดฮิตที่ให้บริการหลาย 1000 เที่ยวต่อปี หากคุณขับรถ Benz BMW Jaguar แนะนำให้ลองสอบถามศูนย์ เนื่องจากบางศูนย์อย่างเช่น Benz Primus ก็จะมีบริการนี้ให้ฟรี บริการโดย U DRINK I DRIVE


             ในวันที่คุณไปปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอลล์ อยากสนุกแบบสุดเหวี่ยงแต่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แอพเรียก คนขับรถ จ้างคนขับรถ มาขับรถของตัวเองกลับบ้านให้ก็ตอบโจทย์สุด ๆ สามารถรีเควส คนขับรถผู้หญิงได้เพื่อความปลอดภัย

             บริการรับจ้างขับรถกลับบ้าน สำหรับคนที่ดื่มแอลกอฮอลล์นั้น ทาง ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ ให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปี หรือ 5 แสนเที่ยว การันตีด้วยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะด้านบริการ หรือความปลอดภัย นับว่าเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย รับรองได้ว่าพนักงานขับรถมืออาชีพของเรา จะขับพาคุณ และรถของคุณกลับบ้านให้เองอย่างปลอดภัย

             สำหรับค่าบริการจ้างคนขับรถคิดเป็นรายเที่ยว เริ่มต้นที่ 600 บาท กิโลเมตรที่ 6-10 กิโลเมตรแรก และ เพิ่ม 50 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 25-35 เพิ่ม 100 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร และ 35 กิโลเมตรขึ้นไป เพิ่ม 300 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร ราคาจ้างคนขับรถ รายชั่วโมง เหมา 4 ชั่วโมง ราคา 1,400 บาท, เหมา 8 ชั่วโมง ราคา 1,800 บาท, เหมา 12 ชั่วโมง ราคา 2,500 บาท ใช้บริการพนักงานขับรถ หลังเวลา 17.00 น. เหมา 8 ชั่วโมง ราคา 2,500 บาท

             U DRINK I DRIVE แอพเรียก “คนขับรถ” สามารถ จ้างคนขับรถ มาขับรถแทนคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินลูกค้าด้วยระบบ GPS Tracking เพิ่มความมั่นใจปลอดภัยตลอดเที่ยวการเดินทาง ด้วยความคุ้มครองจากวิริยะประกันภัย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ในการ จ้างคนขับรถ ทุกเที่ยว ลูกค้าจะได้รับบริการที่ประทับใจ และ ปลอดภัย ใช้บริการจ้างขับรถส่วนตัว  หรือเช่าคนขับรถรายวัน โทร. 09108-09108 หรือ Line@Udrinkidrive หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น U DRINK I DRIVE บนมือถือ ได้ทั้งระบบ Android และ iOS หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.udrinkidrive.co.th/ และ https://udrinkidrive.net

45
"พลายพยัคฆ์" ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ เป็นคนที่ 2


             ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายจมร เลขะกุล ผู้แทนปูนเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ในการชกกัน ระหว่าง อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซด์ (แดง) พบกับ เพชรรุ่งโรจน์ โชติบางแสน พิกัด 112 ปอนด์ และ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว (แดง) พบกับ พลายพยัคฆ์ ทต.พลับพลานารายณ์ (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์


             ส่วนผลการแข่งขันมวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 24 มีดังนี้

             คู่ที่ 1. แพ้ตกรอบ อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซด์ (แดง) พบกับ เพชรรุ่งโรจน์ โชติบางแสน (น้ำเงิน) คู่นี้ใครแพ้ตกรอบทันทีส่วนผู้ชนะยังได้ไปต่อ อนันตชัยมวยขวาหมัดหนักเข้าในเหนียวแน่น ด้าน เพชรรุ่งโรจน์ เป็นมวยฝีมืออาวุธครบเครื่องเป็นฝ่ายเดินเข้าเตะขวาต่อยหมัดยังไม่ชัดเจน อนัตชัย รอจังหวะสองเตะขวาลำตัวได้ชัดเจน เพชรรุ่งโรจน์ เดินเร็วเตะหน้าขาทำเอา อนันตชัย ถึงกับสะดุ้งไปเหมือนกัน อนัตชัย เดินเตะขวาจับในตีเข่าปล้ำในตีเน้นๆ ได้ชัดเจนทำเอา เพชรรุ่งโรจน์ ดิ้นไม่หลุด ช่วงท้ายยก อนันตชัย ออกมาเล่นจังหวะฝีมือไม่ยอมปะทะผิดกับ เพชรรุ่งโรจน์ ไม่มีอะไรเสียเดินไล่ต่อยหมัดอย่างเดียวแต่ก็ได้เฉียดไปเฉียดมา ครบยก อนันตชัย เป็นฝ่ายชนคะแนนยังได้ไปต่อ ส่วน เพชรรุ่งโรจน์ ตกรอบทันที




             คู่ที่ 2. ชนะเข้ารอบรองฯ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว (แดง) พบกับ พลายพยัคฆ์ ทต.พลับพลานารายณ์ (น้ำเงิน) คู่นี้ใครชนะเข้ารอบรองชนะเลิศทันทีเป็นคนที่สอง แคมารูน เป็นมวยเข่าในเหนียวแน่น ด้าน พลายพยัคฆ์ มวยขวาหมัดหนัดเข่าในดุดันเตะต่อยรุนแรง พลายพยัคฆ์ ยิ่งเดินเร็วเตะขวาต่อยหมัดปล้ำในตีเข่าต่อยหมัดแต่ก็ไม่ชัดเจผิดกับ แคมารูนเตะขวาเข้าชายโครงเน้นๆทำเอา พลายพยัคฆ์ ดิ้นไม่หลุด แต่เกมส์การชกกลับพลิกช่วงปลายยก 4 เมื่อ แคมารูน เตะขวาเข้าชายโครง พลายพยัคฆ์ จับขาได้ฮุคด้วยหมัดขวาเข้าปลายคาง แคมารูน ถึงกับร่วงทั้งยืนปล่อยให้กรรมการนับ 8 แคมารูน ไม่มีอะไรจะเสียเดินต่อยหมัดอย่างเดียวแต่ก็ไม่ชัดเจนครบยก พลายพยัคฆ์ พลิกเป็นฝ่ายชนะคะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นคนที่สองต่อไป




             สำหรับศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย A และ สาย B รอบ 8 คนนัดสุดท้าย จะขึ้นชกกันในวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568 เป็นการชกกันระหว่าง แสงตะวัน ส.พงษ์อมร พบกับ ก้องสนั่น ส.เทียนโพธิ์ พิกัด 112 ปอนด์ และ อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซค์ พบกับ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว พิกัด 112 ปอนด์




             ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD ให้แฟนมวยคนไทยและชาวต่างชาติเข้ารับชมและเชียร์กันให้สนั่นได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2513