This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
news & activity / พาณิชย์ -DITP จับมือพันธมิตรสานต่อปีที 5 โครงการพัฒนาผู้ส่งออกรุ่นใหม่ ปั้น SMEs
« on: Today at 10:09:08 PM »พาณิชย์ - DITP จับมือพันธมิตรสานต่อปีที่ 5 โครงการพัฒนาผู้ส่งออกรุ่นใหม่
ปั้น SMEs ภูมิภาคสู่ตลาดโลก
ปั้น SMEs ภูมิภาคสู่ตลาดโลก
กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) สานฝัน SMEs รุ่นใหม่ในส่วนภูมิภาคให้เป็นผู้ส่งออก ร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชน เปิดตัวโครงการพัฒนาผู้ส่งออกรุ่นใหม่ : Young Exporter from Local to Global (YELG) ประจำปี 2566 รวมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อการส่งออก พร้อมเจรจาธุรกิจส่งต่อให้ผู้นำเข้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการและเริ่มฝึกอบรมระยะที่ 1 เมื่อวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2566 ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มี SMEs สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 450 คน
นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า โครงการพัฒนาผู้ส่งออกรุ่นใหม่ : Young Exporter from Local to Global (YELG) ประจำปี 2566 โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ สถาบัน NEA ดำเนินงานโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 มี SMEs ในส่วนภูมิภาคเข้าร่วมโครงการมาแล้ว 2,600 ราย และในปี 2566 กำหนดภูมิภาค SMEs เป้าหมายใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานโครงการให้มีความเหมาะสมตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการและตลาดให้มากขึ้น และถือเป็นครั้งแรกที่ได้จัดฝึกอบรมแบบครบวงจรร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมการค้าเกษตรกรรมยั่งยืนไทย สมาคมการค้าผู้ส่งออกเอเชียและตะวันออกกลาง ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท Teleport (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวคือ พัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการส่งออก การนำเสนอสินค้าจนถึงจับคู่เจรจาธุรกิจกับ Trader และห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ รวมถึงได้รวบรวมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่การคัดสรรผู้ผ่านเข้ารอบในระยะต่างๆ การฝึกอบรมทั้งในรูปแบบ Online และ Offline และการจัดกิจกรรม Workshop ซึ่งจะทำให้ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการมีความมั่นใจในการก้าวเข้าสู่ตลาดส่งออกได้มากขึ้น
โครงการพัฒนาผู้ส่งออกรุ่นใหม่ : Young Exporter from Local to Global (YELG) ประจำปี 2566 ประกอบไปด้วยการฝึกอบรม 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การพัฒนาความรู้ก่อนเตรียมความพร้อม จัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคม 2566 ในรูปแบบ Hybrid ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ประกอบไปด้วยการเสวนา หัวข้อ “โอกาสทางการค้าของสินค้าในแต่ละภูมิภาคของไทย” วิทยากรโดย ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ นายกสมาคมการค้าเกษตรกรรมยั่งยืนไทย คุณฐานิศร์ ณ สงขลา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าผู้ส่งออกเอเชียและตะวันออกกลาง และคุณนัฐภูมิ โล่กันภัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสเมเกอร์ จำกัด บรรยาย 2 หัวข้อ ได้แก่ “ความสำคัญของการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา” วิทยากรโดย คุณชลทิตย์ นาคปรางค์ ผู้จัดการฝ่ายเครื่องหมายการค้า บริษัท อินเทลเลคชวล ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด และ หัวข้อ “Check List ความพร้อมก่อนเป็นผู้ส่งออก” วิทยากรโดย ดร.สุรัตน์ จันทองปาน Executive Business Development Consultant, บริษัท SCG JWD Logistics จำกัด (มหาชน) ระยะที่ 2 ฝึกอบรมเตรียมความพร้อมด้านการค้าระหว่างประเทศ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 และ 7 เมษายน 2566 ในรูปแบบ Online ประกอบไปด้วยการฝึกอบรม 11 หัวข้อ เช่น “การคำนวณต้นทุนเพื่อการส่งออก” “การสร้างแบรนด์ขั้นต้นสำหรับสินค้าท้องถิ่น” “ขั้นตอนการส่งออกและพิธีการศุลกากร” “การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการส่งออก” “Export Business Model Canvas and Value Proposition” “การชำระเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศเบื้องต้น” “การหาแหล่งทุนเพื่อการส่งออก” “การคัดเลือกและออกแบบบรรจุภัณฑ์” เป็นต้น ระยะที่ 3 ฝึกปฏิบัติเตรียมความพร้อมในสถานการณ์จริงใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี น่าน นครพนม และระยอง ในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน 2566 ประกอบไปด้วยกิจกรรม Workshop การนำเสนอแผนธุรกิจ และการให้คำแนะนำรายบุคคลจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และระยะที่ 4 นำเสนอสินค้าและฝึกเจรจาธุรกิจ จัดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมเซนจูรี่ปาร์ค กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการที่ผ่านการฝึกอบรมไปจนถึงระยะสุดท้ายจะได้เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจกับ Trader และห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย และยังเป็นปีแรกที่มีการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีแผนธุรกิจและสินค้าที่มีความโดดเด่นภูมิภาคละ 1 ราย เป็นดาวรุ่ง YELG เข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและพันธมิตรโครงการต่อไป และจะประกาศผลการคัดเลือกผู้ที่ผ่านเข้าสู่การอบรมในระยะที่ 2 ในวันที่ 28 มีนาคม 2566 ผ่านทาง Facebook สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ได้ที่ www.nea.ditp.go.th, Fanpage Facebook : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และ DITP Service Center โทร.1169 กด 1 กด 1
2
news & activity / ไทยยูเนี่ยนนำทัพแบรนด์ซีวิต้าร่วมงานSustainability Market 2023 ตอกย้ำการทำธุรกิจ
« on: Today at 09:54:21 PM »ไทยยูเนี่ยนนำทัพแบรนด์ซีวิต้าร่วมงาน Sustainability Market 2023
ตอกย้ำการทำธุรกิจแบบยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange®
ตอกย้ำการทำธุรกิจแบบยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange®
กรุงเทพฯ - 23 มีนาคม 2566 - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก นำโดย นางสาวรตินันทน์ วงศ์วัชรานนท์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ นำทัพผลิตภัณฑ์อาหารเสริมซีวิต้า (ZEAVITA) ที่ผ่านการคิดค้น วิจัย และพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange® มาร่วมออกบูธในงาน Sustainability Market 2023 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมมอบความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมซีวิต้า ที่ผลิตจากปลา โดยใช้ทุกส่วนของปลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ เกิดเป็นธุรกิจใหม่ภายในเครือไทยยูเนี่ยน และยังตอบโจทย์ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน พร้อมคืนความอุดมสมบูรณ์อันยั่งยืนให้กับท้องทะเล (Healthy Living, Healthy Oceans)
ทั้งนี้ แบรนด์ซีวิต้า (ZEAVITA) เปิดตัวเมื่อปี 2564 โดยอยู่ภายใต้บริษัท ไทยยูเนี่ยน ไลฟ์ไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยยูเนี่ยน มุ่งเน้นธุรกิจผลิตอาหารเสริมสกัดคุณค่าจากใต้ทะเลลึก พร้อมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยและนวัตกรรมที่คิดค้นโดยนักวิจัยชั้นนำจากศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน (Global Innovation Center) จนได้อาหารเสริมคุณภาพสูงที่ปลอดภัย และเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และยังใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างสูงสุด เช่น การนำกระดูกปลามาผลิตเป็นแคลเซียม (Tuna Bone Calcium+) การนำหัวปลานำมาผลิตเป็นน้ำมันปลา (Tuna Head Fish Oil+) เป็นต้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและโปรโมชั่นของผลิตภัณฑ์ซีวิต้าได้ที่ www.zeavitathailand.com หรือ https://www.facebook.com/ZEAVITAthailand/
###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 46 ปี ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita
ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของโลก จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) เป็นสมาชิก DJSI สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
3
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / Infinix เตรียมเปิดตัว HOT 30 Series เกมมิ่งโฟนรุ่นเริ่มต้นพร้อมชาร์จเร็ว 33W
« on: Today at 09:02:26 PM »Infinix เตรียมเปิดตัว HOT 30 Series เกมมิ่งโฟนรุ่นเริ่มต้นพร้อมชาร์จเร็ว 33W
คุ้มค่าที่สุดในเรทราคาไม่เกิน 5,000 บาท เริ่มขาย 3 เมษายนนี้!
พิเศษ! ผนึกกำลัง Free Fire มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่า และจัดเซอร์ไพรส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย
คุ้มค่าที่สุดในเรทราคาไม่เกิน 5,000 บาท เริ่มขาย 3 เมษายนนี้!
พิเศษ! ผนึกกำลัง Free Fire มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่า และจัดเซอร์ไพรส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย
23 มีนาคม 2566, กรุงเทพฯ – อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เตรียมมอบประสบการณ์การเล่นเกมบนมือถือที่เหนือระดับ ด้วยการเปิดตัวเกมมิ่งโฟนรุ่นเริ่มต้นซีรีส์ใหม่ Infinix HOT 30 Series ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลก ภายใต้สโลแกนคอนเซ็ปต์ “Booyah Now! - หนึ่งเดียว เพื่อชัยชนะ” สมาร์ตโฟนสำหรับเล่นเกมและความบันเทิงเต็มรูปแบบที่ดีที่สุด พร้อมชูจุดขายเป็นแบรนด์เดียวที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วสูงสุด 33W และให้แรมเยอะที่สุดในเรทราคา 5,000 บาท ตลอดจนยกระดับทุกการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยหน้าจอไฮเปอร์วิชั่นเกมมิ่งพร้อมรีเฟรชเรทลื่นไหล 90Hz หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ผสานพลังกับโปรเซสเซอร์สายเกม MediaTek Helio G88 เพื่อรองรับการใช้งานสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งเดียวที่มาพร้อม RAM 8GB และสามารถผสาน RAM ได้สูงสุดถึง 16GB และพิเศษสุดกับการผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำอย่าง Free Fire ร่วมกันครีเอทลิมิเต็ดอิดิชันบ็อกซ์เซ็ต พร้อมมอบไอเทมทั้งในเกมและนอกเกมมากมายเพื่อเอาใจเหล่าสาวกคอเกมตัวจริง
Infinix HOT 30 Series มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ HOT 30 รุ่น 128+8, HOT 30i รุ่น 128+4 และ รุ่น 128+8 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่มาพร้อมการดีไซน์ด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้วัสดุเกรดพรีเมียม โดยยังคงเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานที่ชื่นชอบการเล่นเกม ซึ่งรุ่นท็อปอย่าง HOT 30 ได้มอบประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าด้วยหน่วยพื้นที่ความจำแบบจัดเต็ม โดยมีหัวใจการทำงานเป็นชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G88 หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว และอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบชาร์จไว 33W ที่ช่วยยกระดับการใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานการออกแบบที่มีคุณภาพและคุ้มค่ามากที่สุด
พลาดไม่ได้! เตรียมพบกับมือถือเกมมิ่งใหม่ล่าสุด Infinix HOT 30 Series พร้อมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ด้วยราคาสุดคุ้มไม่เกิน 5,000 บาท พร้อมของแถมสุดลิมิเต็ดมากมาย วางจำหน่ายแบบออนไลน์บน Shopee, Lazada และ Infinix TikTok Shop เริ่มขายวันแรกตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
ผู้สนใจสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.infinixmobility.com/th หรือดูรายละเอียดและติดตามกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก Infinix Mobile Thailand
###
เกี่ยวกับอินฟินิกซ์
อินฟินิกซ์ โมไบล์ (Infinix Mobile) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2556 เป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ออกแบบ ผลิต และทำการตลาดโทรศัพท์มือถือให้ขยายตัวทั่วโลกภายใต้แบรนด์ อินฟินิกซ์ (Infinix) โดยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยผสานเข้ากับมือถืออย่างพิถีพิถัน นำเสนอสไตล์ที่โดดเด่น เด็มเปี่ยมไปด้วยพลังและประสิทธิภาพ เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยและเป็นที่ต้องการของผู้ใช้งานในทุกย่างก้าว ด้วยแนวคิดที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์อย่าง “THE FUTURE IS NOW” พร้อมกับแสดงตัวตนให้โลกได้เห็นว่าอินฟินิกซ์มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดจนรูปลักษณ์ที่เฉียบและมีสไตล์สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่อยากตกเทรนด์
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีการจำหน่ายในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งทวีปแอฟริกา ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ โดยในช่วงปี พ.ศ. 2561 - 2563 อินฟินิกซ์ (Infinix) ได้ขยายตัวถึง 160% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และมีแผนใหญ่ที่จะสร้างมือถือระดับเรือธงที่มีดีไซน์ที่โดดเด่นและข้อเสนอที่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.infinixmobility.com
4
news & activity / “หมอวิน-เวชพิสิทธิ์” เผย “ศาสตร์แห่งความงาม” พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับร
« on: Today at 08:25:32 PM »“หมอวิน-เวชพิสิทธิ์” เผย “ศาสตร์แห่งความงาม”
พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับรูปหน้าย้อนวัย ยกกระชับล็อคอายุ
ด้วยเทคนิคพิเศษเติมเต็มถึงชั้นกระดูก
พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับรูปหน้าย้อนวัย ยกกระชับล็อคอายุ
ด้วยเทคนิคพิเศษเติมเต็มถึงชั้นกระดูก
Doctor Win Clinic เป็นคลินิกสุขภาพและความงาม ที่เน้นด้านการปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคเติมเต็มถึงชั้นกระดูก เป็นการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์เป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านการอบรมและพัฒนาความรู้ เพื่อนำมาต่อยอดทางด้านการปรับรูปหน้าจากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ Doctor Win Clinic ยังมีความปลอดภัย อีกทั้งนวัตกรรมและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงและทันสมัยตามมาตรฐานสากล รวมถึงการบริการระดับพรีเมี่ยม โดย นายแพทย์เวชพิสิทธิ์ พนาวร (หมอวิน) เป็นผู้ก่อตั้งและบริหารงาน นอกจากนี้ยังเป็นแพทย์ประจำคลินิกอีกด้วย ในครั้งนี้ หมอวิน-เวชพิสิทธิ์ ได้จัดงาน Science of Beauty : ศาสตร์แห่งความงาม พร้อมอัปเดตเทรนด์การดูแลความงามในปี 2023 กับการย้อนวัยและล็อคหน้าให้คงที่ ด้วยแนวคิด ”ความงามคือการเติมความรู้สึกดีดี ให้กับตัวเอง” ณ ห้อง Studio R8 โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
โดย หมอวิน-นายแพทย์เวชพิสิทธิ์ พนาวร ผู้ก่อตั้ง Doctor Win Clinic และบริหารงาน ได้กล่าวว่า “ในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่นิยมรับการดูแลเรื่องปรับรูปหน้าและยกกระชับ ซึ่งตรงกับเทรนด์ความงามในปีนี้ 2023 คือ การย้อนวัยสำหรับผู้ที่มีอายุและริ้วรอย และการล็อคอายุหน้าให้ดูเด็กลงหรืออายุเท่าเดิม ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้คนไข้ได้เลือกใช้บริการ แต่ที่นิยมส่วนใหญ่ก็คือ การผ่าตัดศัลยกรรม และหัตถการ ซึ่งเป็นการใช้สารเติมเต็มเพื่อแก้ไขและปรับรูปหน้าให้เหมาะสมตรงกับความต้องการ สำหรับการปรับรูปหน้าด้วยวิธีหัตถการนี้มีข้อดีคือ ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่คนไข้บางท่านอาจจะต้องหลีกเลี่ยงตามคำสั่งแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วย การฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์สมัยนี้แตกต่างจากเดิม เมื่อก่อนคนไข้กังวลจุดไหนก็จะเติมที่จุดนั้น อย่างใต้ตาหรือร่องแก้มก็จะฉีดเติมเข้าไปแค่จุดที่ต้องการ แต่ในปัจจุบันจะเป็นการปรับแก้ไขรูปหน้าไปพร้อมกัน เพื่อให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากที่สุด และในการฉีดสารเติมเต็มเข้าไป 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ 1 - 2 ปี จึงทำให้วิธีหัตการนี้กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมสำหรับคนไข้ที่รับการรักษา
แต่ว่าการรักษาด้วยสารเติมเต็มเป็นหัตการที่ไม่ง่าย ในการลงตัวยาแต่ละจุดนั้นมีผลทั้งหมด แม้กระทั่งตัวยาขนาด 0.1 CC ก็มีผลทำให้ทิศทางของแสงหรือเงาที่ตกกระทบเปลี่ยนไป เปรียบเสมือนว่าเอาสารเติมเต็มมาปรับรูปหน้า ดังนั้นถ้าองศาเปลี่ยนนิดเดียวก็มีผลกับคนไข้ เพราะฉะนั้นประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ผลการรักษาออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด และยังรวมไปถึงสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ด้วยว่า ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะถ้าใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะทำให้เกิดปัญหา ผิวหน้าอักเสบ หรือปัญหาอื่น ๆ ตามมาก็ได้
ในการรักษาในแต่ละเคสนั้น หมอจะต้องทำความเข้าใจกับคนไข้ถึงความต้องการที่แท้จริงก่อน การรักษาด้วยสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์นั้น เป็นการแก้ไขปัญหาของกระดูกและชั้นไขมันที่บกพร่อง ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เวลายุบก็จะยุบพร้อมกันเกือบทั้งใบหน้า เพราะฉะนั้นการแก้ไขก็ต้องปรับแก้บริเวณใกล้เคียงไปพร้อมกัน เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการฉีดเข้าไปเพียงจุดเดียว เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปจะใช้เทคนิคที่เน้นการปรับรูปหน้าโดยรวม โดยเน้นเรื่องการยกกระชับก่อนการเติมเต็ม อย่างเคสคนไข้ที่มีปัญหาร่องลึกของใต้ตา หมอก็จะยกส่วนของโหนกแก้มหรือบริเวณขมับเพื่อให้หน้าดูยกขึ้นก่อน แล้วค่อยเติมฟิลเลอร์ที่ใต้ตาซึ่งจะใช้ปริมาณยาที่น้อยลง จึงทำให้รูปหน้าโดยรวมไม่แข็งและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ส่วนใหญ่หลังจากทำออกมาแล้วคนไข้จะพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
เคสที่เข้ามาให้หมอแก้ไขที่ยากที่สุดคือ คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมมาหลายครั้ง เพราะด้านในมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรูปหน้า รวมถึงมีผังผืดและเส้นเลือดที่เป็นผลข้างเคียงหลังผ่าตัด จึงทำให้หมอต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่หมอเฉพาะทางจริง ๆ หรือมีความชำนาญก็จะยิ่งทำให้คนไข้มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ สิ่งที่อยากแนะนำผู้ที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติด้วยวิธีหัตถการนี้ ต้องศึกษาให้ดี เลือกคลินิกที่มีคุณภาพ เวชภัณฑ์หรือสารเติมเต็มที่ดี เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรื่องของราคา โปรโมชั่น และการโฆษณาที่ดูเกินจริง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการรักษา
สำหรับ Doctor Win Clinic ให้บริการด้านเติมฟิลเลอร์ใต้ตา และยกกระชับปรับรูปหน้าย้อนวัย ด้วยเครื่องยกกระชับ Ultraformer iii แบบ High intensity focus UltraSound เหมาะกับบริเวณผิวใบหน้า ช่วยสลายไขมันที่ใต้ชั้นผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องมุมปาก บริเวณคอ ให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องผิวพรรณ รวมถึงการศัลยกรรมเล็กการทำตาสองชั้นเป็นต้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาหรืออยากปรับรูปหน้าให้เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอหรือทีมแพทย์ของเราก่อนรับการรักษาได้นะครับ ทาง Doctor Win Clinic อยากช่วยเติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้กับทุกท่านครับ” หมอวิน-เวชพิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 065 669 1695 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/doctorwinclinic/?locale=th_TH
5
news & activity / เต็ดตรา แพ้ค ร่วมส่งต่อพลังความเท่าเทียมผ่านผู้บริหารหญิง บนเวทีวันสตรีสากล
« on: Today at 02:09:30 AM »เต็ดตรา แพ้ค ร่วมส่งต่อพลังความเท่าเทียมผ่านผู้บริหารหญิง
บนเวทีวันสตรีสากล จัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์
บนเวทีวันสตรีสากล จัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์
กรุงเทพฯ (17 มีนาคม 2566) - เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก นำโดย คุณรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้พูดคนสำคัญบนเวที International Women’s Day ซึ่งจัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์(Citibank) เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ร่วมกับ นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด และ นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น
ภายในงาน คุณรัตนศิริ ได้ขึ้นกล่าวแสดงความคิดเห็นในมุมมองของนักธุรกิจหญิงที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำบริษัทระดับโลกในประเทศไทย โดยคุณรัตนศิริ ได้แบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นในด้านหน้าที่การทำงาน ความท้าทายในองค์กร และบทบาทของผู้นำองค์กร ที่ต้องแสดงให้เห็นถึงการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ยอมรับความเสมอภาค ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายและเท่าเทียม รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมในองค์กร
นับเป็นโอกาสอันดีที่คุณรัตนศิริ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นบนเวที International Women’s Day ที่สอดคล้องกับนโยบายของเต็ดตรา แพ้ค ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ สร้างความเท่าเทียมของผู้หญิง และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
จากซ้ายไปขวา
1. นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น
2. นางซิลเวีย วิจายา รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ผู้สนับสนุนโครงการ Citi Thailand Women’s Network
3. นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
4. นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
###
เกี่ยวกับเต็ดตรา แพ้ค
เต็ดตรา แพ้ค คือผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอาหารชั้นนำของโลก โดยทำงานร่วมกับลูกค้าและซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้คนนับพันล้านในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ด้วยจำนวนพนักงานมากกว่า 25,000 คนซึ่งมีฐานการดำเนินงานทั่วโลก เราเชื่อในความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมและการมอบความยั่งยืนแก่ธุรกิจนี้ ปรัชญาการทำงานของเราคือปกป้อง ทุกคุณค่า™ หรือ “PROTECTS WHAT’S GOOD™” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเราในการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและซื้อหาได้ในทุกที่
ข้อมูลเกี่ยวกับ เต็ดตรา แพ้ค กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.tetrapak.com/th
6
Sport News & Motor Sport / ดาวดังเอเชียลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์ในศึก ดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์
« on: Today at 01:55:54 AM »ดาวดังเอเชียลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์ในศึก ดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์
22 มีนาคม 2566 – โปรกอล์ฟชื่อดังของเอเชียพร้อมสร้างเซอร์ไพรส์สยบมือท็อปของโลกในศึก เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ-เดลล์ เทคโลโลยีส์ แมตช์เพลย์ ซึ่งจะเปิดฉากดวลวงสวิงในวันพุธที่ 22 มีนาคมนี้ ณ สนามออสติน คันทรี คลับ เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย ทอม คิม ดาวรุ่งพุ่งแรงจากเกาหลีใต้อยู่กลุ่มเดียวกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ แชมป์เก่าและมือหนึ่งโลกคนปัจจุบัน (ภาพ: Getty Images)
ทอม คิม โปรกอล์ฟวัย 20 ปีจากเกาหลีใต้ ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ มาแล้ว 2 รายการ ลงประเดิมแข่งขันครั้งแรกในรายการ เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ-เดลล์ เทคโลโลยีส์ แมตช์เพลย์ ชิงเงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีนักกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลก 64 คนร่วมชิงชัย โดยทอม คิม อยู่ในกลุ่ม 1 ร่วมกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกชาวอเมริกัน แชมป์เก่ารายการนี้ พร้อมด้วย อเล็กซ์ นอเรน โปรกอล์ฟทีมไรเดอร์ คัพ ยุโรป ชาวสวีเดน และเดวิส ไรลีย์ จากสหรัฐ
การเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาเป็นแบบแมตช์เพลย์ในสัปดาห์นี้ เป็นการรื้อฟื้นความทรงจำในการแข่งขันรายการเพสซิเดนท์ส คัพ ที่เควล ฮอลโลว์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำหรับทอม คิม ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้ดีเก็บแต้มให้ทีมนานาชาติ 2 คะแนน
โดยทอม คิม จับคู่กับ เค.เอช.ลี คว้าชัยเหนือ สกอตตี เชฟเฟลอร์ และแซม เบิร์นส์ 2 และ 1 ในการแข่งขันแบบโฟรซัมส์ช่วงเช้าวันเสาร์ จากนั้นจับคู่กับ ซิ วู คิม เอาชนะ แพตทริก แคนต์เลย์ และซานเดอร์ ชาฟเฟเล 1 อัพ ในประเภทโฟร์บอล โดยพัตต์เบอร์ดี้เก็บชัยที่หลุม 18
ด้าน ซิ วู คิม ลงเล่นในรายการเดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์ เป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ และหวังจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นครั้งแรก โดยเจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ 4 รายการ อยู่ในกลุ่ม 8 ร่วมกับ วิคเตอร์ โฮฟแลนด์, คริส เคิร์ก และแมตต์ คูชาร์ แชมป์ปี 2013 ทั้งนี้โปรกอล์ฟวัย 27 ปีจากแดนโสมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก เพรสซิเดนส์ คัพ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เก็บแต้มสูงสุดให้ทีมนานาชาติ 3 คะแนน รวมถึงการเอาชนะ จัสติน โธมัส 1 อัพ ในประเภทซิงเกิลแมตช์
ส่วน เค.เอช.ลี ล่าสุดเพิ่งคว้าอันดับ 19 ร่วม ในศึกวัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะลงแข่งขันในรายการเดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับ ทอม คิม โดยถูกจับสลากให้อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับแพตทริก แคนต์เลย์, ไบรอัน ฮาร์แมน และนิค เทย์เลอร์ ขณะที่ อิม ซองแจ ร่วมกลุ่มกับ ทอมมี่ ฟลีตวู้ด, เจ.ที. พอสตัน และมาเวอริก แม็คนีลีย์ โดย อิม ซองแจ ลุ้นผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก ในการร่วมชิงชัยในทัวร์นาเมนท์นี้เป็นครั้งที่สาม
ทางด้าน ฮิเดกิ มัตซึยามา ดาวดังจากญี่ปุ่น แชมป์พีจีเอทัวร์ 8 รายการ อยู่ในกลุ่ม 6 ร่วมกับ แม็กซ์ โฮมา, จัสติน ซูห์ และเควิน คิสเนอร์ ดีกรีแชมป์ปี 2019 และรองแชมป์ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ยังไม่มีนักกอล์ฟจากเอเชียชนะเลิศในการแข่งขันเดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ นับตั้งแต่จัดครั้งแรกในปี 1999 กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟไทยผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2018 เช่นเดียวกับ ธงชัย ใจดี ดาวดังของไทยอีกคนที่ทำได้ในปี 2010 ขณะที่ เค.เจ.ชอย ตำนานนักกอล์ฟเกาหลีใต้ก็เข้าถึงรอบนี้เช่นกันในปี 2008 ด้านฮิเดโตะ ทานิฮาร่า จากญี่ปุ่นสร้างเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศก่อนจบอันดับ 4 ในปี 2017 ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติอย่าง โทรุ ทานิกูชิ เป็นนักกอล์ฟเอเชียที่ทำผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์นี้หลังจากคว้าอันดับ 3 ในปี 2001
ทางฝั่งนักกอล์ฟมือท็อปของโลก สกอตตี เชฟเฟลอร์ มือวางอันดับ 1 และแชมป์เก่า ฟอร์มกำลังฮอต ล่าสุดเพิ่งคว้าแชมป์รายการใหญ่ของพีจีเอทัวร์ศึก เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และสถิติในการลงเล่นที่สนามออสติน คันทรีคลับ 2 ครั้งที่ผ่านมา เข้าชิงทั้งสองครั้ง โดยแพ้ บิลลี่ ฮอร์เซล ในปี 2021 และมาชนะ เควิน คิสเนอร์ เมื่อปีที่แล้ว การคว้าชัยของเชฟเฟลอร์ในปี 2022 ทำให้เขาขยับขึ้นครองมือ 1 โลกเป็นครั้งแรก มาในปีนี้เชฟเฟลอร์ ต้องดวลกับ ทอม คิม มืออันดับ 17, อเล็กซ์ นอเรน มืออันดับ 38 และเดวิส ไรลีย์ มืออันดับ 54 ในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก
ด้านจอน ราห์ม มือวางอันดับ 2 ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม 3 ครั้ง จากการลงเล่น 5 ครั้ง รวมถึงการผ่านเข้าชิงชนะเลิศในการประเดิมสนามออสติน คันทรีคลับ ปี 2017 และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2021 และรอบ 16 คนสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ โปรกอล์ฟชื่อดังจากสเปน อยู่ร่วมกลุ่มกับ บิลลี่ ฮอร์เซล มืออันดับ 22 ดีกรีแชมป์ปี 2021 คีธ มิตเชล์ มืออันดับ 39 และริกกี้ ฟาวเลอร์ มืออันดับ 49 ที่กลับมาลงแข่งรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
ขณะที่ รอรี่ แม็คอิลรอย มือวางอันดับ 3 กลับมาร่วมชิงชัยที่ออสติน คันทรีคลับ เป็นครั้งแรกในรอบสองปี นับตั้งแต่ปี 2021และเป็นการลงเล่นครั้งที่ 6 ของโปรกอล์ฟจากไอร์แลนด์ โดยได้อันดับ 4 เมื่อปี 2016 แต่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเพียงครั้งเดียวจากสี่ครั้งนับตั้งแต่ปี 2019 ในการแข่งขันปีนี้ แม็คอิลรอย อยู่กลุ่มเดียวกับ คีแกน แบรดลีย์ มืออันดับ 20 แดนนี่ แม็คคาร์ธี อันดับ 48 และสกอตต์ สตอลลิงส์ อันดับ 52
ส่วน จอร์แดน สปีธ อดีตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส มือวางอันดับ 12 ร่วมแข่งขันรายการเดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์ เป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ หลังจากเพิ่งคว้าอันดับ 3 ร่วมในการแข่งขันศึกวัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ สปีธชนะในรอบแบ่งกลุ่มปี 2016 และ 2021 แต่ไม่เคยผ่านเข้ารอบไปกว่ารอบ 16 คนสุดท้ายได้เลย โดยคราวนี้ร่วมกลุ่มกับ เชน ลอว์รี มือวางอันดับ 21 เทย์เลอ์ มอนโกเมอรี่ มืออันดับ 47 และแม็คเคนซี ฮิวจส์ มือ 50)
สำหรับผลการแบ่งกลุ่ม ในการแข่งขันดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ 2023 มีดังนี้:
กลุ่ม 1
- สกอตตี เชฟเฟลอร์ (1)
- ทอม คิม (17)
- อเล็กซ์ นอเรน (38)
- เดวิด ไรลีย์ (54)
กลุ่ม 2
- จอน ราห์ม (2)
- บิลลี่ ฮอร์เชล (22)
- คีธ มิตเชลล์ (39)
- ริกกี้ ฟาวเลอร์ (49)
กลุ่ม 3
- รอรี่ แม็คอิลรอย (3)
- คีแกน แบรดลีย์ (20)
- เดนนี่ แม็คคาร์ธี (48)
- สอตต์ สตอลลิงส์ (52)
กลุ่ม 4
- แพตทริก แคนต์เลย์ (4)
- ไบรอัน ฮาร์แมน (25)
- เค.เอช. ลี (35)
- นิค เทย์เลอร์ (55)
กลุ่ม 5
- แม็กซ์ โฮมา (5)
- ฮิเดกิ มัตซึยาม่า (18)
- เควิน คิสเนอร์ (42)
- จัสติน ซูห์ (63)
กลุ่ม 6
- ซานเดอร์ ชาฟเฟเล (6)
- ทอม โฮจ (23)
- อารอน ไวส์ (40)
- แคม เดวิส (64)
กลุ่ม 7
- วิล ซาลาตาริส (7)
- ไรอัน ฟ็อกซ์ (29)
- แฮร์ริส อิงลิช (37)
- แอนดรูว์ พัตแนม (56)
กลุ่ม 8
- วิคเตอร์ โฮฟแลนด์ (

- คริส เคิร์ก (28)
- ซิ วู คิม (34)
- แมตต์ คูชาร์ (59)
กลุ่ม 9
- โคลิน โมริกาวา (9)
- เจสัน เดย์ (32)
- อดัม สเวนส์สัน (44)
- วิคเตอร์ เปเรซ (51)
กลุ่ม 10
- โทนี่ ฟิเนา (10)
- เคิร์ต คิตายามา (19)
- เอเดรียน เมรองค์ (45)
- คริสเตียน เบซุยเดนเฮาท์ (60)
กลุ่ม 11
- แมตต์ ฟิตซ์แพทริก (11)
- ซาฮิธ ธีกาลา (26)
- ลี มิน วู (41)
- เจ.เจ. สปอน (61)
กลุ่ม 12
- จอร์แดน สปีธ (12)
- เชน ลอว์รี่ (21)
- เทย์เลอร์ มอนโกเมอรี่ (47)
- แม็คเคนซี ฮิวจ์ส (50)
กลุ่ม 13
- แซม เบิร์นส์ (13)
- ซีมุส พาวเวอร์ (30)
- อดัม สกอตต์ (33)
- อดัม แฮดวิน (53)
กลุ่ม 14
- ไทร์เรลล์ ฮัตตัน (14)
- รัสเซลล์ เฮนลีย์ (31)
- ลูคัส เฮอร์เบิร์ต (46)
- เบน กริฟฟิน (62)
กลุ่ม 15
- คาเมรอน ยัง (15)
- เซปป์ สตราก้า (27)
- คอรีย์ คอร์นเนอร์ส (36)
- เดวิส ธอมป์สัน (57)
กลุ่ม 16
- อิม ซองแจ (16)
- ทอมมี่ ฟลีตวู้ด (24)
- เจ.ที. พอสตั้น (43)
- มาเวอริก แม็คนีลีย์ (58)
7
Sport News & Motor Sport / “เอเชียน ทัวร์” ข้ามผ่านวิกฤต สู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
« on: Today at 01:46:56 AM »“เอเชียน ทัวร์” ข้ามผ่านวิกฤต สู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
21 มีนาคม 2566 – จากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ทุกองค์กรทั่วโลก รวมทั้งแวดวงกีฬา เช่นเดียวกับเอเชียน ทัวร์ องค์กรผู้ดูแลการจัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพชายในเอเชียและภูมิภาคอื่นที่ร่วมมือกัน ล้วนได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เอเชียน ทัวร์ สามารถข้ามผ่านวิกฤตนั้นมาได้ และกำลังก้าวไปในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เอเชียน ทัวร์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของ โช มินน์ ตันห์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเรือใหญ่ที่นำทัวร์ก้าวผ่านวิกฤตไปได้อย่างน่าทึ่ง และได้พันธมิตรจากกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งลิฟ กอล์ฟ ผนึกกำลังฝ่าวิกฤตนั้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
โช มินน์ ตันห์ เผยว่า "ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเราประสบปัญหาเรื่องสปอนเซอร์ทำให้รายการแข่งขันของเราลดน้อยลง และยังมาประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เข้ามาอีก ทำให้การจัดการแข่งขันอยู่ในแวดวงจำกัดเพียงแค่บางประเทศ แต่หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเราก็กลับมาแข่งขันได้ตามปกติ และเราโชคดีที่เราได้พันธมิตรจากทางกอล์ฟซาอุดีและกลุ่มทุนทางซาอุดิอาระเบียผ่านทางลิฟกอล์ฟที่เข้ามาสนับสนุนเรา ทำให้กลับมามีรายการแข่งขันและมีเงินรางวัลเพิ่มมากขึ้น"
ประธานบริหารเอเชียน ทัวร์ ยังกล่าวถึงการแข่งขันรายการใหญ่ที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ อินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้เอเชียน ทัวร์ ก้าวไปอีกระดับว่า "แน่นอนการที่เราได้จัดการแข่งขันอินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ขึ้นมาทำให้นักกอล์ฟสมาชิกของเอเชียน ทัวร์ ได้แข่งขันกับนักกอล์ฟระดับชั้นนำจากทวีปต่างๆ และได้ไปจัดการแข่งขันในทวีปอื่นอย่างในอังกฤษ โดยปีที่แล้วเรามี 6 รายการ เริ่มต้นที่ประเทศไทยเป็นรายการแรก และปิดท้ายในทวีปแอฟริกาที่โมร็อกโกและอิยิปต์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เอเชียน ทัวร์ แข่งขันในแอฟริกาเหนือ รวมถึงแต่ละรายการก็มีเงินรางวัลไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ”
โช มินน์ ตันห์ กล่าวอีกว่า "สำหรับปีนี้เราได้ประกาศการแข่งขันไปแล้ว 5 รายการ และเป็นครั้งแรกที่อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ แข่งขันในตะวันออกกลางที่โอมานและกาตาร์ ก่อนมาแข่งขันในประเทศไทย และเรายังมีโปรแกรมไปแข่งขันที่เวียดนาม และกลับไปแข่งขันที่อังกฤษอีกครั้ง ส่วนที่เหลือเราจะประกาศโปรแกรมเอเชียน ทัวร์ ช่วงฤดูกาลครึ่งหลังให้ทราบอีกครั้ง และยังมีโปรแกรมของเอเชียน ทัวร์ ในประเทศไทยที่จะประกาศอีกด้วย และที่สำคัญนักกอล์ฟในเอเชียน ทัวร์ ของเรา เมื่อมีอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ต่อสู้ในการทำอันดับเพื่อให้ได้สิทธิ์ไปแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนักกอล์ฟที่ครองอันดับหนึ่งของตารางเงินรางวัลรวมหรือ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต ในรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันรายการ ลิฟ กอล์ฟ และในอนาคตอาจมีเพิ่มมากขึ้นก็ได้""
ประธานบริหารเอเชียน ทัวร์ ยังกล่าวถึงการเติบโตของทัวร์ในขณะนี้ว่า "หลังจากที่เราได้จัดการแข่งขันรายการ อินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้นักกอล์ฟชั้นนำของเอเชียน ทัวร์ ที่ไปแข่งขันในทัวร์ใหญ่หลายคนกลับมาแข่งขันในทัวร์เรามากขึ้น เอเชียน ทัวร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของนักกอล์ฟที่จะก้าวไปในทัวร์ใหญ่อย่างพีจีเอ ทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น กิรเดช อภิบาลรัตน์, อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ หรือแม้แต่นักกอล์ฟคนล่าสุดอย่าง คิม จูฮยอง (ทอม คิม) จากเกาหลีใต้ก็สามารถคว้าแชมป์ในพีจีเอ ทัวร์ มาได้"
ประธานเอเชียน ทัวร์ ยังได้กล่าวถึงนักกอล์ฟในเอเชียน ทัวร์ ว่า "ปัจจุบันมีการพัฒนาการก้าวไปข้างหน้าเพิ่มมากขึ้นโดยกลุ่มนักกอล์ฟรุ่นใหม่ๆ แม้ว่าทัวร์ของเราจะเป็นทัวร์มีสมาชิกหลากหลายและมีจำนวนนักกอล์ฟไทยมากที่สุด รองลงมาคืออินเดียและเกาหลีใต้ หากจะให้มองย้อนกลับไปในอดีตแล้วปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนพัฒนาศักยภาพนักกอล์ฟมากกว่าเดิม"
เป้าหมายของเอเชียน ทัวร์ ในอนาคตนั้นคือการเตรียมจะเข้าไปเปิดตลาดในเอเชียกลางโดย โช มินน์ ตันห์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "หลังจากเราไปจัดการแข่งขันในยุโรป แอฟริกา และไปแอฟริกาเหนือ รวมถึงตะวันออกลาง เพื่อจัดการแข่งขันอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ครั้งแรก เป้าหมายต่อไปของเราคือการก้าวไปยังเอเชียกลาง เพราะประเทศแถบนี้ไม่เคยมีการจัดการแข่งขันกอล์ฟทัวร์อาชีพรายการสำคัญมาก่อน"
สำหรับเอเชียน ทัวร์ ฤดูกาล 2023 ได้ประกาศโปรแกรมช่วงแรกออกมารวม 11 รายการ เริ่มต้นรายการแรกที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีเงินรางวัลรวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียน ทัวร์ (ยกเว้นรายการร่วมกับพีจีเอ ทัวร์) ทั้งนี้ทางเอเชียน ทัวร์ จะประกาศโปรแกรมการแข่งขันครึ่งฤดูกาลหลังออกมาอีกครั้งในโอกาสต่อไป
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
8
นวัตกรรมยานยนต์ - รถยนต์ - มอเตอร์ไซต์ - อุปกรณ์เสริม / สมาคมรถโบราณ พาเหรดรถโบราณ ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
« on: Today at 01:19:57 AM »สมาคมรถโบราณ พาเหรดรถโบราณ
ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36 ประจำปี 2566 ภายใต้ชื่องาน “เยือนถิ่นเมืองพริบพรี สดุดีจอมราชัน แดนสร้างสรรค์อาหารไทย” โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย และกรรมการฯ จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค เข้าร่วมงาน ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566
9
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / “กรุงศรี ออโต้” หวังครองใจ Fansumer ด้วยโซลูชันเพื่ออนาคต
« on: Today at 12:31:23 AM »“กรุงศรี ออโต้” หวังครองใจ Fansumer ด้วยโซลูชันเพื่ออนาคต
ชู 3 กลยุทธ์สร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น
ชู 3 กลยุทธ์สร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น
กรุงเทพฯ, 22 มีนาคม 2566 – “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ชูโซลูชันเพื่ออนาคต ตอบสนองชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้นในทุกวัน อันได้แก่ สร้างฐาน Fansumer (Building Fansumer) เปิดโอกาสใหม่ด้วย AI (Winning with AI Technology) และนำเสนอบริการครบ จบ บนแพลตฟอร์มเดียว (DIY Service) ตอกย้ำแบรนด์สินเชื่อยานยนต์ เพื่อทุกชีวิตผู้ใช้รถในประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยยอดสินเชื่อใหม่มูลค่า 192,000 ล้านบาท เติบโต 5% ครองอันดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อยานยนต์อย่างแข็งแกร่ง
นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดสินเชื่อยานยนต์ในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเราคาดว่ามูลค่ายอดสินเชื่อยานยนต์ใหม่ในตลาดรวม จะอยู่ที่ 527,000 ล้านบาท ตลอดจนเล็งเห็นถึงความสำคัญของ 2 เทรนด์ผู้บริโภคที่น่าสนใจ คือ วัฒนธรรมการบริโภคแบบใหม่ที่เน้นประสบการณ์มากกว่าเน้นการขาย (Experience Economy) และ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากขึ้น (New Generation of Digital Consumers) อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันเพื่ออนาคต ตอบรับกับเทรนด์ใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเป้าหมายในการสร้างสรรค์ชีวิตของผู้ใช้รถให้ดียิ่งขึ้นในทุกวัน”
ในปี 2566 กรุงศรี ออโต้ จะขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ พร้อมสร้างสรรค์โซลูชันเพื่ออนาคต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก อันได้แก่ การสร้างฐาน Fansumer (Building Fansumer) ผ่านแพลตฟอร์มหลักอย่าง GO by Krungsri Auto ที่สามารถตอบสนองชีวิตผู้ใช้รถได้ในหลากหลายมิติ ด้วย 2 ฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่าง GO Auto Station พร้อมมอบดีลที่ถูกใจและข้อเสนอด้านการเงินที่ดีที่สุดตามรายบุคคลได้ในทันที และ Auto Club แหล่งรวมคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถ ต่อยอดจากอินไซต์จริงเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้รถ ตลอดจนการผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านการเชื่อมต่อนวัตกรรม PromptStart Ready อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจซื้อรถ สามารถเลือกรถที่ใช่ ในเวลาที่ชอบ ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังพร้อมเปิดโอกาสใหม่ด้วย AI (Winning with AI Technology) ด้วยฐานข้อมูลลูกค้าในเครือกรุงศรี และกลยุทธ์ One Retail ที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ พร้อมต่อยอดสู่การมอบโซลูชันที่เฉพาะเจาะจงและตรงใจมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น กรุงศรี ออโต้ ยังได้นำ AI มาช่วยสร้างคุณค่าใหม่ให้กับพันธมิตรดีลเลอร์ จากการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจเซกเมนต์ลูกค้า ช่วยส่งต่อความต้องการของลูกค้าที่ตรงกับพันธมิตรดีลเลอร์ และส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนคุณค่า (Value Exchange) อย่างยั่งยืน
ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้รถเจนใหม่ที่ใช้ดิจิทัลเป็นหลัก กรุงศรี ออโต้ จึงมุ่งเน้นในการนำเสนอบริการครบ จบ บนแพลตฟอร์มเดียว (DIY Service) ผ่านการพัฒนาฟีเจอร์และบริการแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว ในทุกที่ ทุกเวลา โดยมีแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto และ LINE Official Account เป็น 2 แพลตฟอร์มหลักในการส่งมอบ DIY Service ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง iPartner ที่ผสานการทำงานกับดีลเลอร์หลายพันรายทั่วประเทศได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันเพื่ออนาคตที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและคู่ค้า เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ กรุงศรี ออโต้ เชื่อมั่นว่า ในปี 2566 เราจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างรวมมูลค่า 426,000 ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนขยายอีโคซิสเต็มยานยนต์ (Auto Ecosystem) ในทุกๆ มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายคงสิน กล่าวปิดท้าย
###
ประสบการณ์ใหม่กับ กรุงศรี ออโต้
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ได้แก่ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช” สินเชื่อรถบ้าน ”กรุงศรี รถบ้าน” สินเชื่อรถใหม่ “กรุงศรี นิว คาร์” สินเชื่อรถเต็นท์ “กรุงศรี ยูสด์ คาร์” สินเชื่อรถบรรทุกใหม่ “กรุงศรี ทรัค” ซึ่งให้บริการโดยกลุ่มงานธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สินเชื่อรถจักรยานยนต์ “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ “กรุงศรี บิ๊ก ไบค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ มือสอง “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์มือสอง (ซื้อจากเจ้าของ)” สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “กรุงศรี อินเวนทอรี่ ไฟแนนซ์” รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัย “กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์” ซึ่งให้บริการโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการสินเชื่อของกรุงศรี ออโต้ พร้อมรับคำปรึกษาทั้งเรื่องรถและเรื่องเงิน ช่วยให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย ผ่านสาขากรุงศรี ออโต้ 52 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือติดต่อ "กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์" โทร 02-740-7400 กด 1 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.krungsriauto.com หรือ www.facebook.com/krungsriauto
10
news & activity / ซุบซิบ: คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง จัดโชว์เคสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
« on: Today at 12:15:26 AM »คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง จัดโชว์เคสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง ควงลูกชายสุดหล่อ น้องอาร์ม-คริษฐ์ อึง ไปร่วมงาน HELLO! Experience with CINQ ROYAL Krungthep Kreetha by Asset Five, “The Luxury Affair” เรียกว่าเป็นปลื้มสุด ๆ เพราะได้รับเกียรติให้ เมซอง แบร์เช่ ปารีส จัดโชว์เคสสานจินตนาการตกแต่งบ้าน ทั้งชุดตะเกียงน้ำหอม ก้านกระจายความหอม และ เทียนหอม เป็นที่ประทับใจทั้งผู้บริหารเจ้าของโครงการและลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชม เตรียมรับออเดอร์รัว ๆ ค่ะ
11
news & activity / เครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ รับโล่เกียรติคุณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
« on: Today at 12:06:27 AM »เครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ รับโล่เกียรติคุณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ (วว.)
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นประธานในงาน “TISTR and Friends 2023” มอบโล่เกียรติคุณให้กับ ณฤพล นภาสกุลคู กรรมการบริหารบริษัทแมสคอท ฟู๊ดส์ แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ (MIA’Milk Goat Milk) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องทั้งกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยและสะอาด ซึ่งอยู่ในนวัตกรรมการผลิตของ วว.โดยมี ศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และ นิธิวดี สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประสานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs และส่งเสริมนโยบายภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้เกียรติร่วมงาน ณ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
12
news & activity / ไอ.พี. วัน รุกต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน “ความยั่งยืน” จับมือ เดอะมอลล์
« on: March 22, 2023, 10:26:18 PM »ไอ.พี. วัน รุกต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน “ความยั่งยืน” จับมือ เดอะมอลล์ กรุ๊ป
ขยายตู้ Hygiene Refill Station ลดปัญหาขยะพลาสติก สนับสนุนแนวคิด Zero Waste
ขยายตู้ Hygiene Refill Station ลดปัญหาขยะพลาสติก สนับสนุนแนวคิด Zero Waste
กว่า 2 ปี กับความสำเร็จของ “Hygiene Refill Station – ตู้รีฟิลผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฮยีน” โปรเจคยักษ์ใหญ่รักษ์โลก ลดปัญหาขยะพลาสติกจากแบรนด์ “ไฮยีน” ภายใต้การบริหารงานของ ไอ.พี.วัน (I.P. ONE) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติไทย ที่สร้างความท้าทายครั้งสำคัญ จุดเริ่มต้นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ซ้ำ (Reuse) เพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ร่วมสนับสนุนแนวคิด Zero Waste ลดขยะจากผลิตภัณฑ์ให้เป็นศูนย์
นายชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานกลยุทธ์และกลุ่มงานคอมเมอร์เชียล บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด กล่าวว่า ปัญหาขยะพลาสติกถือเป็นปัญหาใหญ่ของโลกสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ โดยในปี 2563 วารสาร Science Advances ได้ระบุว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนขยะพลาสติกในขยะทั่วไปมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในแต่ละปีประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกเฉลี่ยปีละกว่า 4 ล้านตัน อันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ซึ่ง ไอ.พี. วัน ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ยอดนิยม ไฮยีน วิกซอล วิซ ไอวี่ แดนซ์ และ โฟกัส นั้นได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร จึงได้กำหนดเรื่องการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมาเป็นยุทธ์ศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจมาตลอด 50 ปี
จากการตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและปัญหาขยะในประเทศที่เกิดขึ้น จึงได้เดินหน้าโปรเจค So in Green สร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมรักษ์โลก อย่าง "Hygiene Refill Station- ตู้รีฟิลผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฮยีน" ซึ่งได้ติดตั้งและเปิดให้บริการในพื้นที่สาธารณะเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันมีจุดให้บริการจำนวน 14 ตู้ เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น
ล่าสุด ไอ.พี. วัน เดินหน้านโยบายความยั่งยืน ผนึกความร่วมมือต่อเนื่องกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดจุดให้บริการเพิ่มเติมณ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา เอ็ม ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ โดยบริษัทฯ มีแผนจะขยายจุดให้บริการครอบคลุมจังหวัดชั้นนำในภูมิภาคต่างๆ ตั้งเป้าหมายให้มีผู้มาใช้ทั้ง 14 จุดให้บริการราว 200 ล้านมิลลิลิตร ซึ่งสามารถทำให้ขยะพลาสติกหายไปจากระบบได้ไม่ต่ำกว่า 450,000 ชิ้น และจำนวนดังกล่าวยังมีส่วนช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้มากถึง 24,000 กิโลกรัม เพื่อส่งเสริมแนวคิด Zero Waste ร่วมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค ลดปริมาณขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในด้านการจัดการขยะของประเทศ ปี 2565 - 2570 ที่มุ่งหวังจัดการขยะมูลและนำทรัพยากรกลับคืนจากของเสียให้มากที่สุด
ทางด้าน นางสาวพลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกจิตสำนึกให้ผู้บริโภคได้ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาขยะพลาสติก ซึ่ง Hygiene Refill Station ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่สอดรับกับนโยบายของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะ GREEN RETAIL ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน และได้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากแคมเปญต่าง ๆ ที่ทางเดอะมอลล์จัดขึ้นล้วนแล้วแต่มุ่งหวังให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดใช้ถุงพลาสติก อย่างเช่น โครงการ THE MALL GROUP GO GREEN ; GREEN EVERYDAY ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนด้วยการรณรงค์ให้ผู้บริโภคงดรับถุงพลาสติกและนำถุงผ้ามาช้อปปิ้งแทน”
ในความร่วมมือในครั้งนี้ ไอ.พี. วัน และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคที่มาใช้บริการและถือเป็นการเดินหน้าสานต่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของทั้งสององค์กร ในการร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการลดปริมาณขยะพลาสติกที่เป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน”
13
ข่าวบันเทิง / ฮาจนน้ำตาเล็ด “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค”กับ 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้ว ของตัวแม่ซุปตาร์
« on: March 22, 2023, 10:14:38 PM »ฮาจนน้ำตาเล็ด “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค”กับ 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้ว
ของตัวแม่ซุปตาร์ “ชมพู่ อารยา” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
ของตัวแม่ซุปตาร์ “ชมพู่ อารยา” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
วันเสาร์นี้ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 เตรียมฉายความสนุกกับภาพยนตร์คอมเมอดี้ “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค” ซึ่งได้นักแสดงสาวสวย“ชมพู อารยา เอฮาร์เก็ต”มารับบทบาท 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้วอย่าง 'เคที่' ซุปตาร์ตัวท็อปแห่งวงการบันเทิง และ ‘เจ๊น้ำ’ แม่ค้าขายอาหารปากแซ่บ พร้อมเหล่า 3 ตุ๊ดตัวจี๊ด เพชร เผ่าเพชร เจริญสุข ที่มาในบท กัส, ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม ในบท กอล์ฟ, เต๋อ รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ในบท คิม และ พีค ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ กับบทบาท แนตตี้ จะมาร่วมสร้างปฏิบัติการลวงโลกสุดฮาที่มีเงินเดิมพันสูงถึง 50 ล้านบาท
เริ่มจากความซวยของ กอล์ฟ (ธงชัย ทองกันทม) ตุ๊ดร่างยักษ์ ดันเป็นต้นเหตุให้ เคที่ (ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ดาราดังลื่นล้มหัวฟาดพื้นจนอาการโคม่า และดูเหมือนว่าจะหมดโอกาสฟื้นขึ้นมาถ่ายโฆษณาที่เธอรับเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ได้ ทำให้กอล์ฟจะต้องจ่ายค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท จนกอล์ฟได้มาเจอกับ เจ๊น้ำ (ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต) แม่ค้าขายอาหารปากตลาดที่ทำศัลยกรรมมาจนหน้าเหมือนเคที่เป๊ะเว่อร์ ก็เปรียบเหมือนสวรรค์ส่งคนมาโปรด เจ๊น้ำเป็นความหวังเดียวที่จะมาถ่ายโฆษณาแทนเคที่ได้ แต่อุปสรรคมันติดตรงกิริยาสุดห่ามของเจ้น้ำ แก๊งตุ๊ดซี่ส์จึงแท็คทีมรวมตัวช่วยกอล์ฟกับปฏิบัติการสุดเฟคปลอมเจ๊น้ำให้กลายเป็นซุปตาร์ตัวแม่ เรื่องราวจะวายป่วงขนาดไหน และใครจะจับโป๊ะของพวกหล่อนได้หรือไม่ไปติดตามชมความบันเทิงสุดฮากับภาพยนตร์ “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค” ได้ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมนี้ เวลา 18.40 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
14
news & activity / ‘Festilia’ น้ำผลไม้สกัดเย็นจากอิตาลี เปิดตัวรุกตลาดเครื่องดื่มพรีเมี่ยมเมืองไทย
« on: March 22, 2023, 09:53:41 PM »แอนโตนิโอ บริกูโย่ ประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูนิซิตรัส ไอโซลาคอร์ป จำกัด เตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ชาวไทยด้วยน้ำผลไม้สกัดเย็นจากอิตาลีภายใต้แบรนด์ ‘Festilia’ ส่งต่อความสดชื่นด้วยนวัตกรรมการสกัดที่ทันสมัยตลอด 100 ปี เพื่อให้ได้ลิ้มรสน้ำผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์จากผลไม้ที่คัดสรรอย่างดีจากสวนบนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ปราศจากน้ำตาลและสารกันบูด พร้อมเติมเต็มความสดชื่นให้วันของคุณสุดเฟรช
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการตลาดหลักในประเทศอิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเตรียมเดินหน้ารุกตลาดสู่ตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเพื่อสร้างฮับการเติบโตในภูมิภาคนี้ โดยจะแถลงข่าวเปิดตัว Festilia น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพพร้อมกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2023 ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 ตั้งแต่ 17.00 – 19.30 น. ณ ร้านอาหาร Acqua Restaurant Bangkok ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ
15
โครงการบ้าน คอนโด / “อยู่เจริญเอสเตทส” ลุยโปรเจคต์ที่อยู่อาศัยแนวราบ พัฒนาบ้านแฝด ทาวน์โฮม
« on: March 22, 2023, 08:11:00 PM »“อยู่เจริญเอสเตทส” คิกออฟบ้านแฝดและทาวน์โฮมหรู รับศักราชใหม่ ทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” (Baan U Charoen EastVille) ชูจุดเด่นแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตในย่านหรูของมหานครนิวยอร์ก บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ย่านลาดพร้าว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 28 ยูนิตเท่านั้น พร้อมดึง “ควอตโตร ดีไซน์” ดูแลการคัดสรรและออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน
ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อยู่เจริญเอสเตทส จํากัด เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เครื่องยนต์ขับเคลื่อน การเจริญเติบโตของจีดีพี ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน ถือเป็นแรงส่งให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางกาขยายตัวที่ดีขึ้น ประกอบกับโครงการที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คน ทำให้ความต้องการหรือดีมานด์ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทได้เปิดตัวโครงการ บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ (Baan U Charoen EastVille) ด้วยมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ย่านลาดพร้าว ภายในโครงการประกอบด้วย บ้านแฝดกับพื้นที่ 431 ตร.ม และ ทาวน์โฮมบนพื้นที่ 437 ตร.ม โดยจำนวนทั้งสิ้น 28 ยูนิต กับราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
จุดเด่นของโครงการบ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ คือ ทำเลที่ตั้งโดดเด่น อยู่ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง 300 เมตร การเดินทางคมนาคมมีความสะดวก สามารถเข้าสู่ถนนหลักและทางด่วนได้ง่าย
ส่วนไฮไลท์ของโครงการ ได้นำแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตของผู้คนในในย่านสุดหรูของมหานครนิวยอร์ก อย่างย่าน Upper Eastside เช่น Madison, Lexington และ Park Avenue มาตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการท่องเที่ยว และงานศิลปะ ด้านการออกแบบบ้านแฝดและทาวน์โฮม สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ตรงตามต้องการ หรือแม้แต่การจัดเป็นโฮมออฟฟิศก็สามารถจัดทำได้เช่นกัน และยังคงความเป็นส่วนตัว สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ การคัดสรรและออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน ยังได้ผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบอย่าง พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ ผู้ก่อตั้ง กรรมการผู้จัดการ ผู้อำนวยการการออกแบบและสร้างสรรค์ บริษัท ควอตโตร ดีไซน์ จำกัด จะมาเล่าถึงไอเดียในการร่วมงานครั้งนี้ ว่า “ด้วยแนวคิดการออกแบบของ Quattro Design ที่คัดสรรและผลิตเฟอร์นิเจอร์ผ่านการผสาน “เซนส์” (senses) ต่าง ๆ ทั้ง รูป สัมผัส ความรู้สึก และฟังก์ชัน ให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายของแต่ละคน ผ่านประสบการณ์และมุมมองของดีไซเนอร์”
“สำหรับโครงการนี้เน้นการสร้างความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละห้อง ผ่านเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกสรรมาทั้ง สไตล์ ฟอร์ม สีสัน สัมผัส ที่จะทำให้แต่ละห้องของบ้านมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ”
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ครบครันด้วยพื้นที่ส่วนกลางทั้ง คลับเฮ้าส์ ห้องประชุม พื้นที่สำหรับสันทนาการและพักผ่อน สถานที่ออกกำลังกายในร่ม พื้นที่ออกกำลังกายภายนอก และสระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นต้น
สำหรับแนวทางด้านการตลาดโครงการ บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ พร้อมรุกเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านการสร้างสรรค์อย่างมีระดับ เช่น บิลบอร์ด คอนเทนท์ผ่านวิดีโอ รวมถึงการใช้ผู้ทรงอิทธิพลในวงการต่าง ๆ อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือเซเลบริตี้ อย่าง พราวพรรณ ในฐานะนักออกแบบผู้มีชื่อเสียงและร่วมดูแลในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาตกแต่งบ้านในโครงการดังกล่าว จะช่วยสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
รวมทั้งได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง ซีบีอาร์อี (CBRE) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ร่วมเป็นตัวแทนบริหารการขายโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นการขาย บริษัทยังมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ต้อนรับการเปิดโครงการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 5 ล้านบาท* พร้อมสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ที่ Sales Gallery โครงการ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” ถนนนาคนิวาส ซอย 6 และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.ucharoenestate.com หรือโทร 087-665-6665 รวมทั้งช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
Line OA : @ucharoenestate หรือสแกน QR Code
Facebook : U Charoen Estate
IG : U Charoen estate
Youtube : U Charoen estate
TikTok : U Charoen estate
Blockdit : U Charoen estate
Linkedin : U Charoen estate