Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - news

Pages: 1 [2] 3 4 ... 330
16



StyleCrush แพลตฟอร์ม AI สำหรับค้นหาสไตล์แฟชั่นเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่ชอบแฟชั่น     

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – Odd Concepts บริษัท ที่มีเทคโนโลยีในรูปแบบ AI เกี่ยวกับแฟชั่น (CEO : Kim Jeong-tae) เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI สำหรับการค้นหาสไตล์แฟชั่น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่ชอบแฟชั่นในประเทศไทย   

Odd Concepts ประกาศเปิดตัว “StyleCrush” (www.stylecrush.is) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการค้นหาสไตล์แฟชั่นในประเทศไทย   

StyleCrush เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างอัลบั้มแฟชั่นของตัวเองได้ โดย AI จะช่วยคุณในการค้นหาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสไตล์คล้ายคลึงกันที่ผู้ใช้ค้น เปรียบเทียบจากร้านค้า Marketplace และ ออนไลน์ eCommerce ชั้นนำของไทย อาทิเช่น Lazada, Shopee, JD Central และ Pomelo ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม โดยสามารถทำเป็น Wishlist เพื่อทำให้คุณสนุกกับการเลือกดูสินค้าได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นอัลบั้มดิจิตอลเพื่อรวบรวมสไตล์ที่คุณชอบลงในแพลตฟอร์มได้อีกด้วย   

ผู้ใช้งาน StyleCrush สามารถอัปโหลดภาพสไตล์ของดาราดังยอดนิยม หรือ วางลิงก์รูปภายไปลงบนแพลตฟอร์ม AI จะทำการค้นหาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกับภาพที่ค้นหา และแนะนำว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนคล้ายคลึงกับรูปภาพที่ค้นหามากที่สุด ผู้ใช้สามารถเลือกสลับดูและค้นหาไปมาและเลือกดูสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ก่อนทำการซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย โดย AI จะสามารถช่วยผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ของ เสื้อ, กางเกง, กระเป๋า,รองเท้า หรือ เครื่องประกับต่างๆก็ได้ด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Wishlist จากสินค้าแฟชั่นสไตล์ที่ชอบและสามารถบันทึกเก็บไว้บน Wishlist เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เก็บเป็นรายการที่สนใจส่วนตัว เพื่อช่วยให้สามารถเข้ามาทำการเปรียบเทียบและตัดสินใจอีกครั้งก่อนจะทำการไปซื้อขายที่ร้านค้า Online ได้อีกด้วยเช่นกัน   

StyleCrush สะท้อนให้เห็นความต้องการของคน Gen ใหม่ๆ หรือ ผู้บริโภคยุคใหม่ที่อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็วในอุตสาหกรรมแฟชั่นออนไลน์ AI ที่จะช่วยให้คุณค้นหาแฟชั่นสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการและจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Brian S. Bae, Chief Strategy Officer ของ Odd Concepts กล่าวเสริม “เรารู้สึกของคุณสำหรับโอกาสในการเปิดตัว StyleCrush ในประเทศไทยและหวังว่าผู้ใช้จะสนุกกับการค้นหาสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณและนำคุณไปเลือกซื้อสินค้าบนร้านค้าแฟชั่นได้อย่างสนุกสนาน” 

Odd Concepts ก่อตั้งในปี 2555 เป็น บริษัท Vision AI ชั้นนำที่ให้บริการ PXL ซึ่งเป็น AI เกี่ยวกับการแนะนำผลิตภัณฑ์โดยทำการ Personalize ด้วยการค้นหาและวิเคราะห์รูปภาพให้กับร้านค้าแฟชั่นออนไลน์ มากกว่า 400 รายในประเทศเกาหลี, ญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

Contacts
Website : www.stylecrush.is
Odd Concepts Thailand
Anon Thonlertpimol
Contacts 080-592-6663 / anon@oddconcepts.kr

17


พานาโซนิคเร่งสปีดธุรกิจใหม่ในไทยรับยุคนิวนอร์มอล ผนึกพาร์ทเนอร์รุกตลาด Modular Construction & Housing พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจคุณภาพอากาศด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่



คุณวันชัย คุณานันทกุล


มร.นะชิดะ คะสุยะ

พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ โซลูชั่นส์ ประเทศญี่ปุ่น (Panasonic Life Solutions เร่งสปีดธุรกิจใหม่ในประเทศไทยมุ่งสู่ยุคนิวนอร์มอล (New Normal) ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักสำหรับปี 2564 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่1เมษายนนี้ได้แก่การเพิ่มไลน์อัพของอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย(HousingEquipment)เพิ่มความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจคุณภาพอากาศ(AirQuality)และผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์สำหรับธุรกิจModularConstruction&Housingซึ่งจะเป็นการก่อสร้างส่วนย่อยของอาคารที่อยู่อาศัยแบบแล้วเสร็จจากโรงงานเพื่อไปประกอบติดตั้งที่หน้างาน



มร. วาตารุ มัตสึโมโตะ (Mr.Wataru  Matsumoto) กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย พานาโซนิคไลฟ์โซลูชันส์ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าท่ามกลางสภาวะยอดขายบ้านและคอนโดของประเทศไทยขณะนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (COVID-19) แต่ยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดบ้านเดี่ยวในปี 2563จนถึงเดือนมีนาคม2564ยังคงเติบโตเช่นเดียวกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในย่านชานเมืองซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ทำให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพการปรับใช้พื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ, การประหยัดพลังงาน, การให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นต้นขณะเดียวกันยังพบสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบกับเชิงสังคมต่างๆอาทิการขยายตัวเพิ่มขึ้นของสังคมผู้สูงวัยการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและยังมีปัญหาด้านคุณภาพฝีมือแรงงานเพื่อตอบสนองกับความต้องการเหล่านี้และช่วยบรรเทาปัญหาเชิงสังคมต่างๆ พานาโซนิคจึงได้วางกลยุทธ์ สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในปี 2564 ไว้  3 ด้านหลัก ได้แก่

(1) การเพิ่มไลน์อัพของอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย (Housing Equipment) ท่ามกลางวิกฤติการณ์โควิด-19 พานาโซนิคมุ่งขยายไลน์อัพของกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่อยู่อาศัย (HousingEquipment)เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในการยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตที่ต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น โดยในครั้งนี้นอกจาก“ResyonePlus”เตียงโรโบติกสำหรับผู้สูงอายุที่สามารถแยกส่วนออกเป็นรถเข็นซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเปิดตัว “Smart Box” กล่องจัดส่งพัสดุ (DeliveryBox)แบบIoT(InternetofThings)ที่เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต ไฟดาวน์ไลท์แบบมีลำโพงในตัว นอกจากนี้ พานาโซนิคยังจะพัฒนา Unit Bath (ห้องน้ำสำเร็จรูป) และ “MirAle“ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มIoTสำหรับอุปกรณ์เพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนโดยที่ไม่ต้องสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์เหล่านั้น

(2) การขยายธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อคุณภาพอากาศ และรุกตลาด Nonhousingด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นเครื่องฟอกอากาศ“ziaino”ที่ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และต้านเชื้อแบคทีเรียพานาโซนิคเป็นผู้นำของกลุ่มธุรกิจคุณภาพอากาศไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายอากาศและเครื่องฟอกอากาศด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องโดยในประเทศไทยที่ผ่านมาบริษัทฯได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบายอากาศที่ช่วยกำจัดสิ่งปลอมปนที่อยู่ภายนอกก่อนที่จะเข้ามาภายในห้อง เพื่อรับมือกับปัญหา PM2.5 (*1) โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มบ้านและคอนโดและในเดือนเมษายนนี้จะเริ่มจำหน่าย“พัดลมระบายอากาศป้องกันฝุ่นPM2.5แบบติดผนัง”ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ “nanoeX”  อนุภาคน้ำไฟฟ้าสถิตที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยกำจัดสิ่งปลอมปนในอากาศ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย และในครึ่งปีหลังนี้จะเริ่มรุกตลาด ที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการนำเสนอ “ziaino” เครื่องฟอกอากาศและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเครื่องนี้อาศัยกรดไฮโปคลอรัสที่สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส เพื่อนำเสนอสภาพแวดล้อมของอากาศที่ปลอดภัยไรักังวล

(3) ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Modular Construction & Housing โดยร่วมมือกับ บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของไทย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ระยะเวลาก่อสร้างสั้น และมีมูลค่าเพิ่ม โดยจะมุ่งเน้นที่การพัฒนาพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัย (Living Space) ด้วยการใช้เทคโนโลยีวัสดุในระดับสูงที่พานาโซนิคได้สั่งสมประสบการณ์มาโดยตลอด ผนวกเข้ากับความรู้ความชำนาญในการสร้างที่อยู่อาศัยของ สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของชาวไทย โดย Modular Construction & Housing จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ “nanoeX” รวมถึงอุปกรณ์สำหรับที่อยู่อาศัยรุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อให้เกิดพื้นที่ที่ดีต่อสุขภาพและสะดวกสบายต่อผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

โดยในวันนี้ พานาโซนิคได้ร่วมกับ บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “Experience Center” ซึ่งเป็นบ้านตัวอย่างสองชั้นของ Modular Construction & Housing ที่นำเสนอไลฟ์สไตล์แบบใหม่  พร้อมจัดแสดงโซลูชั่นส์ที่ผนวกรวมเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ของพานาโซนิค โดยมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่ สถาปนิก อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ และ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 

ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย พานาโซนิคมุ่งมั่นที่จะนำเอาเทคโนโลยี ความรู้ความชำนาญที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน มาพัฒนาและนำเสนอโซลูชั่นส์ต่างๆ ให้กับลูกค้าทั่วโลกเพื่อให้เกิดพื้นที่ที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดภัย และไร้กังวลอย่างแท้จริง

อ้างอิง
*1 : อนุภาคขนาดเล็กมากซึ่งลอยอยู่ในอากาศ มีเส้นผ่าศูนย์กลางต่ำกว่า 2.5 ไมครอน







เกี่ยวกับ พานาโซนิค
พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลายสำหรับลูกค้าทั้งในตลาดผู้บริโภคสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่อาศัย ยานยนต์ และตลาดผู้ประกอบธุรกิจ โดยบริษัทฯ ซึ่งฉลองครบรอบ 100 ปีไปเมื่อปีพ.ศ. 2561 ได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลกและปัจจุบันมีบริษัทย่อย 528 แห่งและบริษัทในเครืออีก 72 แห่งทั่วโลก โดยมียอดขายสุทธิรวม 7.49 ล้านล้านเยนสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่นมุ่งมั่นที่จะแสวงหาคุณค่าใหม่ ๆ ผ่านนวัตกรรมในสายงานต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ และโลกที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.panasonic.com/global.

18





แกร็บ จับมือ TikTok และ AIS SME เปิดตัว ‘GrabExpress Sellers Club’ คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ไทยแลนด์ 4.0


แกร็บ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว ‘GrabExpress Sellers Club’ คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษเพื่อกลุ่มร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย 2 พันธมิตรหลักอย่าง TikTok แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้นชั้นนำระดับโลก และ AIS SME “เพื่อนที่มั่นใจได้ทุกเรื่อง SME” ง่าย มั่นใจ ครบทุกมิติ ซึ่ง GrabExpress Sellers Club คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ร้านค้าออนไลน์เพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ ยกระดับทักษะดิจิทัล รวมไปถึงการช่วยลดต้นทุนธุรกิจให้แก่ร้านค้าออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ แกร็บ ประเทศไทย พร้อมด้วย TikTok และ AIS SME จึงร่วมกันผนึกกำลังในการปลดล็อคและเพิ่มศักยภาพธุรกิจ เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ผ่านธุรกิจ Social Commerce มุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มตัว



นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บ ประเทศไทย ได้เปิดให้บริการรับ-ส่งพัสดุด่วน (On-demand package delivery) อย่าง GrabExpress มากว่า 2 ปี เพื่อส่งมอบบริการและตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่ต้องการส่งสินค้า หรือ พัสดุแบบด่วน โดยหนึ่งในฐานลูกค้าหลักของบริการฯ คือกลุ่มร้านค้าออนไลน์ (Social Sellers) ที่ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องไปกับเทรนด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน และเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลักในการบริการฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แกร็บ ประเทศไทย จึงได้ริเริ่มโครงการ “GrabExpress Sellers Club คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์” โปรแกรมที่มอบสิทธิพิเศษเพื่อช่วยปลดล็อคธุรกิจและช่วยกลุ่มร้านค้าออนไลน์สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โครงการนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยมุ่งเน้นในการช่วยปลดล็อคศักยภาพการทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย (MSME) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของแกร็บ ประเทศไทยในปี 2564 เพื่อส่งเสริมทักษะดิจิทัลเพื่อสนับสนุนไทยแลนด์ 4.0 ประกอบด้วย การช่วยพัฒนาทักษะและความเข้าใจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) การเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Inclusion) และการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้

แกร็บ ประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของธุรกิจและพฤติกรรมของนักช้อปชาวไทย หันมาซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสื่อโซเชียล (Social Commerce) มากยิ่งขึ้น จึงได้มุ่งพัฒนาโครงการฯ ขึ้นมา เพื่อสร้างแต้มต่อในการแข่งขันในตลาดที่ขณะนี้มีการแข่งขันสูงมากยิ่งขึ้น และเพื่อช่วยลดต้นทุนให้แก่กลุ่มร้านค้าออนไลน์ที่เข้าร่วมโครงการฯ จึงได้จัดแพ็คเกจพิเศษสำหรับบริการรับ-ส่งพัสดุด่วน ด้วยบริการ GrabExpress รวมไปถึงการสนับสนุนด้านโซลูชั่นทางการตลาด (Marketing Solution) ผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มโซเชียลมาแรงอย่าง TikTok รวมถึงผนึกกำลังกับ AIS SME ผู้นำด้านเครือข่ายและบริการดิจิทัลที่ครอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SME โดยนำเสนอโปรโมชั่นและแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาสุดพิเศษให้แก่กลุ่มร้านค้าออนไลน์ โดยในขณะนี้มีร้านค้าออนไลน์เข้าร่วมเป็นสมาชิก GrabExpress Sellers Club รวมกว่า 4,000 ร้านค้า”



ทางด้าน นางสาวสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing ของ TikTok หนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการ GrabExpress Sellers Club กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อยไทย (MSME) ปรับตัวมาสู่อีคอมเมิร์ซกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น TikTok ในฐานะแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นชั้นนำระดับโลกเล็งเห็นความสำคัญของทำธุรกิจบนโลกดิจิทัล โดยที่ผ่านมาเราได้นำเสนอโซลูชั่นการตลาดดิจิทัลอย่าง TikTok For Business ที่มาพร้อมจุดเด่นในการตอบโจทย์เป้าหมายการตลาดแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทุกขนาด หรือที่เรียกว่า Full-Funnel Marketing Solution ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ (Awareness) การมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค (Engagement) พร้อมต่อยอดไปถึงการพิจารณาเลือกซื้อ (Consideration) สู่การตัดสินใจซื้อ (Conversion) ซึ่งความร่วมมือกับแกร็บ ประเทศไทยในครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ TikTok ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ได้เปิดมุมมองในการทำตลาดในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง TikTok เองได้ให้การสนับสนุน โดยได้มีการจัดคอร์สอบรมการทำการตลาดดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อติดอาวุธทักษะให้แก่ผู้ประกอบการ รวมไปถึงแพ็คเกจพิเศษ GrabExpress x TikTok เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ GrabExpress Sellers Club ได้มีช่องทางใหม่ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ผ่าน TikTok For Business อีกด้วย”


นายนวชัย เกียรติก่อเกื้อ หัวหน้าแผนกงานการตลาด กลุ่มลูกค้าองค์กรจาก AIS SME กล่าวว่า “AIS SME พร้อมอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ SME มั่นใจได้ทุกเรื่องอย่างแท้จริง ผ่านอาวุธดิจิทัลที่ ‘ง่าย มั่นใจ ครบทุกมิติ’ ซึ่งเราพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการต่อยอดธุรกิจและพร้อมตอบโจทย์ SME ทุกประเภทด้วยบริการที่หลากหลาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการด้วยการส่งมอบสินค้าและบริการที่ครบทุกมิติโดยมีผู้ชำนาญการคอยให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด AIS SME มีความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ให้คุ้มค่า บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 5G ที่รวดเร็วและครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการ GrabExpress Sellers Club ในครั้งนี้ เราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจบริการรับ-ส่งพัสดุด่วนอย่าง GrabExpress จึงมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันกลุ่มร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทยผ่านการมอบสิทธิพิเศษที่เหนือชั้น อาทิ การใช้งาน Social App ฟรี โดยไม่คิดค่าอินเทอร์เน็ต 4G/3G ในแพ็กเกจ, ประกันอัคคีภัย, บริการจองสบาย (JongSabuy) แอปพลิเคชั่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ร้านค้าสามารถวางแผนบริหารจัดการคิวให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่วนลดสำหรับการซื้อเครื่องโทรศัพท์หรือแท็ปเล็ตสำหรับการประกอบธุรกิจ”

ทั้งนี้ โครงการ GrabExpress Sellers Club มอบ 3 อภิสิทธิ์ที่คัดสรรมาเพื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย

1.สิทธิพิเศษส่วนลดจากแกร็บ - รับสิทธิส่วนลดพิเศษสูงสุด 50% ในการใช้บริการรับ-ส่งพัสดุด่วน ผ่าน แพ็กเกจ GrabExpress

2.ข้อเสนอสุดพิเศษจากพาร์ทเนอร์ แพ็กเกจพิเศษพร้อมคำปรึกษาในการทำโฆษณาบน TikTok โปรโมชั่นและแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาพิเศษจาก AIS SME

3.สนับสนุนธุรกิจให้เติบโตผ่าน Community พิเศษ - คอร์สเรียนฟรีจาก GrabExpress x Grow with TikTok SME series พร้อมโอกาสได้เป็น GrabExpress Ambassador ในแต่ละเดือน พร้อมสร้างคอนเน็กชันเพื่อแชร์ประสบการณ์และเปลี่ยนความคิดระหว่างสมาชิกฯ ผ่านทาง Facebook Group



นางสาวพิชญา สิริพาณิชพงศ์ เจ้าของร้านดอกไม้ Heartmade by Kigpcn แชร์ความรู้สึกหลังเข้าร่วมโครงการฯ ว่า “ด้วยตัวธุรกิจของทางร้านที่ต้องอาศัยการขนส่งสินค้าที่มีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อส่งมอบสินค้าในสภาพสมบูรณ์ให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็ว จึงต้องเลือกใช้ผู้ให้บริการขนส่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจและไว้ใจได้  และการเข้าร่วมโครงการฯ ก็ทำให้ทางร้านสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการใช้บริการ GrabExpress อย่างแพ็คเกจค่าส่งสุดพิเศษสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการประหยัดต้นทุนค่าส่งระยะใกล้ให้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเพิ่มความรู้และทักษะดิจิทัลให้กับตนเอง ผ่านคอร์สเรียนต่าง ๆ ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีสำหรับร้านค้าออนไลน์ อย่างคอร์ส เจาะตลาดทำกำไรเพิ่มลูกค้าใหม่ได้ไม่ยาก จาก GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร powerd by depa อีกด้วย” 


ด้าน นายสรวิศ วิวัฒน์สถาพร เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มสมุนไพร XinXin อีกหนึ่งผู้เข้าร่วมโครงการ เผยว่า “โครงการ GrabExpress Sellers Club นับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการดี ๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในบริการจัดการขนส่งได้รวดเร็วตรงใจลูกค้า และยังช่วยลดต้นทุนให้กับแบรนด์ผ่านสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่นแพ็คเกจค่าส่งราคาพิเศษผ่านบริการ GrabExpress รวมทั้งการเข้าถึงการทำการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มใหม่และกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ทำให้สามารถต่อยอดการสื่อสารการตลาดได้เป็นอย่างดีและช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางร้าน” 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการ ‘GrabExpress Sellers Club’ คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ พร้อมรับแพ็กเกจพิเศษลดค่าโฆษณาบน TikTok โปรโมชั่นและแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาสุดพิเศษจาก AIS SME และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ สามารถลงทะเบียนได้ผ่านทางช่องทาง GrabExpress Sellers Club | Grab TH

19
เปิดคัมภีร์  Chat Commerce กลยุทธ์ที่ “ใช่” ขับเคลื่อนธุรกิจ SME ไทยให้รอด ยอดขายเปรี้ยงสุดปัง
 
ปิดฉากอย่างสวยงาม  สำหรับงานออนไลน์สุดยิ่งใหญ่ THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & REFORM WITH CHAT COMMERCE ที่จัดขึ้นตลอด 3 วันโดย LINE ประเทศไทย งานนี้ชี้ช่องทางผู้ประกอบการเข้ามาเปิดประสบการณ์เกี่ยวกับ Chat Commerce กลยุทธ์แห่งอนาคตที่ใช่สำหรับคนไทยในเวลานี้ โดยอัดแน่นด้วยเทรนด์สำคัญ พร้อมความรู้ในเชิงปฏิบัติผ่านตัวอย่างการปรับตัวของผู้ประกอบการ SME ไทยที่นำเอา Chat Commerce มาฟื้นตัวธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤต นำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จได้ และยังใช้ต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นเหมือนคัมภีร์หรือคู่มือสู่เป้าหมายที่อยากส่งต่อให้เพื่อนร่วมทางธุรกิจนำเอาเทคนิคไปปรับใช้ต่อยอดธุรกิจได้เช่นกัน

ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเทรนด์แชทคอมเมิร์ซเข้ามามีบทบาทในการค้าขายออนไลน์สร้างการเติบโตให้กับอีคอมเมิร์ซในไทยได้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากสัดส่วนการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่ารวมในปัจจุบันราว 270,000 ล้านบาท พบช่องทางการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเรียกว่า Social Commerce รวมทั้งเทรนด์การทำธุรกิจสไตล์แชทก่อนช้อป (Chat Commerce) มากถึง 62% เลยทีเดียว จึงอาจพูดได้ว่านี่ไม่ใช่แค่ทางเลือกในการซื้อขายอีกต่อไป แต่ Chat Commerce กำลังเป็นปัจจุบันและอนาคตของการทำธุรกิจออนไลน์สำหรับคนไทยไปแล้ว


ปั้นธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย ‘แชท’
งานนี้มีไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ SME นั่นคือ “เสวนาถอดเคล็ดลับความสำเร็จจากเจ้าของธุรกิจ SME” โดย LINE ประเทศไทย เริ่มชวนสนทนาผ่านหัวข้อ “เคล็ดลับปั้นธุรกิจด้วยแชทบน LINE OA” ซึ่ง ธเนศ จิระเสวกดิลก CEO & Founder แบรนด์ Divana Spa เผยว่าแบรนด์ตนเองได้เบนเข็มเข้ามารุกตลาดออนไลน์เต็มที่ด้วยการเลือกใช้ LINE Official Account เพราะมองว่าเป็นช่องทางติดต่อลูกค้าคนไทยได้ชัดเจน ถูกต้อง เข้าถึงมากที่สุดและทำได้ทุกที่ทุกเวลา ควบคู่ไปกับการปรับ Mindset ของทีมงานให้เข้าใจลูกค้าคนไทย พัฒนาทักษะการให้บริการ ด้วยคำว่า จริงใจ ใส่ใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้า และอาศัยเครื่องมือ LINE OA ในการเก็บ Data มาประยุกต์ใช้ยึดใจลูกค้าให้สำเร็จด้วยหลัก Customer Centric ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังการใช้ LINE OA เห็นยอดขายสูงถึงเจ็ดหลักภายในหนึ่งเดือนแม้จะเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดยังไม่คลี่คลาย



ส่วนผู้นำเข้าแบรนด์ Back Joy ผลิตภัณฑ์ปรับสมดุลสรีระทั้งร่างกายได้นำวิธีการ LINE OA มาพัฒนาใช้กับการขาย เริ่มจากการบรอดแคสต์เพื่อโปรโมทกิจกรรมการขายแบบออฟไลน์ก่อนในช่วงแรก ต่อมา ได้เรียนรู้วิธีการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ใน LINE OA ควบคู่กับเครื่องมือ MyShop ในการปิดการขาย พร้อมให้ความรู้การใช้ผลิตภัณฑ์และทำคอนเทนต์ต่างๆ ให้น่าสนใจ จนสามารถครองใจลูกค้าได้ โดย อิสรา นราทิพย์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ทาร์เก็ต กรีน จำกัด เผยว่า การใช้เครื่องมือทั้งสองนี้ช่วยให้สามารถปิดการขายได้เร็ว รักษาฐานลูกค้าไว้ได้ สร้างสัมพันธ์ต่อๆ ไป ซึ่งจากสถิติพบกว่า 90% ของออเดอร์มาจากลูกค้าที่กดซื้อผ่าน LINE OA แทบทั้งสิ้น

ใช้ฟีเจอร์ ‘แชท’ ให้ครบ จบการขายแถมสร้างความประทับใจให้ลูกค้า
ต่อด้วยหัวข้อการพูดคุย “ธุรกิจแฟชั่นต้องฟัง ใช้ LINE อย่างไรให้ขายดี” กับข้อดีของ LINE OA ที่สามารถปรับใช้ได้กับธุรกิจทั้ง B2B และ B2C ซึ่ง สน จันทร์ศุภฤกษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SUITCUBE ผู้สร้างสรรค์สูทสำเร็จรูปเพื่อคุณผู้ชาย เลือกใช้ฟีเจอร์หลัก Rich Menu, Card Message และ Chat เป็นเคล็ดลับมัดใจให้จีบลูกค้าติด บนพื้นฐานการคิดแบบ “ทำตัวเป็นลูกค้า” ไม่เน้นฮาร์ดเซลล์ จับลูกเล่นการใช้ Chatbot มาสร้างเป็นอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ตนเองสู่ “แอดมินเสียงใส” ให้คำตอบที่พึงใจ สุภาพกันเองเหมือนเพื่อน ให้เกียรติลูกค้าและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า พร้อมซื้อโฆษณาเองผ่าน LINE Ads Platform (LAP) เพื่อทำให้แบรนด์ตนเองเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น



สำหรับธุรกิจผลิตชุดยูนิฟอร์มซึ่งเป็นธุรกิจแบบ B2B นั้น ภวรัณชน์ มงคลสุข ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด PMK Polomaker เผยว่า ฟีเจอร์ต่างๆ ใน LINE OA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานของทีมเป็นอย่างมาก อาทิ Chat Tag ที่ช่วยแบ่งจำแนกกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาผ่านแชทได้สะดวกสบาย ทำให้สามารถดูแลลูกค้าได้เป็นพิเศษมากขึ้น และ Note ฟีเจอร์ที่ช่วยเตือนความจำถึงรายละเอียดลูกค้าแต่ละคนได้ ทำให้คนทำงานใหม่สานต่อดูแลลูกค้าเดิมต่อได้ทันที บวกกับการใส่หัวใจบริการที่ยึดเรื่องความจริงใจ สดใส เข้าถึงง่ายกับลูกค้า ทำให้แบรนด์สามารถสื่อถึงความเอาใจใส่ ทำให้ลูกค้าประทับใจ และพร้อมช่วยเหลือ อุดหนุนทุกกิจกรรมการขายเป็นอย่างดี

เป็นมากกว่าการสื่อสาร แต่คือ ‘คอมมิวนิตี้’ ‘ศูนย์รวมบริการ’ ให้คนสำคัญ
ที่ขาดไม่ได้เลยคือธุรกิจอาหาร ซึ่ง Chat Commerce  มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้ามากเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว กับการ “เปิดกลยุทธ์ร้านอาหารแชทยังไงให้ปัง” ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเข้ามาของโควิดคือจุดเปลี่ยนมาสู่ออนไลน์ โดย ชุติมา อนันรยา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ The SummerCoffee เจ้าของโรงคั่ว ขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์ชงกาแฟ กล่าวว่าด้วยลักษณะธุรกิจของตนเป็นแนวให้บริการมากกว่าแค่การขายสินค้า เพราะต้องให้ความรู้ เทคนิคการเลือกเมล็ดกาแฟ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองว่า Chat เป็นมากกว่าการสื่อสารแต่เป็นคอมมิวนิตี้ เพื่อสร้างสัมพันธ์แบบเพื่อนกับลูกค้า โดยใช้พื้นที่นี้ให้ข้อมูล คำแนะนำเชิงลึก เพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจกลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกัน พร้อมการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Chat tag, Quick replies มาอำนวยความสะดวกในการขาย เชื่อมต่อ LINE OA กับเครื่องมือ MyShop ให้ลูกค้าดูคอนเทนต์แล้ว หากสนใจ สามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้ทันที



ด้าน ธนาวลัย เหล่าเราวิโรจน์ ผู้อำนวยการด้านการตลาดออนไลน์เครือสุพรรณิการ์กรุ๊ป เผยว่า Chat Commerce  เป็นเทรนด์การสื่อสารกับลูกค้าที่ทันสมัย ซึ่ง LINE OA เป็นเครื่องมือที่ลูกค้าใช้แล้วถนัด และถือเป็นแหล่งให้ข้อมูลครบจบในที่เดียว ลูกค้าไม่ต้องมองหาจากหลายที่ โดยหากวางแผนการจัดวางคอนเทนต์ใน LINE OA ให้ดี เราสามารถทำให้ LINE OA เป็นศูนย์รวมข้อมูล บริการของร้านอาหารได้เลย โดยมีทางเลือกหลากหลายเหมาะกับสไตล์คนกินที่ต่างกัน ตอบโจทย์ทั้งคนชอบคุยก็ใช้การสั่งซื้อผ่านแชท หรือจะเลือกสั่งเองผ่านฟีเจอร์ Rich Menu ที่เชื่อมต่อตรงไปยังเดลิเวอรี่ของ LINE MAN ก็ทำได้ทันที ช่วยทำให้ออเดอร์แม่นยำและประหยัดเวลาทั้งฝั่งคนสั่งซื้อและคนขายได้นั่นเอง

ถือว่าเทคนิคของผู้ประกอบการทั้ง 6 แบรนด์เป็นแนวคิด Chat Commerce ทรงพลังที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่า จะเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ ที่สำคัญต้องไม่รีรอที่จะลงมือทำให้เร็วที่สุด ติดตามชม “เสวนาถอดเคล็ดลับความสำเร็จจากเจ้าของธุรกิจ SME” ทั้ง 3 หัวข้อ พร้อมหัวข้ออื่นๆ ที่น่าสนใจจากงาน THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & REFORM WITH CHAT COMMERCE ย้อนหลังได้ที่ https://tv.line.me/lineforbusiness และติดตามอัพเดทความรู้ ข่าวสารสำหรับผู้ต้องการทำธุรกิจผ่าน LINE ได้ที่ LINE Official Account: @linebizth และ FB Fanpage: LINE for Business

20
DataOne Asia (Thailand) เสริมระบบ Bulk payments ของ National ITMX ให้รองรับมาตรฐาน ISO 20022


DataOne Asia (Thailand) มีความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการให้บริการ “ระบบ Bulk payments” ของเนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ (National ITMX) เพื่อรองรับมาตรฐาน ISO 20022 ซึ่งกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
         
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ได้ประกาศความสำเร็จในโครงการยกระดับประสิทธิภาพของระบบประมวลผลการชำระเงินรายย่อยครั้งละหลายรายการ (Bulk payments) ตามมาตรฐาน ISO 20022 เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และสามารถเปิดให้บริการต่อ ธนาคารสมาชิก ทั้ง 33 ธนาคารได้อย่างราบรื่น

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ถูกจัดตั้งขึ้น จากความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศไทย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ทั้ง ระบบการใช้บัตร ระบบไม่ใช้บัตร และการทำธุรกรรมตรงระหว่างบัญชีกับบัญชี บริษัท DataOne Asia (Thailand) จำกัด ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาและวางระบบคอมพิวเตอร์ครบวงจร ได้ดำเนินการติดตั้ง แก้ไขและปรับปรุง “ระบบ Bulk payments ใหม่” ให้ครอบคลุมตามความต้องการของ ธนาคารสมาชิกของ ITMX ทั้ง 33 ธนาคาร ได้สำเร็จ

ระบบ Bulk payment ของ ITMX มีการประมวลผลไปแล้วมากกว่า 96 ล้านธุรกรรม (transaction) คิดเป็นมูลค่า 4.3 ล้านล้านบาท ในปี2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเชิงปริมาณธุรกรรมสูงถึง 60% ต่อปี และเชิงผลรวมมูลค่า 8% ต่อปี โดยระบบ Bulk payment ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระบบการจ่ายเงินขององค์กร (Corporate Payments) ทั้งระบบการจ่ายเงินเดือน, เงินปันผล,  ดอกเบี้ย, เงินกู้ , หลักทรัพย์, พันธบัตรรัฐบาล, การชำระสินค้าและบริการ รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล เช่น กองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุ, เงินช่วยเหลือเกษตรกร ตลอดจน กองทุนสงเคราะห์โควิด -19

นอกจากนี้ระบบ Corporate Payments ยังรวมถึงข้อมูลภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนด และยังสามารถพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อธุรกิจอื่นๆ เช่น การชำระเงินแบบรอการตัดบัญชี (Deferred Payment), ระบบเอสโครว์ (Escrow Facility), รวมถึง Digital Check & New ICAS เพื่อช่วยให้ธนาคารสมาชิกสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าของธนาคารได้ดียิ่งขึ้น

ความสำเร็จของ “ระบบ Bulk payment ISO 20022” ช่วยให้ธนาคารเรียกเก็บเงินหรือจ่ายเงินข้ามธนาคารได้สะดวกกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถ ลดงานเอกสาร ลดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการตรวจสอบ ถูกต้องแม่นยำ และที่สำคัญที่สุดคือ มีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล

คุณวรรณา นพอาภรณ์, กรรมการผู้จัดการ, บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของการขึ้น ”ระบบ Bulk Payment ใหม” ที่พิ่งเปิดให้บริการต่อ ธนาคารสมาชิกของ National ITMX ทั้ง 33 แห่ง ได้อย่างราบรื่นว่า

“DataOne หนึ่งในกำลังสำคัญในความสำเร็จนี้ ได้ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่าง ทั้งกำลังคน กำลังความคิด และการสนับสนุนอย่างดียิ่ง ของผู้บริหาร ในการดำเนินการติดตั้ง แก้ไขปัญหา และปรับปรุง “ระบบ Bulk Payment ใหม่” ให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว มีความเสถียร และถูกต้องแม่นยำ ซึ่งจำเป็นอย่างมาก ในการให้บริการต่อธนาคารสมาชิกทั้ง 33 แห่ง ถือเป็นการบรรลุหนึ่งใน Milestone ที่สำคัญของระบบบริการ ITMX ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย”

คุณ อดิศร แก้วบูชา กรรมการผู้จัดการ, บริษัท DataOne Asia (Thailand) จำกัด กล่าวว่า  “ระบบ Bulk Payment ใหม่ เป็นหนึ่งในระบบ Payment หลักของประเทศ ในการให้บริการต่อ ธนาคารสมาชิก และลูกค้าของธนาคารสมาชิก ด้วยระบบนี้ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ  แต่ด้วยสถานการณ์ Covid-19 การเดินทางระหว่างประเทศมีข้อจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝ่าฝืนไม่ได้ อยู่มากมาย การจะพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญระบบจากต่างประเทศ ให้เดินทางเข้าประเทศมาแก้ไขปัญหาระบบหลักในประเทศ อาจจะส่งผลเสียต่อการให้บริการลูกค้า และความเดือดร้อนของลูกค้าในประเทศเป็นวงกว้าง DataOne จึงลงทุนอย่างไม่จำกัดในนโยบายการสร้างและการส่งเสริมบุคลากร ทั้งของ DataOne และ ITMX ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในระบบ Bulk Payment โดยถ่ายทอดด้วย ทั้งวิธี e-Learning, Classroom Training และ On the Job Training จนบุคลากรในประเทศ สามารถดูแล แก้ไข ปรับปรุง ระบบได้เอง และพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ให้น้อยที่สุด”

เกี่ยวกับ National ITMX
บริษัท เนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินระดับชาติของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2548 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการชำระเงิน ซึ่งผลักดันให้ บริษัทฯ เพิ่มความสามารถที่ซับซ้อนและได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้เป็นมากกว่าโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน นำไปสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สนับสนุนภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม เพื่อความยั่งยืนของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและในปี 2563 ระบบ ITMX ได้ดำเนินธุรกรรมไปแล้วมากกว่า 6,000 ล้านรายการ (transactions) คิดเป็นมูลค่าธุรกรรมรวม 23 ล้านล้านบาท

เกี่ยวกับ DataOne Asia (Thailand)
บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านไอซีทีแบบครบวงจรแก่กลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น การธนาคาร การประกันภัย โรงพยาบาล การโทรคมนาคม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ดาต้าวันยังได้รับมาตรฐานการให้บริการ IT Outsourcing ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงและตรงตามมาตรฐานบริหารสากล เช่น ISO 20000-1 IT Service Management และ ISO 27001 Information Security เพื่อแบ่งเบาภาระด้านไอทีขององค์กรและสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้

21
ปิดฉากยิ่งใหญ่ LINE จัดเต็มความรู้ 3 วัน งาน THAILAND NOW AND NEXT มั่นใจส่งผู้ประกอบการไทยพร้อมลงสนาม Chat Commerce



LINE ประเทศไทย ปลื้มความสำเร็จงาน THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & GROW WITH CHAT COMMERCE ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นการรวมตัวผู้ประกอบการ กูรู ผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Chat Commerce ครั้งใหญ่ของไทย เพื่อให้ความรู้กับผู้สนใจค้าขายหรือทำธุรกิจบนออนไลน์ มีผู้ร่วมงานรวมทั้ง 3 วันเกินกว่า 6 แสนคน

องค์ความรู้หลักภายในงาน เน้นไปที่การทำธุรกิจผ่านกลยุทธ์ Chat Commerce ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในช่วง Keynote ที่ให้ความเข้าใจถึงความสำคัญที่มีต่อภาพรวมตลาด E-Commerce ในไทย แนวทางในการวางกลยุทธ์ที่ใช่ เอกลักษณ์และปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ด้วย Chat Commerce ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความไว้วางใจจากการพูดคุย นำไปสู่การตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลให้กับผู้บริโภคได้ตรงจุดเพื่อปิดการขาย การหาลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิม ด้วยการใช้เทคโนโลยี เสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ เป็นต้น สะท้อนสู่แนวคิด Chat Commerce คือกลยุทธ์แห่งอนาคตที่ใช่สำหรับคนไทย

นอกจากนี้ ยังเปิดมุมมองใหม่ให้แก่ผู้ร่วมงานเห็นถึงตัวอย่างความสำเร็จของหลากหลายองค์กรใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ออเรียลทัลพริ้นเซส บีเอ็มดับเบิ้ลยู บิ๊กซี ดีแทค ที่ใช้กลยุทธ์ Chat Commerce มาเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพิ่มยอดขาย ให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ในช่วงวิกฤตผ่าน LINE Official Account พร้อมแนะนำเครื่องมือเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่าง LINE Ads Platform หรือ LAP ระบบการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ที่มาช่วยเติมเต็มกลยุทธ์ Chat Commerce ให้เหนือชั้นกว่าเดิมได้ในด้านโฆษณา



ไม่เพียงแนวคิด ทฤษฎีเท่านั้น งาน THAILAND NOW AND NEXT ยังอัดแน่นไปด้วยความรู้ในเชิงปฏิบัติ ด้วยตัวอย่างของการปรับตัวของผู้ประกอบการ SME ไทยที่นำเอา Chat Commerce มาฟื้นตัวธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤตได้ และยังใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแฟชั่นอย่าง Suitcube หรือ PMK Polomaker  ธุรกิจบริการอย่าง Divana Spa ธุรกิจอาหารอย่าง Supanniga หรือ TheSummerCoffee และสินค้าใช้ประจำวันอย่าง แผ่นรองหลัง BackJoy

ช่วงที่ถือเป็นไฮไลท์และได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานไม่แพ้กัน คือช่วง How-to เรียนรู้การใช้งานแพลตฟอร์ม LINE ที่ผู้ชมสามารถร่วมทำตามเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญมาสอนทีละขั้นตอนไปด้วยกัน สร้างทักษะ ความสามาถให้ผู้ประกอบการ SME ไทยใช้เทคโนโลยีบนแพลตฟอร์ม LINE เพื่อเริ่มกลยุทธ์ Chat Commerce ได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปิด LINE OA และใช้งานให้ได้อย่างมืออาชีพ การใช้งาน MyShop, LINE SHOPPING, LINE Ads Platform, LINE MAN ไปจนถึง LINE BK เป็นต้น



นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน THAILAND NOW AND NEXT ในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในด้านของจำนวนคนเข้าร่วม และเสียงตอบรับในเรื่องความรู้ที่ได้จากงาน จากนี้ไปเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ประกอบการไทยจะนำเอาความรู้ที่ได้รับประกอบกับเทคโนโลยีจาก LINE ช่วยยกระดับธุรกิจให้เดินหน้าต่อได้ด้วยกลยุทธ์ Chat Commerce โดย LINE for Business พร้อมเป็นพันมิตรให้คำปรึกษาสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนเสมอ”

สำหรับผู้ประกอบการ ที่พลาดการชมงาน THAILAND NOW AND NEXT แบบถ่ายทอด สามารถติดตามชมย้อนหลังได้ที่ https://tv.line.me/lineforbusiness และสามารถติดตามหาความรู้ในการใช้แพลตฟอร์มและเครื่องมือ LINE ในการทำธุรกิจได้ฟรี ที่ “LINE Study Room” https://studyroom.line.me/

22

ฟิตบิทเปิดตัว Fitbit Ace 3 อุปกรณ์แทรคกิจกรรมและการนอนสุดล้ำสำหรับเด็ก ๆ เพื่อให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกสำหรับวัยซน

จากอุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง Fitbit Ace สู่รุ่นอัพเกรดที่อัดแน่นไปด้วยจินตนาการและความสนุก ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดนาฬิกาอินเทอร์แอคทีฟ[1]แบบใหม่ ดีไซน์สดใสโดนใจวัยซน แบตเตอร์รี่ที่ใช้ได้นานขึ้น รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แสนสนุกที่มาพร้อมกับความร่วมมือกับ Minions™[2] ที่จะตามมาเร็วๆนี้



กรุงเทพ, ประเทศไทย – 10 มีนาคม 2564 – ฟิตบิทประกาศเปิดตัว Fitbit Ace 3™ อุปกรณ์แทรคกิจกรรมและการนอนหลับรุ่นใหม่ ที่จะช่วยทำให้เด็ก ๆ ได้ขยับ ออกกำลังกายพร้อมสร้างไลฟ์สไตล์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับเด็ก ๆ อายุมากกว่า 6 ปี ไปพร้อม ๆ กันทั้งครอบครัว   และเพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น Fitbit Ace 3 ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบตัวนี้ได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมรูปแบบใหม่[3] เพิ่มหน้าปัดนาฬิกาหลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น[4] เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้มีความสุขในการฟิตร่างกาย และช่วยให้เหล่าจอมซนแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาผ่านหน้าปัดและอุปกรณ์เสริมเหล่านี้   Fitbit Ace 3™ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฟิตยาวตลอดทั้งอาทิตย์ ด้วยความจุแบตเตอร์รี่ที่ใช้ได้สูงสุดถึง 8 วัน[5] และออกแบบมาเพื่อให้ใส่ว่ายน้ำ[6] ได้เหมาะสำหรับทุกกิจกรรมในแต่ละวัน  ซึ่งเจ้านาฬิกาสุดล้ำตัวนี้พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเป็นมิตรเพียง 2,790 บาท  Fitbit Ace 3™ พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของได้ในร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

“ในช่วงเวลาที่ครอบครัวและเด็ก ๆ ต้องเรียนออนไลน์จากบ้าน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนี้ เราพบว่านี่เป็นความท้าทายของเราที่จะกระตุ้นให้เด็ก ๆ ลุกขึ้นมาขยับและออกกำลังกาย ในขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งเวลาให้กับการเรียนผ่านหน้าจอ รวมไปถึงการจัดเวลาว่างให้พวกเขา[7]” เจมส์ ปาร์ค ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิตบิท กล่าว “เราได้เพิ่มฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ต่าง ๆ ลงไปใน Fitbit Ace 3™ ที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ความสนุกในแต่ละวันให้แก่เด็ก ๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาและครอบครัวได้กลับมาสนุกกับกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายต่าง ๆ ได้อีกครั้ง และที่สำคัญ นี่จะช่วยสร้างเสริมรากฐานของการมีสุขภาพดี ที่จะติดตัวพวกเขาไปทั้งชีวิต”






Fitbit Ace 3™ นั้นมีฟีเจอร์ที่จะช่วยสร้างกิจวัตรที่ดีเพื่อสุขภาพกายให้เด็ก ๆ รวมไปถึงช่วยให้เด็ก ๆ นอนหลับได้เพียงพอเหมาะสมวัยกำลังโต โดยจะช่วยแจ้งเตือนให้พวกเขาขยับให้ครบ 60 นาทีต่อวัน และลุกขึ้นมาเดิน 250 ก้าวในทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ในกรณีที่เด็ก ๆ กำลังเรียนอยู่  นอกจากนี้คุณสามารถตั้งเป้าหมายและดูผลในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของพวกเขาได้โดยตรงผ่านฟิตบิทบนข้อมือ นี่ยังรวมไปถึงการแข่งกับตัวเองผ่านฟีเจอร์จับเวลาของฟิตบิท  นาฬิกาอัจฉริยะตัวนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์แทรคการนอนหลับ ที่สามารถแจ้งเตือนเวลานอน และแจ้งเตือนแบบเงียบ ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับได้ตรงเวลา มีแรงและความสดใสพร้อมออกไปเผชิญหน้ากับวันใหม่ ทั้งหมดนี้สามารถปรับตั้งค่าได้บนจอทัชสกรีนสดใสใช้งานสะดวก ซึ่งเด็ก ๆสามารถเข้าไปตั้งค่าในแอปพลิเคชัน Fitbit (ที่ผ่านการยินยอมจากผู้ปกครอง) เพื่อแข่งขันเกมต่าง ๆ กับครอบครัว โดยมีเข็มกลัด และถ้วยรางวัลเสมือนจริงมอบให้เป็นข้อพิสูจน์ความฟิตของคนในครอบครัว
 
Fitbit Ace 3™ จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้แก่กิจกรรมต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ผ่านหน้าปัดนาฬิการูปแบบต่าง ๆ โดยจะมีตัวละครที่สามารถเคลื่อนไหวและโตขึ้นเมื่อพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายตลอดทั้งวันได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดขยับได้แบบกระต่าย แมว นักบินอวกาศ ยานอวกาศ[8] และรูปแบบอื่น ๆ อีกกว่า 20 หน้าปัดให้เลือกใช้  ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถแสดงตัวตนของพวกเขาผ่านฟิตบิทของได้มากขึ้น และสนุกมากยิ่งขึ้น  ไม่เพียงแค่หน้าปัดนาฬิกาเท่านั้น แต่ Fitbit Ace 3™ ยังมาพร้อมกับสายนาฬิกาหลากหลายแบบให้เลือกใช้[9] และในเร็ว ๆ นี้ Fitbit Ace 3™ ได้นำตัวละครสีเหลืองสุดน่ารักขวัญใจวัยซนอย่าง Minions™ มาไว้บนข้อมือเด็ก ๆ โดยสามารถพบกับสายนาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษสองแบบได้แก่ Despicable Blue และ Mischief Black รวมไปถึงฟีเจอร์เกี่ยวกับ Minions™ และข้อเสนอสุดพิเศษได้เร็ว ๆ นี้  เจ้าตัวกลมสีเหลืองนี้จะมาอยู่บนข้อมือเป็นตัวช่วยเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฟิตแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังได้สนุกทำกิจกรรมกับ Ace 3 นั้น ผู้ปกครองก็สามารถมั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวต่าง ๆ ของบุตรหลานจะถูกป้องกันอย่างแน่นหนา  คุณพ่อคุณแม่สามารถตั้งค่า Family Account เพื่อเช็คข้อมูลความเป็นส่วนตัวต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 12 ปี   ผ่าน Fitbit Family Account  ฟีเจอร์ Parent’s View ภายในแอปพลิเคชัน Fitbit  จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดการได้ว่าเด็ก ๆ สามารถเข้าถึงอะไรในแอปพลิเคชั่นได้บ้าง รวมถึงรับรองคำขอเป็นเพื่อนที่ส่งมาหาลูก ๆ ของคุณ  ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ข้อมูลกิจกรรมและการนอนหลับ[10] เพื่อนที่ผ่านการรับรองจากผู้ปกครอง หน้าปัดนาฬิกา และเข็ม Badge แห่งความสำเร็จได้ผ่าน Kid’s View บนแอปพลิเคชัน Fitbit เช่นกัน   Fitbit Ace 3™ ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของเด็ก ๆ โดยสอดคล้องกับกฏและข้อบังคับพื้นฐานตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กและเยาวชนของประเทศสหรัฐ (Children’s Online Privacy Protection Act : COPPA) หรือ ระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (General Data Protection Regulation : GDPR) ของยุโรป

Fitbit Family Account สามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย ทุกคนในบ้านสามารถช่วยกันตั้งค่าและเชื่อมต่อกับ Ace 3 ได้อย่างรวดเร็วได้ทั้งบน iOS และ Android  เด็ก ๆ ที่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองสามารถรับการแจ้งเตือนโทรเข้าและข้อความได้โดยตรงผ่านตัว Ace 3 สำหรับติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว[11]  เมื่อตั้งค่าทุกอย่างและชาร์จแบตเตอร์รี่เรียบร้อยแล้ว เด็ก ๆ สามารถออกไปทำกิจกรรมรอบตัวได้อย่างมั่นใจไม่ติดขัดเพราะ Ace 3 มีแบตเตอร์รี่ที่ล้นเหลือพอสำหรับทั้งอาทิตย์[12]

Fitbit Ace 3™ ละจะเปิดให้เลือกซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ณ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Dotlife, JD Central, Lazada, Shopee และ Power Buy ซึ่ง Fitbit Ace 3™ มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2,790 บาท ที่มาพร้อมกับสายนาฬิกาแบบซิลิโคนเบาสบาย ซึ่งมีดีไซน์แบบ Bumper กันกระแทกและกันน้ำหกใส่ได้  มีมาให้เลือกถึง 2 เฉดสี คือ สายสีดำ-ตัวล็อคสายสีแดง และ สายสีน้ำเงิน-ตัวล็อคสายสีเขียวแอสโทร

สามารถดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้

https://drive.google.com/drive/folders/12PGJVXJCe4lIFOFVy_yn6u6JVFFDC-x9?usp=sharing

เกี่ยวกับบริษัท Fitbit
ฟิตบิทช่วยให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น ขยับร่างกายมากขึ้น โดยการให้ข้อมูล แรงบันดาลใจ และคำแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ฟิตบิทออกแบบสินค้าและประสบการณ์ที่สามารถแทรคและมอบแรงจูงใจเชิงสุขภาพและความฟิตในทุกวัน  ฟิตบิทมีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกประมาณ 39,000 ร้านในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก  สินค้าฟิตบิทอันก้าวหน้าและเป็นที่ชื่นชอบนั้นมีอยู่อย่างหลากหลาย เช่น Fitbit Sense™, สมาร์ทวอทช์ตระกูล Fitbit Versa™, แทรคเกอร์ตามติดกิจกรรมประจำวัน Fitbit Charge 4™, Fitbit Inspire 2™ และตราชั่งอัจฉริยะ Fitbit Aria Air  แพลตฟอร์มฟิตบิทมอบประสบการณ์เฉพาะตัว ข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำ ผ่านทางซอฟท์แวร์ และเครื่องมืออินเทอร์แอคทีฟอย่างแอป Fitbit และ Fitbit OS สำหรับสมาร์ทวอทช์  Fitbit Premium การบริการที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายของฟิตบิทแสดงข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงลึก และคำแนะนำในแอป Fitbit ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ให้คุณบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพและความฟิต Fitbit Premium + Health Coaching มอบคลาสการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลด้วยการใช้ข้อมูลจากฟิตบิทของคุณกับโค้ชผู้ช่ำชองด้านสุขภาพแบบตัวต่อตัวผ่านทางออนไลน์ Fitbit Health Solutions ได้พัฒนาโซลูชั่นเพื่อสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อการเพิ่มการมีส่วนร่วม เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อขับเคลื่อนผลเชิงบวกสำหรับหัวหน้าฝ่ายงาน แผนสุขภาพ และระบบสุขภาพ

ฟิตบิทและโลโก้ของฟิตบิทได้มีการจดทะเบียนการค้าในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ   การจดทะเบียนทางการค้าอื่นๆของฟิตบิทสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fitbit.com/legal/trademark-list การจดทะเบียนทางการค้าของบริษัทอื่นๆนั้นเป็นทรัพย์สินของทางบริษัทนั้นๆ

มองหาแรงบันดาลใจอยู่ใช่ไหม? หันมาทางนี้! – ติดตามเราได้บน Facebook, Instagram, LinkedIn, Twitter และ YouTube หรือถ้าคุณมีข้อเสนอแนะอื่นๆ คุณสามารถแชร์ประสบการณ์ของคุณได้

23



LINE จัดงานออนไลน์อีเวนท์ครั้งใหญ่ THAILAND NOW AND NEXT เจาะลึก Chat Commerce เทรนด์ธุรกิจที่ใช่สำหรับคนไทย เผยเทคนิคสร้าง Deep Connection ดันธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน





LINE ประเทศไทย จัดงาน THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & GROW WITH CHAT COMMERCE สัมมนาออนไลน์ฟรี ครั้งใหญ่ เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการไทยยกระดับความรู้การทำธุรกิจออนไลน์ สู่เทรนด์ Chat Commerce พร้อมเผยเทคนิคสร้างสัมพันธ์ลูกค้า (Deep Connection) และ 4 ปัจจัยสำคัญนำธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพียงวันแรกมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจากหลากหลายช่องทางออนไลน์กว่า 2 แสนคน โดยงานจัดต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ตั้งแต่ 10 - 12 มีนาคมนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแนะโอกาสแก่ทุกกลุ่มธุรกิจ ผู้สนใจเข้าชมได้ฟรีจากทุกที่ทั่วประเทศ ผ่าน LINE Official Account: @linebizth และ LINE TV ช่อง LINE for Business

ปัจจุบัน ความนิยมใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นของคนไทย ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเกือบ 80% ของจำนวนประชากรไทยล้วนใช้งานโซเชียลมีเดีย และใช้เวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 48 นาทีต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูง ดังนั้น การทำการค้าผ่านโซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทยซึ่งมีมูลค่ารวมในปัจจุบันราว 270,000 ล้านบาทนั้น 62% มาจากการค้าขายผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเรียกว่า Social Commerce และ 38% มาจากออนไลน์มาร์เก็ตเพลสและเว็บไซต์แบรนด์ต่างๆ  สัดส่วนที่สูงนี้ชี้ให้เห็นว่าการค้าขายแบบ Social Commerce ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกใหม่ แต่เป็นปัจจุบันและอนาคตของการทำธุรกิจบนออนไลน์ที่ธุรกิจต่างๆ จะมองข้ามไม่ได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนไทยที่มีพฤติกรรมชอบการพูดคุย สอบถาม การแชทบนโซเชียลมีเดียเพื่อการซื้อขาย จึงกลายเป็นเทรนด์สำคัญในการทำธุรกิจในไทยที่เรียกว่า Chat Commerce

LINE เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานกว่า 47 ล้านคน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเชื่อมโยงบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจกับลูกค้าด้วย จึงทำให้ LINE เป็นจุดศูนย์กลางของการซื้อขาย Social Commerce ไม่ว่าธุรกิจจะเกิดขึ้นที่ไหน มักจะมาจบหรือปิดการขายที่ LINE เสมอ



เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะแพลตฟอร์มที่อยู่ในจุดเริ่มต้นและเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของการซื้อขายออนไลน์ของประเทศ เราจึงอยากให้ผู้ประกอบการไทยมีความรู้ ความเข้าใจ ถึงเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มีความพร้อมและสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจอย่างทันท่วงที จึงจัดงาน THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & GROW WITH CHAT COMMERCE ขึ้น ระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม โดยวันนี้ถือเป็นวันแรก มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมงานผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 2 แสนราย”   

งาน THAILAND NOW AND NEXT: REBUILD & GROW WITH CHAT COMMERCE ในวันแรก ได้ให้ความรู้ภาพรวมกลยุทธ์ Chat Commerce ที่เกิดขึ้นบน LINE และชี้ให้เห็นถึงจุดเด่นของแพลตฟอร์มในมุมมองคนไทย นั่นคือ การสร้างวงจรความไว้ใจ (Circle of Trust) ที่แชทสามารถสร้างตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าก่อนที่จะซื้อสินค้าได้ พร้อมสร้างความไว้วางใจมากขึ้น อันนำไปสู่การซื้อสินค้าครั้งต่อไป จนเกิดการซื้อซ้ำ บอกต่อ และเป็นลูกค้าประจำในที่สุด โดยทั้งกระบวนการนี้ที่เกิดขึ้นบน LINE ลูกค้าจะจำได้ว่าได้ซื้อสินค้าจากแบรนด์ใด ร้านใด แตกต่างกับเวลาซื้อสินค้าจาก E-Marketplace ที่ไม่มีกระบวนการสร้างสัมพันธ์ ลูกค้ามองหาแค่ตัวเลขราคาที่พอใจเท่านั้น และเมื่อจบการซื้อขาย ลูกค้าส่วนมากจำไม่ได้ว่าซื้อจากร้านใด ดังนั้น จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์ Chat Commerce ไม่เพียงสร้างยอดขายให้เติบโตเท่านั้น แต่ยังสร้าง Deep Connection ให้กับแบรนด์ ให้ลูกค้าจดจำ พัฒนาไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ทั้งนี้ เทรนด์ในการทำ Social และ Chat Commerce จะเกิดขึ้นเติบโตต่อไป โดยมีปัจจัยสำคัญต่อไปนี้เป็นตัวขับเคลื่อน

·       Trust over Price การให้ความสำคัญกับความไว้วางใจ มากกว่าราคา เมื่อกระบวนการ Chat Commerce เกิดขึ้น ลูกค้าจะจดจำร้านค้าหรือแบรนด์ได้ และเมื่อพอใจในสินค้า ก็จะมีแนวโน้มที่กลับมาซื้อซ้ำ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นราคาถูกที่สุดหรือไม่ ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม LINE นำโดย LINE Official Account พร้อมเป็นตัวช่วยในการสร้างตัวตนของแบรนด์ให้น่าเชื่อถือ สร้างฐานผู้ติดตามให้กับแบรนด์บนโลกออนไลน์ได้ พร้อมด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการขายของ พร้อมรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความประทับใจ ไว้วางใจต่อแบรนด์

·       Personalized Treatment การตอบรับและสนองความต้องการในระดับบุคคล ปัจจุบันแบรนด์ที่ตอบสนองลูกค้าได้ตรงใจที่สุด จึงจะเป็นแบรนด์ที่รักของลูกค้า การใช้กลยุทธ์ Chat Commerce บน LINE จะทำให้แบรนด์สามารถจำแนกประเภทลูกค้า และความต้องการของลูกค้าได้ในระดับบุคคล ไม่ใช่ระดับกลุ่มเพศ อายุ อาชีพ หรือไลฟ์สไตล์อีกต่อไป บน LINE OA แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบคนหนึ่งคน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็นยอดขายได้ในอัตราที่สูงกว่ามาก

·       Retention over Acquisition คงลูกค้าประจำ พร้อมหาลูกค้าใหม่ นักการตลาดทราบกันดีว่า ต้นทุนการรักษาฐานลูกค้าเก่า ถูกกว่าต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ สิ่งนี้ยังเกิดขึ้นต่อไป หากแต่บน LINE มีเครื่องมือที่ทำให้แบรนด์สามารถสร้างได้ทั้งลูกค้ารายใหม่ และคงความสัมพันธ์ลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดี ในการกลับมาซื้อสินค้าซ้ำและบอกต่อให้กับเพื่อน สร้างทั้งการเติบโตจากยอดขายและการเติบโตของจำนวนลูกค้าไปพร้อมๆ กัน

·       Let Technology Work for Your Customers สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากที่สุดด้วยเทคโนโลยี จากข้อมูลทีม LINE Insights เห็นได้ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Chat Commerce เติบโตอย่างรวดเร็วคือ Ease of Ordering นั่นคือ ความง่ายในการซื้อขาย ดังนั้นแบรนด์ต้องทำให้ลูกค้ามีความสะดวกในการซื้อมากที่สุด ไม่บังคับลูกค้าว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหน เปิดหลายช่องทางเพื่อความสะดวกมากที่สุด ทั้งนี้บน LINE OA แบรนด์สามารถ สื่อสารกับลูกค้าผ่านแชท และสามารถปิดการขายผ่านเครื่องมือ MyShop เรียกได้ว่า ตั้งแต่เปิดการขายถึงปิดการขายและจ่ายเงิน ทำได้บน LINE ตั้งแต่ต้นจนจบ






“นอกจากนี้ การที่จะประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ได้ แบรนด์ยังต้องให้ความสำคัญกับ การสร้างตัวตนที่ชัดเจน (Brand Personality) การลงทุนในบุคลากรผู้ดูแลระบบหลังบ้านซึ่งเทียบเท่ากับพนักงานขายที่ดูแลลูกค้า และที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี ที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่ง LINE เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งมั่นสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ จำนวนมากเพื่อตอบโจทย์การขายออนไลน์ในวันนี้และยุคถัดไป เราพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยได้อย่างดีที่สุดสำหรับทั้งในวันนี้และอนาคต” นายเลอทัด กล่าวสรุป

#ThailandNowandNext #ChatCommerce #LINEforBusiness

24
เออาร์ไอพี จับมือ พันธมิตรแบรนด์ดัง ประเดิมจัดงานไอทีแรกแห่งปี “COMMART Crazy Offer !!” 25 - 28 มีนาคม 2564 ณ ไบเทค บางนา






เออาร์ไอพี จับมือพันธมิตรแบรนด์ดัง และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำ แถลงความพร้อมจัดงานมหกรรมสินค้าไอซีทีสุดยิ่งใหญ่ ประเดิมต้นปีกับงาน COMMART ภายใต้แนวคิด “CRAZY OFFER” จัดเต็มด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ลด แลก แจก แถม จากทุกแบรนด์ทุกค่าย และช้อปคุ้มยิ่งกว่านอกงานด้วย Commart Crazy Surprise แจก voucher สนั่นตลอดการจัดงาน 4 วัน แถมยังได้ลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ห้ามพลาด! 25 - 28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา


นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “งานคอมมาร์ตในครั้งนี้ถือเป็นงานเทคโนโลยีงานแรกแห่งปี 2564 ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่รอคอยของแฟน ๆ ไอทีมากมาย และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง รวมถึงเรื่องวัคซีนที่ทางรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว อีกทั้งในส่วนของงานคอมมาร์ตเอง เราสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาชมงานด้วยความร่วมมือกับศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ในการเตรียมมาตรการดูแลป้องการด้านสาธารณสุขที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลพร้อมกับนำหุ่นยนต์อัจฉริยะเทคโนโลยี 5G จากทาง AIS อย่างหุ่นยนต์ ROC, K9 มาช่วยปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขอนามัยภายในงาน พร้อมด้วยความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มาร่วมติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิมิวเทอร์ม–เฟสเซนซ์  (μTherm-FaceSense) ในการคัดกรองคนในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น เพื่อสร้างความความปลอดภัยให้กับผู้เข้าชมงานได้เดินชมงานอย่างไร้กังวลตลอดการจัดงาน

นอกจากนี้ทางคอมมาร์ตยังผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งแบรนด์และรีเทลรายใหญ่ ในการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมที่อัดแน่นตลอดการจัดงาน โดยคาดว่าสัดส่วนสินค้าที่จะมีในงานครั้งนี้เป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คประมาณ 60% สมาร์ทโฟน และแก็ดเจ็ตประมาณ 30% อุปกรณ์สำนักงานและสมาร์ทโฮมประมาณ 10% และสินค้าที่เป็นแรร์ไอเทมที่น่าจะได้เห็นในงานครั้งนี้อีกหลายตัว ซึ่งเชื่อว่าบรรยากาศของการเลือกซื้อแบบครบทุกแบรนด์จบในที่เดียว และโปรโมชั่นที่มีเฉพาะภายในงานคอมมาร์ตเท่านั้น ซึ่งเป็นเสน่ห์ของงานคอมมาร์ตและจะส่งผลให้งานคอมมาร์ตครั้งนี้สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายในอุตสาหกรรมไอทีช่วงต้นปีได้อย่างดี”



นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า สำหรับการจัดงานคอมมาร์ตครั้งนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Crazy Offer ที่จัดเต็มข้อเสนอและสิทธิพิเศษมากมาย ประกอบด้วย

•  Crazy Promotion จัดเต็มด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ลด แลก แถม แบบ Crazy Offer จาก 5 ร้านใหญ่ ทั้ง Advice, Banana, IT City, JIB และ Speed คุ้มกว่าช้อปนอกงานด้วย Commart Vocher คูปองแทนเงินสด และสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล Crazy Surprise แจกสนั่นตลอด 4 วัน หรือเลือกลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท

•  Crazy Technology รวมเทคโนโลยีเพื่อคนคลั่งไคล้ไว้ในงานเดียว พร้อมอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดปี 2021

•  Crazy Service มอบประสบการณ์ช้อปเหนือระดับสุดยอดบริการเพื่อให้คุณสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย กับคอมมาร์ตรับหิ้ว ฝาก บก.ซื้อโน้ตบุ๊ก หรือคอมพ์ประกอบมั่นใจได้ของดีและถูกแน่นอน, Commart Safe เข้มข้นด้วยมาตรการป้องกันโควิด-19 ผ่านเทคโนโลยีจากเนคเทค ไบเทค และ AIS, Commart Premium ลุ้นรับของพรีเมี่ยมพิเศษที่ผลิตเพื่อสาวก Commart โดยเฉพาะ

งาน COMMART Crazy Offer จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพี ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากพันธมิตรธุรกิจเข้าร่วมแสดงเทคโนโลยีภายในงานคับคั่งอย่าง ACE, Advice, Asus, Banana, E-Quip, CSC, Epson, Huawei, iStudio by SPVI, IT City, J.I.B, MSI, Lenovo, MSI, Office Mate, Powerbuy, Studio7, SPEED Computer, Acer, Ascenti, Intel,  AMD, SVOA, Razer และ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ร่วมด้วย Media Partner ด้านการประชาสัมพันธ์ อาทิ Techhub, eLeader, Business+, Beartai, Extreme IT, it24hrs., MRT, NBS และ Overclockzone

อย่าลืมมาพบกันที่งาน COMMART Crazy Offer ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เข้าชมฟรี! ตลอดทั้งงาน เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , Line:@Commart, และ twitter.com/Commart

25
ติงส์ ออน เน็ต ผนึก สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ติดอาวุธนักพัฒนาซอฟต์แวร์และไอโอที


รายนามผู้บริหาร (จากซ้าย)
ปวิณ วรพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด
อัครแสนคีรี โล่ห์วีระ กรรมการ บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด
ไพบูลย์ พนัสบดี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย
อาคม ไทยเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย

กรุงเทพฯ, 9 มีนาคม 2564 – ติงส์ ออน เน็ต และ สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนาอาชีพ ศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และไอโอทีของไทย ตลอดจนต่อยอดผลงานและการวิจัยไปสู่การสร้างนวัตกรรม โซลูชัน และแอปพลิเคชันใช้งานจริงที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตสังคมของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน

นายปวิณ วรพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด
เปิดเผยว่า ทั้งสององค์กรมีเป้าหมายร่วมกันคือ ต้องการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาศักยภาพ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีไอทีให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของไอโอทีอีโคซิสเต็ม (IoT Ecosystem) ในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไอโอทีเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ “ดิจิทัลไทยแลนด์” (Digital Thailand) พร้อมที่จะแข่งขันด้านดิจิทัลบนเวทีโลก

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกความเชี่ยวชาญของ ติงส์ ออน เน็ต และ สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย เข้าด้วยกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากเทคโนโลยีไอโอทีให้กับกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย โดย ติงส์ ออน เน็ต จะร่วมเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ พร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีไอโอทีมาช่วยเสริมทักษะเชิงลึกด้านเทคโนโลยีไอโอที และให้คำแนะนำปรึกษาให้แก่สมาชิกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย และบุคคลทั่วไป นอกจากนี้ บริษัทพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ไอโอที และเทคโนโลยีโครงข่าย ซิกฟอกส์ (Sigfox) ในกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ อีกด้วย”

นายไพบูลย์ พนัสบดี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือกับติงส์ ออน เน็ต ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้นำไอโอทีโซลูชันครบวงจรด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารชั้นนำระดับโลกครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยกระดับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และไอโอทีของประเทศ ตรงตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ที่เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาองค์ความรู้ ให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมอาชีพ และเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีให้กับนักพัฒนารุ่นใหม่ๆ รวมถึงต่อยอดงานวิจัยจากภาควิชาการไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม โซลูชัน และแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยีไอโอทีที่ใช้งานได้จริง”

ปัจจุบัน ติงส์ ออน เน็ต เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอโอทีโซลูชันครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีเครือข่ายระดับโลก พร้อมบริการและอุปกรณ์พร้อมใช้งานครอบคลุมทุกธุรกิจ อาทิ Smart City & Smart Building ระบบเมืองอัจฉริยะและอาคารอัจฉริยะที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย, Cold Chain Management ระบบตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้นสำหรับตู้แช่สินค้า ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็งในอุตสาหกรรมค้าปลีก หรือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สินค้าคงคุณภาพความเย็นที่เหมาะสม ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการวางจำหน่ายจนถึงมือผู้บริโภค, ระบบ Asset tracking ผู้ช่วยติดตามพัสดุภัณฑ์และทรัพย์สินมูลค่าสูง ทั้งในและนอกสถานที่, ระบบ Safety and Environmental สามารถตรวจวัดอุณหภูมิและคุณภาพอากาศ เพื่องานด้านความปลอดภัยในการบริหารงาน Facility management และระบบ Energy saving ช่วยบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย (Thai Programmer Association) มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายของโปรแกรมเมอร์เพื่อพูดคุย และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมมิ่ง ดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ 6 ข้อ ดังนี้ 1) เพื่อสร้างเครือข่ายของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ได้รู้จัก ช่วยเหลือ และแบ่งปันความรู้กัน 2) เพื่อพัฒนาทักษะด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Technical Skill) และ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับคน (Soft Skill) ให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ 3) เพื่อช่วยเหลือนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากการถูกผู้ว่าจ้างเอาเปรียบ และช่วยเหลือผู้ว่าจ้างจากการโดนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทิ้งงาน 4) เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และสร้างความเข้าใจที่ดีต่อสายอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ 5) เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้แสดงศักยภาพ หรือสร้างความร่วมมือ 6) เพื่อสนับสนุนชุมชนต่างๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์

26

เตรียมพบกับอีเวนท์ออนไลน์ครั้งยิ่งใหญ่จาก LINE งาน Thailand Now & Next: Rebuild and Grow with Chat Commerce 3 วันเต็มเจาะลึกกระบวนยุทธ์แชทคอมเมิร์ซไทย เสริมผู้ประกอบการยุคใหม่เติบโต

เตรียมพบกับงาน Thailand Now and Next: Rebuild & Grow with Chat Commerce 10-12 มี.ค. นี้!
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=uuuydnkBTpA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=uuuydnkBTpA</a>

LINE ประเทศไทย เตรียมจัดงานออนไลน์ครั้งใหญ่ Thailand Now & Next : Rebuild and Grow with Chat Commerce เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั่วไทยได้รู้ลึก รู้จริงในทุกเรื่องการทำแชทคอมเมิร์ซ (Chat Commerce) ทั้งแนวคิด กลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์จากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ไปจนถึงเทคนิคการใช้เครื่องมือ โซลูชั่นยกระดับการทำธุรกิจออนไลน์ไปอีกขั้น เข้าชมได้ฟรีจากทุกที่ทั่วประเทศ วันที่ 10-12 มีนาคมนี้ ผ่าน LINE Official Account: @linebizth, LINE TV ช่อง LINE for Business และ FB Fanpage: LINE for Business

วิดีโอโปรโมตงาน:
https://youtu.be/uuuydnkBTpA


จัดใหญ่ 12 หัวข้อ 3 วันเต็ม อัดแน่นคอนเทนต์จากหลากหลายกูรู ผู้เชี่ยวชาญโลกดิจิทัล

งาน Thailand Now & Next : Rebuild and Grow with Chat Commerce
งานเดียวที่รวบรวมทุกเรื่องราว เทคนิคการทำแชทคอมเมิร์ซในไทย ครั้งแรกของ LINE ประเทศไทยที่จัดเต็ม จัดใหญ่ ให้คนทำธุรกิจทั่วประเทศรับชมแบบออนไลน์ได้เต็มที่ตลอด 3 วัน อัดแน่นด้วยคอนเทนต์หลากหลาย มากมายถึง 12 หัวข้อ ประเดิมด้วย 3 ไฮไลท์สำคัญในการบรรยายช่วงเช้า เจาะลึกเทรนด์แชทคอมเมิร์ซสำหรับประเทศไทย กลยุทธ์ที่ใช่ในยุคดิจิทัล โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญในโลกอีคอมเมิร์ซจาก LINE ประเทศไทย อาทิ 

“Chat Commerce Drive Deeper Connection for Sustainable Growth” โดย เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ช LINE ประเทศไทย ผู้ขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยมานานกว่า 8 ปี กับเนื้อหาเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคไทยในการซื้อสินค้า บริการผ่านโซเชียลในปัจจุบัน นำไปสู่ความสำคัญของการวางกลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจด้วยแชทคอมเมิร์ซ พร้อมเทรนด์ในการเตรียมตัวสำหรับธุรกิจไทย สร้างความสัมพันธ์ขั้นกว่าเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไรผ่านแชทและโซเชียล

“Boost Conversion with Chat Commerce” โดย ธีรวัฒน์ งามวิทยศิริ หัวหน้าที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย ผู้มากประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาหลากหลายแบรนด์ใหญ่ในการทำแชทคอมเมิร์ซผ่าน LINE กับข้อแนะนำการทำแชทคอมเมิร์ซกระตุ้นยอดขาย ทำอย่างไรจึงเรียกว่าใช้เครื่องมือดิจิทัลตอบสนองลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ? พร้อมตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้แชทคอมเมิร์ซสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า ตอบโจทย์ลูกค้าได้ พร้อมสร้างยอดขายได้อย่างลงตัว

“Master Chat Commerce with LINE Ads Platform” โดย ปัณณ์ ภูติมหาตมะ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์โฆษณา LINE ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือ โซลูชั่นด้านโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE มาร่วมทำความรู้จัก LINE Ads Platform หรือ LAP ระบบการลงโฆษณาตามตำแหน่งต่างๆ มากมายบน LINE พร้อมกลยุทธ์ เทคนิคการทำแชทคอมเมิร์ซที่ใช่ผ่าน LINE Ads Platform ที่จะมาเสริมทักษะการทำแชทคอมเมิร์ซของคุณทั้งด้านโฆษณาและด้านการขายให้เหนือชั้นกว่าเดิม
 
บอกเล่าเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ SME ไทย เติบโตได้ด้วยแชท คอมเมิร์ซ

พลาดไม่ได้กับช่วง “เสวนาถอดเคล็ดลับความสำเร็จจากเจ้าของธุรกิจ SME” ในยามสาย กับเรื่องราว ประสบการณ์ตรงจากหลากหลายเจ้าของแบรนด์ SME ไทย ทำอย่างไรจึงนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จได้ด้วยแชทคอมเมิร์ซ? ไม่ว่าจะเป็น เคล็ดลับปั้นธุรกิจด้วยแชทบน LINE OA โดยแบรนด์ Divana Spa และ Back Joy ธุรกิจแฟชั่นต้องฟัง ใช้ LINE อย่างไรให้ขายดี โดย SUITCUBE และ PMK Polo Maker และ เปิดกลยุทธ์ร้านอาหารแชทยังไงให้ปัง โดย The Summer Coffee และ Supanniga ร่วมด้วยแขกรับเชิญจากแบรนด์และองค์กรชั้นนำในไทยอีกมากมาย ไม่ว่าธุรกิจประเภทไหน ก็สามารถรับชม นำเอาเทคนิค เคล็ดลับมาต่อยอดธุรกิจได้ทันที!

สอนการใช้งานแพลตฟอร์ม LINE ให้เข้าใจ พร้อมลงมือปฏิบัติได้จริง

ไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้เช่นกันคือช่วง “How-to เรียนรู้การใช้แพลตฟอร์ม LINE” ในยามบ่าย โอกาสให้ทุกท่านได้เรียนรู้การใช้งานเครื่องมือและโซลูชั่นต่างๆ บนแพลตฟอร์ม LINE กันอย่างละเอียด เข้าใจง่าย พร้อมเริ่มใช้งานได้ทันที โดยผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ประเทศไทยและเหล่ากูรู LINE Certified Coach กับหลากหลายหัวข้อให้เลือกชมตลอด 3 วัน เช่น “มือใหม่ LINE Official Account เริ่มต้นอย่างไรดี”, “อัพเลเวล LINE OA ด้วยฟีเจอร์ฉบับมือโปร”, “ปลุกยอดขายด้วย LINE SHOPPING X MyShop” และ “ต่อยอดธุรกิจ SME ให้โต ด้วยโฆษณาบน LINE ผ่าน LINE Ads Platform” เป็นต้น

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน เทรนด์แชทคอมเมิร์ซ เข้ามามีบทบาทในการค้าขายออนไลน์ สร้างการเติบโตให้กับอีคอมเมิร์ซในไทยได้เป็นอย่างมาก แพลตฟอร์ม LINE ในฐานะแพลตฟอร์มแชทหลักของคนไทย มุ่งยกระดับการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง เราจึงจัดงาน Thailand Now & Next ภายใต้แนวคิด Rebuild and Grow with Chat Commerce โดยหวังว่าจะเป็นโอกาสให้นักการตลาดและผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย ได้ศึกษากลยุทธ์แชทคอมเมิร์ซ รู้แนวทางการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ เพื่อเดินหน้าไปสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

ผู้สนใจสามารถเข้าชมงาน Thailand Now & Next: Rebuild and Grow with Chat Commerce ได้ฟรี พร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 10-12 มีนาคมนี้ ทาง LINE Official Account: @linebizth, LINE TV ช่อง LINE for Business และ FB Fanpage: LINE for Business ดูรายละเอียดกำหนดการได้ที่ https://lineforbusiness.com/thailandnowandnext/

#ThailandNowandNext #ChatCommerce #LINEforBusiness

27
เผยประชากรโลกมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นเกือบ 1 พันล้านคน

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OBSTRUCTIVE SLEEP APNEA: OSA)  มีการกล่าวถึงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากพบสถิติตัวเลขอุบัติการณ์ที่เป็นกันมากขึ้น  คือ มีตัวเลขประชากรเกือบ 20 % ที่อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นนี้ รวมทั้งข้อมูลจากต่างประเทศพบว่า ประชากรทั้งโลกป่วยเป็นภาวะนี้ประมาณ  1 พันล้านคน หรือประมาณ14 % ของประชากรทั้งโลก ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่เป็นมากขึ้นในปัจจุบันทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดประชุมกันต่อเนื่องทุกปี เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษา และเสริมสร้างความรู้ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง 



รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงนฤชา จิรกาลวสาน อายุรแพทย์ด้านระบบการใจและเวชบำบัดวิกฤตและด้านความผิดปกติจากการนอนหลับ ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในงาน Pre-congress Workshop ในงานประชุมประจำปีของสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย ปี 2563 ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงพยาบาลศิริราช ว่า สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OBSTRUCTIVE SLEEP APNEA: OSA) ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากภาวะช่องคอแคบ ทำให้เวลานอนมีเสียงกรน บางคนมองเป็นเรื่องธรรมดา โดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวและอาจเกิดการหยุดหายใจได้ในขณะนอนหลับ บางคนมีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ บางคนมีอาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน มีอาการมึนศรีษะในตอนเช้า ไม่สดชื่น และมีง่วงนอนตลอดเวลา หากปล่อยทิ้งไว้จะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเพราะอาจจะเพิ่มโอกาสในการโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดสมอง และโรคอัลไซเมอร์  เป็นต้น

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OBSTRUCTIVE SLEEP APNEA: OSA)  เป็นหนึ่งในโรคความผิดปกติจากการนอนหลับที่พบมากขึ้นในปัจจุบัน สมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทยซึ่งได้มีการประชุมกันต่อเนื่องทุกปีเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนไข้เพื่อทำการรักษา และเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวขัองกับโรคนี้ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวิทยาการใหม่ ๆ ในการที่จะรักษาผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่พัฒนาเพิ่มขึ้น เช่น  เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก หรือ CPAP ที่ทันสมัยสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายจากอาการหยุดหายใจขณะหลับได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะทำการรักษาต้องวินิจฉัยตามลักษณะอาการของคนไข้ก่อน เพราะแต่ละคนอาจมีโรคความผิดปกติจากการนอนหลับที่ไม่เหมือนกัน โดยที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มี “ศูนย์นิทราเวช” ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคความผิดปกติจากการนอนหลับ รวมทั้งการตรวจการนอนหลับที่ทันสมัย เพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพื่อที่นำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมต่อไป







28
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์  NOBLE FORM THONGLOR ร่วมสนับสนุนชุมชน


บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณธนพรรณ ธนูศิริ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ 1 กลุ่มงานบริหารโครงการ 2 เป็นตัวแทนบริษัทฯ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ สนับสนุนจุดให้บริการผู้โดยสารจักรยานยนต์สาธารณะ รับมอบโดยคุณสุชาติ รักซื่อ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตวัฒนา ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและความสวยงามต่อทัศนียภาพในชุมชนทองหล่อ ซึ่งทางโครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนชุมชน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา

29
เหล็ก SYS ได้รับการันตี “ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ” ภายใต้เครื่องหมาย “Made in Thailand”
 

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS ผู้ผลิตเหล็กเอชบีม ไวด์แฟลงก์ ที่มีคุณภาพจากแหล่งผลิตในประเทศ มานานมากกว่า 25 ปี ล่าสุดได้รับการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทของ SYS เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Made in Thailand (MiT)

นายพงษ์ศักดิ์ แห่ล้อม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด เผยว่า “การที่ SYS ได้รับใบรับรอง Made in Thailand นั้น ถือเป็นความภูมิใจที่ SYS จะได้สนับสนุนอุตสาหกรรมการก่อสร้างในประเทศไทย ด้วยเหล็กที่มีคุณภาพ และมาตรฐานระดับสากล โดยเฉพาะโครงการภาครัฐที่กำหนดให้มีการใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศก่อน โดยต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าหรือปริมาณเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างนั้น ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ SYS จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการสำคัญระดับประเทศ”

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า “การส่งเสริมเรื่องการรับรอง MiT มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมเหล็กอย่างมาก ทำให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย อันเนื่องมาจากผลกระทบโควิด-19”

“นอกจากนี้ การผลักดันการใช้สินค้าในประเทศไทย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในประเทศ ให้หันมาสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน และการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าในต่างประเทศ” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวปิดท้าย

SYS พร้อมสนับสนุนโครงการภาครัฐและเอกชน ด้วยเหล็กเอชบีมที่ผลิตในไทยเพื่อคนไทยมานานมากกว่า 25 ปี จึงมั่นใจได้ว่า จะได้ใช้เหล็กที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับสากล และมีสินค้าพร้อมส่งด้วยตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ

30
บทพิสูจน์ Chat Commerce กลยุทธ์ที่ใช่สร้างแบรนด์ให้เติบโต

สถานการณ์ที่บีบบังคับให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการช้อปออนไลน์ ทำให้แบรนด์และผู้ประกอบการเรียนรู้แล้วว่า Omni Channel สำคัญต่อธุรกิจและสร้างโอกาสเติบโตได้มากเพียงใด แต่คำถามสำคัญคือคุณรู้หรือไม่...แค่มีช่องทางขายหลากหลายแต่ไม่ใช้กลยุทธ์ที่ใช่อาจกลายเป็นการลงทุนที่ไร้ประโยชน์ได้ในพริบตา

กลยุทธ์การขายที่สร้างจาก Insight คนไทยจนกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ถูกพูดถึงมากในตอนนี้คือ “Chat Commerce” ที่ไม่ได้หมายถึงแค่ช่องทางเพื่อการพูดคุยสื่อสารถึงสินค้า บริการเพียงเท่านั้น Chat Commerce ยังสามารถช่วยให้แบรนด์แจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ เข้าถึงลูกค้าและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการต่อยอดระยะยาวให้แบรนด์สามารถมีข้อมูลลูกค้าที่ครบครัน เดินหน้าสู่การทำ Advanced Data Marketing ได้อย่างเต็มตัวอีกด้วย โดยไม่จำเป็นว่ากลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับกลุ่มธุรกิจไหน หรือต้องเป็นแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่โดยเฉพาะ เพราะ Chat Commerce สามารถตอบโจทย์ สร้างโอกาสให้ทุกธุรกิจได้อย่างเท่าเทียม และอาจจะจัดเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation ที่สามารถสร้าง Sustainable Growth ให้ได้อีกด้วย



พลิกธุรกิจอาหาร สู่ยอดขายหลักล้าน ยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่นกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ที่เจอวิกฤตครั้งใหญ่จากการจำเป็นต้องปิดหน้าร้านไป ทำให้ธุรกิจชะงัก หลากหลายแบรนด์ใช้กลยุทธ์ Chat Commerce มาพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมเพื่อสุขภาพแบรนด์ Wel-B หนึ่งใน SME ที่เดินหน้าสู่ไม่ถอย เมื่อได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤตโควิด-19 แบรนด์ได้มองหาช่องทางเพิ่มด้วยการทำ Chat Commerce ผ่าน LINE Official Account โดยยิงบรอดแคสต์แนะนำสินค้า พร้อมให้สั่งบริการเดลิเวอรี่ได้ทันใจ ทุกอย่างครบจบผ่าน LINE จนทำให้มากกว่า 80% ของออเดอร์ที่เข้ามาล้วนเกิดจากการบรอดแคสต์ในแต่ละครั้ง ทำรายได้จากสินค้าที่ขายผ่าน LINE Official Account กว่า 2 ล้านภายในเดือนเดียว และยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่แบรนด์ร้านกาแฟใหญ่อย่าง สตาร์บัค แบรนด์ระดับโลกที่มี Digital Asset แข็งแรงมากมาย ทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น รวมไปถึงช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ อยู่แล้ว แต่ได้เลือกใช้กลยุทธ์ Chat Commerce ผ่าน LINE Official Account มาต่อยอดธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพื่อแชทขาย แต่ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าบนโลกออนไลน์ให้โดดเด่น มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ลูกค้าสตาร์บัคสามารถรับข่าวสาร โปรโมชั่น หาที่ตั้งร้านที่ใกล้เคียง สั่งออนไลน์ เดลิเวอรี่ รวมไปจนถึงชำระเงินและสะสมดาวผ่าน ‘My Cards’ บัตรสมาชิกดิจิทัล ในรูปแบบของ Digital Loyalty Platform ได้อย่างครบครันผ่าน LINE ด้วยเวลาเพียง 6 เดือน สตาร์บัคสามารถสร้างผู้ติดตามใน LINE Official Account ได้กว่า 500,000 คน และในปี 2563 พบว่ามีออเดอร์ออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2562 เลยทีเดียว

ค้าปลีกเดินหน้า ยกโลกแห่งการช้อปสินค้ามาอยู่บนแชท
ฝั่งธุรกิจค้าปลีก เซ็นทรัล ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกไทย ถือเป็น Retail ใหญ่รายแรกๆ ที่เลือกใช้กลยุทธ์ Chat Commerce ด้วยการยกห้างสรรพสินค้าเข้าไปอยู่ใน LINE สร้างโลกแห่งการช้อปให้มาอยู่บนแชทได้ผ่าน Central Chat & Shop ที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเดินทางมาถึงห้าง ก็สามารถช้อปปิ้ง ชำระเงินได้ทันที พร้อมบริการพูดคุยสื่อสาร ตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทันใจ ช่วยเชื่อมประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร้รอยต่อแบบ Seamless Omni Channel ปัจจุบัน มีลูกค้าแชทเข้ามาบน LINE Official Account ของ Central Chat & Shop อย่างน้อย 1,000 รายต่อวัน สร้างยอดขายได้ถึงประมาณ 2 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งการทำ Chat Commerce ผ่าน LINE Official Account ยังทำให้เซ็นทรัลสามารถเห็นความต้องการของลูกค้าได้ละเอียดขึ้น ทำให้ออกโปรโมชั่นพิเศษแบบ Personalized Marketing ได้ง่าย จนทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด



อัปเกรดธุรกิจสายแฟชั่นครั้งใหญ่ สู่โลกออนไลน์ด้วย Chat Commerce
นับว่าเป็นปรากฎการณ์น่าสนใจครั้งใหญ่สำหรับธุรกิจสายแฟชั่น เมื่อหลากหลายแบรนด์เนมดังระดับโลกได้ลงตลาดออนไลน์ด้วยการใช้กลยุทธ์ Chat Commerce เพื่อเข้าถึงคนไทย ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, CHANEL, Dior รวมไปถึงแบรนด์นอกอย่าง Sulwhasoo Thailand ที่ใช้ LINE Official Account ในการสื่อสารและปิดการขายกับผู้บริโภคไทยอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ในไทยอย่าง Oriental Princess ก็มีการใช้ LINE Official Account มาเป็นช่องทางในการพูดคุย สื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์การปล่อยสติกเกอร์ ที่มีคาแรคเตอร์ Miss OP สื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าได้อย่างชัดเจน มาเป็นตัวช่วยเพิ่มฐานลูกค้าบนแชท จนสามารถดึงดูดฐานลูกค้าเพิ่มเข้ามาใน LINE Official Account ได้สูงมากกว่า 2 ล้านดาวน์โหลด การกระโดดเข้ามาทำ Chat Commerce ของแบรนด์แฟชั่นระดับใหญ่และระดับโกลบอล จะสังเกตเห็นได้ว่า ไม่ได้ใช้ LINE Official Account เป็นเพียงช่องทางขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นทำ Brand Storytelling บอกเล่าถึงคุณค่าความเป็น Heritage ของแบรนด์นั้นๆ ด้วยการเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผ่านช่องทางแชทที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ สัมผัสถึงคุณค่าของแบรนด์และสินค้าได้อย่างใกล้ชิด

ในขณะที่ฝั่ง SME แบรนด์ตัดเย็บชุดสูทสำเร็จรูปอย่าง Suitcube ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ SME ไทยที่ใช้กลยุทธ์ Chat Commerce ผ่าน LINE มาเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงวิกฤต โดยดึงเสน่ห์ของการพูดคุยมาเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้ลูกค้าติด ด้วยคาแรคเตอร์ในการสื่อสารที่ชัดเจน คุยแบบกันเอง เพื่อสร้างความไว้วางใจ พร้อมดูแลตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็ว  และดึงเอาแชทบอทหรือข้อความตอบกลับอัตโนมัติมาช่วยแบ่งเบาภาระของ Admin หรือแบรนด์สินค้าเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้าอย่าง Mosstories ที่ปรับเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ Chat Commerce บน LINE มาใช้ในการขาย มากกว่าแค่การแชท จนสามารถปิดการขายบนช่องทางนี้ได้ถึง 70-80% สัดส่วนการขายออนไลน์เพิ่มขึ้นมาเป็น 40% เลยทีเดียว

ประเด็นเหล่านี้กลายเป็นคำตอบ ว่าทำไมแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ ไปจนถึงผู้ค้ารายย่อยต่างให้ความสำคัญกับ Chat Commerce ผ่าน LINE Official Account ในช่วงปีที่ผ่านมา หากคุณต้องการเรียนรู้กลยุทธ์เหล่านี้ให้ละเอียดขึ้นกว่าที่เคย ไม่ควรพลาดงาน “Thailand Now & Next” ภายใต้แนวคิด Rebuild & Grow with Chat Commerce ในวันที่ 10-12 มีนาคมนี้ เตรียมพบกับเวทีแห่งความรู้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อผู้ประกอบการไทยทุกราย เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้กลยุทธ์สร้างความสำเร็จด้วย Chat Commerce บน LINE อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องนั่งรอโอกาสแต่สามารถเข้าใกล้ความสำเร็จได้ด้วยตนเอง ชมฟรีผ่าน LINE Official Account: LINE for Business, LINE TV ช่อง LINE for Business และ FB Fanpage: LINE for Business

#ChatCommerce #LINEforBusiness #ThailandNowandNext

Pages: 1 [2] 3 4 ... 330