Recent Posts

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 10
21
“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” จับมือ “คลีนแอนด์แคร์”
แถลงข่าวงาน “บัตร M Gen x Klean&Kare : ACNE It’s OK เป็นสิวไม่เป็นไร”



         นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณาบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วย พันตรี สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ จำกัด และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจที่นอกเหนือจากโรงพยาบาล 7.2 (Non Hospital) บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แถลงข่าวงาน  “บัตร M Gen x Klean&Kare : ACNE It’s OK เป็นสิวไม่เป็นไร” เกี่ยวกับความร่วมมือในการส่งมอบความสนุกบันเทิง ผ่อนคลายความเครียดผ่านโปรโมชั่นการชมภาพยนตร์ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กับลูกค้าคนรุ่นใหม่ ตลอดจนประเด็นอื่นๆ ในวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.30 – 11.30 น. ณ โรงภาพยนตร์ VIP Theatre 1 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

          สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.majorcineplex.com   www.facebook.com/MajorGroup  รวมถึง www.kleanandkare.co.th/thและ www.facebook.com/KleanandKare/
22
“ดอยตุง” ชวนเที่ยวงาน กาดกลางกรุง 2567


        กลับมาอีกครั้งกับงาน "กาดกลางกรุง ดอยตุง 2567" ครั้งที่ 3 กับงานมหกรรมรวมสินค้า และอาหารจาก “ดอยตุง” แบรนด์ธุรกิจเพื่อสังคม ที่ส่งตรงสินค้าและวัตถุดิบคุณภาพจาก โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ระหว่าง วันที่ 24-31 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น.  ณ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์

         สำหรับงาน กาดกลางกรุง 2567 จัดขึ้นในในธีม Crafted Sustainability เพลิดเพลินกับบรรยากาศกรีนๆ ใจกลางกรุง ภายในมีไฮไลท์มากมาย อย่างโซนช้อปสินค้าหัตถกรรมงานคราฟต์รักษ์โลก จากผ้าทอมือไทยด้วยเทคนิคการทอที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของดอยตุงและดีไซน์อันโดดเด่น อาทิเช่น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ กระเป๋า พร้อมเปิดตัว Collection Spring/Summer 2024 และกระเป๋า Boro Bag ที่มีลวดลายเฉพาะ แต่ละใบจะมีลวดลายไม่ซ้ำกัน (One-of-a-kind)




          นอกจากนี้ภายในงานยังมี เมนูซิกเนเจอร์จาก คาเฟ่ ดอยตุง พิเศษ อย่าง Craft Chocolate  Raspberry เครื่องดื่มเย็นคราฟต์ช็อกโกแลตราสเบอร์รี่ รสชาติสุดเข้มข้น หอมกลิ่นช็อกโกแลตที่หมักด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม สำหรับคอกาแฟต้องลองเมนู Coconut Americano ที่ผสมผสานรสชาติของกาแฟอาราบิก้า 100% กับน้ำช่อดอกมะพร้าว หอมหวาน กลมกล่อม อร่อยสดชื่น และกาแฟดริปหรือแคปซูล รสชาติพิเศษฉบับดอยตุง ทำจากเมล็ดกาแฟคุณภาพใต้ป่าดอยตุง สะดวก ชงง่าย รวดเร็ว ในราคาพิเศษ พร้อมฟินกับ “ไอศกรีมดอยตุง“ รสชาติ และลายใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 3 สัญลักษณ์ในสวนแม่ฟ้าหลวง ประกอบด้วย ไอศกรีมดอกไม้ระบายดอย รสอัญชันน้ำผึ้งมะนาว, ไอศกรีมน้องหมี่ก่า รสนมชมพู และไอศกรีมน้องโต รสชาไทย


          พิเศษสุุดๆ ครั้งแรกจากดอยตุง พร้อมเสิร์ฟหมูดำดอยตุงให้คนกรุงชิม โดยนำมาแปรรูปไส้กรอก 3 รสชาติ ได้แก่ ไส้กรอกคาล์บบราทเวอร์ท, ไส้กรอกคนักเวอร์ธ, ไส้กรอกแฟรงค์เฟอร์เตอร์ นอกจากนี้ยังมีเมนูสุดไฮไลท์อย่าง สปาเกตตี้ไส้กรอกหมูดำ สลัดไส้กรอกหมูดำ ข้าวเหลืองดอกพุธอุ๊บเนื้อไก่ ข้าวซอยน้ำเงี้ยว และข้าวซอยฮ่อไก่

          ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชิญชวนผู้ที่สนใจมาเที่ยวชมงานอย่าลืมนำถุงผ้า กระติกน้ำ และภาชนะใส่อาหารมาด้วยเพื่อลดการใช้พลาสติก พร้อมรับส่วนลดพิเศษภายในงานอีกด้วย

วิธีเดินทาง : มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ถนนพระรามที่4)

•   รถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี ทางออกที่ 3
•   รถยนต์ส่วนตัว ในงานมีที่จอดรถรองรับ

         สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/DoiTungClub LINE @DoiTung_Lifestyle หรือ
โทร. 0-2252-7114


#DoiTung #กาดกลางกรุง #CraftedSustainability







23
นิตยสาร Business+ ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
มอบรางวัล “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024”
“สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2567”


              นิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานมอบรางวัล “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ - Innovation the products with Intelligence Technology” รางวัลที่มอบให้กับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมแห่งปี 2567 อันเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จในด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการ โดยในปีนี้มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดใน 8 ประเภทสินค้าและบริการ รวม 22 รางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต เป็นประธานมอบรางวัล แก่องค์กรที่ได้รับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ


              นาย นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี กล่าวว่า “จากผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 หรือ Global Innovation Index 2022 ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 132 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 43 เท่ากับปี 2022 เป็นอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศ เศรษฐกิจรายได้ระดับกลางถึงบนที่มีอยู่ 33 ประเทศ และเป็นอันดับ 9 ในกลุ่มประเทศอาเซียน เอเชียตะวันออก และโอเชียเนียที่มีอยู่ 16 ประเทศ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ GDP แล้วพบว่า ไทยเราทำได้เหนือความคาดหมายจากระดับของการพัฒนา ที่สำคัญคือ ไทยเราสามารถผลิตผลผลิตทางนวัตกรรมได้มากกว่าระดับของการลงทุนในนวัตกรรมอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเรายังมีช่องว่างในการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะก้าวให้ทันประเทศชั้นนำของโลก ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาและสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาต่อยอดให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ทางธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยต้องการรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”

              “งานมอบรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี ก็เป็นงานหนึ่งที่เกิดจากความร่วมมือของภาคเอกชนและภาคการศึกษาในการขับเคลื่อนและส่งเสริมสังคมไทยให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาด ในการคัดเลือกสินค้าและบริการที่มีแนวคิดใหม่ๆ และช่วยสร้างความตื่นตัวให้แก่คนไทยทุกคนผมขอแสดงความยินดีกับผู้จัดงาน และองค์กรธุรกิจทุกองค์กรที่รับมอบรางวัลในวันนี้”


              นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อยุคสมัยและเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เราต่างพบว่าสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเช่นกัน ฉะนั้นองค์กรธุรกิจจึงต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมของสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จึงจะสามารถอยู่รอดได้ในภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง นิตยสาร Business+ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้จัดงานนี้ขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นว่ามีสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ความต้องการของอยู่มากมาย จึงเป็นที่มาของการมอบรางวัลให้แก่ผู้พัฒนาสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม โดยร่วมมือกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นวิทยาลัยการจัดการธุรกิจที่มีคุณภาพสูง มีความเชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนในสายงานบริหารจัดการภาคธุรกิจที่ทันสมัยรวบรวมและคัดเลือกสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่นใน 8 ประเภทสินค้าและบริการ โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อนำไปสู่การมอบรางวัลให้แก่สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2567 ซึ่งในปีนี้ผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลรวม 22 รางวัล ผมขอแสดงความยินดีกับองค์กรธุรกิจที่ได้รับรางวัลกับทุกองค์กร หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 จะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการเชิดชูองค์กรธุรกิจและเป็นแบบอย่างแก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อให้เกิดการยกระดับสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นต่อไป”


              ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการผลิตรูปแบบเดิม อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อีกต่อไป คำว่านวัตกรรม หรือ Innovation จึงถูกยกมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในมุมของภาคธุรกิจ บริการ หรือแม้แต่ในภาคการศึกษาเอง ถือเป็นทางออกที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตามในการใช้นวัตกรรมมาช่วยในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันที ต้องใช้เวลาในการพัฒนาและวิจัยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจของวิทยาลัยการจัดการ เราจึงได้ความไว้ใจจาก สื่อชั้นนำด้านธุรกิจอย่าง นิตยสาร Business+ โดยบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ในการร่วมกันค้นหาองค์กรที่มุ่งสร้าง นวัตกรรม จนเป็นที่มาของการมอบรางวัลนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 ในนามของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผมขอชื่นชมและขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง กับทุกๆ ท่านที่เล็งเห็นความสำคัญข้อนี้ จนร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคและผมเชื่อว่า นวัตกรรม จะช่วยผลักดันให้ประเทศของเราพัฒนาได้อย่างยั่งยืนต่อไป”


              รางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2567 “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ในครั้งนี้จัดมอบรางวัลจำนวน 22 รางวัลใน 8 ประเภท  ประเภทของสินค้าและบริการ โดยมีรายชื่อผู้ได้รับรางวัล ดังต่อไปนี้

ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มการเงิน-การลงทุน

1.  บัตรเดบิต TTB All Free  ทีเอ็มบีธนชาต
2.   บัตรเครดิต KTC Digital  Card บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มเทคโนโลยี

3.  บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง Interlink Fiber Optic  บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)
4.  Notebook Acer Swift Go บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัย

5.   บริการ Application MTL Click บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
6.   บริการรับแจ้งเคลมออนไลน์ Smart AI Claim บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จํากัด (มหาชน)


ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้ากลุ่มยานยนต์

7.            ผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ประเภทบรรทุกขนาดเล็ก FOTON TRUCK MATE iBlue 45 บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด

8.    ผลิตภัณฑ์ยานยนต์และพลังงานทดแทน EA BiO PCM บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
9.    รถยนต์นั่งส่วนบุคคล MAZDA2 บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
10.   รถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% SANY TRUCK TRACTOR รุ่น EV490-25 บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด
11.   ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด 
12.   ยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ MICHELIN บริษัท สยามมิชลิน จำกัด


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน

13.   ผลิตภัณฑ์ Smart Home ประเภทหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ Roborock S8 MaxV Ultra บริษัท มาร์เก็ตติ้ง 1688 จำกัด
14.    ผลิตภัณฑ์อ่างล้างหน้า QUINTA BASIN QUIL BY COTTO บริษัท สยามซานิทารีแวร์ อินดัสทรี จำกัด
15.   ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและการนอน ภายใต้แบรนด์ Lunio บริษัท ฮอริซอน กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด


ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าบริโภค

16.   ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม สิงห์ เลมอนโซดา   บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด
17.   ผลิตภัณฑ์น้ำด่าง อิชิตัน PH PLUS ผสมวิตามินดีและสารสกัดใบแปะก๊วย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม

18.   ผลิตภัณฑ์ Plant Based Protein (Dietary Supplement Product) (Dr.Jel Brand) บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด
19.   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Solanox บริษัท ยังเอจ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
20.    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน อมาโด้ คลอโรฟิลล์ คอลลาเจน ผสม เวจจี้ กรีนเบลนด์ พลัส ไฟโต รสแอปเปิ้ล บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด
21.   ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แชมพูพีไวว์ PVIVE พีไฟว์กรุ๊ป


ผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์

22.   การรักษาเนื้องอกมดลูกโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยี HIFU บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
24
AION Thailand จัดกิจกรรม Hyper SSR Trackday เชิญกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจ
ร่วมสัมผัสสมรรถนะ Hyper SSR รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของประเทศไทย


16 มีนาคม 2567 - บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม Hyper SSR Trackday เชิญกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจ ร่วมสัมผัสและทดลองขับ Hyper SSR รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

กิจกรรม Hyper SSR Trackday จัดขึ้นเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจรวมถึงสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของประเทศไทย ร่วมเปิดประสบการณ์ และมีความเข้าใจผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคจาก GAC AION ร่วมทดลองขับรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Hyper SSR เพื่อสัมผัสสมรรถนะของตัวรถอย่างใกล้ชิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

สำหรับแบรนด์ Hyper เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของ GAC AION โดยชื่อแบรนด์มีที่มาจากการคำภาษาอังกฤษ Hyper ซึ่งมีความหมายว่า "ความเหนือระดับและความล้ำสมัย" Hyper จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ และตราสัญลักษณ์ Hyper มีที่มาจาก "ลูกศร AI" เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่มีคุณภาพและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม



Hyper SSR ถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ที่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยชื่อรุ่น SSR มีความหมายว่า Super / Sport / Race สื่อให้เห็นถึงความเหนือชั้นในทุกมิติ ทั้งในด้านของดีไซน์ภายนอก - ภายใน สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยจิตวิญญาณที่พร้อมสำหรับการแข่งขัน และพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของโลก

หลังจากได้ยลโฉมและทดลองขับ Hyper SSR ในสนาม พีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างก็ตื่นตาตื่นใจในประสิทธิภาพและสมรรถนะ ทั้งในเรื่องของการควบคุม การเบรก รวมถึงดีไซน์ที่เฉียบคมและเป็นเอกลักษณ์ ของ SSR และได้สัมผัสอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ใน 1.9 วินาที ของ Hyper SSR ซึ่งถือได้ว่า "เร็วที่สุด" ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ และคาดว่า Hyper SSR จะเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และตลาดโลก



ข้อมูลและรายละเอียด Hyper SSR


ดีไซน์ภายนอก (Exterior Design)
ด้วยปรัชญาการออกแบบภายนอกของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง Hyper SSR ได้แรงบันดาลใจจากด้านหน้าของ "เหยี่ยว" (The Falcon) และแนวคิด "นักรบหกเหลี่ยม" (Hexagonal Warrior) จากโครงสร้างตัวถัง Carbon Fiber และชุดล้อที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงเกรดอากาศยาน (Aerospace Grade) ที่ผสมผสานความแข็งแกร่ง สุนทรีย์ศาสตร์และหลักอากาศพลศาสตร์เข้าด้วยกัน

Hyper SSR มาพร้อมดีไซน์ไฟหน้าแบบ LED รูปทรงตัว L ยาว ให้ความเป็นเอกลักษณ์อันเฉียบคม ที่ประสานระหว่าง เทคโนโลยีที่ดีที่สุด (Cutting-Edge Technologies) และ นวัตกรรมการออกแบบอันหรูหรา (Innovative Elegance) สามารถส่องสว่างได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมไฟท้ายแบบ LED แนวยาว โดดเด่น สะกดทุกสายตา และชิ้นส่วนของช่องอากาศด้านท้าย (Diffuser) มีไฟตัดหมอกหลัง เพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็น

ด้านหน้า Hyper SSR มีช่องดักอากาศ (Air-inlet grille) แบบ Carbon Fiber ที่สามารถนำการไหลของอากาศหน้ารถ (Airflow) ไหลเข้าไปสู่ส่วนของระบบมอเตอร์ด้านหน้า (Front Compartment) และไหลอากาศไปยังส่วนล่างของกระจกบังลม โดยผสานการทำงานระหว่างดีไซน์ด้านข้างตัวรถ ที่สามารถจัดการการไหลของอากาศที่หมุนวนภายในรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านหลังแบบอัตโนมัติ (Active Spoiler) สำหรับการจัดการอากาศ และสามารถสร้างแรงกดได้ถึง 100 กิโลกรัม ขณะขับด้วยความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับ Hyper SSR คือ รูปลักษณ์อันโดดเด่น ที่มาพร้อมกับท่วงท่าการเข้า-ออก ที่รู้สึกถึงความสง่างาม โดย Hyper SSR นั้น มาพร้อมกับการเปิดประตูแบบปีกนกแบบอัตโนมัติ (Butterfly Door) สามารถกดปุ่มเพื่อเปิด-ปิดประตู และได้องศาประตูที่มากกว่ารถซูเปอร์คาร์ทั่วไป รวมไปถึงมีระบบป้องกันการหนีบเพื่อความปลอดภัย

Hyper SSR ถือเป็นยนตรกรรมที่ล้ำหน้าและทันสมัยที่สุดคันนึงแห่งยุค ทั้งในเรื่องของสมรรถนะและความอัจฉริยะของเทคโนโลยีต่างๆ รวมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบตกแต่งด้วยตนเองแบบ Personalized ที่สามารถเลือกปรับได้ตั้งแต่ สีรถ (Body Color) สีคาลีเปอร์เบรค (Calipers Color) เป็นต้น



ดีไซน์ภายใน (Interior Design)
การออกแบบภายใน ของ Hyper SSR เน้นความสปอร์ตสไตล์รถแข่งและวัสดุคุณภาพยอดเยี่ยม เน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก (Driver – Centered Racing Style) มาพร้อมพวงมาลัยแบบรถแข่งทรงหกเหลี่ยม (Hexagonal Racing Steering Wheel) พร้อมปุ่ม Multifunction เบาะนั่งไฟฟ้าทรงสปอร์ต ปรับระดับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และยังมีระบบดันหลัง ระบบเบาะอุ่น ทั้งเบาะคู่หน้าเต็มระบบ

ภายในมาพร้อมไฟส่องสว่างห้องโดยสารแบบ LED พร้อมด้วยระบบไฟ Ambient Light หลากสีเพิ่มบรรยากาศการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้น ฟังก์ชั่นระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ PM 2.5 ฯลฯ

Hyper SSR สามารถเลือกสไตล์การตกแต่งภายในห้องโดยสาร Personalized ได้อย่างอิสระ ตั้งแต่ การเลือกสีภายใน (Interior Color) การเลือกสีเข็มขัดนิรภัย (Safety Belt Color) สามารถเลือกได้ตามความต้องการ



เทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร (Cockpit System)
สำหรับเทคโนโลยีที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งาน ได้อย่างเต็มรูปแบบด้วยเทคโนโลยีห้องโดยสารอัจฉริยะ (ADiGO Intelligent Cockpit System)

ห้องโดยสารของ Hyper SSR ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นภายในรถได้เกือบทุกฟังก์ชั่นโดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย มีจอสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ ขนาด 8.8 นิ้ว แสดงข้อมูลแบบสามมิติ (3D Interface) เพื่อให้ผู้ใช้งานสัมผัสความรู้สึกเสมือนกำลังขับขี่อยู่บนรถแข่งจริงๆ

จอแสดงผลกลางขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อระบบออนไลน์ พร้อมฟังก์ชั่นการควบคุมภายในรถทั้งหมดของ Hyper SSR เช่น ปรับโหมดการขับขี่ ระบบสั่งการด้วยเสียง และระบบเรียนรู้การขับขี่อัจฉริยะผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (Human-Computer Interaction) ที่จะเรียนรู้โหมดควบคุมการขับขี่ที่แตกต่างตามสภาพถนนจริงและสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น



ระบบขับเคลื่อน (Drivetrain)
แบตเตอรี่ของ Hyper SSR มีขนาดอยู่ที่ 74.69 kWh ชนิดแบตเตอรี่ Ternary NMC (Nickel Manganese Cobalt) ที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ (1 มอเตอร์บริเวณด้านหน้า และ 2 มอเตอร์บริเวณด้านหลัง) กำลังขับเคลื่อนของระบบไฟฟ้าอยู่ที่ 900 kW ประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ที่ 1,225 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ 2 จังหวะที่มาพร้อมกับระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (e-LSD) และสามารถเดินทาง ระยะทางสูงสุด 506 ก.ม.

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ Hyper SSR สามารถรองรับการชาร์จไฟแบบ AC และ DC และมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นกว่ารถซูเปอร์คาร์ทั่วไป คือ เทคโนโลยี V2L เป็นระบบจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ให้คุณเอ็นจอยกับการเดินทางนอกสถานที่ยิ่งขึ้น



ระบบความปลอดภัย (Safety)
Hyper SSR จัดเต็มระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด ที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ มาพร้อมระบบ Circuit Protection System ซึ่งเป็นระบบตัดระบบกำลังไฟฟ้าทั้งหมดหลังการชน ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้าย เพื่อป้องกการกระแสไฟฟ้ารั่ว เพื่อความปลอดภัย, ระบบถุงลมนิรภัย Airbag ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และด้านข้างเบาะโดยสาร

นอกจากนี้ Hyper SSR มีระบบเบรก คาร์บอนเซรามิกแบบพิเศษ (Carbon Ceramic Brake Disc Technology) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรคในความเร็วสูงสามารถทำได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงฟังก์ชั่นความปลอดภัย อาทิเช่น ระบบกันขโมย Anti-Theft System และระบบแจ้งเตือนประตูอัตโนมัติปิดไม่สนิท (Door Ajar Warning Alarm) ระบบเบรคมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto hold

Hyper SSR ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเต็มพิกัดอย่าง Anti-Lock Brake System (ABS), Electronic Brakeforce Distribution (EBD) , Brake Assist (BA) , Hydraulic Brake Assist (HBA) , Hill Hold Control (HHC) , Braking Energy Recovery , CRBS (with proportion adjustable) , Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ฯลฯ
25
"นิติกร สวนน้ำธารคีรี" โชว์ฟอร์มเด็ด "ชนะคะแนนขาดลอย "ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง" ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23




วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23 สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย ที่ เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายณรงค์เดช ช่วยภักดี ผู้แทนปูนเสือ และ นายจมร เลขะกุล ผู้แทนปูนเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ระหว่าง นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ เจอกับ เพชรตะวัน เพชรจินดา (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์

ผลมวยรอบปูนเสือมีดังนี้


คู่ที่ 1. เฉือนแต้ม นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พบ ศิลาชัย สท .แมนนครระยอง (น้ำเงิน) ทั้งคู่เป็นมวยซ้ายด้วยกัน นิติกร เป็นฝ่ายเดินเตะซ้ายนำจับปล้ำตีเข่าเป็นชุด ด้าน ศิลาชัย รอจังหวะเตะซ้ายก่อนโดน นิติกร ดิ้นไม่หลุด ปลายยก นิติกร เตะซ้ายเป็นชุดปล้ำตีเข่า ศิลาชัย พยามโต้แต่ไม่ชัดเจนครบยก นิติกร เป็นฝ่ายชนะคะแนน


คู่ที่ 2. ขาดลอย ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (แดง) พบ นิล ผ้าเบรกคอมแพค (น้ำเงิน) คู่นี้ ยอดนที ได้ชนะผ่านเนื่อจาก เพชรตะวัน เพชรจินดา ทำน้ำหนักไม่ได้ต้องขอถอนตัวออกจากมวยรอบทางคณะกรรมจำเป็นต้องเอา นิล ผ้าเบรกคอมแพค (น้ำเงิน) มาอย่าแทนอย่างกะทันหัน เกมส์การชก ยอดนที อาศัยตัวใหญ่กว่าเดินขวาเน้นๆทำเอา นิล ซึ่งตัวเล็กกว่าโดนแล้วออกอาการ แม้พยามเดินเตะขวาต่อยหมัดแต่ก็ไม่ชัดเจนครบยก ยอดนที ชนะคะอนนขาดลอยท้ายๆ


สำหรับ "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23" สาย A รอบ 8 คนสุดท้าย นัดที่ 2 จะชกกันในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 เป็นการชกคู่ชนะเจอคู่ชนะ ระหว่าง เป็ก ปตท.ทองทวี พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง พิกัด 112 ปอนด์ ส่วนคู่แพ้เจอแพ้ ระหว่าง ฉลามเงิน สิงห์มาวิน พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน พิกัด 112 ปอนด์ และในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567 สาย B  นัดที่ 2 คู่ชนะเจอคู่ชนะ สาย B ระหว่าง นิติกร สวนน้ำธารคีรี 112 ปอนด์ พบกับ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม 112 ปอนด์ และ คู่แพ้เจอคู่แพ้ สาย B ระหว่าง ศิลาชัย สท .แมนนครระยอง 112 ปอนด์ พบกับ สายนที วรวุฒิรุ่งโรจน์ 112 ปอนด์

โดยช่อง 7 HD ทำการถ่ายทอดสด การแข่งขันให้แฟนมวยคนไทยเข้ารับชมและเชียร์กันได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป
26
พานาโซนิค จับมือพันธมิตร คิกออฟเดินเครื่องรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้ว
นำทุกชิ้นส่วนกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย




              พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) จับมือ ยูเอ็มซี เม็ททอล และซีพี ออลล์ ร่วมประกาศความสำเร็จ “โครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” ใช้เทคโนโลยีเตาเผา ECOARC™ หลอมถ่านไฟฉายใช้แล้วเพื่อแยกเอาวัสดุกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ใช้กับถ่านไฟฉายของพานาโซนิคเท่านั้น เนื่องจากเป็นถ่านไฟฉายที่ไม่มีสารอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับร้านค้าเซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งเป้าหมายเพิ่มจุดรับถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเป็น 1,000 สาขาภายในปี 2567 เพื่อนำถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล


              มร.ทาคุยะ ทานิโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในแต่ละปี ประเทศไทยมีปริมาณการบริโภคถ่านไฟฉายกว่า 300 ล้านชิ้น ที่ผ่านมาถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วมักถูกทิ้งหรือทำลายโดยการฝังกลบ ซึ่งการทิ้งถ่านโดยไม่คัดแยกก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันพื้นที่ในการฝังกลบก็มีจำกัด  พานาโซนิค เอเนอร์จี จึงได้มีแนวคิดในการรับคืนถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วจากผู้บริโภค เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี และนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดมูลค่าใหม่ในระบบเศรษฐกิจ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy


              “พานาโซนิค เอเนอร์จี ได้พยายามมองหาพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน โดยเริ่มจากการส่งตัวอย่างถ่านไฟฉายให้กับโครงการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วและของเสียจากกระบวนการผลิตถ่านไฟฉาย ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม และนำมาสู่การขยายผลความร่วมมือกับ ยูเอ็มซี เม็ททัล (UMC Metals) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลเหล็ก โดยทำการรีไซเคิลเศษโลหะและเศษวัสดุที่ไม่ใช่โลหะสำหรับโครงการนี้ อีกทั้ง พานาโซนิค เอเนอร์จี ยังได้ร่วมมือกับซีพี ออลล์ จัดตั้งจุดบริการรับทิ้งถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วณ ร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น โดยเริ่มจาก 31 สาขา ในปี 2565 และเพิ่มเป็น 50  สาขา ในปี 2566


              “ขณะนี้ พานาโซนิค เอเนอร์จี ได้รับอนุญาตกระบวนการรีไซเคิลวัสดุจากถ่านไฟฉายให้เป็นเหล็ก จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงพร้อมเดินหน้า “โครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยการนำถ่านไฟฉายใช้แล้วไปหลอมรวมกับเศษเหล็กอื่น ๆ ด้วยเตาหลอมเหล็ก ECOARC™ ที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้จากการหลอม


              นอกจากเหล็กแท่งที่สามารถนำมาขายต่อในอุตสาหกรรมเหล็กได้แล้ว ยังมีวัสดุที่สามารถนำกลับมาสร้างคุณค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อีก เช่น ตะกรันเหล็ก ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการถมที่พื้นที่ทั่วไป และ EAF หรือ ฝุ่นแดง สามารถนำมารีไซเคิลเป็นซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งพานาโซนิคกำลังศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตถ่านไฟฉายใหม่อีกครั้ง


              การดำเนินโครงการครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่บรรลุผลสำเร็จในการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้ว ช่วยลดปริมาณขยะในระบบนิเวศน์ และสามารถนำผลิตภัณฑ์กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งถือเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง” มร.ทานิโมโตะ กล่าว


              ทางด้าน นายเศรษฐวุฒิ ยินมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอ็มซี เม็ททอล จำกัด กล่าวว่า “ยูเอ็มซี เม็ททอล เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นคุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการหลอมเหล็กมาเป็นเวลานาน สำหรับโครงการ “รีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” นี้ ใช้กระบวนการหลอมถ่านไฟฉายร่วมกับเศษเหล็กอื่น ๆ ด้วยเตาหลอม ECOARC™


              ซึ่งเป็นต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาจากประเทศญี่ปุ่นโดยเน้นในเรื่องการประหยัดพลังงาน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สามารถบำบัดมลพิษ และกำจัดสารไดออกซิน ก่อนปล่อยสู่อากาศ โดยตั้งอยู่ที่ ยูเอ็มซี เม็ททอล จ. ชลบุรี เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐบาลญี่ปุ่น โดยองค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO)


              สำหรับถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วที่รวบรวมจากจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเล่น จะถูกขนส่งมายัง ยูเอ็มซี เม็ททอล ในจังหวัดชลบุรี เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอมรวมกับเศษเหล็กในอัตราส่วนที่กำหนด และส่งเข้าเตาหลอม ECOARC™ โดยใช้รถยกตะแกรง (Skip car) และเมื่อกระบวนการหลอมเสร็จสิ้นลง จะได้ออกมาเป็นน้ำเหล็ก และถูกส่งต่อไปยังเตาปรุงน้ำเหล็ก เพื่อปรับค่าเคมีของเหล็ก ก่อนจะนำไปหล่อเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กแท่ง (Billet) เพื่อส่งขายในอุตสาหกรรมเหล็กต่อไป


              ความพิเศษของเตาหลอม ECOARC™ คือ สามารถกรองของเสียต่าง ๆ และนำมาแปรรูปกลับให้เป็นวัสดุที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจได้ ได้แก่ ตะกรันเหล็ก (Slag) นำไปเป็นวัสดุทดแทนการก่อสร้างทำถนนและถมที่ทั่วไป สนิมเหล็ก (Scale) นำไปเป็นวัตถุดิบปูนซีเมนต์ และฝุ่นแดง (EAF Dust) ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลเป็นซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) รวมถึงการกรองมลพิษ กรองฝุ่น (Bag House Filter) ก่อนปล่อยสู่อากาศ” นายเศรษฐวุฒิ กล่าว


              มร.ทานิโมโตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการเปิดจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายที่ใช้แล้ว (Collection Box) ผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ในปีที่ผ่านมา สามารถรวบรวมถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วจากผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ พานาโซนิค         เอเนอร์จี ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีพี ออลล์ ขยายจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายใช้แล้วเป็น 1,000 จุด โดยจะช่วยให้รวบรวมถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเพื่อนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้มากขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของโครงการ คือการนำถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วกลับไปผลิตเป็นถ่านไฟฉายก้อนใหม่ ซึ่งถือเป็นการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้วเต็มรูปแบบครั้งแรกของไทย โดยทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน”













27
“โฟร์ฟูดส์” รุกตลาด ปี 67 ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ขยายคลังสินค้าควบคุมต้นทุนในภาวะราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น พร้อมส่ง “ไทเชฟ” ครองใจมหาชนชาวตลาดนัด

              "โฟร์ ฟูดส์" เปิดแผนรุกตลาด ปี 67 ทุ่มทุนกว่า 40 ล้านบาทขยายคลังสินค้า ควบคุมต้นทุนในภาวะวัตถุดิบที่สูงขึ้น ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ส่ง “ไทเชฟ” ครองใจมหาชนชาวตลาดนัด พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในปีนี้ อาทิ ผง “แจ่วบอง” และ ประเภท Filling หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีม ยืนยันคุณภาพมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยทางอาหาร


              นายสมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร กรรมการผู้จัดการบริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทเชฟ (Thychef) และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอยู่ในภาวะทรง ๆ ยอดขายของบริษัทฯ ยังคงรักษาระดับไว้ได้  แต่เราก็พยายามใช้งบประโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด และพยายามรักษาระดับราคาเอาไว้ ในภาวะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ในด้านการบริหารต้นทุนจุดหนึ่งที่กำลังดำเนินการคือ เรื่องของ Warehouse หรือ คลังสินค้า เพื่อตัดต้นทุนดำเนินการที่สูงเกินไป จึงได้ขยายพื้นที่เพื่อรองรับในภาวะที่ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเน้นให้โรงงานสะอาด มีความทันสมัย เนื่องจากโฟร์ ฟูดส์ มีวัตถุดิบกว่า 2,000 ชนิด อาทิ เกลือ น้ำตาล ผงชูรส สารให้ความหวาน ฯลฯ รองรับการเติบโตของธุรกิจนี้

              “การขยายคลังสินค้าทั้ง 4 ชั้น ได้วางงบการลงทุนไว้กว่า 40 ล้านบาท โดยสร้างเพิ่มเติมในพื้นที่ของบริษัทที่มีทั้งหมดประมาณ 4 ไร่ คาดว่าจะเปิดใช้พื้นที่ประมาณกลางปีนี้ การขยายคลังสินค้าก็เพื่อเก็บกักรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงจัดการเรื่องสต็อคสินค้า การขนส่ง รองรับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยตรึงราคาไว้เต็มที่ หากไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เข้ามาแทรก เช่น ค่าแรง ค่าไฟ ค่าขนส่ง เป็นต้น และในปีนี้บริษัทฯ จะมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมา เช่น แจ่วบอง  และจะมีสินค้า ประเภท Filling  หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีมต่าง ๆ  ซึ่งรวม ๆ ขณะนี้ ไทเชฟมีผงโรย ผงชงเครื่องดื่ม ผงหมัก ผงปรุงรสทั้งหมด 37 รสชาติ” นายสมเจตน์ กล่าว

              ส่วนแผนการดำเนินหลักที่มุ่งเน้น คือสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น พยายามดูแลลูกค้าใน 2 ส่วนคือส่วนของ ไทเชฟ (Thychef) ที่เป็นลูกค้าทั่วไป และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) กลุ่มลูกค้าระดับบนที่เน้นสุขภาพเป็นสำคัญ

              จุดเด่นของสินค้า โฟร์ ฟูดส์ คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ เพราะต้องส่งออกไปยังต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบที่เข้มงวด โดยมีทีม R&D ที่เข้าดูแลในส่วนของการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของตลาด และต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนในการตรวจสอบรสชาติ และถ้าพูดถึง ตลาดผงโรย ด้วยกันแล้ว ต้องถือว่า ไทเชฟ เป็นผู้นำในตลาดในธุรกิจผงโรยปรุงรส

              “เราให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร โดยก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต พนักงานต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจในเรื่องของความสะอาด และป้องกันสิ่งแปลกปลอม ซึ่งใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การตรวจสอบวัตถุดิบก่อนนำเข้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า ได้รับวัตถุดิบที่ดีที่สุด เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้” นายสมเจตน์ กล่าวเสริม

              นอกจากนั้น ยังมีการแบ่งพื้นที่การจัดเก็บวัตถุดิบอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยทางด้านอาหารและลดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ ในส่วนของกระบวนการผลิต อีกทั้ง บริษัทฯยัง ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต และหลังจากกระบวนการผลิตก็มีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดย QC เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้รับสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานที่วางไว้อย่างแน่นอน

              ส่วนแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียน AEC ได้ขยายตลาดไประดับหนึ่งแล้ว โดยประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่แนวโน้มที่ดี เพราะเข้าถึงข่าวสารผ่านช่องทีวีเราได้ และในปีนี้จะเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ยุโรป เริ่มมีการนำสินค้าไปออกบูทบ้างแล้ว

              “แนวโน้มของธุรกิจผงปรุงรสผมเชื่อว่า สินค้าที่เป็นอาหารการกิน ยังไงก็ขายได้มาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ตลาดนัด ย่านต่าง ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ในหมู่บ้านก็มีไลน์กลุ่มขายของกัน ทุก ๆ คนที่พอมีเวลาสามารถหารายได้ผ่านสินค้าไทเชฟได้ในแบบง่าย ๆ เพียงแค่ฉีกซอง โรย ใส่ในเมนูอาหาร ก็สร้างมูลค่าและเสน่ห์ให้เมนูมีรสชาติที่แตกต่าง ซึ่งเราเองพยายามเจาะตลาดกลุ่มนี้ โดยช่องทางจำหน่ายหลักจะอยู่ในบิ๊กซี หรือร้านค้าใหม่ในชุมชน รวมถึงร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ” นายสมเจตน์ กล่าวทิ้งท้าย

              โฟร์ ฟูดส์ เป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และในปัจจุบันมีการอัพเดตระบบมาตรฐานต่าง ๆ ให้เป็นเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น ทันสมัยมากขึ้น เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาตรฐานทั้งหมดเป็นมาตรฐานเดิม แต่มีการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นที่ละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น FSSC 22000 จะมีเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น คือ ข้อมูลจะเข้มข้นขึ้น โรงงานสีเขียวเป็นโรงงานสีเขียวที่อัพเกรดขึ้น หรือข้อมูล Sedex ที่เกี่ยวกับแรงงาน สิ่งแวดล้อม เรื่องของความปลอดภัยก็อัพเกรดขึ้น หรือโรงงานที่ได้ GMP ในก่อนหน้า ปัจจุบันจะเรียกเป็น GHP ซึ่งจะมีเงื่อนไขมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจาก GHP, HACCP, FSSC 22000, Sedex และยังได้รับการรับรองโรงงานสีเขียว Green Industry จากกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับการรับรองเครื่องหมาย Halal จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตได้คุณภาพสอดคล้องกับสุขลักษณะและความปลอดภัยในอาหารตามมาตรฐานสากล
28
วช. มุ่งเป้าใช้งานวิจัยและนวัตกรรม รุกแผนลดอุบัติเหตุทางถนน


ความปลอดภัยทางท้องถนน นับเป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ต้องมีการตั้งเป้าหมาย และบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงาน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงร่วมกับสมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย จัดการประชุมเผยแพร่ผลการดำเนินงานโครงการการวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5 ในวันที่ 22 มีนาคม 2567 โดยมี  ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดพร้อมให้นโยบายการผลักดันงานวิจัยเพื่อความปลอดภัยทางถนน และนายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวรายงาน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุม ณ Grand Richmond Stylish Convention Hotel จังหวัดนนทบุรี


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน วช. จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับแผนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมี นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ หัวหน้าโครงการวิจัย โดยจุดมุ่งหมายสำคัญของแผนงานความปลอดภัยทางถนนคือ ต้องเกิดการขับเคลื่อนผลงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติจริง เกิดผลผลิตจากการดำเนินงานที่ต้องมีความสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนของประเทศ และก่อให้เกิดผลลัพธ์เรื่อง การลดอัตราการเสียชีวิตและสร้างความปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ในการนำนวัตกรรมทางด้านความปลอดภัยทางถนนไปบูรณาการเพื่อลดการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากปัญหาอุบัติเหตุ โดย วช. มุ่งหวังให้ประเทศไทย สามารถป้องกัน ลดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้ลดลงได้มากที่สุดต่อไป


นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ สมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า จากเขตสุขภาพที่ 8 ร่วมกับสมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยเรื่อง “การวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5” ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมีการบูรณาการทุกภาคส่วน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 – มิถุนายน 2567 เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต ที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนนโยบาย / มาตรการ ที่สอดคล้องกับบริบททั้ง 7 จังหวัด ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย นครพนม เลย บึงกาฬ และสกลนคร ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการข้อมูลจากระบบสารสนเทศ เพื่อพัฒนาข้อมูลส่วนขาดให้สามารถนำไปใช้ในการกำหนดและผลักดันนโยบาย / นำไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการการดำเนินการ ตลอดจนติดตาม กำกับ โดยได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบจำแนกความเสี่ยง ทั้งคน สิ่งแวดล้อม ถนน ยานพาหนะ และระบบส่งต่อทรัพยากรสุขภาพ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงให้แต่ละพื้นที่ ตลอดจนพัฒนา ชุมชน โครงสร้างกฎหมาย ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบบริการสาธารณสุข โดยใช้กลไกการจัดการในระดับเขตและระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ด้วยกระบวนการบูรณาการแบบมีส่วนร่วม




จากความร่วมมือดังกล่าว ก่อให้เกิดนวัตกรรมในการบูรณาการข้อมูลเวชระเบียนอิเลกทรอนิกส์จากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 931 แห่ง แบบ Realtime ร่วมกับข้อมูล ITEMS จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน นวัตกรรมในการ Train Risk Predictive Machine Learning Model ด้วยข้อมูลจำนวนมาก นำไปจำแนกความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุของประชาชนทั้งเขต พร้อมมี Dashboard ที่สามารถแสดงอุบัติเหตุและความเสี่ยงต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ แบบ Realtime Application ช่วยในการสอบสวนอุบัติเหตุแบบ One Stop นำไปสู่กลไกการจัดการอุบัติเหตุในระดับเขต จังหวัด และพื้นที่ ให้ใช้ข้อมูล ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และดำเนินการได้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

























29


ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการ บริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัดผู้พัฒนา โครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ "บ้านมารวย"  เปิดโครงการหรู “แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร” โครงการบ้านเดี่ยวสุด Super Luxury สไตล์ Modern English  หนึ่งเดียวในถนนสิริโสธร  ที่มาพร้อมกับความเหนือระดับ และสังคมคุณภาพ ด้วยวิถีชีวิตที่เหนือระดับบนโลเคชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฉะเชิงเทรา เปิดตัวในราคาที่ 7.49-15.5 ล้านบาท โดยมี ดร.ทองหล่อ สุขะมงคล, ร.ต.อ.หญิงสุกัญญา สุขะมงคล, นางสาววรรณี สุขะมงคล, นางศิรินทิพย์ ชนะภัย, นายสิทธิพล ลิ่มเงิน  ร่วมงานด้วย ณ โครงการ แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเร็ว ๆ นีh
30


          “สตาร์มาร์ค” แบรนด์ครัวชั้นนำ ร่วมกับ “โฮมโปร” จัดโปรโมชันเด็ด ลดจัดหนัก กับงานมหกรรมลดยกครัว ให้คุณเป็นเจ้าของครัวในฝันได้ไม่ยาก กับชุดครัวบิวท์อิน ชุดครัว Compact และหน้าบานครัวปูน จัดโปรโมชันพิเศษลดสูงสุดถึง 30% และรับส่วนลดเพิ่ม 7 % เนรมิตครัวสวยได้ดั่งใจ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาฟรีเพื่อเนรมิตชุดครัวในฝันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2567 – 31 มี.ค. 2567 ที่โฮมโปรทุกสาขา
..............................
ส่งข่าวโดย ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
โดย คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง (แป๋ง) โทร. 096-916-3642

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 10