Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
กระทรวงอุตฯ ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน-ประชาชน ตะลุยปั้นเชฟไฟแรง 1.7 หมื่นคน
พร้อมต่อยอดสร้างเชฟมืออาชีพสู่ครัวโลก คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท




กรุงเทพฯ 8 กรกฎาคม 2568 - กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ แสดงพลังความร่วมมือสุดยิ่งใหญ่ จัดกิจกรรม “THAI MASTER CHEF POWER : พลังเชฟไทย สร้างชาติ” เดินหน้าปั้นเชฟไทยสร้างอาชีพต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตั้งเป้าพัฒนาทักษะประชาชน 17,000 คน สู่เชฟชุมชน ผ่าน 2 หลักสูตร ได้แก่ Master Chef Program 50 ตำรับ และ Master Chef Program Plus 70 ตำรับ หวังสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ พร้อมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยอวดสายตาเวทีโลก โดยคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท อันจะเป็นพลังใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต


นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การใช้อาหารเป็น “Soft Power” ไม่ใช่เพียงแนวคิด หากแต่เป็น “ยุทธศาสตร์ชาติ” ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ด้วยการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาระบบนิเวศในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการประกอบกิจการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับสินค้า ทั้งด้านมาตรฐานและดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสอดรับ
กับการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล





กระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) บูรณาการความร่วมมือ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ  สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เร่งเดินหน้า “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟ อาหารไทย (Master Thai Chef)” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นกลไกในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และทักษะที่ได้รับการรับรอง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสร้างอาชีพใหม่ให้กับประชาชน แต่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายเชฟไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตยั่งยืน  สอดคล้องกับนโยบาย OFOS (One Family One Soft Power) การยกระดับรายได้ให้ประชาชนของรัฐบาลผ่านการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างสรรค์และสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อมได้ตระหนักถึงบทบาทของอุตสาหกรรมอาหารไทย ในฐานะ Soft Power ที่ทรงพลังของประเทศ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการส่งออก การท่องเที่ยว การสร้างอาชีพในระดับชุมชน และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาเชฟชุมชนให้เป็นผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหารเชิงสร้างสรรค์ ไม่เพียงเน้นการฝึกอาชีพ แต่ครอบคลุมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และการตลาด พร้อมเชื่อมโยงเชฟกับ SME ท้องถิ่น เกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบ ผู้ผลิตเครื่องปรุง และร้านอาหาร ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ที่นี่มีแต่ให้” เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบผ่าน “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (Master Thai Chef)” เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และยกระดับทักษะให้ประชาชนสามารถเป็นเชฟมืออาชีพในระดับชุมชน โดยในปี 2568 ดีพร้อมได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติทั้ง 13 สาขาเขต ขยายพื้นที่เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพให้ประชาชน จำนวน 17,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตร Master Chef Program 50 ตำรับ จำนวน 12,000 คน และ 2. Master Chef Program Plus 70 ตำรับ จำนวน 5,000 คน โดยจะพัฒนาขึ้นมาใหม่จาก 7 กลุ่มอาหาร ประกอบด้วย อาหารไทยต้นตำรับเพื่อการประกอบอาชีพ อาหารไทยสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ ขนมหวานไทยประยุกต์สำหรับตลาดสากล อาหารไทย Street Food ฟิวชั่นอาหารไทยกับรสชาติสากล อาหารเจ และอาหารชาววัง ซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เข้ารับการอบรมทำให้สามารถต่อยอดสู่อาชีพ เกิดการสร้างรายได้ และสร้างแบรนด์ท้องถิ่น อันจะนำไปสู่การยกระดับเชฟชุมชนให้เป็น Soft Power ระดับประเทศและการยอมรับอาหารไทยในเวทีสากลต่อไป

“ดีพร้อม” เชื่อมั่นว่า พลังของความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคประชาชน และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ จะผลักดันให้ชุมชนสร้างเชฟคุณภาพที่สามารถยกระดับวิถีชีวิตของตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดในชีวิตจริง วันนี้ทักษะอาหารไทยไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือในครัวแต่คือพลังในการสร้างเศรษฐกิจของชาติ เป็นพลังใหม่ของเศรษฐกิจไทยในอนาคต ทั้งนี้ ในปี 2567 ดีพร้อม ได้นำร่อง Master Thai Chef โดยมีผู้ผ่านการอบรม จำนวน 1,304 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 356 ล้านบาท สามารถประกอบอาชีพได้จริงในพื้นที่ของตนเอง อันนำไปสู่การลงทุนต่อเนื่องในระดับชุมชนและเกิดผลสัมฤทธิ์เชิงรูปธรรม”

โดยล่าสุด ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรม “THAI MASTER CHEF POWER : พลังเชฟไทย สร้างชาติ” เพื่อเป็นการคิกออฟ “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (Master Thai Chef)” และประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวในวงกว้าง รวมถึงแสดงผลการดำเนินงานและสื่อสารพลังความร่วมมือกับหน่วยงานร่วม MOU ได้แก่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ทั้งมีการจัดแสดงนิทรรศการ “รูป รส กลิ่น สี ครบทุกสัมผัส” แบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ และการสาธิตเมนูอาหารไทยสร้างสรรค์โดยเชฟรุ่นใหม่ เพื่อยืนยันว่า Soft Power ของไทยนั้นสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง

นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานฯ มีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมและพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้วยการเรียนรู้และพัฒนาความคิดริเริ่ม ตลอดจนเสริมศักยภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้านและชุมชนเมือง มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของคนในหมู่บ้านและชุมชนให้สามารถพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ มีเครือข่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้ง 13 สาขาเขต เชื่อมโยงกับชุมชนในระดับหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และจะเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานฯ พร้อมขับเคลื่อนโครงการฯ ผ่านความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ ผ่านกิจกรรมสื่อสารเชิงรุกในพื้นที่ การรับสมัครผู้เข้าร่วมอบรม โดยอาศัยการเชื่อมโยงจากผู้นำชุมชน กรรมการกองทุน และกลุ่มอาชีพ ตลอดจน การหาลูกค้าเป้าหมาย ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างตรงจุดผ่านกลไกและฐานข้อมูลสมาชิกของแต่ละเขต โดยจะได้จัดให้มี “กิจกรรมสร้างการรับรู้
และทำความเข้าใจโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย” ณ สถานที่ตั้งของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ หรือสถานที่ที่เหมาะสมในพื้นที่รับผิดชอบของทั้ง 13 สาขาเขต ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะ เกิดแรงจูงใจในการเข้าร่วมอบรมและสร้างอาชีพใหม่อย่างจริงจัง รวมทั้งผลักดันให้เกิดการสร้างเชฟอาหารไทยมืออาชีพให้ครอบคลุม 17,000 คน ทั่วประเทศ


“ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนที่ผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างโอกาสที่ดีของการพัฒนาทักษะอาชีพโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ด้วยการสนับสนุนและเชื่อมโยงการขับเคลื่อนโครงการให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง”
2
“แดนไท” มาแรงรอบสุดท้าย จบรองแชมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก


สกอตต์ วินเซนต์

7 กรกฎาคม 2568 – แดนไท บุญมา ระเบิดฟอร์มร้อนแรงรอบสุดท้ายหวด 7 เบอร์ดี้ แบบไร้โบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 282 พุ่งขึ้นมารั้งรองแชมป์ศึก อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก ที่สนามรอยัล กอล์ฟ ดาร์ เอส ซาลัม พาร์ 73 ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่โทรฟีแชมป์ตกเป็นของ สกอตต์ วินเซนต์ โปรจอมแกร่งจากซิมบับเว ที่คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 278 (ภาพ: Asian Tour)


สกอตต์ วินเซนต์

เอเชียน ทัวร์ จัดศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 64 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่สี่จาก 10 รายการของอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ 2025 แข่งขัน ณ สนามรอยัล กอล์ฟ ดาร์ เอส ซาลัม ระยะ 7,630 หลา พาร์ 73 ในกรุงราบัต ประเทศโมร็อกโก ระหว่างวันที่ 3-6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนักกอล์ฟไทยผ่านตัดตัว 13 คน

รอบสุดท้ายของการชิงชัยปรากฎว่า แดนไท บุญมา ซึ่งออกสตาร์ทด้วยสกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 216 ตามหลัง สกอตต์ วินเซนต์ ผู้นำจากซิมบับเว ถึง 8 สโตรค ระเบิดฟอร์มร้อนแรงหวดวันเดียว 7 อันเดอร์พาร์ 66 จากการทำ 7 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว พุ่งจากอันดับ 24 ร่วม ขึ้นมาจบรองแชมป์ด้วยสกอร์รวม10 อันเดอร์พาร์ 282 รับเงินรางวัลไป 220,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านบาท


แดนไท บุญมา

แดนไท เจ้าของสองแชมป์เอเชียน ทัวร์ เผยหลังเกมว่า “วันนี้เล่นได้ดีมาก ทำแฟร์เวย์ กรีน และพัตต์ได้ ผมว่าเป็นเพราะโมเมนตัมที่ดีจากการทำเบอร์ดี้ได้เร็วที่หลุมสอง ซึ่งเป็นหลุมพาร์สามที่ค่อนข้างยาก จากนั้นเกมก็ลื่นไหล แม้จะมีผิดพลาดบ้างแต่ก็แก้ไขได้ พอใจกับผลงานในสัปดาห์นี้มาก”


ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ

ขณะที่ สกอตต์ วินเซนต์ ผู้นำรอบสองและสาม รักษาฟอร์มดีต่อเนื่องหวดเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ 70 จาก 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ รวมสี่วันมี 14 อันเดอร์พาร์ 278 คว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ เป็นรายการที่สองให้กับตัวเอง รวมถึงเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 11.5 ล้านบาท พร้อมขยับขึ้นรั้งตำแหน่งผู้นำอันดับคะแนนสะสมเอเชียน ทัวร์ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต และอันดับสองในตารางของอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ฤดูกาลปัจจุบัน

วินเซนต์ โปรวัย 33 ปี ซึ่งคว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 2022 กล่าวว่า “เกมค่อนข้างยากและสูสี ซึ่งผมเล่นได้ดีตลอดทั้งสัปดาห์นี้และอยู่ในตำแหน่งที่ดี แม้ออกสตาร์ทในฐานะผู้นำ แต่ก็พยายามไม่มองสกอร์บอร์ด จึงไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ การคว้าแชมป์รายการอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะผมจะได้ลุ้นอันดับตัวเองภายในสิ้นปี เพื่อโอกาสในการเล่นลิฟ กอล์ฟ ในปีหน้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของผม”


เศรษฐี ประคองเวช

ทางด้าน เศรษฐี ประคองเวช ซึ่งทำผลงานได้ลุ้นหลังจบรอบสามมีสกอร์รวมไล่จี้ผู้นำเพียงสโตรคเดียว รอบสุดท้ายพลาดตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ 76 หล่นไปอยู่อันดับ 7 ด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอ์พาร์ 285 รับเงินรางวัลไป 57,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.8 ล้านบาท ขณะที่ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ หวดโฮลอินวันได้ที่หลุม 9 รวมกับอีก 1 เบอร์ดี้ เสียไป 2 โบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 1 อันดอร์พาร์ 72 รั้งอันดับ 22 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 289

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
3
สจล. จับมือ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าสู่ Smart Cities
และการพัฒนาสุขภาพชีวิตอย่างยั่งยืน


             สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) และมหาวิทยาลัยโอซาก้า (Osaka University) มุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือในระยะยาว ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การวิจัยร่วม (Joint Research) เพื่อการสร้างสรรค์งานวิจัยที่เป็นนวัตกรรมและมีประโยชน์ต่อสังคมร่วมกัน, การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร เพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในระดับนานาชาติ และเป็นการเปิดโลกทัศน์และเสริมสร้างศักยภาพของทั้งนักศึกษาและคณาจารย์, การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลเพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการพัฒนาในอนาคต ตั้งแต่การสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ไปจนถึงการส่งเสริม สุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainable Health)

             ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจับมือกันของ 2 มหาวิทยาลัย แต่เป็นการสร้าง "สะพานแห่งวิทยาศาสตร์สู่สังคม" ที่จะเปลี่ยน "พลังแห่งวิสัยทัศน์" ให้กลายเป็น "ผลลัพธ์จริง" ที่จับต้องได้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคมโลกไปข้างหน้า


             สจล.เดินหน้ายกระดับความร่วมมือระดับนานาชาติ ภายใต้การนำโดย ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดีสจล. นำคณะผู้บริหารระดับสูงเดินทางเยือน มหาวิทยาลัยโอซาก้า (University of Osaka) มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของญี่ปุ่น
เพื่อสานต่อและเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองสถาบัน


             มหาวิทยาลัยโอซาก้า ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Top 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก (QS Ranking) มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านการวิจัยขั้นแนวหน้าในสาขาวิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ในขณะที่ สจล. คือผู้นำด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย ด้วยจุดแข็งจากการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเครือข่ายความร่วมมือเชิงลึกกับภาคอุตสาหกรรม หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงผลงานวิจัยที่สามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์และเพื่อสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม


             ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ ที่สำคัญยิ่ง โดยจะหลอมรวม "องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก" จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า เข้ากับ "ระบบนิเวศนวัตกรรม" ที่แข็งแกร่งของสจล. เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการที่มี ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคม อย่างแท้จริงและยั่งยืน

             ทั้งนี้ สจล. ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งล่าสุด ติดอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้านวิศวกรรมเครื่องกลและอากาศยาน จากการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ Research.com สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสถาบันในการพัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ตามวิสัยทัศน์ “The World Master of Innovation”


             ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์: https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000
4
Maison Berger Paris มอบที่สุดแห่งโปรโมชั่น Mid-Year ลดแรงเกินต้าน!

ตะเกียงน้ำหอมดีไซน์หรู ลดสูงสุดกว่า 50% ในราคาที่คุณต้องหลงรัก


Maison Berger Paris แบรนด์เครื่องหอมสำหรับบ้านระดับตำนานจากฝรั่งเศส ขอเชิญชวนเหล่าคนรักบ้านและหลงใหลในความหอม สัมผัสปรากฏการณ์ความคุ้มค่ากับ โปรโมชั่น Mid-Year สุดร้อนแรงแห่งปี ที่จัดหนักด้วยตะเกียงน้ำหอมหลากหลายดีไซน์ พร้อมน้ำหอมขนาด 500 มิลลิลิตร ในราคาพิเศษ ลดสูงสุดกว่า 50%

เพราะเรารู้ว่า...กลิ่นหอมที่ดี สามารถเปลี่ยนทุกวันให้เป็นโมเมนต์พิเศษได้ Maison Berger Paris จึงคัดสรรไอเทมแต่งบ้านที่ทั้งหรูหรา สะท้อนรสนิยม และให้คุณได้สัมผัสกลิ่นหอมสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างมั่นใจ ด้วยนวัตกรรมตะเกียงน้ำหอมสิทธิบัตรเฉพาะจากฝรั่งเศส


พบกับ 5 คอลเลคชันไอคอนิก ในราคาพิเศษเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น!

•   Pure Lolita Lempicka Set – เพียง 1,850 บาท มนต์เสน่ห์แห่งเทพนิยายที่จับใจ กับดีไซน์ละมุนในโทนม่วงอมชมพู ที่จะสะกดทุกสายตา

•   Geode Collection Set – เพียง 2,350 บาท ลวดลายสามเหลี่ยมดีไซน์หรู ผลงานจาก Armand Delsol ให้กลิ่นหอมสะท้อนความสง่างามเหนือกาลเวลา

•   Alpha Collection Set – เพียง 2,550 บาท แรงบันดาลใจจากเสาโบราณของเทพปกรณัมกรีก ผสานความสง่าด้วยดีไซน์เฉียบคมและสีเข้มขรึม

•   Evanescence Collection Set – เพียง 2,750 บาท การตีความศิลปะการเป่าแก้วแบบร่วมสมัย โดยดีไซเนอร์เบลเยียม Serge Rusak ที่ทั้งลึกลับ หรูหรา และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร

•   Maison Berger Paris by Starck Set –  เพียง 5,550 บาท ผลงาน Collaboration สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Philippe Starck ดีไซน์เรียบโก้แบบเหนือระดับ พร้อมฝาโลหะลายออร์แกนิกสุดโดดเด่น

โปรโมชั่นพิเศษเริ่มแล้ววันนี้ – 31 กรกฎาคม 2025 ที่ร้าน Maison Berger Paris ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
📲 Facebook: MaisonBergerThailand
💬 LINE: @maisonbergerthai
🌐 www.maisonbergerthailand.com
🛒 Lazada / Shopee / ShopSabuy / Tiktok
📞 โทร. 02-672-2088

5
ไทเชฟขอแนะนำ "วุ้นมะพร้าวมินิในน้ำเชื่อม" เนรมิตได้สารพัดเมนูใหม่


            ไทเชฟ (ThyChef) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม แนะนำ "วุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อมขนาดมินิ" เติมเต็มความอร่อยให้กับทุกเมนูโปรดด้วยขนาด Mini 5x5 mm. ทำให้ง่ายต่อการใช้หลอดดูดและทานได้ทันที เพิ่มความสะดวกสบาย สัมผัสความหอมหวานกับ 3 รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ กลิ่นออริจินัล กลิ่นเมล่อน และกลิ่นสตรอเบอร์รี เพิ่มความหลากหลายและมิติใหม่ให้กับเมนูของหวานไม่ว่าจะเป็นการนำไปท็อปปิ้ง ไอศกรีม, น้ำแข็งใส, เครื่องดื่มเย็น หรือแม้กระทั่งปั่นรวมกับเครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบเพื่อเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังอร่อยลงตัวเมื่อทานเป็นขนมหวานเดี่ยว ๆ ช่วยเพิ่มความหลากหลายและสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ได้อย่างไม่จำกัด

            นอกจากนี้วุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อมของไทเชฟ ยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างกำไรให้กับธุรกิจร้านไอศกรีมและร้านน้ำแข็งใส พร้อมยกระดับเมนูและดึงดูดลูกค้าด้วยรสชาติที่โดดเด่น และขนาดที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้ที่สนใจวุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อม สามารถหาซื้อได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์กับบริการ “ฟาสต์ ไทเชฟ” สั่งวันนี้ ส่งวันนี้พรุ่งนี้ถึง เร็วทันใจที่ www.thychef.com หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40vul8664q หรือทาง Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/ thychef, Shopee : https://s.shopee.co.th/ 7zslrSS489, FB: ThyChef, ID Line: @thychef รวมถึงสอบถามข้อมูลการทำธุรกิจและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-968-3723-6
6
“มิวนิค-โจ้-หญิง รฐา” ปะทะเดือด “กระสือสยาม SISTERS” แอ็กชั่นระทึกขวัญสุดเข้ม ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             “กระสือสยาม SISTERS” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น ไซไฟ สยองขวัญ จากผู้กำกับระดับตำนาน ปรัชญา ปิ่นแก้ว ถ่ายทอดเรื่องราวของสาววัยรุ่นที่ค้นพบว่าตัวเองต้องคำสาปสายเลือดกระสือ และเผชิญหน้ากับความลับที่อาจพลิกชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัว นำแสดงโดย มิวนิค นันท์นภัส, หญิง รฐา, โจ้ พลอยยุคล, ต๊อก ศุภกร และทีมนักแสดงคุณภาพ หนังโดดเด่นด้วยภาพเหนือจินตนาการ ดราม่าเข้มข้น และการปะทะอารมณ์สุดทรงพลัง






             “โมรา” (มิวนิค นันท์นภัส) สาวน้อยวัย 16 ปีเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธอมีอะไรบางอย่างไม่ปกติ ไม่ใช่แค่ฮอร์โมนวัยรุ่น แต่เป็นพลังลึกลับที่กำลังตื่นขึ้น ในขณะเดียวกัน “ราตรี” (หญิง รฐา) นางพญากระสือผู้คร่ำหวอดในโลกมนุษย์ กำลังตามล่าโมราเพื่อชำระแค้นที่ฝังลึกกับตระกูลของเธอ “วีณา” (โจ้ พลอยยุคล) พี่สาวผู้เสียสละ ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องน้องสาวจากเงื้อมมือของเหล่ากระสือ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เมื่อความรักในครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับคำสาปจากอดีต การต่อสู้ระหว่างสายเลือดและความแค้นจึงเริ่มต้นขึ้น ภาพยนตร์แฟนตาซี-ดราม่าเรื่องนี้อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชั่นสุดมันส์ ดราม่าเข้มข้น และภาพเหนือจินตนาการที่ทั้งสวยและหลอน ติดตามชม “กระสือสยาม SISTERS” ได้ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ true4u.com/live วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.40 น.
7
"คิดซ์ แอนด คิทซ์" ตอกย้ำเบอร์ ์1 การ์ดเกมไทย ผนึกกำลัง "บันได" ส่ง "GUNDAM CARD GAME" ชิงส่วนแบ่งตลาด พร้อมโกยยอดขาย 2 แสนซองในปีแรก คาด รายได้บริษัทฯ ยังโตต่อเนื่อง 10% ปี68


             บริษัท คิดซ์แอนด์คิทซ์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายและผลิต Card Game ลิขสิทธิ์แท้จำกญี่ปุ่น ร่วมกับ บริษัท บันได จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ดเกมยอดฮิต แบรนด์ “BANDAI CARD GAMES” ตอกย้ำเบอร์ 1 ตลาดการ์ดเกม เดินหน้าเปิดเกมรุก เปิดตัว "GUNDAM CARD GAME" ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของแฟนกันดั้มและคอการ์ดเกมเมืองไทย ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 2 แสนซองในปีแรกคาดรายได้รวมบริษัทฯ ยังโตต่อเนื่องกว่ำ 10% ในปี 68


             นายวีระศักดิ์ กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดซ์แอนด์คิทซ์ จำกัด เปิดเผยว่า งาน "GUNDAM CARD GAME" เป็นกำรเปิดตัว "GUNDAM CARD GAME" ให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 นี้ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการ์ตูนหุ่นยนต์รบยอดฮิตอย่าง “กันดั้ม” แฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาสู่การ์ดเกมเชิงกลยุทธ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถจัดชุดการ์ดเกมของตัวเองไปต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นได้ตามใจชอบ ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนๆ ที่เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม ทั้งแฟนการ์ดเกมมือเก๋า และแฟน Gundam และ Gunpla ที่ให้ความสนใจในการเล่นการ์ดเกมเพิ่มขึ้น “GUNDAM CARD GAME เป็นการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จสูงของแบรนด์ BANDAI ทั้ง “Card Game” และ “Gunpla” เข้าด้วยกัน ซึ่งมาพร้อมจุดเด่นที่สามารถรองรับผู้เล่นหลายคน (Multiplayer) และโหมดการเล่นที่หลากหลาย โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เริ่มจากชุดสตาร์ทเตอร์เริ่มต้น และชุดบูสเตอร์หลักแบบกล่องในระยะถัดไป โดยจะมี Gunpla หรือ กันดั้มพลาสติกโมเดล อยู่ในสินค้าบางซีรีส์อีกด้วย


             สามารถหาซื้อผ่านร้านจำหน่ายการ์ดเกมพันธมิตรไม่น้อยกว่า 100 ร้าน และเครือข่ายร้านหนังสือชั้นนำอีกกว่า 200 ร้าน ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การตลาดดิจิทัล, โซเชียลมีเดีย, KOLs และ Influencers รวมถึงการสร้างเครือข่ายผู้เล่นที่เข้มแข็งด้วยการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันระดับ Championship ไปถึงระดับ World Championship ในช่วงต้นปี 2569 ซึ่งคาดว่า GUNDAM CARD GAME จะได้รับความนิยมในระดับใกล้เคียงกับ One Piece Card Game ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 2 แสนซอง และมีฐานผู้เล่นที่ร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่ำ 1,000 คนในปีแรก” นายวีระศักดิ์ กล่าว


             นายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า GUNDAM CARD GAME จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดการ์ดเกมของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวที่ทำการตลาดการ์ดเกมแบบครบวงจร ด้วยสินค้ำลิขสิทธิ์การ์ดเกมที่มีชื่อเสียงมากมายจากหลากหลายแบรนด์ดัง ทั้ง Bandai, Bushiroad, EPOCH และ Topps ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดการ์ดเกมที่มีอัตราการแข่งขันและมีมูลค่าการตลาดสูง โดยพบว่าในปี 2567 ตลาดการ์ดเกมในประเทศไทย มีมูลค่ารวมสูงถึง 800-900 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 นี้ บริษัทฯ จะยังคงเติบโตเพิ่มกว่า 10% จากการนำ GUNDAM CARD GAME เข้าสู่ตลาด รวมไปถึงการ์ดเกมอื่นๆ ที่จะทยอยเปิดตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้


             “พวกเรา Kidz and Kitz รู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำ Gundam Card Game มาสู่มือของทุกท่าน ในฐานะผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Gundam Card Game ไม่ใช่แค่การ์ดเกมธรรมดา แต่เป็นการ์ดที่รวบรวมแก่นแท้ของการต่อสู้อันยิ่งใหญ่และเรื่องราวที่เข้มข้นของจักรวาล Gundam มาไว้ในรูปแบบของการ์ดเกม จึงอยากให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ในจักรวาล Gundam ที่ไม่เคยมีมาก่อน และหวังว่า Gundam Card Game จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่ทุกคนรักและสนุกสนานไปกับมันได้อย่างยังยืน แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ Gundam Card Game ในประเทศไทยไปพร้อมกัน” นายวีระศักดิ์ กล่าวปิดท้าย


             สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบ Gundam Card Game และผู้เล่นการ์ดเกมทุกท่าน สามารถติดตามความเคลื่อนไหว ได้ที่ https://www.facebook.com/thaicarddassclub
8
โรงพยาบาลพระรามเก้า ฉลองครบรอบ 33 ปี
จัดแคมเปญสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี "Good Health Grows With Care"
กับโปรแกรมตรวจสุขภาพสุดคุ้มกว่า 83 รายการ! พร้อมส่วนลดสูงสุด 50%


ในโอกาสครบรอบ 33 ปี โรงพยาบาลพระรามเก้า ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ ด้วยการจัดแคมเปญสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี "Good Health Grows With Care –สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลอย่างใส่ใจ" เพื่อส่งต่อของขวัญแห่งสุขภาพดีให้แก่ทุกคนที่คุณรัก ผ่านโปรแกรมตรวจสุขภาพสุดคุ้มกว่า 83 รายการ ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกความกังวลด้านสุขภาพ พร้อมรับส่วนลดสูงสุดถึง 50%

เพราะเราเชื่อว่า "สุขภาพดี" เริ่มต้นได้ในทุกช่วงวัย โรงพยาบาลพระรามเก้าพร้อมดูแลอย่างใส่ใจ จึงได้ออกแบบ "แพ็กเกจตรวจสุขภาพ" ที่ครอบคลุมทุกความต้องการด้วย 3 กลุ่ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ FRESHY สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลสุขภาพ, FIGHTING สำหรับวัยทำงานที่ต้องการความมั่นใจ และ FITTING สำหรับวัยเกษียณที่ต้องการการดูแลโรคเรื้อรังซับซ้อน ที่เกี่ยวกับระบบหัวใจ ไต เบาหวาน สมอง เป็นต้น โดยแต่ละกลุ่มยังมีให้เลือกในระดับ Basic, Advance และ Premium ที่ยืดหยุ่นตามงบประมาณและความต้องการส่วนบุคคล

รายการตรวจครอบคลุมตั้งแต่การตรวจร่างกายโดยแพทย์, การตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับน้ำตาล ไขมัน และความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง, การตรวจการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ไทรอยด์, การตรวจคัดกรองมะเร็งเฉพาะทางตามเพศและอายุ, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, เอกซเรย์ปอด รวมถึงการตรวจความหนาแน่นของกระดูก ตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วย Low-Dose CT, ตรวจสายตา และการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยเทคโนโลยีกล้องเสมือนจริง (Virtual Colonoscopy) ทั้งหมดดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่น เป็นมิตร และใส่ใจทุกรายละเอียด  

เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับทุกความไว้วางใจ โรงพยาบาลพระรามเก้า จัดโปรโมชันสุดคุ้มในราคาเริ่มต้นเพียง 2,750 บาท สำหรับแพ็กเกจ FRESHY Basic พร้อมด้วยแพ็กเกจอื่น ๆ ที่ออกแบบมาให้เลือกได้ตามความต้องการ ตั้งแต่การตรวจเบื้องต้นไปจนถึงการตรวจเชิงลึกแบบครบวงจร ทุกแพ็กเกจลดราคาพิเศษเฉพาะช่วงแคมเปญ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568

เพราะสุขภาพที่ดีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจาก "การเลือกใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ" มาร่วมฉลอง 33 ปี แห่งความใส่ใจไปกับโรงพยาบาลพระรามเก้า กับของขวัญสุขภาพที่มีคุณค่าที่สุด สำหรับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก แล้วคุณจะรู้ว่า "การเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ คือของขวัญที่ดีที่สุดของชีวิต"

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1270  เว็บไซต์ www.praram9.com Line: @praram9hospital Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า – HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ...ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม "โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน


9
โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่
ให้การต้อนรับทีมนักฟุตบอลหญิงจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต


            เศรษฐพงศ์ วรรธนะกุล (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ ให้การต้อนรับ อาเดรียโน่ คาซิมิโร (คนที่ 3 จากซ้าย) โคชผู้ฝึกสอน และทีมนักฟุตบอลหญิงจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ในระหว่างฝึกซ้อมการแข่งขัน AFC Women’s Asian Cup 2026 Qualifiers และให้เกียรติเข้าพัก   ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่
10
*Battle of Bangkok: Alessio ‘The Hammer’ Bisutti Headlines UBO Heavyweight World Championship in Thailand*


BANGKOK, THAILAND — The Thai capital is set to ignite with intensity as world-class boxing returns in the much-anticipated Battle of Bangkok, happening on August 30 at 2 PM at Siam World Stadium. Headlining the event is Alessio “The Hammer” Bisutti, who will be fighting for his first UBO Heavyweight World Championship title. Bisutti’s journey to this stage is nothing short of unbelievable — rising from humble beginnings to becoming a multi-title holder across several major boxing organizations. His relentless drive, raw power, and unshakable focus have earned him global respect, and now, he’s ready to make history in Bangkok.


A decorated champion with titles under the WBO, WBA, WBC, IBF, UBO, ABF, and PAT, Bisutti is no stranger to the ring or the roar of the crowd. With an impressive 13 wins — 12 of them by knockout — and 8 championships captured in just 13 fights, the Italian heavyweight promises to deliver a spectacle fans won't forget.

Hosted by Fight Club Championship (FCC) Thailand, in collaboration with Highland Boxing and Dream Boxing Gottwald, the event is poised to bring global attention to Thailand’s growing role in the international boxing scene. With the backing of streaming giant DAZN, the championship bout will be broadcast live in over 200 countries, with fans also able to tune in on Facebook and YouTube.


“Battle of Bangkok” isn’t just a fight — it’s a celebration of combat sports at its finest, showcasing elite talent, international collaboration, and the electrifying spirit of championship boxing.

Whether you’re ringside in Bangkok or watching from home, prepare for a night of adrenaline, pride, and legacy., Bisutti is no stranger to the ring or the roar of the crowd. With an impressive 13 wins — 12 of them by knockout — and 8 championships captured in just 13 fights, the Italian heavyweight promises to deliver a spectacle fans won't forget.


#####

*Battle of Bangkok: Alessio ‘The Hammer’ Bisutti พาดหัว Ubo Heavyweight World Championship ในประเทศไทย*


กรุงเทพฯ, ไทย-เมืองหลวงของไทยถูกตั้งค่าให้ติดไฟด้วยความเข้มข้นเนื่องจากผลตอบแทนการชกมวยระดับโลกในการต่อสู้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากในกรุงเทพฯซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคมเวลา 14.00 น. ที่สยามเวิลด์สเตเดียม การจัดงานเป็นเหตุการณ์คือ Alessio“ The Hammer” Bisutti ผู้ซึ่งจะต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์โลก UBO Heavyweight ครั้งแรกของเขา การเดินทางของ Bisutti ไปยังขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่ไม่น่าเชื่อ-เพิ่มขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยไปสู่การเป็นผู้ถือหลายชื่อในองค์กรมวยสำคัญหลายแห่ง การขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้งพลังดิบและโฟกัสที่ไม่สั่นคลอนทำให้เขาได้รับความเคารพทั่วโลกและตอนนี้เขาพร้อมที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในกรุงเทพฯ


แชมป์ที่ได้รับการตกแต่งด้วยชื่อภายใต้ WBO, WBA, WBC, IBF, UBO, ABF และ Pat, Bisutti ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับแหวนหรือคำรามของฝูงชน ด้วยการชนะ 13 ครั้งที่น่าประทับใจ - 12 คนโดยการพิศวง - และ 8 การแข่งขันที่ถูกจับในการต่อสู้เพียง 13 ครั้งเฮฟวี่เวทของอิตาลีสัญญาว่าจะส่งมอบแฟน ๆ ที่น่าสนใจจะไม่ลืม

จัดขึ้นโดย Fight Club Championship (FCC) ประเทศไทยโดยร่วมมือกับ Highland Boxing และ Dream Boxing Gottwald งานนี้พร้อมที่จะนำความสนใจไปทั่วโลกมาสู่บทบาทที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในฉากมวยนานาชาติ ด้วยการสนับสนุนการสตรีมยักษ์ Dazn การแข่งขันชิงแชมป์จะออกอากาศสดในกว่า 200 ประเทศโดยแฟน ๆ สามารถปรับแต่งบน Facebook และ YouTube ได้


“ Battle of Bangkok” ไม่ใช่แค่การต่อสู้ - เป็นการเฉลิมฉลองกีฬาการต่อสู้ที่ดีที่สุดแสดงความสามารถยอดเยี่ยมการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศและจิตวิญญาณที่น่าตื่นเต้นของการชกมวยการแข่งขันชิงแชมป์

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรุงเทพฯหรือดูจากที่บ้านเตรียมตัวสำหรับค่ำคืนแห่งอะดรีนาลีนความภาคภูมิใจและมรดก Bisutti ไม่ใช่คนแปลกหน้าในวงแหวนหรือคำรามของฝูงชน ด้วยการชนะ 13 ครั้งที่น่าประทับใจ - 12 คนโดยการพิศวง - และ 8 การแข่งขันที่ถูกจับในการต่อสู้เพียง 13 ครั้งเฮฟวี่เวทของอิตาลีสัญญาว่าจะส่งมอบแฟน ๆ ที่น่าสนใจจะไม่ลืม
Pages: [1] 2 3 ... 10