Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2447
31
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สนับสนุน SMEsสร้างอาชีพ
มอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ SMEs สร้างอาชีพ Awards ครั้งที่ 9
สุดปัง 5 คนดัง น้ำหวาน พิมรา -น้องฉัตร -เคลลี่ -ป่าน  กัญภัส และพลอย อัยดา รับรางวัลสาขา Star Business


นางสาวพรทิพย์ แก่นจันทร์ บรรณาธิการบริหาร SMEs สร้างอาชีพ เปิดเผยว่า ในปี 2567 นับเป็นปีที่ก้าว 9 เตรียมสู่ปีที่ 10 สำหรับภาพรวมตลาดเอสเอ็มอีในไทยหลายๆ ท่านมองว่าภาพรวมตลาดตอนนี้เป็นปีที่หิน หรือปีเผาจริง แต่ SMEsสร้างอาชีพ กลับมองว่าปีนี้ SME เติบโตขึ้นอย่างมาก อาทิ กลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพ ความงาม บริการ รวมไปถึงธุรกิจรับผลิต OEM และโดยเฉพาะกลุ่มให้ความรู้ สอนสร้างอาชีพ เป็นต้น ในฐานะผู้จัดงานรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือก 35 ธุรกิจคุณภาพ ให้มีกำลังใจ


นอกจากนี้ได้รับเกียรติจากกระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งตัวนายสถาพร ร่วมนาพะยา ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานเปิดงานและให้เกียรติมอบรางวัลให้กับธุรกิจที่ได้รับรางวัล SMEsสร้างอาชีพAwards ครั้งที่ 9 และได้แบ่งเป็น 13 ประเภทรางวัล อาทิ 1. บุคคลสร้างอาชีพดีเด่น 2. นักธุรกิจดาวรุ่งแห่งปี 3. อาชีพทำเงินแห่งปี4. Star Business จำนวน 5 ท่านได้แก่


นางสาวพรทิพย์ แก่นจันทร์ บรรณาธิการบริหาร SMEs สร้างอาชีพ


คุณ น้ำหวาน- พิมรา เจริญภักดี ลุยธุรกิจขนมเบเกอรี่ด้วยหัวใจภายใต้ชื่อ Waansbakery เอกลักษณ์เสน่ห์โฮมมี่ชูคุณภาพ วางโพสิชันนิ่งขยายไลน์ธุรกิจรับตัวแทนจำหน่าย ดีไซน์ BOX SET – Catering จัดเต็มเบเกอรี่เพื่อความสุขลูกค้าทุกช่วงความสุข สามารถสอบถามเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ สั่งขนมเบเกอรี่ ผ่าน Line : Itsme_waan Facebook : Waan’s Bekery Instragram : Waansbakery , คุณฉัตรชัย เพียงอภิชาติ หรือน้องฉัตร   CEO และเจ้าของแบรนด์ ฉัตรคอสเมติก บริษัท น้องฉัตร อินเตอร์กรุ๊ป จำกัดรุกขึ้นมาทำแบรนด์สัญชาติไทยเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศ ปักหมุดตั้งใจสร้างแบรนด์ “CHAT หรือ ฉัตร” ด้วยการวางแผนกลยุทธ์การตลาดในปี 2025 ขยายโปรดักส์เครื่องสำอางให้มากขึ้น ไอเดียเครื่องสำอาง 1 ชิ้นตอบโจทย์การใช้งานง่ายในรูปแบบ 2in 1 หลากหลายมากขึ้น เตรียมโปรเจกต์และกิจกรรมดีดี สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและสั่งสินค้าสามารถสั่งซื้อผ่าน FB : CHAT Cosmetics  IG @chat_cosmetics Line@nongchatinter




ถัดมา คุณเคลลี่ ธนะพัฒน์ หนึ่งในหุ้นส่วนแบรนด์ KUMIKO (คูมิโกะ) ทะยานสู่ปีที่ 6 ลุยการตลาดดิจิทัล ปี 2025 แนวโน้มภาพรวมตลาดสุขภาพ/ความงามยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แรงบันดาลใจในการทำผลิตภัณฑ์คอลลาเจน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค มองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผมจึงดื่มเองตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันแบรนด์เติบโตด้วยความมั่นคง พิสูจน์ให้ลูกค้าไว้วางใจ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ผมและหุ้นส่วนทุกคนดื่มจริง ได้แก่ โม ปริณาห์ ศรีอินทร์ น้ำชา - ชีรณัฐ ยูสานนท์ และแซงค์ -ปฎิวัติ เรืองศรี จุดเด่นสารสกัดของแบรนด์คูมิโกะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นับเป็นเจ้าแรกๆ ในตลาดคอลาเจน ที่คัดสรรสารสกัดพิเศษนี้มาสู่ประเทศไทย เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อย ดื่มง่าย  มุมมองพฤติกรรมลูกค้าหรือผู้บริโภคไม่ใช่แค่ความสวยแต่ทิศทางต้องการดูแลสุขภาพเชิงลึก ถึงภายในร่างกาย เพื่อชะลอวัย อาทิ การป้องกันริ้วรอย สุขภาพผิว ปัญหาสิว หรืออาการปวดข้อต่างๆ เป็นต้น  ช่องทางการวางจำหน่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ Instagram, Facebook, Line, TikTok รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่าย  ส่วนคุณป่าน- กัญภัส ศรีณรงค์ เจ้าของธุรกิจเพื่อสุขภาพกลุ่มสินค้าออร์แกนิก ภายใต้ชื่อ Wenzel Organic Farm Khao Yai ณ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เกิดจากแรงบันดาลใจของป่านและสามี (แชมป์ - นพพล ชยานุวัฒน์)ช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด จึงเกิดไอเดียเมื่อเราใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งสามีป่านเป็นหัวเรือใหญ่ลงแรง ศึกษาองค์ความรู้ด้านการปลูกอย่างจริงจัง และนำโนฮาวน์มาใช้ให้เหมาะสมในการปลูกแต่ละฤดูบริเวณที่ดินเขาใหญ่ ต้องการให้เกิดความยั่งยืนด้านสุขภาพจริงๆ






สามารถติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Wenzel Organic Farm Khao Yai หรือแอปพลิเคชั่น Line : @wenzelfarm และ IG : wenzel.organic.farm และตบท้ายด้วย คุณอัยดา กันตถาวร หรือคุณพลอย  นักธุรกิจสาวภรรยา “กัน กันตถาวร” CEO Co-Founder บ. สลีพซาลอน ( Sleep Salon )  ไอเดียธุรกิจเพื่อสร้างความแตกต่างในกลุ่มธุรกิจร้านทำผมปัจจุบันครบวงจรด้านบริการเรื่องผม เล็บ ขนตา รวมถึงเน้นการบริการเทคนิคนวดศรีษะศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่นที่เป็นจุดเด่นดึงดูดลูกค้า และบอกต่อปากต่อปาก  รองรับลูกึค้าทั้งหมด 4 สาขาได้แก่ สาขาอารีย์ , สาขาราชพฤกษ์ , สาขากรุงเทพกรีฑา และสาขานาคนิวาส กลุ่มเป้าหมายที่มาใช้บริการตั้งแต่อายุ 25-50 ปี เตรียมวางแผนขยายสาขาและปักหมุดทำเลที่เหมาะสมในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่ ยังคงเน้นบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ลูกค้าจองบริการผ่านสังคมโซเซียล มีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ Line:@sleepsalon.ari สาขาอารีย์ CALL:062-643-2311 Line:@sleepsalon.circle สาขาราชพฤกษ์ CALL:082-465-6619 Line:@sleep.nakniwat สาขานาคนิวาส CALL:094-670-8181 Line@Sleepsalon.littew สาขากรุงเทพกรีฑาCALL:093-979-2663 5. SME Idol 6. CEO Vision 7. The Best of OEM 8. The Best of Wellness Service 9. The Best of Academy 10. The Best of Factory and innovation 11. The Best of Quality Franchise 12. The Best of Quality Product 13. The Most Popular Content Creator”




นางสาวพรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า  “ในปี 2025 คาดว่าจะเติบโตทะยานกว่า 100% นับว่าเป็นปีแห่งการเรียนรู้ พัฒนา เฟ้นหา Solution ต่างๆเข้ามาซัพพอร์ตธุรกิจ ทำให้ธุรกิจแกร่งขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตามแน่นอนสื่อโซเซียลมีเดียยังมีอิทธิพลต่อการขายและการรับรู้เชิงแมส นับว่าเป็นเครื่องมือลำดับแรกที่เจ้าของธุรกิจเลือกใช้ในการขายและการสื่อสาร อีกทั้งในปัจจุบันแนวโน้มกลุ่ม Gen Y-Z มีผลต่อการขายมาก เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือจับจ่ายกลุ่มเลือกด้วยเห็นความคุ้มค่า ความเป็นเหตุและผลมากกว่าอารมณ์อีกด้วย”






สามารถติดตามอ่านข้อมูลธุรกิจดีๆ SME สร้างอาชีพ https://www.sangarcheep.com/ และ https://www.facebook.com/sangarcheep/u

32
ฮีโน่ จัดการแข่งขันสุดยอดนักขับรถบรรทุก “HINO SMART DRIVER CONTEST 2024” ครั้งที่ 6


              บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขัน Hino Smart Driver Contest 2024 ครั้งที่ 6 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับรถบรรทุกมืออาชีพ ที่พร้อมไปด้วยทักษะการขับขี่ ความรู้เรื่องการดูแลรักษารถบรรทุก การขับขี่ประหยัดน้ำมัน และการปฏิบัติตามกฎจราจร พร้อมทั้งมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเหนือสิ่งอื่นใด คือ คำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนน  โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมการขนส่งทางบก, สหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยรวมถึงสมาคมขนส่งทั่วประเทศ และพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งปีนี้ได้รับความสนใจจากนักขับทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก


              ในปีนี้การแข่งขันจัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 27-29 กันยายน 2567 ซึ่งในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก คุณฐิติพัฒน์ ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก, ดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และคุณยูมิโกะ คาวามุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ซึ่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์การแข่งขันนี้ว่า การแข่งขันของฮีโน่ เปิดโอกาสให้นักขับทั้งสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อสร้างนักขับที่มีคุณภาพ และสามารถสร้างมาตรฐานการขนส่งในประเทศไทยให้ดีขึ้น เพราะนอกเหนือจากรถบรรทุกที่มีคุณภาพ อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนการขับขี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือ ทักษะและความรู้ของผู้ขับขี่นั้นเอง ดังนั้นนี้คือวัตถุประสงค์หลักที่ฮีโน่จัดการแข่งขันนี้ขึ้นมา และยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ฮีโน่พร้อมดำเนินการเพื่อพัฒนาวงการขนส่งไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน


              สำหรับการแข่งขัน Hino Smart Driver Contest 2024 ในปีนี้ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ รถบรรทุก 4 ล้อบรรทุกน้ำหนัก และรถบรรทุก 10 ล้อ กึ่งลากพ่วงบรรทุกน้ำหนัก เน้นเสมือนการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของนักขับ ผ่านฐานการแข่งขันที่พัฒนาสอดคล้องกับหลักสูตรของกรมการขนส่งทางบก และสุดท้ายฮีโน่เชื่อว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะเกิดจิตสำนึก มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเพื่อนร่วมทาง




              นี้คือหนึ่งในกิจกรรมดีๆ จากฮีโน่ ที่พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนสร้างประโยชน์กับการขนส่งของประเทศ ให้ทุกๆ ส่วนได้พัฒนาไปด้วยกัน เพื่อให้รถบรรทุกฮีโน่ “ขนส่งความสุขพร้อมรอยยิ้ม” พร้อมสร้างความสำเร็จ และการเติบโตของภาคธุรกิจ  ท่านสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลและรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร 02-900-5000 และเป็นครอบครัวฮีโน่ออนไลน์ได้ที่ www.hinothailand.com, Facebook : Hino Thailand Fan Club, Line : @hinoth, YouTube : Hinothailandofficial และ TikTok : @hinoth












33

*History in the Making: Thailand’s Biggest Boxing Show — FCC 7: Double Impact II*


This October 6th, Lumpinee Boxing Stadium, the iconic venue in the heart of Bangkok, will host an unprecedented combat sports event, marking a historic night for both boxing and Muay Thai enthusiasts.


With seven championship matches, competitors from 12 countries, and world-class titles on the line, this will be Thailand’s biggest boxing show to date. The event will showcase a Double World Championship (IBO & WBF), the prestigious UBO International Title, and 4 UBO Continental Titles.




*Main Event Highlights:*
- *UBO Continental Heavyweight Championship*: Italy's Alessio Bisutti takes on Turkey’s Gurkan Karadag in a bout that promises high-octane action as both fighters vie for supremacy in the heavyweight division.
- *WBF World Light Heavyweight Championship*: Australia's Matt Floyd will face Thailand’s Sirimongkhon Iamthuam in a thrilling clash for the world light heavyweight crown.
- *UBO International Lightweight Championship*: Turkish boxer Efe Derin Konuk is set to battle India’s Ram Singh in another exciting contest for the UBO international title.
- *IBO Super Flyweight Championship*: Women’s boxing will also take center stage with Angelina Lukas and Anahi Lopez competing for the coveted super flyweight title.
- *UBO Continental Super Lightweight Championship*: Turkey’s Ege Arin Konuk faces India’s Shivam.
- *UBO Continental Welterweight Championship*: Joepher Montano of the Philippines squares off against India’s Shiva Thakran.
- *UBO Continental Super Welterweight Championship*: Italy’s Ricardo Rizzi clashes with Israr Usmani from India.





In addition to the boxing matches, Muay Thai will have a significant presence with four bouts featuring top Thai fighters. These traditional fights will add a local flair to the event, ensuring a thrilling combination of Thailand’s national sport alongside international boxing.


Don’t miss out on what promises to be a milestone event in the world of combat sports. Tickets are now available, including a complimentary shuttle bus service from and to Pattaya.




*Ticket Prices:*
- Ringside: 1,500 THB 
- VIP: 1,200 THB 
- Standard: 800 THB 
- Thai Residents: 100 THB 

*Get your tickets today! Contact +66 95-724-3564 on Line or WhatsApp*. For more information and updates, follow FCC Fight Club Championship Thailand on Facebook, @fcc_promotion on Instagram, and the official YouTube channel @FCC-FightClubChampionship


#####



*ประวัติความเป็นมา: รายการชกมวยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย — FCC 7: Double Impact II*


วันที่ 6 ตุลาคมนี้ สนามมวยลุมพินี สถานที่อันโดดเด่นใจกลางกรุงเทพฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาการต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์สำหรับผู้รักการชกมวยและมวยไทย


ด้วยแมตช์ชิงแชมป์ 7 แมตช์ ผู้เข้าแข่งขันจาก 12 ประเทศ และรายการระดับโลก นี่จะเป็นรายการชกมวยที่ใหญ่ที่สุดของไทยจนถึงปัจจุบัน งานนี้จะจัดแสดง Double World Championship (IBO & WBF), UBO International Title อันทรงเกียรติ และ UBO Continental Titles 4 รายการ




*ไฮไลท์กิจกรรมหลัก:*
- *UBO Continental Heavyweight Championship*: Alessio Bisutti จากอิตาลีปะทะ Gurkan Karadag จากตุรกี ในไฟต์ที่สัญญาว่าจะออกเทนสูง ในขณะที่นักสู้ทั้งสองต่างแย่งชิงตำแหน่งสูงสุดในรุ่นเฮฟวี่เวต
- *แชมป์โลกรุ่นไลต์เฮฟวี่เวต WBF*: แมตต์ ฟลอยด์จากออสเตรเลียจะเผชิญหน้ากับสิริมงคล เอี่ยมท้วม จากไทยในการปะทะอันน่าตื่นเต้นเพื่อชิงมงกุฎโลกรุ่นไลต์เฮฟวี่เวต
- *UBO International Lightweight Championship*: นักมวยชาวตุรกี Efe Derin Konuk เตรียมขึ้นชกกับ Ram Singh จากอินเดียในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งเพื่อชิงตำแหน่ง UBO ระดับนานาชาติ
- *IBO Super Flyweight Championship*: การชกมวยหญิงจะขึ้นเวทีกลางโดยมี Angelina Lukas และ Anahi Lopez แข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตอันเป็นที่ปรารถนา
- *UBO Continental Super Lightweight Championship*: Ege Arin Konuk จากตุรกี เผชิญหน้ากับ Shivam จากอินเดีย
- *UBO Continental Welterweight Championship*: โจเฟอร์ มอนตาโน จากฟิลิปปินส์ ปะทะ ศิวะ ทักราน จากอินเดีย
- *UBO Continental Super Welterweight Championship*: ริคาร์โด้ ริซซี จากอิตาลี ปะทะ อิสราร์ อุสมานี จากอินเดีย





นอกเหนือจากการแข่งขันชกมวยแล้ว มวยไทยยังจะมีความโดดเด่นด้วยไฟต์ 4 ไฟต์ที่มีนักชกไทยชั้นนำ การต่อสู้แบบดั้งเดิมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มกลิ่นอายของท้องถิ่นให้กับงานนี้ ทำให้เกิดการผสมผสานที่น่าตื่นเต้นของกีฬาประจำชาติของไทยควบคู่ไปกับการชกมวยนานาชาติ


อย่าพลาดสิ่งที่สัญญาว่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญในโลกแห่งกีฬาการต่อสู้ จำหน่ายบัตรแล้ว รวมถึงบริการรถรับ-ส่งฟรีไปและกลับพัทยา




*ราคาตั๋ว:*
- ริงไซด์: 1,500 บาท 
- วีไอพี: 1,200 บาท 
- มาตรฐาน: 800 บาท 
- ชาวไทย: 100 บาท 

*ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้! ติดต่อ +66 95-724-3564 ทางไลน์หรือ WhatsApp* ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและอัพเดตได้ที่ FCC Fight Club Championship Thailand บน Facebook, @fcc_promotion บน Instagram และช่อง YouTube อย่างเป็นทางการ @FCC-FightClubChampionship

34
เอสซีจี ชู Green Infrastructure
ร่วมสร้างความแข็งแรงยั่งยืนสู่โลก ในงาน SETA 2024


              ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ - การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี ร่วมเป็น Keynote Speaker เรื่อง Green Infrastructure ในงาน SETA 2024 มุ่งนำเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) และโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Infrastructure) มาใช้กับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งเข้าถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)




              เอสซีจีในฐานะองค์กรผู้นำด้าน ESG ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมแสดงวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับ “เทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน” (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ในอนาคต และ “โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Green Infrastructure) เช่น ข้อมูลสายส่ง สำหรับพลังงานสะอาด มาใช้กับกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ทั้งรวดเร็ว  ลดค่าใช้จ่าย และเข้าถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)  ทั้งนี้ การร่วมบรรยาย แลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศ และพลังงานผันผวน   เป็นหนึ่งในการระดมสมองเพื่อหาวิธีการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเรา




              งานแสดงพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Energy Technology Asia 2024) หรือ SETA 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy ประกอบด้วย งานแสดงเทคโนโลยีแสงอาทิตย์และระบบการกักเก็บพลังงาน (Solar+Storage Asia 2024) งานยานยนต์อนาคตของเอเชีย (Sustainable Mobility Asia 2024) งานแสดงสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม (FTI Energy Expo 2024) งานฟอรั่มในระดับรัฐมนตรีและระดับผู้นำในภาคตะวันออกและอาเซียน The Fourth Asia CCUS Network Forum และงานประชุมวิชาการเรื่องเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ครั้งที่ 1 (The Thai Photovoltaic Science and Engineering Conference) ตั้งแต่ปี 2016 SETA มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานของอาเซียนและเอเชีย และมุ่งสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับความร่วมมืออย่างดีตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

35
ทำไมการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนถึงเป็นมากกว่าความสวยงาม

นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย  ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง


            เชื่อมั้ยว่ายังมีหลาย ๆ คนคิดว่าการผ่าตัดโรคอ้วนคือการผ่าตัดเสริมสวย แต่จะมีใครรู้มั้ยว่าการผ่าตัดช่วยให้มีอายุยืนยาวมากขึ้นถึง เกือบ 10 ปี ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ ลดยาที่กิน อาหารหอบหืดดีขึ้น นอนหลับสบายขึ้น และนี่ยังเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของประโยชน์หลังการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน

            แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคำถามตามมาอีกว่า “งั้นก็คุมอาหาร ออกกำลังกายสิ หลาย ๆ คนก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คำพูดที่ผิด แต่มันก็ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว นอกจากเรื่องของจิตใจ วินัย หรือ การควบคุมตนเอง ยังมีทางด้าน สังคม สภาวะความเป็นอยู่ เศรษฐสถานะ สุขภาพร่างกาย โรคประจำตัว ไปจนถึงฮอร์โมนของร่างกาย ที่ทำให้การปรับพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย ยกตัวอย่างเช่น ในคนที่น้ำหนักตัวมาก มีโรคข้อเข่าเสื่อม มีงานประจำ จะสามารถเริ่มปรับพฤติกรรมจากการออกกำลังกายได้อย่างไร


            คนที่มีน้ำหนักตัวมากทุก ๆ คนคงเคยผ่านการคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมหรือบางคนอาจจะได้รับการฉีดยา หรือทานยาลดน้ำหนักต่าง ๆ มาก่อน ทั้งรู้สึกทรมานหรือหิวตลอดเวลาและถึงแม้จะลดน้ำหนักมาได้แล้ว 10-20 กก. สุดท้ายเมื่อเราไม่สามารถคุมอาหารได้ต่อเนื่อง น้ำหนักก็กลับขึ้นไปสูงกว่าเก่าอีก สาเหตุก็เป็นเพราะกระเพาะเรามีขนาดใหญ่ มีความจุมาก มีการผลิตฮอร์โมนความหิวอยู่ ทำให้การปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับใครหลายๆคน แต่ทว่าการผ่าตัด นอกจากจะเป็นการลดความจุของกระเพาะไปได้ 80% แล้ว ยังลดการผลิตฮอร์โมนความหิว หรือ Ghrelin ทำให้เรามีความอยากอาหารน้อยลง และถึงแม้ว่าเราอยากทานอาหารเพียงใดก็ตาม เราก็ไม่สามารถทานได้เหมือนปกติ เนื่องจากความจุของกระเพาะอาหารเราลดลง ถ้าเราฝืนทานเข้าไป จะรู้สึกจุกแน่น และอาเจียนได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการผ่าตัดจึงเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เห็นผลได้จริง และยั่งยืน

            ต่อมาเรามาดูกันว่า ประโยชน์ของการผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคอ้วน หรือ ที่หลาย ๆ คนเรียกว่า การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก (Bariatric surgery) นั้น สามารถช่วยอะไรเราได้บ้าง




            1.ลดน้ำหนักได้ถึง 70-85% ของน้ำหนักส่วนเกิน ใน 1-2 ปีแรกหลังการผ่าตัด หรือถ้าตีเป็นตัวเลขกลมๆคือประมาณ 30-40% ของน้ำหนักตั้งต้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักแรกเริ่มของเรา วิธีการผ่าตัด ตลอดจนการปรับพฤติกรรมหลังผ่าตัด

            2.อายุยืนยาวมากขึ้น ถึง 9.3 ปี ในผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย และ อายุยืนยาวขึ้น 5.1 ในผู้ป่วยที่ไม่เป็นเบาหวาน

            3.ช่วยทำให้หายจากโรคเบาหวาน ความดันในเลือดสูง ไขมันสูง ได้ถึง 60% สามารถลดปริมาณยา คุมระดับความดัน หรือระดับน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น

            4.ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง หัวใจวายเฉียบพลัน

            5.ลดโอกาสการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม

            6.ลดการนอนกรน ทำให้พักผ่อนได้มากขึ้น และรบกวนผู้อื่นน้อยลง

            7.อาการหอบหืดดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น

            8.ประจำเดือนมาปกติขึ้น ในผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่ (หรือ PCOS) และ อาจจะส่งผลให้มีบุตรได้ง่ายขึ้น

            9.ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและส่งเสริมให้มีความมั่นใจในตนเอง และมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น


            อย่างไรก็ตามการผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคอ้วน อาจจะไม่ได้เป็นฝันหวานเสมอไป ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องแลกมาหลังการผ่าตัด ดังนี้  คือ

1.ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด เช่น เลือดออกในช่องท้อง หรือ กระเพาะรั่วภายหลังการผ่าตัด ซึ่งสามารถพบได้ประมาณ 0.1-1%

2.อาการกรดไหลย้อนหลังผ่าตัด สามารถพบได้ 10-20% ของผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่แล้วการปรับพฤติกรรมการกิน ร่วมกับการกินยา จะช่วยลดอาการกรดไหลย้อนดังกล่าว

3.ผมร่วง หรือภาวะขาดสารอาหาร  ถึงแม้ว่าเราจะทานโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุเสริมก็ตาม การที่น้ำหนักเราลดลงด้วยความรวดเร็ว ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผมร่วงได้ ภายหลังการผ่าตัด 3-4 เดือน

4.ไม่สามารถทานอาหารและน้ำได้เหมือนก่อนผ่าตัด ทั้งวิธีการกิน และ ปริมาณ โดยปกติเราสามารถทานน้ำได้ 1-2 แก้วโดยไม่มีปัญหา สามารถกินข้าวหมดจานได้สบายๆ แต่ทว่าหลังการผ่าตัดแล้วเราจะต้องปรับการทานอาหารโดยทานคำเล็กลง เคี้ยวสัก 20-30 ครั้งก่อนค่อยกลืน กว่าจะทานปลาได้สักครึ่งชิ้น อาจใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากทานอาหารเสร็จก็ไม่สามารถทานน้ำได้ ต้องรออีก 30 นาที ไม่อย่างงั้นจะมีอาการจุกแน่นและอาเจียน น้ำก็ต้องค่อยๆจิบ คำเล็กๆ ดื่มเร็วไปอาจจะทำให้แน่นได้ ถ้าดื่มน้ำน้อยไปก็จะมีอาการหน้ามืด ขาดน้ำได้อีก

5.ความสุขในการทานอาหารเราจะหายไป จึงจำเป็นต้องระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า

6.ไม่สามารถทานอาหาร หรือ เครื่องดื่ม บางอย่างได้ เช่น อาหารที่เผ็ด น้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์

7.น้ำหนักอาจกลับมาขึ้นได้ 1-2 ปีหลังจากการผ่าตัด ถ้าเราไม่ได้ปรับพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง กระเพาะจะเริ่มขยายตัว และน้ำหนักอาจจะเพิ่มขึ้นได้





            ดังนั้นแล้วผู้ป่วยที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัด ตามข้อบ่งชี้ใน “แนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคอ้วนด้วยการผ่าตัดแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2564” ได้แก่

ผู้ป่วยที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) > 37.5

-ผู้ป่วยที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) > 32.5 และมีโรคร่วม ได้แก่ เบาหวาน หวามดันในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ไขมันเกาะตับ ทางเดินหายใจอุดกลั้นขณะหลับ ข้อเข่าเสื่อม ฯลฯ

-ผู้ป่วยที่มี ดัชนีมวลกาย (BMI) > 27.5 และมีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยา

สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน จะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ยั่งยืนและเห็นผลได้จริง แต่ความร่วมมือในการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อที่จะทำให้ผลการรักษาสามารถคงอยู่ต่อไปได้ในระยะยาว


ผู้สนใจสามารถปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของกระเพาะอาหารได้ที่

เพจ Facebook :
หมอโจอี้ นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดส่องกล้อง หรือ Line : @dr.sirasit หรือ Website : www.doctorsirasit.com

36
นิตยสาร Business+ ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
จัดงานมอบรางวัล “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2024” 
“เชิดชูเกียรติให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นในด้านความยั่งยืน”


             นิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานมอบรางวัล สินค้าและบริการแห่งปี 2567 “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2024” ภายใต้แนวคิด “Our Planet Resurrection ฟื้นคืนโลกของทุกคน” เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นในด้านความยั่งยืนแห่งปี 2567 ที่ผ่านการวิจัยและวิเคราะห์จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผ่านการโหวตคัดเลือกจากผู้บริโภค มอบให้กับสินค้าและบริการ รวม 29 รางวัล ซึ่งพิธีมอบรางวัล ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต เป็นประธานมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่ได้รับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา


             นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นิตยสาร Business+ ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ จัดมอบรางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR  AWARDS 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งเป็นรางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม หรือนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตพัฒนาโลกให้สดใส โดยรางวัลแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ที่คำนึงถึงมิติสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน”


             ผศ.ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร ผู้ช่วยคณบดีงานวิชาการ และหัวหน้าสาขาการตลาดวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหรือยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสามารถสร้างมุมมองในการให้บริการที่แตกต่างออกไป ทำให้สินค้าและบริการนั้น ๆ เป็นที่ยอมรับของตลาดและแสดงถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจขององค์กรที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค ดังนั้นการมอบรางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2024 ครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและบริการให้แก่องค์กรต่าง ๆ ต่อไป โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่านที่บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่แต่ละองค์กรมุ่งหวังไว้”


             รางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2567 “BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2024” จัดมอบรางวัลจำนวน 29 รางวัลใน 10 หมวดอุตสาหกรรม  โดยมีรายชื่อผู้ได้รับรางวัล ดังต่อไปนี้

กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ

1.            ประเภทโรงภาพยนตร์ ได้แก่ โรงภาพยนตร์  Major Cineplex โดย บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

2.            ประเภทศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ มอลล์ ได้แก่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล


กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์

3.             ประเภทบริการขนส่งด่วน EMS ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

กลุ่มบริการ

4.            ประเภทการส่งเสริมการขาย ได้แก่ “The 1” ลอยัลตี้แพลตฟอร์ม ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล โดย บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด

5.            ประเภทบริการทางการแพทย์ ได้แก่ โรงพยาบาล เอส สไปน์ โดย บริษัท เอ็น. พี. เมดิคอล จำกั


กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน-เครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่

6.            ผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Samsung AI TV, NEO QLED 8K โดย บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

7.            ผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า  ได้แก่ เครื่องซักผ้า TOSHIBA โดย บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด

8.            ผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ ได้แก่ ECOVACS รุ่น Deebot T30S Combo โดย บริษัท อีโคแวคส์ โกลบอล จำกัด


กลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่

9.            ผลิตภัณฑ์ Notebook Acer Swift Go 16 โดย บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด

10.       ผลิตภัณฑ์ ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ Trend Vision One TM (ตัวยกบน One) platform โดย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด



กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัย ได้แก่

11.       ผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์  โดย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

12.       ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ได้แก่ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง  My Health Plus Double Care โดย บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

13.       ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม ได้แก่ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายระดับพรีเมี่ยม Elite Health Plus โดย บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

14.       ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 โดย บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)

15.       ผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV)       โดย บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)


กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ได้แก่

16.       ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์  ได้แก่ ยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ MICHELIN โดย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด

17.       ผลิตภัณฑ์รถยนต์นั่งไฟฟ้า ได้แก่ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQS โดย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด


กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่

18.       ผลิตภัณฑ์ประเภทคอนโด ได้แก่ The Line Vibe เดอะ ไลน์ ไวบ์ โดย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

19.       ผลิตภัณฑ์ประเภทบ้านเดี่ยว  ได้แก่ เดอะ ปาล์ม บางนา – วงแหวน 2 โดย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)

20.       ผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา  ได้แก่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)   

21.       ผลิตภัณฑ์สีน้ำทาอาคาร สำหรับภายใน    ได้แก่ Nippon Paint AirCare โดย บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด



กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่

22.        ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ได้แก่ โพชงพลัส โดย พีไฟว์กรุ๊ป

23.       ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคุมน้ำหนักและเพิ่มการเผาผลาญ    ได้แก่ Dr.Jel LF โดย บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด

24.       ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลิจิ คอลลาเจน จาก อมาโด้ โดย บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด

25.       ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ได้แก่ SOLANOX แก้ปัญหาผิวและสุขภาพองค์รวม โดย บริษัท ยัง เอจ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

26.       ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทโปรตีน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ โดย บริษัท เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด


กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค-บริโภค ได้แก่

27.       ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มประเภทน้ำดื่ม ได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำด่าง อิชิตัน พีเอชพลัส สูตรผสม วิตามินดี และ สารสกัดจากใบแปะก๊วย โดย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

28.       ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ S&P โดย บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)

29.       ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ได้แก่ ซีเล็คทูน่า ท็อปปิ้ง โดย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

37
เชียร์ทีมชาติไทยให้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึก ‘ฟุตซอลโลก2024’
พร้อมร่วมสนุกทายผลระหว่าง ไทย พบ ฝรั่งเศส
ในวันที่ 27 กันยายน 2567 นี้ เวลา 19.30 น.





               ฟุตซอลโลก 2024 เป็นการแข่งขันฟุตซอลโลกครั้งที่ 10 จัดขึ้นที่ประเทศอุซเบกิสถานระหว่างวันที่ 14 กันยายน - 6 ตุลาคม 2567 ซึ่งตอนนี้ได้ 4 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ประกอบด้วย บราซิล, ยูเครน, เวเนซูเอลา, ปารากวัย, โมร็อกโก และ คาซัคสถาน

               ศึกฟุตซอลโลก 2024 ทีมชาติไทย ปะทะ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่จะเตะกันที่สนามบูคารา ยูนิเวอร์เซล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ (อุซเบกิสถาน) ในวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง T-Sport 7 เป็นอีกเกมที่สูสีมาก โดยฟุตซอลไทย รั้งฟีฟ่าแรงกิ้ง อยู่ที่อันดับ 9 ของโลก ส่วน ฝรั่งเศส อยู่อันดับ 10  ถือว่าสูสีใกล้เคียงกันมาก น่าจะเป็นอีกเกมที่สนุก เพราะทั้งสองทีมน่าจะใส่กันไม่ยั้งเพื่อให้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้

               ‘fun88xfutsalworldcup’ ขอชวนแฟนบอลชาวไทยมาร่วมให้กำลังใจทีมชาติไทยให้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปด้วยกัน พร้อมร่วมสนุกทายผลสกอร์การแข่งขันนัดนี้ เพื่อลุ้นรับลุ้นรับกระเป๋าสุดเท่ ฟรี! 5 รางวัล เพียงกดไลค์ กดตามเพจ https://www.facebook.com/FUN88AsiaTH ทายผลสกอร์ในคอมเม้นต์หน้าเพจ ติดแฮชแท็ก #fun88xfutsalworldcup แอดเพื่อน 2 คน และแชร์โพสกิจกรรมนี้ https://shorturl.asia/dey5Q

#FUN88 #FUN88Asia #LiveYourDream #กล้าฝันกล้าสนุก #FUNangel #สเต็ปดีชีวิตดี #fun88news.co #FUN88xฟุตซอลโลก #FUN88xFutsalWorldCup
   









38
เอสซีจี พัฒนาศักยภาพเยาวชนอาเซียน สู่ ‘Green Generation’ ปั้นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผ่านทุนการศึกษา Sharing the Dream


เอสซีจี เดินหน้ามอบทุนการศึกษา Sharing the dream ในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง ผ่านแนวคิด ‘Green Generation’ เพื่อส่งเสริมการศึกษาและสร้างพลังคนรุ่นใหม่ให้มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตยั่งยืน ตามแนวทาง ‘Inclusive Green Growth’ ของเอสซีจี ที่มุ่งสร้างการเติบโตในทุกมิติ ลดความเหลื่อมล้ำสังคม เพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค โดยปี 2567 ได้เริ่มมอบทุนการศึกษาที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แก่นักเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย 410 ทุน เพื่อส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาอินโดนีเซีย 2588 หรือ Golden Indonesia 2045 ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งโครงการนี้ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในอินโดนีเซียต่อเนื่อง 12 ปี รวม จำนวน 4,460 คน


นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี มุ่งมั่น สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน ตามแนวทาง ‘Inclusive Green Growth’ ในทุกมิติ ทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการ SCG Sharing the Dream ในปีนี้ จึงได้ส่งเสริมแนวคิด Green Generation เพื่อส่งเสริมพลังคนรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจ และมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตเยาวชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมตามกลยุทธ์ ESG4Plus ของเอสซีจี”


นางหทัยชนก ฤทธาคนี ฟรูโม อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต กรุงจาการ์ตา กล่าวว่า “ในปีหน้า ไทยและอินโดนีเซียจะเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูต โครงการทุนการศึกษา ‘Sharing the Dream’ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาและเพื่อการพัฒนาศักยภาพให้มีความรู้ จิตสำนึกใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม และได้รับโอกาสในการลงมือทำจริง เพื่อขับเคลื่อนอินโดนีเซียสู่ความยั่งยืนได้”


ตัวอย่างโครงการเพื่อความยั่งยืนจากเยาวชนที่เอสซีจีสนับสนุน เช่น การจัดการขยะอาหาร ให้เป็นปุ๋ยหมักในชุมชน การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ผสานเทคโนโลยีและวัฒนธรรมเพื่อการศึกษา สร้างจิตสำนึกการแยกขยะในชุมชน และ การพัฒนาแอปพลิเคชัน ช่วยอำนวยความสะดวกการมีส่วนร่วมในกิจกรรมปลูกต้นไม้และโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชุมชน


Priyanto Rohmattullah, Director of Environment at the Ministry of National Development Planning/Bappenas กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ การกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาอินโดนีเซีย 2588 จึงมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นี้ เราต้องการการมีส่วนร่วมของเยาวชนที่เข้าใจแนวคิด ESG และการศึกษาเป็นกุญแจสำคัญ โครงการมอบทุนการศึกษา Sharing the Dream ของเอสซีจี เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนชาวอินโดนีเซียเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้"

ทั้งนี้ ในภูมิภาคอาเซียนนอกจากประเทศไทย เอสซีจี ยังเดินหน้ามอบทุนการศึกษาในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ สปป. ลาว เพื่อปั้นเยาวชนอาเซียน สู่ ‘Green Generation’ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน

39
เจสัน เซสัน กำปั้นฟิลิปปินส์ มวยสร้าง "บริโก้" เดินลุยแลกหมัดกำปั้นอินเดีย ชานบอรัง มาบาเนียง ก่อนชนะน็อคนักชกอินเดียในยกที่ 9 คว้าเข็มขัดแชมป์ ABF Light Fly weight Title ไปครองในการชกเป็นคู่เอก WAY OF THE CHAMPIONS จัดโดย NARIS - HIGHLAND - SPACE PLUS BOXING PROMOTIONS


            วันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ เวทีมวยชั่วคราว Space plus RCA Plaza รัชดาภิเษก สองโปรโมเตอร์คู่เขยไทย-ปินส์ บริโก้ ซานติก และ นายศุภณัฐ จันทร์แรม แห่ง NARIS - HIGHLAND - SPACEPLUS BOXING PROMOTIONS และสองประธานที่ปรึกษา คุณนริส สิงห์วังชา และ พล.ต.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ จัด 11 คู่มวยในรายการ WAY OF THE CHAMPIONS คู่เอกชิงเข็มขัดแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF




สรุปผลการแข่งขันในรายการมีดังนี้

คู่แรกมวยไทยหญิงพิกัด 47 ก.ก. (3 ยก) ชุตินันท์ ปุ่นอินเตอรแพ้คะแนนแพ้คะแนน วีนัส  ศิษย์ชาญสิงห์

คู่ที่ 2. อุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นมิดเดิลเวทพิกัด 160 ปอนด์ในกติกามวยสากลสมัครเล่น สิทธา โรดิเกรช นักชกอิตาลี ชนะน็อค ภูวนัย ฤิทธิฮาฟ นักชกไทยยกที่ 2

คู่ที่ 3. อุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นครุยเซอร์เวท พิกัด 200 ปอนด์ขึ้นไป เอ็ดดี้ คูมี่ นักชกจากออสเตรเลีย อาศัยรูปร่างใหญ่กว่าแข็งแรงกว่าไล่ถล่ม บรรพต ขาวเอี่ยม กำปั้นไทยพ่ายน็อคยกที่ 2





คู่ที่ 4. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ ระหว่าง เรย์มาส โซเรเดส นักชกจากฟิลิปินส์ พบกับ วันพิชิต ศิริพนา นักชกไทยคู่นี้ไม่มีผลการตัดสินหลังนักชกทั้งคู่พลาดในจังหวะชุลมุนกลางเวทีศรีษะกระแทกกันอย่างแรงไม่สามารถแข่งต่อได้ยุติการชกในยกที่ 1
     
คู่ที่ 5. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นไลท์ฟลายเวท พิกัด 108 ปอนด์ เจ็สซี่ เอสพินาส นักชกจากฟิลิปปินส์ มาดุเช็กบิลเร็วน็อค อดิศักดิ์ เกตุเอี่ยม นักชกไทยยกที่ 1

คู่ที่ 6. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นซุปเปอรเฟเธอร์เวท พิกัด 130 ปอนด์ ระหว่าง มูฮัมหมัด อาเมีย ข่าน นักชกจากปากีสถาน ไล่อัดกำปั้นไทย ชนะ เทียรสวัส พ่ายน็อคแค่ยก 1





คู่ที่ 7. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นไลท์เวท พิกัด 135 ปอนด์ ระหว่าง จอร์น ไมเคิล อูดูนา นักชกจากฟิลิปปินส์ ซ้อมมาดีไล่ต้อน มาร์ดี้ ซาเบตาลี่ กำปั้นอิหร่านพ่ายน็อคยกที่ 1
 
คู่ที่ 8. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเวลเธอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ อุสมาน วาเซียร์ กำปั้นปากีสถานทำศึกแห่งศักดิ์ศรีกับ ทีรัค เซลวา คู่นี้  อุสมาน เตรียมตัวมาดีจบการชกด้วยการน็อค ทีรัค ยกที่ 1 พร้อมประกาศขอให้สงครามระหว่างสองชาติเพื่อนบ้าน ปากีสถาน และอินเดียควรปิดฉากซะที
         
คู่ที่ 9. อุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ พิสิทธิ์ เผ่าจันทร์ทึก นักชกไทย ชนะคะแนน คามราน โอลูจ๊อฟ นักชกจากอาเซอร์ไบจาน





คู่ที่ 10. อุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเฮฟวี่เวทพิกัด 225 กิโลกรัมขึ้นไป ยี เซ เจียง กำปั้นยักษ์จากจีน ใหญ่กว่าหนักกว่าน็อค มานิคันดัน ราจาเซกา กำปั้นอินเดียยกที่ 1

คู่ที่ 11. คู่เอก ของรายการเป็นการชิงเข็มขัดแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นไลท์ฟลายเวท พิกัด 108 ปอนด์ (10 ยก) เจสัน เวสัน นักชกจากฟิลิปปินส์ เดินลุยแลกหมัดกับ ชานบอรัง มาบาเนียง นักชกจากอินเดีย ตั้งแต่ระฆังดังยกแรกซัดกีนเดือดก่อนชนะน็อคในยกที่ 9 ได้รับเกียรติจากคุณนริส สิงห์วังชา ประธานที่ปรึกษาจัดการแข่งขัน และประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF ขึ้นร่วมแสดงความยินดีและคาดเข็มขัดแชมป์ให้กับเจสัน เวสัน





            ทั้งหมดคือความสนุกของ 11 คู่มวยที่ NARIS - HIGHLAND - SPACEPLUS BOXING PROMOTIONS มอบให้กับแฟนมวยในเดือนนี้ ส่วนนัดต่อไปติดตามความสนุกความมันส์แบบนี้ได้ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567










40
คอนโทรล ดาต้า โชว์ผลสำเร็จกล้อง “Body Camera” ช่วยจนท.ฝ่ายปกครอง ปฏิบัติหน้าที่โปร่งใสกว่า 1 แสนคดี


             คอนโทรล ดาต้า ประกาศความสำเร็จครบรอบ 1 ปี หลังส่งมอบกล้อง Body Camera ให้กับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ปฏิบัติหน้าที่อย่างโปร่งใสกว่า 103,132 คดีตามรายงานของศูนย์รับแจ้งการควบคุมตัว พร้อมเร่งผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอัตลักษณ์ดิจิทัล หนุนยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและบริการประชาชน เดินหน้าสู่รัฐบาลดิจิทัล สร้างสังคมที่ปลอดภัย เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

             บริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีอัตลักษณ์ดิจิทัล ภายใต้ ซีดีจี กรุ๊ป ประกาศความสำเร็จหลังการส่งมอบกล้อง Body Camera DEFCAM รุ่น DFC-101 ให้กับกรมการปกครอง จำนวน 5,000 ตัว เมื่อปีที่แล้ว เพื่อช่วยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้มีความโปร่งใส ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เป็นจำนวน 879 ศูนย์ฯ ทั่วประเทศ โดยมีรายงานผลผ่านระบบรับแจ้งการควบคุมตัว จำนวน 103,132 คดี และผ่านช่องทางอื่น จำนวน 41,851 คดี (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567) สามารถยกระดับการปฏิบัติงานของภาครัฐด้วยเทคโนโลยี รักษาความสงบเรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่นในการบริการประชาชน ส่งต่อสังคมปลอดภัย เผยพร้อมเดินหน้าพัฒนาโซลูชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อยกระดับสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลต่อไป


             นายทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ประธานบริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “หลังจากมีการใช้งานมาแล้วเป็นเวลากว่า 1 ปี โซลูชันของเราได้แสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเบื้องหลังของความสำเร็จคือเทคโนโลยีที่เราพัฒนาให้มีความแม่นยำในการประมวล และวิเคราะห์ผลจากการบันทึกวิดีโอ เปิดเผยชัดเจนในทุกกระบวนการทำงาน สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ เหล่านี้คือสิ่งที่เรายึดมั่น และผลักดันร่วมกับหน่วยงานรัฐมาโดยตลอด นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นถึงโอกาสในการ ยกระดับโซลูชันนี้ให้ไปไกลยิ่งกว่าฮาร์ดแวร์ โดยวางแผนเพิ่มขีดความสามารถในการระบุตัวตนเข้าไปซึ่งสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของเรา เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวน หรืองานที่นำมาซึ่งความปลอดภัย ให้แม่นยำน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นต่อไป นายทวีศักดิ์ กล่าว

             นอกจากการโซลูชันที่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีของคอนโทรล ดาต้า ยังมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น การประยุกต์ใช้โซลูชันด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัตลักษณ์ดิจิทัล จะช่วยให้การตรวจสอบและการทำงานของเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน เพิ่มความคล่องตัว ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่ต้องการการบริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

             “งานบริการประชาชน นอกจากต้องการความรวดเร็วแล้ว เรื่องของความแม่นยำ ถูกต้อง และตรวจสอบได้ก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการวัดผลประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐบาล ฝ่ายปกครอง ดังนั้นการนำเอาโซลูชั่น เทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ เข้ามาใช้งานร่วมด้วยจึงสามารถเป็นการบริการประชาชนที่มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่มาตรฐานการทำงานที่จะช่วยยกระดับชีวิตคนไทยได้ในอนาคต ทั้งนี้เราตั้งเป้ายกระดับการบริการประชาชนให้มีศักยภาพสูงขึ้น ครอบคลุมขึ้นในทุกมิติ และตอบโจทย์ในเรื่องความเร็ว สะดวก คุ้มครองทุกฝ่ายอีกด้วย” นายทวีศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

41
สจล. และคณะอุตสาหกรรมอาหาร ผลิตน้ำดื่มเพื่อมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 10,000 ขวด พร้อมสิ่งขอจำเป็น และเงินสมทบทุน


             เมื่อเร็ว ๆ นี้ รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ นักศึกษา นำน้ำดื่มจำนวน 10,000 ขวด ที่ผลิตจากคณะอุตสาหกรรม สจล. ด้วยกระบวนการ Reverse Osmosis ผ่านกระบวนการกรอง และผ่านกระบวนการ การฆ่าเชื้อด้วยระบบเครื่อง Ozone Generator และ UV คุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมสิ่งของจำเป็น และเงินสมทบทุนผ่านการรับบริจาคจำนวน 144,372.87 บาท จากกิจกรรม "สจล. รวมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม" เมื่อระหว่างวันที่ 16 - 25 กันยายน 2567 มอบให้กับมูลนิธิกระจกเงา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป






             ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000

42
ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เปิดนวัตกรรมการเรียนรู้แห่งอนาคต สู่ความเป็นเลิศในการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ


วันนี้ (25 กันยายน 2567) ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, สาขาวิชาอายุรศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, MDCU MedUMore คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันสนับสนุนการเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์และถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งในและต่างประเทศนำเสนอนวัตกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ MedUMore หลักสูตรนวัตกรรมการรักษา TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation)  หรือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด หลักสูตรแรกของประเทศไทย

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยไทยมีสัดส่วนประชากรกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 12 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 6 ของประชากรไทย ถือเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ นอกจากนี้โรคหัวใจยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ปัจจุบันผู้สูงอายุชาวไทยกว่า 400,000 คน อาจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน


สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ เป็นช่วงเวลาของ "วันหัวใจโลก" ซึ่งตรงกับวันที่ 29 กันยายนของทุกปี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้เปิดตัวโครงการ "นวัตกรรมการเรียนรู้แห่งอนาคต เปิดทางสู่ความเป็นเลิศในการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของรพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับการบริการทางการแพทย์และการศึกษา เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ป่วยและสังคม

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า การพัฒนาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสนับสนุนทีมงานที่มีความหลากหลายเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้การรักษามีความแม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะในกรณีการรักษาโรคที่ซับซ้อน อย่างการรักษาภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ


ในส่วนของแพลตฟอร์ม MedUMore TAVI ที่เรานำเสนอในวันนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ไร้ขีดจำกัด เสริมสร้างความเชี่ยวชาญและการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นอีกช่องทางการสื่อสารที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้แก่ประชาชนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและดูแลสุขภาพหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาการแพทย์ของประเทศไทย ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายของโรคหัวใจในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ความสำเร็จในด้านการแพทย์เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างสังคมที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “เพราะการดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม และเรามุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายนี้เป็นจริง” รศ.นพ.ฉันชายกล่าว


ด้าน รศ.นพ.สุพจน์ ศรีมหาโชตะ  หัวหน้าหน่วยอายุรศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่าอุบัติการณ์ของโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Stenosis) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้น ซึ่งทำให้โรคนี้เป็นปัญหาสำคัญที่เราทุกคนอาจต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบมักเกิดขึ้นจากการสึกหรอของลิ้นหัวใจตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอุบัติการณ์สูงถึง 12.4% และ 3.4% ของกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเกิดขั้นรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตได้ในระยะเวลา 2-5 ปี

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีเพียง 47% ของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยหรือการรักษา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่เราต้องร่วมกันแก้ไข ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงทีผ่านการสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยการศึกษาและการเรียนรู้ที่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว นวัตกรรมการรักษาโรคหัวใจ อย่าง TAVI เป็นตัวอย่างของการรักษาที่ซับซ้อนและต้องการความร่วมมือจากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขา การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ TAVI หลักสูตรแรกของประเทศไทย ร่วมกับแพลตฟอร์มการเรียนรู้ MedUMore คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการแพทย์ เพื่อให้เราสามารถนำเสนอการรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย เพราะความสำเร็จของการรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบไม่ได้ขึ้นอยู่กับนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการสร้างระบบการเรียนรู้ที่เปิดกว้างและครอบคลุม นำพาเราไปสู่การรักษาที่มีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว


ด้านผศ.(พิเศษ) นพ.สุรินทร์ อัศววิทูรทิพย์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้แทนฝ่ายบริการวิชาการ ผู้ดูแลแพลตฟอร์ม MedUMore กล่าวว่า ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปีของแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ “MDCU MedUMORE” ซึ่งปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้อันดับ 1 ของประเทศไทยด้านการแพทย์ ที่มีการรับชมไปมากกว่า 2,000,000 views แล้ว โดยแพลตฟอร์ม MedUMore ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัยและครอบคลุมทั้งสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป จุดเด่นของ MedUMore คือการนำเสนอหลักสูตรที่หลากหลายและเน้นการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาการแพทย์ที่มีความซับซ้อนและต้องการการฝึกฝนเป็นพิเศษอย่างหลักสูตรการรักษาลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบด้วยวิธี TAVI ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบ นอกจากนี้ยังมีการสร้างพันธมิตรกับองค์กรภายในและภายนอก อย่างศูนย์โรคหัวใจ และบริษัท เมดโทรนิค ช่วยให้เราสามารถนำเสนอเนื้อหาบทเรียนการทำหัตถการที่มีความซับซ้อน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้แก่นิสิตและบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน อ.ดร.นพ.วศิน พุทธารี ผู้ริเริ่มโครงการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบโดยไม่ต้องผ่าตัด และผู้รับผิดชอบหลักสูตร TAVI สำหรับ MedUMore คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการฝึกอบรมทีมแพทย์ในการทำหัตถการ TAVI คือความซับซ้อนของการทำหัตถการนี้เอง TAVI เป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและต้องอาศัยทักษะเฉพาะทางที่หลากหลาย ซึ่งหมายความว่าทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ร่วมกันทำหัตถการนี้ต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งและมีประสบการณ์เพียงพอ การฝึกอบรมไม่ใช่เพียงแค่การเรียนรู้ทฤษฎี แต่ยังต้องมีการฝึกปฏิบัติจริงและทบทวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในจุดนี้ การที่เราร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับการทำหัตถการ TAVI และนำเสนอภายใต้ แพลตฟอร์ม MedUMore เข้ามามีบทบาทอย่างมาก เพราะไม่เพียงแค่ให้ความรู้ที่ครอบคลุมในทุกด้านของการทำ TAVI ผ่านผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว ที่สำคัญหลักสูตร TAVI ในแพลตฟอร์ม MedUMore ยังเป็นหลักสูตรออนไลน์ TAVI หลักสูตรแรกของประเทศไทย ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการฝึกอบรม เพื่อให้แพทย์จากทุกภูมิภาคสามารถเข้าถึงความรู้และการฝึกฝนที่ทันสมัยได้ เปิดโอกาสให้แพทย์ได้เห็นและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง 3D simulation ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้แพทย์สามารถทบทวนการฝึกปฏิบัติเสมือนจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำหัตถการให้กับผู้เข้าเรียน


นอกจากความท้าทายด้านการฝึกอบรมทีมแพทย์แล้ว การเข้าถึงการรักษาด้วยวิธี TAVI สำหรับประชาชนก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ในการสังเกตอาการของตนเอง และยังไม่ค่อยรู้จักการรักษาด้วยวิธี TAVI ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยหลายรายไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมได้ทันท่วงที แพลตฟอร์ม MedUMore TAVI จึงมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะเป็นอีกช่องทางสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนผ่านการเสวนาด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เมื่อประชาชนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ TAVI จะทำให้สามารถสังเกตอาการและตัดสินใจเข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ภญ. สุชาดา ธนาวิบูลเศรษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอย่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ของประเทศในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราเชื่อว่าการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการแพทย์ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหลายฝ่าย ทั้งจากภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม


สำหรับการทำหัตถการ TAVI นวัตกรรมการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ช่วยลดความเสี่ยง ฟื้นตัวเร็ว และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงในการผ่าตัดแบบดั้งเดิม เนื่องจากเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและต้องการการทำงานเป็นทีมของหลายฝ่าย จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่บริษัท เมดโทรนิคได้ให้ความสำคัญตลอดมา บริษัท เมดโทรนิคร่วมกับสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศ เพื่อให้การสนับสนุนและพัฒนาโรงพยาบาล ในทุกภูมิภาคของไทย และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย ทั้งด้านการพัฒนาความรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และการให้ความรู้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไข้สามารถเข้าถึงการรักษาผ่านโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการให้บริการ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับเดียวกับสากล สำหรับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน MedUMore TAVI นี้เราได้ทำงานร่วมกับศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างใกล้ชิด ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่เราได้ลงนามร่วมกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ MedUMore ไม่เพียงแค่ในแง่ของการสนับสนุนการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แต่ยังรวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั่วไป ด้วยการร่วมมือกันในครังนี้ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญที่สำคัญระหว่างกัน ทำให้การพัฒนาหลักสูตรมีความครบถ้วนและทันสมัย ช่วยสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการทำหัตถการ TAVI ซึ่งส่งผลดีต่อการยกระดับมาตรฐานการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาวอย่างแท้จริง"

ด้านคุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา นักแสดงอาวุโส ผู้แทนในส่วนของภาคประชาชน ในฐานะที่ผมเป็นประชาชนที่ได้เสวนากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านแล้ว ผมมองว่าโรคลิ้นหัวใจเออร์ติกตีบ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและอาจมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นการที่ประชาชนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคนี้และเข้าใจวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้พวกเราสามารถเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะในปัจจุบันมีการรักษาด้วยวิธี TAVI ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ มีประสิทธิภาพสูง ให้ผลการรักษาที่ดีในระยะยาว ถือเป็นนวัตกรรมการรักษาสำหรับผู้สูงอายุ คืนชีวิตที่มีคุณภาพ ลูกหลานมีความสุข

ในช่วงสุดท้ายของงานแถลงข่าว ทีมศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย รศ.นพ. สุพจน์ ศรีมหาโชตะ หัวหน้าหน่วยอายุรศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด ฝ่ายอายุรศาสตร์,พญ. ศิริพร อธิสกุล หัวหน้าห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด, นพ. ชนาพงษ์ กิตยารักษ์ ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดหัวใจและทรวงอกและนพ. วรฤทธิ์ เลิศสุวรรณเสรี แพทย์ผู้ชำนาญการสวนหัวใจและหลอดเลือด ได้นำเสนอศักยภาพของการให้บริการรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบอย่างรุนแรง ในฐานะศูนย์กลางการรักษาโรคหัวใจที่มีศักยภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศ ศูนย์โรคหัวใจของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้พัฒนาความพร้อมในรักษาคนไข้โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความหลากหลายและครบถ้วนทั้งในด้านการตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคหัวใจขั้นสูง อย่างการรักษาเปลี่ยนลิ้นหัวใจเออร์ติกตีบผ่านสายสวน หรือ TAVI ที่ให้บริการมาแล้วเกือบ 15 ปี โดยมีผู้ป่วยกว่า 300 รายที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ ที่ไม่เพียงแค่ลดความเสี่ยงและระยะเวลาการพักฟื้น แต่ยังช่วยคืนชีวิตที่มีคุณภาพให้กับผู้ป่วย ให้พวกเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข

นอกจากนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ดำเนินโครงการเพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นและยังขาดทุนทรัพย์ ให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ผ่านโครงการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกโดยไม่ต้องผ่าตัด (TAVI) ภายใต้โครงการนี้ศูนย์โรคหัวใจสามารถช่วยให้ผู้ป่วยจำนวน 30-40 รายต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 60% ของผู้ป่วยที่ต้องการการสนับสนุนทางด้านทุนทรัพย์ ที่สามารถได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

ท่านสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลให้ผู้ป่วยลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบให้สามารถเข้าถึงบริการการรักษาได้ โดยการร่วมสมทบทุนผ่าน E-Donation บัญชี ฬ. จุฬา สะพานบุญ หรือผ่านบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (ฬ. จุฬา สะพานบุญ) เลขที่บัญชี 059-1-93894-0 โทรสอบถามเพิ่มเติมโทร 02-251-7804

“เพราะทุกๆ การให้ คือความงดงาม”

43
กรุงศรีเดินหน้าสนับสนุนทุกธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
นำโซลูชันการเงินหลากหลายตอบโจทย์ธุรกิจ พร้อมส่งทีม EFD ช่วยลูกค้าเตรียมพร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างแข็งแกร่ง


กรุงเทพฯ (20 กันยายน 2567) กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศความมุ่งมั่นในการสนับสนุนทุกภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ด้วยแนวคิดและโซลูชันการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่หลากหลายและเหมาะกับธุรกิจทุกขนาด โดยมีหน่วยงาน ESG Finance Department (EFD) สนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้เข้าใจถึง Sustainable Finance และช่วยในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า “กรุงศรีให้ความสำคัญในเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คาด และในฐานะสถาบันการเงิน เรามีหน้าที่เป็น Enabler หรือ ตัวกลางในการช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถเปลี่ยนผ่านและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน กรุงศรีเชื่อว่าเรื่องของ Sustainable Finance เป็นเรื่องที่ทุกคน ทุกภาคส่วน ต้องก้าวไปด้วยกัน ในฐานะที่กรุงศรีเป็นส่วนหนึ่งของ MUFG หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง Sustainable Finance ด้วยมาตรฐานระดับโลก เราจึงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาและต่อยอดเป็นโซลูชั่นทางการเงิน รวมไปถึงทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ สนับสนุน และส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้”

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรุงศรีเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เราพร้อมทำหน้าที่ในการสนับสนุนลูกค้า SME ให้สามารถเปลี่ยนผ่าน และเติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเส้นทางของความยั่งยืน กรุงศรีสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ได้นำแนวคิด ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจโดยตลอด ทุกโครงการที่เราทำ ทั้งในแง่ของการให้ความรู้ การมอบรางวัลต่างๆ อาทิ โครงการ Krungsri Academy และการมอบรางวัล Krungsri ESG Award ล้วนเป็นแนวทางในการส่งเสริมในเรื่อง ESG ทั้งด้าน Awareness และ Readiness ให้กับผู้ประกอบการ SME ในเรื่อง Sustainable Finance และพร้อมช่วยเหลือให้ทุกๆธุรกิจมีความพร้อมและเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน”

จัดตั้งหน่วยงาน EFD เพื่อสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้เข้าถึงโซลูชั่นการเงินเพื่อความยั่งยืน
ในปีที่ผ่านมา กรุงศรีได้จัดตั้งหน่วยงาน ESG Finance Department (EFD) เพื่อสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้เข้าใจถึง Sustainable Finance และช่วยในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน หน่วยงานนี้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ MUFG และทำหน้าที่เป็น Center of Excellence รวบรวมข้อมูลในเรื่อง Sustainable Finance ทั้งในระดับ Global และ Local พร้อมสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ของธนาคารในการบูรณาการหลักการด้าน ESG เข้าไปในการดำเนินงาน

ยิ่งไปกว่านั้น กรุงศรียังได้ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน หรือ โซลูชัน Sustainable Finance ที่มีความหลากหลายซับซ้อนนำเสนอแก่ธุรกิจทุกขนาด ด้วยองค์ความรู้ที่ได้รับจาก MUFG และความเข้าใจตลาดและความต้องการลูกค้าในประเทศไทย ทำให้กรุงศรีก้าวขึ้นสู่ความผู้นำในเรื่อง Sustainable Financing ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์สำคัญที่กรุงศรีได้นำเสนอได้แก่


•   สินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan หรือ SLL)
•   ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond หรือ SLB)
•   ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond)
•   สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Loan)
ตราสารหนี้เพื่อสังคม (Social Bond)
•   สินเชื่อเพื่อสังคม (Social Loan)
•   ตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond)
•   สินเชื่อเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Loan)
•   ตราสารหนี้ที่ระดมทุนเพื่อนำมาใช้กับโครงการที่เป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรทางทะเล (Green & Blue Bond)
•   เงินฝากเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Deposit)


สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME กรุงศรีเน้นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME ตระหนักถึงความสำคัญและนำแนวคิด ESG ไปปรับใช้และต่อยอดความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมความยั่งยืน อาทิ สินเชื่อ Transition Loan สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อป และสินเชื่อเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่มีสตรีเป็นเจ้าของกิจการ เป็นต้น

กรุงศรีพร้อมยืนหนึ่งผู้นำธนาคารเพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค
กรุงศรีได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและมีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนมากมาย อาทิ การเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วมและผู้ประสานงานด้านดัชนีความยั่งยืนให้กับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป การให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อสีเขียวให้กับบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) และการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนให้กับหลายองค์กรสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น กรุงศรียังได้รับรางวัลต่างๆ มากมายซึ่งเป็นเครื่องยืนยันและพิสูจน์ว่า กรุงศรีเป็นสถาบันการเงินที่เชี่ยวชาญด้าน Sustainable Finance อย่างแท้จริง อาทิ "Best Bank for Sustainable Finance" จาก The Asset ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และรางวัล "Best Sustainable Bank" จาก FinanceAsia รวมทั้งรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจอีกมากมาย


คุณประกอบ เพียรเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรุงศรีสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนไปแล้วจำนวนกว่า 76,000 ล้านบาท (ตัวเลข ณ เดือนมิถุนายน 2024 เพิ่มขึ้นจากปีฐาน 2021) และยังเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่ออก Green Bond ควบคู่ Blue Bond ด้วยมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (*ประมาณ 14,236 ล้านบาท) นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ ESG (ESG Bond) ด้วยส่วนแบ่งตลาด สูงถึง 20% โดยเรามีเป้าหมายในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ล้านบาทภายในปี 2030 (จากปีฐาน 2021) ด้วยความสำเร็จและเป้าหมายที่ชัดเจนเหล่านี้ แสดงถึงศักยภาพที่โดดเด่นของกรุงศรีที่พร้อมเดินหน้าไปสู่ “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” อย่างเต็มภาคภูมิ

คลิก Krungsri Sustainable Finance เพื่อรับชม VDO

44
รวมพลซุปตาร์ตลก “แอนนา-ค่อม-แจ๊ส” ประชันมุขเด็ด “โหด จน เหี่ยว” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


               เปิดคลังความฮา ขำกันลั่นบ้าน วันศุกร์นี้ พบกับภาพยนตร์คอมเมดี้ “โหด จน เหี่ยว” ที่จะทำให้คุณผู้ชมหัวเราะจนท้องแข็ง ด้วยการแสดงของซุปตาร์ตลกชื่อดังอย่าง แอนนา ชวนชื่น ค่อม ชวนชื่น และ แจ๊ส ชวนชื่น ที่มาร่วมสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในครอบครัว






               เริ่มด้วยเรื่องของ เจ๊ก วัดแจ้ง (แอนนา ชวนชื่น) ได้เชื่อในคำพูดของลูกพี่สอง คลองเตย ที่บอกว่าให้ออกไป จากวงการนักเลง เจ๊ก วัดแจ้ง จึงได้หันมาค้าขายแบบสุจริตโดยการมาเข็นซาลาเปา ขนมจีบขาย จนวันหนึ่งได้พบกับลูกสาวเจ้าของอู่รถซึ่งเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามและมี พระคุณกับเจ๊กมาตลอด จากการถูกรังแกจากกลุ่มมาเฟียที่อยากได้อู่มาทำเป็นบ่อน จึงเป็นเหตุให้ เจ๊ก วัดแจ้ง ต้องกลับคืนสู่วงการนักเลงอีกครั้งหนึ่ง จนได้ฉายาว่าโหดจนเหี่ยว ชมมุขคลายเครียด เรียกเสียงฮาแบบจัดหนักได้ในภาพยนตร์ “โหด จน เหี่ยว” วันศุกร์ที่ 27 กันยายนนี้ เวลา 20.40 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live

45
ร่วมเชียร์บอลพรีเมียร์ลีก ระหว่างนิวคาสเซิล พบ แมนซิตี้ วันเสาร์ที่ 28 ก.ย. นี้ เวลา 18.30 น




               ผ่านไป 5 นัดแล้วในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ นิวคาสเซิล อยู่อันดับ 6 ในลีกด้วยผลงาน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 10 คะแนนเท่ากับ เชลซี โดยผลงานล่าสุด นิวคาสเซิล บุกไปแพ้ ฟูแล่ม 3-1 ในเกมลีก แต่ว่าฟอร์มในลีกของทีมสาลิกาดงก็ไม่แย่มากเพราะก่อนหน้าเพิ่งบุกไปชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 ถึงถิ่น

               มาสัปดาห์นี้ สาลิกาดงต้องเปิดสนามเซนต์เจมส์ พาร์ค รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงในตาราง ในวันที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 18.30 น. โดยทั้งสองทีมเคยพบกัน 35 ครั้ง นิวคาสเซิล ชนะ 3 นัด ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ 28. เสมอกัน 4 นัด มีผลงานการพบกัน 5 นัดหลังสุด คือ

•   16/03/24 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 นิวคาสเซิ่ล (เอฟเอ คัพ)
•   13/01/24 นิวคาสเซิ่ล 2-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
•   28/09/23 นิวคาสเซิ่ล 1-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ลีก คัพ)
•   20/08/23 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)
•   04/03/23 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)


                มาดูสาลิกาดง ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ต้องเจอมีทีมอะไรบ้าง เรียกว่าหนักทุกแมตช์ เพราะนอกเหนือจากเจอแมนซิตี้ในวันเสาร์นี้ คือต้องไปเยือนเอฟเวอร์ตัน วันที่ 5 ตุลาคมนี้ ต่อด้วยเปิดบ้านพบไบรท์ตัน วันที่ 19 ต.ค. และไปเยือนเชลซี ในวันที่ 27 ต.ค. และต่อด้วยเปิดบ้านเจออาร์เซนอล วันที่ 2 พ.ย. ถือว่าพวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองมาก ๆ เพื่อขับเคี่ยวแย่งชิงให้จบฤดูกาลในอันดับ 4 ให้ได้ หากพวกเขาหวังที่จะกลับไปเล่นในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ที่ถือว่าเป็นถ้วยใหญ่สุดของบอลยุโรป
 
               ส่วนในลีกคัพหรือคาราบาวคัพ 2024/25 รอบที่ 3 เกมนี้ที่ต้องบุกไปเยือน "จอมโหด" วิมเบิลดัน ทีมอันดับ 5 จากลีกทู ในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ (เลื่อนจาก 24 ก.ย. เพราะน้ำท่วม) โดยก่อนหน้าสาลิกาดง ผ่านทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันเองอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่บุกไปเสมอ 1 - 1 ต่อด้วยการชนะการดวลจุดโทษผ่านเข้ารอบมาได้

               ร่วมเชียร์ศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024–25 และคาราบาวคัพ ไปกับ FUNxNewcastle ที่จะอัพเดทข่าวสาร พร้อมกิจกรรมสนุกให้ได้ร่วมลุ้นของรางวัลมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/FUN88AsiaTH

#FUNxNewcastle #FUNxพรีเมียร์ลีก #PlayFUNwinBig #เกมสนุกชนะชัวร์ #FUNxEPL #FUN88 #FUN8Asia #LiveYourDream #ฝันของคุณเป็นจริงได้ที่นี่ #กล้าฝันกล้าสนุก #FUNกล้าเดินตามฝัน #EUROhaveFUN #DaretoDreamDaretoFun #Funangel #สเต็ปดีชีวิตดี


Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2447