Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - fh400

Pages: 1 [2] 3 4 ... 158
16
"สตาร์มาร์ค" ร่วมเปิดตัว "โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี" ความลงตัวระหว่างทำเลที่ดีที่สุดและความหรูหราระดับห้าดาว พร้อมร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 17 ปี ของกลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์


นางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ (ที่ 3 ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง เข้าร่วมแสดงความยินดีในงานเปิดตัวโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี (Grande Centre Point Lumphini BANGKOK) แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ความลงตัวระหว่างทำเลที่ดีที่สุดและ ความหรูหราระดับห้าดาว ดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกมิติ โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก สวนลุมพินี สวนสาธารณะแห่งแรกในกรุงเทพฯ พื้นที่เขียวชอุ่มที่ผู้คนในชุมชนได้เข้ามาใช้เวลาร่วมกันท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สู่การส่งต่อความประทับใจผ่านดีไซน์ของโรงแรมที่จะสร้างความทรงจำแสนล้ำค่าให้กับผู้เข้าพักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 17 ปี ของกลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจโรงแรมแบรนด์ไทย เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดย STARMARK ได้รับความไว้วางใจในการผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน ฝ้า ผนังตกแต่งหัวเตียง ผนังตกแต่งด้วยอินทีเรียฟิล์มพิมพ์ลายแบบพรีเมียม ชุดครัวแพนทรี ชุดตู้ห้องน้ำ ตกแต่งตามดีไซน์ทั้งภายในห้องพักทั้งหมดรวมกว่า 512 ห้อง รวมถึงไฮท์ไลท์ของโรงแรมอย่างห้องห้องเพนท์เฮาส์ ห้องพักหนึ่งเดียวที่สุดแห่งความหรูหราและความสะดวกสบาย แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 176 ตารางเมตร มาพร้อมกับโซนห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว ห้องครัวแพนทรีและห้องรับประทานอาหารที่กว้างขวาง รองรับการพักผ่อนอย่างเหนือระดับและดื่มด่ำไปกับวิวพาโนรามาแห่งมหานครที่ลุมพินี และสตาร์มาร์คยังตกแต่งผนังโถงทางเดินหน้าลิฟต์ด้วยอินทีเรียฟิล์มพิมพ์ลายอย่างประณีต เพื่อให้สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์โรงแรมระดับเวิลด์คลาสได้อย่างสง่างาม

ท่านสามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ของสตาร์มาร์ค อินทีเรีย ได้ที่ www.starmark.co.th / Facebook: StarmarkInterior / Instagram :Starmarkinterior หรือ Line@: @starmarkinterior









17
สคส. หารือ กระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนความร่วมมือระดับชาติ
ยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเป็นระบบและยั่งยืน


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นำโดย พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าพบ นายสันติธร ยิ้มละมัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุมดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม ทันสมัย และทัดเทียมมาตรฐานสากล

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เปิดเผยว่า การหารือกับกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดย สคส. ได้กำหนดแนวทางดำเนินงานที่ครอบคลุม 4 มิติหลัก ได้แก่

1. การเสริมสร้างความตระหนักรู้และมาตรฐาน
2. การกำกับดูแลและจัดการเหตุการละเมิด
3. การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี
4. การยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก



ในด้านการเสริมสร้างความตระหนักรู้ สคส. เตรียมได้พัฒนาหลักสูตรอบรมเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อขยายองค์ความรู้สู่ระดับจังหวัด รวมถึงยกระดับแนวปฏิบัติและมาตรฐานต่าง ๆ

ขณะที่ด้านการกำกับดูแลและจัดการเหตุการณ์ละเมิดข้อมูล สคส. ได้วางแนวทางการตรวจสอบที่ครอบคลุม 10 ด้าน ตามกฎหมาย PDPA พร้อมพัฒนาระบบเฝ้าระวังและการจัดการเหตุการณ์ละเมิดอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง (Eagle Eye) และการขยายเครือข่ายเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เชื่อมโยงกับระบบ GPPC เพื่อเตรียมความพร้อมขององค์กรอย่างรัดกุม นอกจากนี้ ยังพัฒนาแนวทางการทำ Data Marking เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน

ด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี สคส. มุ่งส่งเสริมระบบ Smart PDPA และการพัฒนาบัตรประชาชนรุ่นใหม่ที่ไม่แสดงเลขบัตร เพื่อลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และยังเน้นย้ำการยกระดับประเทศในเวทีโลก โดยเฉพาะด้านการจัดอันดับของ IMD (International Institute for Management Development) ซึ่ง สคส. ได้เสนอให้เพิ่มเกณฑ์ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการประเมิน เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นจากนานาชาติ



พ.ต.อ. สุรพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "การหารือร่วมกันในวันนี้คือก้าวแรกที่สำคัญของการทำงานแบบบูรณาการระหว่าง สคส. และกระทรวงมหาดไทย ที่จะช่วยให้ระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยมีความชัดเจน เข้มแข็ง และยั่งยืนในระยะยาว"

สำหรับประชาชนที่พบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)
โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

18
Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok Isan Roadshow จัดสัมมนากลยุทธ์ธุรกิจสุขภาพ และความงาม
เปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เสริมพลังอุตสาหกรรมความงามภาคอีสาน สู่เวทีระดับอาเซียน


สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเวทีสัมมนา "กลยุทธ์ธุรกิจสุขภาพและความงาม" ภายใต้โครงการ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok Isan Roadshow เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เตรียมความพร้อมสู่ตลาดความงามระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยได้รับเกียรติจาก นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวถึงความตั้งใจของการจัดกิจกรรม Roadshow ครั้งนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นศักยภาพผู้ประกอบการไทยในภูมิภาคให้สามารถแข่งขันในเวทีสากลได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร. ทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "โอกาสและการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพในภาคอีสาน"

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ "ความท้าทายของอุตสาหกรรมนวัตกรรมความงามและสุขภาพกับการปรับตัวของผู้ประกอบการในภาคอีสาน" โดยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่
- คุณภัทรเมธี พรหมพิทักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลาสคลินิก เวชกรรม คลินิก จำกัด
- ดร.วาสนา อินทะแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด
- คุณทิพวัลย์ เกตุบรรจง ประธานชมรมสปาและนวดเพื่อสุขภาพ จังหวัดขอนแก่น
ดำเนินรายการโดย ดร.จินณพัษ โดมินิค รองผู้อำนวยการ ศูนย์การท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น



ทั้งนี้ ดร.ทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวปาฐกถาพิเศษชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามในระดับประเทศ โดยข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มอาหารเสริม ยา สมุนไพร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของ GDP ประเทศไทย

ดร.ทวีสันต์ ยังเน้นถึง นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) ของภาคอุตสาหกรรมไทย ผ่านการยกระดับการผลิต การวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงการจัดตั้ง "คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม" เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ และส่งเสริมให้เกิด ระบบนิเวศธุรกิจสุขภาพที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับโลก



ภาคอีสาน: ตลาดใหม่แห่งโอกาสของอุตสาหกรรมความงามไทย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า เศรษฐกิจของภาคอีสานในปี 2566 เติบโต 3.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ โดยจังหวัดขอนแก่นมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการแพทย์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมแปรรูปสุขภาพ

ตลาดความงามในภาคอีสานเติบโตต่อเนื่อง สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความงาม และผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก โดยเฉพาะในกลุ่มคลินิกเวชกรรมความงาม สปา ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และเครื่องสำอาง Clean Beauty ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ข้าวหอมมะลิไทย มะขาม สารสกัดสมุนไพร ซึ่งตอบโจทย์ตลาดสุขภาพยุคใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม



นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า "Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 เป็นงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ของภูมิภาค เตรียมกลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 4 ด้วยพื้นที่จัดแสดงกว่า 25,000 ตารางเมตร และผู้แสดงสินค้ากว่า 2,000 แบรนด์ จากทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าแบรนด์สำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ อาหารเสริมความงาม ไปจนถึงโซลูชัน OEM/ODM บรรจุภัณฑ์ และเทคโนโลยีการผลิต ในปีนี้ เราเน้นการออกแบบประสบการณ์การเข้าชมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการจัดโซนแสดงสินค้าที่ครอบคลุมทุกมิติของอุตสาหกรรมความงาม พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการเจรจาธุรกิจ และการแบ่งปันองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดและการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน"

ไฮไลต์ของงานปี 2025 ได้แก่:
- Branded Finished Products Zone: รวมสุดยอดแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม สปา และอาหารเสริมจากทั้งไทยและต่างประเทศ
- Supply Chain Zone: ครอบคลุมผู้ผลิต OEM/ODM บรรจุภัณฑ์ ส่วนผสม และเครื่องจักรจากทั่วโลก โดยมีบูธเด่นจากจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน อิตาลี และไทย
- CosmoTalks: เวทีสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมความงามระดับโลก เจาะลึกเทรนด์ เทคโนโลยี และโอกาสทางการตลาด ตลอด 3 วันการจัดงาน
- Buyer Program: โปรแกรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อรายใหญ่จากอาเซียน ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก กับแบรนด์ความงามที่มีศักยภาพ
- การเติบโตต่อเนื่อง: งาน Cosmoprof CBE ASEAN มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 62% ต่อปี ทั้งในด้านพื้นที่จัดแสดง จำนวนผู้เข้าร่วมงาน และประเทศที่เข้าร่วม



อย่าพลาด! ร่วมค้นหาโอกาสครั้งใหม่ของธุรกิจคุณ และเตรียมพร้อมสู่การต่อยอดธุรกิจในเวทีระดับภูมิภาคที่ งาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร จุดนัดพบแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมความงามอาเซียน ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรีที่: www.cosmoprofcbeasean.com

19
"ไวไว" คว้ารางวัล WINNER จากเวที THAIFEX 2025
เปิดตัว "Rice Ramen Shoyu Som Jeed"
นวัตกรรมราเมนเส้นข้าว รสโชยุส้มจี๊ด ผสานเอกลักษณ์ไทย-ญี่ปุ่นอย่างลงตัว


บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวและเส้นหมี่อบแห้งไวไว ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร ด้วยการคว้ารางวัล WINNER จากเวที THAIFEX – ANUGA TASTE INNOVATION SHOW 2025 สำหรับผลิตภัณฑ์ "Rice Ramen Shoyu Som Jeed" หรือ "ราเมนโชยุส้มจี๊ด" ราเมนเส้นข้าว ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารยอดเยี่ยมจากกว่า 800 แบรนด์

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า "ราเมนโชยุส้มจี๊ด" เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความตั้งใจจริง เราอยากถ่ายทอดรสชาติของวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านมุมมองของคนไทย โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างส้มจี๊ดมาผสมผสานเข้ากับโชยุสูตรต้นตำรับ พร้อมด้วยเส้นข้าวที่เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพ"



การได้รับรางวัล WINNER จาก THAIFEX – ANUGA TASTE INNOVATION SHOW 2025 ในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จของผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของไวไวในการมุ่งมั่นพัฒนาอาหารไทยให้สามารถแข่งขันในระดับโลกได้อย่างภาคภูมิ ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบไทยคุณภาพ และการสร้างสรรค์รสชาติที่แปลกใหม่ พร้อมคำนึงถึงทั้งสุขภาพและความยั่งยืน

นายยศสรัล ให้ข้อมูลต่อว่า "Rice Ramen Shoyu Som Jeed" ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของไวไวในการพัฒนาอาหารแห่งอนาคต โดยมีความโดดเด่นทั้งในด้านวัตถุดิบ แนวคิด และรสชาติ ตัวผลิตภัณฑ์ผสมผสานความเข้มข้นลุ่มลึกของโชยุญี่ปุ่นกับความเปรี้ยวสดชื่นของ "ส้มจี๊ด" ผลไม้ท้องถิ่นหายากของไทย ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและรสชาติจัดจ้านอย่างเป็นธรรมชาติ ส้มจี๊ดไม่เพียงเพิ่มมิติให้กับน้ำซุปโชยุเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความสดใสและความกลมกล่อมในทุกคำที่ลิ้มลอง



นอกจากนี้ อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญของราเมนชามนี้ คือการใช้ "เส้นราเมนที่ทำจากข้าว ซึ่งแตกต่างจากเส้นราเมนทั่วไปที่ผลิตจากแป้งสาลี เส้นข้าวดังกล่าวให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม เด้ง และเคี้ยวเพลินไม่แพ้ราเมนแบบดั้งเดิม แต่มีความพิเศษตรงที่ปราศจากกลูเตน ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารแต่งสี หรือส่วนผสมสังเคราะห์ที่ไม่จำเป็น จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ รวมถึงผู้แพ้แป้งสาลี ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของไวไวในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน

"Rice Ramen Shoyu Som Jeed" จึงไม่ใช่เพียงแค่ราเมนหนึ่งชาม หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวข้ามขอบเขตวัฒนธรรม ผสานความเป็นไทยและญี่ปุ่นไว้ในรสชาติเดียวอย่างสง่างาม พร้อมนำเสนอสู่อาหารแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

20
"อสังหาฯ ไม่ติดมือ! LOAN DD โชว์ฟอร์มแรง ดึงนักลงทุน-เอเจนท์
สร้างเครือข่ายเงินทุน ปลอดภัย ได้ผลตอบแทนมั่นคง"


"โลนด์ ดีดี" (LOAN DD) ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจขายฝาก-จำนอง อสังหาฯ ปลื้ม ลูกค้าให้การตอบรับล้นหลาม ยอดติดต่อมากกว่า 200-300 รายต่อวัน เผยนักลงทุนพร้อมเติมเงินลงทุนไตรมาสแรกกว่า 300 ล้านบาท ชี้ ที่อยู่อาศัย ราคา 2-3 ล้านบาท ใช้บริการเยอะ ใช้เงินรันธุรกิจ เต็มวงเงินกับแบงก์ ลดหนี้นอกระบบ เดินหน้าสร้างเครือข่ายเอเจนท์ และ นักลงทุน ผ่านการจัดสัมมนา ตลอดทั้งปี ดึงทรัพย์เข้าสู่ธุรกิจ เพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ ปลอดภัย ได้ผลตอบแทนที่มั่นคง ทรัพย์ไม่ติดมือ

"อสังหาริมทรัพย์" หนึ่งในสี่ปัจจัยในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความมั่นคงทางจิตใจ การสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ รองรับการทำธุรกรรมจำเป็นในอนาคตได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน การนำอสังหาริมทรัพย์ และ ไม่ว่าจะเป็น โฉนดที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ อาคารพาณิชย์ โกดัง โรงแรม มาใช้บริการกับบริษัทที่ทำธุรกิจรับจำนองและขายฝากเพิ่มมากขึ้น ยิ่งในภาวะการขอสินเชื่อกับธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน ค่อนข้างจำกัดมากขึ้น



นางสาวฐิติยา อัศวจินดาวัฒน์ นักธุรกิจที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดมายาวนาน ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด (CMO) บริษัท โลนด์ ดีดี จำกัด (LOAN DD) ซึ่งดำเนินธุรกิจตัวกลางแบบครบวงจรสำหรับการ "ขายฝาก-จำนอง" อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เปิดเผยถึงแผนขยายการให้บริการของ LOAN DD ว่า ตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ลูกค้าให้การตอบรับ มีภาพจำและมีลูกหนี้หรือผู้ต้องการเงินกู้เข้าถึงบริการของ LOAN DD เพิ่มมากขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีเจ้าของทรัพย์ แสดงความสนใจติดต่อสอบถามเข้ามาต่อวันมากกว่า 200-300 ราย แต่เรามีการพิจารณาทรัพย์ที่ต้องเข้าหลักเกณฑ์ มีความเป็นไปได้ อย่างโปร่งใส ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง ไม่สูญเงินต้น มีความมั่นใจในการเสริมสภาพคล่องให้กับเจ้าของทรัพย์ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและการบริการที่กว้างมากขึ้น กลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องขับเคลื่อนต่อเนื่อง คือ 1.การเฟ้นหาพันธมิตรทางด้านไฟแนนซ์ มาร่วมลงทุน มีทุนในการรองรับปล่อยเงินกู้ได้โดยตรง 2.การสร้างเครือข่ายกับตัวแทนขาย (Agent) ให้มากขึ้น เพื่อหาทรัพย์นำส่งให้กับบริษัทฯ เป็นผลดีให้มีพอร์ตรายการทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น ขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินได้มากขึ้น และ 3.เมื่อมี 'ทรัพย์' แล้ว การสร้างเครือข่าย 'นักลงทุน' ซึ่งจะเป็นประตูที่สำคัญในการเชื่อมโยงให้กับเจ้าของทรัพย์ ปัจจุบัน เรามีเครือข่ายนักลงทุนในระบบประมาณ 100 ราย ที่ทำธุรกรรมสม่ำเสมอมีประมาณกว่า 40-50 ราย ส่วนใหญ่จะแสดงความสนใจทรัพย์ราคาไม่สูง เช่น 2-3 ล้านบาท บางรายทำธุรกรรมกับเราแล้วรวมสูงถึง 50 ล้านบาทก็มี



โดยตลอดทั้งปี ทาง LOAN DD จะมีการจัดสัมมนาทั้งในส่วนของ Agent และ นักลงทุน เพื่อให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินและการเพิ่มช่องทางลงทุนใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุน การปรับพอร์ตจากตลาดหุ้น มาสู่การลงทุนในด้านจำนองและขายฝาก ล่าสุด ได้มีการจัดสัมมนาสร้างความเข้าใจกับ Agent ในหัวข้อ "Smart Agent นายหน้ายุคใหม่ ติดใจ LOAN DD" เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีนายหน้าเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก และในเดือนถัดไป จะเป็นส่วนของ 'นักลงทุน'

จุดเด่นของ LOAN DD ในการเข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน ไม่มีการเช็กเครดิตบูโร ไม่เช็กประวัติการเดินบัญชี ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.75% ต่อเดือน หรือ 9% ต่อปีเท่านั้น ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ทำธุรกรรม ณ สำนักงานที่ดินเท่านั้น มั่นใจ ปลอดภัย 100% มีทีมงานมืออาชีพช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดอายุสัญญา สัญญาเบื้องต้น 1 ปี หากไถ่ถอนไม่ได้ ก็สามารถต่อสัญญาได้ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.75% ต่อเดือน หรือ 9% ต่อปีเท่านั้น สูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี ราคารับขายฝากจะอยู่ที่ 50% ของราคาประเมิน เป็นการลดความเสี่ยงเพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่คุ้มค่า และหากไม่มีการไถ่ถอนคืนก็ยังสามารถปล่อยทรัพย์ได้ในราคาที่สูงกว่าราคารับฝากขาย โดยการอนุมัติรวดเร็ว ได้รับเงินภายใน 2-3 วันเท่านั้น หากเอกสารพร้อมและทรัพย์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ สัญญาการขายฝาก



นางสาวฐิติยา กล่าวย้ำว่า เราซื่อตรงกับลูกค้าและนักลงทุน เรามีการจับมือกับ Advance Appraisal ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินทรัพย์สิน ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาประเมินราคาทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม เป็นการสร้างระบบที่ยังยืน มีการคัดทรัพย์เข้าสู่ระบบ เพื่อป้องกันนักลงทุนติดมือ และเราไม่ต้องการยึดทรัพย์ จะมีการติดตามเจ้าของทรัพย์เดิมก่อนครบกำหนดไถ่ถอน จะมีความสามารถในการชำระหรือจะมีการต่อสัญญาออกไป ซึ่งจะเป็นตรวจสภาพของลูกหนี้ เพื่อสื่อสารไปถึงนักลงทุน และแม้ในแวดวงธุรกิจจะมีคนทำเยอะ แต่ LOAN DD อยากพิสูจน์ เราจะเติบโตไปด้วยกัน

สำหรับแนวโน้มของทรัพย์ที่เข้ามา มีความหลากหลาย แต่ที่เห็นเด่นจะเป็นประเภทที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ที่ส่วนมากจะเป็นบ้านในโครงการบ้านจัดสรรของบริษัทมหาชน ประเภทนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะเป็นโครงการที่น่าเชื่อถือ ซึ่งผู้ที่มาใช้บริการมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน เช่น รายย่อยอาจทำธุรกิจ ต้องการเงินสภาพคล่อง หรือ วงเงินขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเต็มเพดาน บางรายไปติดหนี้นอกระบบ เป็นต้น

21
ซูเลียน อุบล เนตเวิร์ค (UBL) เปิดตัวยิ่งใหญ่ใจกลางอุบลฯ
ตอกย้ำความแข็งแกร่ง สู่ศูนย์กลางการเติบโตธุรกิจเครือข่ายในภาคอีสาน


เสียงปรบมือดังกึกก้อง เมื่อจังหวัดอุบลราชธานีได้กลายเป็นศูนย์รวมพลังของนักธุรกิจเครือข่ายทั่วภาคอีสาน กับพิธีเปิดตัว "ซูเลียน อุบล เนตเวิร์ค จำกัด (UBL)" อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคัก อบอวลไปด้วยความยินดีและแรงบันดาลใจครั้งใหญ่แห่งปี

งานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด มาเป็นประธานเปิดงาน พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง สมาชิก และแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีอย่างเนืองแน่น โดยมีผู้นำทีม UBL อย่าง RCD วีระศักดิ์ ราชเดิม และ DSM ประทุม ราชเดิม บริหารงานอย่างแข็งแกร่ง นำพาธุรกิจซูเลียนเดินหน้าสร้างโอกาสครั้งใหม่ให้ชาวอีสาน



ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ได้กล่าวแสดงความยินดีและแสดงวิสัยทัศน์ไว้ว่า "การเปิดตัว UBL ในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของซูเลียนที่มุ่งมั่นในการขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีโอกาสในการพัฒนาตนเองทั้งในด้านอาชีพและคุณภาพชีวิต เราเชื่อมั่นในศักยภาพของภาคอีสาน และซูเลียนพร้อมจะเป็นแรงสนับสนุนให้ทุกคนก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในแบบของตัวเอง"


นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์สุดพิเศษกับการรวมตัวของสุดยอดวิทยากรแนวหน้าจากซูเลียน ที่มามอบแนวคิด กลยุทธ์ และประสบการณ์อันล้ำค่าแก่ผู้ร่วมงาน ได้แก่
- RCD ประชุมพร ศรีสัจจัง
- RCD ดร.ชาญชัย เจ้ยชุม
- RCD วิมุกดา ภูทับทิม


ทุกท่านต่างเน้นย้ำถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยธุรกิจเครือข่าย และการเสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกให้พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน



ปิดท้ายงานอย่างประทับใจด้วยกิจกรรมจับแจกรางวัล "อั่งเปาเงินสด" สุดตื่นเต้น ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขให้แก่สมาชิกทุกคน ถือเป็นการส่งต่อพลังบวกและกำลังใจก่อนเดินทางกลับ ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ

การเปิดตัว "ซูเลียน อุบล เนตเวิร์ค" ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นอีกก้าวสำคัญของซูเลียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังเป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาในการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่จับต้องได้จริง พร้อมสร้างเครือข่ายแห่งความสำเร็จให้ขยายวงกว้างไปทั่วภูมิภาคอย่างมั่นคง







22
ไวไว ร่วมสืบสานพลังศรัทธาแห่งอีสาน
สนับสนุน "ประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้านกุดหว้า" จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2568


ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "ไวไว" ที่ปีนี้ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน ร่วมสนับสนุนงาน "ประเพณีวัฒนธรรมผู้ไทบุญบั้งไฟตะไลล้าน" ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–18 พฤษภาคม 2568 ณ เทศบาลตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ งานใหญ่แห่งปีที่ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างตั้งตารอคอย

งานนี้ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการของขบวนแห่วัฒนธรรมผู้ไทเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสีสันจากไฮไลต์สุดตื่นตาอย่าง "บั้งไฟตะไลล้าน" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของกุดหว้า บั้งไฟทรงกลมคล้ายล้อเกวียน อัดแน่นด้วยดินปืน ยิงพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างาม พร้อมเสียงระเบิดดังกึกก้องสะท้านเมือง จุดประกายศรัทธาและพลังแห่งภูมิปัญญาชาวบ้านที่หาชมไม่ได้จากที่ใดในโลก!



เบื้องหลังของบั้งไฟตะไลคือผลงานการคิดค้นของ นายพิศดา จำพล ปราชญ์ชาวบ้านผู้เปลี่ยน "บั้งไฟหาง" ที่มีความเสี่ยง เป็น "บั้งไฟตะไล" ที่สามารถควบคุมทิศทางการตกได้อย่างแม่นยำ โดยได้พัฒนาให้ติดร่มเพื่อลดอันตรายต่อผู้ชม ถือเป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยมของการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก

สำหรับบรรยากาศภายในงาน "ไวไว" ก็ไม่พลาดที่จะร่วมเติมเต็มความสนุกให้คึกคักยิ่งขึ้น ด้วยการ ยกทัพทีมไวไวสุดแซ่บมาออกบูธในงาน เสิร์ฟเมนูไวไวรสเป็ดพะโล้ร้อน ๆ หอมกรุ่นให้ชาวกุดหว้าและนักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองกันถึงที่! พร้อมกิจกรรมแจกของรางวัลแบบจัดเต็ม สร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมงานตลอดสองวันเต็ม



การมีส่วนร่วมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ "ไวไว" ที่มุ่งมั่นในการ สืบสาน สนับสนุน และส่งเสริมกิจกรรมอันดีงามของชุมชน อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในปีนี้ แต่ในทุกๆ ปี "ไวไว" ขอยืนยันบทบาทของแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทย พร้อมอนุรักษ์และส่งต่อคุณค่าของประเพณีไทยให้คงอยู่อย่างสง่างาม ไปพร้อมกับรสชาติที่คนไทยรักไม่เปลี่ยน






23
COOL LIFE ไปกับ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System)


ใช้ชีวิต COOL LIFE ไปกับ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) รถปลั๊กอินไฮบริดเอสยูวี อันทรงพลัง ที่พร้อมลุยได้ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะขับฝ่ารถติดจากกรุงเทพไปปล่อยใจชิล ๆ ที่เขาใหญ่ ไปกินอาหารทะเลต่อที่พัทยา จบทริปด้วยการไปน้ำตกเย็น ๆ ที่กาญจนบุรี ก็ไม่มีปัญหาเรื่องระยะทาง เพราะรถคันนี้วิ่งได้ไกลถึงกว่า 1,300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย Super Hybrid System (SHS) ที่มาพร้อมความแรงและความประหยัดขั้นสุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่แบบไร้กังวล

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ WWW.OMODAJAECOO.CO.TH และ Facebook :
https://www.facebook.com/OmodaandJaecooTH
หรือสอบถามรายละเอียดได้ โทร. 02-020-8888 หรือที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ






24
ไดกิ้นเดินหน้ายกระดับคุณภาพอากาศในสถานศึกษา ส่งมอบ "ห้องเรียนปลอดฝุ่น"
ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้คุณภาพอากาศภายในอาคารระดับภาคเหนือ


ไดกิ้น ผู้นำระดับโลกด้านระบบปรับอากาศ เดินหน้าผลักดันนวัตกรรมเพื่อคุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม เปิดตัว "ห้องเรียนปลอดฝุ่น" ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ยกระดับคุณภาพอากาศภายในอาคารระดับภาคเหนือ โดยมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมงานมอบใบประกาศเกียรติคุณและร่วมกิจกรรมอบรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กเล็กและบุคลากรในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง

โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ กรมอนามัย กรมการปกครอง สมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ภายใต้เป้าหมายในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมด้านคุณภาพอากาศให้มีความปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัยอย่างยั่งยืน



ในพิธีเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยในช่วงการอบรมได้มีการจัดบรรยายในหัวข้อ "ปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคารและการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารสาธารณะและอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก" เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นภายในอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดซึ่งมีเด็กปฐมวัยอยู่รวมกันเป็นเวลานาน ทั้งยังเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ และภาวะพัฒนาการถดถอย ตลอดจนแนวทางและมาตรการที่สามารถนำมาใช้ควบคุมคุณภาพอากาศ เช่น การออกแบบอาคารให้มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ปลอดสารระเหย และการติดตั้งเครื่องกรองอากาศหรือระบบปรับอากาศที่มีการควบคุมฝุ่นและเชื้อโรคในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในโอกาสเดียวกันนี้ กรมอนามัย ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยซ้อ รับรองให้เป็น "ห้องเรียนปลอดฝุ่น" ตามเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพอนามัย แห่งแรกในระดับภาคเหนือ พร้อมจัดอบรมให้แก่ครูและเจ้าหน้าที่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการบริหารจัดการระบบคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ



ด้าน นายคาสุฮิสะ ฮินาสึ กรรมการบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึง วิสัยทัศน์ขององค์กร ว่า ไดกิ้นมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่อง "คุณภาพอากาศที่ดีภายในอาคาร" ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญาของเด็กปฐมวัย พร้อมทั้งระบุว่า "เราเชื่อมั่นว่านวัตกรรมควบคุมอากาศของไดกิ้นจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่เสี่ยง และสามารถขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ"

สำหรับ "ห้องเรียนปลอดฝุ่น" ต้นแบบแห่งนี้ ได้ติดตั้ง ระบบระบายอากาศประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับ ระบบกรองอากาศ HRV (Heat Reclaim Ventilation) ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และมลพิษจากภายนอกอาคาร ก่อนจะนำอากาศเข้าสู่ภายในห้องเรียน พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถเฝ้าระวังและบริหารจัดการคุณภาพอากาศได้อย่างต่อเนื่องโครงการ "ห้องเรียนปลอดฝุ่น" ต้นแบบในครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการสร้าง โซลูชันต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับการนำไปปรับใช้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีมาตรฐานคุณภาพอากาศในอาคารที่ปลอดภัยและยั่งยืนในระยะยาว



ไดกิ้น ยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่า "สุขภาพที่ดีของเด็กวันนี้ คือรากฐานของสังคมในวันหน้า" การลงทุนในคุณภาพอากาศจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ

25
JGAB 2025 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่! ผู้ชมทะลุหมื่นจาก 84 ประเทศ ยกระดับเวทีอัญมณีอาเซียนสู่สายตาโลก


งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เพิ่งปิดฉากลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยในปีนี้สามารถดึงดูดผู้ร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 10,663 คน จาก 84 ประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการไทยถึง 52% พร้อมกับผู้จัดแสดงสินค้าชั้นนำกว่า 350 ราย จาก 15 ประเทศทั่วโลก นับเป็นความสำเร็จที่ต่อยอดจากปีก่อนหน้า ตอกย้ำบทบาทของงานในฐานะแพลตฟอร์มสำคัญระดับภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ JGAB ได้สร้างสีสันและความน่าสนใจให้กับวงการอัญมณีอาเซียน ด้วยกิจกรรมและโซนจัดแสดงสุดพิเศษ โดยหนึ่งในจุดเด่นของงานคือ "The ASEAN's Masterpieces Gallery" ที่รวบรวมผลงานเครื่องประดับอันทรงคุณค่าจากประเทศสมาชิกอาเซียน สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน "The Gallery of Thai Silver" ได้โชว์เทรนด์เครื่องประดับเงินไทยแห่งอนาคต ผ่าน 5 คอนเซ็ปต์เด่น ได้แก่ Futuristic, Preservation, Dystopian Beauty, Toys Story และ H-Generation ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก



อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือการประกวด "The Next Gem Contest 2025" ที่เปิดเวทีให้นักออกแบบรุ่นใหม่จากไทยได้โชว์ศักยภาพภายใต้ธีม "Boundless Creativity" โดยผลงานที่เข้าประกวดสะท้อนถึงจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด และการผสมผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

ด้านกิจกรรมสัมมนาและเวิร์กชอปภายในงานได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการประชุมระดับภูมิภาค "ASEAN Jewellery and Gem Summit 2025" ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายธุรกิจข้ามพรมแดน และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากหลากหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสริมองค์ความรู้ในหลากหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ตลาดโลก กลยุทธ์การขยายธุรกิจ และเทคนิคการตรวจสอบคุณภาพอัญมณี ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ



และงาน JGAB 2025 ปีนี้สามารถดึงดูดผู้ร่วมงานรวม 10,663 คน จาก 15 ประเทศทั่วโลก พร้อมผู้จัดแสดงสินค้าชั้นนำ 350 ราย จาก 15 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการไทยถึง 52% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องประดับอาเซียน และจากการวิเคราะห์ผู้เข้าร่วมงาน พบว่ากว่า 52% เป็นผู้บริหารระดับสูงและเจ้าของกิจการ ขณะที่อีก 35% เป็นผู้จัดจำหน่าย นักออกแบบเครื่องประดับและนักอัญมณี โดยผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมงานมากที่สุด ได้แก่ จีน อินเดีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้เล่นในอุตสาหกรรมจากทั่วโลกต่อศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน

นายสรรชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า "ความสำเร็จของ JGAB 2025 สะท้อนถึงบทบาทที่แข็งแกร่งของงานในฐานะแพลตฟอร์มการค้าและเครือข่ายระดับภูมิภาค ที่เชื่อมโยงผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ผลิตจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน ปีนี้ งานไม่ได้เป็นเพียงแค่งานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็น 'มหกรรมแห่งโอกาส' ที่เปิดเวทีให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การเจรจาธุรกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างคึกคัก"



"การตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคอาเซียนในฐานะศูนย์กลางตลาดเครื่องประดับระดับโลกที่น่าจับตามอง"

ความสำเร็จในปีนี้ยังเน้นย้ำถึง ศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางธุรกิจเครื่องประดับ ที่สามารถผสมผสานเอกลักษณ์ท้องถิ่นเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งผ่านผลงานใน The Gallery of Thai Silver และความสร้างสรรค์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ใน The Next Gem Contest 2025 ที่สำคัญ คลังความรู้จากเวิร์กชอปและสัมมนาต่างๆ ได้ปูทางให้ผู้ประกอบการเห็น เทรนด์อนาคตและช่องทางขยายธุรกิจ โดยเฉพาะโอกาสจากตลาดจีนและเมืองรอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในปีต่อๆ ไป



ด้วยความสำเร็จนี้ JGAB 2026 จึงน่าจับตามองยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงต่อยอดจากปีก่อน แต่ยังอาจเป็นเวทีที่เปิดศักราชใหม่ให้วงการอัญมณีอาเซียนก้าวขึ้นสู่การเป็น "ตลาดระดับท็อปของโลก" อย่างเต็มตัว

สำหรับผู้ที่พลาดงานปีนี้ สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้เลย เพราะ Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2026 จะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 22-25 เมษายน 2569 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพฯ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jewellerygemaseanbkk.com

26
"เส้นหมี่ไวไว" ร่วมบ่มเพาะต้นกล้าธรรมะ สนับสนุนโครงการ
"สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปีที่ 11" ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี"


บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย "เส้นหมี่อบแห้งไวไว" เหนียวนุ่มไม่ขาดตอน นำโดย คุณณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด พร้อมคณะผู้บริหารและทีมงาน ร่วมสนับสนุน "โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปีที่ 11" อย่างต่อเนื่อง ด้วยความศรัทธาในพลังของธรรมะที่สามารถหล่อหลอมจิตใจเยาวชนไทยให้เติบโตอย่างงดงามจากภายใน

คุณณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด เผยว่า เส้นหมี่ไวไวรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมกับโครงการแห่งคุณค่านี้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" ซึ่งมุ่งเน้นปลูกฝังความสำนึกในพระคุณ และการดำรงตนอยู่บนเส้นทางแห่งความดีงาม เป็นการปูพื้นฐานที่มั่นคงให้กับเยาวชนทั้ง 12 รูป ที่เข้าร่วมพิธีบรรพชาเมื่อวันที่ 20 เมษายน ณ สถานปฏิบัติธรรมธวีธรรม ไร่แสงงาม จ.นครราชสีมา โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. พระพรหมบัณฑิต เมตตาเป็นพระอุปัชฌาย์



โดย "เส้นหมี่ไวไว" ร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่นตลอดช่วงเวลา 4 สัปดาห์ของโครงการ ด้วยการตั้งบูธกิจกรรมและจัดเมนู "เส้นหมี่อบแห้งไฟเบอร์คลุกไก่ฉีก" พร้อมแจกกิ๊ฟเซ็ตเส้นหมี่ไฟเบอร์สูงในงานแถลงข่าวเปิดตัวสามเณรทั้ง 12 รูป รวมถึงร่วมกิจกรรมตักบาตรด้วยการมอบชุดใส่บาตร และในวันลาสิกขา 18 พฤษภาคม ณ ศาลาธรรม จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้เส้นหมี่ไวไวยังคงเคียงข้างโครงการด้วยการตั้งบูธแจกเส้นหมี่ไวไวคัพรสปรุงสำเร็จ ให้กับผู้ร่วมงานเป็นของที่ระลึกส่งท้าย

สำหรับในพิธีลาสิกขาได้รับเกียรติจากพระอาจารย์ใหญ่ พระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. พร้อมแขกผู้มีเกียรติระดับประเทศ อาทิ คุณธนินท์ เจียรวนนท์, คุณศุภชัย เจียรวนนท์ และ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ร่วมแสดงความชื่นชมเยาวชนผู้ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนธรรมะตลอดหนึ่งเดือนอย่างเต็มภาคภูมิ



คุณณิชรัตน์ กล่าวปิดท้ายว่า เส้นหมี่ไวไวเชื่อว่า ธรรมะไม่เพียงเป็นที่พึ่งทางใจ หากยังเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนา "คน" ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีเมตตา มีสติ และมีจิตสาธารณะ พร้อมขับเคลื่อนสังคมไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน "เราเชื่อในพลังของการให้…และศรัทธาในคุณค่าของธรรมะ เส้นหมี่ไวไวขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเคียงข้างกิจกรรมดีๆ เพื่อจุดประกายแสงแห่งปัญญาให้สังคมไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง"

โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรมถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อเยาวชนและพุทธศาสนิกชนไทย เส้นหมี่ไวไวในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมะผ่านกิจกรรมดี ๆ เพื่อสร้างรากฐานจิตใจที่มั่นคงให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเดินหน้าเคียงข้างโครงการดี ๆ ของสังคมไทย อย่างต่อเนื่อง เพื่อจุดประกายแสงแห่งปัญญาและคุณค่าทางใจให้คงอยู่ต่อไป







27
โฮมโปร จับมือ "โตชิบา" เปิดตัวเครื่องซักผ้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน


นางสาวสมใจ มธุรพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดซื้อสินค้า Home Electric บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร พร้อมด้วย มร.อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดตัว "เครื่องซักผ้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน" ด้วยเครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น "AW-DUM1600LT(SG) PCR" ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมการผสานวัสดุรีไซเคิลรักษ์โลกและเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นไว้ในหนึ่งเดียว มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สะดวกสบาย ทนทานตามเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น ประหยัดน้ำและพลังงาน สู่มิติใหม่ "เปลี่ยนทุกการซัก ให้รักษ์โลก" ตอบโจทย์ผู้บริโภค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดการเกิดขยะอย่างยั่งยืน

28
REMY เปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่! พร้อมดึง "ณฐ ณฐสิชณ์" นั่งแท่นแอมบาสเดอร์คนแรก
เอาใจสายรักสัตว์รุ่นใหม่


นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด เปิดตัว REMY (เรมี่) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากความร่วมมือระหว่าง กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG - Pataya Food Group) และโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ พร้อมเปิดตัวแอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์ "ณฐ ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์" นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ ขวัญใจคนรักสัตว์ และเปิดตัว 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์ผู้เลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเพื่อนรักสี่ขา โดยมี น.สพ.กรธัช สมบุญธรรม, เจนนี่ ปาหนัน ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันก่อน

29
พลังแห่งความมุ่งมั่น Zhulian Day of Honour 2025 ปรากฏการณ์เฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่


ปังไม่ไหวแล้วแม่!! บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการผู้ทรงพลังแห่งบริษัท พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับแถวหน้า จัดงานเฉลิมฉลองแห่งปี "Zhulian Day of Honour 2025" อย่างยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้าง แบบที่ใครพลาดต้องเสียดายหนักมาก งานนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับเหล่าผู้พิชิตตำแหน่งแห่งเกียรติยศ ผู้ที่เดินบนเส้นทางแห่งความตั้งใจ ความพยายาม และความมุ่งมั่นสุดหัวใจ จนก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นขององค์กร

สำหรับบรรยากาศภายในงานก็ร้อนแรงทะลุปรอท! เต็มไปด้วยพลังแห่งความสุขและความภาคภูมิใจที่เปล่งประกายไปทั่วฮอลล์ และช่วงที่เรียกเสียงฮือฮาดังกระหึ่มที่สุด ต้องยกให้กับการประกาศรางวัล "ผู้จัดจำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024" ที่ทุกคนตั้งตารอ ได้แก่



- RCM San Naing
- CDM Yong Sophon
- RCM ธนกร แสงฟ้า
- RCM ศลินดา หนูคาบแก้ว
- RCM Naly Phongsavath


ทั้งห้าท่านขึ้นรับรางวัลอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาชื่นชมและปรบมือดังกึกก้องและช่วงที่ทำเอาหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ คือการกล่าวย้ำถึงหัวใจของความสำเร็จ ที่ทุกถ้อยคำสะท้อนพลังใจของผู้ร่วมงานทุกคนว่า "รางวัลแห่งความสำเร็จ รางวัลแห่งความเพียรพยายาม วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร เพียงแค่เราตั้งใจให้มากพอ มุ่งมั่น และลงมือทำอย่างเต็มที่"



แน่นอนว่างานของซูเลียน ไม่มีคำว่าเงียบเหงา! ปิดท้ายงานแบบสุดเหวี่ยงด้วยคอนเสิร์ตจาก ราชินีเพลงแดนซ์ตลอดกาล คริสติน่า อากีล่าร์ ที่ขนเพลงฮิตติดลมบนระดับตำนานมาระเบิดความมันส์แบบจัดเต็ม! เรียกเสียงกรี๊ดจากทุกทิศ ลุกขึ้นเต้นกันยับแบบไม่กลัวรองเท้าพัง บอกเลยว่า... สนุก มันส์ ซาบซึ้ง และทรงพลัง ครบรสในงานเดียว

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวปิดท้ายอย่างภาคภูมิใจว่า "ซูเลียนขอแสดงความยินดีอย่างที่สุดกับผู้พิชิตตำแหน่งอันทรงคุณค่าทุกท่าน โดยเฉพาะกับผู้ที่คว้ารางวัลผู้จัดจำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024 ทุกความพยายามของคุณคือแสงสว่างของทีมงานซูเลียนทุกคน บริษัทฯ ภูมิใจในทุกก้าวของคุณ และเชื่อมั่นว่าพวกคุณจะยังคงเป็นพลังสำคัญที่นำพาซูเลียนก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว"







30
Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok จัดเวทีสัมมนาเจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต
กับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ​พร้อมเคล็ดลับสร้างแบรนด์สู่สากล


นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเวทีสัมมนา COSMOPROF CBE ASEAN "Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success" ดึงกูรูนักการตลาด ผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์ เผยเคล็ดลับนำแบรนด์ไทยสู่ระดับสากล เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต กับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กับ 6 เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรง นำโดย นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด, นายณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด, นางสาวขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการ รมย์รวินท์ คลินิก, นายเอกลักญ กรรณศรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ BrandThink ร่วมงานด้วย ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ เมื่อวันก่อน

Pages: 1 [2] 3 4 ... 158