Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - fh400

Pages: [1] 2 3 ... 135
1
ตลาดความงามอาเซียนสุดคึก คนแห่เข้าชมงาน COSMOPROF CBE ASEAN เกินคาด 13,255 คน
พร้อมต่อยอดความยิ่งใหญ่ต่อเนื่องปีหน้า 13-15 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


ตลาดความงามไทยโตไม่หยุด หลังการจัดงาน COSMOPROF CBE ASEAN 2023 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 2 ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีผู้ร่วมชมงานถึง 13,255 คนตลอด 3 วัน นับสัดส่วนโตเพิ่มขึ้น 78% และมีผู้เยี่ยมชมงานมาจาก 69 ประเทศทั่วโลก มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นแนวโน้มของตลาดความงามของไทย และอาเซียนที่เติบโตไม่หยุด พร้อมเตรียมเดินหน้าจัด COSMOPROF CBE ASEAN 2024 ครั้งต่อไปในวันที่ 13 ถึง 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ปีหน้า

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ต ประเทศไทย เปิดเผยว่า งาน Cosmoprof CBE ASEAN 2023 ที่เพิ่งจบไปยืนยันได้ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเป็นฮับด้านสุขภาพ-ความงามของอาเซียน อย่างแท้จริง แบบ B2B ทั้งยังเสริมสร้างฐานธุรกิจของตนในตลาด และได้รับการยอมรับจากผู้เล่นรุ่นใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้เข้าร่วมระดับนานาชาติ ซึ่งงานนี้ถูกจัดขึ้นโดย BolognaFiere, Informa Markets และ China Beauty Expo (CBE) ในระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 กันยายน 2556 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ผ่านมา



ซึ่งงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2023 มีผู้จัดแสดงสินค้า และแบรนด์เข้าร่วมแสดงสินค้าภายในงานมากกว่า 1,000 ราย โดยผู้ร่วมแสดงสินค้ากว่า 50% มาจากต่างประเทศ โดยได้รับความสนับสนุน และส่งเสริมจากหน่วยงานรัฐบาลในต่างประเทศ เพื่อมานำเสนอสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ แก่ตลาดความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่การโซลูชันในสายการผลิต จนถึงแบรนด์สินค้าสำเร็จรูป

โดยงานครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมชมงานรวมกันทั้งหมดกว่า 13,255 คน จาก 69 ประเทศ รวมถึงผู้ซื้อสินค้าคุณภาพสูงกว่า 250 รายจากทั้งไทย, ในอาเซียน และยุโรป นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพาวิลเลี่ยนนานาชาติจาก 5 ประเทศซึ่งเป็นตลาดสำคัญของธุรกิจความงามอีกด้วย อาทิ ไทย, จีน, อิตาลี, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้



นายจีอันปีร์โลร์ คาลโซลารี ประธานกลุ่ม BolognaFiere กล่าวว่า งาน Cosmoprof CBE ASEAN ในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งสามารถดึงคนเข้าชมงานได้เพิ่มขึ้นถึง 78% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือกับ Informa Markets และ Baiwen Shanghai เป็นการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเพียงแค่ภายในระยะเวลาสองปี Cosmoprof CBE ASEAN กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญ หรือศูนย์กลางตลาดความงามแห่งใหม่ของโลกอีกด้วย

ด้าน นายเดวิด บอนดี รองประธานอาวุโส Informa Markets เอเชีย กล่าวว่า ถ้าดูจากจำนวนผู้เข้าชมในปีนี้ รวมถึงผู้จัดแสดงสินค้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความงาม ก็สามารถยืนยันได้ว่า ตลาดความงามอาเชียนเป็นฐานอุตสาหกรรมความงาม และเครื่องสำอางที่สำคัญของโลก ไม่เพียงนับเฉพาะอัตราการขยายตัวของตลาดที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ยังมีนวัตกรรมด้านความงามใหม่ๆ ที่น่าสนใจและเป็นเอกลัษณ์ในภูมิภาค รวมถึงการหลั่งไหลของเงินลงทุนในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย



นอกจากนี้ในงานยังมีเวที Cosmo Onstage เพื่อการสาธิตแสดงสินค้าและการนำเสนอแบรนด์ความงามใหม่ๆที่น่าจับตามอง รวมถึงการแข่งขันที่จัดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และสปาที่มีชื่อเสียง เช่น การสาธิตการทำขนตา: Fantasty for Beauty ที่ร่วมกับ INCA และ Bangkok Beauty Academy และนำโดยคุณจิงโจ้ รวมถึงการแข่งขัน NAILPRO® ASIA-THAILAND 2023-2024 ที่จัดโดยนิตยสาร NAILHOLIC จากประเทศเกาหลี.

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดงาน World Massage Meeting ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยความร่วมมือกับ EMA - European Massage Association ซึ่งนำเสนอการฝึกอบรมให้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง โดยมีการให้ความสำคัญกับเทคนิคการนวดสมัยใหม่ นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงการค้นหาความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมการนวดอีกด้วย



ด้านผู้ออกแสดงสินค้า ได้กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่องาน Cosmoprof CBE ASEAN 2023 นำโดย Mr. Marianella, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kléral System. กล่าวว่า การเข้าร่วม Cosmoprof CBE ASEAN ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม บริษัท Kléral System ได้นำแฟชั่นทรงผม กับนวัตกรรมมาร่วมจัดแสดงภายในงาน ซึ่งเราได้นำเสนอความสวยงาม และสไตล์ผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเรา พร้อมนวัตกรรมล่าสุดของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ นางสาววาสนา อินทะแสง ประธานบริหารคณะกรรมการผู้บริหารบริษัท รีโว่เมด (ประเทศไทย) จำกัด หรือ REVOMED กล่าวว่า เราเข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN (CCA) ตั้งแต่งานครั้งแรก โดยเราประทับใจกับคุณภาพของผู้ซื้อ และผู้เข้าชมงานทั้งสองครั้ง เราเชื่อว่างานนี้เป็นแพลตฟอร์มที่ดีสำหรับผู้ผลิตไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการขยายพื้นที่เครือข่ายไปสู่ระดับนานาชาติ



ด้าน Mr. Joo Won Jeong, ผู้จัดการฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท Zero to Seven Inc., กล่าวว่า เราได้รับการเยี่ยมชมจากผู้เข้าร่วมงานที่มีคุณภาพจากประเทศไทย และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รายใหญ่ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดของสินค้าบริษัทในฐานะแบรนด์ดูแลผิวเด็กในระดับโลก และตลาดใหม่ ๆ ได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ด้านตัวแทนของผู้ซื้อที่ได้เข้าร่วมงาน โดยคุณซีลีน ทรูง, หัวหน้า Guardian Cambodia, Health & Beauty DFI Lucky, กล่าวว่า เราคิดว่า Cosmoprof CBE ASEAN เป็นงานแสดงสินค้าของอุตสาหกรรมความงามที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะหากคุณกำลังมองหาแบรนด์ใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงามของคุณเอง



นายสรรชาย นุ่มบุญนำ กล่าวปิดท้ายว่า เป็นข่าวที่ดีอย่างเป็นทางการแล้วว่า ในปีหน้าเราจะจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2024 ขึ้นระหว่าง 13 ถึง 15 มิถุนายน 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มของตลาดความงามของไทย และอาเซียน รวมถึงตลาดโลกที่เติบโตอย่างไม่หยุดอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม :  www.cosmoprofcbeasean.com

2
คิงสเตลล่า กรุ๊ป (KSG) คว้ารองชนะเลิศ Best Home & Living Influencer Campaign
ในงาน "Thailand Influencer Awards 2023"


นางสาวธนพรพันธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสร้างแบรนด์ บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd.หรือ KSG) ขึ้นรับรางวัล รองชนะเลิศอันดับหนึ่งสาขา Best Home & Living Influencer Campaign ด้วยผลงานจากแคมเปญ "Fast Fun Fin" จากผลิตภัณฑ์ King's Stella Fresh Bear Gel เจลหมีคิงส์ ที่สร้างการรับรู้ให้ของผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Gen Y ผ่านเหล่า Influencer ที่ใช่มากกกว่า 25 ท่าน ประสบความสำเร็จด้วยการรับรู้มากกว่า 1,800,000 ครั้ง ยอดชมวีดีโอมากกว่า 2,000,000 ครั้ง จาก "Thailand Influencer Awards 2023 หรือ TIA 2023" งานประกาศรางวัลอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ที่ทำผลงานแคมเปญร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 จัดโดยบริษัท เทลสกอร์ จำกัด (Tellscore) ภายในงานยังได้ออกบูธ ยังนำความหอม จิ๊ดจ๊าด สดใส สดชื่น ด้วย King's Stella Stay Fresh เจลน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นหอมต่างๆ ทั้งกลิ่นผลไม้สดชื่นแบบยกสวน และกลิ่นหอมสไตล์ขนมแสนหวานต่าง ๆ ให้กับเหล่า Influencer และผู้ร่วมงานอีกด้วย ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้

3
โรงพยาบาลพระรามเก้า ชวนตรวจสุขภาพหัวใจ
ฉลองวันหัวใจโลก


เพราะเรื่องของหัวใจ ใครคิดว่าไม่สำคัญ .....โรงพยาบาลพระรามเก้า ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากซับซ้อนและการดูแลสุขภาพก่อนป่วยมากว่า 31 ปี ร่วมต้อนรับสัปดาห์ 'วันหัวใจโลก (WORLD HEART DAY)' ด้วยของขวัญพิเศษ "แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ" มาพร้อมกับระบบการจองง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน เพียงซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ ก็รับ E-coupon ได้ทันทีทาง SMS พร้อมเปิดประวัติและทำนัดหมายด้วยตนเองได้ตั้งแต่ที่บ้าน ไม่ต้องรอคิวนาน ลดระยะเวลาในการอยู่ที่โรงพยาบาล หรือจะส่งต่อแพ็กเกจตรวจสุขภาพเป็นของขวัญแก่คนที่คุณรัก ก็สามารถทำได้ทันที กับ 4 แพ็กเกจหลัก ราคาดีที่สุด คุ้มที่สุด ได้แก่


- แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจและทดสอบสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ โดยการวิ่งสายพาน Exercise Stress Test (EST) ราคา 5,900 บาท
- แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ พร้อมตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (ECHO) ราคา 6,900 บาท
- แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ พร้อมตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงของหัวใจ (CAC) ราคา 7,900 บาท
- แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ พร้อมตรวจสมรรถภาพร่างกายและปอด (V02 MAX) ราคา 8,900 บาท


พิเศษ!! แพ็กเกจทดสอบสมรรถภาพ
ระบบหัวใจ ปอดและความฟิต (CPET / VO2 MAX) เพียง 3,500 บาท


สนใจคลิกด่วนที่ https://pr9shop.praram9.com/ (ราคาดังกล่าว รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว) วันนี้ – 31 ตุลาคม 2566 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ@praram9hospital และทาง Facebook: Praram9Hospital หรือ โทร. 1270

**กรณีซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ ผ่านช่องทางออนไลน์
เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการของท่าน โปรดปฏิบัติตามเงื่อนไข และข้อกำหนดการเข้ารับบริการ**

4
PDPC ขานรับนโยบายเจ้ากระทรวง DE
สนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC ขานรับนโยบาย จากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมประชุมหารือแนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ พร้อมทั้งรับทราบมาตรการและผลการดำเนินงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงฯ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี


โดยในที่ประชุมมีการพิจารณา การจัดตั้ง Command Center, พัฒนาหรือแก้กฎหมาย และปรับปรุงโครงสร้างการแต่งตั้งคณะกรรมการ,อนุกรรมการ,คณะทำงาน หวังสร้างความตระหนักในการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการป้องกันการละเมิดกฎหมายนี้เสียเองของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และศรัทธาแก่ประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมที่อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการกระทำผิดในหลากหลายรูปแบบ


ทั้งนี้ PDPC โดย ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความสำคัญในการเดินหน้าตามแนวนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งพิทักษ์สิทธิของประชาชน สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA ในทุกภาคส่วน และเน้นย้ำเรื่องความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในครอบครองของหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีการตรวจสอบและป้องกันผู้ที่เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ชอบหรือเกินอำนาจหน้าที่ หากผู้ใดนำข้อมูลไปใช้หรือเปิดเผยเกินอำนาจหน้าที่ต้องรับผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ PDPC ยังร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสืบหาและดำเนินการกับต้นตอการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องปรามการนำข้อมูลของประชาชนไปใช้หลอกลวง ป้องกันความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในการใช้งานบริการของภาครัฐ


สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการคุ้มครองและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลได้ทาง Facebook : PDPC Thailand

5
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( สคส.) เร่งเครื่องเดินหน้าให้ความรู้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA กับจังหวัดกาญจนบุรี แก่พ่อเมือง และ หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นำโดย ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคณะ เข้าพบ ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี และ นายสหพันธ์ รุ่งโรจนพณิชย์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดฯ ร่วมพูดคุยให้คำแนะนำถึงความสำคัญของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ต่อการสร้างความเชื่อมั่นในการค้าระหว่างประเทศ และการคุ้มครองสิทธิของประชาชน และทำความเข้าใจถึงแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยมี ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิ, พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผอ.สำนักตรวจสอบและกำกับดูแล และนายนิเวช มิ่งมิตรโอฬาร ผอ.สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้าร่วมด้วย

6
PDPC ร่วมกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) จัดบรรยายพิเศษ ส่งเสริมความรู้ PDPA สร้างความเข้าใจเจ้าหน้าที่ เพิ่มแรงขับเคลื่อนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPC ร่วมบรรยายพิเศษ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA เพื่อสร้างเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการใช้ดิจิทัลอย่างชาญฉลาด โดย พลตำรวจตรีกฤษศักดิ์ สงมูลนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พลเอกวิสันติ สระศรีดา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมบรรยายพิเศษ ส่งเสริมความรู้ PDPA ทั้งนี้มีคณะวิทยากรจาก สคส. ประกอบด้วย ผศ.ศุภวัชร์ มาลานนท์ คณะกรรมการเชี่ยวชาญ 1 และนายนิเวช มิ่งมิตรโอฬาร ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กิจกรรมดังกล่าวมีบุคลากรและเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) เข้าร่วมรับฟังการบรรยายกว่า 100 ท่าน ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องเบญจพัชร ชั้น 2 บค.ททบ. อาคารเบญจรังสฤษฏ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5)

7
โรงพยาบาลยันฮี ตอกย้ำการเป็นหน่วยงานมาตรฐานระดับสากล
เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์ แก่องค์กรพันธมิตร
ปูพื้นฐานสร้างบุคลากรคุณภาพ เพื่อประโยชน์แก่สังคม


โรงพยาบาลยันฮี ตอกย้ำการเป็นหน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานในระดับสากล เปิดบ้านต้อนรับ 2 หน่วยงานและองค์กรพันธมิตร ได้แก่ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตและสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ วิทยาเขต EEC อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์และด้านวิชาการ การดูแลบริการสุขภาพและการบริบาลขั้นสูง โดยได้รับเกียรติจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมทีมสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง จากโรงพยาบาลยันฮี ร่วมถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้อันเป็นประโยชน์ ตอกย้ำการเป็นหน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานระดับสากล ทั้งยังเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และบริการทางวิชาการแก่องค์กรและหน่วยงานที่มีความสนใจเพื่อก่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม


ศูนย์ทันตกรรมแบบครบวงจร โรงพยาบาลยันฮี นำโดย ทันตแพทย์อำนวย สันติวิภานนท์ หัวหน้าทันตแพทย์ ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์ศัลยกรรมขากรรไกร พร้อมด้วย นางสาวบุญศรี พรหมดวง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และ นางสาวพรปวีณ์ เรืองอัศวไชย ผู้อำนวยการศูนย์ทันตกรรม ให้การต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษาชั้นปีที่ 5 จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เข้าศึกษาดูงานในคลินิกทันตกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในรายวิชา "การบริหารจัดการคลินิกทันตกรรม" โดยเบื้องต้นผู้บริหารของโรงพยาบาลได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาและนำเสนอระบบบริหารจัดการศูนย์ทันตกรรม ก่อนจะนำคณะนักศึกษาและอาจารย์ไปเยี่ยมชมศูนย์ทันตกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับหัตถการทุกประเภทที่โรงพยาบาลเปิดให้บริการดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากแก่ประชาชนแบบครบวงจร ภายใต้การดูแลโดยทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางจากหลากหลายสาขา


สำหรับในการเปิดบ้านเพื่อต้อนรับว่าที่หมอฟันจากรั้วแม่โดมเข้าศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทุกท่านยังได้เข้าเยี่ยมชมห้องตรวจ ที่สามารถรองรับผู้เข้ารับบริการได้มากถึง 83 ห้อง ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน เช่น 3D CT X-RAY, Digital Dentistry Technology (ระบบดิจิทัลทางทันตกรรม), CAD/CAM Dental Lab (แลบปฏิบัติการเซรามิคทันตกรรม), Endodontic Microscope(การรักษารากฟันโดยใช้กล้องไมโครสโคป) เป็นต้น

ในขณะที่ ศูนย์ผู้สูงอายุแบบครบวงจร โรงพยาบาลยันฮี นำโดย นางสาวจีราภรณ์ โพธิ์กระจ่าง ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาลศูนย์ผู้สูงอายุฯ ให้การต้อนรับคณะผู้เข้าอบรม หลักสูตรพนักงานบริการสุขภาพและการบริบาลขั้นสูง (Care Angel Program) จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ วิทยาเขต EEC อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สถาบันอุดมศึกษาเอกชนภายใต้การสนับสนุนจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 40 ท่าน



พร้อมเปิดพื้นที่เพื่อจัด "ฝึกอบรมภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงวัยขั้นพื้นฐาน ในระหว่างวันที่ 11 กันยายน - 30 ตุลาคม 2566" ทั้งนี้เพื่อร่วมปูพื้นฐานในการสร้างมาตรฐานด้านการบริบาลขั้นสูงให้แก่บุคลากรรุ่นใหม่ที่เปี่ยมคุณภาพในอนาคต ภายใต้การให้คำแนะนำและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับทีมงานสหวิชาชีพของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ อันเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพและบำบัดรักษาโรคในผู้สูงอายุแบบครบวงจร

สำหรับโครงการการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์และด้านวิชาการในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมืออีกมิติหนึ่ง เพื่อผลิตบุคลากรการแพทย์ที่มีคุณภาพสู่ระบบสาธารณสุขไทย ทั้งยังถือเป็นการตอกย้ำว่า นอกจากโรงพยาบาลยันฮี จะเป็นหน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานระดับสากลแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และบริการทางวิชาการแก่องค์กรและหน่วยงานที่มีความสนใจเพื่อก่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมอีกด้วย

8
TRT โชว์ทำกำไรขั้นต้นครึ่งปีแรก 105.98 ล้าน ส่งสัญญาณรายได้ปี 66 ทะลุเป้า 2,314 ล้าน
พร้อมพลิกธุรกิจเป็นบวก คว้ากำไรขั้นต้น 18-20%


ถิรไทย ประกาศผลงานช่วง 6 เดือนแรก ทำรายได้รวม 804.6 ล้าน​ และกำไรขั้นต้น 105.98 ล้าน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทำได้ 69.12 ล้าน พร้อมส่งสัญญาณธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางเป็นบวก หลังตุน Backlog ในมือแล้ว 2,703 ล้าน แถมลุ้นประมูลงานอีกกว่า 11,748 ล้าน ช่วยดันรายได้ทั้งปีตามเป้าหมาย 2,314 ล้าน มั่นใจเริ่มพลิกฟื้นธุรกิจจากปีที่ผ่านมาขาดทุนเป็นบวกได้ในปีนี้ และทำกำไรขั้นต้น 18-20%

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 804.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 40 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 765.14 ล้านบาท แบ่ง เป็นรายได้จากการขายและบริการ 791.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 35 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 756.89 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) 105.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 54 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 69.12 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ร้อยละ13.38 เพิ่มขึ้นจากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 9.13%

สำหรับโครงสร้างรายได้หลักของบริษัท และบริษัทย่อย มาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) มีลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) บริษัทเอกชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัททั่วไป รวมถึงตลาดต่างประเทศทั่วโลก แต่บริษัทฯ​ เน้นประเทศหลักในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ยังมีธุรกิจการให้บริการ ​รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ด้วย และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง (Non-Transformer) อาทิ รถกระเช้า, รถเครน, ถังหม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรีลิเธียม

"โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 รายได้จากการขายกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า มีอัตรากำไรขั้นต้น ร้อยละ 12.00 สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีร้อยละ 8.00 และธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 36.00 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 18.00" นายสัมพันธ์ กล่าว

แม้ว่าผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ในภาพรวมปรับตัวดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา แต่กำไรขั้นต้นจำนวน 105.98 ล้านบาท ยังมีจำนวนไม่มากเพียงพอที่จะส่งผลให้​ EBIDA และ EBIT ของ บริษัทฯ และบริษัทย่อย เป็นบวกได้ โดยมี EBIDA ติดลบ 8.29 ล้านบาท ซึ่งติดลบลดลงประมาณ 20 ล้านบาท จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 29.64 ล้านบาท มี EBIT ติดลบ​ 40.32 ล้านบาท ติดลบลดลง 30 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ติดลบ 70.84 ล้านบาท

สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม 2,937.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 2,825.95 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 2,012.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีหนี้สินรวม 1,839.13 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 924.48 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 986.82 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตและมีทิศทางเป็นบวก เนื่องจากบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา จำนวน 2,703 ล้านบาท ส่งมอบงานและรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,441 ล้านบาท และในปีหน้าจำนวน 1,262 ล้านบาท งานในมือทั้งหมดแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าจำนวน 2,575 ล้านบาท ส่งมอบงานภายในปีนี้ 1,349 ล้านบาท และส่งมอบในปีหน้า 1,226 ล้านบาท ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง มีงานในมือจำนวน 128 ล้านบาท ส่งมอบในปีนี้ 92 ล้านบาท และส่งมอบในปีหน้า 36 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 2,314 ล้านบาท แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีรายได้เพียง 804.6 ล้านบาทก็ตาม แต่ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 เริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มเป็นบวก ส่วนไตรมาส 4 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตมากที่สุด ประกอบกับการที่บริษัทมีงานในมือ โดยเฉพาะงานจากหน่วยงานภาครัฐที่จะส่งมอบมากถึง 1,100 ล้านบาท และยังคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงงานที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามงานประมูลเพิ่มเติมอีกกว่า 11,748 ล้านบาท ซึ่งปกติจะมีโอกาสประสบความสำเร็จจากการได้งานประมาณ 20-25% จะเข้ามาช่วยเสริมทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

"จริงๆ แล้วอุตสาหกรรมหม้อแปลง จะเฉลี่ยการรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาสได้ค่อนข้างยาก และแม้ว่าเราจะต้องทำรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเราต้องทำงานอย่างหนักช่วงครึ่งปีหลังอย่างมาก แต่จะเห็นได้ว่า เป้าหมายปีนี้ทำได้ไม่ยาก เพราะมีออร์เดอร์ในมือ และอาจจะมีออร์เดอรใหม่เข้ามาเสริม ขณะที่งานภาครัฐที่เตรียมส่งมอบจำนวนมาก ถือ​เป็นความมั่นคงทางธุรกิจจากการับงานภาครัฐ" นายสัมพันธ์​ กล่าว

ในปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวสามารถกลับมามีผลประกอบการเป็นบวก พลิกฟื้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งประสบภาวะขาดทุนได้ และมีความเป็นไปได้ที่ปีนี้จะมีกำไรขั้นต้น 18-20% จากแผนงานและการดำเนินงานต่าง ๆ

9
PDPC ร่วมกับ สดช. จัดอบรมสัมมนาออนไลน์
Full Digital Transformation : Trust and Confidence with PDPA
ในวันที่ 19 ก.ย. 66 #เข้าร่วมฟรี


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สดช.) จัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ Full Digital Transformation : Trust and Confidence with PDPA ในโครงการ "GOING FORWARD 2023" เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.ชาลี วรกุลพิพัฒน์ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมด้วย ดร.วรรณศิริ พัวศิริ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนานโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สดช.) และ ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดำเนินรายการโดย "คุณอร์วลัญช์ นันทปัตตะแวว" พิธีกร และผู้ประกาศข่าว จาก Easy Yukhon

#เข้าร่วมฟรี #ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ ผ่านสแกน QR Code หรือคลิก forms.gle/Ht9ACAqcsUknRHnT6 พร้อมสามารถรับชมผ่าน LIVE สดในช่องทาง Facebook : PDPC Thailand ในวันที่ 19 กันยายน 2566 นี้ ตั้งแต่เวลา 13.30 – 15.30 น.

ติดตามข่าวสารรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : PDPC Thailand หรือโทร. 02-142-1033

10
14 ปี CSR สานฝัน ปันสุข เพื่อบ้านโฮมฮัก
สู่ความผูกพันอันยาวนาน ที่มากกว่าครอบครัว

"ไวไว CSR"

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "เส้นหมี่อบแห้ง ไวไว" จัดงาน CSR ประจำปีครั้งใหญ่ "สานฝัน ปันสุข เพื่อบ้านโฮมฮัก ครั้งที่ 14 ปี 2566" กิจกรรมแบ่งปันความรัก ความสุขและความห่วงใย จากใจของ "ครอบครัวเส้นหมี่อบแห้งไวไว" สู่ "ครอบครัวบ้านโฮมฮัก" ที่จัดต่อเนื่อง ในทุกเดือนสิงหาคมของทุกปี และปีนี้ได้รับเกียรติจาก นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย นางชลาทิพย์ วิชัยบุญ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร ร่วมงาน โดยมี ภิกษุณี สุธาสินี น้อยอินทร์ หรือแม่ติ๋ว ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ ให้การต้อนรับ


กิจกรรมเป็นไปอย่างอบอุ่นเช่นทุกปี พร้อมการต้อนรับแสนพิเศษจากทุกคนในบ้านโฮมฮัก โดยหลังจากพิธีเปิดแล้ว ตัวแทนเด็กๆ ในมูลนิธิฯ เซอร์ไพรส์แขกในงาน ด้วยการแสดงโชว์อันแสนน่ารักจัดเต็มครบทุกรูปแบบ ทั้งร้องทั้งเต้น ต่อด้วยพิธีผูกข้อมือรับขวัญ จากนั้นร่วมทำกิจกรรม พร้อมมอบของขวัญพิเศษเช่นเคย ปีนี้เส้นหมี่อบแห้งไวไว ตั้งใจสร้างโรงเลี้ยงสัตว์ เพื่อมุ่งหวังให้นำผลผลิตที่ได้ไปต่อยอดเป็นแหล่งเรียนรู้และเพื่อสร้างรายได้ ตลอดจนบูรณะพื้นที่โดยรอบให้แก่ทางมูลนิธิอีกด้วย

นายเมธาพร พุกพิบูลย์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เส้นหมี่อบแห้งตราไวไว กล่าวว่า "เป็นเวลายาวนานกว่า 14 ปีแล้ว ที่บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด โดยแบรนด์เส้นหมี่อบแห้งไวไวและผลิตภัณฑ์ในเครือ ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมแบ่งปันความปรารถนาดีให้แก่มูลนิธิฯ และครั้งนี้นอกจากการบูรณะพื้นที่โดยรอบแล้ว เรายังได้มอบโรงเลี้ยงสุกรสำหรับเพาะเลี้ยงพันธุ์สุกรให้แก่ทางมูลนิธิฯ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับน้องๆ ได้เป็นอย่างดี และสามารถให้นำผลผลิตที่ได้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีพหรือสร้างอาชีพให้เกิดรายได้ต่อไป"



นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ การแข่งขันทำอาหาร โดยเชฟตัวน้อยจากบ้านโฮมฮัก กิจกรรมเล่นเกมสนุกๆพร้อมมอบของขวัญพิเศษ และ การรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง กับเมนูพิเศษที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ

ปิดท้ายด้วยการร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2566 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดี พร้อมกันนี้ ทางทีมงานยังได้มอบเงินสนับสนุนและผลิตภัณฑ์ รวมถึงเครื่องใช้ที่เป็นประโยชน์ แก่มูลนิธิฯ เพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคต



"สำหรับเราแล้ว บ้านโฮมฮักแห่งนี้ เปรียบเสมือนญาติสนิท ที่เกื้อหนุนกันมา จากรุ่นสู่รุ่น ผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น และเป็นมากกว่าครอบครัวไปเสียแล้ว ในฐานะตัวแทนของครอบครัวเส้นหมี่อบแห้งไวไว เรารู้สึกอิ่มใจทุกครั้งที่ได้มาเยือนที่แห่งนี้ และรู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความรักและส่งกำลังใจแก่ "บ้านโฮมฮัก" หลังนี้ เพื่อก้าวผ่านทุกเส้นทางชีวิตอย่างมั่นคง เราเชื่ออย่างยิ่งว่าน้อง ๆ ทุกคนในบ้านหลังนี้ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญให้สังคมเราได้อย่างแน่นอน" นายเมธาพร ทิ้งท้าย

สำหรับบ้านโฮมฮักหรือมูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน ก่อตั้งโดย ภิกษุณี สุธาสินี น้อยอินทร์ หรือที่เด็กๆ เรียกว่า "แม่ติ๋ว" ให้ความดูแลเด็กที่ประสบปัญหาต่าง ๆ อาทิ เด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือสูญเสียพ่อแม่จากโรคเอดส์, ถูกล่วงละเมิด ทุกท่านสามารถร่วมสนับสนุนได้ที่ มูลนิธิ สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่ 3 หมู่ที่ 12 บ้านประชาสรรค์ ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โทรศัพท์/โทรสาร: 045-722-241, 045-580-200



ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดย เส้นหมี่อบแห้งไวไว ยอดขายอันดับ 1 ได้ทาง www.waiwaisenmee.com และ www.facebook.com/waiwaisenmee

11
เคหะสุขประชา ผนึก อว. ลงนามความร่วมมือ เสริมสร้างทักษะประกอบอาชีพ
และบริการจัดการชีวิต กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง


นายพิษณุพร อุทกภาชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามความร่วมมือ เดินหน้าผลักดันการเสริมสร้างองค์ความรู้ทักษะการประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนเปราะบาง และทักษะการบริหารจัดการชีวิต ผ่านเครื่องมือบริการการศึกษาแบบเปิดที่มีการพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพสุขประชา ยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ณ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เมื่อเร็ว ๆ นี้

12
วิวโซนิค เปิดสวิตช์ระบบนิเวศทางการศึกษาครั้งใหม่ ในงาน "EdTex 2023"
พร้อมจัดแสดงห้องเรียนแห่งอนาคต ที่ยกระดับด้วย EdTech Solutions


วิวโซนิค คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโซลูชันด้านภาพชั้นนำระดับโลก จัดแสดงระบบนิเวศทางการศึกษาเป็นครั้งแรกที่งาน EdTex 2023 (มหกรรมเทคโนโลยีการศึกษาแห่งประเทศไทย) ในกรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยวิวโซนิคได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไปยังชุมชนทั่วโลก พร้อมบ่มเพาะครูผู้สอนด้วยการเสริมเนื้อหาการเรียนรู้ดิจิทัล พัฒนาโซลูชันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาใหม่ ๆ (EdTech) ผ่านระบบนิเวศทางการศึกษาที่ครอบคลุมในทุกด้าน

นายเอริค เว่ย ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Eric Wei, General Manager of Asia Pacific Region) บริษัท วิวโซนิค อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 วิวโซนิคได้บรรลุเป้าหมายสำคัญมากมายในอุตสาหกรรม บริษัทได้รักษาความเป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีจอ IFP (Interactive Flat Panel) จากทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด Futuresource ซึ่งนับเป็นความสำเร็จสามไตรมาสติดต่อกัน (ไม่รวมประเทศจีน) และยิ่งไปกว่านั้น ซอฟต์แวร์ myViewBoard ของเรายังได้ก้าวผ่านจุดหมายสำคัญจากจำนวนผู้ใช้งานในหลัก 9 ล้านคนอีกด้วย



"วิวโซนิคมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่มีความครอบคลุม เราพยายามสร้างประโยชน์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนในระบบนิเวศทางการศึกษา ด้วยการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพร้อมเพิ่มความสามารถในการสอนแบบดิจิทัล ผ่านขั้นตอนผสานการทำงานให้เทคโนโลยีใช้งานได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้สอนทุกคน พร้อมสานต่อตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมการศึกษาระดับโลกต่อไป ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในอุตสาหกรรมปัจจุบัน"

ความสำเร็จของวิวโซนิคเกิดจากการใช้กลยุทธ์ EaaS (Ecosystem as a Service) ซึ่งจะเน้นไปที่การพัฒนาระบบนิเวศและเสริมสร้างความร่วมมือด้านต่าง ๆ เพื่อนำนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมาสู่ลูกค้า กลยุทธ์นี้จึงเป็นมากกว่าการนำเสนอฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือเนื้อหาดิจิทัล แต่ยังเป็นการขยายไปสู่ความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คู่ค้า รวมถึงผู้ใช้งาน ซึ่งเพื่อให้เกิดการบริการที่ครบวงจร วิวโซนิคจึงได้ร่วมมือกับภาครัฐ โรงเรียน และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาสื่อการสอนเชิงโต้ตอบดิจิทัลข้ามหลักสูตร ที่จะสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลโดยเน้นครูเป็นศูนย์กลาง



อีกทั้งแนวทางการบูรณาการนี้ ยังได้สร้างรากฐานความสำเร็จที่ต่อเนื่องของวิวโซนิคในอุตสาหกรรมการศึกษา โดยเฉพาะการพัฒนาจอแสดงผลโต้ตอบ ViewBoard และซอฟต์แวร์ myViewBoard ที่สร้างผลลัพธ์ในการนำเสนอเครื่องมือดิจิทัลออกมามากมาย ตัวอย่างเช่น myViewBoard Whiteboard ที่ทำหน้าที่เสมือนผืนผ้าใบดิจิทัลสำหรับผู้ใช้ เพื่อสร้างเครื่องโต้ตอบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ทั้งการทำโพล การแชร์หน้าจอเพื่อสร้างบทเรียนที่น่าสนใจ หรือการสาธิตโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งห้องเรียน โดยอิงตามระบบนิเวศแบบเปิดและความเข้ากันได้ทั้งสำหรับการรวมกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ นอกจากนี้ นักศึกษายังสามารถเข้าถึงสื่อการสอนและการเรียนรู้สำเร็จรูปจำนวนมาก จาก ViewSonic Originals สำหรับบทเรียนแบบกลไกการเล่นเกม

"One-stop Solution" ที่ครบวงจรนี้ ช่วยสร้างประโยชน์กับผู้สอน ทั้งแง่ของความสามารถในการสร้างกระบวนการทำงานของผู้คนร่วมกัน การมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย การมีเครื่องมือการสอนดิจิทัลและสื่อเชิงโต้ตอบที่หลากหลาย อีกทั้งฝั่งนักศึกษายังสามารถนำการสอนแบบดิจิทัลนี้มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นในชั้นเรียน การเรียนแบบผสม หรือการเรียนรู้ทางไกล ส่วนสำหรับผู้ดูแลระบบไอทีของโรงเรียน การทำงานของแพลตฟอร์ม myViewBoard Manager และกล่องเซ็นเซอร์สภาพแวดล้อม จะช่วยมอบความสามารถในการจัดการอุปกรณ์จากระยะไกล ผ่านการรวมศูนย์การตรวจสอบและควบคุมอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานในสถาบันขนาดใหญ่ผ่านหน้ากระดานเว็บที่ใช้งานง่าย พร้อมช่วยส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมที่สุดอีกด้วย



นอกเหนือจากนี้ วิวโซนิคยังมีการสร้างชุมชนการเรียนรู้ผ่านโปรแกรมพัฒนาวิชาชีพ ซึ่งช่วยสนับสนุนครูผู้สอนในการปรับปรุงทักษะการสอนดิจิทัลผ่านเซสชันการฝึกอบรมตัวต่อตัวและในชั้นเรียนออนไลน์

ทั้งนี้เพื่อการยกระดับการเรียนรู้แบบดิจิทัล วิวโซนิคจึงได้สร้างพื้นที่การศึกษาเสมือนจริงสามมิติ หรือ "UNIVERSE by ViewSonic" ที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่านักเรียนและผู้สอนจะสามารถเข้าถึงโซลูชันที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งเมื่อนำมารวมกับการควบคุมที่ใช้งานได้ง่ายและฟีเจอร์ที่มีอย่าหลากหลาย ทำให้ UNIVERSE ได้มีส่วนช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของนักเรียน ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกัน ร่วมถึงช่วยส่งเสริมความรู้สึกในการเป็นเจ้าของความรู้นี้



วิวโซนิคประสบความสำเร็จในการได้รับการรับรอง "Android EDLA" (Enterprise Device Licensing Agreement) ครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สร้างระบบนิเวศในครั้งนี้ โดยการรับรองนี้จะนำไปสู่การรับรองที่เป็นทางการของ Google สำหรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ขายให้กับองค์กร หรือ GMS (Google Mobile Service) ซึ่งด้วยอุปกรณ์ Slot-in OPS รุ่น VPC-A31-O1 ที่ได้รับการรับรองโดย EDLA ทำให้วิวโซนิคสามารถที่จะนำเสนอเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่น มีการประมวลผลที่รวดเร็ว มีการป้องกันความปลอดภัยขั้นสูง รองรับการทำงานจากแอพพลิเคชันมากมายใน Google Play Store ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมตอบสนองต่อการทำงานร่วมกันให้แก่สถาบันการศึกษาและองค์กรธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพโดยรวมให้กับโซลูชัน การสร้างประสบการณ์ และการนำเสนอที่จะเปลี่ยนแปลงจากห้องเรียนเดิม ๆ ไปสู่ห้องเรียนอัจฉริยะ EdTech วิวโซนิคจึงได้นำเสนอโซลูชันการแสดงผลใหม่ล่าสุด อาทิ ห้องเรียนอัจฉริยะพร้อมจอแสดงผลแบบโต้ตอบของ ViewBoard ขนาดตั้งแต่ 65 นิ้ว ถึง 105 นิ้ว, โซลูชันแบบโต้ตอบบนโพเดียมอัจฉริยะพร้อมโปรเจคเตอร์ Lamp free รุ่นล่าสุด และสุดท้ายคือห้องเรียนเสมือนจริงสามมิติ โดยผู้ประกอบวิชาชีพการศึกษาสามารถร่วมชมได้ที่โชว์รูมวิวโซนิค

13
วศ.อว. เดินหน้าพัฒนาพื้นที่ภาคกลาง
มุ่งสู่การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (NQI) อย่างเป็นระบบ


ดร.ภูวดี ตู้จินดา ผู้อำนวยการกองพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (NQI) กับการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ภาคกลาง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนวทางการพัฒนาหน่วยตรวจสอบและรับรองของสถานบันอุดมศึกษาและประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนาห้องปฏิบัติการสู่มาตรฐานสากล โดยมี นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม, รศ.ดร.ศรีเพ็ญ ศุภพิทยากุล และ ผศ.ดร.ระวิวรรณ์ เจริญทรัพย์ ร่วมเป็นวิทยากร ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ วานนี้

14
ไดกิ้น ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
ว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศ


มร.ไดสุเกะ มุราคามิ ประธาน บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด พร้อมด้วย นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศ โดยร่วมกันพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานกลุ่มช่างเครื่องปรับอากาศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เพื่อพัฒนาทักษะให้แก่ผู้ประกอบอาชีพ และตัวแทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ให้มีความรู้และสามารถติดตั้งหรือซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและทันต่อเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาของเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน หลายประเทศให้ความสำคัญในการดำเนินกิจกรรมมุ่งเน้นการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศที่ถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรวมจะถูกจัดเก็บรวบรวมและนำไปทำลายหรือปรับปรุงคุณภาพตามขั้นตอนและวิธีการจัดการอย่างถูกต้อง ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เมื่อเร็วๆ นี้

15
"ไทย" ประกาศความสำเร็จการพัฒนาระบบ "Health Link"
เชื่อมโยงข้อมูลการรักษาทั่วไทย ปกป้องข้อมูลปลอดภัยระดับสากล


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวความก้าวหน้าการพัฒนา "โครงการ Health Link 2023" ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลทุกที่ทั่วไทยอย่างไร้รอยต่อ ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล กับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับสากล โดยมี รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ผนึกภาคีเครือข่ายกว่า 300 แห่งทั่วประเทศที่ร่วมเชื่อมโยงข้อมูล โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ ผศ.ดร. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้

Pages: [1] 2 3 ... 135