Recent Posts

Pages: 1 ... 8 9 [10]
91
สถาบันอาหาร - ส.อ.ท. - สภาหอการค้าฯ
ชี้ส่งออกอาหารไทยครึ่งปีแรก 67 โต 9.9% มูลค่า 8.5 แสนล้านบาท
ลุ้นสิ้นปี 67 ฝ่าปัจจัยเสี่ยงสู่เป้า 1.65 ล้านล้านบาท
ยันไทยยังเกินดุลการค้าจีนไม่ต่ำกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท


สถาบันอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยการส่งออกสินค้าอาหารของไทย 6 เดือนแรกปี 2567 มีมูลค่า 852,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 ลุ้นครึ่งปีหลังขยายตัวต่อเนื่อง คาดอัตราต่ำกว่าครึ่งปีแรก หรือในราวร้อยละ 7.8 มีมูลค่า 797,568 ล้านบาท มั่นใจเป้าส่งออกทั้งปี 67 จะแตะ 1.65 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.8 หลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในภาคเกษตรที่ต่อเนื่องมาจากในช่วงครึ่งปีแรก ค่าเงินบาทยังคงผันผวนและมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าระวางเรือ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ แจงตัวเลขไทยส่งออกอาหารไปจีนเกินดุลปี 2566 มูลค่า272,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรก 2567 เกินดุลมูลค่า 131,866 ล้านบาท


ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย สถาบันอาหาร//การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.เจริญ แก้วสุกใส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ร่วมให้รายละเอียด


ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร โดยมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมบูรณาการข้อมูล พบว่า การส่งออกสินค้าอาหารไทยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 แตะระดับ 852,423 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 ปัจจัยหลักมาจากความต้องการสินค้าอาหารไทยในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบหลักในการแปรรูปหลายรายการอ่อนตัวลง โดยราคาปลาทูน่าที่ลดลงส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปลาทูน่าแปรรูปและอาหารสัตว์เลี้ยง กลุ่มผู้ผลิตซอสได้รับต้นทุนน้ำตาลและถั่วเหลืองที่มีราคาถูกลง ราคากากถั่วเหลืองและราคาข้าวโพดที่ลดลงเอื้อต่อผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมไก่ การลดลงของราคาข้าวสาลีในตลาดโลกช่วยลดต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ขนมปังกรอบ รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น


สำหรับกลุ่มสินค้าที่ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นและส่งผลบวกต่อภาพรวมส่งออกอาหาร ได้แก่

ข้าว (+25.3%/+55.7%) แป้งมันสำปะหลัง (+21.1%/+30.5%) อาหารสัตว์เลี้ยง (+20.7%/+41.7%) ปลาทูน่ากระป๋อง (+20.7%/+19.2%) ซอสและเครื่องปรุงรสรส (+10.7%/+16.7%) และผลิตภัณฑ์มะพร้าว (+19.7%/+29.4%) ส่วนกลุ่มสินค้าที่ปริมาณส่งออกลดลง ส่วนใหญ่ประสบปัญหาด้านผลผลิต โดยเฉพาะผลไม้สดที่ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 11.9 น้ำตาลทราย ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 46.4  กุ้ง ปริมาณส่งออกลดลง ร้อยละ 6.8 และสับปะรด ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 13.0



“ทั้งนี้ ปริมาณและราคาส่งออกข้าวไทยเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการตลาดโลกหลังอุปทานข้าวโลกตึงตัวจากการที่อินเดียยังคงจำกัดการส่งออก การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงและปลาทูน่ากระป๋องขยายตัวสูง อานิสงส์จากราคาปลาทูน่าที่อยู่ในระดับต่ำ ความต้องการปลาทูน่ากระป๋องในกลุ่ม OEM มีแนวโน้มโดดเด่นเพราะได้รับประโยชน์จากราคาขายลดต่ำลงตามต้นทุนวัตถุดิบ ซอสและเครื่องปรุงรสรสขยายตัวจากการที่ผู้ประกอบการไทยเน้นการรุกตลาดซอสบนโต๊ะอาหาร (Dipping/Table Sauces) รสชาติเผ็ดร้อนมากขึ้น หลังจากซอสในกลุ่มดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศฝั่งชาติตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา การส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวขยายตัวสูงในกลุ่มกะทิที่นำไปประกอบอาหารในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย รวมถึงกะทิที่ผสมและใช้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพในตลาดจีน”


ตลาดส่งออกอาหารไทยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูง อาทิ แอฟริกา (+38.5%) โอเชียเนีย (+29.0%) สหรัฐอเมริกา (+23.0%) สหราชอาณาจักร (+17.2%) ตะวันออกกลาง (+16.7%) สหภาพยุโรป (+14.4%)  CLMV (+12.5%) และญี่ปุ่น (+8.4%) มีเพียงตลาดส่งออกไปยังประเทศอินเดีย (-18.1%) และจีน (-5.0%) ที่หดตัวลง โดยอินเดียหดตัวลงตามสินค้าน้ำมันปาล์มเป็นหลักและหันไปนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดจีนหดตัวลงตามสินค้าผลไม้สด(ทุเรียน) กุ้ง และไก่สดแช่แข็ง เป็นต้น


ดร.ศุภวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับมูลค่าการค้าอาหารโลก 6 เดือนแรก ปี 2567 หดตัวลงร้อยละ 4.0 มูลค่าการค้า 933 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประเทศผู้ส่งออก 9 อันดับแรกของโลก มีอันดับโลกไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี จีน ฝรั่งเศส สเปน แคนาดาและอิตาลี ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยส่งออกในรูปดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เป็นอันดับที่ 12 ของโลก

“แนวโน้มการส่งออกอาหารไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีมูลค่า 797,568 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 โดยการส่งออกในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะมีมูลค่า 395,536 ล้านบาท และ 402,032 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 และ 9.9 ตามลำดับ โดยภาพรวมในปี 2567 คาดว่าการส่งออกของอาหารไทยจะมีมูลค่า 1.65 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เทียบจากปีก่อน(66) ที่มีมูลค่า 1.51 ล้านล้านบาท มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการที่ประเทศคู่ค้ากังวลเรื่องความมั่นคงทางอาหาร หลายประเทศขาดศักยภาพในการผลิตสินค้าเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก สินค้าอาหารไทยมีภาพลักษณ์ด้านคุณภาพมาตรฐานและได้รับความเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในภาคเกษตรที่ต่อเนื่อง ค่าเงินบาทยังคงผันผวนและมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าระวางเรือ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค


อย่างไรก็ตามในประเด็นข้อกังวลเรื่องการนำเข้าสินค้าอาหารจากจีนในกลุ่มผัก ผลไม้ที่มีปริมาณมากขึ้นนั้น จากข้อมูลการค้าอาหารระหว่างไทยกับจีนในปี 2566 พบว่าไทยส่งออกไปจีนที่มูลค่า 370,000 ล้านบาท ขณะที่นำเข้าจากจีนมูลค่า 98,000 ล้านบาท เกินดุล 272,000 ล้านบาท สินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีน ได้แก่ ผลไม้สด ทูน่าลอยน์ และวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยมีสัดส่วนร้อยละ 25 ร้อยละ 5 และร้อยละ 4 ตามลำดับ  สินค้าที่ไทยส่งออกไปจีน เช่น ผลไม้สด แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาลทราย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 60 ร้อยละ 9 และร้อยละ 8 ตามลำดับ ส่วนในครี่งปีแรก 2567 ไทยเกินดุลการค้าอาหารกับจีน มูลค่า 131,866 ล้านบาท”


ดร.เจริญ แก้วสุกใส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการส่งออก ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการค้นหาและกลั่นกรองลูกค้าที่มีศักยภาพทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสของสินค้าอาหารไทยในอนาคต ขณะเดียวกันก็ต้องหันกลับมามองตลาดในประเทศด้วยว่าปัจจุบันมีสินค้าอะไรบ้างที่กำลังถูกเบียดแย่งส่วนแบ่งตลาดจากสินค้านำเข้า โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากประเทศจีนที่รุกหนักมากทั้งธุรกิจร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ที่เชื่อมโยงไปสู่สินค้าเกี่ยวเนื่อง ตัวอย่างเช่น เครื่องปรุงรส เครื่องดื่มชนิดต่างๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ผักและผลไม้อบแห้ง ขนมขบเคี้ยวต่างๆ เป็นต้น ซึ่งตลาดอาหารในประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพทั้งมิติของตลาดในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่มีมากถึง 65 ล้านคน และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคนต่อปี จึงเป็นที่หมายปองของหลายๆ ประเทศ


ดังนั้น การบรรลุเป้าหมายด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และความยั่งยืนของสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีมาตรการติดตามและเฝ้าระวังสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากจีน รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยต้องมีกลยุทธ์ในการปรับตัวรับสภาวะการแข่งขันดังกล่าว ทั้งในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนสินค้า การรักษาคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยอาหาร การมุ่งเน้นการผลิตสินค้าตามที่ตลาดต้องการ ตลอดจนการเฟ้นหาลูกค้าและตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ทางธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญช่วยให้สินค้าอุตสาหกรรมอาหารของไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าต่างชาติได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก


ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนและภาคผลิตของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งการส่งออกอาหารไทยยังมีปัจจัยจากแรงกดดันเรื่องต้นทุนค่าระวางเรือ ส่งผลให้ผู้นำเข้าปลายทางชะลอการนำเข้าโดยตรง ประกอบกับสินค้าที่ประเทศจีนสามารถผลิตได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก ส่งผลทำให้ตลาดต่างๆ อยู่ในภาวะการแข่งขันสูง ดังนั้น ยังคงต้องติดตามการตอบโต้ทางการค้าของประเทศปลายทางด้วย

“ประเด็นที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินบาทที่ผันผวนอย่างรุนแรง จากมาตรการทางการเงินของประเทศต่างๆ ที่เริ่มมีการลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ เบื้องต้นผู้ประกอบการต้องประกันความเสี่ยงค่าเงิน ส่วนในภาพรวมธนาคารแห่งประเทศไทยต้องติดตามนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด และแก้ไขสถานการณ์ให้ทันเหตุการณ์ไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจนไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของการส่งออกของประเทศไทยที่ยังเป็นส่วนสำคัญในการชี้ชะตา GDP ของไทยในอนาคต”


สุดท้ายนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภายใต้นโยบาย “Connect-Competitive-Sustainable” เราได้มุ่งมั่นยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรและอาหารของไทย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนโครงการอันส่งผลต่อการเพิ่มศักยภาพธุรกิจเกษตรและอาหารตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ อาทิ จัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร หรือ ศูนย์ AFC ร่วมกับภาคีเครือข่าย 28 องค์กร เพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งได้ร่วมมือกับสถาบันอาหารในการศึกษารูปแบบบริหารจัดการเครือข่ายความร่วมมือ และสร้างต้นแบบการบริหารจัดการ Food Valley ในจังหวัดขอนแก่นภายใต้โครงการ  Khon Kaen Food Valley Cluster เพื่อขยายผลให้เป็น Role Model ไปในจังหวัดต่างๆ ตลอดจนการรณรงค์บริโภคอาหารโปรตีนทางเลือกในการประชุมภายในองค์กรอย่างน้อย 30% ของมื้ออาหารปกติ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจอาหารจากโปรตีนทางเลือกของประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายมูลค่าอุตสาหกรรมอาหารอนาคตของไทย 500,000 ล้านบาทในปี 2570 ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์เป้าหมาย SDGs และ BCG เท่านั้น แต่ยังจะเป็นการจัดการและเพิ่มมูลค่าของ Food waste และ Food loss ในระบบการผลิตอาหาร เพื่อความยั่งยืนของเกษตรกรผู้ประกอบการและความยั่งยืนของโลกอีกด้วย
92
นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี สุดประทับใจงานศิลปหัตถกรรมไทยจากภูมิปัญญาไทย
ชมผลงานส่วนหนึ่งจากงาน "Crafts Bangkok 2024" มุ่งผลักดันงานคราฟต์ฝีมือคนไทยสู่เวทีโลก


           13 สิงหาคม 2567 : ที่ตึกกองบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รักษาการณ์รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์คราฟต์ที่ถูกนำมาจัดแสดงบริเวณโถงด้านหน้าตึกกองบัญชาการ โดยมี คุณพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) (SACIT) ได้นำผู้บริหารของ SACIT และส่วนหนึ่งของผลงานคราฟต์ที่จะนำไปจัดแสดงในงาน "Crafts Bangkok 2024" มาให้ท่านอดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้ชมอย่างใกล้ชิด


           งาน "Crafts Bangkok 2024" จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย หรือ SACIT ภายใต้แนวคิด  "Sustainable Arts and Crafts" เป็นงานคราฟต์แฟร์ ที่มุ่งเน้นการต่อยอดอัตลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฮนด์เมด งานศิลปหัตถกรรมที่มีความสร้างสรรค์และเอกลักษณ์โดดเด่น มีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมส่งเสริมงานแฮนด์เมดจากชุมชนให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก


           นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมและสอบถามถึงผลงานต่างๆ ที่จัดแสดงในงาน ซึ่งสร้างสรรค์โดยศิลปินคราฟต์ชื่อดัง เช่น คุณรัฐ เปลี่ยนสุข สถาปนิกและนักออกแบบผู้ได้รับรางวัล Designer of the Year 2019 สาขา Product Design, คุณภิรดา เสนีวงศ์ ณ อยุธยา นักออกแบบจากแบรนด์ไตรโหมด และคุณสุรชัย แสงสุวรรณ ศิลปินและช่างภาพชื่อดังที่นำงานศิลปหัตถกรรมมาผสมผสานกับงานแฟชั่นเพื่อสร้าง Soft Power ให้กับประเทศไทย ซึ่งท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมฝีมือคนไทย ที่สามารถรังสรรค์งานคราฟต์ออกมาได้สวยงามเป็น งานศิลปหัตถกรรมที่มีความสร้างสรรค์และเอกลักษณ์ พร้อมส่งเสริมและผลักดันงานคราฟต์ไปสู่เวทีโลก


           ทั้งนี้ งาน "Crafts Bangkok 2024" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 28 ส.คนี้ เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ฮอลล์ 98-99 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา  เอาใจคนรักงานคราฟต์ที่จะได้ ชม-ชอป-ชิล อย่างจุใจ 5 วันเต็ม กับผลงานที่ผู้ประกอบการนำมาจำหน่าย และสินค้าแฮนด์เมดนับหมื่นรายการจากผู้ประกอบการกว่า 400 คูหา ที่รวมตัวนำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากสมาชิกและผู้ประกอบการของ SACIT มาจำหน่าย ภายใต้แนวคิด "Sustainable Arts and Crafts" เน้นการเชื่อมโยงธรรมชาติและนวัตกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืนในวงการศิลปะและงานหัตถกรรม โดยแสดงศิลปะและงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย พร้อมทั้งการผสมผสานกับศิลปะและงานฝีมือจากทั่วโลก เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในวงการหัตถกรรม ภายใต้แนวคิด "สัมผัสศิลปะ จากท้องถิ่นสู่โลก" ต่อยอดอัตลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นผลงาน Masterpiece ยกระดับภูมิปัญญาของท้องถิ่นไทยก้าวไปสู่เวทีโลก

           นอกจากนี้ภายในงานยังเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรม แก่ผู้ที่มีความสนใจด้านงานอาร์ต งานหัตถศิลป์ ได้แลกเปลี่ยนทัศนะ เรียนรู้เทคนิค วิธีการทำงาน จาก ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สมาชิกของ สศท. รวมถึงศิลปินจากต่างประเทศที่ร่วมนำผลงานมาจัดแสดงทั้ง 6 ประเทศ ได้แก่ ‘Bhutan Textiles’ เป็นสมาคมและกลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอในภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาสังคมในประเทศภูฏาน ที่ส่งเสริมและผลิตสิ่งทอที่ทอด้วยมือซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และหยั่งรากลึกในมรดกทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของภูฏาน , ผลงานจากสมาคม Hacienda Crafts จากสาธารณรัฐฟิลิปปินส์,ผลงานจาก สภาหัตถกรรมโลก-เอเชียแปซิฟิก กับงาน Crafts Master (งานปักทอง), ผลงานจากสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตหัตถกรรมอินโดนีเซีย (ASEPHI) จาการ์ตา อินโดนีเซีย , ผลงานจาก Bella Interiors จากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, และผลงานจาก "Paris -Villefranche du Perigord( Ateliers d'Art de France: Revelation China) " ที่ได้นำผลงาน highlight มาจัดแสดงในงาน “Crafts Bangkok 2024”ครั้งนี้  และยังได้ร่วมสนุกกับศิลปินชื่อดังที่มามอบความบันเทิงในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็น พั้นซ์ วรกาญจน์, วง Rooftop, พีท พล, และ ไอซ์ ศรัณยู

           ผู้สนใจสามารถเข้าชมงาน “Crafts Bangkok 2024" และร่วม ชม – ชอป - ชิล ได้ระหว่างวันที่ 24 - 28 ส.ค.นี้ ณ ฮอลล์ 98-99 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. หรือดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ www.sacit.or.th / Facebook : sacitofficial / IG : sacit.official หรือสแกนคิวอาร์โค้ด
93
ซูเลียน แนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพดื่มได้ทุกวัน
VEGI-VERA เครื่องดื่มผงจากใบอ่อนข้าวสาลี


บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กับปณิธานความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างให้คนในสังคมมีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าคุณภาพอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในหมวดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพด้วยผงจากใบอ่อนข้าวสาลี และว่านหางจระเข้ พร้อมด้วย ฟรุคโตโอลิโกแซคค่าไรด์ ใยอาหารประเภทพรีไบโอติก และความหวานจาก เกสรดอกไม้ น้ำตาลฟรุคโตส น้ำผึ้งผง สามารถชงด้วยน้ำเย็นดื่มได้ทุกวัน สรรพคุณเป็นแหล่งวิตามินบี2 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดต โปรตีน และไขมัน ตามปกติ โดยมีส่วนในการทำงานตามปกติของระบบประสาท ช่วยคงสภาพปกติของเม็ดเลือดแดง และคงสภาพปกติของเยื่อบุต่าง ๆ สนใจสั่งสินค้า VEGI-VERA เครื่องดื่มผงจากใบอ่อนข้าวสาลี น้ำหนักสุทธิ 240 กรัม (8 กรัม x 30ซอง) ราคา 1,060 บาท ติดต่อ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด Line: @zhulianthailand , Fanpage Facebook : zhulianmarketing และเอเจนซี่ใกล้บ้าน
94
เมย์แบงก์ชวนเปิดบัญชีลงทุน พร้อมโอกาสรับ IPO ใหม่!


             บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการลงทุน มอบโอกาสทองสำหรับลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชีหุ้นและเริ่มเทรดกับเมย์แบงก์ รับสิทธิ์ลุ้นรับการจัดสรร IPO ตัวถัดไป เทรดกับเมย์แบงก์ง่ายๆ ผ่านแอป Maybank Invest ทุกการลงทุนเป็นไปได้ที่เมย์แบงก์ ด้วยความง่ายในการเทรด ความสะดวกในการติดตาม เสิร์ฟข้อมูลทั้งกว้างและลึก ตอบโจทย์ทุกสไตล์การลงทุน มั่นใจได้ว่าเราจะเลือก IPO ตัวเด็ดมาเสิร์ฟให้คุณแน่นอน

             นอกจากนี้ ลูกค้าเมย์แบงก์ยังได้รับสิทธิพิเศษ ดื่มกาแฟฟรี! เพียงชวนเพื่อนเปิดบัญชีกับเมย์แบงก์ผ่านแอป Maybank Invest รับทันที Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท ทั้งคนชวนและคนถูกชวน ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้มาก ไม่จำกัดจำนวน ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2567

             ผู้สนใจเปิดบัญชีสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Maybank Invest https://bit.ly/InvestwithMaybankInvest ได้ทั้ง IOS และ Androids หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-658-5050 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line @maybankfriends
95
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ มอบรางวัล
สุดยอดตัวแทน ช่องทางไดเรค บิสิเนส ยอดเยี่ยมแห่งปี


            กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดงาน “DM COT Sales Event” ฉลองความสำเร็จแห่งปีให้กับสุดยอดนักขายช่องทางไดเรก บิสเนส (Direct Business) ที่สามารถทำยอดได้เกินกว่าที่เป้าหมายกำหนดในปี 2023 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวแทนฝ่ายขายในการพิชิตเป้าหมายในอนาคต

นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์  ร่วมให้กลยุทธ์การพัฒนาตัวแทนช่องทางไดเรค บิสเนส[

นางสาวยุวดี งานทวีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

นายลีออน จี ฮอง อิน (Mr. Leon Ji-Hong in), หัวหน้าฝ่ายงานไดเรก บิสเนส

            โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมให้กลยุทธ์การพัฒนาตัวแทนจำหน่ายผ่านโทรศัพท์ ด้วยแนวคิดการให้ความสำคัญด้าน Human Touch การพัฒนาและเสริมทักษะองค์ความรู้ให้แก่พนักงานให้ข้อมูลทางโทรศัพท์แบบ  360 องศา สามารถดูแลและให้ข้อมูลลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมี นางสาวยุวดี งานทวีกิจ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจ และ นายลีออน จี ฮอง อิน (Mr. Leon Ji-Hong in) หัวหน้าฝ่ายงานไดเรก บิสเนส ร่วมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่สุดยอดนักขายช่องทางไดเรก บิสเนส Direct Business แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ รางวัล Generali 5 Million Club และ รางวัล Generali 1 Million Club ณ สำนักงาน อาคารสาทรธานี 1 ก่อนจะร่วมเลี้ยงฉลองความสำเร็จกับตัวแทนที่ทำยอดขายได้เกินเป้าหมาย ที่ห้องอาหารพาย (Paii) เดอะเฮ้าส์ออนสาทร (The House on Sathorn) เมื่อเร็ว ๆ นี้









96
คณะวิทยาศาสตร์ สจล. จัดงาน นิทรรศการวันวิทยาศาสตร์




เมื่อเร็วๆ นี้ คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดงานนิทรรศการวันวิทยาศาสตร์ “Through Science & Technology, Anything Becomes Possible” โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ นายกสภาสถาบันฯ กล่าวเปิดงาน และร่วมกิจกรรม ร่วมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี รองศาสตราจารย์ ดร.สุธี ชุติไพจิตร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์  ผู้บริหาร และคณบดีจากคณะ / วิทยาลัยต่างๆ เจ้าหน้าที่และนักศึกษา เข้าร่วมงานครั้งนี้


ภายในงานมีการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนจากทั่วประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ การประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ และการแข่งขันตอบปัญหาความรู้ทั่วไปทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย


นอกจากนี้ได้มีการจัดกิจกรรมแนะนำหลักสูตร และโครงการบริการวิชาการของคณะวิทยาศาสตร์ และการมอบรางวัลบุคลากร นักศึกษา และศิษย์เก่าดีเด่นด้านต่างๆ  เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากร นักศึกษา และศิษย์เก่า ที่มีผลงานโดดเด่น สร้างชื่อเสียงให้กับคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่Link นี้https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=788357616844784&id=100070116576276&mibextid=WC7FNe&rdid=iaHoHXFcjAxCV335[/color


ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่ https://curriculum.kmitl.ac.th/หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000













97
“เอ๋ เชิญยิ้ม” ทุ่มเทเกินร้อยรับบทนำ “สัปเหน่อ” สานต่อจักรวาลหนังล้อเลียน
“เจมส์ เชิญยิ้ม” ผู้ล่วงลับ ห้ามพลาด 17 สิงหาคมนี้ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


           “เอ๋ เชิญยิ้ม” หรือ “วีรพล จันทร์ตรง” เต็มที่กับการแสดงในบทบาท “มาด” สัปเหร่อ ภาพยนตร์ล้อเลียนสุดฮา “สัปเหน่อ” หนึ่งในจักรวาลหนังล้อเลียนที่ทรูโฟร์ยูร่วมกันสร้างผลงานกับค่ายไรท์คอมเมดี้ กำกับโดย “นุ้ย เชิญยิ้ม” ร่วมด้วยฝีมือการแสดงของตลกระดับหัวกะทิอย่าง แอนนา ชวนชื่น อรชร เชิญยิ้ม แนน ก่อนบ่ายโชเล่ย์ ดอกกระโดน โจโจ้ โดมิแนนท์ และ สังข์ ดอกสะเดา ที่จะมาสร้างความสุข ความสนุกให้กับคนดูได้อย่างเต็มอิ่ม


           “เอ๋ เชิญยิ้ม” ให้สัมภาษณ์ว่า “ภาพยนตร์เรื่อง สัปเหน่อ เป็นการสานต่อความตั้งใจของตลกผู้ล่วงลับ เจมส์ เชิญยิ้ม ก่อนที่เขาจะลาจากไป เจมส์มาทาบทามว่าอยากให้ผมรับบทนี้ เพราะเขียนบทมาเพื่อผมเลย ผมก็รับปากทันที จนมารู้ข่าวอีกทีว่าเจมส์โคม่าป่วยหนักอยู่ ตอนนั้นผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก็รีบเคลียร์งานลงมาเยี่ยม แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน ทางโปรดิวส์เซอร์ก็คุยกับผมว่า เดี๋ยวเรามาสานต่อหนังที่เจมส์ตั้งใจไว้นะ ในเรื่องนี้ ผมรับบทเป็นมาด สัปเหร่อผู้ยึดมั่นในความดีมีศีลธรรม ไม่หวังในลาภยศสรรเสริญ ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ด้วยความที่เป็นคนดีไม่มีพิษไม่มีภัย กลับทำให้เขาต้องโดนใส่ร้ายจากคู่แค้น มาดจึงต้องใช้ความดีต่อสู้” ส่วนความยากง่ายของตัวละคร “ก็ต้องบอกว่าคาแรคเตอร์สัปเหร่อที่ต้องพูดเหน่อยากสุด เพราะชีวิตประจำวันปกติคนเราไม่ได้พูดเหน่อ แล้วยิ่งต้องมาเจอกับเพื่อนนักแสดงที่พูดสำเนียงใต้ สำเนียงเหนือ หรือพูดสำเนียงเขมร พอมาเข้าฉากรวมกัน มันเกิดอาการขำหลุดบทจนลืมคาแรคเตอร์ตัวเองอยู่บ่อยๆ”




           ต้องบอกว่าเป็นหนังที่สนุกมาก มีทั้งสาระดราม่า และความฮา ดูแล้วจะขำไม่หยุด ติดตามชมภาพยนตร์ “สัปเหน่อ” วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมนี้ เวลา 18.40 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24และ https://true4u.com/live
98
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จับมือ น้ำดื่มคริสตัล ปลุกกระแสภาพยนตร์ไทย มานะแมน ให้สดใสช่วงครึ่งปีหลัง


             กรุงเทพฯ – บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด (น้ำดื่มคริสตัล)  ตอบรับกระแสปีทองภาพยนตร์ไทย ร่วมสนับสนุน ต่อยอด เพื่อให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยจัดรอบชมพิเศษ พร้อมจัดทำกิจกรรม Movie Party และ Meet&Great with SuperStars : นาย – ณภัทร เสียงสมบุญ นักแสดงนำชื่อดังจากภาพยนตร์ มานะแมน เพื่อส่งมอบความสุข ควบคู่ความสดชื่นแบบใกล้ชิด ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ รวมถึงเป็นการสร้างสีสันให้กับวงการภาพยนตร์ไทยมีความคึกคักอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง






             สามารถติดตามรายละเอียดความสนุกเพิ่มเติมได้ที่ www.majorcineplex.com www.facebook.com/MajorGroup และ www.facebook/MStudio
99
คาเฟ่ แคนทารีร่วมเฉลิมฉลอง “เทศกาลไหว้พระจันทร์”
พร้อมเสิร์ฟขนมไหว้พระจันทร์ สูตรต้นตำรับ


            วันนี้ - 17 กันยายน 2567 คาเฟ่ แคนทารี เชิญชวนทุกท่านร่วมเฉลิมฉลอง “เทศกาลไหว้พระจันทร์” กับขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับสไตล์คาเฟ่ แคนทารี คัดสรรจากวัตถุดิบชั้นดี แป้งบางเนียนนุ่มรสกลมกล่อมอร่อยลงตัว อาทิ ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่เค็ม ไส้ถั่วแดง ไส้ลูกบัว และไส้โหงวยิ้ง ที่ทุกคนรอคอย พร้อมเสิร์ฟให้ทุกท่านได้ลิ้มรสชาติความอร่อย หรือเพื่อมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษ ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขาอยุธยา, เชียงใหม่, โคราช, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา และระยอง ในราคาเริ่มต้นที่ 155 บาท(สุทธิ)/ชิ้น

            สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Centre: 1627 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.cafekantary.com
100
เมย์แบงก์ ชี้หุ้นไทยครึ่งปีหลังเตรียมทะยาน
จากความชัดเจนการเมืองฟื้น เชื่อมั่นเศรษฐกิจและกำไร บมจ.
แนะนำ 3 ธีมลงทุนกับ 7 หุ้นเด่น


            บล.เมย์แบงก์ คาดตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังปรับขึ้น จากความชัดเจนทางการเมือง ฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหนุน GDP Growth 67 ขยายตัว 2.4%YoY แรงขับเคลื่อนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่จะเร่งตัวตาม High Season และภาคส่งออกขยายตัวตามเศรษฐกิจคู่ค้า ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงคาดการณ์ EPS 67 ที่ 94.7 บาท/หุ้น ขยายตัว 24%YoY

            นอกจากนั้น ยังคาดการณ์ Fund Flow จะเป็นบวกหลัง FED ลดดอกเบี้ยฯ และได้แรงหนุนเพิ่มจากกองทุน TESG และการเตรียมจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ คงเป้าหมาย SET Index ปลายปีที่ 1600 จุด (บนสมมติฐาน EPS 94.7 บาท/หุ้นและ PER เฉลี่ย 10 ปี 16.9 เท่า)

โดยแนะ 3 ธีมการลงทุนกับ 7 หุ้น Top Pick

1) หุ้นได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ

TASCO (TP 20 บาท) ผลประกอบการ 2Q67 ดีขึ้นเมื่อเทียบ 1Q67 จากปริมาณขายยางมะตอยในประเทศที่เพิ่มขึ้นผสานอัตรากำไรของยางมะตอยฟื้นตัว  ขณะที่ 3Q67 มีแนวโน้มจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามเม็ดเงินลงทุนภาครัฐฯ

SCCC (TP 165 บาท) คาดว่าราคาปูนซีเมนต์จะสูงขึ้นและความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามการเบิกจ่ายงบของรัฐฯ และได้ประโยชน์จากการควบคุมต้นทุนหนุนต่ออัตราการทำกำไรที่ต่อเนื่อง

CK (TP 26 บาท)  ราคาหุ้นร่วงแรงตอบรับความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่แนวโน้มกำไรยังเติบโตตามรายได้ธุรกิจหลักและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเงินลงทุนในบริษัทลูกอย่าง BEM CKP

2) หุ้นได้ประโยชน์จากภาคท่องเที่ยวเตรียมเข้าสู่ High Season

AOT (TP 74 บาท) ราคาหุ้นตอบรับความกังวลการเรียกคืนพื้นที่ Duty Free ทั้งขาเข้า ขาออกไปมากเกินไป เราเห็นโอกาสที่หุ้นปรับขึ้นหนุนจากจำนวนผู้โดยสารที่มีโอกาสสูงกว่าคาด

BH (TP 310 บาท)  ได้แรงหนุนจาก Medical Tourism ซึ่ง BH มีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงสุดในกลุ่ม ร.พ. นอกจากนี้ยังมีการขยายปริมาณเตียงและการปรับขึ้นราคาหนุนผลประกอบการ

CENTEL (TP 49 บาท) กำไรเติบโตแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในไทย มัลดีฟและญี่ปุ่น

3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตรากำไรเพิ่มขึ้น

GPSC (TP 57 บาท) ได้ประโยชน์จากทิศทางราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ขณะที่ค่าไฟคงที่ตลอดปีหนุนกำไร 67 เติบโต 61%YoY

ADVANC (TP 257 บาท) การแข่งขันอุตสาหกรรมที่ผ่อนคลาย หนุน ARPU เร่งตัวและได้ประโยชน์อัตรากำไรอุปกรณ์มือถือที่ Margin สูงหนุนกำไรปี 67 ขยายตัว 16%YoY


            ทั้งนี้ จากสถานการณ์ Black Monday ที่เกิดขึ้นล่าสุด เมย์แบงก์มองว่าเป็นเพียงการตอบรับของตลาดต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา ตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐก่อนหน้านี้ที่ออกมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน จึงทำให้ตลาดเกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

            อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสหรัฐจะยังไม่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อพิจารณาจากภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังเติบโตได้ดีและเครื่องมือทางการเงินที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังมีอยู่ในมืออย่างการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยลงได้
Pages: 1 ... 8 9 [10]