Recent Posts

Pages: 1 ... 7 8 [9] 10
81
"อินฟอร์มา มาร์เก็ต" แถลงข่าวประกาศความพร้อม
ยกระดับเวทีความงามภูมิภาคสู่ระดับโลกจัดงาน "Cosmoprof CBE ASEAN 2025"


นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต, นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ และ นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย แถลงข่าวจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความงามระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด ระหว่างวันที่ 25–27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานในปีนี้รวบรวมแบรนด์ความงามกว่า 2,000 แบรนด์จากผู้แสดงสินค้ากว่า 650 ราย พร้อมตอกย้ำบทบาทการเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามอาเซียนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี เมื่อเร็ว ๆ นี้

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.com
ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration
82
ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น ร่วมพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ด้านธุรกิจ จับมือ ม.กรุงเทพ
จัดประกวดแผนธุรกิจ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 200,000 บาท


             บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มุ่งสนับสนุนและยกระดับการศึกษาผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เปิดโอกาสแก่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการสื่อสารและสื่อใหม่ ร่วมทำโปรเจกต์ประกวดพัฒนาธุรกิจร้านอาหารในเครือชายสี่ พร้อมสนับสนุนเงินรางวัลเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงาน รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท


             นายวิสัณห์ ศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานบุคคลและธุรการ บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น เติบโตเคียงข้างสังคมไทยในฐานะแบรนด์อาหารที่เข้าถึงง่าย ใกล้ชิดผู้บริโภค และเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง ภายใต้พันธกิจ ‘ครัวของทุกบ้าน อาหารของทุกคน หนึ่งในใจทุกเวลา’ เราไม่เพียงมุ่งมั่นในการส่งมอบอาหารคุณภาพ แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าต่อสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพในครั้งนี้ จึงสะท้อนบทบาทขององค์กรในการสนับสนุนการศึกษา เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากโจทย์จริงในโลกธุรกิจ เราเชื่อว่าประสบการณ์เช่นนี้จะช่วยจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และเตรียมความพร้อมให้เยาวชนสามารถก้าวสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพ”

             โครงการความร่วมมือในครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาสื่อสารและสื่อใหม่ ได้ร่วมวางแผน พัฒนา และนำเสนอแคมเปญการสื่อสารแบบครบวงจร โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ร้านอาหารในเครือชายสี่ คอร์ปอเรชั่น ภายใต้หัวข้อ “แบรนด์ชายสี่ มีมากกว่าบะหมี่เกี๊ยว ยังมีร้านอาหารในเครือ ให้แบรนด์เข้าถึงง่ายและตรงใจกลุ่มคนรุ่นใหม่”


             นักศึกษาจะได้ลงมือสร้างสรรค์เนื้อหาและคอนเทนต์รีวิวร้านอาหารในเครือ อาทิ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือร้องไห้ ร้าน BRIX Dessert Bar ร้านหมูสองชั้น หมูกระทะ และชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว ผ่านการเรียนรู้และทำงานจริงตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 350 คน ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการคิด วิเคราะห์ และสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความเป็นแบรนด์สตรีทฟู้ด ขวัญใจมหาชนออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา

ผลการแข่งขันมีการมอบรางวัลให้กับทีมที่มีผลงานโดดเด่นในแต่ละกลุ่ม ดังนี้:

•   ผลงานการวางกลยุทธ์ และแผนงานแคมเปญ: ทีมแล้วแต่ จากผลงานวางกลยุทธ์ของร้าน BRIX Dessert Bar รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท
•   ผลงานการรีวิวสินค้า : ทีมสามจี๊ดด โพรโมต ร้านหมูสองชั้น หมูกระทะ รับเงินรางวัลมูลค่า 15,000 บาท
•   ผลงานการสร้างสรรค์แคมเปญและโฆษณา : ทีม Spark agency จากการสร้างสรรค์โฆษณาร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือร้องไห้ รับเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท


             โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษา ที่มุ่งสร้างเวทีพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร การสร้างแบรนด์ และการคิดเชิงกลยุทธ์ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับองค์กรจริง ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาแบรนด์และสินค้าให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน
83
หนังดีมีให้ดูทั้งวัน! ทรูโฟร์ยูขนทัพความบันเทิงไทย-เทศครบรส เสิร์ฟถึงหน้าจอ 21 มิถุนายนนี้


             ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอเชิญผู้ชมร่วมรับชมความบันเทิงตลอดวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนนี้ กับภาพยนตร์หลากหลายแนวจากนักแสดงชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ หม่ำ จ๊กมก, โทนี่ จา, เอ็ดดี้ เผิง และบรูซ วิลลิส ที่จะมาสร้างความสนุก ความตื่นเต้น และความประทับใจอย่างต่อเนื่อง








             เริ่มต้นเวลา 08.30 น. กับภาพยนตร์ไทยสุดอบอุ่น “ส้มตำ เรื่องราวของ “น้อยหน่า”(ลิซ่า ศศิธร) ที่ได้พบกับ “ยักษ์ใจดี” ชาวต่างชาติ (นาธาน โจนส์) อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังที่หลงทางมาเมืองไทย ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับแก๊งมาเฟียต่างชาติที่หวังฮุบที่ดินของชุมชน ต่อด้วย “อหังการ์ตามล่ากลางเวนิส” เวลา 12.30 น. เมื่อ "สตีฟ ฟอร์ด" (บรูซ วิลลิส) นักสืบฝีมือฉกาจต้องเผชิญกับภารกิจสุดป่วนกลางเวนิส ลอสแอนเจลิส เมื่อน้องหมาสุดรักถูกแก๊งอาชญากรโฉดลักพาตัวไป เขาจึงต้องงัดทุกกลยุทธ์ ทั้งความฮาและความบ้าระห่ำ เพื่อทวงคืนอย่างสุดมันส์ หลังจากนั้น เวลา 14.55 น. พบกับ “หวงเฟยหง พยัคฆ์ผงาดวีรบุรุษกังฟู” เมื่อ "หวงเฟยหง" (เอ็ดดี้ เผิง) ยอดฝีมือกังฟู ต้องลุกขึ้นต่อกรกับแก๊งมาเฟียทรงอิทธิพลในยุคที่บ้านเมืองถูกครอบงำด้วยอำนาจมืด เขาผสานพลังยุทธ์และปณิธานแห่งความยุติธรรม สร้างตำนานการต่อสู้ที่เดือดระอุและพลิกเกมแห่งโชคชะตา ไปสนุกกับ “ต้มยากุ้ง” เวลา 16.50 น. น. และ “ต้มยากุ้ง 2” เวลา 18.40 น. ภาพยนตร์แอ็กชันจากไทยที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก นำแสดงโดย “โทนี่ จา” ในบท “ขาม” หนุ่มนักสู้จากไทยที่ต้องเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อตามหาช้างคู่ใจที่ถูกลักพาตัวไปโดยแก๊งค้าอาวุธ เขาใช้ศิลปะมวยไทยในการต่อสู้กับศัตรูหลากหลายชาติ ปิดท้ายค่ำคืนด้วย “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” เวลา 21.00 น. และ “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2” เวลา 23.00 น. การผจญภัยสุดมันส์เริ่มต้นเมื่อ "วงศ์ คงกระพัน" (หม่ำ จ๊กม๊ก) บอดี้การ์ดหนุ่มมาดเข้มแต่แฝงด้วยความเปิ่น ได้รับมอบหมายภารกิจสุดท้าทายให้ปกป้อง "ชายชล" ทายาทเศรษฐีผู้มั่งคั่งจากอันตรายรอบตัว ติดตามชมภาพยนตร์คุณภาพเหล่านี้ได้ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทางออนไลน์ที่ true4u.com/live
84
“เกียร์เฮด” ผนึกกำลัง “บพค.” สานต่อความสำเร็จ การยกระดับทักษะการใช้เทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่
เร่งปั้น บุคลากรจัดแสงดิจิทัลวงการหนัง รองรับกองถ่ายต่างชาติ หนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดสากล




             “เกียร์เฮด” และ “บพค.” ผนึกกำลังต่อยอดความสำเร็จ การพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เปิด “โครงการพัฒนาต่อยอดบุคลากรวิจัยสมรรถนะสูงในหน่วยงานภาคเอกชน ให้มีทักษะการใช้เทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์" ครั้งที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่น ยกระดับบุคลากรในกองถ่ายเพื่อเติมเต็มคนมีฝีมือสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้มีทักษะขั้นสูงด้านเทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัล


             นายชยานนท์ อุลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียร์เฮด จำกัด ผู้นำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ภาพยนตร์โฆษณาและละคร ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี และบริษัทอันดับหนึ่งใน South East Asia ที่รองรับ Scale การถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ กล่าวว่า ความสำเร็จจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นและประโยชน์ของการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่ให้มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ จึงเดินหน้าสานต่อโครงการขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อขยายโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะการใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยสำหรับการจัดแสงในทุกขั้นตอนของการผลิต ภายใต้ความร่วมมือและการสนับสนุนด้านงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม หรือ บพค. “ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะด้านการจัดแสงในภาพยนตร์ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา โดยเฉพาะทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) ได้รวบรวมสถิติและวิเคราะห์รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2567 มีจำนวน 72 เรื่อง โดยมีเงินลงทุนกว่า 1.61 หมื่นล้านบาท ดังนั้น การมีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะที่ทันสมัย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยได้อย่างมหาศาล ทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพของภาพยนตร์ไทยให้ทัดเทียมนานาชาติได้" นายชยานนท์ กล่าว


             นายชยานนท์ กล่าวเพิ่มว่า ต้องขอขอบคุณทาง บพค.ที่เล็งเห็นความสำคัญและให้การส่งเสริมและสนับสนุน “โครงการพัฒนาต่อยอดบุคลากรวิจัยสมรรถนะสูงในหน่วยงานภาคเอกชน ให้มีทักษะการใช้เทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์” เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้แข็งแกร่ง รองรับและดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล อันจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยต่อไป


             สำหรับ โครงการพัฒนาต่อยอดบุคลากรวิจัยสมรรถนะสูงในหน่วยงานภาคเอกชน ให้มีทักษะการใช้เทคโนโลยีการจัดแสงดิจิทัลสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในงานผลิตภาพยนตร์ รวมถึงอาจารย์และนักศึกษาด้านภาพยนตร์ในภูมิภาคต่าง ๆ ได้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร 2 ในระดับ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ คือ หลักสูตรพื้นฐานการจัดแสงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ (Lighting 101) ระหว่างวันที่ 16 - 20 มิถุนายน 2568 และหลักสูตรขั้นสูงสำหรับการจัดแสงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในรูปแบบของการปฏิบัติงานจริง (DLC: Master Class) ระหว่างวันที่ 24 - 27 มิถุนายน และ 30 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมนอกจากจะได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพแล้ว ยังจะได้รับ “คุณวุฒิวิชาชีพ” ระดับ 3 ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานฝีมืออย่างเป็นทางการใน 2 สายอาชีพ ได้แก่ อาชีพช่างไฟ (Electrician) ในสาขาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และอาชีพช่างติดตั้งระบบแสง ในสาขาเทคโนโลยีระบบแสง จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ TPQI ติดตามรายละเอียดกิจกรรมดีๆ แบบนี้เพิ่มเติมที่ Facebook : Gear Head Thailand หรือโทร. 02-039-3999
85
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค
บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนซอยสุคันธาราม 23 เขตดุสิต กรุงเทพฯ





วันนี้ (วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ  นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนซอยสุคันธาราม 23 เขตดุสิต กรุงเทพฯ รวมจำนวน 14 ครอบครัว 30 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว 8 ชุด รายบุคคล 6 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 134,000 บาท ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ ร่วมมอบเงินสด ครอบครัวละ 500 บาท และพุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมการช่วยเหลือทั้ง 4 องค์กรคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 159,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) โดยมี อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร โอภาสวงศ์ และ นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย ณ บริเวณชุมชนซอยสุคันธาราม 23 เขตดุสิต กรุงเทพฯ






ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน







86
ยันฮี จับมือ มูลนิธิปวีณาฯ ฟื้นชีวิตใหม่ 4 เยาวชน
เยียวยาร่างกาย เติมความหวัง สร้างโอกาสสู่อนาคต


โรงพยาบาลยันฮี สถาบันสุขภาพและความงามครบวงจรที่ดำเนินงานมากว่า 40 ปี ยังคงเดินหน้าสานภารกิจเพื่อสังคมอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความเชื่อว่า "สุขภาพที่ดี" ไม่ได้จบแค่การไม่มีโรค แต่หมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างรอบด้าน ล่าสุดร่วมมือกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในโครงการช่วยเหลือเยาวชน 4 รายที่ประสบปัญหาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้วยการให้การรักษาและฟื้นฟูอย่างเหมาะสมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อคืนโอกาส คืนความมั่นใจ และคืนชีวิตใหม่ให้กับเด็ก ๆ ที่ไม่เคยมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง


พญ.สิรินทรา สัมฤทธิวณิชชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลยันฮี กล่าวถึงความตั้งใจในการสนับสนุนโครงการนี้ว่า "ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เราทำภารกิจเพื่อสังคมมาโดยตลอด ทั้งในรูปแบบของการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ การลบรอยสักเพื่อคืนโอกาสให้ผู้กลับตัว การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุรุนแรง ไปจนถึงการผ่าตัดฟื้นฟูรูปลักษณ์ให้กับเหยื่อความรุนแรง เราเชื่อว่าโรงพยาบาลไม่ควรเป็นเพียงสถานที่รักษาโรค แต่ควรเป็นพื้นที่ของการเยียวยาทั้งกายและใจ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกลรออยู่ ถ้าเราเลือกช่วยเหลือในเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด ก็อาจเปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาไปตลอดกาล"


การจับมือกันในครั้งนี้เกิดจากความตั้งใจตรงกันของทั้งสององค์กรที่เห็นคุณค่าของ "การให้" ที่มากกว่าการบริจาคเงินหรือสิ่งของ แต่คือการลงมือเปลี่ยนแปลงชีวิตจริงให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยโรงพยาบาลยันฮีได้นำความเชี่ยวชาญทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้ร่วมกับความเข้าใจเชิงจิตวิทยา เพื่อออกแบบการรักษาและฟื้นฟูที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละราย ซึ่งแต่ละคนต่างมีบาดแผลชีวิตที่แตกต่าง แต่ล้วนสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสอย่างชัดเจน


โดยเยาวชนทั้ง 4 รายที่ได้รับการช่วยเหลือ มีดังนี้
1. น้องณัฐ – เด็กชายณัฐชนนท์ ผุดเผือก อายุ 14 ปี จาก จ.ระนอง ประสบอุบัติเหตุตกรถจักรยานยนต์ ทำให้ฟันหน้าหักและผิดรูป ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความมั่นใจ
2. น้องฟิว – นายอณุวัฒน์ กลั่นนุช อายุ 17 ปี จาก จ.พิจิตร มีแผลเป็นคีลอยด์บริเวณใบหน้าจากการผ่าตัดและฉายแสง แต่ไม่มีทุนทรัพย์เข้ารับการรักษาศัลยกรรมตกแต่ง
3. น้องเคน – เด็กหญิงอภิสรา จันทร์แจ่ม อายุ 13 ปี จาก จ.สงขลา ป่วยด้วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่แต่กำเนิด กระทบต่อการพูด การกิน และการเรียน ถูกเพื่อนรังแกจนขาดความมั่นใจ
4. น้องคิว – นายอนุสรณ์ ชนะมูล อายุ 15 ปี จาก จ.พิจิตร เคยหลงผิดในวัยเด็ก มีรอยสักเต็มใบหน้าและลำตัว ปัจจุบันต้องการกลับตัว และขอลบรอยสักเพื่อเตรียมสมัครเรียนต่อ



ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า "เราทำงานกับเด็กและผู้หญิงทั่วประเทศมาหลายสิบปี และเห็นชัดว่าความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษายังคงมีอยู่จริง เด็กหลายคนมีแผลที่รักษาได้ แต่ไม่เคยได้รับการรักษา เพราะไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน ไม่มีคนพาไปโรงพยาบาล ความร่วมมือกับยันฮีที่ทั้งมีศักยภาพและหัวใจเมตตา คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเราไม่ได้แค่ช่วย 'รักษา' แต่เราช่วยให้เขากลับมามีความหวังอีกครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนเล็กสำหรับคนทั่วไป บางครั้งคือทั้งชีวิตของเด็กหนึ่งคน"


พญ.สิรินทรา กล่าวปิดท้ายว่า "เราจะไม่หยุดแค่โครงการนี้ แต่จะเดินหน้าทำต่อไป เพราะเราเชื่อว่าเยาวชนคืออนาคตของสังคม และในบางครั้ง แค่โอกาสเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยมี อาจทำให้เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมายืนอย่างมั่นคงในวันข้างหน้าได้ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นนั้น"


"โครงการนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการส่งต่อโอกาสจากภาคเอกชนสู่สังคม ไม่เพียงช่วยพลิกชีวิตของเยาวชนทั้ง 4 คน แต่ยังสะท้อนถึงพลังแห่งความร่วมมือขององค์กรที่มีหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจของ 'การให้' อย่างจริงใจ เราเชื่อว่า เมื่อร่างกายได้รับการเยียวยา จิตใจก็จะได้รับพลังใหม่ และพวกเขาจะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจ เพราะในบางครั้ง... โอกาสเพียงหนึ่งครั้ง ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปตลอดกาล"
87
“ปั่นปันฮัก ภูฝอยลม” รวมพลังรักษ์โลก สร้างสังคมสีเขียว สู่ Low Carbon Tourism 2025




               อุดรธานี – ระหว่างวันที่ 14–15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไฮ   อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ได้จัดกิจกรรม “ปั่นปันฮัก ภูฝอยลม ท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก – Low Carbon Tourism 2025” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากประชาชน นักปั่น นักท่องเที่ยว และกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่มาร่วมกันออกกำลังกาย ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และร่วมสร้างจิตสำนึกรักษ์โลก ภายใต้แนวคิด “Low Carbon Tourism” ” เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นผ่านการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างยั่งยืน







               พิธีเปิดโครงการจัดขึ้นอย่างอบอุ่นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 8 , นายเวียงชัย พิมพ์วาปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองไฮ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานหลายภาคส่วนที่ร่วมขับเคลื่อนโครงการนี้

               ภายในงานมีไฮไลต์สำคัญคือกิจกรรม แรลลี่ปั่นจักรยานระยะทาง 15.4 กิโลเมตร บนเส้นทางธรรมชาติอันงดงามของ อุทยานล้านปีภูฝอยลม อำเภอหนองแสง โดยนักปั่นจะได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ทิวทัศน์เขียวขจี และได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกับครอบครัว พร้อมทั้งร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย เช่นสักการะหลวงพ่อทันใจ ณ วัดภูทองเทพนิมิต ชิมและเลือกซื้อของดีท้องถิ่น กิจกรรมปลูกต้นไม้ คืนพื้นที่สีเขียว ณ อุทยานแห่งชาติภูฝอยลม ผู้เข้าร่วมทุกคนยังได้รับเสื้อปั่นที่ระลึก เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือในการลดคาร์บอนด้วยพลังสองล้อ










               กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบ “Sports Tourism & Eco-Friendly” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพผ่านการออกกำลังกายผ่านกิจกรรมการปั่นจักรยาน กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเศรษฐกิจในชุมชน อีกทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์จังหวัดอุดรธานีในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

               สำหรับโครงการนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี, องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไฮ, องค์การบริหารส่วนตำบลทับกุง, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, อุทยานแห่งชาติภูฝอยลม, ชมรมจักรยานจังหวัดอุดรธานี, บริษัท ชิลลี่ มีเดีย เอเจนซี่ จำกัด

              “ปั่นปันฮัก ภูฝอยลม” ไม่เพียงเป็นการออกกำลังกาย แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่เริ่มต้นจากล้อจักรยาน ก้าวสู่สังคมสีเขียว และอนาคตของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน


































88
เอเชียน ทัวร์ พร้อมจัดศึก “แมนดิรี อินโดนีเซีย โอเพ่น” สู่ช่วงกลางฤดูกาล 2025


16 มิถุนายน 2568 – เอเชียน ทัวร์ ประกาศจัดการแข่งขัน อินโดนีเซีย โอเพ่น หนึ่งในรายการกอล์ฟที่จัดมาอย่างยาวนานและมีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาค ชิงเงินรางวัลรวม 5 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16.2 ล้านบาท และได้ธนาคารแมนดิรีเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 กำหนดแข่งขัน ณ สนามพอนด็อก อินดาห์ กอล์ฟ คอร์ส ในกรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 28-31 สิงหาคมนี้ โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 90,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3 ล้านบาท (ภาพ: Asian Tour)


สตีฟ ลิวตัน

ธนาคารแมนดิรีในฐานะผู้สนับสนุนหลักของกอล์ฟรายการ อินโดนีเซีย โอเพ่น ตั้งแต่ปี 2022 ยังได้ร่วมมือกับสนามกอล์ฟพอนด็อก อินดาห์ จัดการแข่งขันกอล์ฟระดับชาติมาแล้วหลายครั้ง สำหรับกอล์ฟรายการ แมนดิรี อินโดนีเซีย โอเพ่น ในปีนี้จึงถือเป็นการขยายความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ และนับเป็นรายการที่ 9 ในตารางการแข่งขันของเอเชียน ทัวร์ ฤดูกาลนี้


โปรฟีเวอร์-นิติธร ทิพย์พงษ์

โช มินน์ ตันท์ กรรมาธิการและซีอีโอของเอเชียนทัวร์ เผยว่า “ด้วยการสนับสนุนหลักจากธนาคารแมนดิรีและสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบอย่างสนามกอล์ฟพอนด็อก อินดาห์ ทำให้รายการนี้เป็นเวทีการแข่งขันชั้นยอดอีกหนึ่งสัปดาห์ในการแข่งขันซึ่งเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาลแข่งขัน เราขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกฝ่ายสำหรับความร่วมมืออย่างดียิ่งเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการตามกำหนด ทั้งนี้กอล์ฟรายการ แมนดิรี อินโดนีเซีย โอเพ่น แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังของฤดูกาลอีกครั้ง”

สำหรับการแข่งขัน แมนดิรี อินโดนีเซีย โอเพ่น ปีที่แล้ว แชมป์เป็นของ สตีฟ ลิวตัน โปรกอล์ฟชาวอังกฤษ ซึ่งทำผลงานได้ดีในรายการนี้ด้วยการรั้งรองแชมป์สองปีติดต่อกันก่อนคว้าชัยชนะได้สำเร็จในปี 2024 โดยก่อนหน้านี้ โปรฟีเวอร์-นิติธร ทิพย์พงษ์ นักกอล์ฟหนุ่มแถวหน้าของไทย สร้างชื่อด้วยการครองแชมป์รายการนี้ในปี 2023 ขณะที่กากันจีต บูลลาร์ จอมเก๋าชาวอินเดีย เป็นนักกอล์ฟเพียงหนึ่งเดียวที่ครองแชมป์รายการนี้ได้สองครั้งในปี 2016 และปี 2022

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
89
"เปิดประสบการณ์สุขภาพสุดพิเศษ! True4U ชวนคุณร่วมทริป
‘THE WELLNESS VOYAGE’ กับ ปราชญา เวลเนส"


              ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอเชิญชวนสายสุขภาพและแฟนรายการร่วมออกเดินทางสู่ประสบการณ์แห่งการดูแลตัวเองแบบองค์รวม ในกิจกรรมสุด พิเศษ “True4U แฟนเดย์ กับ ปราชญา เวลเนส” ภายใต้แนวคิด “THE WELLNESS VOYAGE” ที่จะพาคุณไปสัมผัสความสุขจากภายใน ผ่านกิจกรรมที่ผสมผสานความรู้ ความสนุก และความผ่อนคลายไว้อย่างลงตัว






              ภายในงาน ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การทำลูกประคบสมุนไพรด้วยตนเองในเวิร์กชอปแบบฉบับปราชญา พร้อมเปิดประสบการณ์การผ่อนคลายที่ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ เติมเต็มความสุขด้วยเมนูสุขภาพแสนอร่อยจาก “เป๋าหยา คาเฟ่” ที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และสนุกไปกับการแต่งชุดจีนย้อนยุค เดินเล่นในสวนสุขภาพ 5 ธาตุ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกที่ชวนให้หลงใหล โอกาสดี ๆ แบบนี้รอคุณอยู่ เพียงสแกน QR CODE หรือคลิกลิ้งค์ https://forms.gle/FcN7YdeDAFQwiQ9XA และร่วมตอบคำถาม “บอกเหตุผลที่คุณอยากเข้าร่วมกิจกรรมนี้ พร้อมแชร์เคล็ดลับการดูแลสุขภาพในแบบของคุณ” จากนั้นกดไลก์และแชร์โพสต์กิจกรรมผ่านเฟซบุ๊ก True4U โดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ ผู้ที่ตอบคำถามและทำตามกติกาครบถ้วนที่สุด จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษนี้ จำนวน 7 รางวัล รางวัลละ 2 ท่าน  ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 16 – 19 มิถุนายน 2568 และติดตามประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 12.00 น. ทาง Facebook Fanpage: True4U มาร่วมใช้เวลาวันพิเศษไปกับการดูแลสุขภาพ เติมพลังชีวิต และสร้างความทรงจำดี ๆ ไปพร้อมกันกับทรูโฟร์ยูนะคะ
90
อลิอันซ์ อยุธยา โชว์ฟอร์มแกร่งไตรมาสแรก เติบโตทุกช่องทางเหนือตลาด
ดันเบี้ยประกันรับรวมแตะหมื่นล้าน


              บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจไตรมาสแรก ปี 2568 เติบโตแบบพุ่งทะยาน ยืนหนึ่งเหนือการเติบโตของตลาด เบี้ยทะลุเป้าทุกช่องทาง ดันเบี้ยรับรวมแตะหมื่นล้าน มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโต 116% พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งทุกมิติ ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

              มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดศักราชปี 2568 ด้วยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง เติบโตโดดเด่นในทุกช่องทางจัดจำหน่าย ในขณะที่ตลาดรวมมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) อยู่ที่ 5.8% อลิอันซ์ อยุธยา สามารถสร้างผลงานการเติบโตได้ถึง 18.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมแตะที่ 10,966 ล้านบาท ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 52% อยู่ที่ 2,747 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 1,256 ล้านบาท ช่องทางขายผ่านธนาคาร 1,037 ล้านบาท ช่องทางขายตรง 333 ล้านบาท และ ช่องทางอื่นๆ 121 ล้านบาท

              ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและการวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการเสริมศักยภาพตัวแทน ผ่านกิจกรรมฝึกอบรมต่างๆ อาทิ “The Heroes Franchise Builder” ที่ออกแบบให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์เสมือนจริง เสริมสร้างความรับผิดชอบและทักษะการบริหารทีมอย่างมืออาชีพ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประกันสุขภาพและผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ (UL) มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30% และ 20% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการวางกลยุทธ์ที่ผสานความคุ้มครองเข้ากับการวางแผนการเงินระยะยาว รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ระยะสั้น ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีผ่านช่องทางธนาคาร ซึ่งถือเป็นแรงส่งสำคัญต่อภาพรวมการเติบโตของบริษัทในไตรมาสนี้

              ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก กำไรจากการดำเนินงานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.2 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ปริมาณธุรกิจรวมเพิ่มขึ้น 11.71% แตะ 54.0 พันล้านยูโร โดยกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ในขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II Capitalization) อยู่ที่ 203% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 แสดงถึงมั่นคงในฐานะบริษัทประกันที่สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง
Pages: 1 ... 7 8 [9] 10