Recent Posts

Pages: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10
51
ปรับเปลี่ยนการกิน อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง"

โดย รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม


              รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่าการกินเค็มหรือการบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง ผู้ที่มีค่าไตสูงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไตและส่งเสริมให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว


              "ไต" มีไว้ทำไม

              "ไต" เปรียบเสมือนโรงงานบำบัดน้ำเสียภายในร่างกาย มีหน้าที่สำคัญในการกรองเลือด เพื่อกำจัดของเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร เช่น ยูเรีย ครีเอตินิน และสารพิษอื่น ๆ ออกจากร่างกายทางปัสสาวะ นอกจากนี้ ไตยังมีหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายให้สมดุล ควบคุมความดันโลหิต สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายอีกด้วย หากไตทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง โรคกระดูก และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุด


              "โซเดียม" กระบวนการทำลายไตในระยะยาว

              เมื่อบริโภคโซเดียมหรือเกลือในปริมาณที่สูง ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย การสะสมของโซเดียมในเลือดจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำในหลอดเลือดเพิ่ม ความดันโลหิตสูงขึ้น และสร้างแรงดันในหลอดเลือดของไต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมสภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การบริโภคโซเดียมมากเกินไปยังส่งผลให้เกิดภาวะต่าง ๆ ที่ทำลายไต เช่น

·        การอักเสบของเนื้อเยื่อไต เกิดจากโซเดียมสะสมที่กระตุ้นการอักเสบ

·        ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหลอดเลือดไตทำให้เกิดการรั่วไหลของโปรตีน

·        การเกิดนิ่วในไต โซเดียมกระตุ้นการขับแคลเซียมในปัสสาวะ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลึกนิ่วได้


              แต่โซเดียมก็ไม่ได้เป็นวายร้ายไปซะทีเดียว ยังถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางชนิด เพียงแต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม


สถิติ "โรคไต" ในไทย

              จากข้อมูลจากกรมอนามัยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า

1.         ในปี 2565 มีคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังมากกว่า 11.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 8,000,000 คนในปี 2563

2.         ผู้ป่วยที่ต้องล้างไตเพิ่มขึ้นจาก 80,000 คนในปี 2563 เป็น 100,000 คนในปี 2565


              ปัจจัยหลักที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรังคือโรคเรื้อรังอย่าง เบาหวาน และ ความดันโลหิตสูง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของผู้ป่วย นอกจากนี้ พฤติกรรมการกินเค็มเกินพอดี เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 3,635 มก. ซึ่งสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ระบุไม่ควรเกินวันละ 2,000 มก. หรือประมาณ 1 ช้อนชา


ความหมายของคำว่า "ไตพัง"

              ความเชื่อที่ว่า "การกินเค็ม" ทำให้ไตวายนั้นเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง "เพียงบางส่วน" การรับประทาน "โซเดียม" ในปริมาณมากเกินไปอย่างต่อเนื่องต่างหาก จะส่งผลให้ไตทำงานหนักขึ้น ทำให้ไตเสื่อมสภาพและเกิดโรคไตเรื้อรังได้ การลดการบริโภคโซเดียมสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น

·        ลดการใช้เครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง อาหารรสเค็ม

·        เลือกอาหารสดแทนอาหารแปรรูป เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์สด

·        อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง

·        ปรุงอาหารเองเพื่อลดการเติมเกลือและซอสต่าง ๆ หรือลองปรุงรสด้วยสมุนไพรแทนการใช้เครื่องปรุงรสสำเร็จรูป

·        หลีกเลี่ยงการเติมเกลือเพิ่มในอาหารสำเร็จรูป

·        ดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย

·        ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิต และช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น

·        ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยชะลอความเสื่อมของไต


              •   ตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้ทราบถึงภาวะสุขภาพของไตและสามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

หมั่นคอยดูแลและรักษา "โรคไต"

โรคไตในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการที่เด่นชัด ทำให้หลายคนอาจมองข้ามและไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคไตอยู่ จนกระทั่งโรคมีความรุนแรงมากขึ้นจึงเริ่มแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้น การสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจพบโรคและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

อาการเบื้องต้นของโรคไตที่พบบ่อย

·                  ปัสสาวะผิดปกติ เป็นฟอง มีเลือดปน เปลี่ยนสี

·                  ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือปัสสาวะน้อยลง มีอาการปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ

·                  อาการบวมที่เท้า หน้า และข้อเท้า

·                  ความดันโลหิตสูง เพราะไตมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ ความดันโลหิตอาจสูงขึ้น

·                  รู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อไตทำงานผิดปกติ จะไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย

·                  เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นผลจากการสะสมของเสียในร่างกายมากเกินไป

·                  ผิวหนังคัน การสะสมของของเสียในร่างกายอาจทำให้ผิวหนังคัน


เหตุใดจึงควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้

- การตรวจพบโรคไตในระยะเริ่มต้น จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและชะลอความรุนแรงของโรคได้
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากปล่อยให้โรคไตเรื้อรังลุกลาม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง
- รักษาคุณภาพชีวิต การรักษาโรคไตอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไม่ใช่แค่เค็มที่ทำลาย "ไต"

·                  โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุหลักของโรคไตเรื้อรัง

·                  ความดันโลหิตสูงเรื้อรังทำลายหลอดเลือดในไต

·                  โรคทางพันธุกรรม

·                  การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจลุกลามไปยังไต

·                  การใช้ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อไต

·                  การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เช่น หินในไต หรือเนื้องอก

·                  ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง


              รศ.นพ.สุรศักดิ์  กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่าปล่อยให้ไตพังแล้วต้องมานั่งฟอกไต หลายคนอาจคิดว่า ไตมีตั้ง 2 ข้าง เลยทำให้มองข้ามความสำคัญ แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อเสียไตไปสักข้าง การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง "การฟอกไต" ไม่ใช่เพียงเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว แต่ยังหมายถึงความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า และความรู้สึกโดดเดี่ยวในห้องฟอกไตที่ต้องเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วน "การผ่าตัดเปลี่ยนไต" แม้จะดูเป็นทางรอด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ไตใหม่ และยังต้องต่อสู้กับความเสี่ยงหลังการผ่าตัดอีกมากมาย ลองคิดถึงการสูญเสียไต 1 ข้างที่อาจมาจากพฤติกรรมเล็ก ๆ เช่น กินเค็มเกินไปหรือดื่มน้ำน้อยในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้ฟังดูธรรมดาแต่สามารถนำไปสู่ความทุกข์ทรมานตลอดชีวิต อย่ารอให้ถึงวันที่คุณต้องนั่งบนเตียงฟอกไตกับคำถามในใจว่า "ทำไมฉันไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่แรก" จงเริ่มดูแลไตตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป
52
“รีด” จบ 22 อันเดอร์ คว้าแชมป์ ฮ่องกง โอเพ่น “สดมภ์” ดีสุดโปรไทยที่อันดับ 4 ร่วม


แพทริค รีด

24 พฤศจิกายน 2567 – แพทริค รีด ดาวดังโลกชาวอเมริกัน รักษาฟอร์มแกร่งหวดรอบสุดท้ายได้อีก 4 อันเดอร์พาร์ 66 จบด้วยสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 258 คว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ เป็นครั้งแรกจากรายการ ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น ที่สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ พาร์ 70 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ สดมภ์ แก้วกาญจนา ทำผลงานดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทยที่สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 263 รั้งอันดับ 4 ร่วม (ภาพ: Asian Tour)


ไทชิ โค

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ รายการที่ 8 ของฤดูกาล 2023 “ลิงค์ ฮ่องกง โอเพ่น” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 68 ล้านบาท ณ สนามฮ่องกง กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,710 หลา พาร์ 70 ในเมืองฟานหลิง เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีโปรกอล์ฟชื่อดังของโลกลงดวลวงสวิงกับเหล่าผู้เล่นแถวหน้าของทัวร์ และมีผู้เล่นชาวไทยผ่านตัดตัว 16 คน


แพทริค รีด

ปิดฉากการชิงชัยปรากฎว่า แพทริค รีด แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2018 จากสหรัฐฯ ซึ่งหวดสกอร์ต่ำสุดต่อรอบที่ 11 อันเดอร์พาร์ 59 ในวันที่สามพร้อมกับแซงขึ้นเป็นผู้นำ รอบสุดท้ายหวดได้อีก 4 อันเดอร์พาร์ 66 จากการทำ 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ รวมสี่วัน 22 อันเดอร์พาร์ 258 คว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ เป็นครั้งแรก พร้อมรับเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 12.2 ล้านบาท โดยมี เบน แคมป์เบลล์ แชมป์ปีที่แล้วจากนิวซีแลนด์ ที่หวดเพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ 65 ขยับขึ้นมาจบรองแชมป์ด้วยสกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ 261


แพทริค รีด

รีด ดาวดังจากลิฟกอล์ฟ วัย 34 ปี เผยหลังคว้าแชมป์แรกในเอเชียว่า “ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ได้มายังสนามที่ผมชอบและเล่นได้ดี ผมชอบการเล่นที่ได้คิดถึงช็อตต่างๆ ที่ต้องเล่นที่สนามแห่งนี้ โดยเฉพาะการทำสกอร์ 59 เมื่อวานนี้ช่วยผมได้มาก เพราะเกมวันนี้ถือว่ายากที่สุด”


โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา

ขณะที่ โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา ทำผลงานดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย หลังหวดอีก 5 อันเดอร์พาร์ 65 จากการทำ 6 เบอร์ดี้ เสียโบกี้เดียว สกอร์รวมสี่วัน 17 อันเดอร์พาร์ 263 จบอันดับ 4 ร่วมกับ เวด ออร์มสบี อดีตแชมป์ฮ่องกง โอเพ่น สองสมัย รับเงินรางวัลไปคนละ 91,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 ล้านบาท โดยมี ไทชิ โค โปรดาวรุ่งเจ้าถิ่น ตามมาที่อันดับ 6 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 264


โปรฟีเวอร์-นิติธร ทิพย์พงษ์

ทางด้าน โปรฟีเวอร์-นิติธร ทิพย์พงษ์ ผู้นำรอบแรก ฟอร์มหลุดตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 71 สกอร์รวมเหลือ 14 อันเดอร์พาร์ 266 เท่ากับ ชัพชัย นิราช ที่ทำเพิ่มอีก 1 อันเดอร์พาร์ 69 ทั้งคู่รั้งอันดับ 14 ร่วมกับผู้เล่นอีก 2 คน ส่วนจัสติน โรส ดาวดังจากอังกฤษ ดีกรีแชมป์ยูเอส โอเพ่น 2013 และอดีตแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2015 ตีเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 67 สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์  267 จบในกลุ่มอันดับ 18 ร่วม ซึ่งรวมถึง ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ และภาณุพล พิทยารัฐ

สำหรับผลงานของนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่น เนติพงศ์ ศรีทอง (70) สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 268 รั้งอันดับ 23 ร่วม, กัญจน์ เจริญกุล (64) สอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ 269 อยู่อันดับ 26 ร่วม, พชร คงวัดใหม่ (66), อติรุจ วินัยเจริญชัย (67) และ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย (68) สกอร์รวมคนละ 10 อันเดอร์พาร์ 270 อยู่อันดับ 32 ร่วม

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
53
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำคุณภาพตัวแทน ด้วยรางวัลระดับเอเชีย
จากงาน 9th  Asia Trusted Life Agents & Advisor Awards 2024 (Asia Insurance Review)


              บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา เดินหน้าพัฒนาศักยภาพตัวแทนประกันชีวิต หัวใจสำคัญของธุรกิจประกันชีวิต ตอกย้ำคุณภาพตัวแทนประกันชีวิตด้วยรางวัลระดับเอเชีย ประเภท “ตัวแทนประกันชีวิตรายใหม่แห่งปี” (Rookie Insurance Agency Leader of The Year) ในงาน 9th Asia Trusted Life Agents & Advisor Awards 2024 (Asia Insurance Review)  เวทีประกวดระดับเอเชียของธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Asia Insurance Review และ Asia Advisers Network จากประเทศสิงคโปร์

              นายวิรงค์ พัฒนะกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตกล่าวว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางตัวแทน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการดำเนินธุรกิจ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยรับรวมที่ 19,249 ล้านบาท ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโตมากถึง 28% อยู่ที่ 4,580 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 1,542 ล้านบาท  แสดงให้เห็นว่า ช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางที่สำคัญของธุรกิจประกันชีวิตที่ทำให้บริษัทเติบโต ด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิตมีรายละเอียดที่แตกต่าง ซับซ้อน อาทิ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ Unit linked ประกันชีวิตควบการลงทุน จึงต้องอาศัยการสื่อสาร แนะนำจากตัวแทน รวมไปถึงการให้บริการหลังการขาย

              ในปัจจุบันคนไทยมีประกันชีวิตไม่เกิน 40 % รวมไปถึงตัวแทนประกันชีวิตที่มีเพียงหลักแสนคนเท่านั้น ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับผู้ยังไม่มีประกันชีวิต โดยอาชีพตัวแทนประกันชีวิตยังถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจ ซึ่งบริษัทมีการพัฒนาตัวแทนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้น บริษัทฯมี Agency Academy สอนพื้นฐานธุรกิจประกันชีวิต รายละเอียดของสินค้าแต่ละรูปแบบ รวมถึงเครื่องมือในการเสนอขาย ปิดยอด และบริการหลังการขาย หากใครสนใจอยากเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต ขอเพียงมีความตั้งใจ มุ่งมั่น โอกาสไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน


              คุณธนินนัทธ์  อนันตจริยะพล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตัวแทนประกันชีวิตรุ่นใหม่ในวัย 34 ปี ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าทั้งในเรื่องสุขภาพและการเงิน ด้วยความตั้งใจนี้ทำให้ธนินนัทธ์ หรือมาร์ค ประสบความสำเร็จในธุรกิจประกันชีวิต ก้าวขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย พร้อมคว้าตำแหน่ง Rookie Insurance Agency Leader of The Year ในงาน 9th Asia Trusted Life Agents & Advisor Awards 2024 (Asia Insurance Review) จัดขึ้นที่ PARKROYAL COLLECTION, Marina Bay ประเทศสิงคโปร์

จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต

              เข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตมาประมาณ 5 ปี โดยก่อนเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตทำงานด้านหลักทรัพย์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนให้กับโบรคเกอร์ ประมาณ 7 ปี โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจด้านการเงินมาตั้งแต่เด็ก จุดที่ทำให้สนใจเข้ามาทำธุรกิจประกันชีวิต ศึกษาจากพฤติกรรมของนักลงทุนในหลักทรัพย์ใช้เงินที่จัดสรรมาลงทุนเพียง 10% ของทรัพย์สิน แต่ยังมองหาอีก 90% ที่จะนำไปลงทุนที่ต่างๆ จึงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปดูแลสินทรัพย์ให้กับลูกค้าได้ครอบคลุม

เป้าหมายในอาชีพตัวแทนประกันชีวิต

              ในแต่ละช่วงชีวิตของทุกคน มักจะมีเหตุการณ์สำคัญไม่กี่เหตุการณ์ เช่น เรียนจบ แต่งงาน คลอดลูก เกษียณ ในแต่ละช่วงเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ประกันชีวิตสามารถไปแทรกในทุกช่วงชีวิตได้ จึงอยากจะสร้างอิมแพคเรื่องประกันชีวิตให้กับทุกคน มีการตั้งเป้าหมายกรมธรรม์ในทีมงานให้ถึง 1 ล้านกรมธรรม์ ภายในปี 2030 รวมถึงการขยายทีมงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย


แนวคิดในการทำงาน ก้าวสู่ความสำเร็จ

              ทุกครั้งที่ไปเจอลูกค้า สิ่งที่นำเสนอให้กับลูกค้าคือ การวางแผนการเงิน ก่อนที่จะขายผลิตภัณฑ์ใดๆให้ลูกค้า ต้องเข้าใจเป้าหมายของลูกค้า ซื้อเพื่ออะไร ได้อะไร ต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตั้งแต่ซื้อ เคลม รวมถึงเยี่ยมลูกค้ากรณีเจ็บป่วย ทำให้เกินความคาดหวังของลูกค้า จนเกิดเป็นความประทับใจและความเชื่อใจ รวมถึงทีมงาน ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน  แนวคิดการทำงานของทีม เน้นการฟัง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้อย่างตรงเป้าหมาย

อลิอันซ์ อยุธยา แรงผลักดันสู่ความสำเร็จ

              อลิอันซ์ อยุธยา มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างที่ปรึกษาด้านการเงิน จากการจัดกิจกรรมฝึกอบรม นำเสนอเนื้อหาที่จะพัฒนาตัวแทนได้เป็นอย่างดี แคมเปญการแข่งขัน เพื่อผลักดันการทำงานให้ไปถึงเป้าหมาย


เคล็ดลับความสำเร็จ คว้ารางวัล Rookie Insurance Agency Leader of the year 2024

              เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับรางวัลนี้ ถือเป็นรางวัลของทีมงานทุกคน โดยได้เขียนเรื่องราวบอกเล่าการทำงานของทีม ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ประเภท Rookie Insurance agency Leader of the year 2024 จากผู้เข้าชิงจากหลายประเทศในเอเชีย เคล็ดลับความสำเร็จในครั้งนี้ การสร้างทีมงานที่เป็นตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงิน ไม่ได้มองแค่มุมทีมงานหรือลูกค้า แต่มองถึงภาพรวมทั้งหมด ทั้งบริษัท ทีมงานเบื้องหลัง ปลูกฝังทีมงานถึงความสำเร็จแบบองค์รวม สร้างแนวทางการทำงานให้คนในองค์กรทำงานในทิศทางเดียวกัน ทำกิจกรรมในทีม การตั้งเป้าหมายร่วมกัน เป้าหมายคือ การมีกรมธรรม์ในทีมงานให้ถึง 1 ล้านกรมธรรม์ ภายในปี 2030 รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคม จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงินกับคนที่ขาดแคลนการเงิน ขาดโอกาสการเข้าถึง คนที่มีหนี้สิน ทำมาอย่างสม่ำเสมอตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต

              ธุรกิจประกันชีวิตเปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ เริ่มจากหว่านเมล็ด อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าจะออกผล สำหรับตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต ต้องให้เวลากับการทำงาน เอาใจใส่ ทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ พัฒนาตัวเอง วางแผนการทำงาน ในช่วงเริ่มต้นให้เวลากับการขายให้มากประมาณ 90% เมื่อเริ่มเติบโต เริ่มวางแผนการสร้างทีม การบริหารงาน ปรับสัดส่วนการขายอยู่ที่ 30% มองภาพรวมกันทำงานแบบทีม ไม่ยึดติดการทำงานแบบเดิมๆ กล้าที่จะลองทำ

              อาชีพตัวแทนประกันชีวิต เป็นอาชีพอิสระ อิสระทางความคิด ความก้าวหน้า การทำงาน ขอเพียงแค่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ให้เวลา พัฒนาความรู้ สั่งสมประสบการณ์ เพื่อไปสู่ความสำเร็จได้ตามความตั้งใจ และสิ่งสำคัญคือการได้รับการสนับสนุนจากบริษัทตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการดูแลลูกค้าหลังการขาย ช่วยให้ตัวแทนประกันชีวิตสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
54
หัวเราะจนเหนื่อยกับ “หอแห๋วแหก 2 แหวกทะลุมิติ” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             วันศุกร์นี้ ทรูโฟร์ยูจะพาคุณผู้ชมไปคลายเครียดกับหนังเบาสมอง “หอแห๋วแหก 2 แหวกทะลุมิติ”ภาพยนตร์ล้อเลียนที่เต็มไปด้วยมุขตลกและการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นที่คุณต้องดู นำแสดงโดย นุ้ย เชิญยิ้ม  แอนนา ชวนชื่น อรชร ชวนชื่น  หน่อย เชิญยิ้ม และเอ๋ เชิญยิ้ม






             โดยหนังจะบอกเล่าเรื่องราวของ เจ๊หวง (หน่อย เชิญยิ้ม) เจ้าของหอพักแห่งหนึ่งที่หายตัวไปอย่างลึกลับในห้องพักของเธอ โซฟี่ (อรชร ชวนชื่น) น้องสาวของเจ๊หวง พร้อมกับเพื่อนๆ ได้มาที่หอพักเพื่อค้นหาเจ๊หวง แต่กลับพบว่าทุกคนถูกดูดเข้าไปในมิติอื่น โอ้วละพ่อ...ในมิตินั้น พวกเขาพบเรื่องสุดแปลก และเจอแรมโบ้ที่กำลังหนีการตามล่า พวกเขาจึงต้องช่วยกันหาทางกลับมิติเดิม รวมถึงช่วยเจ๊หวงที่ถูกจับตัวไปโดยพวกว้า ทั้งหมดจะช่วยเจ๊หวงได้อย่างไร ติดตามชมต่อกันได้ใน วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เวลา 20.40 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live
55
"ไดกิ้น" จับมือ "มจพ." เซ็น MOU ผลิต-พัฒนากำลังคนทางการศึกษา
ผ่าน 2 หลักสูตรเสริมทักษะความรู้เครื่องปรับอากาศยุคใหม่


ไดกิ้น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ บูรณาการทำงานร่วมกันใน 2 หลักสูตร เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนทางการศึกษาให้มีความรู้และทักษะด้านเครื่องปรับอากาศ พร้อมความรู้การติดตั้งซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์และระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ หรือ VRV สร้างความพร้อมการทำงานที่ครอบคลุมแก่อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย

นายสึโทมุ คูริฮาระ ประธานบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไดกิ้น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นสององค์กรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดกัน ผ่านศิษย์เก่าที่ได้เข้ามาเป็นบุคลากรของไดกิ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะส่วนงานเทคโนโลยี ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายผลิต หรืองานด้านการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ ซึ่งล้วนแต่เป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทเติบโต และยังเป็นกลไกที่ช่วยให้อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในประเทศก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ



"ความสำเร็จต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เราเชื่อมั่นในการยกระดับความสัมพันธ์นี้ไปอีกขั้น โดยไดกิ้นได้จับมือกับทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานชั้นนำ ภาคอุดมศึกษาและภาคเอกชน ซึ่งโจทย์ที่เราวางเป้าหมายไว้คือการผลิตและพัฒนากำลังคน ในกลุ่มนิสิต นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ในผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ รวมถึงมีทักษะในด้านการติดตั้งและซ่อมบำรุงระบบเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศที่มีความทันสมัย ซึ่งเป็นทักษะสำคัญและจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน"

ด้าน นายไดสุเกะ มุราคามิ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า หลักสูตรความร่วมมือระหว่างไดกิ้น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จะเป็นโปรแกรมฝึกอบรมให้กับบุคลากรในคณะวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมการทำความเย็นและการปรับอากาศ โดยแต่ละหัวข้อจะเน้นพัฒนาความรู้และทักษะในระบบปรับอากาศ ควบคู่กับหัวข้อบริการหลังการขาย สร้างคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะตอบโจทย์ตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยไปพร้อมกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยหลักสูตรนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมมีความสามารถที่ครอบคลุม และพร้อมรับมือกับการทำงานในหลากหลายรูปแบบ ประกอบไปด้วยรายละเอียดในหลักสูตร ได้แก่



- พื้นฐานระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter)
- พื้นฐานเครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Variable Refrigerant Volume หรือระบบ VRV)
- พื้นฐานการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Variable Refrigerant Volume หรือระบบ VRV)
- ฝึกปฏิบัติการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Variable Refrigerant Volume หรือระบบ VRV)

สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างกลุ่มบริษัท ไดกิ้น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ประกอบด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้ฝึกอบรม และผู้เข้าร่วมงานจาก บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด, บุคลากรจากคณะวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมการทำความเย็นและการปรับอากาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมิตร ส่งพิริยะกิจ คณบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และรองศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรชาญ ทองจับ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคนิคศึกษา
56
อิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติสุดตระการตา
พฤศจิกายน - ธันวาคม 2567
ณ แคลิฟอร์เนีย สเต็ก โรงแรมแคนทารี อยุธยา






             ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก โรงแรมแคนทารี อยุธยา ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยมกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวันสุดตระการตาที่จะทำให้คุณอิ่มอร่อยทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.00 น. ตลอดเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2567 ในราคาสุดคุ้มพียง 450 บาทสุทธิต่อท่าน (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีและส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. ลดครึ่งราคา เพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารนานาชาติที่หลากหลายความอร่อย อาทิ ซุปร้อนๆ หอมกรุ่นนานาชนิดทั้งสไตล์เอเชียและยุโรป มุมสลัดบาร์สดใหม่ ซูชิเลิศรสที่คัดสรรวัตถุดิบพรีเมี่ยม พาสต้า อาหารคาวหวานทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งขนมหวานและเค้กนานาชนิด โดยเมนูอาหารจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวัน เพื่อมอบสีสันความอร่อยในทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีบริการชาและกาแฟฟรี เพื่อเติมเต็มมื้อสุขสันต์










             สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก โรงแรมแคนทารี อยุธยา โทร. 035-337-177 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kantaryhotel-ayutthaya.com

#capekantary #internationalbuffet #kantaryayutthaya #buffet #ayutthaya

###########

* โรงแรมในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข
โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ

#####################################

* กลุ่มโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ สนับสนุนการป้องกันการทารุณสัตว์
ซึ่งโรงแรมฯ มีนโยบายชัดเจนในการห้ามไม่ให้มีการขาย หูฉลาม รังนก และตับห่าน ในทุกห้องอาหารของโรงแรม
57
กทม. ผนึกกำลัง ไบเออร์ไทย เดินหน้าสู่การสร้างเมืองสุขภาพดี “Healthy City”
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ


             กทม. ร่วมกับ ไบเออร์ไทย ลงนามในบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding: MOU)  มุ่งสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรมเสริมความรู้เท่าทันโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ให้กับประชาชนทั่วไป และกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Healthy Up! Run 2024" ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567


             นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding: MOU) กับบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ยั่งยืน และน้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 6 รอบ หรือ 72 พรรษา


             ความร่วมมือดังกล่าวสอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี (พศ.2561-2580) ในการสร้างเมืองสุขภาพดี Healthy City ซึ่งมีเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย อีกทั้งได้เข้าถึงการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ด้วยมาตรฐานคุณภาพที่เท่าเทียม รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างครอบคลุม การที่ กทม. ได้พันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ อย่างไบเออร์ไทย มาผสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยในครั้งนี้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพเดินหน้าสร้างสังคมสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน


             นายแบรดลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวถึงการร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ว่า เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของไบเออร์ไทยที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมอย่างต่อเนื่อง การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีส่วนสำคัญต่อการสนับสนุนให้คนไทยสามารถดูแลสุขภาพตนเองให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค การรณรงค์ให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้ประชาชนสามารถดูแลและป้องกันตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ และอีกทั้งยังมุ่งเน้นการสร้างคุณประโยชน์ให้กับชุมชนผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทในการส่งเสริมให้ “ทุกคนมีสุขภาพดี และไม่ขาดแคลนอาหาร”(Health for all, Hunger for none)


             ภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ กทม. และไบเออร์ไทย จะดำเนินการใน 2 กิจกรรม ดังนี้

             1) กิจกรรมการสร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โดยให้ความรู้แก่ประชาชนร่วมกับแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุข  ตลอดจนการเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์และกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพของตนเอง และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

             2) การจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ "Healthy Up! Run 2024” ส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพสุขภาพตนเอง  สอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี การสร้างเมืองสุขภาพดี “Healthy City” และพันธกิจของไบเออร์ที่มุ่งมั่นให้ “ทุกคนมีสุขภาพดี ไม่ขาดแคลนอาหาร” (Health for all, Hunger for none) และยังจะจัดให้มีกิจกรรมการสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ (Healthy Up! Talk) ให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน รวมถึงกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพอื่นๆอีกด้วย โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจกรรมทางการแพทย์ในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร


             สำหรับการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง “Healthy Up! Run 2024” มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย แบ่งการวิ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Mini Marathon ระยะ 10 กิโลเมตร (10K) และ Micro Marathon ระยะ 5 กิโลเมตร (5K) มีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพและการตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการออกกำลังกายของประชาชนทุกกลุ่ม เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 8 ธันวาคม 2567 ทาง https://race.thai.run/healthyuprun2024 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=61566815558532
58
ชวนช้อปเพลินเดินชิล ในงาน Sookho Thai ตั้งแต่วันนี้ – 1 ธ.ค. 67


ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อปเพลินเดินชิล ในงาน Sookho Thai คัดสรรสินค้าเด่นอาหารดีและของที่ระลึกรวม มาไว้ให้เลือกสนุกช้อปชิมกับเมนูอาหารมากมาย อาทิ ผัดไท ส้มตำ ไก่ย่าง – หมึกย่างน้ำจิ้มซีฟู้ด,โรตี,เคบับไก่, ผลไม้สดและผลไม้อบแห้ง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเครื่องหอมสมุนไพร, เทียนหอม, กระเป๋า DIY ชวนอิ่มอร่อยกับอาหารไทยและนานาชาติสไตล์สตรีทฟู้ดมากกว่า 70 ร้านค้า ณ ลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าแพลทินัม ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ติดตามรายละเอียดร้านค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ได้ที่ FB: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์

















59
เมย์แบงก์ จัดงาน “ติด BUFF การเงิน TALK SHOW” สร้างโอกาสการเข้าถึงการลงทุน


             บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จัดงาน “ติด BUFF การเงิน TALK SHOW” มุ่งเป็นเวทีที่ให้ความรู้คู่ความบันเทิงในเรื่องการเงิน มีเป้าหมายหลักที่จะทำให้เรื่องการเงินที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องเข้าใจง่ายและสนุกสนาน โดยมี ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานบริษัท (กลาง) ฮานส์ โจฮาน แพทริก แซนดิกรรมการอิสระ (ที่สามจากซ้าย) ริคาร์โด นิการ์นอร์ จารินโต กรรมการอิสระ (ที่สามจากขวา) ชง จิน โอ เลา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MIBG (ที่สองจากขวา) และ อารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) (ที่สองจากซ้าย)  ร่วมเปิดงาน พร้อมด้วยอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังอย่าง จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เจ้าของเพจ Money Buffalo (ซ้าย) และ คุณศรัญญู เพียรทำดีเจ้าของเพจ  Buffalo Gags (ขวา) ที่มาร่วมให้ความรู้ด้านการเงินและความบันเทิง สร้างแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นการลงทุนอย่างถูกต้องและยั่งยืน ณ โรงภาพยนตร์ EARTHLAB ชั้น 9 (SF World Cinema Central World) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆนี้
60
ยาดมตราโป๊ยเซียน เปลี่ยนพลาสติกเป็นถนน UPCYCLINGลดปัญหาพลาสติกสะสมในประเทศ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของคนไทย




(22 พฤศจิกายน 2567) บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ตราโป๊ยเซียน ทั้งยาดมตราโป๊ยเซียน พิมเสนน้ำตราโป๊ยเซียน ยาดมพีเป๊กซ์ ผู้จัดโครงการ “Poysian Go Green Together” ที่มุ่งสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปันสู่ความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมกับการรณรงค์เพื่อลดการใช้พลาสติก รวมถึงสนับสนุนการนำพลาสติกไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์และในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมพลาสติกเหลือใช้มา UPCYCLING ให้เป็นอิฐบล็อกโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านการแปรรูปพลาสติก ก่อนนำไปสร้างถนนภายในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ล่าสุด ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ กรรมการและที่ปรึกษาบริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด จัดงานส่งมอบถนน โครงการ “Poysian Go Green Together” อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย คุณหัทยา สารลิขิต ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ผศ.ดร. เวชสวรรค์ หล้ากาศ เจ้าของโครงการบล็อกปูถนนรีไซเคิล จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และคณะเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มาร่วมงาน ณ เวิร์คพอยท์ สตูดิโอ จ.ปทุมธานี








โดยถนนเส้นประวัติศาสตร์ Poysian Upcycling พื้นที่ในอุทยานฯ แบ่งเป็น บริเวณทางเดินริมกำแพงวัดพระศรีสรรเพชญ์ บริเวณหน้าป้อมแนวกำแพงวัด บริเวณป้อมจำหน่ายบัตรทางเข้าวัด และบริเวณข้างสระน้ำลานหน้าวิหารพระมงคลบพิตร พื้นที่รวมกว่า 2,259 ตารางเมตร สร้างจากพลาสติกเหลือใช้จำนวน 9 ตัน ซึ่งโป๊ยเซียนเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด เพื่อมอบเป็นสาธารณประโยชน์แก่ชุมชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยว ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา


ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ กรรมการและที่ปรึกษาบริษัทฯ เผยว่า “เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับกับความภูมิใจของพวกเราครอบครัวโป๊ยเซียนและพี่น้องคนไทยทุกคน ที่ส่งพลาสติกเหลือใช้มาร่วมสร้างถนนเส้นประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วยกัน ในนามของผลิตภัณฑ์ตราโป๊ยเซียน นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด การได้เป็นส่วนหนึ่งสร้างสังคมให้น่าอยู่ก็เป็นทิศทางการดำเนินงานของเรา ซึ่งตลอดปี 2567 นี้ เราได้ลงพื้นที่ ลงมือทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ถนนเส้นประวัติศาสตร์ Poysian Upcycling สามารถช่วยลดปัญหาพลาสติกสะสมในประเทศได้มากถึง 9 ตัน และยังเป็นการนำพลาสติกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ถนนเส้นนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไทยทั้งประเทศ และขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่สนับสนุนโป๊ยเซียนด้วยดีเสมอมา ไม่ว่าโป๊ยเซียนจะจัดกิจกรรมอะไร ลงพื้นที่ไปจังหวัดไหน หรือแม้แต่ในออนไลน์ ก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องชาวไทยด้วยดีเสมอมา ผมจึงอยากมอบความสุขและความภาคภูมิใจในครั้งนี้ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคนครับ”






ติดตามกิจกรรม “Poysian Go Green Together” และ กิจกรรมต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ตราโป๊ยเซียน ได้ที่ Facebook Fanpage : โป๊ยเซียน-POYSIAN หรือ Line OA @Poysian

#PoysianGoGreenTogether #ให้ทุกการพักผ่อนมีโป๊ยเซียนทุกลมหายใจ #ยาดมตราโป๊ยเซียน #poysianinhaler #โป๊ยเซียน #poysian #ยาดม #inhaler








Pages: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10