Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
PDPC จัดอบรม "สื่อสารอย่างไร ให้ได้ใจคน"
พัฒนาบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
เพื่อให้บริการประชาชนด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.​) หรือ PDPC จัดกิจกรรม "สื่อสารอย่างไร ให้ได้ใจคน" ภายใต้โครงการสนับสนุนทางวิชาการ เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรภายในองค์กรให้มีความรู้ ความเข้าใจด้านการสื่อสาร สามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการให้บริการประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ประธานเปิดงานกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่า ปัจจุบันการสื่อสารเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง และมีอิทธิพลกับคนหมู่มาก การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารและเอกลักษณ์ขององค์กร จึงมีความสำคัญและจำเป็น เพื่อให้บุคลากรสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การจัดอบรม "สื่อสารอย่างไร ให้ได้ใจคน" มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรภายในองค์กรให้มีความรู้ ความเข้าใจด้านการสื่อสารในองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการให้บริการประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เกิดการพัฒนาด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศต่อไป



สำหรับกิจกรรมครั้งนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการสื่อสารมากมาย โดยมี นายรวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของเพจ และรายการ พอดแคสต์ Mission to the Moon ได้กล่าวถึงความสำคัญของการสื่อสาร กับความสัมพันธ์ชื่อเสียง องค์กร ว่ามีความสอดคล้องกันอย่างไร พร้อมด้วย อาจารย์ก้องนภา เจียมทวีวิบูลย์ Certified Trainer & Coach ผู้เชี่ยวชาญด้าน Branding & Customer Relations ที่มาให้ความรู้ในด้านวิธีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ และนายณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์ Editor-in-Chief บรรณาธิการบริหาร Tatler Thailand กับการเล่าถึง Brand Storytelling & Communication โดยมีบุคลากรสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 50 คน ณ​ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดโครงการสนับสนุนทางวิชาการในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการสื่อสารมากขึ้น และนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการทำงานเพื่อให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสื่อสารได้ชัดเจนไปในทิศทางเดียวกัน
2
อลิอันซ์ อยุธยา ชวนคนไทยร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม


             อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยชั้นนำในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างช่วยเหลือลูกค้าเสมอในทุกเงื่อนไขชีวิต ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิ SOS เดินหน้าส่งต่อความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่

             ·    บริจาคเงิน “ช่วยล้างบ้าน” เพื่อจ้างอาสาชุมชนและจัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมดินโคลน เพื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพอยู่อาศัยได้หลังน้ำลด โดย อลิอันซ์ อยุธยา จะร่วมสบทบการบริจาคของท่าน ผู้สนใจสามารถบริจาคเงินได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี: 202-258298-3 ชื่อบัญชี: กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา และสามารถ อัปโหลดสลิปบริจาคที่ allianzth.co/FloodDonate เพื่อให้บริษัททำการสมทบยอด

             ·       บริจาคอาหารพร้อมกิน “ช่วยเติมอิ่ม” กับมูลนิธิกู้ภัยอาหาร SOS เพื่อสนับสนุนหน่วยกู้ภัยและผู้ประสบภัย อาทิ ขนมปังบิสกิต ปลากระป๋อง นมกล่อง ขนมถุง เกลือแร่ สามารถมอบให้ที่จุดรับบริจาค สำนักงานใหญ่ อลิอันซ์ อยุธยา ชั้น 1 อาคารเพลินจิต ทาวเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 กันยายน 2567 เวลา: 9.00 – 17.00 น.

             อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างคนไทย และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประสบภัยในภาวะวิกฤตในครั้งนี้ สำหรับลูกค้าอลิอันซ์ อยุยา สามารถติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าประกันชีวิต โทร 1373 ลูกค้าประกันภัย โทร 1292
3
“ชมพู่ ก่อนบ่าย” ยกทีมมาฮากันให้หนำใจ
“ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


           หนังตลกขำกลิ้งฮากันไม่พักกับภาพยนตร์ล้อเลียนหนังดัง “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่รวมเอานักแสดงตลกตัวท็อปอย่าง ชมพู่ ก่อนบ่าย ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด เต้ เป็ดกะดัน แอนนา ชวนชื่น หน่อย เชิญยิ้ม นุ้ย เชิญยิ้ม และโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม มาร่วมสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะตลอดทั้งเรื่อง






           ณ หมู่บ้านดงมะขวิด มีกำนันโก๋ เจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง และผู้ใหญ่เก๋า (โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม) เจ้าของสนามกอล์ฟ ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน แต่มีเรื่องเล่าว่าในอดีตทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก ยอมตายแทนกันได้ แต่เรื่องของผู้หญิงทำให้ทั้งสองผิดใจกัน เพราะการขอยืมแฟนเพื่อนไปหลอกพ่อว่าเป็นแฟนแล้วไม่ยอมคืน ความลำบากจึงตกมาถึงลูก (ชมพู่ ก่อนบ่าย - เต้ เป็ดกะดัน) ของทั้งสองที่รักกัน ทำให้ถูกขัดขวางจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เรื่องราวจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามกันต่อในภาพยนตร์ “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์”วันศุกร์ที่ 20 กันยายนนี้ เวลา 20.40 น.ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live

#ทรูโฟร์ยูช่อง24
#ยืมวันเสาร์คืนเช้าวันจันทร์
4
จากความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จ จากความสำเร็จ สู่ความยั่งยืน
สวพส. องค์กรต้นแบบที่สร้างคุณค่า สร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชนบนพื้นที่สูง


              ความสำเร็จของการดำเนินงานในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติราชการจนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนของ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับ “รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ” ประจำปี 2567 และรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่น ๆ รวม 7 รางวัล เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นได้รับรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นแบบที่สร้างคุณค่าในการปฏิบัติงานจนมีความสำเร็จมุ่งประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน


              นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า สวพส. เป็น 1 ใน 3 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จากสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวพส. มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ภายใต้แนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก (UNGPs on AD) ขยายผลสำเร็จสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารของประเทศไทย ให้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกภาคเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ได้รับโอกาสอย่างเสมอภาค สนับสนุนชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน และร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วน ตลอดจนการมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้บริบทและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้คนสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เป็นผลให้ สวพส. ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่นๆ รวม 7 รางวัล ได้แก่


1. รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ

2. รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี ประเภทขับเคลื่อนเห็นผล 2 รางวัล ได้แก่ ชุมชนคาร์บอนต่ำ กุญแจสำคัญ ลดโลกร้อน และผู้นำสตรี สิทธิเท่าเทียมชาย

3. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน 2 รางวัล ได้แก่       ภูมิปัญญา (หัตถกรรม) แก้จน คนบนดอย และไม้ผลกินได้ สร้างป่า สร้างเงิน แก้จนคนสะเนียน

4. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดี ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม 1 รางวัล ได้แก่ Smart Farm คนจน ต้นเขื่อนสิริกิติ์

5. รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ระดับก้าวหน้า (Advance)



              ปัญหาบนพื้นที่สูงเป็นปัญหาองค์รวม ที่ต้องแก้ไขทั้งระบบ ความสำเร็จของการทำงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความยั่งยืนเกิดจากทุกหน่วยงานร่วมใจและมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน และปรับตัวรองรับปัญหาต่าง ๆ ต่อไปได้เรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลง รางวัลที่ สวพส. ได้รับ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดและจะเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ชุมชน ตลอดจนหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดย สวพส. จะไม่หยุดพัฒนาองค์กรเพื่อความอยู่ดีมีสุขของชุมชนบนพื้นที่สูงสืบไป







5
เอสซีจีชวนชมสารคดี “The Rain Keepers” ฝีมือคนไทย ดีกรีโลก
เผยภารกิจ 3 ชุมชนพร้อมใจกู้วิกฤตน้ำท่วม-น้ำแล้งจาก “โลกเดือด”


              จากวิกฤติโลกเดือดที่ส่งผลให้อากาศแปรปรวน ประเทศไทยต้องเผชิญสภาวะ "เอลนีโญ" และ "ลานีญา" เกิดน้ำท่วมสลับฝนแล้ง ส่งผลให้เกษตรกร ซึ่งเป็นผู้พึ่งพา “น้ำ” ทำเกษตรกรรม ต้องปรับตัวให้อยู่รอด เอสซีจีจับมือกับบริษัท ป่าใหญ่ครีเอชั่น จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีระดับโลก ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราว 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของไทย ที่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้ปัญหาน้ำท่วมรุนแรงและภัยแล้งแรมเดือน เพื่อ “สู้” ให้อยู่รอด มุ่งหวังให้คนไทยเห็นความสำคัญของทรัพยกร “น้ำ” โดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า วางแผน กักเก็บ และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

              "The Rain Keepers" ภาพยนต์สารคดีดีกรีระดับโลกฝีมือคนไทย ที่ให้ความรู้ผสมผสานการสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านความเเข็งเเกร่งของ 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของประเทศที่ทำอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ บ้านแป้น จ.ลำปาง บ้านป่าเป้ง จ.ขอนแก่น และบ้านมาบจันทร์ จ.ระยอง เเต่ต้องเผชิญปัญหาภัยเเล้งเเละน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากปัญหาความเเปรปรวนในสภาวะโลกเดือด โดยสะท้อนให้เห็นความพยายามตามล่าหา “น้ำ” ทรัพยากรล้ำค่าในการใช้ชีวิต โดยมี “ผู้นำชุมชน” ที่ปลุกขวัญกำลังใจชาวบ้านให้ลุกขึ้นมา “สู้” ร่วมมือทุ่มเทแรงกายเเรงใจ เอาชนะปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ต้องอาศัยทั้งความเชื่อ ภูมิปัญญา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เเละความร่วมมือมาผนวกกัน เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหา เเละเร่งเตรียมตัวให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนเเปลงที่คาดการณ์ไม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของชุมชน

              มาร่วมลุ้นเเละให้กำลังใจ 3 ชุมชนเล็ก ๆ ในการกู้วิกฤตระดับโลก ใน "The Rain Keepers" ได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ VIPA https://bit.ly/4e2qtqz และทางช่อไทยพีบีเอส ในวันที่ 12 ตุลาคม 2567 เเล้วคุณจะตระหนักได้ว่า ปัญหาน้ำไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เเต่ “น้ำคือชีวิต” ของเราทุกคน
6
“ทรูโฟร์ยู ช่อง 24” ชวนไปฟินกับ 4 หนังดังยอดฮิต ที่คุณต้องดู !!


              “สุดสัปดาห์นี้ เตรียมพบกับโปรแกรมหนังดังสุดฟิน ที่ยังคงเติมเต็มเข้ามาแบบแน่น ๆ เช่นเคย กับ 4 หนังดังแนวโรแมนติก สยองขวัญ คอมเมดี้ และแอคชั่นที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ได้คัดสรรมาให้คุณผู้ชมได้สนุกและตื่นเต้นไปพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 21 กันยายนนี้ และทาง https://true4u.com/live








              เริ่มด้วย ‘สูบกู้คู่โลก” เวลา 6.00 น. พบกับ “จ๊อด” (หม่ำ จ๊กมก) และ “อี๊ด” (เปิ้ล นาคร) คู่หูเจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์ที่กำลังถูกตามล่าจากเจ้าหนี้ ทั้งคู่ต้องหาวิธีหาเงินชดใช้หนี้สินอันท่วมหัว ในขณะเดียวกัน หลานชายของพวกเขา “ป๋อง” (ภูมิ รังษีธนานนท์) ที่เคยเป็นหนุ่มเกเรกลับกลายเป็นชายหนุ่มเรียบร้อยและกลายเป็นขวัญใจของสาวพาณิชย์ ต่อด้วย อุกกาบาต เวลา 8.30 น. ว่าด้วยเรื่องของอุกกาบาตพุ่งตกลงมา ณ สุสานร้างในภาคเหนือของไทย ที่มาพร้อมการเกิดของทารกชายสองคน คนแรกคือ “โอม” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ที่เติบโตขึ้นมาเป็นจิตแพทย์ ส่วนอีกคนคือ “การิน” (ภาณุ สุวรรณโณ) ที่มีพลังเหนือธรรมชาติและใช้พลังนี้ในการแก้แค้นชาวบ้านที่เคยขับไล่มารดาของเขา ในช่วงเวลา 17.00 น. ไปสนุกกันต่อกับภาพยนตร์ “ไลโอโคตรแย้ยักษ์” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น-ผจญภัย-ระทึกขวัญที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดยักษ์ในดินแดนแห้งแล้งของจังหวัดเลย หายนะเริ่มขึ้นเมื่อมีกลุ่มคนพยายามขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง แต่การขุดเจาะนี้กลับปลุกสัตว์ประหลาดยักษ์ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินตื่นขึ้นมา ตบท้ายด้วยภาพยนตร์
“แสงกระสือ 2” เวลา 19.00 น. หนังบอกเล่าเรื่อง น้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขามีคนรักและเชื้อกระสือที่เคยอยู่ในรอยจูบถ่ายทอดสู่ลูกสาว ชื่อว่า สาว (นิ้ง ชัญญา แม็คคลอรีย์) น้อยต้องหาทางยับยั้งไม่ให้สาวกลายร่างเป็นกระสือ ด้วยยาสมุนไพรที่สกัดจากว่านกระสือ ในระหว่างนั้นสาวได้รู้จักกับ คล้าว (เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) เด็กเผือกที่มีพลังวิเศษ จนกลายเป็นความรักระหว่างคนกับกระสือ
7
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดบ้าน ฉลองสำนักงานใหญ่แห่งใหม่
เดินหน้าสร้างการเติบโตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

(จากซ้าย)นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน,มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia, มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย,นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และ นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตัดริบบิ้นเปิดงาน

              เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดงานเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) อาคารมิกซ์ยูสระดับพรีเมียมแห่งใหม่ ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่ถูกออกแบบมารองรับการทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ Hybrid Work Model พร้อมดึงเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรสู่การทำงานในยุค Digital Transformation และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าแบบไร้รอยต่อ


นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์

              นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “สำหรับการย้ายสำนักงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม โดยเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ในสำนักงานแห่งใหม่ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) นี้ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด Hybrid Work Model ตอบโจทย์การทำงานของบุคลากรและการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่ยุค Digital transformation พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน และยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ


มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย


มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia

              อีกทั้ง เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จไปอีกขั้น พร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจ และเสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว รวมถึงทำให้พนักงาน พันธมิตร และลูกค้าของเรา ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และร่วมก้าวสู่อนาคตของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ไปพร้อมกัน”


นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์


              โดยในงานเปิดสำนักงานใหญ่ ได้รับเกียรติจาก มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ร่วมทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและกล่าวแสดงความยินดี โดยมี นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คณะผู้บริหาร และพนักงาน ให้การต้อนรับ


สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) พร้อมด้วย คณะกรรมการ และคณะผู้บริหารเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์


              โดยในโอกาสพิเศษนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ทำพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช พร้อมทั้งได้นิมนต์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานของเจนเนอราลี่ อีกทั้งยังได้มอบน้ำดื่ม พร้อมของใช้จำเป็นให้แก่ตัวแทนชุมชน ได้แก่ มูลนิธิไครสต์เชิร์ช, สำนักงานเขตบางรัก และ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์ค สีลม













8
เครื่องหอมบ้านเปี่ยมเสน่ห์ Maison Berger Paris คอลเลคชัน Terra
เรียบหรู สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาเซ็นทรัล ชิดลม


              การก้าวเข้าสู่บ้านที่มีกลิ่นหอมละมุนของน้ำหอมบริสุทธิ์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญอันสั่งสมมานานหลายศตวรรษ จะไม่ใช่เพียงแค่กลิ่นหอมทั่วไป แต่เป็นผลงานศิลปะที่คัดสรรมาอย่างดี เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใครจาก Maison Berger Paris สะท้อนถึงความรู้ความชำนาญแบบฝรั่งเศสที่ได้เป็นชิ้นงานตกแต่งบ้านมาตลอดหลายชั่วอายุคน


              ประสบการณ์แสนพิเศษนี้เข้าถึงได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะต้องการเติมความสดชื่นให้กับพื้นที่อยู่อาศัย เพิ่มความหรูหราให้กับมุมส่วนตัว หรือค้นหาของขวัญที่สมบูรณ์แบบ สามารถเอื้อมถึงได้ด้วยข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะร้าน Maison Berger Paris สาขาเซ็นทรัล ชิดลม กับคอลเลคชัน Terra


              Terra Collection มีให้เลือก 2 ชุด ได้แก่ ชุดตะเกียงน้ำหอมสุดโมเดิร์นด้วยรูปทรงสามเหลี่ยมกลับหัว สีแดง (Terra Rouge) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Black Angelica ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นหอมแสนลึกลับของดอกไม้เปี่ยมเสน่ห์ และ สีดำ (Terra Noire) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Wilderness ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นสดชื่นเสมือนได้เดินทางสัมผัสโลกและสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ โปรโมชันลดพิเศษ 30% Terra Collection ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2567 ที่ร้าน Maison Berger Paris สาขา เซ็นทรัล ชิดลม

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน Maison Berger Paris และช่องทางออนไลน์ Facebook: MaisonBergerThailand, LINE: @maisonbergerthai, IG: maisonbergerthailand, www.maisonbergerthailand.com, Lazada, Shopee, ShopSabuy และ Tiktok หรือ โทร. 02-672-2088
9
สวพส. หนุนชุมชนห้วยก้างปลา “ปลูกผักปลอดภัย รายได้งาม ตามพื้นที่ที่ดินจำกัด”


              เป้าหมายในการขยายผลสำเร็จโครงการหลวงภายใต้การดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เพื่อพัฒนาให้ชุมชนบนพื้นที่สูงอยู่ดีมีสุขอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และการพัฒนาแบบองค์รวม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของพื้นที่ มุ่งเน้นการส่งเสริมพืชทางเลือกใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ทำกินร่วมกับกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการปลูกผักอินทรีย์ ส่งผลให้ “ชุมชนห้วยก้างปลา” เป็นชุมชนต้นแบบในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มศักยภาพ


              โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา มีพื้นที่ดำเนินงานตามขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำจันครอบคลุม 9 หมู่บ้าน ของตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ประชากรประกอบด้วย ชนเผ่าลีซู ลาหู่ อาข่า เมี่ยน จีน ลั๊วะ และคนเมือง อุปสรรคของการพัฒนาคือ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีการถือครองที่ดินค่อนข้างจำกัดเฉลี่ย 2-5 ไร่ต่อครัวเรือนและชาวบ้านมากกว่า 278 ครัวเรือน ไม่มีที่ดินทำกิน ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพียง 25,000 บาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ภายในครอบครัว


              นายประสิทธ์ วงศ์ผา หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา  สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า สวพส. ได้ใช้กลไกเชิงนโยบายที่เอื้อต่อกระบวนการมีส่วนร่วม อาศัยองค์ความรู้ตามแนวทางโครงการหลวง ขับเคลื่อนด้วยการจัดทำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่ เกิดกระบวนการจัดการความรู้แก้ไขปัญหาการมีพื้นที่ทำกินจำกัดของชุมชนโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนระบบการทำเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นระบบเกษตรประณีต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกผักในโรงเรือนในระบบปลอดภัยและระบบอินทรีย์ ร่วมกับการพัฒนากลุ่มเกษตรกรภายใต้ชื่อ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน” เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการตลาดทำให้ปัจจุบันพื้นที่ “ห้วยก้างปลา” เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยครอบครัวละ 76,000 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้ จากการจำหน่ายผักอินทรีย์ประมาณ 2.4 ล้านบาท โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจันเป็นแกนหลักที่เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการบริหารจัดการตลาด สามารถสร้างตราผลิตภัณฑ์ชุมชน โอบดอย ออร์แกนิค ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่คนในชุมชนสามารถนำมาถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงอื่นๆ ด้วย


              นายเกาชิง แซ่กง เกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา กล่าวว่า เมื่อก่อนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลักมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งรายได้ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัวและยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา โดยทำผักเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก อาทิ คะน้าฮ่องกง เบบี้ฮ่องเต้ ผักกาดหอม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 โรงเรือน สามารถสร้างรายได้ประมาณ 5,250 บาทต่อรอบต่อ 1 โรงเรือน หรือประมาณ 200,000 บาทต่อปี นอกจากนั้นยังเลี้ยงหมูหลุมเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยไว้ใช้เอง ลดการซื้อปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปัจจุบันได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน และนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับบริษัท รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ โอบดอย ออร์แกนิค ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่ม ครอบครัวและชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้และมีภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง











10
1 - 12 ตุลาคม 2567
อร่อยฟินอิ่มบุญสไตล์ คาเฟ่ แคนทารี


               1 - 12 ตุลาคม 2567 คาเฟ่ แคนทารี ต้อนรับเทศกาลกินเจ ด้วยเมนูแสนอร่อย พร้อมเชิญชวนทุกท่านร่วมอิ่มบุญ และอิ่มอร่อยไปกับการละเว้นจากการทานเนื้อสัตว์ พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มสูตรเจสุดพิเศษ อาทิ “สปาเกตตี ซอสโบโลเนสเต้าหู้” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “สเต๊กเต้าหู้ชุบเกล็ดขนมปังทอด” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “อุด้งญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 185 บาท) และ “สลัดญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขาอยุธยา, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา ระยอง และ ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์)



               พลาดไม่ได้กับเมนูของหวาน เบเกอรี่อบสดใหม่และเครื่องดื่มสูตรเจ หลากหลายความอร่อย อาทิ “วาฟเฟิลฟักทอง” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) วาฟเฟิลฟักทองเนื้อนุ่ม สูตรพิเศษของคาเฟ่ แคนทารี เสิร์ฟพร้อมโคโคนัทครีมซอสและไซรัป อร่อยฟินและอิ่มบุญตลอดเทศกาลกินเจ ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขา เชียงใหม่, เกาะยาวน้อย, โคราช, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา, ระยอง,  ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์),อยุธยา และคาเฟ่ แคนทารี คอนเนอร์ สาขาคลาสสิค คามิโอ อยุธยา
Pages: [1] 2 3 ... 10