Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
คณะกรรมการ สบพ. ชุดใหม่เข้าเยี่ยมชมกิจการ สบพ. พร้อมขับเคลื่อนองค์กรขานรับนโยบาย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)


เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงาน สบพ. ร่วมให้การต้อนรับ พลเอก ดร.ดิเรก ดีประเสริฐ ประธานกรรมการ และคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือนชุดใหม่ ในโอกาสเข้ารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจ บทบาท ผลการดำเนินงานในการผลิตและพัฒนาบุคลากรตามมาตรฐานสากล ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้เยี่ยมชมห้องฝึกปฏิบัติการของสถาบันการบินพลเรือน ณ สบพ. กรุงเทพฯ






 สำหรับคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน ชุดปัจจุบันประกอบด้วย

1. พลเอก ดร.ดิเรก ดีประเสริฐ ประธานกรรมการ
2. ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ เพียรมนกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
3. ดร.ดรุฒ คำวิชิตธนาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
4. พลอากาศเอก พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร กรรมการผู้แทนกองทัพอากาศ
5. ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ กรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคม
6. นายณรงค์ อรุณภาคมงคล กรรมการผู้แทนกรมท่าอากาศยาน
7. นายวิทย์วศิน เรียนวัฒนา กรรมการผู้แทนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
8. นายเจตน์ เมืองครุธ กรรมการ ผู้แทน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
9. นาวาอากาศตรี ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ กรรมการ ผู้แทน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
10. นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
11. นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย กรรมการและเลขานุการ




ภายหลังการรับฟังการบรรยายสรุปคณะกรรมการได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะความสำเร็จในการผ่านการตรวจประเมินให้เป็นสถาบันฝึกอบรมของโลกในสมาชิกระดับ Platinum ซึ่งเป็น 1 ใน 9 แห่งจากจำนวน 128 สถาบันใน 77 ประเทศทั่วโลก และเป็น 1 ใน 4 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตามโครงการ ICAO TRAINAIR PLUS นอกจากนี้ ยังพร้อมรับนโยบายท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรีในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล สถาบันการบินพลเรือน ในการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในหน่วยงานเพิ่มเติม  การบูรณาการพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถของผู้ปฏิบัติงานทีเกี่ยวข้องด้านการบิน ให้มีหัวใจในการให้บริการ ตามนโยบาย “ราชรถยิ้ม"

การบูรณาการในการผลิตบุคลากรการบินร่วมกับสถาบันการบินของประเทศอื่น ให้เพียงพอรองรับการกลับมาของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต การพัฒนาหลักสูตรการบินและการฝึกอบรมเพื่อรองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการพัฒนาอาคารสถานที่ตามแผนการพัฒนาศูนย์ฝึกการบิน  การเตรียมบุคลากร ครูการบิน เครื่องบิน และเครื่องฝึกบินจำลอง เป็นต้น  ซึ่งถือเป็นการขานรับวิสัยทัศน์ Thailand Vision ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในการยกระดับศักยภาพด้านการบินของประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค

ในการนี้ ได้มอบนโยบายให้ สบพ.นำเสนอภาพแห่งความสำเร็จที่ได้เป็นสถาบันฝึกอบรมที่มีมาตรฐานระดับโลกไปขยายผล โดยเฉพาะการทำความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตบุคลากรการบินที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากลให้เพียงพอกับความต้องการของหน่วยงานในอุตสาหกรรมการบิน  และเพิ่มการประชาสัมพันธ์บทบาทและภารกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อมวลชน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสบพ.ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
2
สุดมันสฺ์ ! ดุเดือดจริง ๆ ลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ "กิตติพงศ์ เจียน เฮา โฮ" เผด็จศึก ป้องกันแชมป์ ABF สำเร็จ


             กิตติพงศ์ เจียร เห่า โฮ ไล่ถลุงน็อคง่ายดายแค่ยกแรก ธนวัฒน์ มานพชัยยิม ปัองกันแชมป์ รุ่นซุปเปอรฺ์มิดเดิลเวท 168 ปอนด์ ไว้ได้สวยหรู ด้านสาวสวยตอมแกร่งจากฮ่องกง ฮิน ติง ชาน ชนะคะแนน วิสุตา สิงห์มนัสศักดิ์ ขาดลอยป้องกันแชมปฺ์ 2 สถาบันรุ่นไลท์ฟลายเวท 108 ปอนด์ ไว้ได้สุดประทับใจแฟนมวยชาวไทยและะต่างชาติที่เข้ามาชม


             ศึก NARIS HIGHLAND SPACEPLUS BOXING PROMOTIONS เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นายนริส สิงห์วังชา เป็นประธานที่ปรึกษาและประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF พร้อมด้วย สองคู่เขยยอดโปรโมเตอร์ชั้นนำ นายศุภณัฐ จันทร์แรม และ Brico Santig ซึ่งรายการศึก NARIS HIGHLAND SPACEPLUS BOXING PROMOTIONS เป็นการป้องกันแชมป์ 3 เส้น 4 สถาบัน และ ชิงแชมป์ 2 เส้น 2 สถาบัน


             โดยคู่ไฮไลท์ของรายการเป็นการป้องกันแชมป์ WBA Asia รุ่นไลท์ฟลายเวท 108 ปอนด์ 10 ยก สาวสวยจอมแกร่งจากฮ่องกง ฮน ติน ชาน ชกกับ ผู้ท้าชิงดาวรุ่งพุ่งแรงจากไทย วิสุตา สิงห์มนัสศักดิ์ เกมส์การชก ฮิน ติง ชาน เดินรุกไล่ต่อยตัดลำตัวและใบหน้า ด้าน วิสุตา ก็ตอบโต้ได้ทันฟันแม้ตัวจะเล็กกว่าก็สู้อย่างประทับใจแฟนมวยทั้งสนามครบ 10 ยก ฮิน ติง ชาน ชนะแนนขาดลอยป้องกันแชมป์เอาไว้ได้


             ด้านนักชกลูกครึ่งไทย--สิงคโปร์ กิตติพงศ์ เจียน เห่า โฮ เป็นการป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นมิดเดิลเวท 168 ปอนด์ 10 ยก กับนักชกไทย ธณวัฒน์ มานพชัยยิม เกมส์จบลงเร็วเกินคาดแค่ยกแรก เมื่อ กิตติพงศ์ ฮุคขวาตรงเข้าปลาคาง  ธนวัฒน์ ร่วงไปกองกับพื้นเวทีกรรมการนับ 8 ชกต่อได้ กิตติพงศ์ ไม่ปล่อยโอกาสเดินเข้าต่อยตัวพร้อมกับฮุคขวาเข้าลำตัวลงไปนอนปล่อยให้กรรมการนับ 10 ไปแบบหมดทางสู้แค่ยกแรกป้องกันแชมป์ไว้ได้สวยงาม


             คู่ต่อมาป้องกันแชมป์สองสถาบัน WBF, WIBF รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ แองเจลีน่า ลูคัส จากคาซัคสถาน พบกับผู้ท้าชิงเมืองโรตี มันตาซิง นักชกจากอินเดีย แองเจลีน่า เน้นทั้งใบหน้าและตัวจนสาวจากอินเดียทิ้งตัวให้กรรมนับ 10 ทำให้ แองเจลิน่า ชนะทีเคโอยก 5


             ด้านชิงแชมป์ว่าง WBC Asia รุ่นมิดเดิลเวท 160 ปอนด์ วิคเตอร์ นัคเบ้ เจ้าของแชมป์จากอิสเตรเลีย ไล่ถล่มน็อค ลัทวุฒิ ทองอร่าม แบบง่ายดายแค่ยกแรกป้องกันแชมป์ไว้ได้

             ป้องกันแชมป์ รุ่นเซอร์เวท 220 ปอนด์ ทาเยล จาฟารอฟ จากอาเซอร์ใบจัน ชนะทีเคโอยก1คิงส์ ฟาส จากอินโดนีเซีย




             ด้านคู่แรกรายการอุ่นเครื่อง 4 ยก เฮอร์แมน เอเน่ เพอร์เซล จากอิสเตรเลีย ชนะทีเคโอยก 1

             อุ่นเครื่อง 6 ยก ลูซิน้า ฮิวตัน ชนะทีเคโอยก 1 อิสรา วิเศษวงศ์สา

             อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เวท 140 ปอนด์ ซิงเวียง โจ ชนะทีเคโอยก 1 สุนทร สิงห็มนัสศักดิ์ยิม




             ประทับใจแฟนมวยชาวไทยและะต่างชาติที่เข้ามาชม สำหรับ ศึก NARIS HIGHLAND SPACEPLUS BOXING PROMOTIONS พร้อมระเบิดความมันส์และดุเดือด กับคู่มวยสุดโหดเต็มเวที ในวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2567 ณ.เวทีมวยชั่วคราว Spaceplus Plaza รัชดา พร้อมเร้าใจกับคู่มวยความมันส์ที่แฟนคอมวยต้องไม่พลาด
3
พานาโซนิค เปิดตัวไดร์เป่าผมใหม่ “นาโนแคร์ EH-NA0J”
ไดร์เป่าผมรุ่นท็อปตัวดัง ที่มาพร้อมพลังนาโนอี มอยสเจอร์พลัส ผมชุ่มชื้นกว่าเดิม 18 เท่า


              พานาโซนิค เปิดตัวไดร์เป่าผมท็อปซีรีส์รุ่นล่าสุด “Panasonic nanocare EH-NA0J” กับพลัง “นาโนอี มอยส์เจอร์พลัส” (nanoe™ MOISTURE+) ที่สุดของเทคโนโลยีเฉพาะของพานาโซนิค ที่จะช่วยมอบประสบการณ์ขั้นสุดแห่งการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า* เอาใจคนทำสีผม  ชะลอการเฝดสีของเส้นผม และโหมดบิวตี้เป่าผิวหน้าเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้นสวยฉ่ำ ดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย กะทัดรัด น้ำหนักเบา ตอบโจทย์เหล่าแฟชั่นนิสต้าที่มีไลฟ์สไตล์ และหลงใหลการดูแลตัวเอง




              ภายในงานได้นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง กว่า 20 ท่าน อาทิ ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ อายตา-ศรสวรรค์ ใจมั่น, ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ, บีม-สรีดา ประสิทธิ์ดำรง, โจ้แฮร์, แอมมี่ กิติยา พร้อมด้วย ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา (ก้อง Hive Salon) ท็อปแฮร์สไตลิสท์เมืองไทย มาร่วมเปิดประสบการณ์พร้อมสัมผัสพลังนาโนอี มอยส์เจอร์พลัสจาก “Panasonic nanocare EH-NA0J”

 


              สำหรับผลิตภัณฑ์ไดร์เป่าผม “Panasonic nanocare EH-NA0J” ถูกพัฒนาขึ้นจากไลฟ์สไตล์ด้านความงามของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะพานาโซนิค “นาโนอี มอยส์เจอร์พลัส” (nanoe™ MOISTURE+) และ Mineral ช่วยดูแลเส้นผมให้ชุ่มชื้น ได้มากกว่าเดิมมากถึง 18 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พร้อมป้องกันสีผมซีดจางและเสียจากการทำสี ช่วยให้เส้นผมมีชีวิตชีวา และมีสุขภาพดีเมื่อใช้เป็นประจำ ปกป้องเส้นผมจากความร้อนที่มากเกินไป เป่าผมให้แห้งไวอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายด้วยกระแสลมอ่อนโยนที่อุณหภูมิ 50°C ช่วยให้ดูแลหนังศีรษะได้ดีขึ้น พร้อมโหมดดูแลผิว เติมน้ำผิวหน้าหลังการอาบน้ำ เพื่อผิวนุ่มละมุนและเพิ่มความชุ่มชื้นต่อผิวได้มากถึง 70%




              ด้านการดีไซน์ตัวผลิตภัณฑ์เน้นคอนเซ็ปต์ความเรียบง่าย ทันสมัย ออกแบบมาให้เอื้อต่อการใช้งาน น้ำหนักเบาเพียง 460 กรัม ขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการจัดเก็บ และสะดวกพกพาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่สำคัญมีเสียงเบาไม่รบกวนคนรอบข้าง อีกทั้งยังผลิตด้วยเทคโนโลยี Zero waste ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม






              “Panasonic nanocare EH-NA0J” มาพร้อมอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม 4 ชิ้น ได้แก่ หัวเป่าแบบแห้งเร็ว(ในตัว) ทำให้ผมของคุณแห้งอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งช่วยแยกผมเปียกออกอย่างอ่อนโยน, ดิฟฟิวเซอร์ เพิ่มลอนผมด้วยลมที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มวอลลุ่มจากโคนผมเพื่อให้ได้ลอนผมที่นุ่มสลวย หัวเป่าเฉพาะจุด เหมาะสำหรับการจัดแต่งทรงผมเข้าถึงพื้นที่เฉพาะได้อย่างง่ายด้วยลมที่กว้างและนุ่มนวล และหัวเป่าเพิ่มอากาศ ด้วยกระแสลมที่เน้นไปที่โคนผม เหมาะสำหรับผมหนาหรือบริเวณที่แห้งยาก






              สัมผัสพลังนาโนอี มอยส์เจอร์พลัส จาก “Panasonic nanocare EH-NA0J” ไปพร้อมกันได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป จำหน่ายในราคา 10,900 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์พานาโซนิคโทร 02-729-9000 กด 2 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.panasonic.com/th/
4
ดีพีเวิลด์ ทัวร์ สร้างแรงบันดาลใจนักกอล์ฟสู่เวทีระดับโลก


กิรเดช อภิบาลรัตน์

25 เมษายน 2567 – ความร่วมมือระหว่างดีพีเวิลด์ ทัวร์ และทัวร์กอล์ฟอาชีพในภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นเส้นทางใหม่ในการพัฒนากีฬากอล์ฟและสร้างแรงบันดาลใจกับนักกอล์ฟดาวรุ่งของเอเชีย มุ่งสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างพีจีเอทัวร์ ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟชื่อดังของไทย หวังครองแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ เพื่อเป้าหมายกลับคืนสู่สังเวียนพีจีเอทัวร์ (ภาพ: Getty Images)           

โดยในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าการแข่งขันกอล์ฟ ดีพีเวิลด์ ทัวร์ จะชิงชัยกันที่ประเทศญี่ปุนและจีน ซึ่งเป็นหนึ่งของเอเชียน สวิง 4 รายการ ที่รวมสิงคโปร์และอินเดียด้วย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักกอล์ฟในสี่ประเทศนี้ ในการสานฝันก้าวสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น           

จากความร่วมมือกับเจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชั่น (เจจีทีโอ), โคเรียน พีจีเอทัวร์, สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศจีน และพีจีเอ ออฟ ออสเตรเลีย ให้สิทธิ์นักกอล์ฟมือหนึ่งของแต่ละทัวร์ เข้าร่วมแข่งขันในดีพีเวิลด์ ทัวร์ และผู้เล่นที่จบในท็อป 10 ของดีพีเวิลด์ ทัวร์ เรซ ทู ดูไบ (นอกเหนือจากผู้ที่ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว) จะได้รับพีจีเอ ทัวร์การ์ด ร่วมชิงชัยในเวทีพีจีเอ ทัวร์ ด้วย         

กาวิน กรีน โปรกอล์ฟจากมาเลเซีย ที่ร่วมแข่งขันในดีพีเวิลด์ ทัวร์ นับตั้งแต่ปี 2018 กล่าวว่า “แน่นอนว่า พีจีเอทัวร์ คือทัวร์กอล์ฟอาชีพที่ดีที่สุด ผมคิดว่าเด็กทุกคนที่เล่นกอล์ฟล้วนใฝ่ฝันถึงการเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ และการให้สิทธิ์นักกอล์ฟที่ทำผลงานใน 10 อันดับแรกของดีพีเวิลด์ ทัวร์ เข้าสู่พีจีเอทัวร์ คือแรงจูงใจที่ยอดเยี่ยม”         

การผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างดีพี เวิลด์ ทัวร์ และพีจีเอทัวร์ นอกจากเป็นการเพิ่มโอกาส เพิ่มเวทีการแข่งขัน และเพิ่มเงินรางวัลชิงชัย ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับระบบคุณธรรม เน้นความสามารถ ความเสมอภาค หากเล่นดีเป็นนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของประเทศ ก็จะได้เลื่อนชั้นไปเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ หรือยูโรเปี้ยน ทัวร์ เดิม ซึ่งมีโปรแกรมการแข่งขัน 44 รายการทั่วโลก ชิงชัยเงินรางวัลรวม 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากจบใน 10 อันดับแรกของดีพีเวิลด์ ทัวร์ แรงกิ้ง จะได้ตั๋วลุยพีจีเอทัวร์ต่อ


สำหรับการแข่งขันรายการ ไอเอสพีเอส ฮันดะ แชมเปี้ยนชิพ ที่โกเทมบะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ  ในสัปดาห์นี้ จะได้เห็น เคอิตะ นากาจิมะ อดีตนักกอล์ฟสมัครเล่นอันดับหนึ่งของโลก ลุ้นทำผลงานเพื่อคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ รายการที่สองของตัวเอง  หลังจากชนะเลิศรายการ ฮีโร่ อินเดียน โอเพ่น ด้วยการออกนำม้วนเดียวจบเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟชื่อดังของไทย รองแชมป์รายการ พอร์ช สิงคโปร์ คลาสสิค เข้าร่วมแข่งขันที่ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน         

โดยนากาจิมะ ตั้งเป้าคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในเวทีพีจีเอทัวร์ หลังจากได้แชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์  ในฤดูกาลนี้เช่นเดียวกับ ริยูกะ โฮชิโนะ เพื่อนร่วมชาติ ในรายของโฮชิโนะ ชนะที่กาตาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รองแชมป์อีกสองรายการ ทำให้ปัจจุบันรั้งอันดับ 2 ของตารางดีพีเวิลด์ ทัวร์ แรงกิ้ง

นากาจิมะ วัย 23 ปี เชื่อว่าเส้นทางใหม่สู่เวทีพีจีเอทัวร์ กลายเป็นแรงผลักดันให้กับนักกอล์ฟในภูมิภาคเอเชียในการไล่ล่าความฝัน สร้างประวัติศาสตร์และสร้างตำนานในเวทีระดับโลก           

“ผมขอบคุณเจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชั่น และดีพีเวิลด์ ทัวร์ การได้ทราบว่าหากจบฤดูกาลในอันดับ 1 ของตารางเงินรางวัลสะสมของเจแปน กอล์ฟ ทัวร์  จะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ ช่วยเพิ่มแรงจูงใจกับนักกอล์ฟพยายามทำผลงานให้ดีขึ้น นักกอล์ฟญี่ปุ่นหลายคนมองถึงโอกาสที่จะเข้ามาเล่นในดีพีเวิลด์ทัวร์ เพื่อเป็นบันไดสู่พีจีเอทัวร์ต่อไป ผมหวังว่าจะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่องและคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ได้สำเร็จ และเป็นตัวอย่างให้กับผู้เล่นญี่ปุ่นคนอื่นๆ ที่มีเป้าหมายแบบเดียวกัน” นากาจิมะ กล่าว         

ทางด้าน โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ที่เสียทัวร์การ์ดพีจีเอทัวร์เมื่อปี 2022 หลังจากเข้าร่วมแข่งขันในสหรัฐอเมริกา 4 ฤดูกาล ได้กลับมาลงเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ อย่างเต็มตัวเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และเริ่มกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งโดยได้รองแชมป์รายการ พอร์ช สิงคโปร์ คลาสสิค เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเจ้าตัวตั้งเป้าคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ รายการที่ 5 ในอาชีพ เพื่อปูทางกลับสู่สังเวียนพีจีเอทัวร์


กิรเดช เผยก่อนร่วมแข่งขันรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ แชมเปี้ยนชิพ ที่ญี่ปุ่น ในสัปดาห์นี้ว่า “เรื่องการกลับไปเล่นในพีจีเอทัวร์ ผมจะปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมแค่มุ่งมั่นกับการคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ อีกครั้ง การชนะในดีพีเวิลด์ ทัวร์ คือเป้าหมายของผมในฤดูกาลนี้ ผมเล่นได้ดีที่สิงคโปร์ และรู้สึกเหมือนกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง และเชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม”         

หลังจบการแข่งขันที่ญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าจะเป็นการแข่งขันรายการ วอลโว่ ไชนา โอเพ่น หวนคืนเวทีแข่งขันอีกครั้งหลังห่างหายไป 4 ปี โดยทั้ง หลี่ เห่าตง และหวู่ อาซุน ต่างตื่นเต้นที่จะได้กลับมาลงเล่นในประเทศบ้านเกิด         

สำหรับ หลี่ เห่าตง วัย 28 ปี คว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ มาแล้ว 3 รายการ จบอันดับ 3 กอล์ฟเมเจอร์ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2017 และเป็นนักกอล์ฟจีนคนแรกที่ติดทีมนานาชาติร่วมแข่งขันรายการเพรสซิเดนท์ส คัพ ในปี 2019  ทว่าสองปีที่ผ่านมาเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ผ่านตัดตัวหลายรายการ แต่ล่าสุดเริ่มส่งสัญญาณการกลับสู่ฟอร์มเดิม และมีโอกาสลุ้นคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ ซึ่งเจ้าตัวยังไม่เคยทำได้       

หลี่ เห่าตง กล่าวว่า “มีคนคอยให้การสนับสนุนและกำลังใจผมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆ ทุกคนพยายามบอกว่าผมมีดีและผมทำได้ ผมยังคิดถึงการคว้าแชมป์ครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อปี 2018 ในรายการดูไบ เดสเสิร์ท คลาสสิค ผมยังคงคิดถึงชัยชนะครั้งนั้นเสมอ หากผมทำงานหนักและยังไม่สามารถทำอะไรได้ ผมคงต้องหาอะไรอย่างอื่นทำ แต่ผลการแข่งขันบอกให้ผมเดินหน้าสู้ต่อไป”
         
หมายเหตุ: Chuah Choo Chiang ผู้เขียนเป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร – APAC ของ PGA Tour และประจำอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย แฟนกีฬากอล์ฟสามารถติดตามชมการแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ได้ทางทรูสปอร์ต 5
5
“ซัมมิท แคปปิตอล รักษ์โลก” ครั้งที่ 2 เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อความยั่งยืน
ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน


             เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรม “ซัมมิท แคปปิตอล รักษ์โลก” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงานและครอบครัว เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน เพิ่มพื้นที่ป่าโกงกางจำนวนกว่า 130 ต้น


             ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 30 ปี ชูแนวคิด “ขับเคลื่อนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” (Ride for BETTER) มีเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับกิจกรรม “ซัมมิท แคปปิตอล รักษ์โลก” ได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากทุกรายสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รวมไปถึงลูกค้าที่เปลี่ยนมารับบริการใบแจ้งยอดแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Statement) มาสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศของป่าชายเลนที่มีความสำคัญกับการดำรงชีวิตของชุมชนโดยรอบ สร้างความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งป่าชายเลนยังเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติที่ช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่งจากคลื่นลม และเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญ ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน




             30 ปี บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เราพร้อมขับเคลื่อน เพื่อชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทสินเชื่อรายย่อยที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ภายใต้แนวคิด “I TRUST” ที่ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ความผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว บริการที่ยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ของลูกค้า พันธมิตร ดีลเลอร์ ผู้ถือหุ้น องค์กรและสังคมส่วนรวม ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมไทย พร้อม ต่อยอด พัฒนา เพื่อเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยแนวคิดบริการด้วยใจและรอยยิ้ม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.summitcapital.co.th
6
แพลทินัม เชิญช้อปชิมผลไม้ไทยสดฉ่ำในงาน “Amazing Thai Fruit Freshtival”


ศูนย์การค้าแพลทินัม เชิญชิมเชิญช้อป ผลไม้ไทยสดฉ่ำจากสวนในงาน  Amazing Thai Fruit Freshtival รวมผลไม้ไทยมาให้ชิมช้อป มากมาย อาทิ ทุเรียน, เงาะ, มังคุด, สับปะรด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีผลไม้แปรรูป ผลไม้อบแห้ง, ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้, น้ำลำไยสด, น้ำผลไม้สกัด ตลอดจนอาหารนานาชาติหลากเมนู มากมาย ณ ลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าแพลทินัม ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 67


ติดตามรายละเอียดร้านค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจได้ที่ FB: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์

















7
TSPCA จัดประชุมสามัญประจำปี 2567 เตรียมความพร้อมสู่สามทศวรรษ“ สวัสดิภาพสัตว์”เพื่อก่อเกิด “สวัสดิภาพคน”




วันที่ 25 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร B.L.H. ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) จัดประชุมสามัญประจำปี เพื่อ รายงานผลการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานสรุปภาวะการเงิน การเลือกตั้งคณะกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชี และอื่นๆ




โดยมี รศ. น.สพ.ปานเทพ รัตนากร และคุณธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์  เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุม ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษา TSPCA  วาระปี 2567-2569 ดังนี้  คุณธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์ เป็นนายสมาคมฯ รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ดร.เดวิด ไลแมน รศ.นุชทิพย์ บรรจงศิลป์ เป็นอุปนายกสมาคมฯ น.สพ.ดร.อลงกรณ์ มหรรณพ ศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ไศละสูต น.สพ.ยันต์ สุขวงศ์ ว่าที่ ร.ต.สุรพล ดวงแข คุณสวรรค์ แสงบัลลังค์ คุณเจษฎา อนุจารี น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน คุณพรอัปสร นิลจินดา เป็นคณะกรรมการ  รศ.ดร.น.สพ.ศิวะพงษ์ สังข์ประดิษฐ์ กรรมการและปฎิคม  คุณอมร ชุมศรี กรรมการและนายทะเบียน คุณฌาร์ม โอสถานนท์ กรรมการและประชาสัมพันธ์ คุณปัทมา สารีบุตร กรรมการและเหรัญญิก โดยมี ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล ผู้อำนวยการและเลขาธิการ ในส่วนที่ปรึกษา เช่น คุณพิไลพรรณ สมบัติศิริ คุณกนิษฐ์ สารสิน คุณลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ คุณมาลินี แย้มวจี ดร.รัฐกานต์ วิชัยดิษฐ ดร.กิตติคุณ สารคล่อง ดร.ภมรชัย อภิชาตประคัลภ์ ดร.สุคนธา อรุณภู่ คุณกุลยา รัตนกิจรุ่งเรือง เป็นต้น


การนี้ได้มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม และแสดงความยินดีแด่ รศ.น.สพ. ปานเทพ รัตนากร อุปนายกสมาคมฯ  ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยคุณลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ นายกสมาคมสมาพันธ์นักข่าว(ประเทศไทย) เป็นผู้มอบ


ด้าน รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร อุปนายกสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และประธานในที่ประชุม กล่าวว่า การที่ส่วนตัวได้เข้าร่วมงานกับสมาคมฯมาจนถึงปีนี้ 2567 นับได้ 20 ปี ตรงกับ 3 ทศวรรษของสมาคมฯ ผมเห็นความเปลี่ยนแปลง พัฒนา ก้าวหน้า และเป็นที่พึ่งของสังคม ดังผลงานสำคัญๆ คือการผลักดัน ยกร่าง รณรงค์และรวบรวมเสียงประชาชนคนรักสัตว์ผลักดันจนเกิดกฎหมายเพื่อป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ใช้มาตราบจนทุกวันนี้ ยังผลให้มีการควบคุมและลงโทษผู้ฝ่าผืนสวัสดิภาพและทรมานสัตว์อย่างจริงจัง ลำพังกฎหมายข้อบังคับ ระเบียบ เท่านั้น ไม่เพียงพอ จำต้องมีการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกรัก และเมตตาต่อสัตว์ให้เกิดขึ้น มิใช่เฉพาะผู้ใหญ่  ทว่าจำเป็นต้องปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กๆ กิจกรรม “ลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์” จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นี้ ด้วยการริเริ่ม ผลักดัน สนับสนุน จนเป็นหลักสูตรที่ผ่านการรับรองในระดับชาติ ประกาศใช้เป็นหนึ่งในกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนอย่างเป็นทางการ และแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้หนึ่งในกฎของลูกเสือคือ “ต้องมีเมตตาต่อสัตว์” นั่นคือการสร้างคนที่จะเป็นอนาคตของชาติ เด็กและเยาวชนที่เข้าใจ ตระหนัก ประพฤติด้วยความเมตตาต่อสัตว์ ย่อมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตา กรุณาต่อผู้อื่น ยังความเป็นสุขแก่สังคม ไร้การทำทรมานแก่สัตว์


ผมประทับใจในองค์ประกอบของกรรมการของสมาคมฯ อนุกรรมการ ผู้ปฏิบัติงาน และอาสาสมัคร ล้วนมาจากความหลากหลายของสาขาวิชา ความรู้ ความสามารถ อาชีพต่างๆ จึงเป็นแหล่งรวมความรู้ ความคิดด้านสวัสดิภาพสัตว์ ที่มิใช่เชิงวิทยาศาสตร์ แต่มีนานาศาสตร์เข้ามาบูรณาการกันอย่างข้ามศาสตร์ ผลก็คือมีการคิด วิเคราะห์ วิพากษ์ ถกแถลง วางแผน และปฏิบัติการที่ตอบโจทย์ปัญหาอันมาจากการทรมานสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์อย่างทันท่วงที มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ สมาคมฯสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้และแนวคิดเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น เอกสารเผยแพร่ สื่อสาธารณะ กิจกรรมร่วมกับเครือข่ายคนรักสัตว์ และรายการต่างๆอย่างสม่ำเสมอมา ทำให้มีสถานะเป็นองค์กรด้านสัตว์ที่สามารถนำไปอ้างอิง เช่น การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการต่างๆ เป็นผู้สอนและผู้สอบนิสิต นักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาของหลายสถาบัน หรือการทำงานศึกษาวิจัย ฯลฯ


ปัญหาการปล่อยสัตว์ในวัด หน้าวัด และจับสัตว์มาขายเพื่อปล่อย (เอาบุญ) เหล่านี้ ถูกนำมาเป็นกิจกรรมหลักที่สมาคมฯรณรงค์และแก้ไขอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อลด ระงับการทรมานสัตว์เหล่านั้น ยังผลให้หน่วยงานศาสนาและองค์กรสงฆ์มีมติออกมาอย่างเป็นทางการให้ระงับกิจกรรมดังกล่าว แม้จะมีบางวัดที่ดำเนินการ แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่ไม่เข้มงวด  ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาคมฯ และประชาชนต้องร่วมด้วยช่วยกันเฝ้าระวังและช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานกันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เช่นเดียวกับการรณรงค์ไม่ทิ้งสัตว์ หมา แมว และสัตว์เลี้ยง อันจะเป็นบ่อเกิดแห่งสัตว์จรจัด อันเห็นได้จากภาพยนตร์สั้นคลิป วิดิทัศน์ รณรงค์ไม่ทิ้งสัตว์ที่สมาคมฯผลิตและเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ฯลฯ


กิจกรรมต่อตัวสัตว์เอง สมาคมฯมีโครงการที่ช่วยเหลือบรรดาสัตว์จรจัดไร้บ้าน บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการทรมาน สัตว์ที่ประสบภัยธรรมชาติ สัตว์ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วน ฯลฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การสนับสนุนอาหารสัตว์และการดูแลสุขภาพสัตว์แก่บ้านพักพิงสัตว์ สถานสงเคราะห์สัตว์ต่างๆ รวมถึงองค์กรเอกชนที่ทำสาธารณะประโยชน์แก่สัตว์อื่นๆ ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และตรวจสอบได้อีกด้วย




นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างภารกิจ กิจกรรม ผลงาน และผลสัมฤทธิ์ที่สมาคมเล็กๆสมาคมหนึ่งได้บำเพ็ญมาโดยตลอดเพื่อประโยชน์สุขของสัตว์ มนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเลยสำหรับการแก้ปัญหาทั้งหลาย ยังต้องใช้เวลา และการสนับสนุนเพื่อเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ผมมั่นใจและหวังว่าจะอีกกี่ทศวรรษก็ตามสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย หรือ TSPCA จักคงดำเนินงานอยู่เพื่อบรรลุเป้าหมายของ “สวัสดิภาพสัตว์” เพื่อก่อเกิด “สวัสดิภาพคน” ตลอดไป
8
ไอเป็นเลือด อาจเป็นเรื่องร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้

ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์
ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล


              ภาวะไอเป็นเลือด อาจเป็นเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยละเอียดเสียก่อน  อาการไอเป็นเลือดนั้นมักเกิดจากที่เส้นเลือดที่เลี้ยงบริเวณหลอดลม มีอาการอักเสบและแตก โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ออกมา โดยส่วนมากมักเริ่มมาจากมีเสมหะปนเลือดจนกระทั่งออกมาเป็นแก้ว หรือมีปริมาณมาก ๆ จนน่าตกใจ ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่มีภาวะไอเป็นเลือดและมีเลือดออกมากกว่า 200 มิลลิตรต่อครั้ง ถือว่ามีความเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสสำลักและติดเชื้อได้มากขึ้น


              ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกเฉพาะทางด้านผ่าตัดส่องกล้องจากโรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดอาการไอ ปอดติดเชื้อ จนไปถึง ไอเป็นเลือดได้ นอกจากปัญหาเรื่องฝุ่น สาเหตุของโรคนั้นอาจเป็นได้จาก หลอดลมอักเสบ หรือ ปอดติดเชื้อ หรือ วัณโรคปอด จนไปถึงมะเร็งปอด โดยหน้าที่ของแพทย์นั้น คงต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ฉะนั้นการวินิจฉัยต้องเริ่มตั้งแต่การซักประวัติ จนไปถึงการทำเอกซเรย์ปอดและการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อรักษาให้ตรงจุดได้


              การรักษาโรคไอเป็นเลือดนั้น โดยส่วนมากทำได้เพียงแค่ประคับประคอง เพื่อให้เส้นเลือดที่มีอาการอักเสบหยุดไปเอง แต่อย่างไรก็ตามในรายที่มีอาการไอเป็นเลือดที่รุนแรง อาจมีความจำเป็นต้องส่องกล้องไปหยุด (Bronchoscope) หรือทำการอุดหลอดเลือด (embolization) ในกรณีที่อุดหลอดเลือดไม่สำเร็จ การผ่าตัดจะเข้ามามีบทบาทในการรักษาอาการไอเป็นเลือด ซึ่งเป็นวิธีการรักษาสมัยใหม่ในปัจจุบัน


              การพัฒนาของเทคนิคการผ่าตัดปอดปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้หลักการจะคล้าย ๆ กัน แต่อุปกรณ์ที่ใช้หรือเทคนิคในการผ่าตัดจะมีความแตกต่างกัน การผ่าตัดแบบเปิดมักจะใช้เครื่องขนาดที่มือจับได้ มีบาดแผลขนาดใหญ่ ต้องใช้เครื่องไปถ่างขยายแผลบริเวณซี่โครงเพื่อเข้าไปทำการผ่าตัดปอด แต่การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ศัลยแพทย์จะมีแต่เครื่องมือที่ใส่เข้าไประหว่างช่องซี่โครงแทน ขอบเขตการให้บริการการผ่าตัดผ่านกล้องหรือที่เรียกว่า (VATS) Video assisted thoracoscopic surgery ถึงแม้การผ่าตัดส่องกล้องปอดจะค่อนข้างมีความหลากหลาย โดยเทคนิคเริ่มตั้งแต่การผ่าตัด แบบ 3-4 จุดจนมาถึงปัจจุบันที่มีการทำผ่าตัดส่องกล้องปอดโดยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบจุดเดียวหรือที่เรียกว่า Uniportal video assisted thoracoscopic surgery คือการผ่าตัดผ่านกล้อง ขนาด 3.5 เซนติเมตร แบบจุดเดียว โดยอุปกรณ์ทั้งหมด จะเข้าไปอยู่ในช่องเดียว และมองผ่านทางจอวีดีทัศน์ขณะทำการผ่าตัด โดยเป้าหมายนี้ทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเจาะผ่านหลายจุดและทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายให้น้อยที่สุด ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ซึ่งผู้ใดก็ตามที่มีอาการไอเป็นเลือด หรือ กำลังเข้ารับการผ่าตัดปอด สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่เพจเฟซบุ๊กผ่าตัดปอดโดยนายแพทย์ศิระหรือ Lineid:@lungsurgeryth
9
สจล. แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2
 ชู ค่านิยมองค์กร “FIGHT”  ขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก


อธิการบดี รองอธิการบดี ผอ.หน่วยงานของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2 ถึงแนวนโยบายการบริหารงานเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น The World Master of Innovation หรือ “ผู้นำนวัตกรรมระดับโลก” และการปรับเพิ่มหลักสูตรให้นักศึกษาเป็น global citizen รวมทั้งเรื่องสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวก โดยกิจกรรม มีผู้บริหาร คณบดี คณาจารย์ บุคลากรปัจจุบัน ผู้เกษียณ รวมทั้งตัวแทนนักศึกษา และศิษย์เก่าเข้าร่วมงานคับคั่ง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา


รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2 ว่า ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดี แนวทางการทำงานในระดับนโยบายยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อน ตามที่ให้คำมั่นไว้ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมามีหลายมิติที่ทำไปพร้อมกัน ได้แก่


มิติของสถาบัน คือ การขับเคลื่อนสู่ Digital Smart Green University ภายใต้หน่วยงานที่พร้อมทำงานเชิงรุก ได้แก่ SCIRA , KDMC ผสานพลังกับทีมกายภาพและสิ่งแวดล้อมของสถาบัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ใช้พลังงานทางเลือก ลดปริมาณขยะพลาสติก เพิ่มพื้นที่จอดรถ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย


มิติของการพัฒนาบุคลากร งานวิชาการ งานวิจัย คือ การวางแนวทางการดูแลบุคลากรทุกคนให้มีความก้าวหน้ามั่นคงในการทำงาน ทั้งสายวิชาการ และสายสนับสนุน รวมถึง การดูแลสวัสดิการ ชีวิตในฐานะครอบครัว พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ และสวัสดิ์การให้กับบุคลากร นักศึกษา ซึ่ง สจล. มีแนวทางทั้งการพัฒนาสนับสนุนงานวิจัยสู่นวัตกรรม และต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะการปั้น Holding Company ให้กับอาจารย์ที่มีผลงานและมีโอกาสก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการเช่นกัน


มิติของการการเรียนการสอน โดย สจล. ให้ความสำคัญกับการปรับและเพิ่มหลักสูตรให้นักศึกษาเป็น global citizen โดยจะมีการสร้างหลักสูตรทันสมัยตรงความต้องการของตลาดปรับได้ตลอดเวลา สนับสนุนการเรียนการสอน พัฒนาทักษะ เน้นการปฏิบัติจริง ผลักดันให้นักศึกษาเริ่มทำโปรเจค ตั้งแต่ ปี 1 เน้นทักษะการปฏิบัติ การแก้ปัญหา และการสร้างพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันของทุกคณะ ส่งเสริมนักศึกษาสู่การเป็นนวัตกร เป็นผู้ประกอบการ มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกได้


ซึ่งเรามีการขับเคลื่อนงานด้วยค่านิยมหลัก FIGHT คือ FUTURIST มุ่งสร้างอนาคต ผลิตนักศึกษา บัณฑิต ยกระดับสถาบันการศึกษาสู่ผู้นำด้านนวัตกรรม, Ignite เราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้ง re skills / up skills/ และสร้าง New Skills, Greatness คือ การรุกทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยศักยภาพของเรา และสร้างผลงานที่ดีที่สุด, Honor คือ การทำงานด้วยความเคารพกัน ให้เกียรติกัน, Team Spirit คือ การสร้างทีมทำงานที่แข็งแกร่งในทุกหน่วยงาน เราคือทีมเดียวกันพร้อมทำงานเชิงรุกอย่างเต็มที่ และมีความสุขไปด้วยกัน







10
SACIT ปลุกพลังกระตุ้นผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ GI เชิญชวนผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI
“SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft” เปิดเวทีงานออกแบบ Craft Design Pitching & Matching


สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ชวนผู้ผลิต หรือ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม กลุ่มสมาชิกของ สศท. ช่างฝีมือ ชุมชนหัตถกรรม ผู้ประกอบการทั่วไป ร่วมกับ นักออกแบบ ได้แก่ นักสร้างสรรค์ และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพร้อมบรรจุภัณฑ์ ผสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับนวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ มีมาตราฐานสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย เกิดคุณค่าและความยั่งยืน


นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย  กล่าวว่า โครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ กิจกรรม SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft ดำเนินการเป็น Craft Design Matching การจับคู่กันระหว่าง ผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI กับ นักออกแบบ โดยร่วมกันออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมบรรจุภัณฑ์ ที่เกิดจากการสืบสาน ต่อยอดองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิมที่ได้รับการต่อยอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น (From Root to Route) ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคุณรุ่นใหม่ให้มีความชัดเจนและพัฒนาให้เกิดความร่วมสมัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่สอดรับกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ในปีนี้ เราได้ออกแบบโครงการภายใต้แนวคิด


GI Smart Craft Combinations: คราฟต์ ผสมผสาน อย่างชาญฉลาด คือ การสร้างเครือข่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมให้เพิ่มมากขึ้น ระหว่าง กลุ่มผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการด้านศิลปหัตถกรรม และนักออกแบบ เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ วัสดุ วัตถุดิบ การทำสี และการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมยกระดับเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ให้สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ ภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราคาดหวังจะได้เห็นผลงานศิลปหัตถกรรมการออกแบบใหม่ ๆ ที่ฉีกกรอบเดิม และสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทุกผลงานที่ผ่านเข้ารอบและพัฒนาจะได้เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและทดสอบตลาด รวมถึงจัดทำหนังสือรวบรวมองค์ความรู้ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์

โครงการนี้ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้านร่วมพิจารณารอบคัดเลือก และรอบจับคู่ Pitching & Matching คณะกรรมการดำเนินการ พิจารณาข้อมูลเพื่อจับคู่ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม จำนวน 3 ราย ต่อนักออกแบบ จำนวน 1 ราย


ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและส่งสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ – 1 พฤษภาคม 2567 ผ่านทาง https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-04-19-17-44-37?event-project=1

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)
ที่อยู่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13290 ; โทรศัพท์. 0 3536 7054-9; โทรสาร. 0 3536 7050-1; สายด่วน. 1289; อีเมล.
info@sacit.or.th
Pages: [1] 2 3 ... 10